ชิปประมวลผล ARM และ Intel (x86) บนสมาร์ทโฟน

 

หลายคนคงคลายความสงสัยเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมซีพียูในแบบ ARM และ x86 กันไปบ้างแล้ว คราวนี้ถึงเวลาที่เราจะมาดูรายละเอียดของชิปประมวลผลหรือซีพียูแต่ละตัวที่ถูกนำมาใช้บนสมาร์ทโฟนรุ่นต่างๆ ซึ่งในที่นี้ผมก็ได้หยิบยกมาเป็นตัวอย่างอยู่พอสมควร โดยได้ทำการแบ่งชิปประมวลผลออกเป็น 2 กลุ่มตามโครงสร้างพื้นฐานทางสถาปัตยกรรมที่ใช้ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเล๊ยยยย.ย.ย.ย.ย!

ชิปประมวลผลที่ใช้สถาปัตยกรรม ARM

 

Apple A7 และ A6

 

a7_a6ชิป A7 ถูกพัฒนามาจากชิป A6 ที่ใช้ใน iPhone 5 และ 5c โดยถูกนำมาใช้ทำเป็นชิปหลักให้กับ iPhone 5s ที่ซึ่งทั้งชิป A7 และ A6 ถูกผลิตขึ้นโดยบริษัท Samsung เหมือนกัน และหากมองที่รูปลักษณ์ภายนอกของตัวเครื่องทั้ง iPhone 5 และ 5s ก็แทบจะไม่แตกต่างกันมากนัก ยกเว้น 5c ที่ตัวเครื่องอาจดูแปลกไปเพราะทำจากพลาสติกแข็ง แต่หากมองลึกลงไปถึงตัวชิปที่นำมาใช้ระหว่าง A7 ใน iPhone 5s กับ A6 ใน iPhone 5 และ 5c จะเห็นได้ว่าหลายสิ่งหลายอย่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยชิป A7 นั้น จะใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตที่เล็กกว่า ซึ่งช่วยให้ประหยัดไฟกว่าและตัวชิปมีขนาดเล็กกว่า นอกจากนี้ยังรองรับการประมวลผลได้ทั้งในแบบ 32 และ 64 บิต ซึ่งช่วยให้การประมวลผลทำได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ต่างจากชิป A6 ที่จะรองรับแค่เฉพาะ 32 บิต เท่านั้น อีกทั้งการประมวลผลกราฟิกบนชิป A7 ก็ยังดีกว่าชิป A6 อีกด้วย

 

สิ่งที่แตกต่างกันระหว่าง iPhone 5s กับ 5 และ 5c นอกจากเรื่องของชิปประมวลผลหลักที่ใช้คือ A7 กับ A6 แล้ว ยังต่างกันในเรื่องของชิปร่วมอีกด้วย เนื่องจากใน iPhone 5s จะมีชิปร่วมคือ M7 motion co-processor คอยทำหน้าที่ประมวลผลการตรวจจับการเคลื่อนไหวผ่านทางเซ็นเซอร์ต่างๆแบบเดียวกับชิปร่วม M8 ที่อยู่ใน iPhone 6 และ 6 Plus แต่สำหรับ iPhone 5 และ 5c จะมีแต่เฉพาะชิปหลักคือ A6 เท่านั้น จะไม่มีชิปร่วมแต่อย่างใด

 

5s5c

 

A7 และ A6 เป็นชิปแบบ System on a Chip (SoC) คือมีองค์ประกอบทุกอย่างที่จำเป็นอยู่บนชิปซิลิกอนชิ้นเดียวกัน โดยชิป A7 องค์ประกอบที่ว่านี้ประกอบด้วยโครงสร้างในส่วนของซีพียู (CPU) แบบ 2 คอร์ ที่เป็น License ของ ARM (Cyclone) ทำงานบนสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง ARMv8-A ที่รองรับการประมวลผลได้ทั้งในแบบ 32 และ 64 บิต ด้วยความเร็วสูงสุด 1.3 GHz นอกจากนี้ยังประกอบด้วยโครงสร้างในส่วนของกราฟิกที่ใช้ PowerVR G6430 แบบ 4 คอร์ และมีแรม LPDDR3 ขนาด 1 GB พร้อมส่วนควบคุมแรมขนาด 64 บิต ที่สนับสนุนแรม LPDDR3-1600 ในแบบ Single-Channel องค์ประกอบทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้ถูกบรรจุลงในชิปซิลิกอนชิ้นเล็กๆขนาดเพียง 102 ตร.มม. โดยใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตเพียง 0.028 ไมครอน (28 nm)

 

ส่วนชิป A6 จะประกอบด้วยโครงสร้างในส่วนของซีพียู (CPU) แบบ 2 คอร์ ที่เป็น License ของ ARM (Swift) ทำงานบนสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง ARMv7s ที่รองรับการประมวลผลแบบ 32 บิต ด้วยความเร็วสูงสุด 1.3 GHz นอกจากนี้ยังประกอบด้วยโครงสร้างในส่วนของกราฟิกที่ใช้ PowerVR SGX543 MP3 แบบ 3 คอร์ และมีแรม LPDDR2 ขนาด 1 GB พร้อมส่วนควบคุมแรมขนาด 32 บิต ที่สนับสนุนแรม LPDDR2-1066 ในแบบ Dual-Channel องค์ประกอบทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้ถูกบรรจุลงในชิปซิลิกอนชิ้นเล็กๆขนาดเพียง 96.71 ตร.มม. โดยใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตขนาด 0.032 ไมครอน (32 nm)

 

Apple A8

 

iphone-6-a8-chipชิป A8 ถูกพัฒนามาจากชิป A7 ที่ใช้ใน iPhone 5s โดยถูกนำมาใช้ทำเป็นชิปหลักให้กับ iPhone 6 และ 6 Plus ที่เป็นสมาร์ทโฟนยอดฮิตรุ่นล่าสุดของค่าย Apple ซึ่งถูกผลิตขึ้นโดยบริษัท TSMC โดยใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตที่เล็กลงกว่าเดิม ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้นเพราะใช้ไฟน้อยลงแล้ว ยังช่วยให้ตัวชิปมีขนาดที่เล็กลงกว่าเดิมอีกถึง 13% เมื่อเทียบกับ A7 ทั้งๆที่บนชิป A8 มีจำนวนทรานซิสเตอร์อยู่มากกว่าถึง 2 เท่า นอกจากนี้ทาง Apple ยังให้ข้อมูลว่าประสิทธิภาพในการประมวลผลข้อมูลและชุดคำสั่งจะเร็วขึ้นกว่าเดิมอีก 25% และในส่วนของกราฟิกก็จะเร็วขึ้นอีก 50% ด้วย

 

สำหรับ iPhone 6 และ 6 Plus นอกจากจะมีหัวใจคือ A8 เป็นชิปหลักแล้ว ยังมีชิปร่วมอีกตัวนั่นคือ M8 motion co-processor ซึ่งจะคอยทำหน้าที่ประมวลผลการตรวจจับการเคลื่อนไหวผ่านทางเซ็นเซอร์ต่างๆด้วย เช่น Touch ID (ตรวจสอบลายนิ้วมือผู้ใช้เพื่อยืนยันตัวบุคคล), Barometer (ตรวจวัดความดันบรรยากาศหรือสภาพความกดอากาศบริเวณรอบๆ), 3-axis gyroscope (ตรวจจับการเคลื่อนไหวและลักษณะการหมุนของตัวเครื่อง), Accelerometer (ตรวจจับความเคลื่อนไหวของตัวเครื่อง), Proximity sensor (ตรวจจับระยะห่างระหว่างตัวผู้ใช้งานกับตัวเครื่อง), Ambient light sensor (ตรวจวัดสภาพแสงและปรับเพิ่ม/ลดความสว่างให้อัตโนมัติ) ฯลฯ

 

6_6plus

 

A8 ก็เป็นชิปแบบ SoC เช่นกัน โดยองค์ประกอบภายในประกอบด้วยโครงสร้างในส่วนของซีพียู (CPU) หรือหน่วยประมวลผลข้อมูลและชุดคำสั่ง แบบ 2 คอร์ ที่เป็นลิขสิทธิ์ (License) ของ ARM (บริษัท ARM ไม่ได้เป็นผู้ผลิตชิปให้กับทาง Apple โดยตรง แต่อาศัยการขายเป็น License ให้กับบริษัทผู้ผลิตชิปเอาไปผลิตขายแทน ซึ่งทำให้ ARM ไม่ต้องลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตชิปเอง) ทำงานบนสถาปัตยกรรมชุดคำสั่งล่าสุดคือ ARMv8-A ที่รองรับการประมวลผลได้ทั้งในแบบ 32 และ 64 บิต ด้วยความเร็วสูงสุด 1.4 GHz นอกจากนี้ยังประกอบด้วยโครงสร้างในส่วนของ GPU หรือหน่วยประมวลผลกราฟิกที่ใช้ PowerVR GX6650 แบบ 4 คอร์ และมีหน่วยความจำแรม LPDDR3 ขนาด 1 GB พร้อมส่วนควบคุมแรม (Memory Controller) ที่มีความกว้างบัสขนาด 64 บิต ซึ่งสนับสนุนแรม LPDDR3-1333 ในแบบ Single-Channel องค์ประกอบทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้ถูกบรรจุลงในชิปซิลิกอนชิ้นเล็กๆขนาดเพียง 89 ตร.มม. หรือขนาดเท่าปลายนิ้วก้อย โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการออกแบบเพื่อลดขนาดของลายวงจรและอุปกรณ์ทรานซิสเตอร์ต่างๆที่มีอยู่กว่า 2 พันล้านตัว ให้มีขนาดเล็กลงมากๆจนถึงระดับไมครอน ซึ่งในชิป A8 จะใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตที่ว่านี้ให้มีขนาดที่เล็กลงจนเหลือเพียง 0.020 ไมครอน (20 nm) เท่านั้น

