โทรศัพท์มือถือยุคใหม่ หัวใจอยู่ที่ “ชิปประมวลผล”

 

สมาร์ทโฟน (Smartphone) คำนี้จริงๆก็มีใช้งานมานานแล้ว เป็นชื่อที่ใช้เรียกโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือมือถือที่มีคุณสมบัติหรือมีความสามารถเพิ่มเติม นอกเหนือไปจากการสนทนาและส่งข้อความหากันผ่านเครือข่ายฯ นั่นคือ ใช้งานเป็นคอมพิวเตอร์ได้ด้วยในตัว เช่น มีซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ (OS), ติดตั้งและใช้งานแอปพลิเคชั่นได้, เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ ฯลฯ

 

3osแรกเริ่มหลายคนคงเคยรู้จักและเคยใช้งานโทรศัพท์มือถือบางรุ่นในอดีตที่ใช้ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการบนมือถืออย่าง Symbian, Windows Mobile, BlackBerry ฯลฯ มาก่อน ซึ่งมือถือเหล่านี้ถือเป็นอุปกรณ์สมาร์ทโฟนรุ่นแรกๆ แต่ผู้คนอาจยังไม่ค่อยรู้จักหรือคุ้นเคยกับคำว่าสมาร์ทโฟนในอดีตซักเท่าไหร่ เพราะตัวเครื่องมีราคาแพงแถมการสื่อสารข้อมูลบนเครือข่ายก็ดูชักช้าอืดอาด แต่เมื่อเทคโนโลยีการสื่อสารบนโทรศัพท์มือถือก้าวรุดหน้า จากอดีตที่เคยเป็นแค่โทรศัพท์ที่ใช้พูดคุยหรือสนทนากันด้วยเสียงและส่งข้อความ SMS หากันในยุค 2G แต่ด้วยอัตราความต้องการการบริโภคข้อมูลข่าวสารที่ดูจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีในการสื่อสารให้ก้าวรุดหน้าไปอีกขั้น ด้วยการจัดสรรให้มีช่องสัญญาณหรือคลื่นความถี่ที่รองรับอัตราความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิม และรองรับกับปริมาณข้อมูลจำนวนมหาศาล จึงเป็นที่มาของการสื่อสารข้อมูลในยุค 3G และ 4G ในปัจจุบัน

 

3os2โทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟน (Smartphone) ก็เช่นกัน นอกจากจะเปลี่ยนมาใช้ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการอย่าง Windows Phone, Android และ iOS แล้ว ปัจจุบันยังถูกพัฒนาให้มีความสามารถหลากหลายจนแทบจะไม่ต่างอะไรกับคอมพิวเตอร์พกพาทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น ดูหนังฟังเพลงออนไลน์, ถ่ายรูปและวิดีโอด้วยกล้องความละเอียดสูง พร้อมฟังก์ชั่นในการตกแต่งภาพหรือตัดต่อคลิปวิดีโอ, สนทนาแบบเห็นหน้ากันเป็นภาพเคลื่อนไหวในแบบ Real-Time, ตรวจสอบภาพเคลื่อนไหวจากกล้อง IP Camera ผ่านมือถือ, อัพโหลดคลิปวิดีโอของตัวเองขึ้นเผยแพร่บน Youtube ฯลฯ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมอุปกรณ์ Smartphone ถึงได้รับความนิยมสูงสุด จนเรียกได้ว่าแทบจะกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ในปัจจุบันไปแล้ว เพราะทุกวันนี้ถือเป็นอุปกรณ์ที่แทบทุกคนจะต้องมีพกติดตัวไปไหนมาไหนอยู่ทุกที่ด้วยเสมอ จิงป่ะ!

 

เกริ่นมาพอละ ทีนี้ขอเข้าเรื่องเลยละกัน ก็อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่าโทรศัพท์มือถือในปัจจุบัน ก็ไม่ต่างอะไรกับคอมพิวเตอร์พกพาขนาดจิ๋วที่เป็นโทรศัพท์ให้พูดคุยกับคนอื่นได้ด้วย เพราะฉะนั้นในตัวของมันจะต้องมีส่วนประกอบสำคัญ ซึ่งเป็นหัวใจหลักที่จะคอยทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลทุกอย่างที่ถูกส่งมา และนั่นก็คือ ซีพียู (CPU) หรือในที่นี้ก็คือ ชิปประมวลผล นั่นเอง ซึ่งมันจะมีความสำคัญแค่ไหน ทำหน้าที่อะไรบ้าง และมีหน้าตาเป็นอย่างไร ไปดูกันครับ

 

ชิปประมวลผล (CPU) บนมือถือ

 

iphone_5s_chipset_hero_2ก่อนอื่นอยากให้มองภาพง่ายๆว่า มือถือหรือสมาร์ทโฟนของเราจริงๆแล้ว มันก็เปรียบเสมือนกับเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องนึงแบบเดียวกับพีซีหรือโน้ตบุ๊คที่คุณคุ้นเคยนั่นแหละ เพียงแต่เค้าคิดค้นและออกแบบให้ชิ้นส่วนทุกๆอย่างของมันเล็กมากๆ เล็กเสียจนเรียกได้ว่าเป็นการจับเอาคอมพิวเตอร์ทั้งชุดยัดใส่ลงไปในมือถือหรือสมาร์ทโฟนที่มีขนาดเพียงแค่ฝ่ามือของคุณนั่นแหละ ฟังดูแล้วน่าทึ่งใช่มั๊ยล่ะ!! ทีนี้ลองนึกภาพว่าหากเราแกะฝาครอบและชิ้นส่วนต่างๆที่เป็นพลาสติกออกก็จะเหลือแต่ส่วนประกอบที่สำคัญต่างๆ อาทิ จอแสดงผล แบตเตอรี่ กล้อง ปุ่มกด ฯลฯ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ (ไม่ได้ถูกติดตั้งตายตัวลงบนแผงวงจร) และแผงวงจรรวมที่ติดตั้งชิป ส่วนเชื่อมต่อ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆที่สำคัญเอาไว้มากมาย ซึ่งแผงวงจรรวมดังกล่าวนี้มีความสำคัญมาก เพราะมีชิปประมวลผล (CPU) ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของมือถือหรืออุปกรณ์สมาร์ทโฟนอยู่ด้วย

