Google โดนซะละ..Apple สั่งถอด Theme iOS 7 ออกจาก Play Store

จริงๆ ก็คิดแบบนี้มาตั้งนานละ ที่เห็น Andriod Phone สามารถใช้ Theme iOS 7 ได้หน้าตาเฉย แค่โหลดแอพพลิเคชั่น Theme จาก Play Store ก็สามารถใช้ Andriod ที่หน้าตาเหมือน iOS 7 ได้ละ (อยากใช้ทำไมไม่ซื้อไอโฟน) ในขณะที่ฝั่ง iOS จะเปลี่ยน Theme แปลกๆแหวกแนวไม่ซ้ำใครได้ที ต้องเจลเบรคเท่านั้น

Screen-Shot-2014-02-10-at-8.18.52-PM-640x447

 
 

แล้ว Apple ก็ปล่อยให้ Andriod ใช้ Theme iOS 7  อยู่พักใหญ่เลยนะ แต่อยู่ๆ ก็เพิ่งจะมาเดือดว่า iOS 7 เป็นดีไซน์ของฝั่ง iOS  ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของไอโฟน แล้วอยู่ๆ จะปล่อยให้คนอื่นใช้ได้ไง Apple ก็เลยจัดไปดอกนึง สั่ง Google ให้ถอด Theme iOS 7 ออกจาก Play Store ซะ

 
 

จริงๆมันถอดกันง่ายมากเลยนะ แต่ดูทาง Google ยังนิ่งๆอยู่  เอ๊า! เดี๋ยวก็โดนฟ้องหรอก

 

Source: Cult of Android

[Tips] ดึงรูปจาก Instagram มาเป็น Wallpaper ใน iPhone

วันนี้มีแอพพลิเคชั่นมาแนะนำ ชื่อว่า WallGram สำหรับใครที่ชอบรูปใน Instagram ของคนที่เรา Follow แล้วอยากได้รูปนั้นมาเก็บไว้ หรือจะเอามาทำเป็น Wallpaper บนไอโฟนของเรา มาดูวิธีง่ายๆกันเลยค่ะ ก่อนอื่น โหลด WallGram ที่ App Store ก่อน ราคาแค่ $0.99 เอง

mzl.ggsyucbr.175x175-75

 
 
เปิดแอพขึ้นมาเลย แล้วเลือกรูปที่เราชอบ หลังจากเลือกได้แล้ว ให้กดเครื่องหมายบวก

wallgram

 
 
หลังจากนั้นตัวแอพพลิเคชั่นก็จะทำการโหลดรูป เสร็จแล้วปิดแอพพลิเคชั่น แล้วไปที่ Settings>Wallpapers&Brightness

wallgram2

 
 
เลือก Choose a New Wallpaper

wallgram3

 
 
เลือกไปที่ Camera Roll

wallgram4

 
 
จะเห็นว่ารูปถูกเซฟลง Camera Roll แล้ว ดึงรูปขึ้นมาเลย

จะเห็นว่ารูปจะเบลอๆ เพราะว่าถูก Zoom in แตะไปที่ Perspective Zoom เลือกเป็น OFF

แล้วใช้ 2 นิ้วแตะที่ภาพเพื่อจะบีบภาพเข้ามาหรือกางออกให้ได้ตามขนาดที่เราต้องการ

wallgram5

 
 
เมื่อซูมได้ตามขนาดที่ต้องการแล้วให้ แตะปุ่ม Set

wallgram6

 
 
หลังจากนั้นจะมีให้เรา Set 3 แบบ Set Lock Screen คือ ให้ Wallpaper นั้นอยู่เฉพาะหน้า Lock Screen ,Set Home Screen คือ ให้ Wallpaper อยู่เฉพาะหน้า Home Screen,Set Both คือ ให้ Wallpaper  อยู่ทั้งหน้า Lock Screen และ หน้า Home Screen  เลย ก็เลือกตามแต่เราชอบเลยค่ะ

wallgram7

 
 
เสร็จเรียบร้อย

wallgram8

 

ใครชอบก็โหลดมาลองเล่นกันได้เลย

รวบตึงเบาๆ iOS 7.1 beta 5 มีอะไรใหม่?

