[iOS] Line อัพเดทแล้ว เพิ่ม ร้านขาย Theme และลบข้อความได้แล้ว

มาซะที  Line ที่เพิ่มร้านขาย Theme สำหรับชาว iOS ที่ผ่านมา Line ได้ออกอัพเดทให้ชาว Andriod เพิ่มร้านขาย Theme และฟีเจอร์ใหม่ๆอีกมากมาย ล่าสุด Line ได้ออกอัพเดทให้ชาว iOS วันนี้นี่เอง มาดูรายละเอียดกันเลยว่าเพิ่มอะไรเข้ามาบ้าง?
 
 

• Theme Shop 

line1

 
 

จะมี Theme ให้เราซื้ออยู่ 2 Theme ในตอนนี้ คือ Leonard  กับ Sally ราคา $2.99 ถือว่าแพงนิดนึงนะ

line2


 
 

• Edit Message

line3

 
 

จะเห็นว่ามี 3 อัน คือ Delete Messages, Forward, Save to Notes ทดลองแตะที่ Delete Messages ดู จะมีช่องให้เราติ๊กที่หน้าข้อความแต่ละข้อความว่าเราจะลบอันไหน เมื่อเลือกได้แล้วก็กด Delete

line4-5

 
 

ลองแตะที่ Forward ดู จะมีช่องให้เราติ๊กหน้าข้อความที่เราจะ Forward เสร็จแล้วกด Forward  จะเข้าไปที่หน้า Friends ให้เราเลือกคนที่เราจะ Forward ข้อความไปหา เลือกได้แล้ว จะมีข้อความขึ้นมาว่าเราจะ Forword ข้อความนี้ไปหาคนนี้ใช่มั้ย? แตะ OK 

line678

 
 

ลองแตะที่ Save to Notes ดูบ้าง ก็วิธีคล้ายกันเลือกติ๊กที่ข้อความที่เราจะ Save เสร็จแล้วกดที่ Notes>แตะที่ Done เสร็จเรียบร้อย

line8910


 
 

• เพิ่มเสียงเตือนใหม่ 2 เสียง

line12


 
 

• เพิ่มฟีเจอร์ย้อนกลับไปหน้าก่อนหน้านี้ เวลาที่เราเปิดหน้าใดหน้าหนึ่งไว้ ถ้าอยากย้อนกลับไปหน้าก่อนหน้านี้ ใช้นิ้วลากจากซ้ายสุดของหน้าจอจนสุด

line13


 
 

• เปลี่ยนให้สติกเกอร์ที่เราซื้อมาหรือโหลดมาอันล่าสุดมาอยู่หน้าสุด (จากของเดิมจะไล่จากเก่าไปใหม่)

line14

 
 

นอกจากนั้นยังปรับปรุงเสียง Voice Calls ให้ฟังชัดขึ้น และแก้บั๊กบางส่วนเพิ่มเติม

 
 

โอเค ที่เพิ่มมามีเท่านี้ อัพเดทกันได้เลย

ปัญหายอดฮิตที่เจอบน iOS7

ios-fix-problem

จากประสบการณ์ที่มีผู้ใช้ไอโฟนหลายคนถามมา ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดจากฟังก์ชั่นใหม่ๆหลายฟังก์ชั่นของ iOS 7 ที่ทำเอาคนที่เคยใช้ไอโฟนเงิบกันเป็นแถว มาเริ่มจากปัญหาใหญ่สุดเลยดีกว่า

 

1. ปัญหา Activate เครื่องไม่ได้

10 find_activation_lock

ทำไมล่ะ? แต่ก่อนไม่เห็นมีปัญหาเลย ทำไมพอใช้ iOS 7 แล้วเจอแบบนี้ สมมติว่าเราอยากจะล้างเครื่องหรือ restore ไอโฟนของเรา แล้วมาติดตรงว่าเครื่อง Activate  เข้าใช้งานไม่ได้  ต้องบอกก่อนค่ะว่า iOS 7 ได้เพิ่มฟังก์ชั่นนี้เข้ามา คือ Activation Lock เพื่อป้องกันการถูกขโมยลักพาตัวไอโฟนของเราไป ถ้าเค้าไม่รู้รหัสผ่าน iCloud ID หรือ Apple ID ของเจ้าของเครื่อง เค้าจะใช้งานเครื่องไม่ได้ค่ะ ต่อให้ restore แล้ว restore อีก มันก็จะติดด่านตรวจซึ่งก็คือ Activation Lock นี่แหละค่ะ

