[TME2014] รวมโปรโมชั่น Wearable Device รุ่นล่าสุด พร้อมพาไปสัมผัส Android Wear ก่อนใคร

 

เริ่มงาน Thailand Mobile Expo 2014 Showcase กันแล้วนะครับ โดยงานนี้จะจัดไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม นี้ ใครที่กำลังเล็ง Wearable Device สุดไฮเทคอยู่ละก็ เราเดินสำรวจโปรโมชั่นมาให้แล้ว เลิกงานวันนี้ ก็จะได้พุ่งตรงไปที่บูตไม่ต้องเดินหาให้เสียเวลากันนะครับ

 

Samsung Gear S

เริ่มกันที่ Samsugn Gear S ที่ถือว่าเป็นไฮโลต์ที่สุดของ Wearable Device ในครั้งนี้เลย เพราะมันเป็น Smart Watch ที่ใส่ซิมได้ตัวแรกของซัมซุง โดยงานนี้เปิดให้ผู้ที่ซื้อหรือจอง Galaxy Note 4 ได้บัตรกำนันมูลค่า 3,000 บาท ไว้เป็นส่วนลดซื้อ Samsung Gear S ซึ่งจะวางขายปลายเดือนตุลาคมนี้ ในราคา 11,900 บาท มี 2 สี คือดำ และ น้ำเงินเข้ม

Gear-S-08

 

แอพพื้นฐานใน Gear S บนหน้าจอโค้งรับกับข้อมือ (ดูสเปก Samsung Gear S)

Gear-S-01

 

รองรับแป้นคีย์บอร์ดภาษาไทยแล้ว แต่ปุ่มอาจจะเล็กหน่อย แต่ก็เอาไว้ใช้โพสต์สเตตัสเบาๆ หรือตอบข้อความสั้นๆ ได้ โดยไม่ต้องพึ่งสมาร์ทโฟน

Gear-S-02

 

ปุ่มกดเบอร์โทรศัพท์ก็ใหญ่ โทรออกได้สะดวก แต่เวลาคุยจะต้องผ่านลำโพงในตัว หรือจะเชื่อมต่อกับหูฟังบลูทูธ หากต้องการความเป็นส่วนตัวก็ได้

Gear-S-03

 

เซนเซอร์ที่เพิ่มขึ้นอีกตัวนอกเหนือจาก Gear รุ่นอื่นๆ คือการวัดค่ารังสี UV โดยเมื่อวัดเสร็จก็จะมีคำแนะนำให้ใช้ครีมกันแดด SPF ที่เท่าไร เพื่อป้องกันผิว เป็นต้น

Gear-S-04

 

ลองเล่นแผนที่ ซึ่งมาพร้อม Hear Map ที่เป็นของไมโครซอฟต์ ตัวเดียวกับที่ใช้ใน Lumia

Gear-S-05

 

รองรับซิมแบบ Nano Sim

Gear-S-06
ตัวเครื่องสามารถถอดสายเปลี่ยนได้ง่าย โดยสายจะเป็นเหมือนยางที่ยืดหยุ่นได้แต่เหนียว กระชับและคงทน

Gear-S-07

 

Samsung Gear VR

ต่อเนื่องไปที่ Gear VR กันเลย ซึ่งเป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่จะสร้างภาพเสมือนจริงขึ้นมา ได้อย่างตื่นตา ตื่นใจ โดยจะรองรับกับ Galaxy Note 4 ในการใช้เป็นตัวรันเกมที่รองรับกับ Gear VR โดยผู้เล่นที่สวมใส่มันเข้าไปแล้ว ก็จะเหมื่อนเข้าไปอยู่ในเกมนั้นเลยจริงๆ ซึ่ง Gear VR ยังไม่มีแผนที่จะวางจำหน่ายในประเทศไทย ฉะนั้นใครที่อยากลองต้องมาสัมผัสกันได้ที่งาน TME 2014 นะครับ มีให้ลองเล่น 2 เครื่อง ด้วยกัน

Gear-VR-02

Gear-VR-01

Gear-VR-03

 

Wellograph

เดินมาเจอบูตนี้ ต้องเอ๊ะขึ้นมาทันทีเพราะด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์ ที่ดูเรียบหรู ทันสมัย ไม่เหมือน Smart Watch อื่นๆ ทั่วไป แถมยังเป็นแบรนด์ของคนไทยอีกด้วย กับ เวลโลกราฟ โดดเด่นด้วยหน้าจอ Sapphire Crystal กันรอยขีดข่วน จอแสดงผลแบบ E-Paper แบตเตอรี่อยู่ได้ถึง 7 วันต่อการชาร์จ 1 ครั้ง สามารถตรวจนับจำนวนก้าวเดิน ระยะทางในการวิ่ง คำนวณการเผาผลาญแคลอรี่ และวัดอัตราการเต้นของหัวใจ รองรับทั้ง iOS , Android 4.0 ขึ้นไป และ Windows Phone

Wellograph-02

 

ราคาพิเศษ เฉพาะในงาน 9,900 บาท จากราคาเต็ม 11,900 บาท สายหนังมีให้เลือก 2 สี ดำ กับ น้ำตาล

Wellograph-01

Wellograph-03

Wellograph-04

 

ได้รับรางวัล Innovations Design and Engineering Awards จากงาน CES 2014 มาอีกด้วย ยังไงก็ช่วยกันสนับสนุนผลงานคนไทยกันด้วยนะครับ

Wellograph-05

 

iWatch จาก iMI

แค่ชื่อก็ชนะแล้ว iWatch จากแบรนด์ (iMI) ไอมี่ Smart Watch สัญชาติ จีน ที่เปิดจองครั้งแรกในงานนี้ ในราคา 5,990 บาท สามารถใส่ซิมโทรออกได้ รองรับระบบ 3G มาพร้อมหน้าจอ 1.54 นิ้ว 720×1280 พิกเซล ซีพียู Quad Core 1.9 GHz แรม 512 MB หน่วยความจำในตัว 4 GB เพิ่ม Micro SD ได้ 32 GB รันบนระบบปฏิบัติการ Android 4.2.2  จริงๆ แล้วมันออกแนวเป็นสมาร์ทโฟนในรูปแบบนาฬิกามากกว่านะครับ เพราะใช้ระบบปฏิบัติการเดียวกับสมาร์ทโฟนเลย สามารถติดตั้งแอพจาก Play Store ได้ แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดว่ามีแอพรองรับมากน้อยแค่ไหน โดยจะวางจำหน่ายปลายเดือน ตุลาคม นี้

iME-iWatch-01

iME-iWatch-02

 

มาพร้อมกล้อง 8 ล้านพิกเซล

iME-iWatch-03

iME-iWatch-04

 