Wassuppp! ผ่านไป 1 เดือนหลังจาก Apple ปล่อย iOS 7.1 beta 3 และ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมากับ 7.1 beta 4 คงช่วยให้เราเห็นภาพรวมดีไซน์ใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ และวันนี้ Apple ก็ได้ปล่อยเวอร์ชั่น 7.1 beta 5 ออกมาให้นักพัฒนาอัพเดทกันอีกครั้ง จะมีอะไรเพิ่มมาใหม่ต้องลองติดตามดูค่ะ ส่วนอีก 2 อาทิตย์ข้างหน้าจะมีอะไรออกมาค่อยว่ากัน..แต่ก็ใกล้ความจริงขึ้นมาทุกทีแล้วสินะ โดยเฉพาะ iPhone 4 ทั้งรอทั้งหวัง! เพราะใครๆก็บอกลื่นขึ้นกว่า 7.0.4 เนี่ยสิ..อุ๊ปส์!!

 

Keyboard

คีย์บอร์ดถูกให้ความสำคัญอีกครั้งหลังจากเปลี่ยนให้ดูง่ายและชัดขึ้น ครั้งนี้เพิ่มความชัดของการ Cap Lock ขึ้นไปอีก (แตะ Shift ติดกันสองครั้ง)

keyboardchanges
ภาพซ้ายแตะ Shift, ภาพกลางยกเลิก Shift, ภาพขวาแตะ Shift ติดกันสองครั้งเพื่อเปิดใช้ Cap Lock สำหรับใช้ตัวพิมพ์ใหญ่เท่านั้น

 

 

Wallpaper

ใน beta 3 ได้เพิ่มคำสั่ง Motion สำหรับปิด parallax แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนชื่อคำสั่งเป็น Perspective Zoom ใน beta 5 เรียบร้อยแล้ว

 

iTunes Radio

เพิ่มปุ่ม Buy Album สำหรับซื้อทุกเพลงในอัลบั้มที่กำลังเปิดเล่นใน iTunes Radio ขณะนั้น

itunesradio

 

Siri 

เปลี่ยนเสียงพูดให้ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าเดิม สำหรับภาษาอังกฤษ (ออสเตรเลีย), อังกฤษ ( สหราชอาณาจักร), ญี่ปุ่น และ ภาษาจีน ( แมนดาริน – จีน) ต้องลองฟังกันดูว่าสำเนียงจะเปะแค่ไหนนะจ๊ะ

 

Calendar

ปุ่มสลับมุมมองรายการเปลี่ยนพื้นให้เป็นสีแดงโดดเด่นกว่าเดิมที่เคยใช้สีชมพูบางๆใน beta 2 ส่วนลูกศรย้อนกลับไปดูมุมมองรายปีก็ไม่มีพื้นสีเทาแล้ว

calendar

 

Thanks. macrumors

 

[Tips] Dr.Fone สุดยอดโปรแกรมกู้ไฟล์บน iPhone ย้อนหลังได้เป็นชาติ

 

อยู่ดีๆก็ไปเจอโปรแกรมตัวนึงบอกได้เลย เจ๋งโพดๆ เคยมั้ยที่เราเคยทำข้อมูลไม่ว่าจะใน iPhone หรือ iPad หายไป แล้ว iTunes ก็ช่วยอะไรไม่ได้ วันนี้เลยมาแนะนำโปรแกรมตัวนึงชื่อ Dr.Fone พอลองใช้ดูแล้วมันแทบจะบันทึกประวัติศาสตร์การใช้งาน iDevice ของเราเลย โดยเจ้า Dr.Fone จะสแกนผ่านไอโฟนเครื่องปัจจุบันของเรา โดยใช้ Apple iD เป็นตัวสแกน สุดท้ายก็จะเจอข้อมูลเก่าๆตั้งแต่สมัย iPhone 3G ยังเจอเลย (ถ้าเราใช้ Apple ID ตัวเดิมมาตลอด) มาดูวิธีใช้งานกันเลยดีกว่า

