Smartphone – Page 3

โฆษณา Asus Zenfone โชว์ฟังก์ชั่น Smart Remove ลบชะนีออกจากภาพ เจาะกลุ่มเก้งกวางโดยเฉพาะ

ขอหยิบข่าว Android มาให้อ่านกันบ้างดีกว่า หลังจาก 2-3 วันที่ผ่านมามีแต่ข่าว Apple เต็มไปหมด

ไม่นานมานี้ Asus Zenfone ได้เปิดตัวในเมืองไทยไปเมื่อเดือนที่แล้ว (พฤษภาคม 57) และเริ่มทยอยวางจำหน่ายในรุ่นต่างๆ ทั้ง 3 รุ่น ซึ่งได้รับความสนใจมากพอสมควร ด้วยราคาที่ถูก และดีไซน์หรูหราดูดี ฟีเจอร์ครบ และเป็นสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่ใช้ซีพียู Intel Atom อีกด้วย จึงเป็นการเรียกกระแสได้ดีพอสมควร

แต่อะไรก็ไม่แรงเท่ากับโฆษณาตัวนี้ ที่นำเสนอฟีเจอร์ Smart Remove ซึ่งสามารถลบ น้องชะนีออกจากภาพให้หายไปในพริบตา หลังจากที่หนุ่มตี๋แอบชอบเพื่อนซี้หนุ่มที่ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ว่าแล้วก็ไปชมคลิปกันเองเลยดีกว่า

[youtube link=”http://youtu.be/NlWVCDrKMtU” width=”590″ height=”315″]

เป็นไงครับ ฟังก์ชันนี้คงได้ใจชาวเก้งกวางไปแบบเต็มร้อย เชื่อว่า Asus คงทำยอดขายจากลูกค้ากลุ่มนี้ ที่มีกำลังซื้อสูงได้ไม่น้อยเลยทีเดียวล่ะครับ

เปิดตัวแล้ว LG G3 เป๊ะทุกสิ่งอย่าง เข้าใจตรงกันนะ

เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับ LG G3 สมาร์ทโฟนเรือธงตัวล่าสุดจาก LG ซึ่งขอบอกว่าแทบไม่มีอะไรผิดโผ่ ไปจากข่าวลือและภาพหลุดที่ออกมาก่อนหน้านี้แบบไม่แคร์สื่อ ทั้งรูปลักษณ์ดีไซน์ และสเปกที่คาดกันเอาไว้

LG G3 หน้าจอ 5.5 Quad HD IPS ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล โดยมีความหนาแน่นของพิกเซลถึง 538 พิกเซลต่อนิ้ว ส่วนซีพียูก็หนีไม่พ้น quad core Qualcomm Snapdragon 801 ความเร็ว 2.5 GHz แรมมีให้เลือก 2 ขนาดคือ 2 GB กับ 3 GB รวมถึงหน่วยความจำก็มีให้เลือก 16 GB กับ 32 GB

กล้องหน้ามาพร้อมความละเอียด 2.1 ล้านพิกเซล แม้จะไม่มากแต่ก็มาพร้อมรูรับแสงที่กว้าง F2.0 ถ่ายเซฟฟีได้สว่างขึ้น ส่วนกล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล ซึ่งผมว่าไม่ได้ Wow เท่าที่ควรในเรื่องของความละเอียด แต่ LG ก็ได้ใส่ระบบกันภาพสั่นไหวแบบ OIS ที่ตัวชิ้นเลนส์ พร้อมด้วยระบบ Laser Auto Focus เพื่อช่วยโฟกัสภาพในที่มืดได้ดียิ่งขึ้น แต่ที่สำคัญคือตัวเลนส์สามารถโฟกัสได้เร็วถึง 0.276 วินาที

ชมคลิปรีวิว LG G3 (จาก Android Authority)
[youtube link=”http://youtu.be/xVXZzm_bjHE” width=”590″ height=”315″]

สำหรับฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาคือการใช้งานร่วมกับ QuickCircle Case โดยรองรับการชาร์จไร้สาย Wireless Charger ส่วนเรื่องของอินเตอร์เฟสการใช้งานก็ยังมีฟังก์ชั่น KnockCode, LG Content Lock ที่สามารถป้องกันการเข้าถึงไฟล์จากผู้อื่น, LG Kill Switch ที่สามารถปิดการเชื่อมต่อแบบรีโมทเข้ามาถึงตัวเครื่อง

นอกจากนั้นในงานเปิดตัวยังมีภาพเผยถึงอุปกรณ์เสริมที่ใช้งานร่วมกับ LG G3 หลายตัวด้วยกัน ทั้ง ที่ชาร์จไร้สาย, หูฟังบลูทูธ , LG G Pad รวมถึง G Watch ด้วย แต่ยังไม่มีรายละเอียดอะไรออกมามากนัก

ชมคลิปรีวิว LG QuickCircle Case น่าใช้เลยทีเดียว (จาก Android Authority)

[youtube link=”http://youtu.be/omLGUJUT_lQ” width=”590″ height=”315″]

สเปกคร่าวๆ ของ LG G3
ขนาด : 146.3 x 74.6 x 8.9 มม.
หน้าจอ : 5.5″ True HD-IPS+ ความละเอียด 1,440 x 2,560 พิกเซล, ความหน่าแน่นของพิกเซล 538ppi; กระจกกันรอยแบบ Gorilla Glass 3
ชิปเซ็ต : Snapdragon 801, quad-core Krait 400 สปีด 2.5GHz, Adreno 330, 2/3GB RAM (เลือกได้ 2 ขนาด)
ระบบปฏิบัติการ : Android 4.4.2; Optimus UI
กล้อง : 13 ล้านพิกเซล พร้อมระบบลดภาพสั่นไหว OIS , laser autofocus กล้องหน้า 2.1 ล้านพิกเซล
ถ่ายวิดีโอ : ความละเอียด 2160p
แบตเตอรี่ : 3,000mAh
หน่วยความจำ : 16GB/32GB (มีให้เลือก 2 ขนาด) ; เพิ่ม microSD ได้
การเชื่อมต่อ : รองรับ 4G Cat. 4 LTE (150Mbps down, 50Mbps up), Wi-Fi a/b/g/n/ac, Bluetooth 4.0
มี 5 สี : ขาว Silk White, ทอง Shine Gold, ม่วง Moon Violet, แดง Burgundy Red และ ดำ Metallic Black

LG G3 จะเริ่มวางขายพรุ่งนี้ในเกาหลีใต้ก่อนเป็นที่แรก ส่วนอีก 170 ประเทศทั่วโลกจะเริ่มทยอยวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้ ส่วนราคายังไม่เปิดเผยซะงั้น…