Jawbone UP 24

เรียกว่า Jawbone เป็นแบรนด์แรกๆ เลยก็ว่าได้ที่เริ่มทำ Wearable Device ออกมาวางขาย โดยในงานนี้มีรุ่นใหม่คือ UP 24 ที่เป็นกำไรรัดข้อมือ เพื่อสุขภาพ สามารถตรวจวัดจำนวนก้าวเดิน ตรวจจับการนอน โดยรุ่นนี้สามารถเชื่อมต่อบลูธูท เพื่อซิงค์ข้อมูลไปยังแอพบนสมาร์ทโฟนได้ จากเดิมที่ต้องเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB รองรับทั้ง iOS 4.0 และ Android 4.3 ขึ้นไป พร้อมสีชมพูมาใหม่ ราคาพิเศษในงาน 5,690 บาท จำกัด 20 ชิ้นเท่านั้น ราคาปกติ 6,290 บาท ที่บูต Jaymart เท่านั้น นอกจากนี้เมื่อซื้อ UP24 สีชมพู จะบริจาคหมวกไหมพรม สำหรับผู้ช่วยมะเร็งเต้านมในโครงการ Samitivej October Go Pink อีกด้วย

Jawbone-up24

 

Garmin Vivofit

การ์มินก็หันมาลุยตลาดนี้มากขึ้นเช่นกัน ซึ่ง Vivofit ก็เปิดตัวมาได้สักพักแล้ว โดยเป็น Finess Band ที่ตรวจจับจำนวนก้าว คำนวณแคลอรี่ วัดระยะทาง และติดตามการนอนได้ โดยมีหน้าจอแสดงผลในตัว จุดเด่นของรุ่นนี้อีกอย่างหนึ่งคือจะมีฟังก์ชั่นเตือนหากมีการอยู่นิ่งๆเป็นเวลา 1 ชั่วโมง และจะเพิ่มขึ้นเมื่อนั่งนานเกินไป เพื่อเป็นการเตือนให้เราลุกขึ้นเดินหรือเคลื่อนไหวบ้าง ส่วนแบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนาน 1 ปี โดยใช้ถ่ายกระดุมเหมือนในนาฬิกาข้อมือ ราคาเท่าปกติ 4,800 บาท แต่แถมสายเพิ่มให้อีก 1 เส้น

Garmin-Vivofit-01-e

 

fitbit

Wearabel Device สำหรับคนรักสุขภาพโดยเฉพาะ โดยมี 3 รุ่น 3 รูปแบบการใช้งานให้เลือก

fitbit Flex จะเป็นสายรัดข้อมือ ที่สามารถตรวจจับจำนวนก้าวเดิน หรือวิ่ง, วัดระยะทาง, ตรวจจับการนอน ตั้งสั่นเพื่อปลุกได้ มีไฟแสดงสถานะ แสดงความคืบหน้าระดับเป้าหมาย มี 5 สี ดำ, เขียว, แดง, น้ำเงิน, ชมพู, สเลท แบตใช้งานได้ 5-7 วัน ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ราคา  3,990 บาท

Fitbit-02

Fitbit-01

 

ด้านขวามือคือตัวเครื่อง คล้ายๆ กับตัว Core ของ Sony SmartBand ส่วนซ้ายมือคือตัวสายรัดข้อมือที่ด้านในจะสามารถใส่ตัวเครื่องลงไปได้

Fitbit-03

 

fitbit One รุ่นนี้จะมีคุณสมบัติเหมือนกับ fitbit Flex ในการตรวจจับ และวัดค่าต่างๆ แต่เพิ่มความสามารถขึ้นมาอีกอย่างหนึ่งคือการตรวจจับความสูงได้ เหมาะสำหรับคนที่ชอบปีนเขา โดยการใช้งานจะมีตัวหนีบมาให้ ใช้เหน็บที่กระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋ากางเกง ขายในราคา 3,990 บาท เช่นกัน

 

Fitbit-04

 

fitbit Zip รุ่นนี้จะมาพร้อมหน้าจอแสดงผล โดยจะเน้นการใช้งานสำหรับตรวจจับการเดิน วิ่ง, วัดระยะทาง และคำนวณแคลอรี แบตเตอรี่อยู่ได้นาน 6 เดือน ราคา 2,490 บาท

Fitbit-05

 

จุดเด่นของ fitbit คือสามารถรองรับกับแอพด้านสุขภาพหลายๆ ตัว อย่าง endomondo ได้อีกด้วย และใช้ได้ทั้ง Android 4.0 ขึ้นไป และ iOS 5.0 ขึ้นไป โดยเมื่อซื้อในงานจะแถม Power Bank 5,000 mAh

 

Wearable Device ที่ยังไม่เข้าไทยให้ลองเล่น

นอกจากนี้ทางเจ้าของงานยังมีบูต Wearable Device รุ่นใหม่ๆ ที่ยังไม่วางขายในประเทศไทย ไว้ให้ลองเล่นกันได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Samsung Gear Live, Moto 360, LG G Watch, LG LifeBand Touch, Pebble ฯลฯ โดยจะอยู่ตรงหลังบูต Line โซนทางเข้าด้านหน้า

 

Samsung Gear Live นาฬิกา Smart Watch ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android Wear

Wearable-showcase-SS-Gear-live-01

Wearable-showcase-SS-Gear-live-02

 

LG G Watch ก็เป็น Android Wear อีกตัวที่มาให้ลองเล่นกัน

Wearable-showcase-LG-Gwatch-01

 

LG LifeBand Touch

Wearable-showcase-LG-LifeBand-01

 

Pebble นาฬิกา Smart Watch ที่ใช้ได้ทั้ง Android และ iOS ดีไซน์เหมือนนาฬิกาแฟชั่น สุดเก๋

Wearable-showcase-Pebble-01

 

Wearable-showcase-Pebble-02

 

Huawei Honor รุ่นนี้เป็น SmartBand ที่มาในแบบ 2 in 1 โดยสามารถถอดออกมาใช้เป็นหูฟังบลูทูธได้ด้วย

Wearable-showcase-Huawei-02

 

Wearable-showcase-Huawei-03

 

W/ME เป็น Smart Band ดีไซน์เก๋เข้ากับไลฟ์สไตล์อีกตัวหนึ่ง สามารถตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ, มีหน้าจอแบบ Dot Matrix ใช้แจ้งเตือนอีเมล์ใหม่, เตือนสายเข้า, นาฬิกา, ใช้เป็นชัตเตอร์ไร้สายบน iOS, เช็กอินสถานที่บน Facebook, ใช้เรียกค้นหาโทรศัพท์ และเปิดเป็นไฟฉายได้ด้วย โดยตัวนี้มีขายที่บูตนี้เลย ราคา 5,000 บาท

Wearable-showcase-01

 

