Jawbone เปิดตัวสายรัดข้อมือฟิตเนส UP2 เล็กกว่าเดิมแต่คงประสิทธิภาพเหนือชั้นเพื่อคนรักสุขภาพ

 

Jawbone เปิดตัวสายรัดข้อมือ UP2™ ไปเป็นที่เรียบร้อย ดูภายนอกคล้ายกับสายรัดข้อมือ UP3™ แต่มีรูปทรงที่เล็กกว่า และคงประสิทธิภาพทำงานเหนือชั้นด้วยการเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่น UP® ของ Jawbone และเครื่องมือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ทรงพลัง ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นติดตามกิจกรรมการออกกำลังกายของตนเอง พร้อมวางจำหน่ายแล้วที่ ราคา 4,990 บาท

up2_1

ดีไซน์คล่องตัว เด่นสะดุดตา

 

ดีไซเนอร์ อีฟ เบเฮอร์ ออกแบบ UP2™ ให้รู้สึกคล่องตัวในขณะทำกิจกรรมต่างๆ ตลอด 24 ชั่วโมง UP2™ มีดีไซน์ที่เรียบง่าย แต่ดูสวยงามโดดเด่น ด้วยวัสดุอลูมิเนียมเคลือบสีชั้นเลิศ

ภายในตัวเครื่อง UP2™ ติดตั้งมอเตอร์ที่สามารถสั่นได้ เพื่อปลุกให้คุณตื่นในเวลาที่ดีที่สุด ของวงจรการนอนของคุณ หรือแจ้งเตือนให้ขยับร่างกายเมื่อคุณอยู่นิ่งๆเป็นเวลานาน นอกจากนั้นผู้ใช้ ยังสามารถตั้งค่าการเตือนต่างๆ เพื่อให้สั่นเตือนตามที่ต้องการ เช่นเตือนให้ออกกำลังกาย เข้านอน หรือทานยา

Jawbone UP2™ เชื่อมต่อโทรศัพท์สมาร์ทโฟนผ่านระบบ Bluetooth® Smart เพื่อแสดงผลกิจกรรมของคุณแบบทันท่วงที และมาพร้อมกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่สามารถชาร์จซ้ำได้ โดยอุปกรณ์จะสามารถทำงานยาวนานถึง 7 วัน จากการชาร์จแต่ละครั้ง อีกทั้ง ได้รับการออกแบบให้สามารถทนต่อการกระเซ็นของน้ำ เพื่อทำให้สามารถสวมใส่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และเช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ทุกตัวของ Jawbone ที่จะมีประสิทธิภาพการทำงานที่ดียิ่งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ ส่งผ่านซอฟต์แวร์ฟรีและการอัพเดตแอพพลิเคชั่น จึงมั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ติดตามการทำกิจกรรมนี้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและโดดเด่นกว่าอุปกรณ์อื่นๆ ในระดับเดียวกันตลอดเวลา

เทรนเนอร์อัจฉริยะโดย Smart Coach

 

เมื่อแอพพลิเคชั่นติดตามผลของ Jawbone UP เชื่อมต่อกับ UP2 จะสร้างระบบอัจฉริยะ Smart Coach วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้และมอบคำแนะนำที่เหมาะสมเฉพาะตัวของผู้ใช้ พร้อมรายงานผลเพื่อกระตุ้นผู้ใช้งานประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย

ด้วย Smart Coach คุณจะสามารถเอาชนะอุปสรรคต่างๆ พร้อมสร้างพฤติกรรมใหม่และประสบความสำเร็จตามเป้าหมายได้ง่ายดายยิ่งขึ้น เพราะในขณะที่ Smart Coach เรียนรู้เกี่ยวกับตัวคุณ ระบบอัจฉริยะสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกและเพิ่มความท้าทายให้ผู้ใช้ปรับปรุงพฤติกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การนอนหลับ การควบคุมอาหาร และการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น หาก Smart Coach วิเคราะห์ว่า เมื่อคุณเข้านอนหัวค่ำ คุณจะเดินมากขึ้นในวันถัดไป มันก็จะท้าทายด้วยการส่ง “Today I Will” เข้านอนเร็ว หรือเพื่อให้คุณตั้งนาฬิกาปลุกอัจฉริยะ(Smart Alarm) เพื่อให้ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น ด้วยระบบ Smart Coach  คุณจะสามารถก้าวผ่านอุปสรรค สร้างนิสัยใหม่ๆ และเอาชนะเป้าหมายอย่างง่ายดาย

ผู้ใช้งานจะสามารถเชื่อมต่อกับผู้ใช้งานอื่นๆ จากระบบเปิดของแพลตฟอร์ม UP เพื่อสร้างแรงจูงใจเพิ่มเติม ด้วยการใช้งานกับอุปกรณ์ติดตามกิจกรรมของ Jawbone หรือแม้กระทั่งอุปกรณ์อื่นๆ นอกจากนั้น ระบบ UP ยังสามารถให้ประสบการณ์เฉพาะตัวสำหรับคุณ เพราะคุณจะสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ หรือแอพฯอื่นๆ เพียงแค่เลือกจาก UP app Gallery  ว่าแอพฯไหน ที่มีประโยชน์กับชีวิตคุณ แม้กระทั่งการลดน้ำหนัก

up2_2

วางจำหน่าย มิ.. 2558

สายรัดข้อมืออัจฉริยะ Jawbone UP2 มีให้เลือก 2 สี ทั้ง Black Diamond และ Light Grey Hex พร้อมวางจำหน่ายที่ Gizman, Jaymart, King Power, iStudio, Power Buy, Power Mall และ .Life  ในราคาเริ่มต้นที่ 4,990 บาท