0023216d_medium

ก่อนอื่น Download Dr.Fone ก่อน

Download For Mac      Download For Windows

 

 

เสร็จแล้วเปิดดปรแกรมขึ้นมาเลย จะเห็นว่าโปรแกรมสั่งให้เราต่อสาย iPhone กับคอมพิวเตอร์ เพื่อเชื่อมต่อกับ Dr.Fone

dr.fone1

 

 
รอให้เครื่องสแกน ID แป๊บนึง

หลังจากนั้นเครื่องจะเริ่มสแกนข้อมูลทั้งหมดที่หายไป

 dr.fone2

 

 
พอสแกนเสร็จแล้ว ก็จะขึ้นข้อความว่า Dr.Fone ได้ทำการสแกนข้อมูลทั้งหมดมาได้แล้วทั้งใน iDevice, iTunes และ iCloud (เก็บมาหมดเลยจ้า) กด OK 

dr.fone3

 

 

หลังจากนั้นเราจะเจอแถบข้อมูลด้านซ้ายไม่ว่าจะเป็นรูป,contacts,Line,Whatsapp,SMS และอื่นๆอีกเพียบ Dr.Fone จะเอาคืนมาให้หมดที่เราคุย แชทอะไรกับใครไว้มาหมด ถึงจะลบไปแล้วก็มา สังเกตจะมีรูปถังขยะขึ้นแปลว่าเราอาจลบไปแล้ว หรือข้อมูลหายเองให้เราเลือกข้อมูลที่เราจะกู้กลับมา ในรูปเลือก contacts เสร็จแล้วกด Recover

dr.fone4

 

 
ให้ไล่เลือกข้อมูลทีละอันแล้วกด Recover  เพื่อนำข้อมูลกลับมาใส่ในไอโฟนหรือไอแพดปัจจุบันที่เราใช้อยู่ ทีนี้ถ้าเราอยากได้ข้อมูลที่หายไปจาก iTunes (ในกรณีที่เราอาจลบ iTunes ทิ้งไปจากคอมพิวเตอร์แล้วลง iTunes ใหม่แล้วข้อมูลหายไป) หรือ iCloud (ในกรณีที่เราเคยมี iCloud อันเก่าที่เคย Back up ข้อมูลไว้) ให้เรากดที่ Home

dr.fone5

 

 

จะเห็นแถบด้านบนให้เลือกว่าเราจะเอาข้อมูลจากไหนคืน อันแรกเรากู้กลับมาแล้ว เหลือ iTunes กับ iCloud ในนี้เลือก iTunes ก่อน

ขึ้นมาพรึ๊บเลย ทีนี้ก็เลือกกันเอาเองเลยว่าจะเอาข้อมูลจาก iDevice  เครื่องไหนคืน เลือกแล้วกด Start Scan ข้อมูลก็จะขึ้นมาเหมือนเดิมเป๊ะ ก็ทำเหมือนขั้นตอนก่อนหน้านี้ที่ได้อธิบายไว้

 dr.fone6

 

 
ทีนี้มาเลือกที่แถบ iCloud ดูบ้าง ก็จะเห็นช่องให้เราใส่ iCloud ID และ Password หลังจากนั้น Dr.Fone  ก็จะกู้ข้อมูลกลับมาให้ ก็เลือกข้อมูลที่ต้องการทำตาม Step เดิมเลย พอเลือกได้กด Recover เพื่อนำข้อมูลใส่ iDevice ของเรา เป็นอันเสร็จ

dr.fone7

 