 

open phone

 

iphone-6-teardown-1024x768

 

socทีนี้เรามาพูดกันเน้นๆถึงชิปประมวลผล (CPU) อ๊ะ…ไม่ใช่สิ !!! จริงๆต้องเรียกว่า “ชิปเอนกประสงค์“ เพราะในความเป็นจริงแล้วชิปดังกล่าวเป็นชิปแบบ System on a Chip (SoC) หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ เป็นการรวมเอาองค์ประกอบที่สำคัญต่างๆ ซึ่งจะคอยทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ เช่น หน่วยประมวลผลข้อมูล (CPU), หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU), หน่วยความจำ (ROM/RAM/EEPROM/FLASH), ส่วนควบคุมหน่วยความจำ (Memory Controller), ส่วนควบคุมการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกและอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ, ส่วนควบคุมแรงดันไฟฟ้า (Voltage Regulators) และวงจรการจัดการพลังงาน (Power Management Circuits) มาผนวกรวมกันเอาไว้อยู่ภายในชิปเพียงตัวเดียว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้เกิดการประหยัดพลังงาน ลดค่าใช้จ่าย และประหยัดพื้นที่นั่นเอง

 

เมื่อเข้าใจถึงความสำคัญของชิปประมวลผลบนมือถือหรืออุปกรณ์สมาร์ทโฟนกันดีแล้ว ก่อนจะไปทำความรู้จักกับชิปประมวลผลบนอุปกรณ์สมาร์ทโฟนรุ่นต่างๆในปัจจุบัน ว่าไอ้รุ่นนั้นรุ่นนี้ที่เค้ากำลังฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมืองนั้น มันใช้ชิปประมวลผลอะไรกันบ้าง ผมจะขอคั่นด้วยการใช้โอกาสนี้อธิบายถึงที่มาที่ไปของคำว่า สถาปัตยกรรมซีพียูในแบบ ARM และ X86 ไว้เป็นข้อมูลพื้นฐานสักเล็กน้อย ซึ่งผมเชื่อว่าหลายท่านคงเคยเห็นผ่านหูผ่านตามาบ้างแล้วแต่อาจยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไรหรือแตกต่างกันยังไง ตรงนี้ผมจะมาแจกแจงรายละเอียดให้ฟัง แต่…อ๊ะๆ ผมขอพักเข้าโฆษณา อ๊ะ! ไม่ช่ายยยย! ขอยกไปเป็นบทความถัดไปแล้วกันนะครับ เพราะรายละเอียดดูจะเข้มข้นสักนิดนึง แล้วอย่าลืมติดตามอ่านกันหล่ะ กิ๊วๆ

 

“เทคโนโลยีสมาร์ทโฟน” ตอนต่อไป

1-2-3-4 มือถือ Gen ไหนคุณทันใช้บ้าง [ดักแก่!]

ARM กับ X86, RISC กับ CISC มหาอำนาจต่างขั้วบนโลกของซีพียู

ชิปประมวลผล ARM และ Intel (x86) บนสมาร์ทโฟน

(ต่อ) ชิปประมวลผล ARM และ Intel (x86) บนสมาร์ทโฟน

 

 

OPPO N3 เตรียมเปิดตัว 29 ตุลาคมนี้ คาดมาพร้อมบอดี้โลหะ บางเบา และลิเทียมอัลลอย

 

oppo-n3-launch
หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับ OPPO N1 และ OPPO N1 mini มาแล้ว ล่าสุด OPPO ได้โพสต์ภาพกำหนดวันเปิดตัว OPPO N3 ในวันที่ 29 ตุลาคม นี้ ผ่านแฟนเพจของตัวเอง โดยจะเปิดตัวที่ประเทศสิงคโปร์

 

โดยการเปิดตัวครั้งนึ้มาในคอนเซ็ปต์ “One More Step. N3. Designed for Life” ซึ่งจุดเด่นของ OPPO ซีรีส์นี้ คือเรื่องของกล้องหมุนได้ 206 องศา ที่ตอบโจทย์ไลฟสไตล์เซลฟีในปัจจุบันเป็นอย่างมาก ฉะนั้น OPPO N3 คงต้องเพิ่มความอลังการให้กับกล้องฟรุ้งฟริ้งเป็นแน่

oppo-n3-metal

 

นอกจากนี้ยังมีภาพหลุดออกมากับเข้าด้วย ว่าจะมาพร้อมบอดี้ที่เป็นสแตนเลสสตีล และ ลิเทียมอัลลอย มาพร้อม 3 สี ขาว, ฟ้า และ ชมพู ทั้งนี้จากภาพหลุดยังสังเกตได้ว่าบอดี้จะบางมาก คล้ายกับ iPhone 6

oppo-n3-leak-1

 

อย่างไรก็ตาม หลายคนคงสงสัยว่า แล้วรุ่น N2 ล่ะ หายไปไหน ทำไมข้ามไป N3 เลย ซึ่งจริงๆ แล้วอาจจะมีการนับรุ่น N1 mini เป็นรุ่น N2 ไปแล้วก็ได้ เลยเปิดตัวเป็นรุ่น N3 ไปเลย

oppo-n3-leak-2

 

คาดว่า OPPO N3 น่าจะมาพร้อมหน้าจอ 5.9 นิ้ว ความละเอียด 1080p ส่วนซีพียูเป็น Snapdragon 805 และแรม 3GB แล้วมารอลุ้นกันในวันที่ 29 ตุลาคมนี้นะครับ

 

Source : OPPO, Geeky-Gadgets

 

 