 

แต่ถ้าบังเอิญเป็นเจ้าของเครื่องเอง แต่ Apple ID ไม่ใช่ของตัวเอง หรือบางคนใช้ Apple ID ของร้านตู้ที่รับลงแอพพลิเคชั่น งานเข้าทันทีค่ะ

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ตั้งแต่นี้ต่อไป เราอยู่ในยุค iOS 7 ที่ไม่สามารถดาว์นเกรดไปเวอร์ชั่นเก่าได้อีกต่อไปแล้ว ทุกคนที่ใช้ไอโฟนต้องมี Apple ID เป็นของตัวเองค่ะ จำเป็นมากๆ

 

แล้วในกรณีที่ลืมรหัสผ่านล่ะ? อันนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ตรงหน้า Activate เครื่องจะมีลิงค์ Forgot Apple ID or Password ?ให้เรากดเข้าไปรีเซตรหัสผ่านใหม่ได้ค่ะ

2014-01-16_17-39-03

แล้วถ้าเราจะขายไอโฟนให้คนอื่น เราจะจัดการยังไงกับเจ้า Activation Lock ไม่ยาก แต่ย้ำ! ว่าเราต้องไม่ลืม Apple ID และรหัสผ่านของเราที่ใช้งานอยู่

ซึ่งก่อนจะขายเครื่อง เราจะต้องลบแอคเคาท์ของตัวเองออกไปก่อน โดยไปที่ Settings > iCloud  แล้วแตะ Delete Account

2014-01-16_17-49-05

 

เครื่องจะถามว่า  Keep on My iPhone หรือ Delete from My iPhone กรณีขายเครื่องกด Delete from my iPhone เพื่อลบข้อมูลทั้งหมดออกจากตัวเครื่องด้วย

2014-01-16_19-44-07

 

หลังจากนั้นจะมีข้อความเด้งให้เราใส่รหัสผ่าน  Apple ID แล้วแตะปุ่ม Turn Off เพื่อปิด Find my iPhone ก่อนจะลบ

2014-01-16_19-39-01

แล้วเครื่องก็จะลบ Apple ID อันนี้ไป เอาไปขายต่อได้เลย เพราะ Activation Lock จะไม่ทำงานถ้าในตัวเครื่องไม่มี Apple ID อยู่

 

2. ปัญหา restore  เครื่องไม่ได้

จะ restore เครื่องซะหน่อยก็ถูกสั่งให้ปิด Find my iPhone ก่อน

Screen Shot 2557-01-16 at 1.34.42 PM

 

จริงๆ  iOS 7 ไม่ได้เรื่องมากแบบไร้เหตุผลนะคะะ แต่เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ถ้ามีคนหยิบไอโฟนเราไปแล้วเค้าจะปิด Find my iPhone ไม่ให้เราตามเครื่องเจอ หรือจะล้างเครื่องหรือ restore เครื่องใหม่เอาไปใช้เอง เค้าจะติดขั้นตอนนี้ค่ะ คือก่อนจะ restore  เครื่องได้ต้องปิด Find my iPhone ซึ่งก่อนจะปิดต้องใส่รหัสผ่าน ของ Apple ID หรือ iCloud ID ของเรานี่แหละค่ะ (จริงๆ  Apple ID กับ iCloud ID อาจเป็นคนละอันแล้วตามที่เราสมัครไว้)  และก็เหมือนกับกรณีของ Activation Lock ถ้าเครื่องเป็นของเรา เราต้องมี Apple ID ของเราเองค่ะ

 

วิธีปิด Find my iPhone เข้าไปที่ Settings > iCloud > Find my iPhone จากที่เห็นคือยังเป็น ON อยู่ สีเขียวๆ ให้แตะเพื่อจะปิด

2014-01-16_18-02-42

 

จากนั้นจะมีข้อความเด้งให้กรอกรหัสผ่านแล้วแตะปุ่ม Turn Off

2014-01-16_19-39-01

 