Source : Geeky Gadgets, gsmarena

Fast Charge Battery วิธีชาร์จแบตสมาร์ทโฟนให้เร็วทันใจในเวลาเร่งด่วน

เคยมั้ยที่เวลาคุณมีนัดสำคัญที่จะออกไปดินเนอร์หรือพบปะลูกค้าแล้วเตรียมทุกอย่างพร้อมทั้งเสื้อผ้าหน้าผม เป๊ะ! แต่เมื่อหันมาดูบนหน้าจอมือถือปรากฏว่าแบตเหลือไม่ถึง 20% OMG!!! แล้วจะทำยังไงดีหล่ะ จะให้พก PowerBank ไปด้วยก็ดูจะลำบากยุ่งยากเหรอเกิน เอางี้ครับผมมีทางออกมาให้กับวิธีเร่งสปีดชาร์จแบตให้เต็มอย่างรวดเร็ว ที่สำคัญปลอดภัยไม่ต้องกลัวว่ามือถือจะระเบิดคาที่ชาร์จ

วิธีแรกที่ง่ายที่สุดคือ เวลาชาร์จให้ปิดทุกการเชื่อมต่อ โดยการเปิด Airplane Mode หรือจะให้เร็วยิ่งกว่าก็ปิดเครื่องไปเลยก็ดี แล้วปล่อยให้ระบบชาร์จไฟเข้าอย่างเต็มที่โดยไม่มีอะไรมาลดทอนพลังงานไปในระหว่างชาร์จ

ควรชาร์จด้วยอะแดปเตอร์ ไม่ควรชาร์จผ่านพอร์ต USB บนคอมพิวเตอร์ เพราะโดยปกติพอร์ต USB 2.0 จะจ่ายกระแสไฟออกมาได้แค่ 0.5 แอมป์ หรือใครที่คิดว่าจะชาร์จผ่านพอร์ต USB 3.0 จะเร็วกว่า ก็ยังไม่ใช่ เพราะจ่ายกระแสออกมาแค่ 0.9 แอมป์ ดังนั้นยิ่งกระแสน้อยก็จะทำให้ชาร์จช้าลง ทางทีดีควรใช้ที่ชาร์จที่จ่ายกระแสได้มากกว่า 1 แอมป์ สำหรับชาร์จมือถือ แต่ถ้าเป็นแท็บเล็ตก็ไม่ควรต่ำกว่า 2 แอมป์

ชาร์จด้วยเครื่อง Mac สำหรับ iPhone และ iPad กรณีไม่ได้พกที่ชาร์จมา หากมีเครื่อง Mac รุ่นล่าสุดอยู่ ก็สามารถชาร์ตผ่านพอร์ต USB ได้ โดยมันสามารถตรวจจับว่าเป็นอุปกรณ์ iDevice ได้ แล้วจะปล่อยกระแสไฟออกไปชาร์จให้มากขึ้นเป็น 1.1 แอมป์

ใช้ซอฟต์แวร์ช่วยเพิ่มกระแสให้พอร์ต USB สำหรับ พีซีที่ใช้เมนบอร์ดบางยี่ห้อ อย่าง Asus จะมีฟังก์ชั่น Ai Charger ที่สามารถชาร์จ iPhone, iPod, iPad ให้เร็วขึ้นกว่าปกติได้ หรืออย่างเมนบอร์ดของ Gigabyte ก็จะมีระบบ Quick Charge แบบนี้มาให้ด้วยเช่นกัน

อีกทางเลือกหนึ่งคือใช้ตัวบูตกระแสจากพอร์ต USB โดยจะเป็นอุปกรณ์เหมือน Flash Drive เอาไว้เสียบที่พอร์ต USB ของคอมพิวเตอร์ เพื่อเพิ่มกระแส อย่างของ ChargeDr USB Charge Booster สามารถเพิ่มกระแสได้สูงสุดถึง 2.1 แอมป์ สามารถชาร์จมือถือได้เร็วขึ้น 2 เท่า และแท็บเล็ตเร็วขึ้น 4 เท่า ราคาอยู่ที่ประมาณ $20 เหรียญ

สุดท้ายลองหาสาย USB แบบพ่วง 2 หัว คล้ายกับสาย USB ที่ใช้กับ DVD External เพราะมันสามารถเสียบสาย USB ขนานกันได้ 2 พอร์ตพร้อมกัน เพื่อเพิ่มกระแสให้มากขึ้นในการชาร์จได้เร็วขึ้นอีกทางหนึ่ง

Source : Phonearena

ชมภาพหลุดของจริง เคส LG QuickCircle ถ่าย Selfie ได้โดยไม่ต้องเปิดฝา พร้อมสเปก LG G3

คือเรียกว่าหลุดลุ่ยกระจุยกระจาย สำหรับข่าวของ LG G3 คือถ้าจะมาเต็มซะขนาดนี้ เรียกว่าเปิดตัวไปเลยดีกว่ามั้ยครัสสส ล่าสุดมีภาพเคส LG QuickCircle ที่จะออกมาคู่กับ LG G3 โดยเฉพาะ โดยตามแหล่งข่าวอ้างว่าเป็นภาพจริงที่จะใช้เผยแพร่อย่างเป็นทางการในงานแถลงข่าวที่จะถึงในสัปดาห์หน้านี้ (27 พ.ค. 57)

สำหรับ LG QuickCircle นี่ได้ดีไซน์ฝาปิดด้านหน้าให้มีช่องแสดงผลเป็นวงกลมดูเก๋แปลกตาไปอีกแบบ มีให้เลือก 5 สี Metallic Black, Silk White, Shine Gold, Aqua Mint, Indian Pink

ทั้งนี้ชุดเคสดังกล่าวยังออกแบบให้รองรับกับ Wireless Charging หรือที่ชาร์จไร้สาย ให้กับ LG G3 นอกจากนี้ LG ยังได้เปิดให้นักพัฒนาสามารถพัฒนาแอพพลิเคชั่นของตัวเองให้รองรับกับการแสดงผลร่วมกับ QuickCircle เคสได้อีกด้วย ที่สำคัญมันออกแบบมาให้รองรับการถ่ายรูปแบบ Selfie โดยไม่ต้องเปิดเคสขึ้นมา ลองชมคลิป ว่ามันเจ๋งแค่ไหน

[youtube link=”http://www.youtube.com/watch?v=AVtZAPjOcBI” width=”590″ height=”315″]

สำหรับสเปกมีการพบภาพหลุดจากสื่อโฆษณาที่กำลังจะออกมา โดยมีรายละเอียดดังนี้
• หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว Quad HD 2560 x 1440 พิกเซล
• ซีพียู quad core 2.5GHz Snapdragon 805
• แรม 3 GB
• หน่วยความจำในตัว 32 GB
• เพิ่มหน่วยความจำ MicroSD ได้สูงสุด 128 GB
• กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล
• กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล (หรืออาจจะ 5 ล้านพิกเซล)
• ระบบปฏิบัติการ Android 4.4 Kitkat

Source : Geeky-gadgets

ภาพหลุด LG G3 ชุดสำหรับสื่อมวลชน สีขาวและสีทอง

ถือว่ามีภาพหลุดออกมาสักพักใหญ่แล้วสำหรับ LG G3 แต่เมื่อวานนี้ ทวิตเตอร์ของ @evleaks ได้ทวีตภาพ LG G3 ที่คาดว่าเป็นภาพเรนเดอร์ชุดล่าสุดที่จะใช้เผยแพร่ข่าวสำหรับสื่อมวลชน โดยมาพร้อมกับสีขาว และสีทอง

