ไมโครซอฟต์ เตรียมปิดตำนานแบรนด์ Nokia และ Windows Phone

 

Nokia-Windows-Phone

 

หลังจากที่ไมโครซอฟต์ซื้อกิจการของ Nokia ไปได้ไม่นาน กระแสเรื่องของการปรับเปลี่ยนแบรนด์ก็ยังเป็นที่น่าสนใจ ซึ่งตอนแรกไมโครซอฟต์ยังไม่ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ และบอกว่าจะยังคงใช้แบรนด์ Nokia ต่อไปก่อน จนกระทั่งวันนี้เว็บไซต์ข่าวทั่วโลก ต่างออกมายืนยันไปในทิศทางเดียวกันว่า ไมโครซอฟต์ กำลังมีแผนที่จะปิดตำนานแบรนด์ Nokia และ Windows Phone แล้วหันมาใช้แบรนด์ Windows เฉยๆ แทนเท่านั้น

 

โดยหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนแบรนด์ในครั้งนี้ สืบเนื่องจากที่เว็บไซต์ Geekongadgets ได้นำภาพเลย์เอาท์แคมเปญการตลาดออกมาเผยแพร่ ซึ่งมีระบุถึงรายละเอียดของเปลี่ยนแปลงแบรนด์ ที่จะเริ่มแคมเปญในช่วงเทศกาลวันหยุด โดยเว็บไซต์ The Verge ก็ออกมายืนยันว่าเป็นของจริง

 

ฉะนั้นสำหรับ Lumia 830 และ 730 ที่เพิ่งเปิดตัวไป อาจจะเป็น 2 รุ่นสุดท้ายที่ใช้แบรนด์ Nokia อยู่ก็เป็นได้

 

Source : BGR

 

 

ศูนย์การค้าเกษร โชว์ประสบการณ์ลักซ์ชัวรี่ไลฟ์สไตล์เพียงปลายนิ้วสัมผัส “Gaysorn Mobile Application – เกษร โมบาย แอพพลิเคชั่น”

Gaysorn Mobile Application (JADE3576) Re

ศูนย์การค้าเกษร ผู้นำศูนย์รวมลักซ์ชัวรี่ไลฟ์สไตล์อินเตอร์แบรนด์และแฟลกชิพสโตร์ จากทั่วทุกมุมโลก สร้างสรรค์ประสบการณ์ช้อปปิ้งและลักซ์ชัวรี่ไลฟ์สไตล์ครั้งใหม่ กับ “Gaysorn Mobile Application – เกษร โมบาย แอพพลิเคชั่น” นิยามใหม่แห่งการช้อปปิ้งที่ง่าย สะดวก สบาย และพร้อมเติมเต็ม “ความสุข” ทุกวินาทีให้กับลูกค้าเพียงปลายนิ้วสัมผัส ด้วยที่สุดแห่ง “การบริการ”, “สินค้า” และ “คุณภาพ” ที่เหนือระดับ โดยให้นักช้อปสนุกกับการอัพเดททุกเทรนด์และคอลเลคชั่นของแบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่เปิดให้บริการภายในศูนย์การค้าเกษร รวมถึงกิจกรรมลักซ์ชัวรี่ไลฟ์สไตล์หลากหลายรูปแบบและโปรโมชั่นพิเศษต่างๆ เป็นต้น โดยสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นได้แล้ววันนี้ทั้งระบบ iOS และระบบแอนดรอยด์ (Android) ครอบคลุมรูปแบบการใช้งานผ่านสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต

 

นอกจากนี้ ยังมีอภิสิทธิ์เพิ่มเติมสำหรับลูกค้าระดับไดมอนด์ (Gaysorn Diamond Member) อาทิ บริการ Exclusive Private Preview จัดเตรียมสินค้าคอลเลคชั่นจากแบรนด์ชั้นนำภายในศูนย์การค้าเกษรให้คุณได้เลือกชม แบบส่วนตัว, บริการเรียก Valet parking ภายใน 1 นาที, บริการ Gaysorn Personal Assistance และการตรวจสอบสะสมและอัพเดทคะแนนสะสมได้ด้วยตัวเอง เป็นต้น

