ชิปประมวลผล ARM และ Intel (x86) บนสมาร์ทโฟน

 

หลายคนคงคลายความสงสัยเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมซีพียูในแบบ ARM และ x86 กันไปบ้างแล้ว คราวนี้ถึงเวลาที่เราจะมาดูรายละเอียดของชิปประมวลผลหรือซีพียูแต่ละตัวที่ถูกนำมาใช้บนสมาร์ทโฟนรุ่นต่างๆ ซึ่งในที่นี้ผมก็ได้หยิบยกมาเป็นตัวอย่างอยู่พอสมควร โดยได้ทำการแบ่งชิปประมวลผลออกเป็น 2 กลุ่มตามโครงสร้างพื้นฐานทางสถาปัตยกรรมที่ใช้ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเล๊ยยยย.ย.ย.ย.ย!

ชิปประมวลผลที่ใช้สถาปัตยกรรม ARM

 

Apple A7 และ A6

 

a7_a6ชิป A7 ถูกพัฒนามาจากชิป A6 ที่ใช้ใน iPhone 5 และ 5c โดยถูกนำมาใช้ทำเป็นชิปหลักให้กับ iPhone 5s ที่ซึ่งทั้งชิป A7 และ A6 ถูกผลิตขึ้นโดยบริษัท Samsung เหมือนกัน และหากมองที่รูปลักษณ์ภายนอกของตัวเครื่องทั้ง iPhone 5 และ 5s ก็แทบจะไม่แตกต่างกันมากนัก ยกเว้น 5c ที่ตัวเครื่องอาจดูแปลกไปเพราะทำจากพลาสติกแข็ง แต่หากมองลึกลงไปถึงตัวชิปที่นำมาใช้ระหว่าง A7 ใน iPhone 5s กับ A6 ใน iPhone 5 และ 5c จะเห็นได้ว่าหลายสิ่งหลายอย่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยชิป A7 นั้น จะใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตที่เล็กกว่า ซึ่งช่วยให้ประหยัดไฟกว่าและตัวชิปมีขนาดเล็กกว่า นอกจากนี้ยังรองรับการประมวลผลได้ทั้งในแบบ 32 และ 64 บิต ซึ่งช่วยให้การประมวลผลทำได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ต่างจากชิป A6 ที่จะรองรับแค่เฉพาะ 32 บิต เท่านั้น อีกทั้งการประมวลผลกราฟิกบนชิป A7 ก็ยังดีกว่าชิป A6 อีกด้วย

 

สิ่งที่แตกต่างกันระหว่าง iPhone 5s กับ 5 และ 5c นอกจากเรื่องของชิปประมวลผลหลักที่ใช้คือ A7 กับ A6 แล้ว ยังต่างกันในเรื่องของชิปร่วมอีกด้วย เนื่องจากใน iPhone 5s จะมีชิปร่วมคือ M7 motion co-processor คอยทำหน้าที่ประมวลผลการตรวจจับการเคลื่อนไหวผ่านทางเซ็นเซอร์ต่างๆแบบเดียวกับชิปร่วม M8 ที่อยู่ใน iPhone 6 และ 6 Plus แต่สำหรับ iPhone 5 และ 5c จะมีแต่เฉพาะชิปหลักคือ A6 เท่านั้น จะไม่มีชิปร่วมแต่อย่างใด

 

5s5c

 

A7 และ A6 เป็นชิปแบบ System on a Chip (SoC) คือมีองค์ประกอบทุกอย่างที่จำเป็นอยู่บนชิปซิลิกอนชิ้นเดียวกัน โดยชิป A7 องค์ประกอบที่ว่านี้ประกอบด้วยโครงสร้างในส่วนของซีพียู (CPU) แบบ 2 คอร์ ที่เป็น License ของ ARM (Cyclone) ทำงานบนสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง ARMv8-A ที่รองรับการประมวลผลได้ทั้งในแบบ 32 และ 64 บิต ด้วยความเร็วสูงสุด 1.3 GHz นอกจากนี้ยังประกอบด้วยโครงสร้างในส่วนของกราฟิกที่ใช้ PowerVR G6430 แบบ 4 คอร์ และมีแรม LPDDR3 ขนาด 1 GB พร้อมส่วนควบคุมแรมขนาด 64 บิต ที่สนับสนุนแรม LPDDR3-1600 ในแบบ Single-Channel องค์ประกอบทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้ถูกบรรจุลงในชิปซิลิกอนชิ้นเล็กๆขนาดเพียง 102 ตร.มม. โดยใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตเพียง 0.028 ไมครอน (28 nm)

 

ส่วนชิป A6 จะประกอบด้วยโครงสร้างในส่วนของซีพียู (CPU) แบบ 2 คอร์ ที่เป็น License ของ ARM (Swift) ทำงานบนสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง ARMv7s ที่รองรับการประมวลผลแบบ 32 บิต ด้วยความเร็วสูงสุด 1.3 GHz นอกจากนี้ยังประกอบด้วยโครงสร้างในส่วนของกราฟิกที่ใช้ PowerVR SGX543 MP3 แบบ 3 คอร์ และมีแรม LPDDR2 ขนาด 1 GB พร้อมส่วนควบคุมแรมขนาด 32 บิต ที่สนับสนุนแรม LPDDR2-1066 ในแบบ Dual-Channel องค์ประกอบทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้ถูกบรรจุลงในชิปซิลิกอนชิ้นเล็กๆขนาดเพียง 96.71 ตร.มม. โดยใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตขนาด 0.032 ไมครอน (32 nm)

 

Apple A8

 

iphone-6-a8-chipชิป A8 ถูกพัฒนามาจากชิป A7 ที่ใช้ใน iPhone 5s โดยถูกนำมาใช้ทำเป็นชิปหลักให้กับ iPhone 6 และ 6 Plus ที่เป็นสมาร์ทโฟนยอดฮิตรุ่นล่าสุดของค่าย Apple ซึ่งถูกผลิตขึ้นโดยบริษัท TSMC โดยใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตที่เล็กลงกว่าเดิม ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้นเพราะใช้ไฟน้อยลงแล้ว ยังช่วยให้ตัวชิปมีขนาดที่เล็กลงกว่าเดิมอีกถึง 13% เมื่อเทียบกับ A7 ทั้งๆที่บนชิป A8 มีจำนวนทรานซิสเตอร์อยู่มากกว่าถึง 2 เท่า นอกจากนี้ทาง Apple ยังให้ข้อมูลว่าประสิทธิภาพในการประมวลผลข้อมูลและชุดคำสั่งจะเร็วขึ้นกว่าเดิมอีก 25% และในส่วนของกราฟิกก็จะเร็วขึ้นอีก 50% ด้วย

 

สำหรับ iPhone 6 และ 6 Plus นอกจากจะมีหัวใจคือ A8 เป็นชิปหลักแล้ว ยังมีชิปร่วมอีกตัวนั่นคือ M8 motion co-processor ซึ่งจะคอยทำหน้าที่ประมวลผลการตรวจจับการเคลื่อนไหวผ่านทางเซ็นเซอร์ต่างๆด้วย เช่น Touch ID (ตรวจสอบลายนิ้วมือผู้ใช้เพื่อยืนยันตัวบุคคล), Barometer (ตรวจวัดความดันบรรยากาศหรือสภาพความกดอากาศบริเวณรอบๆ), 3-axis gyroscope (ตรวจจับการเคลื่อนไหวและลักษณะการหมุนของตัวเครื่อง), Accelerometer (ตรวจจับความเคลื่อนไหวของตัวเครื่อง), Proximity sensor (ตรวจจับระยะห่างระหว่างตัวผู้ใช้งานกับตัวเครื่อง), Ambient light sensor (ตรวจวัดสภาพแสงและปรับเพิ่ม/ลดความสว่างให้อัตโนมัติ) ฯลฯ