 

Qualcomm Snapdragon 801

 

qualcomm-snapdragon-800_02เป็นชิปที่ถูกพัฒนามาจาก Snapdragon 800 โดยถูกเร่งความเร็วในการทำงานให้สูงขึ้นกว่าเดิม และเริ่มมีการนำเอาชิปหน่วยความจำ eMMC 5.0 ที่รองรับความเร็วในการรับส่งข้อมูล 400 MB/s มาใช้ โดย Snapdragon 801 นี้ ถูกผลิตขึ้นโดยบริษัท Qualcomm เพื่อนำมาใช้เป็นชิปหลักให้กับ Galaxy S5 ที่เป็นสมาร์ทโฟนบนระบบปฏิบัติการ Android จากค่าย Samsung คู่ปรับตลอดกาลของ Apple ด้วยคุณสมบัติของชิปประมวลผลที่ดูจะโดดเด่นเหนือคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความเร็วที่สูงกว่า, จำนวนคอร์ของซีพียูและความจุแรมที่มากกว่า, หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ที่ทรงพลัง และหากรวมถึงคุณสมบัติในด้านอื่นด้วยแล้ว Galaxy S5 ก็ถือเป็นคู่ปรับที่น่ากลัวสำหรับ iPhone 5s อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

 

Galaxy-s5

 

Snapdragon เป็นชื่อที่ใช้เรียกกลุ่มของชิปแบบ SoC ที่ถูกนำไปใช้กับอุปกรณ์จำพวก สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์พกพา (Smartbook) ที่ถูกผลิตขึ้นโดยบริษัท Qualcomm โดย Snapdragon 801 เป็นชิปแบบ SoC ที่มีโครงสร้างภายในประกอบด้วยซีพียู (CPU) แบบ 4 คอร์ ที่เป็น License ของ ARM โดยใช้ชื่อว่า Krait 400 ซึ่งทำงานบนสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง ARMv7 ที่รองรับการประมวลผลในแบบ 32 บิต ด้วยความเร็วสูงสุด 2.5 GHz มีชิป Qualcomm Hexagon V50 เป็นหน่วยประมวลผลสัญญาณดิจิตอล (DSP) ความเร็ว 800 MHz มีหน่วยความจำ L2 Cache ขนาด 2 MB นอกจากนี้ยังประกอบด้วยโครงสร้างในส่วนของกราฟิก (GPU) ที่ใช้ Qualcomm Adreno 330 ความเร็ว 578 MHz และแรม LPDDR3 ขนาด 2 GB พร้อมส่วนควบคุมแรมขนาด 32 บิต ที่สนับสนุนแรม LPDDR3-800 (12.8 GB/s) ในแบบ Dual-Channel โครงสร้างภายในทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้ถูกบรรจุลงในชิปซิลิกอนชิ้นเดียวกัน โดยใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตเพียง 0.028 ไมครอน (28 nm)

 

Qualcomm Snapdragon 805

 

qualcomm-snapdragon-800_02เป็นชิปที่ถูกพัฒนามาจาก Snapdragon 801 ให้มีความเร็วในการทำงานที่สูงขึ้น ความจุแรมเพิ่มมากขึ้น รองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงในระดับ 4K ฯลฯ โดย Snapdragon 805 เป็นชิปหลักที่ถูกนำมาใช้กับ Samsung Galaxy Note 4 (โมเดล 910S ที่เป็น LTE Cat6) ที่เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของตระกูล Note ที่มีปากกา S Pen สำหรับเขียนหน้าจอติดมาให้ด้วยจากค่าย Samsung ซึ่งถูกเปิดตัวพร้อมกันทั่วโลกไปเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2014 (ชิงเปิดตัวตัดหน้า iPhone 6 และ 6 Plus ไปก่อนเพียง 6 วัน) และหลังจากนั้นไม่กี่วันก็เริ่มทยอยออกวางจำหน่ายไปในหลายประเทศทั่วโลก

 

note4

 

เป็นชิปแบบ SoC ที่มีโครงสร้างภายในประกอบด้วยซีพียู (CPU) แบบ 4 คอร์ ที่เป็น License ของ ARM โดยใช้ชื่อว่า Krait 450 ซึ่งทำงานบนสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง ARMv7-A ที่รองรับการประมวลผลได้ทั้งในแบบ 32 และ 64 บิต ด้วยความเร็วสูงสุด 2.7 GHz มีชิป Qualcomm Hexagon V50 เป็นหน่วยประมวลผลสัญญาณดิจิตอล (DSP) ความเร็ว 600 MHz มีหน่วยความจำ L2 Cache ขนาด 2 MB นอกจากนี้ยังประกอบด้วยโครงสร้างในส่วนของกราฟิก (GPU) ที่ใช้ Qualcomm Adreno 420 ความเร็ว 600 MHz และแรม LPDDR3 ขนาด 3 GB พร้อมส่วนควบคุมแรมขนาด 64 บิต ที่สนับสนุนแรม LPDDR3-800 (12.8 GB/s) ในแบบ Dual-Channel โครงสร้างภายในทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้ถูกบรรจุลงในชิปซิลิกอนชิ้นเดียวกัน โดยใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตเพียง 0.028 ไมครอน (28 nm)

 

Qualcomm Snapdragon 808

 

qualcomm-snapdragon-800_02เป็นชิปตัวแรกของ Qualcomm ที่นอกจากจะมี 6 คอร์ (2+4) แล้ว ยังได้มีการปรับมาใช้โครงสร้างสถาปัตยกรรมซีพียูในแบบ ARM big.LITTLE Processing เป็นครั้งแรก ที่ซึ่งเป็นการนำเอาซีพียู 2 ตัวมาช่วยกันทำงานโดยตัวนึงจะทำหน้าที่เป็นตัวหลัก (Big Cores) ในการประมวลผลสำหรับงานหนักๆที่ต้องการประสิทธิภาพในการประมวลผลสูง ส่วนอีกตัวจะทำหน้าที่เป็นตัวรอง (LITTLE Cores) ในการประมวลผลสำหรับงานทั่วๆไปที่ไม่จำเป็นต้องใช้พลังในการประมวลผลสูง โดยสถาปัตยกรรมซีพียูดังกล่าวนี้จะใช้เทคโนโลยี Heterogeneous Multi-Processing (HMP) มาช่วยควบคุมการกระจายงานให้กับทุกๆคอร์ของซีพียูทั้ง 2 ตัวอย่างเหมาะสมโดยอัตโนมัติ ซึ่งนอกจากจะก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการประมวลผลแล้ว จุดเด่นที่สำคัญก็คือ ช่วยให้ประหยัดพลังงานได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง ปัจจุบัน Snapdragon 808 นี้ ถูกนำมาใช้กับสมาร์ทโฟนของ LG รุ่น G4

 

LG-G4-Rumors2

 

เป็นชิปแบบ SoC ที่มีโครงสร้างภายในประกอบด้วยซีพียูหลักคือ Cortex-A57 แบบ 2 คอร์ ความเร็ว 1.82 GHz และซีพียูรองคือ Cortex-A53 แบบ 4 คอร์ ความเร็ว 1.44 GHz รวมเป็นซีพียูแบบ 6 คอร์ (2+4) ร่วมกันทำงานในแบบ ARM big.LITTLE Processing บนสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง ARMv8-A ที่รองรับการประมวลผลได้ทั้งในแบบ 32 และ 64 บิต มีชิป Qualcomm Hexagon V56 เป็นหน่วยประมวลผลสัญญาณดิจิตอล (DSP) ความเร็วสูงสุด 800 MHz มีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) เป็น Adreno 418 ความเร็ว 600 MHz และมีหน่วยความจำแรม LPDDR3 ขนาด 3 GB พร้อมส่วนควบคุมแรมแบบ 32 บิต ที่สนับสนุนแรม LPDDR3-933 (14.9 GB/s) ในแบบ Dual-Channel โครงสร้างภายในทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้ถูกบรรจุลงในชิปซิลิกอนชิ้นเดียวกัน โดยใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตเพียง 0.020 ไมครอน (20 nm) เท่านั้น

 