 

ลืมบอกโปรแกรมนี้ไม่ฟรี นี่แหละคือข้อเสียของมัน ราคาจิ๊บๆมากอยู่ที่ $99 หรือ 3,400 บาทเอ๊ง (น้ำตาจะไหล)

Facebook Paper รวมฟีดข่าวและโซเชียล ในสไตล์ Storytelling

Facebook-paper-01

Facebook ประกาศข่าวเตรียมเปิดตัวแอพ Paper สำหรับ iPhone แอพพลิเคชั่นล่าสุดที่จะออกมาเอาใจคนชอบอ่านข่าวโดยเฉพาะ ด้วยฟีเจอร์ที่มาในสไตล์คอนเซ็ปของ Storytelling ที่นำเสนอเรื่องราว ข่าวสารต่างๆ จากโซเชียลเน็ตเวิร์ค ได้อย่างสวยงาม โดยใช้ลูกเล่นการพลิกหน้าจอที่คล้ายกับการเปิดอ่านหนังสือพิมพ์ ดูๆ แล้วก็เหมือนกับแอพ Flipboard นั่นเอง ไปดูกันเลยครับว่ามีอะไรที่โดดเด่นกันบ้าง
แสดงสถานะ รูปภาพที่เพื่อนๆ แชร์ ในรูปแบบใหม่ที่จัดเรียงร้อยเป็นเรื่องราว คล้ายๆ กับ Flipboard

Facebook-paper-02

 

เวลาดูรูปสามารถที่จะเอียงเครื่องซ้าย ขวา เพื่อดูภาพในมุมมองที่เหลือได้

Facebook-paper-03

 

รูปในอัลบั้มจะถูกจัดเรียงภาพลงมาให้เพื่อนสามารถลากดูได้

Facebook-paper-04

 

ไฮไลต์ที่สุดของ Facebook Paper ก็คือศูนย์รวมข่าวจากแหล่งข่าวอันดับต้นๆ ของโลก โดยจะมีหลากหลายหมวดให้เลือก และสามารถเปิดอ่านได้ง่าย เพียงเลื่อนหน้าขึ้น ลง หรือ เลื่อน ซ้าย ขวา เพื่อให้ความรู้สึกเหมือนพลิกหน้าหนังสือพิมพ์

Facebook-paper-05

 

เลือกหมวดข่าวที่ต้องการได้ โดยมีมาให้กว่า 19 หมวด ทั้ง เฮดไลน์ข่าว, เทคโนโลยี, ตลก, อาหาร ฯลฯ
Facebook-paper-07

 

และแน่นอนว่ายังคงสามารถโพสต์รูป โพสต์สถานะต่างๆ ได้เหมือนกับ Facebook เช่นเดียวกัน จึงทำให้แอพ Paper อาจจะมาแทนที่แอพ Facebook ตัวเก่าไปเลยก็ได้

Facebook-paper-08

แอพ Paper จะเริ่มปล่อยให้ดาวน์โหลดผ่าน App Store ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์นี้ เฉพาะผู้ใช้ iPhone เท่านั้น ส่วนระบบปฏิบัติการอื่น อาจจะต้องรอกันไปก่อน

 

ดาวน์โหลด Facebook Paper for iPhone 
ชมคลิปแนะนำแอพ Paper

[youtube link=”http://youtu.be/IhrbT9O6kW8″ width=”590″ height=”315″]

Source : Facebook Paper

 

Facebook อัพเดทใหม่เวอร์ชั่น 6.9 สำหรับ iPhone,iPad อยากบล็อคอะไรบล็อคเลย

S__1024066

 