อย่างไรก็ตาม LG G3 น่าจะยังคงปุ่ม Rear Key เอาไว้ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นและสร้างความแตกต่างให้กับ LG แต่จะมีการพัฒนาและเพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานอย่างไรบ้างนั้นคงต้องรอติดตามกันเร็วๆ นี้ ส่วนสเปกที่น่าสนใจและคาดการณ์กันเอาไว้คือหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นเป็นขนาด 5.5 นิ้ว กับความละเอียดระดับ QHD ส่วนซีพียูก็คงหนีไม่พ้น quad-core Snapdragon 805 แรม 3 GB และ หน่วยความจำภายใน 32 GB และรองรับ MicroSD ได้สูงสุด 64 GB

สำหรับฟีเจอร์อื่นๆ ที่ลือกัน ก็จะมาพร้อมกล้อง 13 ล้านพิกเซล ที่มีระบบกันสั่นไหว OIS+, แบตเตอรี่ขนาด 3,000 mAh, มีเลเซอร์เซนเซอร์ไว้สำหรับตรวจจับเวลาถ่ายภาพ, ระบบปฏิบัติการ Android 4.4.2 Kitkat

คาดว่า LG G3 จะเปิดตัวในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้ แล้วมารอลุ่นกันอีกทีว่าหวยจะออกตรงอย่างที่ลือกันไว้หรือไม่

Source : Geeky Gadgets

อินเทล เร่ง Atom Cherry Trail 14 นาโมเมตร ตัวแรก ลงตลาดสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ปลายปีนี้

เดี๋ยวนี้หากจะซื้อสมาร์ทโฟนสักเครื่อง สิ่งแรกที่ใช้วัดและตัดสินใจในการซื้อก็คือสเปกซีพียูหรือหน่วยประมวลผล เรียกว่าเหมือนกับการซื้อคอมพิวเตอร์ไปเสียแล้ว โดยหน่วยประมวลผลบนสมาร์ทโฟนที่นิยมและเป็นที่รู้จักกันเป็นส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นค่าย Qualcomm ในชื่อรุ่น Snapdragon หรือจะเป็นของ Samsung ก็จะรู้จักกันในชื่อ Exynos แต่สำหรับอินเทลถือเป็นน้องใหม่สำหรับผู้ผลิตหน่วยประมวลผลสำหรับสมาร์ทโฟน ซึ่งปีนี้จะเป็นปีที่อินเทลให้ความสำคัญกับการพัฒนาซีพียู อินเทล อะตอม เป็นอย่างมาก โดยจะมีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจ บ้างนั้นผมได้เก็บเกี่ยวประเด็นจากงาน Intel Mobility Roadshow 2014 มาฝากชาว OopsMobile เรียบร้อยแล้วครับ โดยจะสรุปเป็นประเด็นๆ สำคัญมาให้อ่านกันนะครับ

Intel Mobility Roadshow 2014 (4) — CPU Intel Atom ซีรี่ย์ Z34XX ผลิตแบบ 22 นาโนเมตร

สำหรับหน่วยประมวลผลหรือซีพียู สำหรับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของอินเทลจะอยู่ในตระกูล อะตอม (Atom) โดยจะแบ่งเป็นซีรี่ย์ต่างๆ ดังนี้
• Clover Trail+ จะรองรับสำหรับ Android โดยเฉพาะ (ออกมาเมื่อต้นปี 2013) (Asus Zenphone 4,5,6 ใช้ซีรีส์นี้)
• Clover Trail (ไม่มีเครื่องหมายพลัส)จะรองรับสำหรับ Windows Phone
• Bay Trail จะเป็นซีรีย์ใหม่ล่าสุด รองรับเทคโนโลยี 64 บิต ตัวแรก และรันได้ทั้ง Android และ Windows Phone สามารถรองรับการติดตั้งแบบมัลติโอเอสได้

แท็บเล็ตจากแบรนด์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ASUS, Dell, acer, lenovo, samsung, hp ที่ใช้ซีพียู Intel Atom

มีอะไรใหม่ใน Bay Trail Platform

• เป็นซีพียู 64 บิต หาก Android เปลี่ยนเป็น 64 บิต ก็สามารถรองรับได้เลยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่อง
• เป็น Quad Core แท้ๆ
• แปลงวิดีโอได้เร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 3 เท่า
• เมมโนรีใหญ่ขึ้น
• กินไฟลดลง
• มีระบบป้องกันความปลอดภัย
• สามารถเชื่อมต่อหน้าจอแบบ Wireless รองรับเทคโนโลยี Miracast

ซีพียู Platform ใหม่ และอนาคตที่กำลังจะมา

• Merrifield เป็นซีพียู Dual Core กินไฟน้อย กราฟฟิกดีกว่าเดิม 2 เท่า (เทียบกับ Clover Trail+) รองรับ LTE
• Morefield เป็นซีพียู Quad Core ส่วนคุณสมบัติก็เหมือนกับ Merrifield
• SoFIA 3G, SoFIA LTE เป็นชิป SOC ตัวแรกที่รวมเอา Intel Application Processor ที่เรียกว่า ATOM มารวมกับ Comms Processor ที่เป็น 3G,2G,GPS รวมถึง Audio อยู่ในชิปเดียวกัน คือเป็นซิปที่รวมโปรเซสเซอร์และโมเด็มอยู่ในตัวเดียวกัน จะออกมาในไตรมาส 4 ของปีนี้ (เริ่มที่ SoFIA3G ก่อน) ราคาจะถูกกว่า Clover Trail+ อีก
• Cherry Trail จะเป็นซีพียูที่ผลิตด้วยสถาปัตยกรรม 14 นาโนเมตร ตัวแรก โดยจะออกมาสิ้นปีนี้
• Broxton จะเป็น 14 นาโนเมตรเหมือนกัน แต่ไว้รองรับสมาร์ทโฟนระดับ Hi-End จะออกมากลางปี 2015