 

6_6plus

 

A8 ก็เป็นชิปแบบ SoC เช่นกัน โดยองค์ประกอบภายในประกอบด้วยโครงสร้างในส่วนของซีพียู (CPU) หรือหน่วยประมวลผลข้อมูลและชุดคำสั่ง แบบ 2 คอร์ ที่เป็นลิขสิทธิ์ (License) ของ ARM (บริษัท ARM ไม่ได้เป็นผู้ผลิตชิปให้กับทาง Apple โดยตรง แต่อาศัยการขายเป็น License ให้กับบริษัทผู้ผลิตชิปเอาไปผลิตขายแทน ซึ่งทำให้ ARM ไม่ต้องลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตชิปเอง) ทำงานบนสถาปัตยกรรมชุดคำสั่งล่าสุดคือ ARMv8-A ที่รองรับการประมวลผลได้ทั้งในแบบ 32 และ 64 บิต ด้วยความเร็วสูงสุด 1.4 GHz นอกจากนี้ยังประกอบด้วยโครงสร้างในส่วนของ GPU หรือหน่วยประมวลผลกราฟิกที่ใช้ PowerVR GX6650 แบบ 4 คอร์ และมีหน่วยความจำแรม LPDDR3 ขนาด 1 GB พร้อมส่วนควบคุมแรม (Memory Controller) ที่มีความกว้างบัสขนาด 64 บิต ซึ่งสนับสนุนแรม LPDDR3-1333 ในแบบ Single-Channel องค์ประกอบทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้ถูกบรรจุลงในชิปซิลิกอนชิ้นเล็กๆขนาดเพียง 89 ตร.มม. หรือขนาดเท่าปลายนิ้วก้อย โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการออกแบบเพื่อลดขนาดของลายวงจรและอุปกรณ์ทรานซิสเตอร์ต่างๆที่มีอยู่กว่า 2 พันล้านตัว ให้มีขนาดเล็กลงมากๆจนถึงระดับไมครอน ซึ่งในชิป A8 จะใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตที่ว่านี้ให้มีขนาดที่เล็กลงจนเหลือเพียง 0.020 ไมครอน (20 nm) เท่านั้น

 

Qualcomm Snapdragon 801

 

qualcomm-snapdragon-800_02เป็นชิปที่ถูกพัฒนามาจาก Snapdragon 800 โดยถูกเร่งความเร็วในการทำงานให้สูงขึ้นกว่าเดิม และเริ่มมีการนำเอาชิปหน่วยความจำ eMMC 5.0 ที่รองรับความเร็วในการรับส่งข้อมูล 400 MB/s มาใช้ โดย Snapdragon 801 นี้ ถูกผลิตขึ้นโดยบริษัท Qualcomm เพื่อนำมาใช้เป็นชิปหลักให้กับ Galaxy S5 ที่เป็นสมาร์ทโฟนบนระบบปฏิบัติการ Android จากค่าย Samsung คู่ปรับตลอดกาลของ Apple ด้วยคุณสมบัติของชิปประมวลผลที่ดูจะโดดเด่นเหนือคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความเร็วที่สูงกว่า, จำนวนคอร์ของซีพียูและความจุแรมที่มากกว่า, หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ที่ทรงพลัง และหากรวมถึงคุณสมบัติในด้านอื่นด้วยแล้ว Galaxy S5 ก็ถือเป็นคู่ปรับที่น่ากลัวสำหรับ iPhone 5s อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

 

Galaxy-s5

 

Snapdragon เป็นชื่อที่ใช้เรียกกลุ่มของชิปแบบ SoC ที่ถูกนำไปใช้กับอุปกรณ์จำพวก สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์พกพา (Smartbook) ที่ถูกผลิตขึ้นโดยบริษัท Qualcomm โดย Snapdragon 801 เป็นชิปแบบ SoC ที่มีโครงสร้างภายในประกอบด้วยซีพียู (CPU) แบบ 4 คอร์ ที่เป็น License ของ ARM โดยใช้ชื่อว่า Krait 400 ซึ่งทำงานบนสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง ARMv7 ที่รองรับการประมวลผลในแบบ 32 บิต ด้วยความเร็วสูงสุด 2.5 GHz มีชิป Qualcomm Hexagon V50 เป็นหน่วยประมวลผลสัญญาณดิจิตอล (DSP) ความเร็ว 800 MHz มีหน่วยความจำ L2 Cache ขนาด 2 MB นอกจากนี้ยังประกอบด้วยโครงสร้างในส่วนของกราฟิก (GPU) ที่ใช้ Qualcomm Adreno 330 ความเร็ว 578 MHz และแรม LPDDR3 ขนาด 2 GB พร้อมส่วนควบคุมแรมขนาด 32 บิต ที่สนับสนุนแรม LPDDR3-800 (12.8 GB/s) ในแบบ Dual-Channel โครงสร้างภายในทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้ถูกบรรจุลงในชิปซิลิกอนชิ้นเดียวกัน โดยใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตเพียง 0.028 ไมครอน (28 nm)

 

Qualcomm Snapdragon 805

 

qualcomm-snapdragon-800_02เป็นชิปที่ถูกพัฒนามาจาก Snapdragon 801 ให้มีความเร็วในการทำงานที่สูงขึ้น ความจุแรมเพิ่มมากขึ้น รองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงในระดับ 4K ฯลฯ โดย Snapdragon 805 เป็นชิปหลักที่ถูกนำมาใช้กับ Samsung Galaxy Note 4 (โมเดล 910S ที่เป็น LTE Cat6) ที่เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของตระกูล Note ที่มีปากกา S Pen สำหรับเขียนหน้าจอติดมาให้ด้วยจากค่าย Samsung ซึ่งถูกเปิดตัวพร้อมกันทั่วโลกไปเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2014 (ชิงเปิดตัวตัดหน้า iPhone 6 และ 6 Plus ไปก่อนเพียง 6 วัน) และหลังจากนั้นไม่กี่วันก็เริ่มทยอยออกวางจำหน่ายไปในหลายประเทศทั่วโลก

 

note4

 

เป็นชิปแบบ SoC ที่มีโครงสร้างภายในประกอบด้วยซีพียู (CPU) แบบ 4 คอร์ ที่เป็น License ของ ARM โดยใช้ชื่อว่า Krait 450 ซึ่งทำงานบนสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง ARMv7-A ที่รองรับการประมวลผลได้ทั้งในแบบ 32 และ 64 บิต ด้วยความเร็วสูงสุด 2.7 GHz มีชิป Qualcomm Hexagon V50 เป็นหน่วยประมวลผลสัญญาณดิจิตอล (DSP) ความเร็ว 600 MHz มีหน่วยความจำ L2 Cache ขนาด 2 MB นอกจากนี้ยังประกอบด้วยโครงสร้างในส่วนของกราฟิก (GPU) ที่ใช้ Qualcomm Adreno 420 ความเร็ว 600 MHz และแรม LPDDR3 ขนาด 3 GB พร้อมส่วนควบคุมแรมขนาด 64 บิต ที่สนับสนุนแรม LPDDR3-800 (12.8 GB/s) ในแบบ Dual-Channel โครงสร้างภายในทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้ถูกบรรจุลงในชิปซิลิกอนชิ้นเดียวกัน โดยใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตเพียง 0.028 ไมครอน (28 nm)