Facebook ปล่อยอัพเดทใหม่คราวนี้ (เฉพาะ iOS )คงถูกใจใครหลายๆคนที่บางทีเราก็ไม่อยากอ่านสิ่งที่บางคนโพสต์ ถ้าจะให้ Unfriend  ก็ดูจะโหดร้ายไปไม่ถนอมน้ำใจ คราวนี้แหละ Facebook  เริ่มอ่านปัญหาหนักใจของผู้ใช้งานออก เลยออกฟีเจอร์ใหม่ อยากบล็อคอะไรบล็อคเลย หรือจะ บล็อคโฆษณาที่มารกไทม์ไลน์ของเรา จัดไป บล็อคอะไรยังไง? มาดูกัน

 
บล็อคเพื่อน

เข้าไปที่หน้า News Feed 

ลองไล่ดูว่าเพื่อนคนไหนที่โพสต์อะไรไม่เข้าตา แล้วอยากบล็อคๆไปซะ อะเจอแล้วคนนึง

แตะที่เครื่องหมายลูกศรตรงมุมบนขวาของข้อความที่เพื่อนเราโพสต์

fb6.9-1

จะขึ้นมาให้เราเลือก 3 อัน

• Hide คือซ่อนเฉพาะโพสต์อันนี้อันเดียว พอดีไม่ชอบดูคลิปฉาวเอามากๆ (ฮาๆ)

• Hide All From User คือซ่อนทุกโพสต์ที่คนคนนี้โพสต์

• Report/Mark As Spam  อันนี้คือแจ้งตำรวจ Facebook  ไปเลยว่านางคือสแปม

เลือกเอาตามสะดวกเลย

fb6.9-2

 
บล็อคโฆษณา

ก็ถ้ารำคาญจะเห็นก็จับ Hide ซะ วิธีการเดียวกับบล็อคเพื่อน

fb6.9-4

 
นอกจากนี้ Facebook 6.9 ยังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่อีกอันคือ  อัลบั้มวิดีโอ เผื่อใครอยากจะสร้างอัลบั้มวิดีโอส่วนตัวก็สามารถทำได้แล้ว

fb-video

 
หวังว่าคงจะชอบกันนะ อ้อ เราซ่อนโพสต์เพื่อนหรือแปลตรงๆคือบล็อค เจ้าตัวเค้าไม่รู้หรอก ไม่ต้องห่วง

 

Go Mic Direct ไมโครโฟนจิ๋วแต่เจ๋ง สำหรับ Mac และ iOS

Samson-Go-Mic-Direct-Mac-001

 

Samson ปล่อยไมโครโฟนตัวใหม่ล่าสุด ” Go Mic Direct “  ไมโครโฟนขนาดจิ๋ว ไว้ใช้งานควบคู่กับ Mac, iPhone, iPod Touch และ  iPad หรือจะใช้กับคอมพิวเตอร์ PC ก็ได้โดยใช้หัว  USB เป็นตัวเชื่อมต่อ ส่วน iPhone 5 รวมไปถึง iDevic ที่รุ่นใหม่กว่านั้นจะต้องใช้หัวอแดปเตอร์เป็นตัวแปลง คือ Lightning USB Camera Adapter

MD821

ส่วน iPhone 4s รวมไปจนถึง iDevice รุ่นที่เก่าลงไปกว่านี้ ต้องใช้  30-pin Camera Connection Kit เป็นหัวแปลง

MC531_GEO_US

ทางด้านการใช้งาน Go Mic Direct สามารถรองรับพวกไฟล์เสียงที่มาจากวีดีโอ (podcasting ) , ใช้บันทึกเสียงการสัมภาษณ์ต่างๆ ,การบันทึกเสียงจาก Audio Note ,การบรรทึกเสียงใ่ส่ลงแอพพลิเคชั่นประเภท Voice recognition , Video Calling เช่น Facetime,Skype  หรือจะบันทึกเสียงลงวิดีโอ Youtube

Samson-Go-Mic-Direct-image-001

 