ข้อมูลและตัวเลขที่น่าสนใจ
• 7-8 นิ้ว คือขนาดของหน้าจอแท็บเล็ตที่กำลังได้รับความนิยมในเมืองไทย ส่วน 10 นิ้ว จะลดลง
• ข้อดีของการใช้ซีพียูอินเทลในแท็บเล็ตคือการขยายหน้าจอที่ 2 หรือ Extend Screen โดยใช้เทคโนโลยี Wi-Di (ไวได) แต่ทำได้เฉพาะบนแท็บเล็ต Windows ถ้าเป็น Android จะได้แค่ Duplicate ที่แสดงผลเหมือนกันทั้ง 2 จอเท่านั้น
• ในแง่การใช้งานข้อมูล ทุกวันนี้มีข้อมูลเพิ่มขึ้นในอินเทอร์เน็ตมากถึง 5 Exabyte หรือ 5 ล้านล้านล้านไบต์ ในทุกๆ 2 วัน
• ซึ่งเทคโนโลยีมันทำให้เกิดการใช้งานอุปกรณ์มากขึ้นซึ่งสังเกตว่าใน 1 คน มีอุปกรณ์พกพามากกว่า 1 ตัว ดังนั้นอุปกรณ์เหล่านี้จึงทำให้เกิดการใช้งานข้อมูลเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง
• ค่าเฉลี่ยทั่วโลก ที่คนใช้งานแท็บเล็ตต่อวันอยู่ที่ 50 นาที ส่วนมือถืออยู่ที่ 147 นาที แต่ที่สำคัญคือคนไทยใช้มากกว่านั้น โดยคนไทยใช้แท็บเล็ต 95 นาทีต่อวัน ส่วนมือถือ 167 นาทีต่อวัน แสดงว่าคนไทยเป็นสังคมก้มหน้าอย่างจริงจัง
• ถ้านับรวมการนั่งดูหน้าจอทุกประเภทแล้ว ใน 5 ชั่วโมง คนไทยสามารถใช้เวลาดูจอได้กว่า 7 ชั่วโมง ถามว่าเป็นไปได้ยังไง ผลสำรวจบอกว่า คนไทยสามารถเล่นมือถือไป ดูทีวีไปด้วยนั่นเอง

Asus เปิดตัว ZenFone 4-5-6 ดีไซน์หรู ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ ราคาเริ่มต้นแค่ 2,990 บ.

หากพูดถึงแบรนด์ Asus หลายคนคงจะคุ้นหูในวงการคอมพิวเตอร์ซะมากกว่า แต่เมื่อ Asus หันมาผลิตสมาร์ทโฟนคงจะเป็นเรื่องใหม่ สำหรับใครหลายๆ คน แต่การเปิดตัวสมาร์ทโฟนในซีรีส์ ZenFone ในครั้งนี้ถือว่าไม่ใช่รุ่นแรกที่ Asus ได้นำมาจำหน่ายในเมืองไทย ก่อนหน้านี้ก็มีมาหลายรุ่นแล้วนะครับ แต่มาคราวนี้ Asus จัดเต็มกันมาถึง 3 รุ่น คือ ZenFone 4-5-6 โดยขนาดหน้าจอของทั้ง 3 รุ่น จะมีขนาดตามชื่อรุ่นนั้นแหละครับ จำง่ายดี และด้วยความที่เป็นพันธมิตรกับอินเทลอย่างเหนียวแน่นจึงได้เลือกใช้ชิปซีพียู Intel ATOM เป็นตัวขับเคลื่อนการทำงาน และทำราคากระชากลงมาจนทำให้เป็นที่จับตามองด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 2,990 บ.

ZenFone ทั้ง 3 รุ่นนี้ Asus ได้ออกแบบให้เน้นดีไซน์ที่เหมาะกับไลฟสไตล์ที่หลากหลายเพราะแต่ละรุ่นมีสี ให้เลือกมากไม่ต่ำกว่า 4-5 สีด้วยกัน พร้อม ASUS ZenUI ที่ลื่นไหล สวยงาม เป็นธรรมชาติ แถมยังเน้นกล้องที่รองรับการถ่าย Selfie ด้วยกล้องหลังที่มีความละเอียดสูงกว่าให้ง่ายและได้ภาพที่ดีที่สุดจากการถ่าย 3 ช็อตอัตโนมัติ พร้อมด้วยเทคโนโลยี PixelMaster ที่ช่วยในเรื่องของภาพ Depth of Field ความชัดลึกชัดตื่น, Low-Light Mode ช่วยปรับความสว่างของภาพในที่มืดได้ 400% และความคมชัดได้ถึง 200% และ Time Rewind ที่บันทึกภาพไว้หลายๆ ช็อตเพื่อย้อนกลับไปเลือกภาพที่ดีที่สุดได้

มาชมสเปกของทั้ง 3 รุ่น

ZenFone 4

• หน้าจอ : 4 นิ้ว ความละเอียด WVGA 800 x 400 พิกเซล แบบ Corning^® Gorilla^® Glass 3 กันรอยขีดข่วน
• ซีพียู : 1.2GHz Intel^® Atom™ Multi-Core Z2520 CPU with Intel^® Hyper-Threading Technology
• ระบบปฏิบัติการ : Android 4.3 (upgradeable to Android 4.4 KitKat) + ZenUI
• เครือข่ายและขนาดซิม : GSM 900/1800, WCDMA 900/2100, 3G DC-HSPA+ ใช้ซิมแบบ Micro-SIM รองรับได้ 2 ซิม
• ความเร็วในการดาวน์โหลด : สูงสุด 42 Mbps
• การเชื่อมต่อ : รองรับเครือข่าย 802.11b/g/n; Wi-Fi Direct, Bluetooth 4.0
• กล้องหลัง : 5 ล้านพิกเซล รองรับการวิดีโอความละเอียด 1080p
• กล้องหน้า : 0.3 ล้านพิกเซล
• แรม : 1 GB
• หน่วยความจำในตัว : 8 GB (แถมพื้นที่คลาวด์ 5 GB ASUS webstorage ใช้ได้แบบไม่จำกัดเวลา)
• แบตเตอรี่ : 1200 mAh
• หน่วยความจำภายนอก : เพิ่ม Micro SD ได้สูงสุด 64GB
• ขนาด : 124.4 x 61.4 x 11.5-6.3 มม.
• น้ำหนัก : 115 กรัม
• มี 5 สี Charcoal Black, Pearl White, Cherry Red, Sky Blue และ Solar Yellow

ZenFone 5
• หน้าจอ : 5 นิ้ว ความละเอียด HD 1280 x 720 พิกเซล แบบ IPS display พร้อม Corning^® Gorilla^® Glass 3 ป้องกันรอยขีดข่วน และรองรับการใช้งานกับถุงมือ
• ซีพียู : 1.6GHz Intel^® Atom™ Multi-Core Z2560 CPU with Intel^® Hyper-Threading Technology
• ระบบปฏิบัติการ : Android 4.3 (upgradeable to Android 4.4 KitKat) + ZenUI
• เครือข่ายและขนาดซิม : GSM 900/1800, WCDMA 900/2100, 3G DC-HSPA+ ใช้ซิมแบบ Micro-SIM รองรับได้ 2 ซิม
• ความเร็วในการดาวน์โหลด : สูงสุด 42Mbps
• การเชื่อมต่อ : รองรับเครือข่าย 802.11b/g/n; Wi-Fi Direct, Bluetooth 4.0
• กล้องหลัง : 8 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี PixelMaster และถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 1080p
• กล้องหน้า : 2 ล้านพิกเซล
• แรม : 1 GB
• หน่วยความจำในตัว : 8GB (แถมพื้นที่คลาวด์ 5 GB ASUS webstorage ใช้ได้แบบไม่จำกัดเวลา)
• แบตเตอรี่ : 2110mAh
• หน่วยความจำภายนอก : เพิ่ม Micro SD ได้สูงสุด 64GB
• ขนาด : 148.2 x 72.8 x 10.3-5.5 มม.
• น้ำหนัก : 145 กรัม
• มี 5 สี Charcoal Black, Pearl White, Cherry Red, Champagne Gold และ Twilight Purple