 

Qualcomm Snapdragon 808

 

qualcomm-snapdragon-800_02เป็นชิปตัวแรกของ Qualcomm ที่นอกจากจะมี 6 คอร์ (2+4) แล้ว ยังได้มีการปรับมาใช้โครงสร้างสถาปัตยกรรมซีพียูในแบบ ARM big.LITTLE Processing เป็นครั้งแรก ที่ซึ่งเป็นการนำเอาซีพียู 2 ตัวมาช่วยกันทำงานโดยตัวนึงจะทำหน้าที่เป็นตัวหลัก (Big Cores) ในการประมวลผลสำหรับงานหนักๆที่ต้องการประสิทธิภาพในการประมวลผลสูง ส่วนอีกตัวจะทำหน้าที่เป็นตัวรอง (LITTLE Cores) ในการประมวลผลสำหรับงานทั่วๆไปที่ไม่จำเป็นต้องใช้พลังในการประมวลผลสูง โดยสถาปัตยกรรมซีพียูดังกล่าวนี้จะใช้เทคโนโลยี Heterogeneous Multi-Processing (HMP) มาช่วยควบคุมการกระจายงานให้กับทุกๆคอร์ของซีพียูทั้ง 2 ตัวอย่างเหมาะสมโดยอัตโนมัติ ซึ่งนอกจากจะก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการประมวลผลแล้ว จุดเด่นที่สำคัญก็คือ ช่วยให้ประหยัดพลังงานได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง ปัจจุบัน Snapdragon 808 นี้ ถูกนำมาใช้กับสมาร์ทโฟนของ LG รุ่น G4

 

LG-G4-Rumors2

 

เป็นชิปแบบ SoC ที่มีโครงสร้างภายในประกอบด้วยซีพียูหลักคือ Cortex-A57 แบบ 2 คอร์ ความเร็ว 1.82 GHz และซีพียูรองคือ Cortex-A53 แบบ 4 คอร์ ความเร็ว 1.44 GHz รวมเป็นซีพียูแบบ 6 คอร์ (2+4) ร่วมกันทำงานในแบบ ARM big.LITTLE Processing บนสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง ARMv8-A ที่รองรับการประมวลผลได้ทั้งในแบบ 32 และ 64 บิต มีชิป Qualcomm Hexagon V56 เป็นหน่วยประมวลผลสัญญาณดิจิตอล (DSP) ความเร็วสูงสุด 800 MHz มีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) เป็น Adreno 418 ความเร็ว 600 MHz และมีหน่วยความจำแรม LPDDR3 ขนาด 3 GB พร้อมส่วนควบคุมแรมแบบ 32 บิต ที่สนับสนุนแรม LPDDR3-933 (14.9 GB/s) ในแบบ Dual-Channel โครงสร้างภายในทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้ถูกบรรจุลงในชิปซิลิกอนชิ้นเดียวกัน โดยใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตเพียง 0.020 ไมครอน (20 nm) เท่านั้น

 

Qualcomm Snapdragon 810

 

qualcomm-snapdragon-800_02Snapdragon 810 เป็นชิปรุ่นถัดมาของ Qualcomm ที่ยังคงใช้โครงสร้างสถาปัตยกรรมซีพียูแบบ ARM big.LITTLE Processing อยู่ แต่ซีพียูตัวหลักถูกปรับมาใช้เป็น 4 คอร์ ทำให้มีจำนวนคอร์ทั้งสิ้น 8 คอร์ (4+4) และถือเป็นซีพียูรุ่นแรกที่นำเอาหน่วยความจำล่าสุดอย่าง LPDDR4 มาใช้ ซึ่งเราจะพบกับซีพียูรุ่นนี้ได้ในสมาร์ทโฟน LG G Flex, HTC One M9, Sony Xperia Z4 ฯลฯ

 

m9z4

 

เป็นชิปแบบ SoC ที่มีโครงสร้างภายในประกอบด้วยซีพียูหลักคือ Cortex-A57 แบบ 4 คอร์ ความเร็ว 2.0 GHz และซีพียูรองคือ Cortex-A53 แบบ 4 คอร์ ความเร็ว 1.6 GHz รวมเป็นซีพียูแบบ 8 คอร์ (4+4) ร่วมกันทำงานในแบบ ARM big.LITTLE Processing บนสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง ARMv8-A ที่รองรับการประมวลผลได้ทั้งในแบบ 32 และ 64 บิต มีชิป Qualcomm Hexagon V56 เป็นหน่วยประมวลผลสัญญาณดิจิตอล (DSP) ความเร็วสูงสุด 800 MHz มีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) เป็น Adreno 430 ความเร็ว 650 MHz และมีหน่วยความจำแรม LPDDR4 ขนาด 2 และ 3 GB พร้อมส่วนควบคุมแรมแบบ 64 บิต ที่สนับสนุนแรม LPDDR4-1600 (25.6 GB/s) ในแบบ Dual-Channel โครงสร้างภายในทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้ถูกบรรจุลงในชิปซิลิกอนชิ้นเดียวกัน โดยใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตคงเดิมคือ 0.020 ไมครอน (20 nm)

 

Exynos 7 Octa 7410

 

Exynos-7-14-nm-finfetหรือชื่อเดิมคือ Exynos 5 Octa 5433 เป็นชิปหลักอีกตัวนอกเหนือไปจาก Snapdragon 805 ที่ถูกนำมาใช้กับ Samsung Galaxy Note 4 แต่จะมีอยู่แต่เฉพาะในโมเดล 910C ที่เป็น LTE Cat4 150/50 Mbps เท่านั้น รวมไปถึง Galaxy Note Edge (LTE) ด้วย โดย Exynos 7 Octa 7410 เป็นชิปที่ถูกพัฒนาและผลิตขึ้นมาโดยบริษัท Samsung โดยมีโครงสร้างพื้นฐานที่เป็น License ของ ARM ซึ่งมาพร้อมการทำงานในแบบ ARM big.LITTLE Processing ที่เป็นการนำเอาซีพียู 2 ตัวมาช่วยกันทำงาน ดังที่ได้กล่าวถึงไปแล้วก่อนหน้านี้

 

note-edge1

 

Exynos 7 Octa 7410 หรือ Exynos 5 Octa 5433 เป็นชิปแบบ SoC ที่มีโครงสร้างภายในประกอบด้วยซีพียูหลักคือ Cortex-A57 แบบ 4 คอร์ ความเร็ว 1.9 GHz และซีพียูรองคือ Cortex-A53 แบบ 4 คอร์ ความเร็ว 1.3 GHz รวมเป็นซีพียูแบบ 8 คอร์ (4+4) ร่วมกันทำงานในแบบ ARM big.LITTLE Processing บนสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง ARMv8-A ที่รองรับการประมวลผลทั้งในแบบ 32 และ 64 บิต มีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) เป็น Mali-T760 MP6 ความเร็ว 700 MHz และมีหน่วยความจำแรม LPDDR3 ขนาด 3 GB พร้อมด้วยส่วนควบคุมหน่วยความจำแบบ 32 บิต ที่สนับสนุนแรม LPDDR3-825 (13.2 GB/s) ในแบบ Dual-Channel โครงสร้างภายในทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้ถูกบรรจุลงในชิปซิลิกอนชิ้นเดียวกัน โดยใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิต 0.020 ไมครอน หรือ 20 nm