Qualcomm Snapdragon 810

 

qualcomm-snapdragon-800_02Snapdragon 810 เป็นชิปรุ่นถัดมาของ Qualcomm ที่ยังคงใช้โครงสร้างสถาปัตยกรรมซีพียูแบบ ARM big.LITTLE Processing อยู่ แต่ซีพียูตัวหลักถูกปรับมาใช้เป็น 4 คอร์ ทำให้มีจำนวนคอร์ทั้งสิ้น 8 คอร์ (4+4) และถือเป็นซีพียูรุ่นแรกที่นำเอาหน่วยความจำล่าสุดอย่าง LPDDR4 มาใช้ ซึ่งเราจะพบกับซีพียูรุ่นนี้ได้ในสมาร์ทโฟน LG G Flex, HTC One M9, Sony Xperia Z4 ฯลฯ

 

m9z4

 

เป็นชิปแบบ SoC ที่มีโครงสร้างภายในประกอบด้วยซีพียูหลักคือ Cortex-A57 แบบ 4 คอร์ ความเร็ว 2.0 GHz และซีพียูรองคือ Cortex-A53 แบบ 4 คอร์ ความเร็ว 1.6 GHz รวมเป็นซีพียูแบบ 8 คอร์ (4+4) ร่วมกันทำงานในแบบ ARM big.LITTLE Processing บนสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง ARMv8-A ที่รองรับการประมวลผลได้ทั้งในแบบ 32 และ 64 บิต มีชิป Qualcomm Hexagon V56 เป็นหน่วยประมวลผลสัญญาณดิจิตอล (DSP) ความเร็วสูงสุด 800 MHz มีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) เป็น Adreno 430 ความเร็ว 650 MHz และมีหน่วยความจำแรม LPDDR4 ขนาด 2 และ 3 GB พร้อมส่วนควบคุมแรมแบบ 64 บิต ที่สนับสนุนแรม LPDDR4-1600 (25.6 GB/s) ในแบบ Dual-Channel โครงสร้างภายในทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้ถูกบรรจุลงในชิปซิลิกอนชิ้นเดียวกัน โดยใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตคงเดิมคือ 0.020 ไมครอน (20 nm)

 

Exynos 7 Octa 7410

 

Exynos-7-14-nm-finfetหรือชื่อเดิมคือ Exynos 5 Octa 5433 เป็นชิปหลักอีกตัวนอกเหนือไปจาก Snapdragon 805 ที่ถูกนำมาใช้กับ Samsung Galaxy Note 4 แต่จะมีอยู่แต่เฉพาะในโมเดล 910C ที่เป็น LTE Cat4 150/50 Mbps เท่านั้น รวมไปถึง Galaxy Note Edge (LTE) ด้วย โดย Exynos 7 Octa 7410 เป็นชิปที่ถูกพัฒนาและผลิตขึ้นมาโดยบริษัท Samsung โดยมีโครงสร้างพื้นฐานที่เป็น License ของ ARM ซึ่งมาพร้อมการทำงานในแบบ ARM big.LITTLE Processing ที่เป็นการนำเอาซีพียู 2 ตัวมาช่วยกันทำงาน ดังที่ได้กล่าวถึงไปแล้วก่อนหน้านี้

 

note-edge1

 

Exynos 7 Octa 7410 หรือ Exynos 5 Octa 5433 เป็นชิปแบบ SoC ที่มีโครงสร้างภายในประกอบด้วยซีพียูหลักคือ Cortex-A57 แบบ 4 คอร์ ความเร็ว 1.9 GHz และซีพียูรองคือ Cortex-A53 แบบ 4 คอร์ ความเร็ว 1.3 GHz รวมเป็นซีพียูแบบ 8 คอร์ (4+4) ร่วมกันทำงานในแบบ ARM big.LITTLE Processing บนสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง ARMv8-A ที่รองรับการประมวลผลทั้งในแบบ 32 และ 64 บิต มีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) เป็น Mali-T760 MP6 ความเร็ว 700 MHz และมีหน่วยความจำแรม LPDDR3 ขนาด 3 GB พร้อมด้วยส่วนควบคุมหน่วยความจำแบบ 32 บิต ที่สนับสนุนแรม LPDDR3-825 (13.2 GB/s) ในแบบ Dual-Channel โครงสร้างภายในทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้ถูกบรรจุลงในชิปซิลิกอนชิ้นเดียวกัน โดยใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิต 0.020 ไมครอน หรือ 20 nm

 

Exynos 7 Octa 7420

 

Exynos-7-14-nm-finfetเป็นชิปที่ถูกนำมาใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของ Samsung อย่าง Galaxy S6 และ S6 Edge ซึ่งยังคงใช้โครงสร้างพื้นฐานที่เป็น License ของ ARM ที่มาพร้อมการทำงานในแบบ ARM big.LITTLE Processing แต่ถือเป็นชิปรุ่นแรกที่ลดขนาดของกระบวนการผลิตให้เล็กลงเหลือเพียง 0.014 ไมครอน หรือ 14 nm เท่านั้น แถมยังนำเอาหน่วยความจำล่าสุดอย่าง LPDDR4 มาใช้เป็นครั้งแรกด้วย

 

us-galaxy-s6-s6-edge

 

Exynos 7 Octa 7420 เป็นชิปแบบ SoC ที่มีโครงสร้างภายในประกอบด้วยซีพียูหลักคือ Cortex-A57 แบบ 4 คอร์ ความเร็ว 2.1 GHz และซีพียูรองคือ Cortex-A53 แบบ 4 คอร์ ความเร็ว 1.5 GHz รวมเป็นซีพียูแบบ 8 คอร์ (4+4) ร่วมกันทำงานในแบบ ARM big.LITTLE Processing บนสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง ARMv8-A ที่รองรับการประมวลผลทั้งในแบบ 32 และ 64 บิต มีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) เป็น Mali-T760 MP8 ความเร็ว 772 MHz และมีหน่วยความจำแรม LPDDR4 ขนาด 3 GB พร้อมด้วยส่วนควบคุมหน่วยความจำแบบ 64 บิต ที่สนับสนุนแรม LPDDR4-1555 (24.8 GB/s) ในแบบ Dual-Channel โครงสร้างภายในทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้ถูกบรรจุลงในชิปซิลิกอนชิ้นเดียวกัน โดยใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตเพียง 0.014 ไมครอน หรือ 14 nm

 

ที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นชิปประมวลผลหรือซีพียูที่มีการใช้โครงสร้างพื้นฐานทางสถาปัตยกรรมในแบบ ARM ซึ่งจะเห็นได้ว่าหลายๆตัวนั้นได้ถูกนำมาใช้บนสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆที่กำลังได้รับความนิยมแพร่หลายอยู่ในปัจจุบัน ทีนี้เราหันมามองทางฝั่งของชิปประมวลผลหรือซีพียูที่ใช้สถาปัตยกรรม x86 กันบ้าง ซึ่งก็แน่นอนว่าซีพียูที่ใช้ก็ต้องมาจากแบรนด์ Intel นั่นเอง แต่..อ๊ะๆ เพื่อป้องกันความสับสน ผมขอยกเอาเนื้อหาไปไว้เป็นบทความในครั้งถัดไปแล้วกันนะครับ ส่วนในครั้งนี้ผมขอพักไว้เท่านี้ก่อน เข้าหน้าฝนแล้วแต่น้องฝนมามั่งไม่มามั่งเล่นเอาจนแล้งจัดไปหลายพื้นที่ ยังไงช่วงนี้อากาศแปรปรวนขอให้ผู้อ่านทุกท่านระมัดระวังรักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ แล้วเจอกันใหม่บทความหน้านะคร๊าบบ.บ.บ.บ!

 

“เทคโนโลยีสมาร์ทโฟน”ตอนต่อไป

1-2-3-4 มือถือ Gen ไหนคุณทันใช้บ้าง [ดักแก่!]

โทรศัพท์มือถือยุคใหม่ หัวใจอยู่ที่ “ชิปประมวลผล”

ARM กับ X86, RISC กับ CISC มหาอำนาจต่างขั้วบนโลกของซีพียู

(ต่อ) ชิปประมวลผล ARM และ Intel (x86) บนสมาร์ทโฟน

 

 

TrueMove H และ Dtac ประกาศเปิดจอง iPhone 6/6 plus 24 ต.ค. นี้

ด้านฝั่ง Truemove H ก็ขึ้นแบนเนอร์ iPhone 6 โดยระบุวันจอง หรือลงทะเบียนสั่งซื้อ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ในวันที่ 24 ตุลาคม 57 นี้ ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ ที่จะมีการเปิดให้จองเครื่องก่อน 1 สัปดาห์ เหมือนประเทศอื่นๆ ก่อนหน้านี้

Banner_iPhone_leanMore_990x379_th

แต่ยังไม่มีรายละเอียดให้คลิกเข้าไปดูได้ ฉะนั้นคงต้องรอดูว่าค่ายนี้จะมีรายละเอียดโปรโมชั่นอะไรยังไงออกมาบ้าง

 

ซึ่งตามปกติแล้ว Truemove H ถือเป็นโอเปอเรเตอร์รายหลักที่ได้โควต้าการวางจำหน่าย iPhone รุ่นใหม่ มากกว่าค่ายอื่นๆ ในช่วงเปิดตัว และเป็นเจ้าแรกๆ ที่นำ iPhone เข้ามาขายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย หวังว่าการมาของ iPhone 6 ในครั้งนี้ Truemove H น่าจะโปรโมชั่นดีๆ โดดๆ ให้กับลูกค้า