ZenFone 6

• หน้าจอ : 6 นิ้ว ความละเอียด HD 1280 x 720 พิกเซล แบบ IPS display พร้อม Corning^® Gorilla^® Glass 3 ป้องกันรอยขีดข่วน และรองรับการใช้งานกับถุงมือ
• ซีพียู : 2GHz Intel^® Atom™ Multi-Core Z2580 CPU with Intel^® Hyper-Threading Technology
• ระบบปฏิบัติการ : Android 4.3 (upgradeable to Android 4.4 KitKat) + ZenUI
• เครือข่ายและขนาดซิม :GSM 900/1800, WCDMA 900/2100, 3G DC-HSPA+ ใช้ซิมแบบ Micro-SIM รองรับได้ 2 ซิม
• ความเร็วในการดาวน์โหลด : สูงสุด 42Mbps
• การเชื่อมต่อ : รองรับเครือข่าย 802.11b/g/n; Wi-Fi Direct, Bluetooth 4.0
• กล้องหลัง : 13 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี PixelMaster และถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 1080p
• กล้องหน้า : 2 ล้านพิกเซล
• แรม : 2GB
• หน่วยความจำในตัว : 16GB (แถมพื้นที่คลาวด์ 5 GB ASUS webstorage ใช้ได้แบบไม่จำกัดเวลา)
• แบตเตอรี่ : 3300mAh
• หน่วยความจำภายนอก : เพิ่ม Micro SD ได้สูงสุด 64GB
• ขนาด : 166.9 x 84.3 x 9.9-5.5 มม.
• น้ำหนัก : 196 กรัม
• มี 5 สี Charcoal Black, Pearl White, Cherry Red และ Champagne Gold colors

ส่งท้ายด้วยภาพนางแบบจากในงานเปิดตัว

LG G3 มาพร้อมหน้าจอ 5.5 นิ้ว QHD เตรียมเผยโฉม พฤษภาคมนี้

ใกล้จะได้เวลาที่พระเอกคนถัดไปของ LG จะออกโรงแล้วสินะ กับ LG G3 โดยล่าสุดมีสเปกหลุดออกมาให้ได้ลุ้นกัน แว่วมาว่าหน้าจอจะมีขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ QHD 2560×1440 พิกเซล, CPU อย่างต่ำก็ต้อง Snapdragon 800 หรือดีกว่า, แรม 3 GB และกล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล ถ่ายวิดีโอ 4K ไรงี้

แต่ไม่วายก็มีอีกแหล่งข่าวได้เผยรายละเอียดจาก Sprint’s UA profile ที่มีสเปกของ LG G3 อยู่ในโปรไฟล์ดังกล่าวโดยระบุว่ารายละเอียดสเปกกล้องเป็น 16 ล้านพิกเซล จากเดิมคือ 13 ล้านพิกเซล แต่แปลกตรงที่ดันให้แรมน้อยกว่าเดิมคือ 2 GB เท่านั้น

และล่าสุดมีภาพแคปเจอร์หน้าจอของ LG G3 หลุดออกมา โดยคอนเฟิร์มว่าความละเอียดเท่ากับระดับ QHD 2560×1440 พิกเซล จริง

สำหรับการเปิดตัวคาดกันว่าน่าจะราวเดือนพฤษภาคมนี้

Source : GSMArena

หลุดโฉมหน้า Amazon Smartphone สมาร์ทโฟนเครื่องแรกจากอะเมซอน

เว็บไซต์ BGR เผยภาพหลุดของ Amazon Smartphone ซึ่งสมาร์ทโฟนตัวแรกของอะเมซอนเจ้าแม่ยักษ์ใหญ่แห่งวงการค้าปลีกออนไลน์ระดับโลก โดยอีกไม่นานนี้ Amazon จะเปิดตัวสมาร์ทโฟนหน้าจอสัมผัสที่ดูไปแล้วรูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้ต่างจากสมาร์ทโฟนทั่วไปในตลาด แต่สิ่งที่จะสร้างความแตกต่างก็คือการให้ประสบการณ์อ่านหนังสือนิยายที่แปลกใหม่ ซึ่งเป็นลูกค้าหลัก รวมถึงสินค้าและบริการอื่นๆ จาก Amazon และที่สำคัญได้ปรับแต่งอินเตอร์เฟสแบบ 3 มิติ ที่เราจะไม่เคยเห็นแบบนี้ที่ไหนมาก่อน

ทั้งนี้ The Wall Street Journal ยังได้รายงานไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า อาจจะมีการเปิดตัวในช่วงเดือนมิถุนายน และวางจำหน่ายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ แถมยังรายงานอีกด้วยว่าจะมาพร้อมฟีเจอร์ 3 มิติ โดยไม่ต้องสวมแว่นตาอีกด้วย โดย Amazon จะนำฟีเจอร์ 3 มิติ มาใช้กับ Book Store, Music Store ที่ให้ผู้ใช้สามารถเห็นโปรดักษ์ได้เสมือนจริงมากกว่าที่เคย และที่สำคัญคือได้เห็นมุมมองและพื้นผิวที่ไม่สามารถมองเห็นได้จากภาพ 2 มิติ เหมือนเมื่อก่อน ซึ่งนี้ถือเป็นจุดที่ Amazon จะนำมาใช้เป็นจุดเด่นที่แตกต่างเพื่อตีตลาดกับสมาร์ทโฟนทั่วไป

ในความเป็นจริงแล้ว สมาร์ทโฟนหน้าจอ 3 มิติ ที่สามารถดูได้ด้วยตาเปล่านั้น เคยมีวางขายมาแล้ว อย่าง HTC EVO 3D เมื่อปี 2011 ซึ่งท้ายที่สุดก็ไม่ได้รับความนิยม เนื่องจากไม่มีคอนเทนต์หรือแอพพลิเคชั่น มารองรับมากมายนัก แต่ในกรณีของ Amazon ถือว่าเป็นที่น่าจับตามอง เพราะเนื่องจาก Amazon มีคอนเทนต์ซึ่งก็คือ Store ออนไลน์ที่ใหญ่อันดับต้นๆ ของโลกอยู่แล้ว ดังนั้นการผลิตสมาร์ทโฟนเพื่อมารองรับการขายสินค้าออนไลน์ก็ไม่ได้เป็นเรื่องหนักหนาอะไรแถมยังเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้น่าสนใจ และสอดรับกับยอดขายที่จะเติบโตขึ้นอย่างมากในอนาคตอีกด้วย

ส่วนสเปกคร่าวๆ น่าจะมาประมาณนี้
CPU : Qualcomm Snapdragon processor
RAM : 2 GB
หน้าจอขนาด : 4.7 นิ้ว
อินเตอร์เฟส : 3D ดูด้วยตาเปล่า
ระบบปฏิบัติการ : Android
กล้องหลัง : 13 ล้านพิกเซล