แอพพลิเคชั่น UP รองรับการใช้งาน 12 ภาษา อาทิ ภาอังกฤษ ภาษาสเปน ภาษาฝรั่งเศส ภาษาดัช ภาษาเยอรมัน ภาษาอิตาเลียน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเกาหลี ภาษาโปรตุเกส (บราซิล) ภาษารัสเซีย ภาษาจีนตัวย่อ และภาษาจีนดั้งเดิมหรือตัวเต็ม

แอพพลิเคชั่น Jawbone UP สำหรับแอนดรอยด์สามารถดาวน์โหลดฟรีได้ที่ Google Play  และสำหรับ iOS สามารถดาวน์โหลดฟรีได้ที่ App Store

up2_3

up2_4

เลือก Wearable Device อย่างไรให้เหมาะกับคุณ

 

wearable-device-all
 

นับว่าช่วงนี้เป็นยุคของ Wearable Device หรืออุปกรณ์สวมใส่ดิจิตอลเพื่อสุขภาพ ที่มีออกมาให้เลือกหลายแบบ หลายสไตล์ แต่คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าอุปกรณ์ตัวไหนที่เหมาะกับความต้องการของคุณ ดังนั้นเรามาทำความเข้าใจกับเรื่องกันดีกว่า

 

Wearable Device คืออะไร?

หากจะให้ความหมายโดยรวมของ Wearable Device ที่สามารถเข้าใจง่ายๆ คงหมายถึง อุปกรณ์สวมใส่เข้ากับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของนาฬิกา, แว่นตา, กำไรข้อมือ, สายรัดข้อมือ ฯลฯ โดยมันจะทำหน้าที่ตรวจวัดค่าต่างๆ ด้านสุขภาพ หรือแสดงผลข้อมูล การแจ้งเตือน ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน หรือไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน โดยมันสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ต หรือซิงค์ข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ และสมาร์ทโฟนได้ ซึ่งภายในระบบคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋ว ที่ประกอบด้วยหน่วยประมวลผล เซนเซอร์ต่างๆ และหน่วยความจำ เพื่อใช้บันทึกข้อมูล และสามารถแสดงผลบนหน้าจอได้ หรือบางรุ่นก็ไม่มีหน้าจอต้องซิงค์ร่วมกับสมาร์ทโฟนเพื่อดูข้อมูล โดย Wearable Device จะมีทั้งแบบที่ต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน และแบบที่ไม่ต้องพึ่งการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย

 

Wearable Device มีกี่ประเภท?

และคำถามถัดมาที่หลายคนสงสัยคือ Wearable Device มันมีกี่ประเภท แล้วแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร เราควรเลือกใช้แบบไหนถึงจะเหมาะกับการใช้งาน ซึ่งจะขอแบ่งตามประเภทการใช้งานดังนี้เลยครับ

 

สายรัดข้อมือ Smart Band

Sony-smartwatch3-03

สำหรับ Wearable Device แบบ Smart Band หรือที่เป็นสายรัดข้อมือนั้น ส่วนใหญ่จะออกแบบมาเพื่อการใช้งานสำหรับคนรักสุขภาพ เพราะมันจะเน้นไปที่การตรวจจับสุขภาพของเรา ไม่ว่าจะเป็น การนับจำนวนก้าวเดินหรือวิ่งในแต่ละวัน เพื่อคำนวณการเผาผลาญแคลอรี่, วัดระยะทางได้ด้วย GPS, ตรวจจับการนอนว่าเราหลับสนิทไปกี่ชั่วโมง, ตั้งปลุกโดยให้สั่นเตือนได้ หรือกระทั่งคำนวนแคลอรี่จากอาหารที่รับประทานเข้าไป โดยซิงค์ข้อมูลร่วมกับสมาร์ทโฟน ทั้งนี้บางรุ่นก็สามารถใช้ควบคุมการเล่นเพลงได้อีกด้วย รวมถึงยังสามารถแชร์ข้อมูลไปยังโซเชียลเน็ตเวิร์คเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กันผู้ใช้ร่วมกัน ทำให้เกิดความท้าทายมากยิ่งขึ้น

 
Smart Band ยังถูกแบ่งย่อยออกไปหลายรูปแบบ ทั้งแบบที่เป็นกำไร หรือสายรัดข้อมือที่ไม่มีหน้าจอ และแบบที่มีจอแสดงผลในตัว ซึ่งก็ต่างดีไซน์ออกมาให้เป็นเครื่องประดับไฮเทคไปในตัว

 
คุณสมบัติหลักๆ ที่ Smart Band ต้องมี
• ตรวจวัดจำนวนก้าวเดิน/วิ่งได้
• มี GPS วัดระยะทาง
• ตรวจจับการนอน
• คำนวณการเผาผลาญแคลอรี่
• ซิงค์ร่วมกับสมาร์ทโฟนได้
• แบตเตอรี่อยู่ได้นานอย่างน้อย 7 วัน ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (รุ่นที่มีหน้าจออาจจะน้อยกว่า)