คลิปเทียบความเร็ว iPhone 5s 5c กับรุ่นเก่าก่อนทุกรุ่นยัน 2G

[youtube link=”http://youtu.be/8eSrdgTHhK0″ width=”590″ height=”315″]

 

EverythingApplePro ปล่อยคลิปวิดีโอ เปรียบเทียบสปีดความเร็วของ iPhone ทุกรุ่น ตั้งแต่ iPhone 5s, iPhone 5c, iPhone 5, iPhone 4s, iPhone 4, iPhone 3GS, iPhone 3G, iPhone 2G เอาให้มันรู้ไปเลยสินะว่า ใครแรงเร็วกว่าใคร ที่ฮา…คือต้องใช้มือในการทดสอบปิดเครื่องพร้อมกันถึง 8 มือ เลยทีเดียว โดยคุณต้องแปลกใจกับผลการทดลองนี้เพราะ iPhone 3GS สามารถปิดเครื่องดับสนิทได้เร็วที่สุด ถัดมาเป็น iPhone 3G, 4 และ 2G ตามลำดับ ดังนั้นสังเกตได้ว่า iOS6 จะ Shut down หรือปิดเครื่องได้เร็วกว่า iOS7 อยู่พอสมควร

 

ส่วนการเปิดเครื่อง แน่นอนว่าจะต้องเป็น iPhone 5s ที่บูตเครื่องได้เสร็จก่อน รองลงมาคือ iPhone 5c, 5 และ 4s ซึ่งทั้งหมดนี้รันบน iOS7 ส่วน ลำดับถัดมาจะเป็น iPhone 2G, 3GS, 4 (ios7), 3G เป็นลำดับสุดท้าย โดยทั้งหมดรันบน iOS 6 ยกเว้น iPhone 4 ตัวเดียวที่รันบน iOS7 ซึ่งได้ลำดับรองสุดท้าย

 

นอกจากนี้ยังมีทดสอบการเข้าเว็บไซต์ ในช่วงท้ายให้ดูอีกด้วย ว่าใครจะเร็วกว่ากัน

 

Source : EverythingApplePro

แอลจีเผยผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ประจำปี 2556 กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือทุบสถิติทำรายได้ประจำไตรมาสต่อเนื่องสูงที่สุด ด้วยยอดขายกว่า 12 ล้านเครื่อง

Photo 12-7-56 10 30 58

ภาพประกอบบทความเท่านั้น

 

แอลจี อีเลคทรอนิคส์ เผยผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ประจำปี 2556 ซึ่งเป็นไปในทิศทางที่ดีสืบเนื่องมาจากผลประกอบการของกลุ่มธุรกิจหลักที่ดีขึ้น โดยเฉพาะจากกลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือซึ่งสามารถเพิ่มยอดขายได้ถึง 12.1 ล้านเครื่องในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน นับเป็นประวัติการณ์สูงสุดของบริษัทตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจในกลุ่มโทรศัพท์มือถือ

ในไตรมาสที่สองของปี 2556 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.1 เมื่อเทียบปีต่อปี หรือมีรายได้รวม 13.58 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 40.74 พันล้านบาท) ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของเกือบทุกกลุ่มธุรกิจ โดยมีกำไรจากการดำเนินงานรวมทั้งสิ้น 426.92 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.2807.6 หมื่นล้านบาท) และมีกำไรสุทธิรวม 139.04 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4.171 พันล้านบาท) ซึ่งลดลงเพียงเล็กน้อยจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่เพิ่มขึ้น อย่างมากจากไตรมาสที่ผ่านมา

กลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์มีรายได้รวม 4.91 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.473แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.4 จากไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่าเท่ากับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยในไตรมาสที่ 2 มีกำไรจากการดำเนินงานรวม 95.37 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2. 61 พันล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายที่แข็งแกร่งในประเทศที่กำลังพัฒนา และผลสำเร็จจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แต่เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา กำไรจากการดำเนินงานลดลงเนื่องจากการแข่งขันที่สูงขึ้น และ ความต้องการซื้อที่ลดลงส่งผลให้ราคาขายของผลิตภัณฑ์ต่ำลง ด้วยความต้องการซื้อที่ลดต่ำลงและการคาดการณ์ว่าการแข่งขันในตลาดทั่วโลกจะยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง แอลจีจึงวางแผนที่จะลงทุนในตลาดของกลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมี่ยมและทีวีจอใหญ่ รวมถึงการขยายตลาดของผลิตภัณฑ์ Ultra HD TV และ OLED TV ในประเทศที่พัฒนาแล้ว

กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือมีรายได้ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่สอง โดยทำรายได้ถึง 2.78 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 8.34 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.5 จากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทส่งออกสมาร์ทโฟนกว่า 12.1 ล้านเครื่อง ซึ่งเป็นยอดการส่งออกประจำไตรมาสที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของแอลจี มีกำไรจากการดำเนินงานรวมเป็น 54.37 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.631.1 พันล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบแบบปีต่อปี แต่ลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมาเนื่องจากความต้องการซื้อที่ลดลงในประเทศเกาหลี, ราคาต่อเครื่องที่ลดลงจากการแข่งขันที่สูงขึ้น, รวมถึงการลงทุนด้านการตลาดที่สูงขึ้น การส่งออกโทรศัพท์มือถือรุ่นยอดนิยม อาทิ L-Series II และ F-Series จะช่วยเรื่องการเติบโตของยอดขาย ในขณะเดียวกัน ทางแอลจีคาดหวังว่า สมาร์ทโฟนรุ่น จี โปร (G Pro) และ แอลจี จีทู (LG G2) จะช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันให้กับบริษัทด้วยเช่นกัน

กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านมีรายได้ประจำไตรมาสสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยยอดขายในไตรมาสที่สองถึง 2.84 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 8.52 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.9 จากปีที่ผ่านมา จากยอดขายที่สูงขึ้นในสหรัฐอเมริกา และการขยายสู่ตลาดใหม่ อาทิ ประเทศจีน และละตินอเมริกา มีกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสที่สองรวม 107.84 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3.235.2 พันล้านบาท) เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก แต่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา เนื่องจากการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา แอลจีมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในกลุ่มธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่าง พร้อมกับการประหยัดพลังงาน รวมถึงการปรับปรุงโครงสร้างต้นทุน

สำหรับกลุ่มเครื่องปรับอากาศและโซลูชั่นส์ด้านพลังงานมีรายได้ในไตรมาสที่สองรวม 1.55 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4.65 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา ร้อยละ 18.4 และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกของปีนี้ร้อยละ 42.5 มีรายได้จากการดำเนินงานรวม 152.41 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4.572.3 พันล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก ปีที่ผ่านมา และจากไตรมาสที่ผ่านมาเช่นกัน ในขณะเดียวกัน กำไรจากการดำเนินงานก็เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 9.9 เป็นผลสืบเนื่องมาจากการพัฒนาด้านการผสมผสานผลิตภัณฑ์ และโครงสร้างทางธุรกิจ

ข้อมูลเกี่ยวกับอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2556
การตรวจสอบผลประกอบการประจำไตรมาสที่สองของแอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ซึ่งยังไม่ผ่านการตรวจสอบด้านการบัญชี) ใช้หลักเกณฑ์อ้างอิงจาก International Financial Reporting Standards (IFRS) เป็นผลประกอบการในช่วงระยะเวลา 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2556 โดยอัตราแลกเปลี่ยนของเงินวอนต่อดอลล่าร์สหรัฐจะเท่ากับอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยของสามเดือนในไตรมาส มีอัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลล่าร์สหรัฐ ต่อ 1,122 วอน