 

ส่วน dtac ก็ขึ้นแบนเนอร์ในหน้าเว็บไซต์ เรียบแล้วเช่นเดียวกัน โดยระบุรายละเอียดชัดเจนว่า เปิดจอง 24 ตุลาคม 2557 เวลา 00.01 น. ส่วนโปรโมชั่น ยังไม่มีรายละเอียดเช่นเดียวกัน

iphone6-banner

 

Source : Truemove H , dtac

 

 

AIS เปิดรับลงทะเบียนความสนใจ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus แล้ว

 

Apple เพิ่งจะประกาศวางขาย iPhone 6/6+ ในไทย อย่างเป็นทางการไปเมื่อวาน มาปีนี้ AIS รีบปาดหน้าเค้กก่อนใคร ด้วยการเปิดลงทะเบียนความสนใจผ่านหน้าเว็บแล้วเป็นรายแรก โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 14-21 ตุลาคม นี้

 

นอกจากนี้ยังมีของแถมและโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนล่วงหน้าให้อีกด้วยตามเงื่อนไขนี้

• พิเศษ!! ลูกค้า 10,000 ท่านแรก รับฟรี! ฟิล์มติดหน้าจอ Autozkin มูลค่า 490 บาท
• รับฟรี!! ค่าบริการรายเดือน AIS Mobile Care 4 เดือนแรก สำหรับแพ็กเกจเปลี่ยนเครื่อง (SWAP) จากปกติเดือนละ 99 บาท

 

AIS-pre-iphon6-02

ใครเป็นลูกค้า AIS เข้าไปลงทะเบียนกันได้ที่นี่เลยครับ https://iphone6.ais.co.th/th/index.aspx

จำกัด 1 คน ต่อ 1 สิทธิ์เท่านั้น

 

 

สิ้นสุดการรอคอย iPhone 6 และ iPhone 6 Plus วางขายในไทย 31 ตุลาคมนี้

iPhone6-hero
Apple ประกาศวางจำหน่าย iPhone 6 และ iPhone 6 Plus เพิ่มเติมอีก 36 ประเทศ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย เย้… โดยจะวางจำหน่ายในวันที่ 31 ตุลาคม นี้ พร้อมกันทุกเครือขาย

 

ทั้งนี้ ในบรรดา 36 ประเทศที่ Apple ประกาศ เพิ่มเติมจะมีกำหนดทยอยวางจำหน่ายตามลำดับดังนี้

 

17 ตุลาคม : China, India, Monaco
23 ตุลาคม : Israel
24 ตุลาคม : Czech Republic, French West Indies, Greenland, Malta, Poland, Reunion Island, South Africa
30 ตุลาคม : Bahrain, Kuwait
31 ตุลาคม : Albania, Bosnia, Croatia, Estonia, Greece, Guam, Hungary, Iceland, Kosovo, Latvia, Lithuania, Macau, Macedonia, Mexico, Moldova, Montenegro, Serbia, South Korea, Romania, Slovakia, Slovenia, Ukraine และ Thailand
iphone6-th
เห็นรายชื่อประเทศไทยอยู่ท้ายสุด และอยู่ในวันสุดท้ายของรอบนี้ แล้วก็แอบคิดไม่ได้ว่า เป็นการเตือนอะไรบางอย่างหรือเปล่า จากกรณีที่ กสทช. เคยออกมาเปิดเผยเรื่องการตรวจรับใบอนุญาตนำเข้า จนเป็นข่าวดังไปทั่วโลก และลือไปทั่วว่าเราจะได้วางขายในกลุ่มประเทศแรก แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็กลับมาอยู่ในกลุ่มประเทศท้ายๆ เสียด้วยซ้ำ ตามลำดับเดิมที่เคยมีมา

 
ในการประกาศวางจำหน่ายเพิ่มเติมในครั้งนี้ ทำให้ iPhone 6/6+ วางขายไปแล้ว 69 ประเทศ และ Apple จะวางจำหน่ายให้ครบ 115 ประเทศภายในสินปีนี้

 
ทั้งนี้ คาดว่าน่าจะมีการเปิดจองและเผยราคาอย่างเป็นทางการล่วงหน้าอย่างน้อย 1 อาทิตย์

 

Source : Apple

 

 

ยอดจอง iPhone 6 และ 6 Plus ในจีน ทะลุ 1 ล้านเครื่อง ภายใน 6 ชั่วโมง

iphone-6-plus-3c

หลังจากที่ Apple ประกาศวางจำหน่าย iPhone 6 และ iPhone 6 Plus อย่างเป็นทางการในประเทศจีน แค่เริ่มเปิดให้จองในวันแรก เมื่อวันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา ก็มียอดสั่งจองครบ 1 ล้านเครื่อง ภายในเวลาเพียง 6 ชั่วโมงเท่านั้น

 

โดยรายงานนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลจากผู้ให้บริการเครือข่ายทั้ง 3 เจ้าใหญ่ในจีน ได้แก่ China Mobile, China Telecom และ China Unicom นอกจากนี้ไม่เพียงแต่มีการเปิดจองผ่านโอเปอเรเตอร์เท่านั้น ยังมีลูกค้าส่วนหนึ่งที่สั่งจองผ่านออนไลน์บนเว็บไซต์ Apple Store ซึ่งอาจจะมีตัวเลขยอดสั่งจองออนไลน์รวมอยู่ด้วยก็เป็นได้

 

และในวันศุกร์นี้ 17 ตุลาคม ก็จะเป็นวันที่เริ่มวางจำหน่ายจริงๆ ทั่วประเทศจีน

 

ที่ผ่านมา iPhone6 และ iPhone 6 Plus ได้วางจำหน่ายไปแล้วในประเทศกลุ่มแรก และกลุ่มที่ 2 ซึ่ง Apple เผยว่ามียอดขายรวมแล้วมากกว่า 10 ล้านเครื่อง ในช่วงสุดสัปดาห์หลังจากที่มีการเปิดตัว

 

ส่วนประเทศไทยก็มีข่าวลือ ข่าวแว้วมาว่าอาจจะวางขายภายใน 24-25 ตุลาคม นี้ แต่ก็ยังไม่เห็นมูลข่าวที่ชัดเจนออกมาแต่อย่างใด และเราจะเกาะติดข่าวนี้อย่างใกล้ชิด มาอัพเดทให้กับทุกท่านได้ติดตามกัน

 

Source : Geeky-Gadgets

 

 

[Review] เปรียบเทียบกล้อง iPhone 6 Plus กับ Galaxy Note 4

 
iphone-6-vs-Note4
 
ถ้าพูดถึงเรื่องกล้องบนสมาร์ทโฟนแล้ว เรียกว่าเป็นปัจจัยแรกๆ ในการเลือกซื้อเลยก็ว่าได้ ซึ่งแน่นอนว่าสมาร์ทโฟนฝั่งแอนดรอยด์ต่างอัดสเปกสู้ และเอาชนะ iPhone มาตลอด และนี่ก็เป็นอีกครั้ง สำหรับมวยคู่เด็ดระหว่าง iPhone 6 Plus ศิษย์ Apple กับ Samsung Galaxy Note 4 ศิษย์ Android

 
เทียบสเปกกล้องหลัง
iPhone 6 Plus ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล + OIS รูรับแสง F/2.2
Galaxy Note 4 ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล + Smart OIS

 

การทดสอบครั้งนี้จะตั้งค่าในโหมดอัตโนมัติ โดยเปิดฟังก์ชั่น HDR Auto ไว้สำหรับ iPhone 6 ส่วน Galaxy Note  4 จะเปิด HDR On ไว้ตลอด โดยจะทดสอบถ่ายในสภาพแสงทั้งกลางแจ้ง และในอาคาร

 

ทดสอบถ่ายภาพ Close Up

สำหรับการถ่ายภาพ Close Up ในส่วนของความชัดตื่น หรือฉากหลังเบลอนั้น จะทำได้ดีพอๆกัน สามารถถ่ายวัตถุใกล้ๆ แล้วได้ฉากหลังเบลอตามความสามารถของเลนส์ ไม่ได้ใช้แอพแต่งเพิ่มเติมใดๆ ส่วนเรื่องของสีสัน ในสายตามของผมมองว่า Galaxy Note 4 ให้สีที่สดและใสเคลียร์กว่า โดยสังเกตจากภาพดอกลีลาวดี ที่กลีบดอกด้านนอกขาวสว่างกว่า ส่วนสีเหลืองของกลีบดอกด้านในก็ดูอร่ามกว่า iPhone 6 Plus

 

ถ่าย Indoor

เมื่อทดลองเปรียบเทียบภาพที่ถ่ายภายในอาคาร ซึ่งในบางจุดที่ผมทดสอบอย่าง 2 ภาพแรก รูปตุ๊กตา กับวัตถุสีแดงๆ จะมีแสงจากภายนอกมาช่วยด้วยส่วนหนึ่ง โดยภาพที่ออกมาจะสังเกตได้ว่าโทนสีแดงของ iPhone 6 Plus จะอมเหลืองหน่อยๆ ส่วน Galaxy Note 4 จะให้สีแดงสดกว่า ส่วนในเรื่องของ HDR ทั้งคู่สามารถเฉลี่ยแสงระหว่างเงามืดและที่สว่างได้พอดี รวมถึงการจัดการ White Balance ก็เที่ยงตรงไม่เพี้ยน ดูจากภาพแจกันสีทอง ซึ่งทั้ง 2 ก็ถ่ายทอดสีสันออกมาได้ตรงไม่แตกต่างกันมาก