*หมายเหตุบางรุ่นอาจจะไม่มีคุณสมบัติบางอย่าง

 
Smart Band เหมาะกับใคร : เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนรักสุขภาพ เน้นใส่ติดตัวไว้ตลอดเวลา เพราะตรวจวัดการเผาผลาญแคลอรี่ จากกิจกรรมต่างๆ รวมถึงตรวจจับการนอนว่าเรานอนหลับไปกี่ชั่วโมง เพียงพอกับการพักผ่อนแล้วหรือยัง และที่สำคัญใครที่ไม่อยากวุ่นว่ายกับการโหลดแอพ ตั้งค่าให้มากมาย รวมถึงไม่ต้องเสียเวลาชาร์จแบตทุกวัน Smart Band ก็ตอบโจทย์คุณได้แล้วครับ

 

นาฬิกาอัจฉริยะ Smart Watch

AplWatch42_34R_HomeScreen_HERO

สำหรับ Smart Watch หรือนาฬิกาอัจฉริยะ ซึ่งแน่นอนว่ามันใช้สวมใส่แทนนาฬิกาข้อมือได้เลย แต่สิ่งที่เหนือกว่านาฬิกาคือมันจะมาพร้อมหน้าจอที่สามารถสัมผัสที่ควบคุมแอพพลิเคชั่นต่างๆ ภายในตัวได้ หรือบางรุ่นก็อาจจะใช้ปุ่มแทนหน้าจอสัมผัส โดยความสามารถหลักๆ ก็จะคล้ายกับ Smart band ในการตรวจวัดสุขภาพต่างๆ แต่จะเพิ่มเซนเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจขึ้นมา เซนเซอร์วัดระดับความสูง  เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ เซนเซอร์วัดรังสียูวี และในบางรุ่นสามารถใส่ซิมเพื่อโทรออกและเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในตัวได้อีกด้วย สิ่งสำคัญอีกอย่างของ Smart Watch คือระบบปฏิบัติการในตัว ที่จะใช้ขับเคลื่อน ซึ่งในปัจจุบันมีระบบปฏิบัติการที่ออกแบบมาโดยเฉพาะอย่าง Android Wear และ Tizen (Samsung) และในต้นปี 2015 ก็จะมี Apple Watch ออกมาอีก 1 แพลตฟอร์ม ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งแอพพลิเคชั่นเพิ่มเติมได้เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟน

 
คุณสมบัติหลักๆ ที่ Smart Watch ต้องมี

• ใช้สวมใส่แทนนาฬิกาข้อมือ
• ตรวจวัดจำนวนก้าวเดิน/วิ่งได้
• มี GPS วัดระยะทาง
• มีหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่
• ควบคุมผ่านหน้าจอระบบสัมผัส หรือปุ่มควบคุม
• คำนวณการเผาผลาญแคลอรี่
• มาพร้อมเซนเซอร์ วัดอัตราการเต้นของหัวใจ, วัดระดับความสูง, วัดอุณหภูมิ, วัดรังสียูวี
• บางรุ่นใส่ซิมโทรศัพท์ได้
• ซิงค์ร่วมกับสมาร์ทโฟนได้
• มีแอพพลิเคชั่น และติดตั้งเพิ่มเติมได้
• แบตเตอรี่อยู่ได้นานอย่างน้อย 1-2 วัน ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (บางรุ่นอยู่ได้ถึง 7 วัน เพราะใช้หน้าจอแบบ E-Paper)

*หมายเหตุบางรุ่นอาจจะไม่มีคุณสมบัติบางอย่าง

 
Smart Watch เหมาะกับใคร : ผู้ที่จะใช้ Smart Watch คือผู้ที่ต้องการฟังก์ชั่นที่หลากหลาย ครบครัน และต้องการติดตั้งแอพพลิเคชั่นเพิ่มเติมลงในตัวเครื่องได้ โดยใช้แทนนาฬิกาข้อมือ และต้องการความสะดวกในการเข้าถึงการแจ้งเตือนต่างๆได้ทันที โดยไม่ต้องยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู หรือบางคนที่อยากใช้แบบโทรศัพท์ได้ในตัวก็มีให้เลือกครับ

 

เสื้ออัจฉริยะ Smart Shirt

ralph-lauren-wearable-2014-08-25-01

นอกเหนือจากนาฬิกา หรือสายรัดข้อมือที่ Wearable Device สามารถพัฒนาเข้าถึงมนุษย์ได้แล้ว ยังก้าวล้ำไปถึงเสื้อผ้าที่เราสวมใส่ ล่าสุด Ralph Lauren Polo เตรียมที่จะผลิตเสื้อ Polo Tech shirt ที่สามารถตรวจจับ อัตราการเต้นของหัวใจ, อัตราการหายใจ รวมถึงสเต็ปการเคลื่อนไหวของร่างกาย โดยจะมีเซนเซอร์ติดอยู่กับเสื้อ และเส้นใย Biosensing Silver Fiber เพื่อตรวจจับ แล้วเชื่อมต่อบลูทูธเพื่อส่งข้อมูลไปยังแอพบน iPhone/iPad ซึ่งสามารถถอดออกได้เมื่อถึงเวลาต้องซักเสื้อ