เอาล่ะครับ หวังว่าคงจะทำให้ผู้ที่กำลังอยากได้ Wearable Device ไว้ในงานสักตัว ได้ลองพิจารณาก่อนเดินเข้างานได้บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ

 

 

คอนเฟิร์ม Apple Watch ต้องชาร์จแบตทุกคืน

 

applewatchbattery2
หลังจากที่มีการเปิดตัว Apple Watch ออกมาแล้ว พร้อมด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลายคนรอคอย แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังไม่มีการเปิดเผยนั่นคือ สเปกภายในของ Apple Watch โดยเฉพาะเรื่องของความจุแบตเตอรี่ ที่คนทั่วโลกรอคำตอบกันอยู่

 

ซึ่งล่าสุดเว็บไซต์ BGR ได้เผยรายงานของเว็บไซต์ Re/code ถึงบทสัมภาษณ์ของ Nat Kerris โฆษกหญิงของ Apple โดยเธอได้ปฏิเสธในการพูดถึงเรื่องพลังแบตเตอรี่ว่าจะใช้ได้ยาวนานแค่ไหน แต่บอกได้เพียงว่าบริษัทคาดหวังว่าผู้ใช้จะต้องชาร์จ Apple Watch อย่างน้อยวันละครั้ง ซึ่งมีเทคโนโลยีใหม่มากมายที่ถูกใส่ลงใน Apple Watch และเราคิดว่าผู้คนส่วนใหญ่จะรักและใช้มันได้ตลอดทั้งวัน Kerris กล่าว นอกจากนี้ยังกล่าวเสริมอีกว่า “เราคาดหวังว่าผู้ใช้จะชาร์จมันในทุกๆ คืน ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงใช้เทคโนโลยีการชาร์จแบบ MagSafe ของเรา ที่ใช้การเหนี่ยวนำแม่เหล็กแบบไร้สาย”

 

อย่างไรก็ตามแม้ว่าการให้สัมภาษณ์ดังกล่าวอาจจะไม่ได้ยืนยันชัดเจน แต่แนวโน้มที่ Apple Watch จะต้องชาร์จแบตทุกคืน มีความเป็นไปได้สูง และนั่นก็ยิ่งต้องทำให้ Apple พยายามพัฒนาเรื่องของการใช้พลังงาน และแบตเตอรี่ให้มีประสิทธิภาพ ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานที่สุด ซึ่งก็ยังพอมีเวลาจนกว่าจะถึงวันวางจำหน่ายในต้นปี 2015 ถึงวันนั้นเรามาลุ้นกันอีกทีว่าจะเป็นอย่างไร

 

Source : BGR, Re/code

 

 

ภาพหลุดแบบร่างชิ้นส่วน iWatch ก่อนเปิดตัวพรุ่งนี้

 

iwatch-leak-drawing-01
 
มาเป็นชุดเลยล่ะครับ กับภาพหลุดแบบร่าง 3D ของชิ้นส่วนอุปกรณ์ Wearable จาก Apple ซึ่งเรียกกันติดปากไปเสียแล้วว่า iWatch โดยภาพดังกล่าวมีลายน้ำของ Quanta ซึ่งเป็นหนึ่งในพาร์ทเนอร์โรงงานผู้ผลิตของ Apple ที่เผยให้เห็นว่า iWatch มาพร้อม ไมค์ในตัว และ ลำโพง

 

ภายในภาพยังมีการระบุอีกว่าสามารถกันน้ำได้ลึก 20 เมตร แบตเตอรี่ใช้งานได้ภายใน 1 วัน แต่จะไม่มีพอร์ต Lightning หรือพอร์ตเชื่อมต่อใดๆ นั่นอาจเป็นการบอกว่า iWatch อาจจะใช้ระบบชาร์จไร้สายก็เป็นได้

 

iwatch-leak-drawing-02

 

นอกจากนี้ยังข่าวลืออีกว่า iWatch จะมาพร้อมกันถึง 8 รุ่น ที่ประกอบไปด้วย 4 สี สีละ 2 ขนาด ตามรายงานก่อนหน้านี้ที่บอกว่าจะมีรุ่นหน้าจอขนาด 1.3 นิ้ว และ 1.5 นิ้ว

 

ยังไงวันที่ 9 ก.ย. เที่ยงคืนเป็นต้นไป ก็รอติดตามดูว่า Wearable Device ตัวแรกจาก Apple ว่าจะออกหัวหรือก้อย เอ๊ะ หรือไม่ออกเลยซะงั้น ใครจะไปรู้ อิอิ…

 

iwatch-leak-drawing-03

iwatch-leak-drawing-04

iwatch-leak-drawing-05

iwatch-leak-drawing-06

 

Source : 9to5mac

 

 

รวบตึง IFA 2014 ปีแห่ง Wearable Device อย่างแท้จริง

 
Smartwatch01
 
ถึงแม้ว่าทีมงาน Oopsmobile จะยังไม่มีโอกาสได้ไปตะลุยงาน IFA 2014 งานแสดงสินค้าและนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีระดับโลก ที่ทุกปีก็จะมีการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่จากแบรนด์ต่างๆ ทั่วโลก จนทำให้กระเป๋าสตางค์ของใครหลายคนแฟ่บกันอีกแล้ว แต่อย่างไรก็ตามทีมงานก็จะมารวบตึง เพื่อให้เพื่อนๆ ได้อัพเดทความคืบหน้ากัน

 
ซึ่งพระเอกของปีนี้คงหนีไม่พ้นอุปกรณ์สวมใส่อย่าง Wearable Device ที่ตอนนี้เกือบทุกแบรนด์ต่างออกมาเปิดตัว Smart Watch และ Sport Band กันอย่างคึกคัก เอาเป็นว่าเรามาไล่เรียงดูกันทีละแบรนด์ ตามตัวอักษรเลยละกัน

 

ASUS ZenWatch : Android Wear

ASUS-ZenWatch-02

ถือเป็น Smart Watch ตัวแรกของ ASUS โดยเลือกใช้แพลตฟอร์ม Android Wear โดดเด่นด้วยหน้าปัดที่โค้ง 2.5D (เหมือน Gear S) ขนาด 1.63 นิ้ว (320×320 พิกเซล) AMOLED แต่หน้าจอยังคงเป็นสีเหลี่ยมปกติ เหมือนกับ Smart Watch ทั่วไป มาพร้อมสายหนังซึ่งทำให้ดูกลมกลืนเหมือนใส่นาฬิกาข้อมือจริงๆ พร้อมตัวล็อคที่สามารถปลดออกได้ทันที ในส่วนของอินเตอร์เฟส ASUS ZenWatch มาพร้อม ZenUI ที่ช่วยให้การใช้งานร่วมกับ ZenFone หรือสมาร์ทโฟนของ ASUS ได้อย่างขั้นกว่ามากยิ่งขึ้น

