Galaxy Note 3 Neo เปิดตัวแล้ว เอาใจคนรักโน้ต ดึงๆ วงๆ ในขนาดที่พกง่ายขึ้น

รู้สึก Note 3 มาครั้งนี้ดูมีหลายเวอร์ชั่นไปมั้ย? แต่ก็โอเค สำหรับข่าวนี้ที่ Samsung Poland ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วเกี่ยวกับ Note 3 Neo และก็ถือว่าเป็นของใหม่สำหรับ Note 3 (แต่ไม่ใหม่สำหรับ Samsung) ที่ออก Note 3 รุ่นเล็กมา (จริงๆก็คอนเซ็ปเดียวกับ S4 mini แหละ) ซึ่งคราวนี้เรียกว่า Note 3 Neo จ้า

galaxynoteneo1

 

 

คอนเซ็ปที่ว่าคือ หน้าจอเล็กสเปคเบาๆ พูดถึงสเปคก็มาดูสเปคคร่าวๆกันเลยดีกว่า Note 3 Neo แบ่งเป็นรุ่น 3G และ 4G LTE
 
Note 3 Neo 3G

• ซีพียู quad-core 1.6GHz

• ระบบปฏิบัติการ Android 4.3 Jelly Bean

• กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล,กล้องหน้า   2 ล้านพิกเซล

• RAM 2GB

• NFC

• WiFi 802.11a/ac/b/g/n

• ความจุ 16GB (สามารถใส่ MicroSDXC ถึง 64GB )

 

Note 3 Neo 4G LTE

• ซีพียู Hexa-core 1.7GHz Cortex-A15 cores ,1.3GHz Cortex-A7 cores

• ระบบปฏิบัติการ Android 4.3 Jelly Bean

• กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล,กล้องหน้า   2 ล้านพิกเซล

• RAM 2GB

• NFC

• WiFi 802.11a/ac/b/g/n

• ความจุ 16GB (สามารถใส่ MicroSDXC ถึง 64GB )

 

 
ทางด้านฟีเจอร์เหมือนกันทั้งสองรุ่น คือ

• หน้าจอ 5.5 นิ้ว 720p Super AMOLED (จากเดิม Note 3 อยู่ที่ 5.7 นิ้ว)

• S Pen  (ก็มาด้วย)

 

 

ซึ่งงานนี้ Note 3 Neo ก็ยังสามารถใช้กับ Galaxy Gear  ได้อีกด้วย

 

bg_main1-640x400

 

 

ส่วนราคาเดือนหน้ารู้แน่ แต่คาดว่า Samsung ออก Note 3 Neo มางานนี้หวังตีตลาดคนงบน้อย แต่อยากได้ฟีเจอร์ ดึงๆ วงๆ จาก S Pen แบบ Note 3 ซึ่งดูจากสเปคแล้วถือว่าไม่แรงมากเท่ารุ่นพี่ แต่ก็พอรันฟีเจอร์หลักๆ ไหว ส่วนรุ่น 4G LTE ก็น่าจะแพงกว่านิดหน่อย แต่ก็คงไม่ถึง Note3 รุ่นปกติ

 

ยังไงใครที่สนใจ แอบเหล่ Note 3 Neo อยู่ก็เก็บตังค์รอได้เลย คิดว่าอีกไม่นานคงวางขายทั่วโลก รวมถึงเมืองไทยด้วย

 

Source: Engadget

[บทความวิเคราะห์] ทำไม Galaxy Note 3 เพิ่งมาปล่อย รุ่นรองรับ 4G เอาป่านนี้?แล้วทำไมต้องมี 2 โมเดล?