 

Smart Shirt เหมาะกับใคร : เหมาะกับนักกีฬา หรือผู้ที่รักสุขภาพ ที่ต้องการทราบข้อมูลประสิทธิภาพการออกกำลังกายอย่างละเอียด เพื่อใช้ในการกำหนดเป้าหมายในการออกกำลังกายให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเรื่อยๆ

 

แว่นตาอัจฉริยะ Glasses


google-glass-sport
Wearable Device อีกประเภทที่เกิดขึ้นจริงแล้วคือ แว่นตาอัจฉริยะ อย่าง Google Glass ที่ผู้ส่วมใส่ สามารถดูข้อมูลผ่านหน้าจอเล็กๆ ใกล้ดวงตา โดยที่เราสามารถมองทะลุไปยังภาพจริงข้างหน้าได้อยู่ เหมือนสวมแว่นตาปกติ แต่มันสามารถแสดงผลข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นทั้งเส้นทางที่จะเดิน สภาพการจราจร ข่าว และข้อมูลอื่นๆ ที่หาได้จากเน็ต การควบคุมจะใช้การรับคำสั่งด้วยเสียงเป็นหลัก และต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ยังมีกล้องที่สามารถบันทึกภาพกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นมุมมองเดียวกับสายตาของเรา โดยสามารถถ่ายแล้วแชร์ไปยังโซเชียลเน็ตเวิร์คได้ทันที แม้ว่าตอนนี้ Google Glass จะวางจำหน่ายไปบ้างแล้วในบางประเทศ แต่ด้วยราคาที่ค่อยข้างสูงมาก จึงอาจจะยังไม่เป็นอุปกรณ์ที่นิยมใช้มากเท่ากับ Wearable Device ประเภทอื่น

google_glass_golf_01
ภาพในมุมมองจาก Google Glass

 
Google Glasses เหมาะกับใคร : อันนี้ตอบได้ไม่ยาก เหมาะสมกับคนมีตังค์เหลือใช้ที่สุดครับ 555 เอาจริงๆ ก็คงเหมาะกับคนที่ต้องการข้อมูลแนะนำในแบบทันทีทันใด หรือจะเป็นนักกอล์ฟซึ่งกูเกิ้ลก็มีฟีเจอร์รองรับสำหรับนักกอล์ฟโดยเฉพาะอีกด้วย หรือใครที่ชอบผจญภัยก็สามารถใช้มันเก็บบันทึกภาพในเวลาที่กำลังปีนเขา หรือล่องแก่ง ซึ่งเป็นกิจกรรมโลดโผนที่ไม่สามารถใช้กล้องถ่ายภาพได้ และอนาคตก็จะมีฟีเจอร์ที่รองรับการทำกิจกรรมต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น

 
 

[TME2014] รวมโปรโมชั่น Wearable Device รุ่นล่าสุด พร้อมพาไปสัมผัส Android Wear ก่อนใคร

 

เริ่มงาน Thailand Mobile Expo 2014 Showcase กันแล้วนะครับ โดยงานนี้จะจัดไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม นี้ ใครที่กำลังเล็ง Wearable Device สุดไฮเทคอยู่ละก็ เราเดินสำรวจโปรโมชั่นมาให้แล้ว เลิกงานวันนี้ ก็จะได้พุ่งตรงไปที่บูตไม่ต้องเดินหาให้เสียเวลากันนะครับ

 

Samsung Gear S

เริ่มกันที่ Samsugn Gear S ที่ถือว่าเป็นไฮโลต์ที่สุดของ Wearable Device ในครั้งนี้เลย เพราะมันเป็น Smart Watch ที่ใส่ซิมได้ตัวแรกของซัมซุง โดยงานนี้เปิดให้ผู้ที่ซื้อหรือจอง Galaxy Note 4 ได้บัตรกำนันมูลค่า 3,000 บาท ไว้เป็นส่วนลดซื้อ Samsung Gear S ซึ่งจะวางขายปลายเดือนตุลาคมนี้ ในราคา 11,900 บาท มี 2 สี คือดำ และ น้ำเงินเข้ม

Gear-S-08

 

แอพพื้นฐานใน Gear S บนหน้าจอโค้งรับกับข้อมือ (ดูสเปก Samsung Gear S)

Gear-S-01

 

รองรับแป้นคีย์บอร์ดภาษาไทยแล้ว แต่ปุ่มอาจจะเล็กหน่อย แต่ก็เอาไว้ใช้โพสต์สเตตัสเบาๆ หรือตอบข้อความสั้นๆ ได้ โดยไม่ต้องพึ่งสมาร์ทโฟน

Gear-S-02

 

ปุ่มกดเบอร์โทรศัพท์ก็ใหญ่ โทรออกได้สะดวก แต่เวลาคุยจะต้องผ่านลำโพงในตัว หรือจะเชื่อมต่อกับหูฟังบลูทูธ หากต้องการความเป็นส่วนตัวก็ได้

Gear-S-03

 