3. ปัญหา Application บางตัวเด้ง

อันนี้สาเหตุมาจากแอพบางตัวยังไม่รองรับ iOS 7 ค่ะ คงต้องรอนักพัฒนาแก้ไขกันไป ซึ่ง Apple  ได้ประกาศกับนักพัฒนาแล้วว่าภายในมีนาคมปีนี้ แอพพลิเคชั่นทุกตัวที่สร้างออกมาต้องรองรับ iOS 7 ได้ ก็รอไปก่อนอีกสองเดือนค่ะ

 

4. ปัญหาเสียบสายชาร์จ iPhone 5s แล้วไฟไม่เข้า

Lightning-to-usb-cable-shop

ถ้าไฟไม่เข้าแปลว่าสายปลอมค่ะ ทางแก้ ให้ซื้อสายชาร์จของแท้ดีกว่าค่ะ หรือไม่ก็สายที่ได้รับการ Certificate จาก Apple ว่าผ่านมาตรฐาน

 

5. ปัญหา Application บางตัวไม่ Auto Update

ใน iOS 7 ได้เพิ่มฟังก์ชั่น Auto Update ให้กับ Application โดยที่เราไม่ต้องคอยไล่กด Update ทีละตัวเหมือนเมื่อก่อน มาดูวิธีตั้งค่ากันก่อน

เข้าไปที่  Settings > iTunes & App Store แล้วเลื่อนลงมาตรงส่วนของ AUTOMATIC DOWNLOADS จากนั้นให้แตะ Updates ให้เป็น ON

2014-01-16_19-04-53

แต่ปัญหามันมีอยู่ว่าแอพพลิเคชั่นบางตัวไม่ Auto Update ทั้งๆ ที่เราก็ตั้งค่าแล้ว สาเหตุมาจาก แอพพลิเคชั่นเหล่านั้นใช้ Apple ID ในการดาว์นโหลดคนละ ID กับ Apple ID ที่เราใส่ไว้ในเครื่อง วิธีแก้คือลบแอพพลิเคชั่นเหล่านั้นออก แล้วโหลดใหม่ด้วย Apple ID ที่อยู่ในตัวเครื่อง ทีนี้ก็ Auto Update ได้ปกติแล้ว

 

6. ปัญหาของ iPhone 4 ที่ใช้ iOS 7  แล้วเครื่องช้า

ทาง Apple ได้รู้ปัญหานี้ของผู้ใช้ iPhone 4 จึงปล่อยเฟิร์มแวร์เวอร์ชั่น iOS 7.0.3 มาให้อัพเดท เพื่อแก้ปัญหาเครื่องช้าด้วยการปิดโหมด Reduce Motion โดยเข้าไปตั้งค่าตามนี้

Settings > General > Accessibility > Reduce Motion ตั้งเป็น OFF

2014-01-16_19-12-12

2014-01-16_19-33-01

 

ใครพบปัญหาเหล่านี้หรือมีเพิ่มเติมจากนี้ ก็คอมเมนท์กันเข้ามาได้ค่ะ เดี๋ยวเราจัดให้

 

วิธีตั้งค่า Touch ID สแกนลายนิ้วมือ บน iPhone 5s หรือจะใช้อวัยวะอื่นสแกนก็ได้นะ คิคิ

smart_hero_mba_11

หลังจากที่ iPhone 5s ได้เริ่มวางจำหน่ายในวันแรก แน่นอนว่าสิ่งที่หลายคนต้องลองคือระบบ Touch ID หรือการสแกนลายนิ้วมือบนปุ่ม Home แต่นั่นก็คงธรรมดาไปสำหรับเหล่าสาวกเกรียนๆ จึงได้มีการลองใช้อวัยวะอื่นเพื่อสแกนปลดล็อค ไม่ว่าจะเป็น จมูก, นิ้วเท้า, หัวนม (อะเอิ่ม), เท้าแมว, และที่แรงส์…กว่านั้นคือ “ปิ๊กะจู้” ของท่านชายก็ใช้ปลดล็อคได้อีกด้วย เรียกว่าเกรียนได้โล่ห์กันแบบสุดๆ ใครที่คิดว่าจะเกรียนกว่านี้ได้อีกก็ลองดูนะครับ 555…

 

สแกนปลดล็อคด้วย “หัวนม”

[youtube link=”http://www.youtube.com/watch?v=4bG6cjaMZx0″ width=”590″ height=”315″]

 