ZenWatch01

 เครดิตภาพ : gsmarena 

 
ฟีเจอร์หลักๆ ของ ZenWatch นั้น จะมาพร้อมการใช้งานเป็นรีโมทกล้อง, ใช้ตามหาโทรศัพท์, ควบคุม Presentation, มีเซนเซอร์ตรวจจับทิศทาง สามารถนับก้าวเดิน และวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ โดยมีแอพ ZenUI Wellness ไว้รองรับการใช้งาน ส่วนฟีเจอร์พื้นฐานที่ Android Wear มีอยู่ก็สามารถใช้งานได้ เช่น การค้นหาสถานที่ ดูพยากรณ์อากาศด้วย Google Now, ใช้รับสายเข้าเมื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เป็นต้น และด้วยการใช้ Android Wear เป็นแพลตฟอร์ม จึงสามารถใช้ร่วมกับสมาร์ทโฟน Android 4.3 ขึ้นไปได้ทุกยี่ห้อ สนนราคาประมาณ 199 ยูโร หรือประมาณ 8,300 บาท โดยจะวางจำหน่ายในปลายปีนี้

 

 

สเปกคราวๆของ ASUS Zen Watch

• หน้าจอ : 1.63 นิ้ว AMOLED ความละเอียด 320 x 320 (278ppi), Curved 2.5D Gorilla Glass 3
• ขนาดตัวเครื่อง : 50.6 x 39.8 x 7.9-9.4 มม.
• น้ำหนัก : 50 กรัม เฉพาะบอดี้, น้ำหนักสายอีก 25 กรัม
• ชิปเซ็ต : Snapdragon 400 1.2GHz, แรม 512MB
• ระบบปฏิบัติการ : Android Wear
• การเชื่อมต่อ : Bluetooth 4.0, เชื่อมต่อพอร์ต Micro USB ผ่าน Cradle หรือแท่นครอบ
• หน่วยความจำ : 4GB built-in
• แบตเตอรี่ : 1.4Wh
• อื่น : มาตรฐานการกันน้ำ IP55, ไมโครโฟนในตัว

 

LG G Watch R : Smart Watch หน้าปัดกลม

LG_G_WATCH_R1

LG ก็มิได้น้อยหน้า กับการเปิดตัว Smart Watch ที่มาพร้อมหน้าปัดวงกลม ซึ่งเป็นการใช้หน้าจอแสดงผลแบบใหม่ที่เรียกว่า P-OLED (Plastic OLED) ขนาด 1.3 นิ้ว (320×320 พิกเซล) ที่สามารถแสดงผลได้เต็มพื้นที่วงกลมตามหน้าปัด ซึ่งถือเป็นการปลัฟคู่แข่งอย่าง Moto 360 ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งจอแสดงผลดันไม่เป็นวงกลมตามหน้าปัดทำให้หน้าจอแหว่งไปนิดนึง

LG_G_WATCH_R_031

 

จริงๆ แล้ว LG G Watch R ได้แถลงข่าวเปิดตัวไปก่อนหน้างาน IFA 2014 ราว 1 อาทิตย์ ซึ่งในงานก็จะมีตัวต้นแบบของหน้าจอ P-OLED บนแผงวงจรมาให้ดูอีกด้วย จากภาพในงานแถลงข่าว สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือหน้าจอที่เป็นวงกลม และแสดงผลได้เหมือนนาฬิกาจริงๆ พร้อมดีไซน์เส้นสายที่ดูหรูหรา พรีเมี่ยมมากๆ LG G Watch R จะวางจำหน่ายภายในเดือนตุลาคมนี้ ส่วนราคาจะอยู่ที่ 299 ยูโร หรือประมาณ 12,500 บาท ลองชมคลิป Hand On จาก Android Central กันดูนะครับ
[youtube link=”http://youtu.be/4x62o342efY” width=”590″ height=”315″]
LG_G_WATCH_1

สเปกคราวๆ ของ LG G Watch R
• ชิปเซ็ต : 1.2 GHz Qualcomm Snapdragon 400
• หน้าจอ : 1.3 นิ้ว P-OLED Display (320 x 320)
• หน่วยความจำ : 4GB eMMC
• แรม : 512 MB
• แบตเตอรี่ : 410 mAh
• ระบบปฏิบัติการ : Android Wear (รองรับกับสมาร์ทโฟน ที่รัน Android 4.3 ขึ้นไป)
• เซนเซอร์ : 9-Axis (Gyro/ Accelerometer/ Compass), Barometer, PPG (Heart Rate Monitor)
• สี : ดำ
• อื่นๆ : กันน้ำ กันฝุ่น ตามมาตรฐาน IP67

 

Intel : MICA Smart bracelet กำไรแฟชั่น อัจฉริยะ

 

Collier_Schorr_Opening_Ceremony_Shot2

 

อินเทล ผู้ผลิตชิปหน่วยประมวลผล ก็ขอมาชิมลาง Wearable Device กับเขาบ้าง ด้วยการเปิดตัว Smart bracelet ที่เป็นกำไรอัจฉริยะ แต่มาพร้อมดีไซน์สุดชิค เพราะได้ร่วมมือกับ MICA (My Intelligent Communication Accessory) ซึ่งได้ Opening Ceremony แบรนด์เสื่อผ้าและเครื่องประดับแฟชั่นระดับโลก มาเป็นผู้ออกแบบให้

 

โดยไอเทมดังกล่าวได้ถูกออกแบบมา 2 สี แต่หลายสไตล์ด้วยกัน เช่น สีขาว white watersnake skin ที่ประดับในสไตล์ตาเสือจากแอฟริกาใต้ หรือหินดำ obsidian จากรัสเซีย ส่วนสีดำ black watersnake skin ก็จะประดับด้วย ไข่มุกจากจีน หรือหินสลักจากมาดากัสกา โดยนอกจากจะเป็น Accessory สุดชิคแล้ว มันยังมาพร้อมฟีเจอร์การแจ้งเตือนต่างๆ ทั้งจาก SMS, นัดหมายการประชุม และการแจ้งเตือนอื่นๆ ทั่วไป รวมถึงรองรับการชาร์จไร้สายได้อีกด้วย หน้าจอทัสกรีนใช้กระจกแซฟไฟร์ที่โค้งรับกับข้อมือ ทนทานต่อรายขีดข่วนเป็นอย่างดี

Collier_Schorr_Opening_Ceremony_Shot3

 

ส่วนสเปก และรายละเอียดอื่นๆ ยังไม่ได้เปิดเผยแต่อย่างใด โดย MICA Smart bracelet จะเปิดตัวสู่สาธารณะในงาน Opening Ceremony Spring/Summer 2015 fashion show ประมาณช่วงซัมเมอร์ของปี 2014 นี้

 