 

ถ่ายกลางคืน ด้วยมือไม่ใช้ขาตั้งกล้อง

เมื่อเปรียบเทียบภาพถ่ายกลางคืนแล้ว เห็นได้ชัดว่า iPhone6 Plus จะให้ภาพที่มืดกว่า Galaxy Note 4 อยู่พอสมควร แต่ในเรื่องของ Noise เมื่อลอง Crop ภาพที่ 100% ปรากฎว่า iPhone 6 Plus สามารถจัดการ Noise ได้ดีกว่า Galaxy Note 4 ส่วนในเรื่องของโทนสี Galaxy Note 4 จะถ่ายทอดแสงของหลอดไฟออกไปในโทนเหลืองมากกว่า iPhone 6 Plus

 
ถ่ายพาโนราม่า

IMG_0096-800px

iPhone 6 Plus

 
20141009_140704-800px

Galaxy Note 4

 

การถ่ายภาพพาโนรามา iPhone 6 Plus สามารถจัดการแสงที่แตกต่างระหว่างที่สว่างกับในร่มได้ดีกว่า โดยส่วนที่สว่างก็ไม่โอเวอร์ และส่วนในร่มก็ไม่อันเดอร์ หรือมืดจนไม่เห็นรายละเอียด ซึ่งจุดนี้ Galaxy Note 4 อาจจะไม่สามารถคำนวนแสงได้ดีพอ นอกจากนี้ในส่วนของความกว้างของเลนส์ iPhone 6 Plus จะเก็บภาพได้กว้างหรือไวด์มากกว่า

 
เห็นผลลัพธ์ของกล้องในการใช้งานๆ แต่ละสถานที่กันไปแล้ว ซึ่งจะพบว่ามีจุดเด่น จุดด้อยแตกต่างกันบ้างเล้กน้อย ดังนั้นอยากให้ผู้อ่านลองตัดสินใจกันดูนะครับว่าชอบภาพจาก iPhone 6 Plus หรือ Galaxy Note 4 อันไหนมากกว่ากัน

 

 

8 สิ่งสุดล้ำ เมื่อ iPhone 5/5s/5c อัพเดท iOS8 แล้วใช้ได้เหมือน iPhone 6/6plus

 
ios8-ip5-ip6-hero
 

สำหรับใครที่มี iPhone 5, iPhone 5s และ iPhone 5c อยู่ในมือ แต่ด้วยความอยากได้ หรือกิเลสบังตา พร้อมหาเหตุผลที่จะซื้อ iPhone 6 หรือ iPhone 6 Plus ใหม่ โปรดฟังทางนี้ก่อน

 

เพราะอีกไม่ช้าในวันที่ 17 ก.ย. นี้ เราๆ ท่านๆ ทั้งหลายก็จะได้รับการอัพเดท iOS8 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการล่าสุด เช่นเดียวกับที่มาพร้อมใน iPhone รุ่นล่าสุด ลองไปดูกันก่อนว่าเมื่อเราอัพเดท iOS8 ไปแล้วจะมีฟีเจอร์ไหนที่ใช้งานได้ไม่ต่างกัน

 

1. ถ่ายภาพแบบ Time Lapse พร้อมฟิลเตอร์และฟังก์ชั่นแต่งภาพขั้นเทพ
ฟังก์ชั่นกล้องยังคงจัดเต็มได้อยู่ โดยเมื่อผู้ใช้ iPhone 5/5s/5c อัพเดทเป็น iOS8 จะทำให้กล้องสามารถถ่ายวิดีโอแบบ Time Lapse หรือภาพวิดีโอแบบเร่งสปีดที่มักเอาไว้บันทึกภาพการเคลื่อนไหวของก้อนเมฆ หรือวิวทิวทัศน์ แบบสารคดีต่างๆ นอกจากนี้ยังสามารถตั้งเวลาถ่ายอัตโนมัติ แบบ 3 วินาที หรือ 10 วินาทีได้แล้ว เพิ่มความสะดวกในการถ่ายเซลฟีโดยเฉพาะ
ios8-ip5-ip6-01

 

ส่วนในแอพ Photo ก็ยังเพิ่มลูกเล่นการแต่งภาพได้แบบขั้นเทพ โดยเฉพาะการปรับแต่งแสงสีอัตโนมัติให้อย่างอัจฉริยะหรือจะปรับเองก็ทำได้ พร้อมด้วยฟิลเตอร์ให้เลือกมากยิ่งขึ้น

ios8-ip5-ip6-02

 

2. ระบบเดาคำตามประโยค และเพิ่มคีย์บอร์ดเสริมได้
ios8-ip5-ip6-10

 

เปิดใช้ระบบเดาคำได้แบบหายห่วงเสียที เพราะมาคราวนี้ Apple พัฒนาขึ้นมาก กับระบบเดาคำ ที่ไม่ใช่แค่เดาทีละคำ แต่เดาให้เป็นประโยคเลยล่ะ แค่พิมพ์คำแรก คำถัดมาที่ใกล้เคียงกับประโยคนั้นก็จะขึ้นมาให้เราเลือกทันที สะดวกขึ้นมาก และจากที่ลองเล่นเวอร์ชั่น Beta ขอบอกว่าเดาคำเป็นประโยคได้ดีเลยทีเดียว พูดเลย ประหยัดเวลาพิมพ์ไปเยอะ
นอกจากนี้ใครไม่พอใจกับคีย์บอร์ดมาตรฐานของ Apple ก็สามารถโหลดคีย์บอร์ดจากผู้พัฒนารายอื่นๆ มาติดตั้งเพิ่มเติมได้ คล้ายๆ กับของแอนดรอยด์ที่มีแอพคีย์บอร์ดให้ติดตั้งมากมาย
3. อินเตอร์เฟสใหม่ใช้ได้เหมือนกัน

ios8-ip5-ip6-03
อีกสิ่งที่เราจะใช้งานได้ไม่ต่างจาก iPhone 6/6 Plus ก็คือเรื่องของอินเตอร์เฟส ณ จุดนี้พูดเลยว่า iOS8 ชนะเลิศ ไม่ว่าจะเป็นการตอบกลับได้ทันทีจากทุกๆ การแจ้งเตือนบนแถบ Notification หรือจะเป็นการแสดงรายชื่อบุคคลที่โทรติดต่อกันล่าสุด รวมถึงรายชื่อจากรายการโปรด ในหน้ามัลติทาสกิ้ง และยังเชื่อมโยงประวัติการใช้งานกับทุกอุปกรณ์ iDevice ที่เรามีอยู่ ไม่ว่าจะใช้งานบน iPhone แล้วไปใช้ต่อบน iPad ก็อัพเดทล่าสุดถึงกัน

ios8-ip5-ip6-04

 

4. ส่งคลิปเสียงหรือคลิปวิดีโอผ่าน SMS

ios8-ip5-ip6-10

สำหรับการส่งข้อความ SMS มันจะไม่ธรรมดาอีกต่อไป เพราะ Apple พัฒนาให้มันสามารถส่งแนบคลิปเสียงไปยังผู้รับได้อีกด้วย เมื่อจะฟังข้อความก็แค่ยกเครื่องแนบหูก็จะได้ยินคลิปเสียงทันที หรือแม้แต่วิดีโอก็สามารถถ่ายแล้วส่งคลิปวิดีโอแนบไปได้ทันที และเอาใจขาแชทด้วยการส่งข้อความเป็นกลุ่มได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถแนบพิกัดเพื่อแชร์ตำแหน่งไปให้เพื่อนๆ และยังเพิ่มความสามารถในการแนบรูปหรือวิดีโอได้ทีละหลายรูปในการส่งครั้งเดียว

 

5. ใช้ได้กับ Apple Watch พร้อมแอพ Health

ios8-ip5-ip6-09
สำหรับคนรักสุขภาพ แอพ Health จะเป็นศูนย์รวมมอนิเตอร์สุขภาพของเรา โดยจะเก็บสถิติการออกกำลังกายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น อัตราการเต้นของหัวใจ, จำนวนก้าวเดิน, การเผาผลาญแคลอรี, ระดับน้ำตาลในเลือด หรือแคลอรี จากแอพฟิตเนส และอุปกรณ์ต่างๆ ยิ่งมี Apple Watch ที่กำลังจะเปิดตัวด้วย ก็รองรับการใช้งานร่วมกับ iPhone 5/5s/5c ด้วยเช่นกัน ส่วนบารอมิเตอร์ที่ใช้วัดความกดอากาศเวลาไปปีนเขา เดินป่า ที่มีเพิ่มขึ้นมาอีกแค่ 1 เซนเซอร์ บน iPhone 6/6 Plus นั้น ก็ไม่น่าจะจำเป็นอะไรมาก ลองถามตัวเองดูว่าปีๆ นึงเคยปีนเขาสักกี่ครั้ง

ios8-ip5-ip6-11

 