Unbox แกะกล่อง Galaxy Note 4 เครื่องศูนย์ไทย

 
เปิดตัวและวางจำหน่ายในไทยเรียบร้อยแล้วกับ Samsung Galaxy Note 4 ที่เริ่มวางขายแบบจำกัดเพียง 100 เครื่องต่อวันในงาน Thailand Mobile Expo ที่ผ่านมา ส่วนใครที่พลาดจาก 100 เครื่องแรก แล้วจองสิทธิ์ในราคาพิเศษ 24,900 บาท จากในงาน ก็คงต้องรอรับหลังงานตามวันที่กำหนดกันอีกที ฉะนั้นก่อนจะถึงวันที่ต้องรับเครื่อง เรามาเตรียมตรวจสอบกันก่อนดีกว่าในกล่อง Galaxy Note 4 เครื่องศูนย์ไทย มีอะไรมาให้บ้าง

 

กล่องแพ็กเกจสไตล์เดิม แต่จะมีพิมพ์เลข 4 บนหน้ากล่องตัวใหญ่ชัดเจน

Unbox-Galaxy-Note4-TH-01

 

อุปกรณ์ที่ให้มาภายในกล่อง ตัวเครื่อง Note 4, แบตเตอรี่ 3220 mAh, หัวชาร์จอะแดปเตอร์, สาย USB 2.0, ชุดเปลี่ยนหัวปากกา S Pen จะมีหัวปากกาสำรองมาให้ 5 อัน, คู่มือและใบรับประกัน, หูฟังแบบ in-ear พร้อม earbuds อีก 2 ขนาด (2 คู่)

Unbox-Galaxy-Note4-TH-02

 

Galaxy Note 4 ถือเป็นรุ่นแรกของซัมซุงที่ใช้หน้าจอแบบ Quad HD Super AMOLED ที่ให้ความละเอียดและสีสันคมชัดถึง 2560 x 1440 พิกเซล แต่ยังคงมีขนาด 5.7 นิ้ว เท่ากับ Note 3

Unbox-Galaxy-Note4-TH-03

 
กรอบบอดี้ใช้วัสดุเป็นโลหะ ทำให้ Note 4 ดูแข็งแรง และหรูหราพรีเมียมยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเคลือบสีตามตัวเครื่องไว้อีกด้วย และมีการเจียรลบเหลี่ยมตรงสันขอบให้เห็นเนื้อโลหะ ส่วนความบางอยู่ที่ 8.5 มม. ส่วนน้ำหนักอยู่ที่ 176 กรัม หนักกว่า Note 3 ขึ้นมานิดหนึ่ง จาก 168 กรัม

Unbox-Galaxy-Note4-TH-05

 

ตรงขอบหน้าจอจะมีการดีไซน์ด้วยกระจกที่โค้งมน ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ที่นิยมใช้ในสมาร์ทโฟนระดับเรือธง

Unbox-Galaxy-Note4-TH-07

 

ฝาด้านหลังยังคงถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ และใช้วัสดุพลาสติกที่มีลายหนังเทียมเป็นเอกลักษณ์อยู่เช่นเดิม

Unbox-Galaxy-Note4-TH-04

 

กล้องหน้าเอาใจสาวกเซลฟีด้วยความละเอียด 3.7 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.9 ถ่ายในที่แสงน้อยได้สว่างยิ่งขึ้น พร้อมโหมด Wide Selfie ที่สามารถถ่ายเซลฟีมุมกว้างได้ถึง 120 องศา

Unbox-Galaxy-Note4-TH-10

 

กล้องหลังมาพร้อมความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมเพิ่มระบบชดเชยภาพสั่นไหวในตัวเลนส์ Smart OIS ถัดลงมาจะมีแฟลช LED และ Heart Rate เซนเซอร์ กับ UV เซนเซอร์

Unbox-Galaxy-Note4-TH-06

 

วันรับเครื่องให้ลองทดสอบ Heart Rate เซนเซอร์ วัดอัตรากการเต้นของหัวใจดู ว่ามีแสงสีแดงขึ้นมาขณะตรวจวัดรึเปล่า นอกจากนี้เวลาถ่ายรูปด้วยกล้องหน้า จะสามารถแตะที่ Heart Rate เพื่อกดชัตเตอร์ได้อีกด้วย (ใช้งานคล้ายกับปุ่ม Rear Key ใน LG G3)

Unbox-Galaxy-Note4-TH-11

 

เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า Note 4 กลับมาใช้ USB 2.0 เหมือนเดิม จากรุ่นก่อนหน้าเคยใช้ USB 3.0 เป็นจุดขาย ส่วนช่องเสียบปากกา S Pen ก็ยังอยู่ในตำแหน่งขวาเหมือนเดิม

Unbox-Galaxy-Note4-TH-08

 

ช่องเสียบหูฟังจะอยู่ด้านบนของตัวเครื่อง และมีเซนเซอร์อินฟราเรดไว้ใช้งานเป็น Smart Remote ควบคุมทีวี เครื่องเล่น เครื่องเสียง และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ

Unbox-Galaxy-Note4-TH-09

 

สำหรับใครที่ยังจองไว้ ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม คงจะเริ่มทยอยรับเครื่องกันตามคิว ส่วนเครื่องสีทองอาจจะต้องรอนานหน่อยเพราะจะเริ่มรับเครื่องได้ในวันที่ 24 ตุลาคม หลังจากนี้ก็คงจะมีวางขายทั่วประเทศในช่วงปลายเดือนตุลาคม ในราคา 25,900 บาท ส่วนของฟีเจอร์เด่นๆ ที่น่าสนใจ จะมารีวิวให้ชมกันเร็วๆ นี้นะครับ

 

 

8 สิ่งสุดล้ำ เมื่อ iPhone 5/5s/5c อัพเดท iOS8 แล้วใช้ได้เหมือน iPhone 6/6plus

 
ios8-ip5-ip6-hero
 

สำหรับใครที่มี iPhone 5, iPhone 5s และ iPhone 5c อยู่ในมือ แต่ด้วยความอยากได้ หรือกิเลสบังตา พร้อมหาเหตุผลที่จะซื้อ iPhone 6 หรือ iPhone 6 Plus ใหม่ โปรดฟังทางนี้ก่อน