Samsung : Gear S Smart Watch ที่โทรออกได้

 
Gear S_2P_LR

 

เรียกว่าออกตัวแรง ล้ำหน้าก่อนใคร กับ Gear S ที่เป็น Smart Watch ใส่ซิม 3G ไว้เล่นเน็ตและโทรออกได้ ซึ่งเราได้เคยนำเสนอข่าวตอนเปิดตัวไปแล้ว เรียกว่าไม่ง้อการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ก็สามารถใช้งานในตัวเองได้ ทั้งการโหลดแอพต่างๆ เล่นโซเชียล โทรออก รับสาย และมีคีย์บอร์ดในการพิมพ์ข้อความได้เลย ด้วยหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นกับขนาด 2 นิ้ว Super AMOLED แถมยังโค้งรับกับข้อมืออีกด้วย ลองไปชมความสามารถใหม่ๆ ของ Gear S ในคลิปล่าสุดจากซัมซุงกันได้เลย
[youtube link=”http://youtu.be/Ji6eoTrjtng” width=”590″ height=”315″]
นอกจากนี้ยังได้เพิ่มแอพเพื่อสุขภาพอย่าง Nike+ Running ให้คนรักการวิ่ง ได้สนุกและท้าทายมากยิ่งขึ้น พร้อมด้วยแผนที่ Here Map ที่สามารถนำทางสำหรับถนนคนเดินได้อีกด้วย ในส่วนของการออกแบบก็ยังคงเน้นความหรูหราทันสมัยในลุคพรีเมี่ยม และมีให้เลือก 2 สี คือ ขาว, ดำ

 

Specifications Gear S
• หน้าจอ 2.0 นิ้ว Super AMOLED (360 x 480)
• หน่วยประมาณผล Dual core 1.0 GHz
• แรม 512 MB
• หน่วยความจำภายใน 4GB
• ระบบปฏิบัติการ Tizen based wearable platform
• รองรับซิมในตัว 900/2100, 850/1900 (3G), 900/1800, 850/1900 (2G)
• ใช้โทรออก รับสายได้
• ไม่มีกล้อง
• เล่นเพลง ดูภาพในแกลอรี่ได้
• กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67
• การเชื่อมต่อ WiFi: 802.11 b/g/n, A-GPS/Glonass, Bluetooth®: 4.1, USB 2.0
• เซนเซอร์ Accelerometer, Gyroscope, Compass, Heart Rate, Ambient Light, UV, Barometer
• แบตเตอรี่ 300 mAh ใช้ได้ตามปกติประมาณ 2 วัน
• มี 2 สี ขาว, ดำ

 

SONY : SmartWatch 3 , SmartBand Talk

Sony-smartwatch3-01

โซนี่ ก็ถือเป็นเจ้าแรกๆ เลยที่มี SmartWatch ก่อนซัมซุงเสียอีก แต่อาจจะไม่ค่อยได้รับกระแสตอบรับที่ดีเท่าไร โซนี่ก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เพราะนี่ถือเป็นรุ่นที่ 3 แล้ว กับ SmartWatch 3 และเป็นครั้งแรกที่นำระบบปฏิบัติการ Android Wear เข้ามาใช้งาน และยังต่อยอดในส่วนของ SmartBand มาเป็น SmartBand Talk ที่สามารถสั่งงานด้วยเสียง และมีหน้าจอเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย

 

Smart Watch 3 มาพร้อมหน้าจอ 1.6 นิ้ว TFT LCD ความละเอียด 320×320 พิกเซล ซีพียู Quad Core 1.2 GHz มีพื้นที่หน่วยความจำมาให้ 4 GB แรม 512 MB แบตเตอรี่ 420 mAh สามารถรันแอพพร้อมกันได้หลายตัว เช่น ฟังเพลง ไปพร้อมกับตรวจจับการเล่นฟิตเนส โดยที่ไม่ต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ยังปรับเปลี่ยนสายให้ออกไปในแนวสปอร์ตมากขึ้น ที่เป็นยางซิลิโคน สามารถถอดเปลี่ยนสีต่างๆ ได้ง่าย ในส่วนของการใช้งานสามารถโหลดเพลงในเครื่องได้ 4GB ใช้ฟังเพลงพร้อมกับออกกำลังกายไปด้วยกันได้ โดยมีระบบ GPS เพื่อเก็บบันทึกการเดินทางได้อีกด้วย และยังสามารถใช้เป็นรีโมททีวี ที่สามารถดูรายละเอียดของรายการที่กำลังจะมาได้อีกด้วย สนนราคา 229 ยูโร หรือประมาณ 9,500 บาท ส่วนชุดสายหากต้องการเปลี่ยนสีอื่นๆ เพิ่มเติม อยู่ที่ 25 ยูโร ประมาณ 1,000 บาท

 

 

SmartBand Talk ถือเป็นสปอร์ตแบนด์ ที่ต่อยอดขึ้นมา โดยการเพิ่มหน้าจอ e-ink ขนาด 1.4 นิ้ว เพื่อแสดงผลข้อมูลการออกกำลังกายโดยเฉพาะ และยังเพิ่มเซนเซอร์ Altimeter เพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหวในแนวดิ่ง เช่นการเดินขึ้นลงบรรได หรือขึ้นลงลิฟ นอกจากนี้ยังสามารถสั่งงานด้วยเสียงเพื่อควบคุมฟังก์ชั่นการทำงานได้อีกด้วย เจ้าสปอร์ตแบนด์นี้หน้าที่หลักๆ ของมันก็คือจะคอยตรวจจับกิจกรรมต่างๆ ของเราทั้งแต่การเดิน วิ่งออกกำลังกาย การนอนว่าหลับสนิทแค่ไหน โดยมีแอพ Lifelog ในการแสดงผลข้อมูล SmartBand Talk สามารถใช้งานต่อเนื่องสูงสุด 3 วัน ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 70 mAh สามารถกันน้ำกันฝุ่นได้ทั้ง 2 รุ่น ตามมาตรฐาน IP68 สนนราคา 159 ยูโร หรือประมาณ 6,600 บาท โดยทั้ง 2 รุ่นจะวางจำหน่ายในฤดูใบไม้ร่วมของปีนี้

 
เรียกได้ว่าหลังจากที่ Android ได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Android Wear ไปเมื่อกลางปี จึงเป็นโอกาสให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ ได้สร้างสรรค์ Smart Watch เป็นของตัวเองได้ ซึ่งแต่ละเจ้าก็พยายามดีไซน์ทั้งหน้าตาและฟีเจอร์การใช้งานให้แตกต่าง แต่สิ่งหลักที่ยังคงเหมือนกันคือการรันบนระบบปฏิบัติการ Android Wear จะมีแต่ของซัมซุงที่ Gear S ใช้ระบบปฏิบัติการของตัวเอง จึงทำให้ไม่สามารถใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่นได้นอกจากซัมซุงเองเท่านั้น และคงจะสนุกมากขึ้นหากว่าในวันที่ 9 ก.ย. นี้ แอปเปิ้ลจะเปิดตัว Smart Watch มาลงแข่งกับเขาด้วย ตามกระแสข่าวลือกันหนาหู แล้วมารอลุ้นที่นี่ด้วยกันนะครับ