สแกนปลดล็อคด้วย “เท้าแมว”

[youtube link=”http://www.youtube.com/watch?v=muLWtGkKgKI” width=”590″ height=”315″]

 

สแกนปลดล็อคด้วย “ปลายจมูก”

[youtube link=”http://youtu.be/G1H2dyXz7HE” width=”590″ height=”315″]

 

ทวีตยืนยันการสแกนปลดล็อคด้วย “ปิ๊กะจู้”

touch-id-penis

 

Roxor McPwnage (@gruesgripes) ได้ทวีตข้อความว่า ยืนยัน : คุณสามารถเพิ่ม “ปิ๊กะจู้” ของคุณเพื่อใช้ในการปลดล็อค iPhone 5S. ซึ่งมันสามารถใช้งา่นได้จริง

 

เอาล่ะครับถึงแม้ว่า oopsmobile จะได้ iPhone 5s ตัวเป็นๆ มาอยู่ในมือแล้ว แต่ผมก็ยังไม่กล้าลองที่จะใช้อวัยวะอื่นนอกจากนิ้วมือในการทดลองตั้งค่า Touch ID กลัวว่าเวลาใช้งา่นจริงอาจจะไม่สามารถปลดล็อคในที่สาธารณะได้นะครับ อิอิ…

 

วิธีตั้งค่า Touch ID

หลังจากฮา…กับการทดสอบแบบเกรียนๆ ของ Touch ID กันไปแล้ว ทีนี้มาดูในส่วนของการตั้งค่าใช้งานจริงๆ กันเลยดีกว่า โดยจะต้องแตะเข้าไปที่ไอคอน Settings>General>Passcode & Finger Print

Setup_touch_ID_01

Setup_touch_ID_02

 

แตะ Turn Passcode On แล้วตั้งรหัสผ่าน 4 หลัก ให้เหมือนกัน 2 ครั้งเพื่อยืนยัน

Setup_touch_ID_03

Setup_touch_ID_04

 

จากนั้นที่คำสั่ง Fingerprints จะแอกทีฟขึ้นมา ให้แตะเข้าไป

Setup_touch_ID_05

 

แตะที่ Add fingerprint…

Setup_touch_ID_06

 

จะเข้าสู่หน้า Set Up ?Fingerprints

Setup_touch_ID_07

 

ให้วางนิ้วลงบนปุ่ม Home จนเครื่องสั่น ให้ยกนิ้วออก แล้ววางนิ้วลงใหม่อีกครั้งจนเครื่องสั่น ทำแบบนี้จนกว่าลายเส้นสีแดงบนลายนิ้วมือจะขึ้นครบ

Setup_touch_ID_08

Setup_touch_ID_09

 

ถัดมาจะเป็นการเก็บลายนิ้วมือส่วนขอบ ให้ใช้ขอบนิ้วแตะบนปุ่ม Home โดยเอียงไปรอบด้านจนครบ เช่นเดียวกัน

Setup_touch_ID_10

Setup_touch_ID_11

 

เมื่อครบแล้วจะขึ้นหน้าจอ Success ให้แตะ Continue

Setup_touch_ID_12

 

ระบบจะเปิดใช้งา่นในการปลดล็อคหน้าจอ (Passcode Unlock) กับการใช้ลายนิ้วมือแทนรหัสผ่านในการดาวน์โหลดแอพหรือซื้อเพลงบน iTunes (iTunes & App Store) ให้โดยอัตโนมัติ กดปุ่ม Home เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

Setup_touch_ID_13

 

 

สำหรับการปลดล็อคครั้งแรกระบบจะให้ป้อนรหัสผ่านเข้าไปก่อน เพื่อรีเซ็ตให้เป็นเข้าสู่การสแกนลายนิ้วมือด้วย Touch ID ในครั้งถัดไป

Setup_touch_ID_14

 