 

เพราะอีกไม่ช้าในวันที่ 17 ก.ย. นี้ เราๆ ท่านๆ ทั้งหลายก็จะได้รับการอัพเดท iOS8 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการล่าสุด เช่นเดียวกับที่มาพร้อมใน iPhone รุ่นล่าสุด ลองไปดูกันก่อนว่าเมื่อเราอัพเดท iOS8 ไปแล้วจะมีฟีเจอร์ไหนที่ใช้งานได้ไม่ต่างกัน

 

1. ถ่ายภาพแบบ Time Lapse พร้อมฟิลเตอร์และฟังก์ชั่นแต่งภาพขั้นเทพ
ฟังก์ชั่นกล้องยังคงจัดเต็มได้อยู่ โดยเมื่อผู้ใช้ iPhone 5/5s/5c อัพเดทเป็น iOS8 จะทำให้กล้องสามารถถ่ายวิดีโอแบบ Time Lapse หรือภาพวิดีโอแบบเร่งสปีดที่มักเอาไว้บันทึกภาพการเคลื่อนไหวของก้อนเมฆ หรือวิวทิวทัศน์ แบบสารคดีต่างๆ นอกจากนี้ยังสามารถตั้งเวลาถ่ายอัตโนมัติ แบบ 3 วินาที หรือ 10 วินาทีได้แล้ว เพิ่มความสะดวกในการถ่ายเซลฟีโดยเฉพาะ
ios8-ip5-ip6-01

 

ส่วนในแอพ Photo ก็ยังเพิ่มลูกเล่นการแต่งภาพได้แบบขั้นเทพ โดยเฉพาะการปรับแต่งแสงสีอัตโนมัติให้อย่างอัจฉริยะหรือจะปรับเองก็ทำได้ พร้อมด้วยฟิลเตอร์ให้เลือกมากยิ่งขึ้น

ios8-ip5-ip6-02

 

2. ระบบเดาคำตามประโยค และเพิ่มคีย์บอร์ดเสริมได้
ios8-ip5-ip6-10

 

เปิดใช้ระบบเดาคำได้แบบหายห่วงเสียที เพราะมาคราวนี้ Apple พัฒนาขึ้นมาก กับระบบเดาคำ ที่ไม่ใช่แค่เดาทีละคำ แต่เดาให้เป็นประโยคเลยล่ะ แค่พิมพ์คำแรก คำถัดมาที่ใกล้เคียงกับประโยคนั้นก็จะขึ้นมาให้เราเลือกทันที สะดวกขึ้นมาก และจากที่ลองเล่นเวอร์ชั่น Beta ขอบอกว่าเดาคำเป็นประโยคได้ดีเลยทีเดียว พูดเลย ประหยัดเวลาพิมพ์ไปเยอะ
นอกจากนี้ใครไม่พอใจกับคีย์บอร์ดมาตรฐานของ Apple ก็สามารถโหลดคีย์บอร์ดจากผู้พัฒนารายอื่นๆ มาติดตั้งเพิ่มเติมได้ คล้ายๆ กับของแอนดรอยด์ที่มีแอพคีย์บอร์ดให้ติดตั้งมากมาย
3. อินเตอร์เฟสใหม่ใช้ได้เหมือนกัน

ios8-ip5-ip6-03
อีกสิ่งที่เราจะใช้งานได้ไม่ต่างจาก iPhone 6/6 Plus ก็คือเรื่องของอินเตอร์เฟส ณ จุดนี้พูดเลยว่า iOS8 ชนะเลิศ ไม่ว่าจะเป็นการตอบกลับได้ทันทีจากทุกๆ การแจ้งเตือนบนแถบ Notification หรือจะเป็นการแสดงรายชื่อบุคคลที่โทรติดต่อกันล่าสุด รวมถึงรายชื่อจากรายการโปรด ในหน้ามัลติทาสกิ้ง และยังเชื่อมโยงประวัติการใช้งานกับทุกอุปกรณ์ iDevice ที่เรามีอยู่ ไม่ว่าจะใช้งานบน iPhone แล้วไปใช้ต่อบน iPad ก็อัพเดทล่าสุดถึงกัน

ios8-ip5-ip6-04

 

4. ส่งคลิปเสียงหรือคลิปวิดีโอผ่าน SMS

ios8-ip5-ip6-10

สำหรับการส่งข้อความ SMS มันจะไม่ธรรมดาอีกต่อไป เพราะ Apple พัฒนาให้มันสามารถส่งแนบคลิปเสียงไปยังผู้รับได้อีกด้วย เมื่อจะฟังข้อความก็แค่ยกเครื่องแนบหูก็จะได้ยินคลิปเสียงทันที หรือแม้แต่วิดีโอก็สามารถถ่ายแล้วส่งคลิปวิดีโอแนบไปได้ทันที และเอาใจขาแชทด้วยการส่งข้อความเป็นกลุ่มได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถแนบพิกัดเพื่อแชร์ตำแหน่งไปให้เพื่อนๆ และยังเพิ่มความสามารถในการแนบรูปหรือวิดีโอได้ทีละหลายรูปในการส่งครั้งเดียว

 

5. ใช้ได้กับ Apple Watch พร้อมแอพ Health

ios8-ip5-ip6-09
สำหรับคนรักสุขภาพ แอพ Health จะเป็นศูนย์รวมมอนิเตอร์สุขภาพของเรา โดยจะเก็บสถิติการออกกำลังกายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น อัตราการเต้นของหัวใจ, จำนวนก้าวเดิน, การเผาผลาญแคลอรี, ระดับน้ำตาลในเลือด หรือแคลอรี จากแอพฟิตเนส และอุปกรณ์ต่างๆ ยิ่งมี Apple Watch ที่กำลังจะเปิดตัวด้วย ก็รองรับการใช้งานร่วมกับ iPhone 5/5s/5c ด้วยเช่นกัน ส่วนบารอมิเตอร์ที่ใช้วัดความกดอากาศเวลาไปปีนเขา เดินป่า ที่มีเพิ่มขึ้นมาอีกแค่ 1 เซนเซอร์ บน iPhone 6/6 Plus นั้น ก็ไม่น่าจะจำเป็นอะไรมาก ลองถามตัวเองดูว่าปีๆ นึงเคยปีนเขาสักกี่ครั้ง

ios8-ip5-ip6-11

 