 
 

ไหวมั้ย ถ้า Apple iWatch จะตั้งราคาสัก $400 เหรียญ

 

apple-iwatch-concept
รูปต้นแบบ ยังไม่ใช่ของจริง

 

มีรายงานจากเว็บไซต์ re/code ซึ่งไม่ได้ระบุแหล่งที่มา ว่าแอปเปิ้ล กำลังถกเรื่องราคาของ Wearable Device หรือ iWatch (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ว่าอาจจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ $400 เหรียญสหรัฐ แต่ก็ยังไม่ได้สรุปราคาที่แน่ชัดออกมา ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดตัวพร้อมกันในวันที่ 9 ก.ย. นี้ แต่จะวางจำหน่ายในปี 2015
smartwatch-landscap

 

อย่างไรก็ตาม ในบรรดาของ Smart Watch ค่าย Android ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ต่างมีราคาอยู่ที่ $200 เหรียญขึ้นไป ส่วนพวก Smart Band จะอยู่ประมาณ $100 เหรียญ ฉะนั้น ถ้า Apple จะตั้งราคาจะไปแตะถึง $400 เหรียญ หรือประมาณ 12,790 บาท ก็ดูจะแพงเว่อร์ไปอยู่เหมือนกัน แต่ก็ต้องรอดูฟีเจอร์กันอีกทีว่ามันจะคุ้มราคาค่าตัวสักแค่ไหน

 

Source : 9to5 mac via re/code 

 

 

พบ LG G Watch โผล่ใน Google Play Store เยอรมัน

 

LG-G-Watch_main

 

มีกระแสให้ได้ติดตามกันเรื่อยๆ กับ LG G Watch ที่ก่อนหน้านี้มีภาพให้เห็นจากงานเปิดตัว LG G3 กันมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้มีการพูดถึงแต่อย่างใด ล่าสุดพบภาพหลุดบนเว็บไซต์ Google Play Store ของประเทศเยอรมัน โดยมีการระบุถึงสเปกว่าจะมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 400 mAh ซึ่งตรงกับข่าวสเปกหลุดก่อนหน้านี้ (ดูข่าวเก่า)

 

lg-g-watch1

 

อย่างไรก็ตามมีการคาดกันว่า LG G Watch น่าจะเปิดตัวในงาน Google IO หรือไม่ก็ประมาณวันที่ 7 กรกฎาคมนี้ ในประเทศอังกฤษ โดยราคาน่าจะอยู่ที่ 160 ปอนด์ หรือประมาณ 8,800 บาท

 

Kairos นาฬิกาอัจฉริยะ Mechanical Smart Watch Hybrid รองรับทั้ง iOS, Android และ Windows Phone

 

watch_large_noReflection_msw_black_05

 

ไม่ลงไม่รอมันแล้วนะ iWatch ที่ลือกันอยู่นั่นแหละ… ก็ในเมื่อมีผู้ผลิตนาฬิกาอัจฉริยะอย่าง Kairos ที่นำระบบนาฬิกาแบบแมคานิค (แบบเข็ม) มารวมกับ Smart Watch เข้าไว้ด้วยกัน จนกลายเป็นนาฬิกาอัจฉริยะลูกผสม หรือ Hybrid ซึ่งจะออกมาให้เราได้สัมผัสจริงในอีกไม่นานนี้

 

ความสามารถของเจ้า Kairos เรือนนี้ นอกจากจะเป็นนาฬิกาแบบเข็มสุดหรูแล้ว มันยังมาพร้อมหน้าปัดแสดงผล แบบโปร่งใส่ Transparent OLED (TOLED) ซึ่งเวลามีการแจ้งเตือนต่างๆ เข้ามาก็จะแสดงผลบนหน้าจอ ให้เห็นซ้อนบนหน้าปัดนาฬิกาขึ้นมาอย่างชัดเจน โดยสามารถแจ้งเตือนสายเข้า, อีเมล์, Line, Twitter, Facebook ฯลฯ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นรีโมทควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เปิด-ปิดเพลงบนมือถือ, แสดงข้อมูลฟิตเนส, เป็นนาฬิกาจับเวลาดิจิตอล และ มี GPS ไว้เทียบตำแหน่งเพื่อระบุเวลาได้ทั่วโลก

watch_large_noReflection_ssw_black_03 watch_large_noReflection_ssw_chrome_05

 

watch_large_noReflection_ssw_gold_01 watch_large_noReflection_msw_chrome_05

 

Kairos มาพร้อม 2 โมเดลให้เลือกระหว่าง MSW 115 ที่มาพร้อมระบบกลไกขับเคลื่อน Miyota Japanese Movement ส่วนรุ่น SSW 158 จะขับเคลื่อนด้วยกลไล SWISS Movement จาก SOPROD ที่มีชื่อเสียงที่น่าเชื่อถือ โดยทั้ง 2 รุ่น เป็นตัวเรือนแบบสเแตนเลสสตีล ใช้สายหนัง และหน้าปัดเป็นคริสตัลแซฟไฟร์ที่ทนทานต่อรอยขีดข่วน

watch_large_noReflection_msw_all
MSW 115 Model

 

SSW 158
SSW 158

 

จุดเด่นอีกอย่างของ Kairos ก็คือแบตเตอรี่ที่สามารถรองรับการทำงานของระบบ Smart Watch ได้นาน 5-7 วัน (รองรับส่วนของนาฬิกาแมคานิคได้ 42 ชั่งโมง) โดยให้แบตเตอรี่มาในตัว 180 mAh ชาร์จผ่านคอนเน็คเตอร์แบบแม่เหล็กด้วยสาย USB ซึ่งเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่อยู่ได้นานก็เพราะว่าไม่ต้องใช้หน้าจอในการแสดงผลนาฬิกาเหมือน Smart Watch รุ่นอื่นๆ ดังนั้นมันจะใช้พลังงานจากแบตฯ ก็ต่อเมื่อมีการแสดงผลบนหน้าจอจากการแจ้งเตือนต่างๆ เท่านั้น

watch_large_noReflection_msw_chrome_02

 

สำหรับหน่วยประมวลผลก็มาพร้อม Arm Cortex M4 หรือ Intel (มี 2 รุ่นให้เลือก) ส่วนระบบปฏิบัติการก็จะมี Android Wear OS กับที่เป็นออปชั่นคือใช้ระบบปฏิบัติการ Kairos OS (ใช้ได้กับ IOS, Android และ Windows Phone) พร้อมด้วยเซนเซอร์ Touch sensor, 3 axis accelerometer และ Gyroscope