Apple ปล่อย iOS7 Beta 6 แล้ว คาดว่าคงปล่อยตัวเต็ม 5 ก.ย. นี้

Photo 16-8-56 10 02 33
มาแ้ล้วววว iOS7 Beta 6 สำหรับนักพัฒนา ปล่อยให้อัพเดทผ่าน OTA ได้แล้ว โดยมีระยะห่างจาก Beta 5 แค่อาทิตย์กว่าๆ (จากวันที่ 7 สิงหาคม) โดยมีข้อความแจ้งว่าได้ทำการแก้ไข Bug เพิ่มเติมเพียงแค่นั้น โดยมีขนาดไฟล์อยู่ที่ 13.5 MB ฉะนั้นคาดว่าอีกไม่นานคงจะได้ปล่อยตัว Gold Master ซึ่งถือเป็นเวอร์ชั่น Beta ตัวสุดท้ายก่อนที่จะปล่อยเวอร์ชั่นจริงอย่างเป็นทางกา่ร

นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์เอาไว้ว่าจะมีการปล่อยตัวจริงในวันที่ 5 ก.ย. ก่อนงานเปิดตัว iPhone 5S และ iPhone 5C ในวันที่ 10 ก.ย. ตามข่าวลือก่อนหน้านี้

Source : bgr

ฟีเจอร์ไหนที่ iOS 7 ก๊อปปี้เค้ามาบ้าง แซวขำๆ

hero

คงมีหลายบล็อกที่รีิวิวฟีเจอร์ใหม่ของ iOS 7 ออกมากันเต็มไปหมดแล้ว ฉะนั้นเราจึงไม่อยากจะนำเสนอข้อมูลดังกล่าวซ้ำอีก เพราะยังไงๆ ก็คงเป็นข้อมูลที่เหมือนๆ กัน เนื่องจากได้มาจากแหล่งข่าวเดียวกัน ดังนั้นวันนี้เราจะมานั่งจับผิดกันดีกว่า ว่ามีฟีเจอร์ไหนบ้างที่ iOS 7 ก็อปปี้แอนด์เดเวล็อปเขามาบ้าง อิอิอิ

Control Center <เหมือน> Quick Bar บน Android

images_1370893951iOS-7-01?quickbar

Quick Bar บน Galaxy S4

เปิดประเด็นแรกกันที่แถบควบคุมลัดหรือ Control Center ที่เพียงลากนิ้วบนหน้าจอจากล่างขึ้นบน ก็จะเปิดแถบนี้ขึ้นมา โดยจะมีปุ่มช็อตคัทต่างๆ เช่น เิปิด-ปิด WiFi, Bluetooth, Flight Mode, ไฟฉาย, นาฬิกาปลุก, เครื่องคิดเลข เป็นต้น ซึ่งเหมือนกับแถบควบคุมในหน้า Notifications บน Android 4.2 อย่างใน Galaxy S4 ที่จะมีแถบ Quick Bar ให้แตะเลือกเปิด-ปิดใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ แถมยังเพิ่มปุ่มควบคุมที่รองรับได้ตามต้องการอีกด้วย และที่สำคัญมันมีรองรับมาตั้งแต่รุ่น Galaxy S3, Note 2 แล้วนะจ๊ะ

 

Multitasking พรีวิวได้ <เหมือน> Windows Phone 8?
images_1370894662iOS-7-03??261753-microsoft-windows-phone-7-mango-multitasking

Multitasking บน Windows Phone 8

ถัดมาเป็นส่วนของการพรีวิวหน้าแอพที่รันค้างไว้แบบมัลติทาส์กกิ้ง ซึ่งจะแสดงหน้าแอพที่เปิดไว้ล่าสุดเอาไว้ด้วย จากเดิมที่เป็นเพียงแค่ไอคอน ซึ่งฟีเจอร์นี้ก็คงได้แรงบันดาลใจมาจากกิ๊กเก่าอย่าง Windows Phone 8 นั่นเอง แต่แอปเปิ้ลก็ขอพัฒนาต่อยอดให้เหนือกว่าด้วยความสามารถในการรีเฟรชข้อมูลให้อัตโนมัติอย่างเช่น Facebook ที่จะอัพเดทข่าวใหม่ที่เข้ามาล่าสุดให้ทันทีเมื่อเรียกสลับแอพขึ้นมาใช้งาน แต่ได้ข่าวว่าจะทำให้กินแบตมากยิ่งขึ้น

 