เซนเซอร์ที่เพิ่มขึ้นอีกตัวนอกเหนือจาก Gear รุ่นอื่นๆ คือการวัดค่ารังสี UV โดยเมื่อวัดเสร็จก็จะมีคำแนะนำให้ใช้ครีมกันแดด SPF ที่เท่าไร เพื่อป้องกันผิว เป็นต้น

Gear-S-04

 

ลองเล่นแผนที่ ซึ่งมาพร้อม Hear Map ที่เป็นของไมโครซอฟต์ ตัวเดียวกับที่ใช้ใน Lumia

Gear-S-05

 

รองรับซิมแบบ Nano Sim

Gear-S-06
ตัวเครื่องสามารถถอดสายเปลี่ยนได้ง่าย โดยสายจะเป็นเหมือนยางที่ยืดหยุ่นได้แต่เหนียว กระชับและคงทน

Gear-S-07

 

Samsung Gear VR

ต่อเนื่องไปที่ Gear VR กันเลย ซึ่งเป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่จะสร้างภาพเสมือนจริงขึ้นมา ได้อย่างตื่นตา ตื่นใจ โดยจะรองรับกับ Galaxy Note 4 ในการใช้เป็นตัวรันเกมที่รองรับกับ Gear VR โดยผู้เล่นที่สวมใส่มันเข้าไปแล้ว ก็จะเหมื่อนเข้าไปอยู่ในเกมนั้นเลยจริงๆ ซึ่ง Gear VR ยังไม่มีแผนที่จะวางจำหน่ายในประเทศไทย ฉะนั้นใครที่อยากลองต้องมาสัมผัสกันได้ที่งาน TME 2014 นะครับ มีให้ลองเล่น 2 เครื่อง ด้วยกัน

Gear-VR-02

Gear-VR-01

Gear-VR-03

 

Wellograph

เดินมาเจอบูตนี้ ต้องเอ๊ะขึ้นมาทันทีเพราะด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์ ที่ดูเรียบหรู ทันสมัย ไม่เหมือน Smart Watch อื่นๆ ทั่วไป แถมยังเป็นแบรนด์ของคนไทยอีกด้วย กับ เวลโลกราฟ โดดเด่นด้วยหน้าจอ Sapphire Crystal กันรอยขีดข่วน จอแสดงผลแบบ E-Paper แบตเตอรี่อยู่ได้ถึง 7 วันต่อการชาร์จ 1 ครั้ง สามารถตรวจนับจำนวนก้าวเดิน ระยะทางในการวิ่ง คำนวณการเผาผลาญแคลอรี่ และวัดอัตราการเต้นของหัวใจ รองรับทั้ง iOS , Android 4.0 ขึ้นไป และ Windows Phone

Wellograph-02

 

ราคาพิเศษ เฉพาะในงาน 9,900 บาท จากราคาเต็ม 11,900 บาท สายหนังมีให้เลือก 2 สี ดำ กับ น้ำตาล

Wellograph-01

Wellograph-03

Wellograph-04

 

ได้รับรางวัล Innovations Design and Engineering Awards จากงาน CES 2014 มาอีกด้วย ยังไงก็ช่วยกันสนับสนุนผลงานคนไทยกันด้วยนะครับ

Wellograph-05

 

iWatch จาก iMI

แค่ชื่อก็ชนะแล้ว iWatch จากแบรนด์ (iMI) ไอมี่ Smart Watch สัญชาติ จีน ที่เปิดจองครั้งแรกในงานนี้ ในราคา 5,990 บาท สามารถใส่ซิมโทรออกได้ รองรับระบบ 3G มาพร้อมหน้าจอ 1.54 นิ้ว 720×1280 พิกเซล ซีพียู Quad Core 1.9 GHz แรม 512 MB หน่วยความจำในตัว 4 GB เพิ่ม Micro SD ได้ 32 GB รันบนระบบปฏิบัติการ Android 4.2.2  จริงๆ แล้วมันออกแนวเป็นสมาร์ทโฟนในรูปแบบนาฬิกามากกว่านะครับ เพราะใช้ระบบปฏิบัติการเดียวกับสมาร์ทโฟนเลย สามารถติดตั้งแอพจาก Play Store ได้ แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดว่ามีแอพรองรับมากน้อยแค่ไหน โดยจะวางจำหน่ายปลายเดือน ตุลาคม นี้

iME-iWatch-01

iME-iWatch-02

 

มาพร้อมกล้อง 8 ล้านพิกเซล

iME-iWatch-03

iME-iWatch-04

 

Jawbone UP 24

เรียกว่า Jawbone เป็นแบรนด์แรกๆ เลยก็ว่าได้ที่เริ่มทำ Wearable Device ออกมาวางขาย โดยในงานนี้มีรุ่นใหม่คือ UP 24 ที่เป็นกำไรรัดข้อมือ เพื่อสุขภาพ สามารถตรวจวัดจำนวนก้าวเดิน ตรวจจับการนอน โดยรุ่นนี้สามารถเชื่อมต่อบลูธูท เพื่อซิงค์ข้อมูลไปยังแอพบนสมาร์ทโฟนได้ จากเดิมที่ต้องเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB รองรับทั้ง iOS 4.0 และ Android 4.3 ขึ้นไป พร้อมสีชมพูมาใหม่ ราคาพิเศษในงาน 5,690 บาท จำกัด 20 ชิ้นเท่านั้น ราคาปกติ 6,290 บาท ที่บูต Jaymart เท่านั้น นอกจากนี้เมื่อซื้อ UP24 สีชมพู จะบริจาคหมวกไหมพรม สำหรับผู้ช่วยมะเร็งเต้านมในโครงการ Samitivej October Go Pink อีกด้วย