 

[youtube link=”http://youtu.be/ndycU_dUHNQ” width=”590″ height=”315″]

 

ในขณะนี้ นาฬิกา Kairos กำลังอยู่ในขั้นตอนการผลิต ซึ่งจะวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้ และเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าแล้วผ่านหน้าเว็บไซต์ Kairoswatches ทั้งนี้ยังมีบริการให้อัพเกรดรุ่นใหม่ได้อีกด้วย โดยเสียค่าบริการเพียง $99 เหรียญเป็นอย่างต่ำ

 

นาฬิกา Kairos สนนราคาเริ่มต้นที่ $499 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 16,000 บาท จนถึง $1,199 ประมาณ 38,900 บาท

 

Source : gizmag

 

[MWC2014] โฉมหน้าตัวเป็นๆ Galaxy Gear 2 & Gear 2 Neo

Gear 2 and Gear 2 Neo at WMC 2014 [2]
 

ซัมซุงนำเสนอ wearable device 2 รุ่นล่าสุด ซัมซุง เกียร์ 2 (Samsung Gear 2) และซัมซุง เกียร์ 2 นีโอ (Samsung Gear 2 Neo) ได้รับการออกแบบเพื่อเพิ่ม ความสะดวกสบายและมอบความอิสระในการใช้งานให้มากขึ้น ภายใต้ดีไซน์ใหม่ล่าสุดของอุปกรณ์อัจฉริยะ แบบสวมใส่ได้ ซัมซุง เกียร์ ทั้ง 2 รุ่นจะมอบการเชื่อมต่อที่เหนือชั้นยิ่งกว่าและเป็นหนึ่งเดียวกับอุปกรณ์อื่นๆ มากยิ่งขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานอุปกรณ์อัจริยะแบบสวมใส่ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ซัมซุง เกียร์ 2 และ ซัมซุง เกียร์ 2 นีโอ เป็น wearable device 2 รุ่นแรกที่ใช้ระบบปฏิบัติการไทเซน (Tizen based wearable platform) ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนซัมซุงได้มากกว่า 12 รุ่น และใช้งานแอพลิเคชันต่างๆ ได้ อย่างหลากหลาย
 

มร. เจเค ชิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “ซัมซุงการันตีความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมของตลาด wearable device ด้วย ซัมซุง เกียร์ 2 และซัมซุง เกียร์ 2 นีโอ การสรรสร้างดีไวซ์ที่ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับวิถีชีวิตของผู้บริโภค อันเพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติด้านการเชื่อมต่อที่ยอดเยี่ยม ระบบของแอพลิเคชันที่เหนือชั้น และคุณสมบัติที่รองรับการปรับแต่งตามความต้องการของผู้ใช้ การพัฒนาทุกๆ องค์ประกอบที่ผู้บริโภคชื่นชอบผลิตภัณฑ์ตระกูลเกียร์ เพื่อนำเสนอวิถีชีวิตใหม่ที่ทั้งสะดวกสบายและมีความอัจริยะมากขึ้นกว่าเดิม”
 

Group_Gear 2_Gear 2 Neo

 
ซัมซุง เกียร์ 2 และซัมซุง เกียร์ 2 นีโอ มากับน้ำหนักเบาและดีไซน์เหนือระดับ กล้องถ่ายภาพติดตั้งบนตัวเรือนแทนที่บริเวณสายเหมือนรุ่นก่อนหน้า ซึ่งช่วยให้ดูเพรียวบางและมีดีไซน์ที่ทันสมัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกสีสันของสายให้เข้ากับเสื้อผ้าที่สวมใส่หรือเพื่อแสดงความรู้สึกได้อย่างหลากหลาย โดยซัมซุง เกียร์ 2 มี 3 สีให้เลือก ได้แก่ สีดำชาโคลแบล็ก (Charcoal Black) น้ำตาลโกลด์ บราวน์ (Gold Brown) และส้มไวลด์ออเรนจ์ (Wild Orange) และซัมซุง เกียร์ 2 นีโอ มี 3 สีคือสีดำชาโคลแบล็ก (Charcoal Black) เทามอคค่าเกรย์ (Mocha Grey) และส้มไวลด์ออเรนจ์ (Wild Orange) ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถเปลี่ยนสีแบ็กกราวน์ของโฮม สกรีน ภาพหน้าปัดนาฬิกา หรือแม้แต่ตัวอักษรที่แสดงผลบนหน้าจอได้ตามต้องการ

 

Group_Gear 2
Galaxy Gear 2

 
ซัมซุง เกียร์ 2 และซัมซุง เกียร์ 2 นีโอ ได้รับการออกแบบให้เป็นอุปกรณ์เสริมเพื่อความสะดวกสำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟน เพราะสามารถเลือกรับหรือปฏิเสธข้อความหรือโทรศัพท์ได้ และยังแสดงการแจ้งเตือนต่างๆ ตามกิจกรรมหรือวิถีชีวิตของผู้ใช้ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังได้รับการออกแบบให้เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันผ่านคุณสมบัติพิเศษต่างๆ ที่ทำงานได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้หรือเชื่อมต่อ กับดีไวซ์อื่น เช่น แอพลิเคชันวอชออน รีโมท (WatchON Remote) ที่ช่วยให้สามารถควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เช่น โทรทัศน์หรือกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ได้ผ่านเซนเซอร์อินฟราเรดแอลอีดี (IrLED sensor) ที่ติดตั้งมากับเครื่อง ยิ่งไปกว่านี้ ยังสามารถเพลิดเพลินกับเสียงเพลงได้แม้ไม่มีสมาร์ทโฟน ด้วยแอพลิเคชันเครื่องเล่นเพลง ที่รองรับการใช้งานคู่กับหูฟังบลูทูธ เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น มีคุณสมบัติที่สนับสนุนการออกกำลังกายแบบเรียลไทม์ ช่วยให้สามารถปรับแต่งตารางการออกกำลังกายได้ตามต้องการและตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจระหว่าง การออกกำลังกายได้

 
ซัมซุง เกียร์ 2 และซัมซุง เกียร์ 2 นีโอ จะเริ่มวางจำหน่ายทั่วโลกตั้งแต่เดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป รายละเอียดและภาพผลิตภัณฑ์อย่างเป็นทางการสามารถเข้าชมได้ที่ www.samsungmobilepress.com

Group_Gear 2 Neo
Galaxy Gear 2 Neo

 

ติดตั้งแอพจาก Play Store ลงใน Galaxy Gear ด้วย Wondershare Mobile Go ลงหนัง ลงเพลงก็ทำได้