 

Exynos 7 Octa 7420

 

Exynos-7-14-nm-finfetเป็นชิปที่ถูกนำมาใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของ Samsung อย่าง Galaxy S6 และ S6 Edge ซึ่งยังคงใช้โครงสร้างพื้นฐานที่เป็น License ของ ARM ที่มาพร้อมการทำงานในแบบ ARM big.LITTLE Processing แต่ถือเป็นชิปรุ่นแรกที่ลดขนาดของกระบวนการผลิตให้เล็กลงเหลือเพียง 0.014 ไมครอน หรือ 14 nm เท่านั้น แถมยังนำเอาหน่วยความจำล่าสุดอย่าง LPDDR4 มาใช้เป็นครั้งแรกด้วย

 

us-galaxy-s6-s6-edge

 

Exynos 7 Octa 7420 เป็นชิปแบบ SoC ที่มีโครงสร้างภายในประกอบด้วยซีพียูหลักคือ Cortex-A57 แบบ 4 คอร์ ความเร็ว 2.1 GHz และซีพียูรองคือ Cortex-A53 แบบ 4 คอร์ ความเร็ว 1.5 GHz รวมเป็นซีพียูแบบ 8 คอร์ (4+4) ร่วมกันทำงานในแบบ ARM big.LITTLE Processing บนสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง ARMv8-A ที่รองรับการประมวลผลทั้งในแบบ 32 และ 64 บิต มีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) เป็น Mali-T760 MP8 ความเร็ว 772 MHz และมีหน่วยความจำแรม LPDDR4 ขนาด 3 GB พร้อมด้วยส่วนควบคุมหน่วยความจำแบบ 64 บิต ที่สนับสนุนแรม LPDDR4-1555 (24.8 GB/s) ในแบบ Dual-Channel โครงสร้างภายในทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้ถูกบรรจุลงในชิปซิลิกอนชิ้นเดียวกัน โดยใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตเพียง 0.014 ไมครอน หรือ 14 nm

 

ที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นชิปประมวลผลหรือซีพียูที่มีการใช้โครงสร้างพื้นฐานทางสถาปัตยกรรมในแบบ ARM ซึ่งจะเห็นได้ว่าหลายๆตัวนั้นได้ถูกนำมาใช้บนสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆที่กำลังได้รับความนิยมแพร่หลายอยู่ในปัจจุบัน ทีนี้เราหันมามองทางฝั่งของชิปประมวลผลหรือซีพียูที่ใช้สถาปัตยกรรม x86 กันบ้าง ซึ่งก็แน่นอนว่าซีพียูที่ใช้ก็ต้องมาจากแบรนด์ Intel นั่นเอง แต่..อ๊ะๆ เพื่อป้องกันความสับสน ผมขอยกเอาเนื้อหาไปไว้เป็นบทความในครั้งถัดไปแล้วกันนะครับ ส่วนในครั้งนี้ผมขอพักไว้เท่านี้ก่อน เข้าหน้าฝนแล้วแต่น้องฝนมามั่งไม่มามั่งเล่นเอาจนแล้งจัดไปหลายพื้นที่ ยังไงช่วงนี้อากาศแปรปรวนขอให้ผู้อ่านทุกท่านระมัดระวังรักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ แล้วเจอกันใหม่บทความหน้านะคร๊าบบ.บ.บ.บ!

 

“เทคโนโลยีสมาร์ทโฟน”ตอนต่อไป

1-2-3-4 มือถือ Gen ไหนคุณทันใช้บ้าง [ดักแก่!]

โทรศัพท์มือถือยุคใหม่ หัวใจอยู่ที่ “ชิปประมวลผล”

ARM กับ X86, RISC กับ CISC มหาอำนาจต่างขั้วบนโลกของซีพียู

(ต่อ) ชิปประมวลผล ARM และ Intel (x86) บนสมาร์ทโฟน

 

 

8 สิ่งสุดล้ำ เมื่อ iPhone 5/5s/5c อัพเดท iOS8 แล้วใช้ได้เหมือน iPhone 6/6plus

 
ios8-ip5-ip6-hero
 

สำหรับใครที่มี iPhone 5, iPhone 5s และ iPhone 5c อยู่ในมือ แต่ด้วยความอยากได้ หรือกิเลสบังตา พร้อมหาเหตุผลที่จะซื้อ iPhone 6 หรือ iPhone 6 Plus ใหม่ โปรดฟังทางนี้ก่อน

 

เพราะอีกไม่ช้าในวันที่ 17 ก.ย. นี้ เราๆ ท่านๆ ทั้งหลายก็จะได้รับการอัพเดท iOS8 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการล่าสุด เช่นเดียวกับที่มาพร้อมใน iPhone รุ่นล่าสุด ลองไปดูกันก่อนว่าเมื่อเราอัพเดท iOS8 ไปแล้วจะมีฟีเจอร์ไหนที่ใช้งานได้ไม่ต่างกัน

 

1. ถ่ายภาพแบบ Time Lapse พร้อมฟิลเตอร์และฟังก์ชั่นแต่งภาพขั้นเทพ
ฟังก์ชั่นกล้องยังคงจัดเต็มได้อยู่ โดยเมื่อผู้ใช้ iPhone 5/5s/5c อัพเดทเป็น iOS8 จะทำให้กล้องสามารถถ่ายวิดีโอแบบ Time Lapse หรือภาพวิดีโอแบบเร่งสปีดที่มักเอาไว้บันทึกภาพการเคลื่อนไหวของก้อนเมฆ หรือวิวทิวทัศน์ แบบสารคดีต่างๆ นอกจากนี้ยังสามารถตั้งเวลาถ่ายอัตโนมัติ แบบ 3 วินาที หรือ 10 วินาทีได้แล้ว เพิ่มความสะดวกในการถ่ายเซลฟีโดยเฉพาะ
ios8-ip5-ip6-01

 

ส่วนในแอพ Photo ก็ยังเพิ่มลูกเล่นการแต่งภาพได้แบบขั้นเทพ โดยเฉพาะการปรับแต่งแสงสีอัตโนมัติให้อย่างอัจฉริยะหรือจะปรับเองก็ทำได้ พร้อมด้วยฟิลเตอร์ให้เลือกมากยิ่งขึ้น

ios8-ip5-ip6-02

 

2. ระบบเดาคำตามประโยค และเพิ่มคีย์บอร์ดเสริมได้
ios8-ip5-ip6-10

 