Go Mic Direct เป็นไมค์ที่สามารถบันทึกเสียงได้  2 ประเภท คือ

• omnidirectional คือบันทึกเสียงโดยรอบ

 •bidirectional คือ บันทึกเสียงจากไมโครโฟนโดยตรง (ตัดเสียงภายนอกออก เช่นเสียงกดคีย์บอร์ดขณะพิมพ์)

 

Samson ได้ออกแบบ Go Mic Direct มาให้ใช้ควบคู่กับแอพพลิเคชั่น Deck noise reduction ซึ่งสามารถดาว์นโหลดได้จาก App Store (ฟรี)

แอพพลิเคชั่นตัวนี้จะเป็นตัวสลับโหมดการใช้งานของไมค์ไปมาระหว่างโหมด omnidirectional ไปโหมด bidirectional 

 
ด้านสเปคของ Go Mic Direct

• หน่วยประมวลผล ความเร็ว  16-bit/44.1kHz

• flat frequency response การตอบสนองของเสียง 20Hz–18kHz

Go Mic Direct ไม่สามารถตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้เอง แต่สามารถรองรับการใช้งานของอุปกรณ์เสริมมาเป็นตัวช่วยได้

 
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของ Go Mic Direct
 
Source: iDownloadingBlog

 

[Tips] เข้า Recovery Mode ง่ายๆ ไม่ต้องนับวินาที

mode

 

ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนว่า Recovery Mode มีไว้ใช้ทำอะไรบ้าง?

• จำรหัส PassCode ไม่ได้

• จำรหัสผ่านใน Restriction Mode  ไม่ได้ (ในกรณีที่เราอยากจะรีเซทเครื่อง แต่เครื่องถามรหัสผ่านที่เราตั้งไว้ใน Restriction Mode )

• ไอโฟนไม่สามารถเชื่อมต่อกับ iTunes  ได้

• หรือในกรณี iPhone 5s เกิดมีใครไปแอบตั้งสแกนนิ้วมือไว้ แล้วเราปลดล็อคไม่ได้ เราสามารถล้างสแกนนิ้วมืออันนี้ทิ้งได้

 

คร่าวๆก็มีประมาณนี้ ถ้าไอโฟนเราอยู่ในกรณีใดกรณีหนึ่ง แนะนำว่าเราต้องเข้า Recovery Mode ซึ่งต้องบอกไว้ก่อนว่าการใช้ Recovery Mode จะเป็นการล้างข้อมูลใหม่หมดเหมือนออกจากโรงงาน ซึ่งวิธีนี้จะไม่อนุญาตให้เรา Back Up ข้อมูลใดๆ และข้อมูลอาจหาย ยกเว้นกรณีที่เคย Back Up เก็บไว้ใน iTunes มาบ้างแล้ว หรือ Back Up ลง iCloud เราก็สามารถกู้ข้อมูลคืนมาได้

ฉะนั้นปลอดภัยไว้ก่อนค่ะ เราควร Back Up ข้อมูลไว้สม่ำเสมอถ้าจะให้ดีก็ควร Back Up ลงใน iTunes จะดีที่สุด

 

หมายเหตุ: Recovery Mode ไอโฟนทุกรุ่นและทุกๆ  iOS สามารถเข้าได้หมด

 

วิธีเข้า Recovery Mode

หลายๆคนอาจเคยอ่านเจอส่วนใหญ่จะให้เรานับเป็นวินาทีในการแตะปุ่มแต่ละปุ่ม ทีนี้เราจะมาบอกวิธีซึ่งก็เป็นวิธีเดียวกันแบบทั่วๆไปแหละ แต่เราไม่ต้องนับวินาทีให้งง สับสน วิธีนี้จะใช้วิธีสังเกตสิ่งที่เราเห็นบนหน้าจอ แล้วเราควรแตะปุ่มไหน ปล่อยปุ่มไหน เริ่มเลย..