Jawbone-up24

 

Garmin Vivofit

การ์มินก็หันมาลุยตลาดนี้มากขึ้นเช่นกัน ซึ่ง Vivofit ก็เปิดตัวมาได้สักพักแล้ว โดยเป็น Finess Band ที่ตรวจจับจำนวนก้าว คำนวณแคลอรี่ วัดระยะทาง และติดตามการนอนได้ โดยมีหน้าจอแสดงผลในตัว จุดเด่นของรุ่นนี้อีกอย่างหนึ่งคือจะมีฟังก์ชั่นเตือนหากมีการอยู่นิ่งๆเป็นเวลา 1 ชั่วโมง และจะเพิ่มขึ้นเมื่อนั่งนานเกินไป เพื่อเป็นการเตือนให้เราลุกขึ้นเดินหรือเคลื่อนไหวบ้าง ส่วนแบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนาน 1 ปี โดยใช้ถ่ายกระดุมเหมือนในนาฬิกาข้อมือ ราคาเท่าปกติ 4,800 บาท แต่แถมสายเพิ่มให้อีก 1 เส้น

Garmin-Vivofit-01-e

 

fitbit

Wearabel Device สำหรับคนรักสุขภาพโดยเฉพาะ โดยมี 3 รุ่น 3 รูปแบบการใช้งานให้เลือก

fitbit Flex จะเป็นสายรัดข้อมือ ที่สามารถตรวจจับจำนวนก้าวเดิน หรือวิ่ง, วัดระยะทาง, ตรวจจับการนอน ตั้งสั่นเพื่อปลุกได้ มีไฟแสดงสถานะ แสดงความคืบหน้าระดับเป้าหมาย มี 5 สี ดำ, เขียว, แดง, น้ำเงิน, ชมพู, สเลท แบตใช้งานได้ 5-7 วัน ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ราคา  3,990 บาท

Fitbit-02

Fitbit-01

 

ด้านขวามือคือตัวเครื่อง คล้ายๆ กับตัว Core ของ Sony SmartBand ส่วนซ้ายมือคือตัวสายรัดข้อมือที่ด้านในจะสามารถใส่ตัวเครื่องลงไปได้

Fitbit-03

 

fitbit One รุ่นนี้จะมีคุณสมบัติเหมือนกับ fitbit Flex ในการตรวจจับ และวัดค่าต่างๆ แต่เพิ่มความสามารถขึ้นมาอีกอย่างหนึ่งคือการตรวจจับความสูงได้ เหมาะสำหรับคนที่ชอบปีนเขา โดยการใช้งานจะมีตัวหนีบมาให้ ใช้เหน็บที่กระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋ากางเกง ขายในราคา 3,990 บาท เช่นกัน

 

Fitbit-04

 

fitbit Zip รุ่นนี้จะมาพร้อมหน้าจอแสดงผล โดยจะเน้นการใช้งานสำหรับตรวจจับการเดิน วิ่ง, วัดระยะทาง และคำนวณแคลอรี แบตเตอรี่อยู่ได้นาน 6 เดือน ราคา 2,490 บาท

Fitbit-05

 

จุดเด่นของ fitbit คือสามารถรองรับกับแอพด้านสุขภาพหลายๆ ตัว อย่าง endomondo ได้อีกด้วย และใช้ได้ทั้ง Android 4.0 ขึ้นไป และ iOS 5.0 ขึ้นไป โดยเมื่อซื้อในงานจะแถม Power Bank 5,000 mAh

 

Wearable Device ที่ยังไม่เข้าไทยให้ลองเล่น

นอกจากนี้ทางเจ้าของงานยังมีบูต Wearable Device รุ่นใหม่ๆ ที่ยังไม่วางขายในประเทศไทย ไว้ให้ลองเล่นกันได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Samsung Gear Live, Moto 360, LG G Watch, LG LifeBand Touch, Pebble ฯลฯ โดยจะอยู่ตรงหลังบูต Line โซนทางเข้าด้านหน้า

 

Samsung Gear Live นาฬิกา Smart Watch ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android Wear

Wearable-showcase-SS-Gear-live-01

Wearable-showcase-SS-Gear-live-02

 

LG G Watch ก็เป็น Android Wear อีกตัวที่มาให้ลองเล่นกัน

Wearable-showcase-LG-Gwatch-01

 

LG LifeBand Touch

Wearable-showcase-LG-LifeBand-01

 

Pebble นาฬิกา Smart Watch ที่ใช้ได้ทั้ง Android และ iOS ดีไซน์เหมือนนาฬิกาแฟชั่น สุดเก๋

Wearable-showcase-Pebble-01

 

Wearable-showcase-Pebble-02

 

Huawei Honor รุ่นนี้เป็น SmartBand ที่มาในแบบ 2 in 1 โดยสามารถถอดออกมาใช้เป็นหูฟังบลูทูธได้ด้วย

Wearable-showcase-Huawei-02

 

Wearable-showcase-Huawei-03

 