6. Handoff เชื่อมโยงกับทุกอุปกรณ์ของ Apple

ios8-ip5-ip6-06
สำหรับสาวก Apple ที่มีทั้ง iPhone, iPad, Mac (Yosemite) ครบสูตร จะสามารถเชื่อมโยงอุปกรณ์เข้าด้วยกัน ซึ่งจะทำให้การใช้งานที่ต่อเนื่องเป็นหนึ่งเดียว เช่นกำลังพิมพ์อีเมล์บน iPhone อยู่ เมื่อเปิดแอพอีเมล์บนเครื่อง Mac ก็จะมีอีเมล์ฉบับนั้นให้เขียนต่อได้ โดยทุกเครื่องจะผูกด้วยแอคเคาท์ iCloud เดียวกันนั่นเอง โดยฟีเจอร์นี้จะรองรับกับแอพ Safari, Pages, Numbers, Keynote, Maps, Messages, Reminders, Calendar และ Contacts

ios8-ip5-ip6-07

เท่านั้นยังไม่พอฟีเจอร์นี้ยังทำให้ iPad และเครื่อง Mac โทรออก และรับสายได้ โดยจะต้องเชื่อมต่อในเครือข่าย Wi-Fi เดียวกัน เมื่อสายเข้า แล้วเราเก็บ iPhone ไว้ในกระเป๋า แต่กำลังทำงานอยู่บนเครื่อง Mac ก็สามารถรับสายจากการแจ้งบนเครื่อง Mac ได้ทันที หรือจะใช้โทรออกก็ได้ เห็นมั้ยว่าชีวิตง่ายขึ้นเยอะ

 

7. ซื้อแอพ หนัง เพลง แล้วแบ่งปันได้ทั้งครอบครัว

ios8-ip5-ip6-08
กลยุทธนี้พี่ยอม เมื่อ Apple ใจป้ำ ยอมให้แบ่งปันแอพ หนัง เพลง อีบุ๊ก ให้คนสนิทในครอบครัวได้ฟรี คือซื้อคนเดียว สามารถแชร์ให้คนอื่นได้อีก 6 คน เท่านั้นยังไม่พอใครมีลูกมีหลานที่ยังไม่พร้อมมีบัตรเครดิต ก็สามารถอนุญาติให้ลูกหลานซื้อแอพผ่านแอคเคาท์ตัวเองได้ โดยที่เขาไม่ต้องมี Apple ID ที่สำคัญคือสามารถควบคุมการซื้อแอพได้ชัวร์ เพราะทุกครั้งที่ใครจะโหลด จะต้องผ่านการอนุมัติจากเราก่อนทุกครั้ง นอกจากนี้ก็ยังสามารถแชร์รูป แชร์พิกัด และปฏิทินนัดหมายร่วมกันได้

 

8. iCloud Drive เลิกพกทรัมไดร์ฟไปได้เลย

ios8-ip5-ip6-09
ใครใช้ Dropbox คงเข้าใจดีอยู่แล้ว เพราะ iCloud Drive ก็มีคุณสมบัติคล้ายๆ กันที่ให้เราเก็บไฟล์ต่างๆ เอาไว้บนคลาวด์ได้ นอกจากนี้ยังรองรับกับไฟล์ต่างๆ ได้มาขึ้น เช่น ไฟล์ PDF, Page, Numbers, Keynote, รูปภาพ, เพลง, วิดีโอ โดยทั้งหมดสามารถเข้าถึงได้จากทุกอุปกรณ์ ทั้ง iPhone, iPad, iPod Touch, Mac รวมถึง Windows 7 ขึ้นไป ดังนั้นไม่ว่าจะแก้ไขไฟล์ที่เครื่องไหน เราก็จะได้ไฟล์อัพเดทล่าสุดเหมือนกันหมด หรือหากมีใครแก้ไขเอกสารอยู่พร้อมกัน เราก็จะเห็นไปด้วย

 

อุปกรณ์ที่รองรับ iOS8
ios8-ip5-ip6-14

 

เห็นมั้ยล่ะครับว่าฟีเจอร์ไฮไลต์หลักๆ ของ iOS8 ก็สามารถใช้งานได้สมบูรณ์เท่ากับ iPhone 6/6plus ได้ไม่แพ้กันเลย ฉะนั้นลองคิดกันดูดีๆ ก่อนนะครับว่าคุณจำเป็นแค่ไหนในการใช้ฟีเจอร์ใหม่ที่มากกว่าเพียงเล็กน้อย กับเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มอีก 2 หมื่นกว่าบาท และที่สำคัญบางคนอาจจะยังผ่อน iPhone 5S ไม่หมดด้วยช้ำ ฉะนั้นจึงอยากจะย้ำให้ผู้ใช้ โดยเฉพาะน้องๆ หนูๆ นักเรียน นักศึกษา หรือแม้แต่คนทำงาน ให้ใช้สติก่อนใช้สตางค์กันนะครับ ด้วยความปรารถนาดี จาก Oopsmobile ที่อยากให้ทุกคนใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด โดยไม่ตกเป็นทาสของเทคโนโลยี…

 
 

ไมโครซอฟต์ เตรียมปิดตำนานแบรนด์ Nokia และ Windows Phone

 

Nokia-Windows-Phone

 