 

1.เสียบสาย USB ที่ไอโฟนเพื่อเชื่อมต่อกับ iTunes 

 

images

 

 

2.เมื่อเชื่อมต่อเสร็จแล้วให้เรา ปิดเครื่องไอโฟน

iphone-slide-to-power-off

 

 

 

3. หลังจากปิดเครื่องให้เรากดปุ่ม เปิด/ปิดเครื่อง ค้างไว้

dfu1

 

4.รอจนกว่าจะมีรูป Apple ขึ้นมาแล้วเราก็กดที่ปุ่ม Home แต่ปุ่ม เปิด/ปิด ก็ยังกดอยู่นะ

dfu2

 

 

5. รอจนหน้าจอดับไปอีกครั้ง แต่ก็ยังกดปุ่ม เปิด/ปิด+ ปุ่ม Home ค้างไว้

dfu3

 

6.จนรูป Apple ขึ้นมาอีกครั้ง ให้ปล่อยมือจากปุ่ม เปิด/ปิด แต่ยังกดปุ่ม  Home ค้างไว้

dfu4

 

7.กดปุ่ม Home  ค้างไว้จนหน้าจอ ขึ้นรูป Recovery Mode  แล้วค่อยปล่อยมือจากปุ่ม Home

dfu5

 

8.ดูที่หน้าจอ iTunes บนคอมพิวเตอร์จะขึ้นข้อความแบบนี้ ให้กด OK

dfu6

 

9.หลังจากนั้น บนหน้าจอ iTunes จะเห็นปุ่ม Restore ให้เรากดปุ่ม Restore เพื่อเป็นการล้างเครื่องใหม่หมด

dfu7

เสร็จแล้วจ้า

ถ้าอยากดูให้ชัด เราจัดให้ด้วยคลิปนี้ค่ะ

[youtube link=”http://youtu.be/gthcmejzXtE” width=”590″ height=”315″]

[Tips] เปลี่ยน icon iPhone ด้วยแอพ CoCoPPa โดยไม่ต้องง้อเจลเบรค

วันนี้จะมาแนะนำแอพพลิเคชั่นสุดฮอตจากญี่ปุ่น เป็นแอพพลิเคชั่นที่สามารถเปลี่ยน ไอคอน บนไอโฟน แถมยังเปลี่ยนวอลเปเปอร์ได้ด้วย มีให้เลือกหลายสไตล์ ที่สำคัญไม่ต้องเสียเวลาเจลเบรค

icon_256

 

 

เดี๋ยวเรามาลองเปลี่ยนไอคอนบนไอโฟนกันดีกว่า เอาซักหนึ่งไอคอนมาดูกันว่าเขาเปลี่ยนกันยังไง?

ก่อนอื่นดาว์นโหลดแอพ CoCoPPa กันก่อนที่ App Store

 

 

เสร็จแล้วกดเข้าไปเลย จะเห็นว่ามีหลายไอคอนให้เราเลือก ในที่นี้ขอเลือกอันที่ฮิตๆกัน เป็นไอคอน Youtube หน้าตาสวยงามมาก กดไปที่ไอคอนที่เลือกเลย

 

cocoppa1

 

 

จะเห็นรูปไอคอนที่เราเลือกมา กด Use this icon

cocoppa2

 

 

ที่นี้จะมีข้อความถามว่า เราจะลิงค์ไอคอนที่เลือกไปที่แอพพลิเคชั่นตัวไหน เราก็เลือก Youtube

cocoppa3

 

 

ทีนี้จะขึ้นรูปไอคอนที่เราเลือก กับรูปแอพพลิเคชั่นที่เราจะลิงค์ไป กด OK

cocoppa4

จะมีข้อความตัวหนังสือแดงๆขึ้นว่า ถ้าเราลบไอคอนแอพอันดั้งเดิม ข้อมูลอาจจะหาย ฉะนั้นไม่ต้องลบค่ะ ให้มีไว้ทั้งสองไอคอน หรือจะเอาไอคอนเก่าไปซ่อนไว้ในโฟลเดอร์เพื่อจะได้ดูไม่รก