เปิดใช้ระบบเดาคำได้แบบหายห่วงเสียที เพราะมาคราวนี้ Apple พัฒนาขึ้นมาก กับระบบเดาคำ ที่ไม่ใช่แค่เดาทีละคำ แต่เดาให้เป็นประโยคเลยล่ะ แค่พิมพ์คำแรก คำถัดมาที่ใกล้เคียงกับประโยคนั้นก็จะขึ้นมาให้เราเลือกทันที สะดวกขึ้นมาก และจากที่ลองเล่นเวอร์ชั่น Beta ขอบอกว่าเดาคำเป็นประโยคได้ดีเลยทีเดียว พูดเลย ประหยัดเวลาพิมพ์ไปเยอะ
นอกจากนี้ใครไม่พอใจกับคีย์บอร์ดมาตรฐานของ Apple ก็สามารถโหลดคีย์บอร์ดจากผู้พัฒนารายอื่นๆ มาติดตั้งเพิ่มเติมได้ คล้ายๆ กับของแอนดรอยด์ที่มีแอพคีย์บอร์ดให้ติดตั้งมากมาย
3. อินเตอร์เฟสใหม่ใช้ได้เหมือนกัน

ios8-ip5-ip6-03
อีกสิ่งที่เราจะใช้งานได้ไม่ต่างจาก iPhone 6/6 Plus ก็คือเรื่องของอินเตอร์เฟส ณ จุดนี้พูดเลยว่า iOS8 ชนะเลิศ ไม่ว่าจะเป็นการตอบกลับได้ทันทีจากทุกๆ การแจ้งเตือนบนแถบ Notification หรือจะเป็นการแสดงรายชื่อบุคคลที่โทรติดต่อกันล่าสุด รวมถึงรายชื่อจากรายการโปรด ในหน้ามัลติทาสกิ้ง และยังเชื่อมโยงประวัติการใช้งานกับทุกอุปกรณ์ iDevice ที่เรามีอยู่ ไม่ว่าจะใช้งานบน iPhone แล้วไปใช้ต่อบน iPad ก็อัพเดทล่าสุดถึงกัน

ios8-ip5-ip6-04

 

4. ส่งคลิปเสียงหรือคลิปวิดีโอผ่าน SMS

ios8-ip5-ip6-10

สำหรับการส่งข้อความ SMS มันจะไม่ธรรมดาอีกต่อไป เพราะ Apple พัฒนาให้มันสามารถส่งแนบคลิปเสียงไปยังผู้รับได้อีกด้วย เมื่อจะฟังข้อความก็แค่ยกเครื่องแนบหูก็จะได้ยินคลิปเสียงทันที หรือแม้แต่วิดีโอก็สามารถถ่ายแล้วส่งคลิปวิดีโอแนบไปได้ทันที และเอาใจขาแชทด้วยการส่งข้อความเป็นกลุ่มได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถแนบพิกัดเพื่อแชร์ตำแหน่งไปให้เพื่อนๆ และยังเพิ่มความสามารถในการแนบรูปหรือวิดีโอได้ทีละหลายรูปในการส่งครั้งเดียว

 

5. ใช้ได้กับ Apple Watch พร้อมแอพ Health

ios8-ip5-ip6-09
สำหรับคนรักสุขภาพ แอพ Health จะเป็นศูนย์รวมมอนิเตอร์สุขภาพของเรา โดยจะเก็บสถิติการออกกำลังกายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น อัตราการเต้นของหัวใจ, จำนวนก้าวเดิน, การเผาผลาญแคลอรี, ระดับน้ำตาลในเลือด หรือแคลอรี จากแอพฟิตเนส และอุปกรณ์ต่างๆ ยิ่งมี Apple Watch ที่กำลังจะเปิดตัวด้วย ก็รองรับการใช้งานร่วมกับ iPhone 5/5s/5c ด้วยเช่นกัน ส่วนบารอมิเตอร์ที่ใช้วัดความกดอากาศเวลาไปปีนเขา เดินป่า ที่มีเพิ่มขึ้นมาอีกแค่ 1 เซนเซอร์ บน iPhone 6/6 Plus นั้น ก็ไม่น่าจะจำเป็นอะไรมาก ลองถามตัวเองดูว่าปีๆ นึงเคยปีนเขาสักกี่ครั้ง

ios8-ip5-ip6-11

 

6. Handoff เชื่อมโยงกับทุกอุปกรณ์ของ Apple

ios8-ip5-ip6-06
สำหรับสาวก Apple ที่มีทั้ง iPhone, iPad, Mac (Yosemite) ครบสูตร จะสามารถเชื่อมโยงอุปกรณ์เข้าด้วยกัน ซึ่งจะทำให้การใช้งานที่ต่อเนื่องเป็นหนึ่งเดียว เช่นกำลังพิมพ์อีเมล์บน iPhone อยู่ เมื่อเปิดแอพอีเมล์บนเครื่อง Mac ก็จะมีอีเมล์ฉบับนั้นให้เขียนต่อได้ โดยทุกเครื่องจะผูกด้วยแอคเคาท์ iCloud เดียวกันนั่นเอง โดยฟีเจอร์นี้จะรองรับกับแอพ Safari, Pages, Numbers, Keynote, Maps, Messages, Reminders, Calendar และ Contacts

ios8-ip5-ip6-07

เท่านั้นยังไม่พอฟีเจอร์นี้ยังทำให้ iPad และเครื่อง Mac โทรออก และรับสายได้ โดยจะต้องเชื่อมต่อในเครือข่าย Wi-Fi เดียวกัน เมื่อสายเข้า แล้วเราเก็บ iPhone ไว้ในกระเป๋า แต่กำลังทำงานอยู่บนเครื่อง Mac ก็สามารถรับสายจากการแจ้งบนเครื่อง Mac ได้ทันที หรือจะใช้โทรออกก็ได้ เห็นมั้ยว่าชีวิตง่ายขึ้นเยอะ

 

7. ซื้อแอพ หนัง เพลง แล้วแบ่งปันได้ทั้งครอบครัว

ios8-ip5-ip6-08
กลยุทธนี้พี่ยอม เมื่อ Apple ใจป้ำ ยอมให้แบ่งปันแอพ หนัง เพลง อีบุ๊ก ให้คนสนิทในครอบครัวได้ฟรี คือซื้อคนเดียว สามารถแชร์ให้คนอื่นได้อีก 6 คน เท่านั้นยังไม่พอใครมีลูกมีหลานที่ยังไม่พร้อมมีบัตรเครดิต ก็สามารถอนุญาติให้ลูกหลานซื้อแอพผ่านแอคเคาท์ตัวเองได้ โดยที่เขาไม่ต้องมี Apple ID ที่สำคัญคือสามารถควบคุมการซื้อแอพได้ชัวร์ เพราะทุกครั้งที่ใครจะโหลด จะต้องผ่านการอนุมัติจากเราก่อนทุกครั้ง นอกจากนี้ก็ยังสามารถแชร์รูป แชร์พิกัด และปฏิทินนัดหมายร่วมกันได้

 

8. iCloud Drive เลิกพกทรัมไดร์ฟไปได้เลย

ios8-ip5-ip6-09
ใครใช้ Dropbox คงเข้าใจดีอยู่แล้ว เพราะ iCloud Drive ก็มีคุณสมบัติคล้ายๆ กันที่ให้เราเก็บไฟล์ต่างๆ เอาไว้บนคลาวด์ได้ นอกจากนี้ยังรองรับกับไฟล์ต่างๆ ได้มาขึ้น เช่น ไฟล์ PDF, Page, Numbers, Keynote, รูปภาพ, เพลง, วิดีโอ โดยทั้งหมดสามารถเข้าถึงได้จากทุกอุปกรณ์ ทั้ง iPhone, iPad, iPod Touch, Mac รวมถึง Windows 7 ขึ้นไป ดังนั้นไม่ว่าจะแก้ไขไฟล์ที่เครื่องไหน เราก็จะได้ไฟล์อัพเดทล่าสุดเหมือนกันหมด หรือหากมีใครแก้ไขเอกสารอยู่พร้อมกัน เราก็จะเห็นไปด้วย