6. Handoff เชื่อมโยงกับทุกอุปกรณ์ของ Apple

ios8-ip5-ip6-06
สำหรับสาวก Apple ที่มีทั้ง iPhone, iPad, Mac (Yosemite) ครบสูตร จะสามารถเชื่อมโยงอุปกรณ์เข้าด้วยกัน ซึ่งจะทำให้การใช้งานที่ต่อเนื่องเป็นหนึ่งเดียว เช่นกำลังพิมพ์อีเมล์บน iPhone อยู่ เมื่อเปิดแอพอีเมล์บนเครื่อง Mac ก็จะมีอีเมล์ฉบับนั้นให้เขียนต่อได้ โดยทุกเครื่องจะผูกด้วยแอคเคาท์ iCloud เดียวกันนั่นเอง โดยฟีเจอร์นี้จะรองรับกับแอพ Safari, Pages, Numbers, Keynote, Maps, Messages, Reminders, Calendar และ Contacts

ios8-ip5-ip6-07

เท่านั้นยังไม่พอฟีเจอร์นี้ยังทำให้ iPad และเครื่อง Mac โทรออก และรับสายได้ โดยจะต้องเชื่อมต่อในเครือข่าย Wi-Fi เดียวกัน เมื่อสายเข้า แล้วเราเก็บ iPhone ไว้ในกระเป๋า แต่กำลังทำงานอยู่บนเครื่อง Mac ก็สามารถรับสายจากการแจ้งบนเครื่อง Mac ได้ทันที หรือจะใช้โทรออกก็ได้ เห็นมั้ยว่าชีวิตง่ายขึ้นเยอะ

 

7. ซื้อแอพ หนัง เพลง แล้วแบ่งปันได้ทั้งครอบครัว

ios8-ip5-ip6-08
กลยุทธนี้พี่ยอม เมื่อ Apple ใจป้ำ ยอมให้แบ่งปันแอพ หนัง เพลง อีบุ๊ก ให้คนสนิทในครอบครัวได้ฟรี คือซื้อคนเดียว สามารถแชร์ให้คนอื่นได้อีก 6 คน เท่านั้นยังไม่พอใครมีลูกมีหลานที่ยังไม่พร้อมมีบัตรเครดิต ก็สามารถอนุญาติให้ลูกหลานซื้อแอพผ่านแอคเคาท์ตัวเองได้ โดยที่เขาไม่ต้องมี Apple ID ที่สำคัญคือสามารถควบคุมการซื้อแอพได้ชัวร์ เพราะทุกครั้งที่ใครจะโหลด จะต้องผ่านการอนุมัติจากเราก่อนทุกครั้ง นอกจากนี้ก็ยังสามารถแชร์รูป แชร์พิกัด และปฏิทินนัดหมายร่วมกันได้

 

8. iCloud Drive เลิกพกทรัมไดร์ฟไปได้เลย

ios8-ip5-ip6-09
ใครใช้ Dropbox คงเข้าใจดีอยู่แล้ว เพราะ iCloud Drive ก็มีคุณสมบัติคล้ายๆ กันที่ให้เราเก็บไฟล์ต่างๆ เอาไว้บนคลาวด์ได้ นอกจากนี้ยังรองรับกับไฟล์ต่างๆ ได้มาขึ้น เช่น ไฟล์ PDF, Page, Numbers, Keynote, รูปภาพ, เพลง, วิดีโอ โดยทั้งหมดสามารถเข้าถึงได้จากทุกอุปกรณ์ ทั้ง iPhone, iPad, iPod Touch, Mac รวมถึง Windows 7 ขึ้นไป ดังนั้นไม่ว่าจะแก้ไขไฟล์ที่เครื่องไหน เราก็จะได้ไฟล์อัพเดทล่าสุดเหมือนกันหมด หรือหากมีใครแก้ไขเอกสารอยู่พร้อมกัน เราก็จะเห็นไปด้วย

 

อุปกรณ์ที่รองรับ iOS8
ios8-ip5-ip6-14

 

เห็นมั้ยล่ะครับว่าฟีเจอร์ไฮไลต์หลักๆ ของ iOS8 ก็สามารถใช้งานได้สมบูรณ์เท่ากับ iPhone 6/6plus ได้ไม่แพ้กันเลย ฉะนั้นลองคิดกันดูดีๆ ก่อนนะครับว่าคุณจำเป็นแค่ไหนในการใช้ฟีเจอร์ใหม่ที่มากกว่าเพียงเล็กน้อย กับเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มอีก 2 หมื่นกว่าบาท และที่สำคัญบางคนอาจจะยังผ่อน iPhone 5S ไม่หมดด้วยช้ำ ฉะนั้นจึงอยากจะย้ำให้ผู้ใช้ โดยเฉพาะน้องๆ หนูๆ นักเรียน นักศึกษา หรือแม้แต่คนทำงาน ให้ใช้สติก่อนใช้สตางค์กันนะครับ ด้วยความปรารถนาดี จาก Oopsmobile ที่อยากให้ทุกคนใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด โดยไม่ตกเป็นทาสของเทคโนโลยี…

 
 

เช็คราคาเครื่องเปล่า iPhone 6/iPhone 6 Plus จาก 9 ประเทศ ใครขายถูกที่สุด

iphone6-th

วันนี้ถือเป็นวันแรก ที่ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus เริ่มเปิดให้จอง (Pre-Order) ในประเทศที่ได้วางจำหน่ายเป็นกลุ่มแรก ซึ่งแต่ละประเทศก็จะมีราคาที่แตกต่างกันเล็กน้อย โดยเมื่อนำราคาเครื่องเปล่าที่เปิดตัวในแต่ละประเทศมาเทียบกับราคาในสหรัฐอเมริกาแล้ว ปรากกฎว่าประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่มีราคาถูกที่สุด โดย iPhone 6 ราคาเริ่มต้นเพียง $634 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 20,500 บาท เท่านั้น ส่วนประเทศที่ราคาแพงสุดคือ ฝรั่งเศส

 

ส่วนราคาประเทศฮ่องกง และสิงคโปร์ ซึ่งอยู่ใกล้เราที่สุด จะมีราคาสูงกว่าอเมริกา โดยที่ฮ่องกงมีราคาสูงกว่าโดยเฉลี่ยประมาณ $78 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ +2,500 บ.) ส่วนประเทศสิงค์โปร์ เฉลียสูงกว่า $160 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ +5,148 บ.)

 

ดังนั้นเครื่องหิ้วส่วนใหญ่จึงน่าจะนำเข้าจาก ฮ่องกง เพราะมีต้นทุนที่ถูกกว่า โดยคาดว่าเครื่องหิ้ว จะมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 35,000 ไปจนถึง 55,000 บาท ตามรุ่น ตามความจุ ซึ่งในขณะนี้ร้านตู้ต่างๆ ใน MBK ก็ประกาศรับหิ้วกันแล้ว

 

iphone6-6p-prize

 

ส่วนราคาคาดการณ์ในประเทศไทยนั้น คิดว่าน่าจะบวกเพิ่มจากราคาเดิมขึ้นไปไม่ต่ำกว่า 2,500-3000 บาท

iphone6-iphone6-pz

 

Source : iClarified

 

 

เทียบราคาเครื่องเปล่า iPhone 6, iPhone 6 Plus จากฮ่องกง คอนเฟิร์มประเทศไทย ไม่วางจำหน่ายในกลุ่มประเทศที่ 2

 

แม้ว่าพี่ไทยจะพลาดจากการวางจำหน่าย iPhone 6 และ iPhone 6 Plus จากกลุ่มประเทศแรกๆ ไป และล่าสุดแอปเปิ้ลก็ออกมาประกาศรายชื่ออีก 20 ประเทศ เพิ่มเติมในกลุ่มที่ 2 โดยจะวางจำหน่ายในวันที่ 26 ก.ย. ซึ่งพี่ไทยก็หลุดจากแผนที่คาดการณ์ไปอีกหนึ่งดอก สังสัยว่าจะเป็นการลงโทษที่ กสทช. ดันไปเผยข่าวการตรวจสอบนำเข้า จนเป็นข่าวไปทั่วโลก หรือเปล่านะ อิอิ…

iPhone6-NZ

 

นอกจากนี้บนเว็บไซต์ Apple ของประเทศอินเดีย ก็ได้ประกาศวันวางจำหน่ายแล้ว คือวันที่ 17 ตุลาคม ซึ่งน่าจะเป็นประเทศในกลุ่มที่ 3 โดยประเทศไทยจะอยู่เป็นหนึ่งในนั้นหรือไม่ต้องคอยติดตามกันต่อไป

iPhone6-india

 

เอาล่ะครับระหว่างนี้เรามาเทียบราคาจากเครื่องของประเทศฮ่องกงกันให้ดู จะได้ประเมินกันถูกว่าเมืองไทยจะมีราคาประมาณเท่าไร

Prize-iPhone6-HK

 

โดยราคาดังกล่าวอาจจะบวกเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยสำหรับราคาขายอย่างเป็นทางการในเมืองไทย ซึ่งหลังจากวันที่ 19 ก.ย. ที่ฮ่องกง และสิงคโปร์ เริ่มวางจำหน่ายไปแล้ว เชื่อว่ารุ่งขึ้นคงมีเครื่องหิ้วมาวางขายในห้างมาบุญครอง อย่างแน่นอน