เมื่อช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม 2014 Samsung ได้ออกวางจำหน่าย Note 3 รุ่นรองรับ 4G LTE ให้สาวกชาว Note ได้ตื่นเต้นกับการที่จะได้ใช้ 4G กับเค้าซะที ซึ่งการที่ Samsung ออกวางจำหน่าย Note 3 รุ่น LTE นั้นเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง เพราะไม่มีแหล่งข่าวไหนจะออกมาเปิดเผยว่า Note 3 LTE ที่ใช้ชื่อโมเดลว่า N9005 จะมาวางขายในไทย

ซึ่งรุ่นที่วางขายในไทยเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2013 คือรุ่น N9000 ซึ่งรองรับแค่ 3G เท่านั้น

ส่วน N9005 นั้นได้มีการวางจำหน่ายไปก่อนหน้านั้นแล้วในหลายๆประเทศ ซึ่งในไทยถ้าอยากได้ก็ต้องไป MBK

 

นอกจาก N9005 จะรองรับ 4G LTE แล้ว ยังมีซีพียูตัวใหม่ ซึ่งแรงกว่า N9000 ที่ใช้ Exynos  5 ส่วน N9005 ใช้ Snapdragon 800 ก็เจ้าตัวนี้แหละที่สาวกคนไทยตื่นเต้นอยากจะใช้ เพราะมันเร็วกว่า และเจ้า Snapdragon 800 นี่แหละ ที่ทำให้เกิดปมปัญหาให้กับสาวก Samsung ตระกูล Note ขึ้นมา แถมยังมีประเด็นสงครามสมาร์ทโฟนกับคู่แข่งรายใหญ่อย่าง Apple  ขึ้นมาอีก

 

samsung-galaxy-note-3

 

 

ประเด็นที่เป็นปมสงครามสมาร์ทโฟน คือ ในคืนวันที่ 10 กันยายน 2013 บริษัทคู่แข่งรายใหญ่อย่าง Apple ได้มีการเปิดตัวสินค้าใหม่และซอฟแวร์ตัวใหม่ แต่ประเด็นที่เราจะพูดถึงคือ การมาของ iPhone 5s ซึ่งมาพร้อมชิปประมวลผลระดับความเร็ว 64-bit ซึ่งก็คือ ชิป A7 ถ้าดูจากช่วงเวลาที่ Note 3 เปิดตัวคือวันที่  4 กันยายน 2013 ถือว่า iPhone 5s เปิดทีหลัง แต่จริงๆก็ไล่เลี่ยกันถ้าดูในแง่ช่วงเวลาที่อยู่ในขั้นตอนการผลิต

 

 

iphone2013-01481-500x332

 

 

หลังจากนั้นก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากแหล่งข่าวทั้งต่างประเทศและในประเทศที่โจมตี Samsung กรณี Snapdragon800

 

ประเด็นที่เกิดการวิจารณ์คือ บรรดาเวบไซต์ของเหล่าสาวกแอปเปิ้ลได้กล่าวในเชิงเย้ย Samsung ว่า อุตส่าห์ปล่อยหมัดเด็ด ซึ่งก็คือ Snapdragon800 ความเร็ว 32-bit แต่สุดท้ายก็หงายเมื่อเจอ ชิป A7 64-bit ของ iPhone 5s เข้า

 

แต่ทาง Samsung ก็ไม่ได้ยอม ถึงกับออกมาโต้ว่าความเร็วระดับ 64-bit นั้น เป็นแค่แผนทางการตลาดของ Apple  เท่านั้น ไม่มีทางที่ใครจะพัฒนามาได้ขนาดนี้แน่นอน

(อันนี้ดูไม่น่าจะอยู่ในประเด็นที่จะพูดถึง แต่ดูจะเป็นประเด็นโจมตี Snapdragon 800 มากกว่า)

 

นอกจากนี้ยังมีประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในทวิตเตอร์  โดยเหล่าบรรดาบล็อกเกอร์ที่เป็นสาวกของแอปเปิ้ล ( รวมทั้งผู้เขียนเองด้วย ) ได้ตั้งแง่สงสัยเชิงถากถางขึ้นมาว่า ” ทำไม Note 3 ไม่ขายรุ่น LTE ตั้งแต่แรก ”  และก็น่าจะใช้ CPU ตัวเดียวไปเลย คือ Snapdragon 800 แล้วทำไมต้องแยกโมเดลให้ยุ่งยาก?