 

อุปกรณ์ที่รองรับ iOS8
ios8-ip5-ip6-14

 

เห็นมั้ยล่ะครับว่าฟีเจอร์ไฮไลต์หลักๆ ของ iOS8 ก็สามารถใช้งานได้สมบูรณ์เท่ากับ iPhone 6/6plus ได้ไม่แพ้กันเลย ฉะนั้นลองคิดกันดูดีๆ ก่อนนะครับว่าคุณจำเป็นแค่ไหนในการใช้ฟีเจอร์ใหม่ที่มากกว่าเพียงเล็กน้อย กับเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มอีก 2 หมื่นกว่าบาท และที่สำคัญบางคนอาจจะยังผ่อน iPhone 5S ไม่หมดด้วยช้ำ ฉะนั้นจึงอยากจะย้ำให้ผู้ใช้ โดยเฉพาะน้องๆ หนูๆ นักเรียน นักศึกษา หรือแม้แต่คนทำงาน ให้ใช้สติก่อนใช้สตางค์กันนะครับ ด้วยความปรารถนาดี จาก Oopsmobile ที่อยากให้ทุกคนใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด โดยไม่ตกเป็นทาสของเทคโนโลยี…

 
 

เธอลืมไปรึเปล่า รักฉันเพราะอะไร… ชมคลิปกลืนน้ำลายตัวเอง ของ Apple iPhone 5 ในอดีต

i5tvad

 

เธอลือไปรึเปล่า รักฉันเพราะอะไร ลืมไปรึเปล่าชอบฉันที่ตรงไหน” ขอฮัมเพลงนี้ให้เลยกับโฆษณาของ iPhone 5 ที่เคยนั่งยัน นอนยัน มาตลอดว่าการมีหน้าจอขนาดเล็กมันดีที่สุดแล้ว เพราะสามารถควบคุมการใช้งานได้เบ็ดเสร็จในมือเดียว แต่วันนี้ Apple ยอมเสียศักดิ์ศรี ผิดคำพูดกับตัวเองที่เคยให้ไว้ แล้วยอมตามใจความต้องการของตลาดด้วยการ ขยายหน้าจอใน iPhone6 เป็น 4.7 นิ้ว และ iPhone 6 Plus เป็น 5.5 นิ้ว ซะงั้น

 

[youtube link=”http://youtu.be/O99m7lebirE” width=”590″ height=”315″]

 

อย่างไรก็ตามการยอมปรับเปลี่ยนครั้งนี้ ก็ไม่ได้มีอะไรเสียนอกไปจากคำว่า ศักดิ์ศรี แต่สิ่งที่ได้กลับมานั้น Apple  คงจะคิดดีแล้วว่าคุ้มค่ามากกว่า เพราะผลสำรวจจากผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็มีความต้องการใช้งานสมาร์ทโฟนที่จอใหญ่ขึ้น ทั้งใช้เล่นเกม เล่นโซเชียล เล่นอินเทอร์เน็ต หรือแม้แต่การดูหนัง ฟังเพลง ก็ใช้ชีวิตอยู่บนสมาร์ทโฟนตลอดเวลาจนกว่าจะเข้านอน ฉะนั้นจึงทำให้ตลาด Phablet มีการแข่งขันที่สนุกสนานยิ่งขึ้น โดยเฉพาะคู่แข่งฝั่งแอนดรอยด์ ที่น่าจะเห็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก เพื่อสู้กับ Apple ซึ่งส่งผลดีต่อผู้บริโภคที่จะมีตัวเลือกที่ดีที่สุดในราคาที่สมเหตุสมผล

 

Source : thenextweb

 

 

 

[Update ขั้นตอนการเคลม] คิวเปลี่ยนแบต iPhone 5 ยาวเป็นร้อย เบื้องต้นอะไหล่ยังไม่พร้อม ผู้ใช้จองคิวล่วงหน้าเป็นเดือน

 

[Update] ขั้นตอนการเคลมแบต iPhone 5

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (30 ส.ค. 57) ผมได้ลองเข้าไปติดต่อเคลมแบต iPhone 5 ตามโปรแกรมดังกล่าวของแอปเปิ้ล โดยใช้บริการที่ศูนย์ SMART BAR ณ ห้าง ไอที มอลล์ ฟอร์จูน ชั้น 3 ติดกับ iStudio by SPVI ฝั่งเดียวกับโลตัส

Clame-batt-iphone5-01

 

ผมไปถึงประมาณช่วงบ่าย 3 ก็จะมีเจ้าหน้าที่ค่อยรับ และกดบัตรคิวได้

Clame-batt-iphone5-03

 

เคาน์เตอร์บริการที่นี่มี ทั้งหมด 3 ช่องบริการ เมื่อถึงคิวจะมีเจ้าหน้าที่เรียก บรรายกาศก็คึกคักพอสมควร

Clame-batt-iphone5-02

 

รอคิวไม่นานก็ถึงตาของผม เจ้าหน้าที่ก็จะทำการเช็ค Serial Number อีกครั้ง แล้วแจ้งว่าเครื่องของเราอยู่ในข่ายเคลมแบตได้ฟรี พร้อมกับแจ้งเงื่อนไขดังนี้

1. หากเครื่องตรวจสอบภายในแล้วพบว่า มีการเปลี่ยนแบตมาก่อนหน้านี้ที่ไม่ใช่ของ Apple จะไม่สามารถเคลมแบตได้ฟรี คือหมดสิทธิ์นั่นเอง

2. เมื่อเปลี่ยนแบตไปแล้วจะได้รับการประกันเฉพาะแบต ไม่รวมถึงตัวเครื่องที่อาจจะหมดประกันไปแล้ว

 

ส่วนการซ่อมตอนนี้ยังไม่มีอะไหล่ จะต้องรอเจ้าหน้าที่โทรไปแจ้ง ให้เข้ามาเปลี่ยนแบต ใช้เวลาไม่เกิน 2 อาทิตย์ (หลังจากวันที่ทำเรื่อง) และใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง ในการรอรับเครื่องกลับได้เลย เสร็จแล้วก็จะมีเอกสารใบรับซ่อม สำเนาให้เราเก็บไว้ 1 ฉบับ

Clame-batt-iphone5-05

 

ระหว่างรอผมก็พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ไปเรื่อยๆ เค้าเล่าให้ฟังว่า วันแรกรับเรื่องไว้แล้วกว่า 300 ราย ส่วนวันนี้ (คือวันที่ 30 ส.ค.) รับเรื่องมาแล้ว 100 กว่าราย ซึ่งเจ้าหน้าที่รับเรื่อง ก็เป็นช่างด้วยนะครับ เรียกว่าต้องเกณฑ์กันออกมารับลูกค้าเองด้วย

 

สำหรับการรับบริการจากที่นี่ ผมว่าค่อนข้างบริการดี ให้รายละเอียดลูกค้าครบถ้วน หน้าไม่งอ รอไม่นาน

 

หลังจากนี้ก็นับวันรอเจ้าหน้าที่โทรแจ้ง แล้วจะมารายงานความคืบหน้าให้ทราบอีกครั้งนะครับ