หลังจากที่ไมโครซอฟต์ซื้อกิจการของ Nokia ไปได้ไม่นาน กระแสเรื่องของการปรับเปลี่ยนแบรนด์ก็ยังเป็นที่น่าสนใจ ซึ่งตอนแรกไมโครซอฟต์ยังไม่ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ และบอกว่าจะยังคงใช้แบรนด์ Nokia ต่อไปก่อน จนกระทั่งวันนี้เว็บไซต์ข่าวทั่วโลก ต่างออกมายืนยันไปในทิศทางเดียวกันว่า ไมโครซอฟต์ กำลังมีแผนที่จะปิดตำนานแบรนด์ Nokia และ Windows Phone แล้วหันมาใช้แบรนด์ Windows เฉยๆ แทนเท่านั้น

 

โดยหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนแบรนด์ในครั้งนี้ สืบเนื่องจากที่เว็บไซต์ Geekongadgets ได้นำภาพเลย์เอาท์แคมเปญการตลาดออกมาเผยแพร่ ซึ่งมีระบุถึงรายละเอียดของเปลี่ยนแปลงแบรนด์ ที่จะเริ่มแคมเปญในช่วงเทศกาลวันหยุด โดยเว็บไซต์ The Verge ก็ออกมายืนยันว่าเป็นของจริง

 

ฉะนั้นสำหรับ Lumia 830 และ 730 ที่เพิ่งเปิดตัวไป อาจจะเป็น 2 รุ่นสุดท้ายที่ใช้แบรนด์ Nokia อยู่ก็เป็นได้

 

Source : BGR

 

 

เธอลืมไปรึเปล่า รักฉันเพราะอะไร… ชมคลิปกลืนน้ำลายตัวเอง ของ Apple iPhone 5 ในอดีต

i5tvad

 

เธอลือไปรึเปล่า รักฉันเพราะอะไร ลืมไปรึเปล่าชอบฉันที่ตรงไหน” ขอฮัมเพลงนี้ให้เลยกับโฆษณาของ iPhone 5 ที่เคยนั่งยัน นอนยัน มาตลอดว่าการมีหน้าจอขนาดเล็กมันดีที่สุดแล้ว เพราะสามารถควบคุมการใช้งานได้เบ็ดเสร็จในมือเดียว แต่วันนี้ Apple ยอมเสียศักดิ์ศรี ผิดคำพูดกับตัวเองที่เคยให้ไว้ แล้วยอมตามใจความต้องการของตลาดด้วยการ ขยายหน้าจอใน iPhone6 เป็น 4.7 นิ้ว และ iPhone 6 Plus เป็น 5.5 นิ้ว ซะงั้น

 

[youtube link=”http://youtu.be/O99m7lebirE” width=”590″ height=”315″]

 

อย่างไรก็ตามการยอมปรับเปลี่ยนครั้งนี้ ก็ไม่ได้มีอะไรเสียนอกไปจากคำว่า ศักดิ์ศรี แต่สิ่งที่ได้กลับมานั้น Apple  คงจะคิดดีแล้วว่าคุ้มค่ามากกว่า เพราะผลสำรวจจากผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็มีความต้องการใช้งานสมาร์ทโฟนที่จอใหญ่ขึ้น ทั้งใช้เล่นเกม เล่นโซเชียล เล่นอินเทอร์เน็ต หรือแม้แต่การดูหนัง ฟังเพลง ก็ใช้ชีวิตอยู่บนสมาร์ทโฟนตลอดเวลาจนกว่าจะเข้านอน ฉะนั้นจึงทำให้ตลาด Phablet มีการแข่งขันที่สนุกสนานยิ่งขึ้น โดยเฉพาะคู่แข่งฝั่งแอนดรอยด์ ที่น่าจะเห็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก เพื่อสู้กับ Apple ซึ่งส่งผลดีต่อผู้บริโภคที่จะมีตัวเลือกที่ดีที่สุดในราคาที่สมเหตุสมผล

 

Source : thenextweb

 

 

 

ซัมซุง Galaxy Alpha สมาร์ทโฟนรุ่นพรีเมี่ยม เริ่มวางขาย 12 กันยายนนี้

galaxy-alpha-official-4-620x413

Galaxy Alpha สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์บอดี้โลหะ ระดับพรีเมี่ยม ตัวแรกของซัมซุง พร้อมวางจำหน่ายแล้ว 12 กันยายนนี้ เริ่มที่สหราชอาณาจักรก่อน และในวันที่ 26 ก.ย. จะวางจำหน่ายในประเทศแคนาดาในลำดับถัดไป

 

ส่วนราคาของ Galaxy Alpha อยู่ที่ 549 ยูโร หรือประมาณ 22,700 บาท ส่วนเมืองไทยมีข่าวยืนยันราคามาแล้วอยู่ที่ 20,900 บาท (ที่มา mxphone) อย่างไรก็ตาม ซัมซุงยังไม่เปิดเผยถึงวันวางจำหน่ายในสหรัฐ และประเทศอื่นๆ

 

GALAXY-ALPHA_KV_Woman_Gold_Horizontal_0804

 

เรียกว่าเป็นการสกัดดาวรุ่นก่อนหน้างานเปิดตัว iPhone 6 แบบไม่แคร์สื่อกันเลยทีเดียว ไม่แน่นะเกิดซัมซุงประเทศไทยนำ Galaxy Alpha เข้ามาขายในเมืองไทยได้ก่อน iPhone 6 อาจจะทำหลายคนเริ่มลังเลใจขึ้นมาก็ได้

 

สเปกของ Samsung Galaxy Alpha
• หน้าจอ 4.7 นิ้ว Super AMOLED
• ซีพียู Samsung Exynos octacore (8 แกนสมอง)
• แรม 2 GB
• หน่วยความจำภายใน 32 GB
• มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
• กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล
• กล้องหน้า 2.1 ล้านพิกเซล
• รองรับ 4G LTE
• ระบบปฏิบัติการ Android 4.4.4
• บางเพียง 6.7 มม.
• น้ำหนักรวม 115 กรัม

 

Source : Sammobile

 

 

Alcatel กลับมาอีกครั้ง ออกตัวแรง ส่ง OneTouch Flash จอใหญ่ 5.5 นิ้ว พลังแรง 8 Core ในราคา 6 พันกว่าบาท