ประเด็นนี้น่าสนใจและน่าเอามาคิด ว่า Samsung จะแยกโมเดล แยกสเปคทำไม?

ซึ่งก็จริงอยู่ว่า ตอนแรก N9005 ไม่ได้มีวี่แววว่าจะมาขายในไทยเลย แล้วอยู่ๆ ก็ออกมาประกาศว่าจะมาขาย ซึ่งก็สร้างความลำบากใจให้คนที่ซื้อ Note 3 N9000 ไปแล้ว

(อ่านประเด็นนี้เพิ่มเติมในเวบไซต์ ผู้จัดการ )

 

 

note3lte

 

จากประเด็นทั้งหมดที่เกิดขึ้น ขอวิเคราะห์ถึงสาเหตุ  2 สาเหตุ

 

 •ทำไมNote 3 เพิ่งจะมาวางขาย รุ่น LTE เอาป่านนี้ ?

•และทำไม ต้องแยกเป็น 2 โมเดล ?

 

 ทำไมNote 3 เพิ่งจะมาวางขาย รุ่น LTE เอาป่านนี้ ?

จริงอยู่ที่ Samsung อาจจะพลาดมองข้ามความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยที่ต้องการจะใช้ 4G และสเปคที่แรง และเร็ว แต่ถ้ามองในแง่เรื่องความครอบคลุมของ 4G ในเมืองไทยซึ่งมีแค่เจ้าเดียว คือ Truemove-H แต่ก็ยังกระจายสัญญานได้ไม่ทั่วถึง และใช้ได้เพียงบางจุดเท่านั้น เช่น สยาม สีลม สาทร  ในต่างจังหวัดก็ครอบคลุม เฉพาะตัวเมืองพัทยา หัวหิน และเชียงใหม่ เท่านั้น

 

ซึ่งทาง Samsung อาจจะมองว่า ส่วนที่ครอบคลุม 4G ในไทยยังน้อยไป และส่วนใหญ่จะใช้ได้แค่ 3G  แต่สาเหตุที่อยู่ๆ เพิ่งมาวางจำหน่าย รุ่น N9005 เอาตอนนี้อาจจะเป็นเพราะว่า Samsung อาจจะเพิ่งจะเล็งเห็นว่า ในจำนวนสมาร์ทโฟนที่รองรับ 4G ของTruemoveH ยังไม่มีสมาร์ทโฟนของ Samsung ที่รองรับซักตัว

 

 

pic1
ภาพจากเว็บไซต์ Truemove-H ในวันที่เปิดตัว 4G LTE เป็นครั้งแรกเมื่อกลางปี 2013

 

จะเห็นได้ว่า ไม่มีสมาร์ทโฟนของ Samsung เลยที่รองรับ 4G ของ Trumove-H ทั้งๆที่ Samsung ได้มีสมาร์ทโฟนที่รองรับ 4G มาตั้งแต่ Galaxy S3 (I9300)  แล้ว แต่เนื่องจากตอนนั้น ในไทยยังไม่มีเครือข่ายไหนที่รองรับ 4G ( เอา 3G ให้รอดก่อนเถอะ) จึงไม่คิดจะเอาออกมาวางจำหน่ายในไทย

และทำไม ต้องแยกเป็น 2 โมเดล ?

ถ้าเราจะมองแบบเปรียบเทียบกับคู่แข่งซึ่งก็คือ Apple สังเกตว่า Apple จะไม่มี iPhone 5s รุ่นรองรับแค่ 3G กับรุ่นรองรับ LTE  แต่จะออกมาแค่รุ่นเดียว ซึ่งรองรับ LTE ตั้งแต่แรก และใช้ CPU (หน่วยประมวลผล) ตัวเดียวซึ่งก็คือ ชิป A7 และก็วางขายให้มันจบภายในรุ่นเดียว แต่ถ้ามองในแง่โมเดล จริงๆ iPhone ก็มีหลายโมเดล ซึ่งที่ต้องมีหลายโมเดลเพราะแต่ละโมเดลรองรับคลื่นความถี่ที่ต่างกัน เนื่องจากคลื่นความถี่ของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ไหนๆก็พูดเรื่องนี้แล้วเรามาดูตัวอย่างโมเดลของ iPhone กันสักสองสามรุ่นดีกว่า