 

 

สรุปรวบตึง iPhone 6, iPhone 6 Plus และ Apple Watch

 

iPhon6-watch

 

และแล้วข่าวลือ ข่าวหลุด ทั้งหลาย ก็กลายเป็นจริงไปกว่า 99% กับการเปิดตัว iPhone 6 และ iPhone 6 Plus รวมถึง Wearable Device ตัวแรกของ Apple ที่ชื่ออย่างเป็นทางการอาจจะผิดคาดไปเล็กน้อย กับ Apple Watch โดยรายละเอียดทั้งหมดนี้ เราได้สรุปรวบตึงให้เพื่อนๆ เอาไว้แล้ว ไปอ่านกันได้เลยครับ

 

เริ่มต้นการถ่ายทอดสดผ่านเว็บ ปีนี้ต้องบอกว่าล่มไม่เป็นท่า ด้วยสัญญาณขัดข้องจนไม่สามารถชมได้ต่อเนื่อง จนผู้คนทั่วโลกบ่นกันเต็มไทม์ไลน์ ยังดีที่มีเว็บ Live Blog ต่างๆ ไว้สำรอง และ Apple เองก็มี Live Feed เฉพาะภาพนิ่งและข้อความเป็นครั้งแรกเอาไว้ด้วย ก็พอถูๆ ไถๆ กันไปก่อน

 

IMG_0228

 

เมื่อ Tim Cook ขึ้นสู่เวที ก็ได้พูดถึงการเปิดตัว เครื่อง Macintosh ที่เป็นสุดยอดนวัตกรรม ครั้งแรก และยิ่งใหญ่ ซึ่งเคยเปิดตัวที่นี่ และเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกมาแล้วกว่า 30 ปี และวันนี้พวกเราจะมาสร้างประวัติศาสตร์กันอีกครั้ง

 

bfd0fe1c-1b7a-4658-a63b-e8ec094b0130

และก็สมกับที่รอคอยกับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus

DSC_4451

 

โดย iPhone 6 มาพร้อมหน้าจอ 4.7 นิ้ว Retina Display ความละเอียด 1334×750 พิกเซล ความหนาแน่นต่อจุด 326 ppi ส่วน iPhone 6 Plus หน้าจอ 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920×1080 พิกเซล ความหนาแน่นต่อจุด 401 ppi

Apple_Oct_2014_101

Apple_Oct_2014_105

 

เปรียบเทียบความหนาของตัวเครื่อง iPhone 5s หนา 7.6 มม. , iPhone 6 บางสุดเพียง 6.9 มม. ส่วน iPhone 6 Plus บางเพียง 7.1 มม.

Apple_Oct_2014_107

 

One-Handed รูดขึ้นลงซ้ายขวาในแอพ safari และ Mail เพื่อเลื่อนตำแหน่งเวลาจะพิมพ์ URL หรือข้อความต่างๆ ด้วยมือเดียว

Apple_Oct_2014_111

 
ซีพียู A8 64 บิตเจน 2 มีขนาดเล็กกว่า A7 อยู่ 13% ส่วนความเร็ว เหนือกว่า 50 เท่า จาก iPhone รุ่นแรก

Apple_Oct_2014_121

 

ส่วน GPU หน่วยประมวลผลด้านกราฟิก ก็แรงขึ้นถึง 84 เท่า จาก iPhone Original รุ่นแรก

Apple_Oct_2014_123

 

หน้า Home หมุนหน้าจอได้ในแนวนอน ซึ่งรองรับเฉพาะบน iPhone 6 Plus เท่านั้น จึงทำให้แอพ Mail สามารถเปิดอ่านอีเมล์ได้ง่ายขึ้น ในหน้าเดียว เหมือนการใช้งานบน iPad

30c89059-288e-40c2-9af8-950d1c46794cc

 

เพิ่ม sensor ใหม่คือ Barometer วัดความกดอากาศ ทำให้บอกระดับความสูงได้เวลาเดินป่าเขา
DSC_4577

 

 
ความอึดแบตเตอรี่เมื่อเทียบกันระหว่าง iPhone 5s/6/6plus มีทั้งเท่ากันและดีกว่า เมื่อเปรียบเทียบการทำงานในแต่ละด้าน

f1410283510

 

ปัจจุบันนี้มีแอพมากกว่า 1.3 ล้านแอพแล้วนะจ๊ะ

DSC_4484

 

ในส่วนของการสื่อสาร สามารถรองรับระบบ 4G LTE ได้ด้วยความเร็วสูงถึง 150 Mbps และยังรองรับกับผู้ให้บริการเครือข่ายทั้ง 3 ค่ายในประเทศจีน

Apple_Oct_2014_147

 

นอกจากนี้ยังรองรับการโทรผ่านเน็ต 4G LTE ด้วยฟังก์ชั่น VoLTE หรือ Voice Over LTE แต่ยังไม่รองรับกับเครือข่ายในเมืองไทย ต้องรอเปิดประมูล 4G กันก่อน

DSC_4591

 

ส่วน Wi-Fi รองรับมาตรฐาน 802.11ac เรียบร้อยแล้ว เร็วขึ้นกว่าเดิม 3 เท่า ซึ่งสามารถเชื่อมต่อด้วยความเร็วสูงสุดกว่า 500 Mbit/s ใกล้เคียง LAN Gigabit
DSC_4596

 
กล้องก็ยังคงความละเอียดแค่ 8 ล้านพิกเซล iSight รูรับแสงกว้าง F2.2 เท่าเดิม แต่พัฒนาให้ระบบออโต้โฟกัสแบบ phase detection ซึ่งเร็วและแม่นยำขึ้นเหมือน DSLR นอกจากนี้ยังโฟกัสใบหน้าหรือ Face Detection ได้เร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น และรองรับการถ่ายโหมดพาโนรามาด้วยความละเอียดถึง 43 ล้านพิกเซล

f1410282535

 

มาพร้อมระบบลดภาพสั่นไหว OIS (Optical Image Stabilizer) ขยับเลนส์ชดเชยการสั่นที่ชิ้นเลนส์ เหมือนกล้องดิจิตอลบางรุ่น แต่มีเฉพาะบน iPhone 6 Plus เท่านั้น

f1410283998

 
กล้องหน้า FaceTime HD ตรวจจับใบหน้าแบบ Face Detection ได้เร็วขึ้น รวมถึง blink detection และ smile detection ด้วย ช่วยให้ทุกใบหน้าคมชัดเวลาถ่ายหมู่แบบ Selfie พร้อมด้วยโหมด burst selfie สำหรับถ่ายเซลฟีแบบรัวต่อเนื่อง 10 ช็อตต่อวินาที และที่สำคัญในแอพ Camera มาพร้อมระบบตั้งเวลาถ่ายอัตโนมัติได้แล้วนะครับ เลือกได้ 3 วินาที หรือ 10 วินาที
DSC_4689

DSC_4692

 
ถ่ายวิดีโอ 1080p ที่ 30fps และ 60fps และโหมด SLO-Mo ที่ 240fps เพิ่มขึ้นจาก 5s 120fps

f1410284090

 

มาถึง ระบบปฏิบัติการ iOS 8 พร้อมปล่อยตัวเต็ม 17 กันยายนนี้ ตามรายชื่อรุ่นต่างๆ ในภาพ

Apple_Oct_2014_199

 

ราคาวางจำหน่าย iPhone 6 Plus เริ่มต้นที่ $299 เหรียญ กับขนาด 16 GB แล้วกระโดดไป 64GB และขนาดใหม่ 128GB ไปเลย ราคานี้ติดสัญญา 2 ปี ด้วยนะจะ ราคาเครื่องเปล่าคงแพงพอตัว

Apple_Oct_2014_197

 

ราคา iPhone 6 เริ่มที่ $199 เหรียญ ติดสัญญา 2 ปี เช่นเดียวกัน อันนี้ดูแล้วราคาเท่าเดิม ค่อยพอรับได้หน่อย

Apple_Oct_2014_194

 

iPhone 6 และ iPhone 6 Plus เปิดจองวันที่ 12 ก.ย. นี้  และจะวางจำหน่าย 19 ก.ย. ในสหรัฐและอีก 8 ประเทศแรก ซึ่งไม่มีประเทศไทยเป็นหนึ่งในนั้น แต่คาดว่าจะวางจำหน่ายในไทยช่วงกลุ่มประเทศที่ 2 ราวเดือนตุลาคม

f1410284478

f1410284361

 

ยังไม่จบ Tim Cook กลับขึ้นสู่เวทีเพื่อนำเข้าสู่ฟีเจอร์ที่ทุกคนรอคอยกับระบบ Payment เตรียมบอกลากระเป๋าตังค์ คนอเมริกาใช้บัตรเครดิตรูดปรืดๆ สูงถึง 83% ลุงคุกจะจัดการด้วยอะไรดูรูปถัดไป

f1410284710

 

ระบบนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Apple Pay

f1410284882

 
หมายเลขบัตรจะไม่ถูกเก็บหรือใช้ร่วมกัน สามารถเพิ่มบัตรด้วยการถ่ายจากกล้อง iSight กรณี iPhone หายหรือถูกขโมยสามารถระงับการชำระเงินทั้งหมดได้ ส่วนหมายเลขบัตรไม่ต้องยกเลิกเพราะไม่ได้เก็บไว้ในเครื่องนั่นเอง

f1410285056

 

เวลาจะชำระเงินก็เพียงแต่นำ iPhone แตะที่แท่นตัดเงิน (คล้ายกับบัตรแรบบิต ของไฟฟ้า BTS) แล้วสแกนลายนิ้วมือผ่าน Touch ID บนปุ่ม Home เพื่อยืนยัน โดยไม่ต้องปลดล็อคหน้าจอหรือเข้าสู่แอพแต่อย่างใด เมื่อระบบตัดเงินเรียบร้อยแล้ว เครื่องจะสั่นและมีเสียงเตือนขึ้นมา

Apple_Oct_2014_222

 

คอนเฟิร์ม iPhone 6 ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อม NFC

Apple_Oct_2014_227

 
Apple Pay มีบัตรผู้ให้บริการบัตรเครดิตที่เข้าร่วมแล้วคือ American Express, Visa และ Master Card ซึ่งครอบคลุมผู้ถือบัตรเข้าไปกว่า 83% แล้ว และมีเคาน์เตอร์ Contactless payment รองรับตามร้านค้าต่างๆ กว่า 220,000 จุด ในสหรัฐอเมริกา โดยจะเปิดให้บริการในเดือนตุลาคมนี้ ส่วนประเทศอื่นๆ ยังไม่มีรายละเอียด

Apple Pay-01

 

นอกจากนี้ยังใช้จ่ายเงินผ่านแอพต่างๆ สำหรับขาช้อปออนไลน์อีกด้วย เช่น Groupon, Starbucks, UBER เป็นต้น

Apple Pay-02

 

แต่น แตน แต้น… ในที่สุดก็มาถึงไฮไลต์อีกตัวหนึ่งที่สำคัญ นั่นคือ Apple Watch สรุปไม่ใช่ชื่อ iWatch อย่างที่ลือกันมานาน ซึ่งวัสดุดูหรูหราพมีเมี่ยมมากๆ ทำจากสแตนเลส นาฬิกาที่ทิมคุกกล้าพูดว่าแม่นเวอร์ หากจะเพี้ยนก็แค่ 50 มิลลิวินาทีเท่านั้น

f1410285559

 

มีสีทอง 18 K ให้เลือกด้วย และมาพร้อมเซ็นเซอร์ถึง 4 จุด ที่ด้านหลัง

f1410285606

 

ควบคุมการใช้งานของ นาฬิกาด้วยกลไกพิเศษ ผ่านปุ่มหมุนที่เรียกว่า digital crown อารมณ์ให้ความรู้สึกเหมือนใช้นาฬิกาแบบเข็ม คลาสิกดี

f1410285849

 

หมุนที่ปุ่ม digital crown เพื่อซูมเข้า ซูมออกได้

f1410285880

 

Digital crown ยังทำหน้าที่เป็นปุ่ม Home ส่วนปุ่มติดๆกันด้านล่างคือ Digital Touch สำหรับแสดงรายชื่อที่เราสามารถติดต่อ เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น และแชร์ข้อมูลการเต้นของหัวใจ

f1410286105

 

S1 processor ชิปประมวลผลที่ออกแบบเอง รวมทั้งเซ็นเซอร์ตรวจสอบการเต้นของหัวใจ, อินฟาเรด และ light LEDs

f1410286270

 

Taptic Engine เทคโนโลยีที่ทำให้ระบบสัมผัส, การแสดงผล และการได้ยินเป็นไปอย่างลงตัว
f1410286225

 

มีสายนาฬิกาให้เลือกเปลี่ยนถึง 6 แบบ ทั้งหนัง และสแตนเลส หน้าปัดเปลี่ยนได้หลายดีไซน์

f1410286544

 
Apple watch มีตัวเรือน 3 แบบคือ
Apple Watch ธรรมดา เป็นสเตนเลส
Apple Watch Sport ตัวเรือนอลูมิเนียมแบบเดียวกับ iPhone ซึ่งเบากว่า
Apple Watch Edition ตัวเรือนโลหะผสมทอง 18K ดูหรูหรา

แต่ละแบบจะมี 2 ขนาด เล็กและใหญ่ ขนาดเล็กสำหรับผู้หญิง เด็ก หรือคนที่ข้อมือเล็ก ส่วนขนาดใหญ่ก็เหมาะสำหรับผู้ชาย
f1410286479

 

แตะแอพพลิเคชั่นเลื่อนขึ้นลงซ้ายขวา หรือหมุนปุ่ม crown ซูมเข้าออก สามารถกดปุ่มลงไปเพื่อกลับหน้า Home ฟีเจอร์เกี่ยวกับดาราศาสตร์ถือว่าแม่นยำ อยากรู้ว่าเราอยู่ตรงไหนบนโลกใบนี้ต้องลอง แต่ไม่ใช่แค่โลกเท่านั้น ดวงจันทร์ก็รู้

f1410286757

 

เมื่อมีรายการแจ้งเตือนสามารถตอบกลับด้วยข้อความเสียง หรือส่งเป็นอีโมจิก็ได้ ส่วนวิธีใช้ Siri บน Apple Watch ให้กดปุ่ม digital crown ค้างไว้แล้วพูด

f1410287061

 

Apple Maps แสดงเส้นทางเท้าและรถยนต์ชัดเจน พร้อมลูกศรบอกทิศทางในการนำทาง

f1410287269

 

Digital Touch ด้านล่างปุ่ม digital crown จะแสดงรายชื่อที่ติดต่อได้ เพื่อแตะโทรออกหรือส่งข้อความ

f1410287301

 
นอกจากนี้ยังสามารถวาดรูปบนหน้าจอเพื่อส่งแทนข้อความไปให้เพื่อนที่ใช้ Apple Watch ด้วยกัน, ใช้เป็น Walkie Talkie, แตะเพื่อส่งข้อความการแจ้งเตือนเบาๆ ให้กับเพื่อนหรือคนรัก ว่าเรากำลังคิดถึงอยู่ และแตะ 2 ครั้งบนหน้าจอเพื่อดูอัตราการเต้นของหัวใจ แล้วส่งต่อให้เพื่อนหรือคนพิเศษเพื่อบอกความรู้สึกได้อีกด้วย
apple-watch-sketch

 

มีการแจ้งเตือนจากแอพอื่นๆ ใน iPhone มาที่ Apple Watch เช่น Facebook, Twitter นอกจากนี้ยังเปิด API ให้นักพัฒนาสามารถเขียนแอพมาแจ้งเตื่อนบน Apple Watch ได้อีกด้วย ซึ่งเรียกว่า WatchKit

f1410287448

f1410287495

 

รวบรวมสถิติการออกกำลังกายที่มีการเคลือนไหวตั้งแต่เดินเร็วไปจนถึงวิ่ง แนะนำว่าควรให้ถึง 30 นาทีต่อวัน โดยสามารถตั้งเป้าหมายได้ 3 ภารกิจ Goal to sit less, move more และ get some exercise.

f1410287823

 

Apple Watch มาพร้อมระบบชาร์จไร้สายและเป็นแม่เหล็กแบบเดียวกับ Magsafe ตัวชาร์จของเครื่องแมค จึงทำให้ตัวเครื่องสามารถกันน้ำได้แต่ไม่ถึงขั้นจุ่มน้ำได้นะ เพราะไม่มีพอร์ตเชื่อมต่อใดๆ ส่วนแบตเตอรี่ยังไม่เปิดเผยว่ามีความจุเท่าไร ใช้งานได้นานแค่ไหน

AppleEvent_0616

 

ทั้งนี้ มันยังรองรับการใช้งานร่วมกับระบบจ่ายเงิน Apple Pay อีกด้วย

DSC_5410

 
Apple Watch สามารถทำงานกับ iPhone ได้ทั้งหมด 5 รุ่น ตั้งแต่ iPhone 5 ขึ้นไป

f1410288053

 

Apple Watch เปิดราคาเริ่มต้นมาที่ $349 ต้นปี 2015 ถึงจะได้ใช้กันนะครับ แต่รับรองว่าคุ้มค่าการรอคอย

f1410288105

 

ปิดท้ายงานด้วยมินิคอนเสิร์ต เปิดอัลบั้มใหม่ของวง U2 และในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ เตรียมเปิด iTunes รับอัลบั้มฟรีวง U2 ที่ iTunes music library, iTunes Radio และ Beats Music

f1410288364

Apple_Oct_2014_551 apple-one-more-thing

 

ทั้งหมดที่ทุกท่านอ่านมานี้ ได้อัพเดทแก้ไขเพิ่มเติมบางส่วนให้สมบูรณ์และถูกต้องขึ้นแล้วนะครับ หลังจากเวอร์ชั่นแรกที่ได้โพสต์บทความขึ้นไป ซึ่งมีหลายประเด็นที่ขาดหายไป ขอบคุณที่ติดตามกันนะครับ

 

เครดิตภาพ จาก : The Verge, Thenextweb