 

Alcatel-onetouch-flash-01

 

หากพูดถึงแบรนด์ Alcatel ถ้าอยู่ในวัยเจน X หลายคนคงทันใช้ สมัยที่ฟีเจอร์โฟนกำลังนิยม หนึ่งในตัวเลือกคงต้องมีแบรนด์ Alcatel ผ่านหู ผ่านตามาบ้าง โดยเฉพาะพิธีกรในงานเปิดตัวครั้งนี้ น้องซี ฉัตรปวีณ์ ที่เธอเอ่ยกลางเวทีว่า Alcatel เป็นมือถือเครื่องแรกในชีวิตของเธอเลย 555…

 

Alcatel-onetouch-flash-02

ภายในงานมีแฟชั่นโชว์ของเหล่าดาราเซเล็ปจากซีรี่ส์ Hormones

 

และเมื่อมาถึงยุคของสมาร์ทโฟน แม้ว่า Alcatel จะออกตัวช้ากว่าแบรนด์อื่นๆ แต่วันนี้ขอออกตัวแรง ด้วยการส่งสมาร์ทโฟนรุ่น OneTouch Flash ที่อัดแน่นด้วยซีพียูระดับ 8 Core (Mediatek Octa-Core CPU) ความเร็ว 1.4 GHz แรม 1 GB พร้อมด้วยหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD 720×1280 พิกเซล กล้องหน้าฟรุ้งฟริ้ง 5 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED 1 ดวง แบตอึดด้วยความจุมากถึง 3200 mAh และน้ำหนักเบาเพียง 150 กรัม ทั้งนี้ยังรองรับ 2 ซิม (ซิมขนาด Micro SIM) แต่ใช้ 3G ได้กับคลื่นความถี่ 900/2100 MHz เท่านั้น

 

Alcatel-onetouch-flash-03

 

ฟีเจอร์โดดเด่นของ Alcatel OneTouch Flash
• กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล ฟิกซ์โฟกัส มาพร้อมโหมด Beauty Selfie หน้าเนียน ดวงตา Big Eye ถ่ายแล้วเก็บทั้งรูปต้นฉบับและรูปที่แต่งอัตโนมัติไว้ให้เลือก
• กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล ออโต้โฟกัส เซนเซอร์ Sony BSI พร้อมระบบลดภาพสั่นไหว
• HotKnot โอนถ่ายไฟล์ภาพหรือวิดีโอระหว่าง OneTouch Flash ด้วยกัน ได้ง่ายๆ เพียงหันหน้าจอประกบกัน
• Dual Band Wi-Fi รองรับคลื่นความถี่ Wi-Fi ได้ทั้งมาตรฐาน 2.4 GHz และ 5.0 GHz เพื่อให้สปีดที่เร็วกว่า และลดสัญญาณรบกวน
• มี FM Tuner ในตัว
• มีระบบเคาะ 2 ครั้งบนหน้าจอเพื่อเปิดหน้าจอ โดยไม่ต้องกดปุ่ม หรือจะเคาะอีกครั้งเพื่อปิดก็ได้
• มาพร้อมระบบปฏิบัติการล่าสุด Android 4.4.2 Kitkat
• รองรับ 2 ซิม แสตนบายด์
• เพิ่มหน่วยความจำ Micro SD ได้สูงสุด 32 GB

 

วางจำหน่ายเร็วๆ นี้ ในราคาเพียง 6,590 บาทเท่านั้น

 

ขนาดตัวเครื่องที่หน้าจอ 5.5 นิ้ว ก็ยังถือได้ถนัดในมือเดียว

Alcatel-onetouch-flash-04

 

ในงานมี 2 สีมาโชว์ คือ ขาว, เทา

Alcatel-onetouch-flash-05

 

ปุ่มโฮม Home, Menu และ Back จะอยู่บนตัวเครื่องไม่ได้รวมมาในหน้าจอ แต่จะไม่มีไฟ Back Light ส่องสว่างเวลาสัมผัส ใช้งานในที่มืดอาจจะลำบาก

Alcatel-onetouch-flash-06

 

ช่องใส่ Micro SD กับ Micro SIM1 มาพร้อมฝาปิดแบบกันหลุดหาย คล้ายๆ กับ Sony Xperia Z2

Alcatel-onetouch-flash-07

 

ส่วนด้านขวา ก็จะมีช่องใส่ Micro SIM2 และปุ่มเพิ่มลดเสียง, ปุ่มพาเวอร์

Alcatel-onetouch-flash-08

 

ฟอนต์ในการตั้งค่าใหญ่โต มองเห็นได้ชัดเจน เหมาะสำหรับวัย สว. (สูงวัย) เป็นอย่างยิ่ง

Alcatel-onetouch-flash-09

 

 

 

 

[IFA2014] ซัมซุงเปิดตัว Galaxy Note Edge นวัตกรรมขอบจอโค้ง เพิ่มลูกเล่นการแจ้งเตือน แสดงผลแยกส่วนได้

samsung-galaxy-note-edge-06

และแล้วก็มาตามคำสัญญา กับแฟบเล็ตจอโค้ง ที่เคยออกโชว์เครื่องต้นแบบมาแล้วเมื่อปลายปีก่อน โดยในงาน IFA 2014 ปีนี้ ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อรุ่น Galaxy Note Edge น้องใหม่ในตระกูล Note ที่มาพร้อมหน้าจอ Curved OLED พร้อมด้วยปากกา S Pen แต่มีขนาดหน้าจอเล็กกว่านิดหนึ่งคือ 5.6 นิ้ว จาก Note 4 ที่มีขนาด 5.7 นิ้ว โดยสเปกเครื่องส่วนใหญ่ก็จะเหมือน Galaxy Note 4 เลยทีเดียว มีบางส่วนที่แตกต่างเล็กน้อย โดยเฉพาะตรง หน่วยประมวลผลที่มีให้เลือกเพียงตัวเดียวคือ 2.7 GHz Quad-Core Processor

 