 

shapeimage_2

[ความเดิม] วันนี้ถือเป็นวันแรก (29 ส.ค. 57) สำหรับเมืองไทยในโปรแกรม iPhone 5 Battery Replacement Program หรือบริการเปลี่ยนแบตล็อตที่เสื่อมไวให้กับผู้ใช้ iPhone 5 โดยล่าสุดมีผู้ใช้แห่ไปรับบริการที่ศูนย์ Macintosh Center สาขาสยามดิสคัฟเวอรี่ เป็นจำนวนมาก แต่กลับเจอป้ายแปะว่าที่สาขานี้ยังไม่สามารถให้บริการได้ ให้ติดต่อที่สาขาอื่นก่อน ซะงั้น ทำเอาผู้ใช้ต่างอารมณ์เสียไปตามๆ กัน ตามรายงานในเว็บไซต์ ผู้จัดการ

 

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ผมเลยลองโทรไปสอบถามที่ศูนย์ฟอร์จูน ตามเบอร์ที่แปะไว้คือ ศูนย์แมคอินทอชเซ็นเตอร์ สาขา ฟอร์จูน 02-642-0400 ถึง 1 ปรากฎว่าเบอร์แรกไม่มีเจ้าหน้าที่รับสายเลยครับ ส่วนอีกเบอร์สายไม่ว่างเลย สงสัยว่าจะโดนกระหน่ำอยู่

 

ผมก็เลยลองโทรไปสอบถามยังศูนย์อื่นๆ ดู คือ ISERVE AMARIN PLAZA 02-652-2324 ถึง 7 ปรากฎว่ามีเจ้าหน้าที่รับสาย เลยสอบถามเรื่องเงื่อนไขการเคลมแบต เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ต้องเข้ามาจองคิวที่ศูนย์บริการไว้ก่อน แล้วเมื่อมีแบตมา ก็จะโทรไปแจ้งให้นำเครื่องเข้ามาเปลี่ยน ณ ตอนนี้น่าจะรอเป็นเดือนกว่าของจะมา ผมก็ถามต่อว่าใช้เวลาเปลี่ยนนานมั้ย เธอตอบว่าต้องรอรับเครื่องประมาณ 1 วัน เนื่องจากต้องใช้เวลาเปลี่ยนแบตในแต่ละเครื่องพอสมควร วันหนึ่งเปลี่ยนได้ประมาณ 15 เครื่องต่อวัน

 

ส่วนอีกศูนย์หนึ่ง ที่ลองโทรไปคือ SMART BAR IT MALL FORTUNE 02-642-0827 ถึง 9 ต่อ 11-14 เจ้าหน้าที่แจ้งเหมือนกันว่าจะต้องรอคิวนาน อาจจะเป็นเดือน ซึ่งตอนนี้มีลูกค้าลงทะเบียนจองคิวซ่อมมาเป็น 100 แล้ว โดยทางศูนย์ก็กำลังรอแบตจากทางแอปเปิ้ลให้ส่งมา และเมื่อมีแบตเข้ามาก็จะโทรแจ้งให้ลูกค้าเข้ามาเปลี่ยน โดยใช้เวลาเปลี่ยนประมาณ 1 ชั่วโมง ก็รอรับได้เลย อันนี้ดูจะบริการเร็วกว่าศูนย์ที่อัมรินทร์นะครับ

 

จากการโทรสอบถามก็ได้ข้อสรุปอย่างหนึ่งว่า การเปลี่ยนแบต iPhone 5 ครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนเครื่องให้ใหม่ เหมือนที่หลายคนคาดหวังไว้ แต่เป็นการแกะเครื่องเพื่อเปลี่ยนแบตตัวใหม่เข้าไปแทนนะครับ

 

 

 

อาร์ทีบีฯ จับมือ iStudio เผยโฉม URBEATS SE หูฟัง In-ear รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น ที่ออกแบบมาเพื่อสาวก iPhone 5/5S โดยเฉพาะ!!!

Pic_UrBeats Limited Edition_02

 
บริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด เผยโฉม “URBEATS SE” (ยัวร์-บีทส์ – สเปเชียล อิดิชั่น) หูฟัง In-ear Beats by Dr.Dre รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น คอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อสาวก iPhone 5S โดยเฉพาะ ทำให้คุณดูหรูหราอย่างมีสไตล์ ด้วย 3 สี 3 สไตล์ ได้แก่ สีขาวทอง , สีขาวเงิน และ สีดำตัดกับสีเทา ที่มีความกลมกลืน และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับ iPhone 5/5s โดยมีจำหน่ายในไทยเพียงเสียงละ 400 เครื่องเท่านั้น และยังคงเอกลักษณ์ฉพาะตัวด้วยเสียงเบสที่ชัดเจน ให้เสียงคมชัด มีมิติ ที่จะช่วยให้การฟังเพลงของคุณได้อรรถรสมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญมาพร้อมกับ BUILT-IN Microphone ที่ให้คุณสามารถใช้งานเป็นโทรศัพท์ได้อย่างง่ายดาย สามารถตัดเสียงรบกวนรอบข้างขณะสนทนา ไร้เสียงรบกวนและไม่พึงประสงค์จากภายนอกได้เป็นอย่างดี สามารถใช้ควบคุมชัตเตอร์ของกล้องถ่ายรูปบน iPhone รวมถึงสามารถใช้ควบคุมเพลง เพิ่ม-ลดเสียง รับสาย-วางสายสนทนา หยุดเพลง หรือต้องการข้ามไปเพลงถัดไปก็สามารถทำได้เช่นกัน ตัวหูฟังผลิตจาก Solid Metal ที่มีความแข็งแรงและทนทาน อีกทั้งยังถูกออกแบบมาอย่างมีสไตล์ด้วยสายแบน เพื่อป้องกันสายพันกัน ตัวหูฟังทำจากโลหะเพียงชิ้นเดียว มาพร้อมจุกยาง ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ให้เลือกตามขนาดหูของแต่ละคน มีซองใส่สำหรับการพกพาที่สะดวกมากยิ่งขึ้น ตัวสายยาวสูงสุด 22.3 มิลลิเมตร ทำให้ไม่หักงอ สามารถม้วนได้โดยไม่พันกัน เพราะผลิตจากยางที่มีคุณภาพเพื่อให้สวมใส่ได้อย่างสบาย

 
พบกับ “URBEATS SE” (ยัวร์-บีทส์ – สเปเชียล อิดิชั่น) หูฟัง In-ear Beats by Dr.Dre รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น ได้แล้ววันนี้ที่ iStudio by Com7 , iBeat by Com7 , iStudio by Copperwired , iStudio by SPVi , iStudio by Uficon และ iBeat by Copperwired เท่านั้น ในราคา 4,400 บาท สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.rtbtechnology.com

 

AIS จัดโปรหลังปีใหม่ ลดสูงสุด 30% ทั้ง iPhone 5, iPad 4, iPad mini

ais-pro-30-01

 

เอไอเอส จัดโปรโมชั่นแรงอีกระลอก ลดสูงสุดถึง 30% ให้ลูกค้า AIS ช้อปกันแบบกระจ่ายหลังปีใหม่ เฉพาะที่เว็บไซต์ฺ AIS Shop Online เท่านั้น โดย iPhone 5 ลดสูงสุด เหลิือเพียง 17,185 บ. (ราคาผูกแพ็กเกจ) ส่วน iPad 4 ราคาเริ่มต้นที่ 13,090 บ. โดยเป็นเครื่องเปล่าที่ไม่ผูกสัญญากับแพ็กเกจใดๆ อีกด้วย และ iPad mini เหลือเพียงรุ่น 32 GB ราคา 12,530 บาท ใครเป็นลูกค้า AIS ก็รีบเข้าไปช้อปด่วน ของมีจำนวนจำกัดนะครับ