Camera ใส่ฟิลเตอร์ก่อนถ่ายและหลังถ่ายได้ <เหมือน> Android

camera_filter_process_still_screen

อยากจะตะโกนดังๆ ให้ไปถึงเฮียจ๊อบส์ที่อยู่บนสรวงสวรรค์ได้ยินเสียเหลือเกินว่าฟังก์ชั่นกล้องบน iPhone เนี่ย ล้าสมัยกว่าเค้าเสียทุกที อย่ามาใช้ข้ออ้างเรื่องคอนเซ็ปที่ต้องการให้ง่ายในการใช้งานอีกเลย เพราะถึงไงผู้ใช้ต้องหาแอพมาตกแต่งภาพกันอยู่ดี แต่ถ้ามีมาให้แต่แรกทุกอย่างก็จะได้เสร็จสรรพ ไม่ต้องเสียเวลาตกแต่งในภายหลังให้ยุ่งยาก ซึ่งจุดนี้ บน Android Phone ทุกยี่ห้อ เค้าก็มีกันมาตั้งแต่ปีมะโว้แล้วจะครับ เจ้านายยยยยยย

 

AirDrop ส่งไฟล์ผ่าน WiFi เดียวกัน <เหมือน> Samsung Link

images_1370895934iOS-7-08

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ไม่ได้สดใหม่อะไร และใครๆ เค้าก็ทำได้กันมานานแล้ว สำหรับการโอนถ่ายไฟล์ระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ในเครือข่าย Wi-Fi เดียวกัน ซึ่งบน Mac OS ด้วยกันก็ทำได้มานานแล้ว แต่เพิ่งจะปล่อยให้รองรับได้บน iOS ก็เท่านั้น ที่สำคัญ คู่ไม้เบื่อไม่เมาอย่าง Samsung ก็มีฟีเจอร์แบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร โดยเมื่อก่อนใช้ชื่อว่า Samsung Kies พอมาเป็นบน S4 ก็เปลี่ยนมาใช้ชื่อแอพว่า Samsung Link แทน

 

Safari สไลด์เลือกแท็บได้ <เหมือน> Chrome Browser

images_1370896819iOS-7-09Chrome

?Tab ใน Chrome

หากใครเคยใช้ Chrome บน Android แล้วล่ะก็คงรู้ดีว่าเวลาที่เราจะสลับเปลี่ยนหน้าไปยังแท็บอื่นๆ ที่เปิดค้างไว้ก็เพียงแค่สไลด์ขึ้นๆ ลงๆ เลือกได้ตามสบาย แอปเปิ้ลเห็นแล้วคงอยากขออินเทรนด์กกับเค้าบ้างไรบ้างเลยจับมันใส่ลงใน Safari ของตัวเองเลยซะงั้น

 

App Store Auto Update อัพเดทแอพให้อัตโนมัติ <เหมือน> Play Store

images_1370898048iOS-7-014

อี๋! แอปเปิ้ลเพิ่งทำ ออโต้อัพเดทแอพได้เหรอเทอว์…นี่คงเป็นคำหยิกแกมหยอกจากสาวกแอนดรอยด์ด้วยความสะใจอย่างแน่นอน เพราะบน Play Store เค้าสามารถให้ผู้ใช้งานตั้งค่าอัพเดทแอพได้อัตโนมัติมานานแล้ว แต่สำหรับ App Store เพิ่งจะมาคิดได้ว่าเอ้…นี่สงสัยเราลืมอะไรไปรึเปล่านะ หุหุหุ

และนี่ก็เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ผมได้จับมาแซวเล่นๆ ขำๆ เท่านั้นนะครับ อย่างน้อยเชื่อว่าทุกอย่างที่แอปเปิ้ลได้พัฒนามา ก็เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ใช้งานนั่นเอง โดยแอปเปิ้ลจะเริ่มปล่อยให้อัพเดทกันจริงๆ ก็ประมาณเดือน ก.ย.-ต.ค. นี้ครับ ท้ายนี้ผมมีรูปจริงๆ ของ iOS7 เวอร์ชั่น Beta สำหรับนักพัฒนามาฝากให้ดูกันด้วยครับ

379582_10200894514838924_441954170_n
หน้า Home
7247_10200894516558967_1527709049_n
Folder สไตล์ใหม่
972267_10200894523559142_1211346161_n
แสดงแอพแบบมัลติทาส์ก
992971_10200894516118956_2117756610_n
หน้าแอพ Phone
969204_10200894522079105_1942570734_n
Control Center
602402_10200894515958952_96849112_n
เมนูใน Settings