• หน้าจอความละเอียดสูงระดับ Quad HD ความละเอียด 2560×1440 เท่ากับ Galaxy Note 4
• กล้องหลังก็ความละเอียดเท่ากันคือ 16 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันภาพสั่นไหว OIS
• กล้องหน้า ความละเอียดสูงถึง 3.7 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างถึง F1.9
• หน่วยความจำ 32/64 GB แรม 3 GB
• แบตเตอรี่ 3,000 mAh พร้อมระบบ Fast Charge ชาร์จเร็วได้ 50% ภายในเวลา 30 นาที เช่นเดียวกัน
• แต่ไม่รองรับ การใช้งานร่วมกับ Gear VR

 

ฟังก์ชั่นเด่นที่ขอบจอโค้ง

• แสดงการแจ้งเตือนต่างๆ ในขณะปิดหน้าจอ โดยจะแสดงผลเฉพาะตรงขอบจอโค้งเท่านั้น
• สไลด์เพื่อเปิดดูการแจ้งเตือนได้
• สไลด์เพื่อเลื่อนดูวิดีโอได้
• แสดงช็อตคัทไอคอนที่ขอบจอ ให้แตะเข้าใช้งานได้ทันที
• ควบคุมการเล่นเพลงได้
• แตะสไลด์เพื่อเปิดดูเวลาได้
• สามารถปรับแต่งแถบเครื่องมือ หรือเลือกธีมต่างๆ ได้

 

samsung-galaxy-note-edge-01

 

samsung-galaxy-note-edge-02

 

นอกจากนี้ซัมซุงยังเปิดให้นักพัฒนาแอพพลิเคชั่นทั่วไป ได้นำฟีเจอร์นี้ไปใช้ในการพัฒนาแอพของตัวเองหรือเข้าถึงฟีเจอร์นี้ได้อีกด้วย ส่วนราคายังไม่เปิดเผยอีกเช่นเดียวกัน โดยกำหนดวางจำหน่ายในช่วงฤดูใบไม้ร่วง มี 2 สี ขาว, ดำ

samsung-galaxy-note-edge-05

samsung-galaxy-note-edge-07

samsung-galaxy-note-edge-08

samsung-galaxy-note-edge-09

samsung-galaxy-note-edge-10

Source  : Samsung Mobile Press, Slash Gear 
 
 

[IFA2014] เปิดตัวแล้ว Samsung Galaxy Note 4 สุดยอด Phablet ขวัญใจมหาชน มาพร้อมกล้องเซลฟี และหน้าจอ Quad HD

 

Note4 Group Main 001

เปิดตัวอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว สำหรับ Galaxy Note 4 หลังจากเห็นภาพหลุดกันมาเยอะ ด้วยขนาดหน้าจอเท่าเดิม คือ 5.7 นิ้ว แต่แน่นอนว่าซัมซุงคงจะไม่หยุดนิ่งในแง่ของประสิทธิภาพภายใน รวมถึงฟีเจอร์ใหม่ ซึ่งขอสรุปเป็นข้อๆ ดังนี้

 

Galaxy Note 4 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของซัมซุงที่ใช้หน้าจอระดับ Quad HD 2,560 x 1,440 พิกเซล บนขนาด 5.7 นิ้ว SuperAMOLED
• เน้นกล้องหน้าสำหรับถ่ายเซลฟีโดยเฉพาะ ความละเอียดสูงถึง 3.7 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างถึง F1.9 รับแสงได้มากกว่าเดิมถึง 60% จากรูรับแสง F2.4 นอกจากนี้ยังถ่ายเชลฟีแบบกลุ่มได้แบบพาโนรามากว้างถึง 120 องศา เลยทีเดียว
• ส่วนกล้องหน้าความละเอียดเพิ่มเป็น 16 ล้านพิกเซล พร้อมระบบลดภาพสั่นไหวที่ตัวเลนส์ OIS
• ปากกา S Pen เจเนอเรชั่นที่ 4 มาพร้อมความสามารถในการรับแรงกดได้ดี ละเอียดขึ้น และตอบสนองได้ไวเหมือนเขียนด้วยปากกาจริงๆ
• รองรับการอุปกรณ์ Gear VR ซึ่งเป็นอุปกรณ์สร้างภาพเสมือนจริง ที่เปิดตัวพร้อมกันในงานนี้
• ใหม่ด้วยระบบ Fast Charge ที่สามารถชาร์จแบตจาก 0 – 50 % ได้ภายใน 30 นาที และเพิ่มความจุแบตขึ้นเป็น 3220 mAh
• ยังคงถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้
• ส่วนพอร์ต USB ใน Note 4 ดันกลับมาใช้แบบ USB 2.0 ซะงั้น
• มีซีพียู 2 รุ่น ออกวางจำหน่ายคือ Snapdragon 805 2.7 GHz quadcore Cat.6 LTE และ Exynos 5433 1.9GHz Octacore Cat.4 LTE
• ระบบปฏิบัติการ Android 4.4 (KitKat)
• มาพร้อมเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และวัดอัตราการเต้นของหัวใจเหมือน Galaxy S5
• หน่วยความจำในตัว 32 GB แรม 3 GB
• มี 4 สี Frosted White, Charcoal Black, Bronze Gold, Blossom Pink
ราคาจะเปิดเผยตามแต่ละประเทศอีกที โดยจะวางจำหน่ายภายในเดือนตุลาคม นี้

SM-N910_Frost White_Dynamic-Pen_017

SM-N910_Frost White_Back_003

SM-N910_Frost White_Combination-Pen_018

SM-N910_Charcoal Black_Front-Pen_002

SM-N910_Charcoal Black_Combination-Pen_018

SM-N910_Charcoal Black_Right side_004

 

SM-N910_Charcoal Black_Back_003

SM-N910_Bronze Gold_Front-Pen_002

SM-N910_Bronze Gold_Right side_004

SM-N910_Bronze Gold_Back_003

SM-N910_Blossom Pink_Back_003

 

Source : Samsung Mobile Press