 

iPhone 4

iPhone4

 

 

iPhone 4s

iPhone4s

 

 

iPhone 5

iPhone5

 

 

iPhone 5c

iPhone5c

 

 

iPhone 5s

iPhone5s

 

 

จะเห็นว่า iPhone แต่ละรุ่นมีหลายโมเดล (ในภาพเขียนว่าหมายเลยรุ่น) ซึ่งเป็นเรื่องของการรองรับคลื่นความถี่ของแต่ละโมเดลมากกว่า

แต่เรื่องโมเดลของ iPhone   ไม่ได้เป็นปัญหายุ่งยากหรือสร้างความลำบากใจอะไรให้กับผู้ใช้งาน เพราะถึง iPhone จะมีหลายโมเดล แต่ทางด้านสเปค iPhone มีสเปคเดียว แตกต่างแค่ความจุของตัวเครื่อง (Storage) ซึ่งแยกเป็น 8GB, 16GB, 32GB, 64Gb

ไม่เหมือน Note 3 ที่แต่ละโมเดลมีสเปคที่ต่างกัน  ลองมาดูความต่างของสเปคของ N9000 กับ N9005 กัน

1389066026-217-o

(ภาพจาก ThaiMobile Center )

แต่ถ้ามองในอีกแง่มุมที่ Note 3ต้องมี 2 โมเดลที่ดูจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้บริโภค นั่นก็คือเรื่องราคา เพราะ Note 3 ทั้ง  2 รุ่นมีราคาที่แตกต่างกัน ซึ่ง Samsung อาจจะมีนโยบายทางการตลาดให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกในกรณีที่แต่ละบุคคลมีอำนาจในการซื้อต่างกัน

มาดูราคาของ Note 3 ทั้ง 2 รุ่นกัน

 

• Note 3 N9000 ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 23,500 บาท

Note 3 N9005 ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 24,900 บาท

 

เราจะเห็นได้ว่า ถึง Note 3 จะมี 2 โมเดล แต่ก็ดูแฟร์ๆ ในด้านความต่างของสเปคและราคา  ใครที่ไม่มีโอกาสได้ใช้ 4G และไม่ได้ต้องการสเปคที่แรงอะไรมากมาย ก็จ่ายในราคาที่ถูกกว่า ส่วนใครที่ต้องการ 4G และสเปคแรงๆ ก็จ่ายมากกว่า ซึ่งถ้ามองแง่นี้สบายใจกว่ามั้ย?

 

ไม่ว่ากรณีของ Note3 LTE ที่วางขายในไทยนี้จะเกิดเป็นประเด็นขึ้นมายังไงก็ตาม แต่สุดท้ายอย่างน้อย Samsung ก็ได้รับบทเรียนนี้ไป  และค่อนข้างมั่นใจว่า งานหน้า ถ้า Samsung จะปล่อยอะไรออกมาแบบนี้อีก ก็คงจะมีการบอกล่วงหน้ากันก่อน และคงจะไม่ซ้ำรอยเดิมอย่างกรณี Note 3 นี้

 

 

[infographic] วิวัฒนาการของยุคเครือข่ายมือถือ 1G – 2G – 3G – 4G

Evolution of the G

หลังจากที่คนไทยเพิ่งจะได้สัมผัสกับเทคโนโลยี 3G กันอย่างเป็นทางการ จากผู้ให้บริการเครือข่าย ทั้ง 3 เจ้าใหญ่ๆ AIS, dtac และ truemoveH ซึ่งเมืองไทยเองถือว่ายังอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านจาก 2G ไปยัง 3G และบางเครือข่ายก็เริ่มมีบริการ 4G ให้ทดลองใช้เฉพาะบางพื้นที่แล้ว แต่หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่าไอเจ้า 3G หรือ 4G ที่หลายคนพูดถึงกันมันดียังไง แล้วแตกต่างกันอย่างไร ผมมีภาพ infographic อธิบายง่ายๆ จาก COMMSCOPE มาให้ดูกัน โดยขอสรุปตัวเลขที่น่าสนใจออกมาดังนี้