W/ME เป็น Smart Band ดีไซน์เก๋เข้ากับไลฟ์สไตล์อีกตัวหนึ่ง สามารถตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ, มีหน้าจอแบบ Dot Matrix ใช้แจ้งเตือนอีเมล์ใหม่, เตือนสายเข้า, นาฬิกา, ใช้เป็นชัตเตอร์ไร้สายบน iOS, เช็กอินสถานที่บน Facebook, ใช้เรียกค้นหาโทรศัพท์ และเปิดเป็นไฟฉายได้ด้วย โดยตัวนี้มีขายที่บูตนี้เลย ราคา 5,000 บาท

Wearable-showcase-01

 

เอาล่ะครับ หวังว่าคงจะทำให้ผู้ที่กำลังอยากได้ Wearable Device ไว้ในงานสักตัว ได้ลองพิจารณาก่อนเดินเข้างานได้บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ

 

 

LG เปิดตัว Lifeband Touch บันทึกทุกกิจกรรมสำหรับคนรักสุขภาพ รองรับทั้ง iOS และ Android

 

LG-LifeBand-Fitness-Tracker

 

ได้เวลา LG เปิดตัวอุปกรณ์ Wearable มาแข่งกับเค้าแล้วนะ กับ LG Lifeband Touch อุปกรณ์สวมใส่ที่ข้อมือเพื่อเก็บบันทึกกิจกรรมต่างๆ ของเราไว้เป็นสถิติการเผาผลาญแคลอรี่ในแต่ละวัน

 

LG Lifeband Touch จะเป็นผู้ตามติดกิจกรรม Fitness ของเรา โดยมันสามารถแสดงระดับความเร็วในการวิ่ง, ระยะทางที่วิ่ง และจำนวนก้าวเดินทั้งหมด โดยภายในจะมาพร้อมเซนเซอร์วัดระดับความสูง และไจโรสโคป โดยสามารถซิงค์ข้อมูลต่างๆ ไปยังสมาร์ทโฟนเพื่อใช้ร่วมกับแอพพลิเคชั่น Fitness ต่างๆ ได้ ที่สำคัญมันสามารถรองรับได้ทั้ง iOS และ Android โดยไม่ผูกกับยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่ง เหมือนซัมซุง

[youtube link=”http://youtu.be/UVb7WEsAR7c” width=”590″ height=”315″]

 

ในส่วนของการใช้ควบคุม สามารถแจ้งเตือนสายเข้าหรือมี SMS เข้ามา และควบคุมการเล่นเพลงบนสมาร์ทโฟนได้โดยตรง

 

นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมอีกตัวที่ออกมาพร้อมกันคือ Heart Rate Monitor Earphones ที่เป็นหูฟังซึ่งมาพร้อมระบบวัดอัตราการเต้นหัวใจในตัว โดยสามารถซิงค์ข้อมูลผ่านบลูทูธไปยังสมาร์ทโฟนหรือ Lifeband Touch โดยอัตโนมัติได้อีกด้วย ฟังเพลงไปด้วยก็สามารถรู้ระดับ Heart Rate ของเราไปด้วยระหว่างเวลาที่ออกกำลังกาย

fr74-medium01

 

HRM---display

และ LG ยังได้เตรียมแอพ LG Fitness ไว้รองรับการใช้งานโดยเฉพาะอีกด้วย โหลดฟรีทั้ง Android และ iOS อีกทั้งยังสามารถใช้งานร่วมกับแอพฟิตเนสยอดนิยมอื่นๆ อย่าง MyFitnessPal®, RunKeeper® และอีกมากมาย

FB84---COMPATIBILITY

LG Lifeband Touch มาพร้อมหน้าจอ OLED ระบบสัมผัส และมี GPS ในตัว สนนราคา $149.99 เหรียญ วางจำหน่ายแล้วในสหรัฐ ส่วนประเทศอื่นๆ ยังไม่มีรายละเอียด

 

Heart Rate Monitor Earphone สนนราคา $179.99 เหรียญ

 

Source : LG

 

[MWC2014] Gear Fit สายรัดข้อมือออกกำลังกายสุดเท่ วางขายเมษายนนี้

Gear_Fit_media-520x292
 
เมื่อคืนที่ผ่านมาซัมซุงเปิดงาน Unpacked 5 ในงาน MWC 2014 ที่สเปน หนึ่งในอุปกรณ์เด่นในงานก็คือ Gear Fit หรือเรียกอีกชื่อว่า Gear Fitness เป็นอุปกรณ์ประเภทสวมใส่ที่ใช้ในขณะออกกำลังกาย โดยซัมซุงได้เปิดกลุ่มสินค้าใหม่ เป็นอุปกรณ์สวมใส่ขณะออกกำลังกาย Gear Fit ได้รับการออกแบบหน้าตาที่สวยงาม ตัวเครื่องโค้งเล็กน้อยเพื่อให้เข้ากับข้อมือผู้ใช้ได้พอดี เหมาะกับใช้งานขณะออกกำลังกาย Fit ออกแบบด้วยมาตรฐาน IP67 ให้สามารถกันน้ำหรือเหงื่อที่ไหลออกมาในขณะออกกำลังกายได้ดี ไม่ต้องกังวลเครื่องจะเป็นคราบเหงื่อ นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่น S Health ที่มีในสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy เองได้ด้วย
 