 

 

พอขึ้นรูปนี้มาก็จะมีคำสั่งให้เรา กด Add to Home Screen เพื่อให้ไอคอนนี้ไปอยู่บนหน้า Home ของไอโฟน ให้เรากดตามที่วงสีแดงไว้

cocoppa5

 

 

จะออกมาเป็นแบบนี้ ก็ให้เราเลือก Add to Home Screen อย่างที่บอกไว้

coppa6

 

 

เสร็จแล้วไอคอน Youtube ที่เราเลือกไว้มาอยู่ที่หน้า Home เรียบร้อย ลองเปิดเช็คดูได้เลยว่ามันกลายเป็นแอพ Youtube จริงมั้ย

cocoppa7

 

 

ถ้าดูแค่ภาพไม่เข้าใจ เราจัดให้ค่ะ คลิปวิธีทำไอคอนจาก CoCoPPa

[youtube link=”http://youtu.be/U6gj_lvLpbs” width=”590″ height=”315″]

[Tip] วิธีป้องกันเว็บไซต์อันตราย บน Safari

เดี๋ยวนี้มีพวกเว็บไซต์ปลอม อีเมลล์ปลอมที่ส่งลิงค์อะไรมามากมายให้เราหลงกลคลิกเข้าไป กรอก Username,Password แล้วสุดท้ายก็แฮกค์ข้อมูลเราไปอย่างง่ายๆ ใครที่เป็นคนหลอกง่าย ฟังทางนี้ สำหรับคนที่ใช้ไอโฟน ไอแพด ส่วนใหญ่ก็จะเข้าเว็บบราวเซอร์คือ Safari ทีนี้เรามาดูวิธีป้องกันเวบไซต์ปลอมต่างๆ เพื่อความปลอดภัยกับข้อมูลของเรา

 

ขั้นตอนก็ง่ายนิดเดียว แค่เราเข้าไปที่ Settings>Safari จากนั้นดูในส่วนของ Privacy & Security

เราจะเห็นบรรทัดแรก Do Not Track ก็คือเปิด ON ไว้เพื่อป้องกันเหล่าแฮกเกอร์ทั้งหลายที่จะมาทำมิดีมิร้ายในขณะที่เรากำลังท่องเว็บอยู่

 

บรรทัดที่สอง Block Cookies ก็คือเป็นการบล็อก Cookies ต่างๆในทีนี้เราเลือกที่จะบล็อก Cookies ที่มาจากแอพพลิเคชั่น third parties แล้วก็ตาม Ads โฆษณาต่างๆ

 

บรรทัดที่สาม Smart Search Field อันนี้ก็จะมีข้อความแนะนำเราเวลาที่จะ Search หาข้อมูลอะไร ก็จะแนะนำเวบไซด์ที่ปลอดภัยให้

 

บรรทัดที่สี่ อันนี้แหละที่เราจะพูดถึง Fraudulent Website Warning ให้เราเปิด ON ไว้

safari

 

 

ถ้าสมมติเราเล่น Facebook หรือ Twitter แล้วมีใครส่งลิงค์มาให้เรา ถ้าเราเปิดจากไอโฟน ลิงค์นั่นจะไปเปิดที่หน้า Safari โดยอัตโนมัติ และถ้าเราเจอเว็บไซต์อันตรายเข้า จะมีข้อความเตือนขึ้นมาเป็นแถบสีแดง ว่ามันคือเว็บไซต์อันตราย

 

iphone-os-31-antiphishing

 

ถ้ารู้กันแล้วก็เปิดกันเถอะนะคะ อย่าคิดว่าใช้ไอโฟนแล้วจะปลอดภัยแคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง  แต่ไหนๆเค้าก็มีฟังก์ชั่นนี้มาให้เราใช้กันนานแล้ว ก็จัดกันไปได้เลยค่ะ