สำหรับการวางจำหน่ายในช่วงแรกคงจะมีเฉพาะในอเมริกาก่อน ส่วนในต่างประเทศจะวางจำหน่ายเมื่อไรนั้นคงต้องรอดูทีท่ากันต่อไป

Source : BGR

เอชทีซีเผยโฉม HTC One M8 กระหึ่มสนั่นวงการครั้งแรกของโลกกับสุดยอดการถ่ายภาพกล้องหลัง 2 กล้อง

เอชทีซี ผู้นำด้านนวัตกรรมการออกแบบและเทคโนโลยีสมาร์ทโฟน เผยโฉม “HTC One (M8)” สุดยอดสมาร์ทโฟนที่ทุกคนรอคอยที่ถูกพัฒนามาจากสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดระดับรางวัลอย่าง HTC One (M7) สำหรับ HTC One (M8) รุ่นใหม่ล่าสุดมาพร้อม HTC Sense™ 6 ใหม่ ภายใต้การออกแบบตัวเครื่องอลูมิเนียมไร้รอยต่อ (unibody) ดีไซน์หมดจด งดงาม เรียบเนียนทุกขอบมุมของหน้าจอ ความเรียว ความโค้ง และพื้นผิวเมทัลลิกขัดเรียบ ช่วยเพิ่มความสวยงามท้าทายทุกสายตา และระบบ Smart Sensor Hub ที่จะตอบสนองความต้องการคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบผ่านระบบควบคุม HTC Motion Launch™ ที่จะเปลี่ยนชีวิตในทุกวันของคุณให้ง่ายขึ้น นอกจากนั้นเอชทีซีนำเสนอมิติใหม่ของการถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนครั้งแรกของโลกกับ ระบบ Duo Camera กล้องหลัง 2 กล้องพร้อมลูกเล่นสำหรับแต่งภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจ และ HTC BoomSound™ ยังคงเป็นฟังก์ชั่นที่สร้างมาตรฐานใหม่ในเรื่องคุณภาพเสียงให้กับวงการสมาร์ทโฟนอยู่เสมอ

มร.ปีเตอร์ โจว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอชทีซี คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ในปี 2013 เอชทีซี นำเสนอสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดในโลกออกมา ทว่าจากจุดนั้นเราไม่เคยหยุดนิ่งในการท้าทายตัวเราเอง เพราะในฐานะผู้นำในการพัฒนาวัตกรรมโทรศัพท์มือถือ เรายังคงมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ สมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ๆ ที่จะสร้างความตื่นเต้นและส่งผ่านแรงบันดาลใจไปยังผู้คนในวงการ สมาร์ทโฟนต่อไป และในวันนี้ผมมีความภาคภูมิใจที่จะนำเสนอสุดยอดสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดที่เรียกได้ว่า ทั้งน่าตื่นเต้นที่สุดและทันสมัยที่สุดเท่าที่เคยมีมา นั่นคือ HTC One (M8)”

HTC One (M8) มาพร้อมกับสุดยอดฟีเจอร์ภายใต้รูปลักษณ์หรูหราระดับพรีเมี่ยม ดังนี้

ดีไซน์หมดจด งดงาม ทั้งภายในและภายนอกเอชทีซีได้ก้าวสู่ความสำเร็จอีกหนึ่งขั้นทั้งในเรื่องการดีไซน์และคุณภาพของการผลิต ตัวเครื่อง HTC One (M8) ได้รับการปรับโฉมใหม่เพื่อให้ได้รูปลักษณ์ที่สะดุดตาและดึงดูดใจมากยิ่งขึ้น สำหรับ HTC One (M8) ที่มาพร้อมตัวเครื่องคุณภาพสูงที่ทั้งสวยงาม แข็งแรงทนทาน ขนาดหน้าจอ 5 นิ้วแบบฟูลเอชดี (1080p)หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 801 ควอดคอร์ 2.5GHz รองรับ 4G LTE และระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.4 KitKat ใหม่ล่าสุด มาพร้อมฟังก์ชั่น HTC Sense 6 ซึ่งสามารถกำหนดธีมสีสันบนหน้าจอได้ด้วยตัวเอง เมื่อผนวกกับรูปลักษณ์การออกแบบที่ดูสะอาดและสะดุดตายิ่งขึ้น จึงช่วยให้ HTC One (M8) เครื่องนี้มอบประสบการณ์ที่พิเศษและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างลงตัวยิ่งขึ้น

ฟังก์ชั่นการถ่ายภาพเหนือระดับ

HTC One (M8) เสนอมิติใหม่ของฟังก์ชั่นการใช้งานด้านภาพถ่ายในสมาร์ทโฟนโดยผนวกเอาระบบ Duo Camera (กล้องคู่) ที่มีอยู่ในสมาร์ทโฟนเป็นเครื่องแรกของโลก และมาพร้อมนวัตกรรม UltraPixel จากเอชทีซีที่สามารถใช้งานแฟลชแบบดูโอ (แฟลชคู่) เข้าด้วยกันกับการถ่ายภาพวีดิโอแบบฟูลเอชดี 1080p จึงช่วยให้ภาพเคลื่อนไหวที่ถ่ายออกมามีคุณภาพ และสวยงามจับตาไม่ว่าคุณภาพของแสงในเวลาที่ถ่ายภาพจะเป็นเช่นไร นอกจากนี้ กล้องด้านหน้ามุมกว้างความละเอียด 5 ล้านพิกเซลยังช่วยให้ผู้ใช้ถ่ายภาพตัวเอง (Selfie) ได้อย่างสะดวกสบายและง่ายดายที่สุด

ระบบ Duo Camera ยังมาพร้อมเซ็นเซอร์ที่มีความละเอียดสูงเพิ่มเติมจากระบบ UltraPixel ที่มีอยู่แล้ว จึงช่วยให้การถ่ายภาพนั้นสามารถบันทึกทุกรายละเอียดของภาพที่เห็นด้วยตาลงมาอยู่บนภาพถ่ายที่ทั้งสวยงามและให้เอฟเฟกต์ที่เปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์ ทั้งยังอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถแต่งแต้มรายละเอียดให้กับภาพที่ถ่ายไว้ได้มากกว่าที่เคยอีกด้วย

ฟังก์ชั่นการถ่ายภาพใน HTC One (M8) ยังเปิดโอกาสให้คุณสามารถสร้างสรรค์ภาพพอร์เทรทอย่างมืออาชีพได้ทันทีเพียงเลือกตำแหน่งโฟกัสในภาพที่ถ่ายไว้ด้วยฟังก์ชั่น UFocus™ หรือจะเติมความโดดเด่นให้กับใบหน้าของบุคคลที่คุณถ่ายภาพไว้ด้วยการเปลี่ยนแบ็คกราวน์ด้วยเอฟเฟกต์ต่าง ๆ จากฟังก์ชั่น Foregrounder ก็ได้ หรืออีกฟังก์ชั่นที่น่าสนใจก็อย่างเช่น การตกแต่งภาพสวย ๆ ของคุณด้วยเอฟเฟกต์ที่น่าสนใจแบบต่าง ๆ ด้วย Seasons ส่วนฟังก์ชั่น Copy & Paste ยังช่วยให้คุณนำภาพของตัวคุณรวมถึงภาพของคนในครอบครัวและเพื่อน ๆ จากภาพคนละภาพ เอามาตัดต่อรวมไว้ด้วยกันได้ ในขณะที่ฟังก์ชั่น Dimension Plus ยังเพิ่มมุมมองที่แปลกใหม่ของภาพถ่ายของคุณเองด้วยวิธีง่าย ๆ เพียงแค่คุณเอียงสมาร์ทโฟนเครื่องนี้ในมุมต่าง ๆ

เทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพที่ก้าวหน้าไปอีกขั้นใน HTC One (M8) ยังทำงานแบบเต็มประสิทธิภาพด้วยความสามารถในการเก็บภาพได้ทันทีที่เปิดเครื่อง ซึ่งหมายความว่าเมื่อชัตเตอร์ถูกเปิดใช้ ภาพถ่ายที่คมชัดที่สุดก็จะได้รับการบันทึกไว้ทันที โดยกล้องถ่ายภาพมีความเร็วชัตเตอร์ที่ 1/300 วินาที ช่วยให้คุณไม่พลาดทุกช่วงเวลาสำคัญ และระบบ LED Dual Flash ที่มาแบบแพ็คคู่ยังช่วยเลือกโทนสีและความเข้มของแสงที่รับกับสีผิวธรรมชาติของผู้ถูกถ่ายให้โดยอัตโนมัติ ช่วยให้ภาพที่ถ่ายออกมาดูมีความเป็นมืออาชีพในทุกช็อต

ด้วยฟังก์ชั่นที่พรั่งพร้อมสำหรับการรังสรรค์ภาพถ่ายอันน่าตื่นเต้นทั้งหมดที่กล่าวมา ภาพถ่ายที่ถูกบันทึกไว้ใน Gallery เป็นจำนวนมากยังมีวิธีการจัดการภาพที่ง่ายดาย นั่นคือการจัดการผ่านฟังก์ชั่น Image Match ที่ช่วยให้การค้นหาภาพที่ถูกถ่ายไว้ทำได้ง่ายขึ้น เพราะภาพถ่ายเกี่ยวกับหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งจะถูกจัดเก็บไว้เป็นอัลบั้ม ๆ ไป ช่วยให้ง่ายต่อการค้นหา

นอกจากนั้นHTC One (M8) ยังมามาพร้อมฟีเจอร์การถ่ายวีดีโอ Slow Motion ระดับ HD ให้คุณสามารถเก็บทุกช่วงเวลาสำคัญของชีวิตได้อย่างสมบูรณ์แบบและยังสามารถปรับแต่งได้ในแบบที่คุณต้องการ

HTC Zoe ฟังก์ชั่นภาพถ่ายสำหรับทุกคน

HTC Zoe ได้รับการพัฒนาขึ้นอีกระดับในปี 2014 เพื่อให้กลายเป็นฟังก์ชั่นถ่ายภาพที่ช่วยเชื่อมต่อผู้ใช้กับเพื่อนๆ ให้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น เพียงอัพโหลด Zoe Highlight Videos ลงไปในหน้าวอลล์โซเชี่ยลเน็ตเวิร์คของคุณ และชักชวนให้เพื่อน ๆ ในเครือข่าย นำภาพถ่าย ไฟล์วีดิโอ หรือแม้แต่เพลงที่ชื่นชอบ ก็สามารถนำมาใส่ไว้รวมกันเพื่อมิกซ์ให้เกิดเป็นไฟล์ภาพเคลื่อนไหวเพียงหนึ่งเดียวที่เก็บทุกความประทับใจของทุกคนร่วมกันได้ฟังก์ชั่นการทำงานแบบเครือข่ายของ HTC Zoe ได้รับการเปิดตัวครั้งแรกในสมาร์ทโฟนรุ่น HTC One (M8) นี้ โดยจะมีให้ผู้ใช้โทรศัพท์รุ่นที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์อื่น ๆ สามารถดาวน์โหลดไปใช้ได้ผ่าน Google Play ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

Motion Launch – ฟังก์ชั่นทางลัดที่ทั้งสะดวกและควบคุมได้ง่าย

HTC One (M8) รุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับ HTC Sense™ 6 ทำให้สมาร์ทโฟนเครื่องนี้เป็น สมาร์ทโฟนที่สามารถตอบสนองได้อย่างเหนือธรรมชาติ ด้วยฟังก์ชั่น Motion Launch จึงช่วยให้ HTC One (M8) สามารถจับรายละเอียดรอบตัวได้ในทันที ทำให้สมาร์ทโฟนสามารถตอบสนองได้ทุกความต้องการได้อย่างรวดเร็วทันใจโดยไม่จำเป็นต้องเปิดหน้าจอและด้วยฟีเจอร์ Auto Answer ยังช่วยให้คุณสามารถรับโทรศัพท์ได้อย่างรวดเร็วเพียงยกโทรศัพท์มาแนบหูโดยไม่ต้องกดหรือเลื่อนปุ่มใด ๆ ที่หน้าจอก่อน และด้วยฟังก์ชั่นลัดเหล่านี้ เพียงคลิกสองครั้งเพื่อเปิดหรือปิดหน้าจอ หรือลากมือเลื่อนไปบนหน้าจอ ก็ตอบรับกับการใช้งานประจำวันของคุณได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น

HTC Dot View Case – ปกป้องสมาร์ทโฟนของคุณในสไตล์เรโทร
HTC Sense™ 6 หรือ Sixth Sense สามารถยกระดับอีกขั้นกับนวัตกรรม Motion Launch เพียงคลิกสองครั้งบน Dot View Case ก็ช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบเวลาและอุณหภูมิบนหน้าจอ หรือดูการเตือนเมื่อมีข้อความ อีเมล์ หรือสายโทรศัพท์เรียกเข้าได้ในที่เดียวกันโดยไม่ต้องเปิดหน้าจอ สมาร์ทโฟนหรือแม้กระทั่งฝาของ Case เหนือระดับควรคู่กับเคสที่ไม่เพียงปกป้องไม่ให้เกิดรอยขีดข่วน ทว่ามาพร้อมดีไซน์แห่งนวัตกรรม สไตล์ที่โดดเด่นและอรรถประโยชน์เหนือใคร เคส HTC Dot View ช่วยปกป้องหน้าจอ พร้อมไปกับการช่วยขับเน้นการแสดงผลต่าง ๆ บนหน้าจอในรูปแบบดอท-เมทริกซ์สไตล์เรโทร