ตามปกติ การติดตั้งแอพพลิเคชั่นลงใน Galaxy Gear จะต้องอาศัยแอพ Gear Manager ที่ตั้ดตั้งอยู่บน Galaxy Note 3 เป็นตัวกลางในการจัดการ ซึ่งแอพพลิเคชั่นที่ซัมซุงเตรียมมาให้สำหรับ Galaxy Gear อาจจะไม่เยอะมานึก ดังนั้นในเมื่อเจ้านาฬิกาอัจฉริยะตัวนี้ ก็รันบนระบบปฏิบัติการ Android เช่นเดียวกัน จึงทำให้ผมสงสัยว่ามันจะสามารถติดตั้งแอพอื่นๆ จาก Play Store ได้หรือไม่

 

และแล้วผมก็ค้นพบกับคำตอบแล้วล่ะครับ ซึ่งแน่นอนว่าติดตั้งได้ แต่จะต้องใช้ซอฟต์แวร์บนคอมฯ มาช่วยในการจัดการ เนื่องจากข้อจำกัดของ Galaxy Gear ที่ไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ในตัว ดังนั้นจึงต้องใช้ซอฟตแวร์ที่ชื่อว่า Wondershare Mobile Go เพื่อติดตั้งผ่านสาย USB ลงใน Galaxy Gear แทน แต่ปัญหาคือ Galaxy Gear ไม่ได้มีสาย USB มาใ้ห้ ส่วนสาย USB ของ Galaxy Note 3 ก็ดันเป็นแบบ USB 3.0 อีก ดังนั้นอาจจะต้องยืมสาย USB จากรุ่นอื่นที่เป็นพอร์ต Micro USB มาใช้งานก่อน เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้ิอมแล้ว ก็มาเริ่มติดตั้งแอพจาก Play Store ลงใน Galaxy Gear กันเลยดีกว่า

 

ติดตั้งแอพลงใน Galaxy Gear

ก่อนนำ Galaxy Gear มาเชื่อมต่อ ให้ตั้งค่าเพื่อรองรับ Debugging Mode เสียก่อน โดยไปที่ Settings > Gear info > USB debug

Install-app-gear-11

 

เริ่มต้นด้วยการเชื่อมต่อ Galaxy Gear เข้ากับคอมพิวเตอร์เสียก่อน โดยถ้าเครื่องหา Driver ของ Galaxy Gear เจอ ก็โชคดีไป แต่ถ้าไม่เจอให้ไปโหลดไดรเวอร์มาติดตั้งก่อนนะครับ คลิกดาวน์โหลด Driver เมื่อเครื่องคอมฯ มองเห็น Gear แล้ว โปรแกรม Wondershare Mobile Go ก็จะเชื่อมต่อกับ Gear โดยอัตโนมัติ ที่ Galaxy Gear จะมีป็อปอัพขึ้นมาให้แตะ OK เพื่อเชื่อมต่อสู่ Debugging Mode

Install-app-gear-12

 

Install-app-gear-01

 

เมื่อเชื่อมต่อแล้วจะมีกรอบป็อปอัพขึ้นมาให้คลิกปุ่ม Manage

Install-app-gear-02

 

รอซิงค์แป็บนึง
Install-app-gear-03

 

จะเข้าสู่หน้าจอการจัดการส่วนต่างๆ บน Galaxy Gear

Install-app-gear-04

 

คลิกที่ Apps แล้วคลิกที่ปุ่ม Install

Install-app-gear-05

 

เลือกไฟล์ .apk ซึ่งเป็นไฟล์ติดตั้งแอพพลิเคชั่นของ Android โดยก่อนหน้านี้ผมได้ทำการ Export ดึงไฟล์ .apk จากแอพฯ ต่างใน Note 3 เอาไว้ก่อนแล้ว (ดูวิธี Export ไฟล์ .apk ในหัวข้อถัดไป) สามารถเลือกทีละหลายๆ ไฟล์เพื่อติดตั้งทีเดียวเลยก็ได้

Install-app-gear-07

 

[วิธี Export ไฟล์ .apk] ให้คลิกปุ่ม Export บนแอพที่ต้องการ เพื่อแบ็กอัพเป็นไฟล์ .apk เก็บไว้ติดตั้งกับเครื่องอื่นๆ ได้ สำหรับใครที่มีไฟล์ .apk อยู่แล้วก็ข้ามขึ้นตอนนี้ไปได้เลย

Install-app-gear-06

 

ระบบจะแสดงการติดตั้งขึ้นมาทันที ในที่นี้ลองติดตั้งแอพ ES File Explorer เพียงเท่านี้ก็สามารถติดตั้งแอพลงบน Galaxy Gear ได้แล้ว

Install-app-gear-08

 

นอกจากนี้ยังสามารถโอนไฟล์หนัง หรือเพลง ลงใน Galaxy Gear ได้อีกด้วย โดยคลิกไปที่ Files แล้วเลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการจากนั้นก็ลากไฟล์หนังหรือเพลง ก็อปปี้ลงในโฟลเดอร์นั้นได้เลย

Install-app-gear-09

 

ทดลองเล่นไฟล์วิดีโอที่ก็อปปี้ลงไป ด้วยแอพ ES File Explorer ก็สามารถเปิดดูไฟล์ใน Galaxy Gear และเล่นไฟล์วิดีโอคลิปได้ทันที

Install-app-gear-13

 

สำหรับแอพอย่างพวก Instagram, Facebook, Tumblr ได้ลองติดตั้งดูแล้ว ก็สามารถลงผ่านนะครับ แต่ตอนเปิดรันขึ้นมาจะติดตรงหน้าล็อกอิน ซึ่งไม่สามารถล็อกอินได้เนื่องจากไม่มีคีย์บอร์ดให้พิมพ์ แต่ถ้าเป็นแอพที่ไม่ต้องล็อกอินอะไร ก็สามารถใช้งานได้ แต่อาจจะมีบางฟังก์ชั่นที่ไม่สมบูรณ์ อย่างเกม Candy Crush Saga เมื่อลองเล่นปรากฏว่าข้อความไม่ขึ้น กราฟฟิกเละ ก็ลองมั่วจนเข้าไปถึงหน้าเกม ปรากฎว่าไม่สามารถแสดงผลให้เราเล่นได้

Install-app-gear-14

 

ฉะนั้นต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า Galaxy Gear ไม่ได้ออกแบบมาให้เล่นแอพพลิเคชั่นได้แบบเต็มฟังก์ชั่นเหมือนบนมือถือ หน้าที่หลักของมันคือการแจ้งเตือนและดูข้อมูลสั้นๆ เท่านั้น แต่หากใครลงแอพตัวไหนแล้วใช้ได้ดี ก็แนะนำกันมาบ้างนะครับ…