ความเร็วของแต่ละยุค หน่วยเป็น กิโลบิตต่อวินาที (kbps)
1G : 2.4 kpps สื่อสารด้วยเสียงเท่านั้น ยังเป็นระบบอะนาลอก
2G : 64 kbps สื่อสารด้วยเสียงได้ชัดเจนขึ้น ให้สัญญาณครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และเป็นยุคแรกของการใช้มาตรฐานดิจิตอลในระบบ GSM และ CDMA
3G : 2000 kbps สื่อสารได้ทั้งเสียงและข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อความ, มัลติมีเดีย และอินเทอร์เน็ต ถือเป็นยุคแรกของการเป็นโมบายบรอดแบนด์
4G : 100,000 kbps สื่อสารกันด้วยข้อมูลเป็นหลักหรือว่าง่ายๆ คือเชื่อมต่อินเทอร์เน็ตแทนการสื่อสารด้วยเสียง ใช้โปรโตคอลมาตรฐานการสื่อสารแบบ LTE และเป็นโมบายบรอดแบนด์อย่างแท้จริง

เปรียบเทียบตามระดับความสูงแล้วจะเท่ากับ
1G = ความสูงของตั๊กแตน
2G = ความสูงของเจ้าสุนัขพันธุ์ บอร์เดอร์ คอลลี่
3G = ความสูงของตึก 5 ชั้น
4G = ความสูงของตึก Burj Khalifa ในดูไบ ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก

ในปีนี้ (2013) เราจะได้เห็นการใช้ข้อมูลสื่อสารกันบนเครือข่ายมือถือมากถึง 1 Exabyte ต่อเดือน หรือเท่ากับ 1 พันล้านกิกะไบต์ (1,000,000,000 GB) ซึ่งเทียบเท่ากับการดาวน์โหลดหนังเรื่อง Star Wars ทุกตอน ได้ถึง 130 ล้านครั้ง

คาดว่าในปี 2016 จะมีการรับส่งข้อมูลกันมากถึง 10.8 Exabyte ต่อเดือน เลยทีเดียว

อะไรที่เป็นแรงขับของการเิติบโตในการใช้ข้อมูล
แน่นอนว่าคำตอบคือ Smartphone ที่มีจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ในปี 2013 มีผู้ใช้สมาร์ทโฟน 1 ใน 3 เมื่อเทียบกับผู้ใช้ฟีเจอร์โฟนทั่วไป
คาดว่าในปี 2017 จะมีผู้ใช้สมาร์ทโฟนเป็น 1 ใน 2 เมื่อเทียบกับผู้ใช้ฟีเจอร์โฟนทั่วไป
และมีเปอร์เซ็นต์การดูเว็บผ่านสมาร์ทโฟนสูงขึ้นถึง 8.3% ในปี 2013

แล้วจะทำอย่างไรให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนมีความสุขกับการใช้งาน
19% : ประสิทธิภาพของเครือข่ายเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
16% : ความคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป
10% : ติดต่อสื่อสารได้ระหว่างที่กำลังเดินทาง
10% : ข้อเสนอในส่วนของค่าทำเนียมหรือค่าบริการต่างๆ
10% : การบริการลูกค้า

 

สำหรับในเมืองไทยข้อมูลนี้อาจจะไม่สอดคล้องกันเท่าไรนัก เนื่องจากเป็นการเก็บข้อมูลในต่างประเทศเท่านั้น แต่ก็สามารถมองเห็นแนวโน้มและความเป็นมาเป็นไปของระบบเครือข่ายมือถือที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว และเชื่อว่าประเทศไทยก็มีศักยภาพในการพัฒนาอย่างรวดเร็ว หากไม่ติดเรื่องปัญหาการเมืองภายในเสียก่อนนะครับ อิอิ…

1G
Source : CommScope via Phonearena