Extreme Power Save Mode – ที่จะช่วยให้คุณใช้งานได้อย่างไม่มีสะดุด
HTC One (M8) เอชทีซีพัฒนาฟังก์ชั่นการทำงานขึ้นอีกระดับด้วยการทำให้แบตเตอรี่ของเครื่องอยู่ได้ทนนานยิ่งกว่าเดิมถึง 40% และไม่เพียงเท่านั้น HTC One (M8) ยังมาพร้อมโหมดประหยัดพลังงาน ที่จะช่วยให้สมาร์ทโฟนของคุณใช้งานได้นานขึ้น เมื่อแบตเตอรี่เต็มสามารถใช้งานได้นานถึง 14 วันไม่ว่าจะรับโทรศัพท์ ส่งข้อความ หรืออีเมล์ที่จะทำให้คุณไม่พลาดทุกการติดต่อไม่ว่าคุณจะเดินทางท่องเที่ยวไปที่ไหนก็ตาม สามารถเปิดใช้ได้ด้วยมือและโดยอัตโนมัติ สามารถสแตนบายได้นานถึง 60 ชั่วโมงแม้แบตเตอรี่เหลือเพียง 20% ,30ชั่วโมง สำหรับแบตเตอรี่ 10% และ 15ชั่วโมง ถึงแม้แบตเตอรี่จะเหลือเพียง 5% ดังนั้นไม่ว่าคุณจะจำเป็นต้องไปธุระข้างนอกตอนกลางคืนยาวนานกว่าปกติ หรือคุณกำลังไปผจญภัยอยู่บนเขาก็ตาม คุณก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดอีกต่อไป

ขุมพลัง BoomSound ที่ทรงพลังมากขึ้น

ฟังก์ชั่นนี้เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า HTC One (M8) ได้ยกระดับขีดความสามารถของสมาร์ทโฟนขึ้นไปอีกขั้น เพราะเทคโนโลยี BoomSound ให้คุณภาพเสียงที่ทรงพลัง ก้องกังวานและชัดเจนในทุกระดับเสียงจากเสียงทุ้มไปยังเสียงแหลม เทคโนโลยี BoomSound ใหม่ยังให้เสียงที่ดังขึ้นอีก 25% โดยไม่ลดระดับคุณภาพเสียง ทั้งนี้ HTC One (M8) มีลำโพงคู่ด้านหน้าที่มาพร้อมเครื่องขยายเสียงชุดใหม่ ภายใต้รูปลักษณ์การดีไซน์ช่องลำโพงแบบใหม่และการออกแบบระบบเสียงออดิโอที่ช่วยให้ประสบการณ์เสียงแบบเอชดีอย่างแท้จริง

HTC BlinkFeed – ข่าวสารล่าสุดอัพเดทต่อเนื่องผ่านหน้าโฮมสกรีน

ฟังก์ชั่น HTC BlinkFeed ใน HTC One (M8) ตอบสนองได้ฉับไวขึ้นและใช้งานได้อย่างไหลลื่นขึ้น ด้วยการวางเลย์เอ้าท์หน้าจอแบบใหม่ที่ช่วยจัดระเบียบข่าวสารให้ดูสะอาดตาและอ่านง่ายขึ้น ซึ่งด้วยการพัฒนาซอฟท์แวร์ใหม่ที่ช่วยให้พันธมิตรรายต่าง ๆ ของเอชทีซีสามารถนำคอนเทนต์เข้ามาใส่ไว้ในสมาร์ทโฟนได้อย่างกลมกลืน จึงช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปิดรับข่าวสารจากสื่อแหล่งใหม่ ๆ ได้ง่ายขึ้น เพิ่มเติมจากการเลือกเปิดรับข้อมูลข่าวสารในหัวข้อต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเองอย่างรวดเร็วทันใจบนหน้าจอโฮมสกรีน ดังนั้นไม่ว่าเรื่องที่คุณสนใจจะเป็นเรื่องไหน กีฬา ภาพยนตร์ หรือว่าช้อปปิ้ง คุณก็สามารถเปิดรับข่าวสารเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วและตรงตามความต้องการของคุณได้ทันที ส่วนฟังก์ชั่น News Bundle ที่ช่วยรวบรวมบทความและทวิตในหัวข้อเดียวกันมาไว้ให้คุณได้อ่านอย่างสะดวกสบาย รวมถึงการที่พันธมิตรด้านคอนเทนต์มากกว่า 1,000 รายสามารถจัดแบ่งหมวดหมู่ได้ง่าย ๆ ในหน้าเดียว ก็ช่วยให้การติดตามข่าวสารที่น่าสนใจมากที่สุดเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกสบายที่สุด

ฟิตเนสในมือคุณ

เมื่อมี HTC One (M8) อยู่ในมือ คุณก็สามารถมีสุขภาพที่ดีขึ้นและมีแรงกระตุ้นให้ออกกำลังอย่างสม่ำเสมอได้ด้วยแอพพลิเคชั่น Fitbit ที่ทั้งประหยัดพลังงานและมากด้วยประสิทธิภาพ คุณสามารถใช้แอพพลิเคชั่นเพื่อประโยชน์ในการออกกำลังกาย เช่น การใช้งานฟังก์ชั่น Sleep Tracking หรือ Smart Alarm ที่ช่วยเก็บข้อมูลในช่วงเวลาที่คุณออกกำลังกายโดยไม่มีสมาร์ทโฟนอยู่ข้าง ๆ หรือจะตั้งเป้าหมายในการออกกำลังกายผ่านแอพพลิเคชั่นก็ได้ โดยคุณสามารถติดตามผลว่าทำสำเร็จหรือไม่ได้ทันทีผ่านหน้าจอโฮมสกรีนด้วยฟังก์ชั่น BlinkFeed โดยไม่ต้องยุ่งยากทำอะไรเพิ่มเติม

HTC SenseTM TV
HTC One (M8) ยังสามารถทำหน้าที่เหมือนเป็นรีโมตคอนโทรลเปิดรายการโทรศัพท์บนหน้าจอเล็กที่ตอบทุกความต้องการของคุณได้ โดยคุณสามารถติดตามบทสนทนาเกี่ยวกับโปรแกรมรายการออนไลน์ หรือจะยกเอาไทม์ไลน์ของหน้าเฟซบุ๊คหรือทวิตเตอร์ รวมถึงคอมเม้นต์ต่าง ๆ ที่คุณได้รับผ่านเครือข่ายโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คของคุณมาไว้ในสมาร์ทโฟนก็ย่อมได้ Sense TV ยังสามารถรายงานสดผลคะแนนในรายการกีฬาที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลก 10 รายการกีฬา เพื่อช่วยให้แฟนกีฬาตัวจริงสามารถติดตามผลการแข่งขัน สถิติต่าง ๆ รวมถึงข้อมูลอัพเดทจากเกมการแข่งขันที่ไม่ควรพลาดได้อย่างทันท่วงทีในระหว่างที่นั่งชมรายการกีฬาบนหน้าจอโทรทัศน์จอใหญ่ไปด้วย

HTC One (M8) เตรียมวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วโลก โดยมีให้เลือก 2 สีได้แก่ สีเทากันเมทัล และ สีเงิน สำหรับในประเทศไทยจะวางจำหน่ายเร็วๆ นี้สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เข้าไปดูได้ที่ http://www.htc.com/th หรือ www.facebook.com/HTCthailand