Fit ไม่ได้เป็นเพียงอุปกรณ์ที่มุ่งเน้นในการออกกำลังกายเท่านั้น หากคุณนำไปเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน Galaxy จะสามารถใช้ในการแจ้งเตือนต่างๆ เช่น การรับหรือปฏิเสธการรับสายจากสมาร์ทโฟน, แจ้งเตือนเมื่อได้รับอีเมล์ใหม่, รับข้อความจาก ChatON, ตั้งเป็นนาฬิกาปลุก และการแจ้งเตือนปฏิทินนัดหมายก็ได้
 
สำหรับสเปคและคุณสมบัติของ Gear Fit มีอะไรบ้างไปดูกันเลย
 

Gear Fit ทั้ง 3 สี ดำ (black), ส้ม (orange) และเทา (grey)
Gear Fit ทั้ง 3 สี ดำ (black), ส้ม (orange) และเทา (grey)

 
Design : ขนาดของตัวเครื่อง 23.4 x 57.4 x 11.95 มม. น้ำหนัก 27 กรัม ตัวเครื่องมีให้เลือก 3 สี ดำ (black), ส้ม (orange) และเทา (grey)
 
Display : ขนาด 1.84 นิ้ว หน้าจอ Super AMOLED แบบเรียวยาวและโค้งเข้ากับข้อมือได้พอดี ความละเอียด 432 x 128 พิกเซล
 
Interface : รองรับระบบปฏิบัติการ Tizen
 
Hardware : รองรับ Bluetooth 4.0, รองรับ IP67 กันน้ำและกันฝุ่น ไม่ต้องกังวลเรื่องเหงื่อไหลในขณะออกกำลังกาย, แบตเตอรี 210mAh ใช้งานได้นานถึง 4 วัน หรือเปิด Stand by ได้นาน 5 วัน
 
คุณสมบัติเด่น : การแจ้งเตือน, Pedometer นับก้าวการเดินหรือวิ่ง, ตรวจจับการเต้นของหัวใจ, ตรวจจับการนอนหลับ บันเทิง, ออกกำลังกาย, ตั้งเวลานับถอยหลัง, นาฬิกาจับเวลา, นาฬิกาปลุก และการตั้งค่าอุปกรณ์ Settings
 
สายรัดข้อมือ Gear Fit จะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนเมษายน 2014 นี้ ส่วนราคายังไม่มีการเปิดเผยออกมา เมื่อได้เห็นโฉมหน้าของสายรัดข้อมือแล้ว เดือนเมษายนนี้คงจะกระเป๋าฉีกแน่ๆ
 

source : phonearena

[CES 2014] Core และ Smartband เทรนด์สายรัดข้อมือใหม่จาก Sony จะตื่นนอน, ถ่ายรูป หรือออกกำลังกายรายงานด้วยแอพ Lifelog

Wassuppp!! ต่อไปนี้ไม่ว่าเราจะทำอะไร เทรนเนอร์ส่วนตัวพร้อมตามเราไปทุกที่ด้วยอุปกรณ์  Core และสายรัดข้อมือ Smartband จากค่าย Sony ซึ่งเปิดตัวไปแล้วในงาน CES 2014 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาและกำลังได้รับความสนใจในวงการคนรักสุขภาพ Fitness & Health เพราะไม่ใช่แค่ช่วยนับก้าว นับเวลา เช็คการเต้นของหัวใจ แต่ต้องตรวจสอบสภาพอากาศ, วางแผน และกำหนดเป้าหมายล่วงหน้าได้ด้วย รวมถึงกิจกรรมยามว่างอื่นๆ!! เช่น ดูวินัยการตื่น การนอน, เช็คตำแหน่งของคุณขณะถ่ายภาพและวิดีโอ เรียกสั้นๆว่า “bookmarking” โดยทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นชื่อว่า Lifelog ผ่านบลูทูธ วิธีการทำงานเพียงกดที่ปุ่มบน Smartband แอพก็จะเริ่มบันทึกทันที หรือกรณีมีสายเรียกเข้าและข้อความเข้ามาสายรัดข้อมือจะสั่นเช่นกัน

 

sony-core (1)
สายรัดข้อมือ smartband และ Core ขอบคุณรูปภาพจาก Sony

 

sony-smartbandd
แอพพลิเคชั่น Lifelog ทำงานร่วมกับ Smartband

 

ภายในงาน Sony ยังได้เผยคอนเสปต์การออกแบบของ Smartband ให้เป็น “24/7 wearable” เพื่อสวมใส่ได้ทุกวัน ประสิทธิภาพกันน้ำสูง และแบตเตอรี่ใช้งานได้ถึง 5 วัน ในส่วนของราคายังไม่ถูกเปิดเผยแต่มีหลุดออกมาให้ทราบกันเบาๆ $135 ซึ่งต้องลุ้นอย่างเป็นทางการต่อไปในไตรมาสนี้

 

photo-520x390
ขอบคุณรูปภาพในงานจาก thenextweb.com

 

มาดูคลิปคอนเสปต์และการใช้งานร่วมกับแอพ Lifelog กันค่ะ

http://www.youtube.com/watch?v=3CMiSK7ENlA

http://www.youtube.com/watch?v=rBtG9OoqBag