 

ais-pro-30-02

 

Source : AIS Shop Online

 

[Video] Apple ปล่อย iOS 7.1 beta ออกมาแว้ว… มีไรใหม่บ้างอ่ะ

ios-7.1

แอปเปิลปล่อย iOS 7.1 beta ให้นักพัฒนาได้ดาวน์โหลดได้แล้ว ซึ่งรองรับการอุปกรณ์ iOS ทั้งหลายไม่่ว่าจะเป็น iPhone 5s, iPhone 5c, iPhone 5, iPhone 4S, iPhone 4, iPad Air, iPads 3, iPad 4, iPad 2, iPad mini with Retina display, iPad mini and iPod touch 5 gen โดยงานนี้มีการปรับปรุงและแก้ไขบั๊กส์ในส่วนของการตั้งค่าและฟีเจอร์ต่างๆ หลายอย่างดังนี้

• เปลี่ยนขนาดฟอนต์ให้หนาขึ้นโดยไม่ต้องรีสตาร์ท

• กล้องเพิ่มโหมด HDR Auto จากเป็นปุ่ม On/Off

• ถ่ายภาพด้วย Burst Mode แล้วตั้งให้อัพโหลดขึ้น Photo Stream ได้ (เฉพาะ iPhone 5s)

• โลโก้ใหม่ของ Yahoo ในแอพ Weather

• มีคีย์บอร์ดสีดำให้เลือกเพิ่มขึ้นมา

• ปรับปรุงเอฟเฟ็กเวลาขยุ่มหน้าจอบน iPad

• ปรับปรุง Touch ID บน iPhone 5S

 
สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป คาดว่าจะได้รับการอัพเดทในอีก 2 สัปดาห์

 

[youtube link=”http://www.youtube.com/watch?v=w8rHk8Ae41k” width=”590″ height=”315″]

 

Source : BGR, iupdateos

 

คลิปเทียบความเร็ว iPhone 5s 5c กับรุ่นเก่าก่อนทุกรุ่นยัน 2G

[youtube link=”http://youtu.be/8eSrdgTHhK0″ width=”590″ height=”315″]

 

EverythingApplePro ปล่อยคลิปวิดีโอ เปรียบเทียบสปีดความเร็วของ iPhone ทุกรุ่น ตั้งแต่ iPhone 5s, iPhone 5c, iPhone 5, iPhone 4s, iPhone 4, iPhone 3GS, iPhone 3G, iPhone 2G เอาให้มันรู้ไปเลยสินะว่า ใครแรงเร็วกว่าใคร ที่ฮา…คือต้องใช้มือในการทดสอบปิดเครื่องพร้อมกันถึง 8 มือ เลยทีเดียว โดยคุณต้องแปลกใจกับผลการทดลองนี้เพราะ iPhone 3GS สามารถปิดเครื่องดับสนิทได้เร็วที่สุด ถัดมาเป็น iPhone 3G, 4 และ 2G ตามลำดับ ดังนั้นสังเกตได้ว่า iOS6 จะ Shut down หรือปิดเครื่องได้เร็วกว่า iOS7 อยู่พอสมควร

 

ส่วนการเปิดเครื่อง แน่นอนว่าจะต้องเป็น iPhone 5s ที่บูตเครื่องได้เสร็จก่อน รองลงมาคือ iPhone 5c, 5 และ 4s ซึ่งทั้งหมดนี้รันบน iOS7 ส่วน ลำดับถัดมาจะเป็น iPhone 2G, 3GS, 4 (ios7), 3G เป็นลำดับสุดท้าย โดยทั้งหมดรันบน iOS 6 ยกเว้น iPhone 4 ตัวเดียวที่รันบน iOS7 ซึ่งได้ลำดับรองสุดท้าย

 

นอกจากนี้ยังมีทดสอบการเข้าเว็บไซต์ ในช่วงท้ายให้ดูอีกด้วย ว่าใครจะเร็วกว่ากัน

 

Source : EverythingApplePro

เช็ครุ่นก่อนอัพเดท iOS7 ฟีเจอร์ใหม่รุ่นไหนพลาดไปบ้าง

อีกไม่กี่ชั่วโมงแล้วที่ชาวสาวก iDevice จะได้อัพเป็น iOS 7 ตามที่แอปเปิ้ลได้ประกาศไว้ว่าวันที่ 18 ก.ย. นี้ จะปล่อย iOS 7 ให้อัพเดทอย่างเป็นทางการ โดยอุปกรณ์ที่รองรับจะมีดังนี้

17-9-2556 17-38-17

??iPhone 4

??iPhone 4s

??iPhone 5

??iPhone 5c

??iPhone 5s

??iPod touch 16 GB (5th Gen)

??iPod touch 32 GB/64GB (5th Gen)

??iPad 2

??iPad with Retina display

??iPad mini

 

ส่วนฟีเจอร์ใหม่ ที่ออกมานั้นอาจจะมีบางรุ่นไม่สามารถรองรับบางฟีเจอร์ อย่าง iPhone 4, iPhone 4S และ iPad ตั้งแต่ Generation 2 ขึ้นไป โดยฟีเจอร์ในแต่ละรุ่นที่ไม่รองรับมีดังนี้

 

iPhone 4 : ไม่รองรับฟีเจอร์เหล่านี้ Panorama, Filters ในแอพ Camera, AirDrop

iPhone 4s?:?ไม่รองรับฟีเจอร์เหล่านี้ Filters ในแอพ Camera, AirDrop

iPad 2 :?ไม่รองรับฟีเจอร์เหล่านี้ Panorama, Filters ในแอพ Camera, AirDrop

iPad with Retina Display :?ไม่รองรับฟีเจอร์เหล่านี้ Panorama, Filters ในแอพ Camera, AirDrop (เฉพาะ 4th Gen)

iPad mini :?ไม่รองรับฟีเจอร์เหล่านี้ Panorama, Filters ในแอพ Camera

 

ดูภาพอธิบายฟีเจอร์ใหม่ที่รองรับกับอุปกรณ์รุ่นต่างๆ ขอบคุณภาพจาก www.theapplelounge.com (หมายเหตุ : ตรง iTunes Radio ตอนนี้รองรับในประเทศไทยแล้ว)

xvfkAzI

 

 

ดาวน์โหลด Wallpaper งาน Apple event สำหรับ iPhone, iPad, iPad mini

Screenshot-640x1131
หลังจากที่มีหมายเชิญสีสันสดใสของงานเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ออกมา ก็ได้มีการปล่อยภาพ Wallpaper จากดีไซน์เนอร์ที่ชื่อ Thientam Bach ซึ่งจากแหล่งข่าวไม่ได้ระบุว่าเป็นดีไซน์เนอร์จากสังกัดใด ได้ปล่อยภาพให้ดาวน์โหลดไปใช้กัน ทั้ง iPhone 5, iPhone 4S/4, iPhone 3GS, iPad mini และ iPad Retina

ใครไม่อยากตกแทรนด์ โหลดกันได้ตามลิงค์นี้เลยครับ

http://dribbble.com/shots/1221048-Apple-s-September-10-Media-Event-Wallpaper

Source 😕cultofmac