หิ้วมาเรียบร้อย! iPhone 6s และ 6s Plus เห็นตัวจริงครั้งแรกธรรมด๊าธรรมดา (เหมือน iPhone 6) แต่พอได้สัมผัสรู้เลยว่ามันไม่ได้มีดีแค่เติม “S” จะมีอะไรน่าสนใจบ้างไปดูกันเลยค่ะ
ดีไซน์เดิมแต่วัสดุแข็งแรงกว่าเก่า
เป็นที่รู้กันว่า Apple ไม่ค่อยเปลี่ยนดีไซน์รุ่นที่เติม ‘s’ สักเท่าไหร่ หลายคนจึงตั้งตารอดูสเปคเทพอย่างเดียว จนลืมไปว่าวัสดุที่ใช้รุ่นนี้ Apple การันตีไม่มีงอ! เพราะเปลี่ยนอะลูมิเนียมใหม่เป็น Aluminum Zinc ที่ใช้บนเครื่องบินและยาน
ขนาดและน้ำหนัก
![6spgold1](http://www.oopsmobile.net/wp-content/uploads/2015/09/6spgold1-600x600.jpg)
ขนาดของตัวเครื่อง เพิ่มขึ้นเล็กน้อยแค่ 0.1 มม. บางลงกว่าเดิม 0.2 มม. เรียกว่าแทบไม่รู้สึกต่าง! ส่วนน้ำหนักเพิ่มขึ้นประมาณ 20 กรัม เพราะใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียมรุ่นใหม่นั่นแหล่ะค่ะ แต่ก็ไม่รู้สึกว่าหนักกว่ามากสักเท่าไหร่ ถือว่าข้อนี้ผ่านเพราะแลกกับความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้น และด้วยขนาดที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ทำให้สามารถใช้เคส รวมทั้งฟิล์มกันรอยร่วมกับ 6 และ 6 Plus รุ่นก่อนได้อย่างไม่มีปัญหา
ปุ่ม Touch ID เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ปุ่ม Touch ID (หรือปุ่ม Home) ถูกปรับปรุงให้ทำงานเร็วขึ้นกว่าเดิม 2 เท่า หลังจากทดสอบสแกนลายนิ้วมือปลดล็อคเข้าสู่หน้า Home จะรู้สึกทันทีว่า “โอ้ว..มันเร็วมาก” แทบไม่เห็นหน้า Lock Screen บอกเลยว่าแตกต่างกับรุ่นก่อนชัดเจน
3D Touch สัมผัสอัจฉริยะบนหน้าจอ
หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า Force Touch ที่ใช้กับนาฬิกา Apple มากันบ้างแล้ว ซึ่งเทคโนโลยีนี้ได้ถูกนำมาใช้บน iPhone รุ่นใหม่นี้เช่นกัน ในชื่อ 3D Touch เป็นการใช้ “ความหนัก-เบาของการกดหน้าจอ” เพื่อเรียกเมนูลัดของแอพขึ้นมาโดยไม่ต้องเปิดแอพ แต่ฟีเจอร์นี้จะรองรับเฉพาะแอพที่มาพร้อมเครื่อง มีบางแอพเท่านั้นที่ยังใช้ไม่ได้ เช่น แอพ Photo, Weather, Stocks ส่วนผู้พัฒนาแอพอื่นๆก็เริ่มทยอยเพิ่มฟีเจอร์นี้ลงในแอพกันบ้างแล้ว
กล้อง 12 ล้านแล้ว..มาเล่นกันเถอะ!
![IMG_7982-edit](http://www.oopsmobile.net/wp-content/uploads/2015/09/IMG_7982-edit-600x800.jpg)
ทั้ง 6s และ 6s Plus เพิ่มความละเอียดของกล้องหลังจากเดิม 8 ล้านพิกเซล มาเป็น 12 ล้านพิกเซล ส่วนรุ่น 6s ยังคงไม่มีระบบกันสั่นสะเทือนแบบออฟติคอล หรือ OIS (Optical Image Stabilization) เหมือนกับ 6s Plus เช่นเดิม เสียใจอ่ะ!
ซึ่งระบบ OIS นี้จะมีประโยชน์ก็เมื่อเราถ่ายภาพในสภาพที่แสงน้อยๆแล้วมือไม่นิ่งนั่นเอง แต่หากถ่ายภาพที่แสงปกติ ทั้งสองรุ่นยังคงถ่ายภาพได้ยอดเยี่ยมไม่แตกต่างกัน ส่วนกล้องหน้า เพิ่มความละเอียดเป็น 5 ล้านพิกเซล เอาใจหนุ่มๆสาวๆในการถ่ายภาพเซลฟีโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังเพิ่ม Retina Flash ที่ใช้แสงไฟบนหน้าจอมาเป็นแฟลช ช่วยให้หน้าสว่างขึ้นได้
มาถึงเรื่องการถ่ายวิดีโอกันบ้าง ทั้ง 2 รุ่นรองรับความละเอียดระดับ 4K (3840×2160 พิกเซล) ที่ความเร็ว 30 fps ช่วยให้วิดีโอคมชัดมากยิ่งขึ้น สำหรับ iPhone 6s ที่ไม่มีระบบกันสั่น OIS เหมือนกับรุ่น 6 Plus ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะแอปเปิลใช้ระบบกันสั่น Digital stabilization เพื่อลดความเบลอของภาพเนื่องจากมือไม่นิ่งมาช่วยแทน อย่างไรก็ตามการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 4K ถึงแม้จะได้วิดีโอที่คมชัด แต่ก็ต้องแลกกับพื้นที่จัดเก็บที่มากขึ้น ซึ่งหากเราคิดว่าไม่จำเป็นที่ต้องถ่ายความละเอียดขนาด 4K ก็สามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่ Settings > Photos & Camera > Record Video
สเป็คและประสิทธิภาพการทำงาน
มาดูฝั่งฮาร์ดแวร์กันบ้าง ทั้ง iPhone 6s และ 6s Plus เปลี่ยนมาใช้ ชิบ A9 Dual-Core 1.8 GHz. ที่ประมวลผลได้เร็วแรงกว่าเดิม เพิ่ม RAM เป็น 2 GB จากเดิม 1 GB ที่ใช้มาตั้งแต่ iPhone 5 ความจุแบตเตอรี่ของ 6s อยู่ที่ 1715 mAh และ 6s Plus อยู่ที่ 2750 mAh (ส่วน 6 และ 6 Plus อยู่ที่ 1,810 และ 2,915 mAh ตามลำดับ) จะเห็นว่าความจุแบตน้อยลง แต่เมื่อใช้งานร่วมกับ iOS 9 จะทำให้ใช้งานได้นานเท่าความจุเดิมของรุ่นก่อน
ดูตารางเปรียบเทียบสเป็ค iPhone 6s และ 6s Plus
iOS 9 ที่ชาญฉลาดขึ้นกว่าเดิม
มาที่ iOS 9 ระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดที่เปิดตัวมาพร้อมกับ iPhone 6s และ 6s Plus ได้รับการปรับปรุง และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆเพื่อรองรับกับไอโฟนรุ่นใหม่ได้ดีขึ้น เช่น
Live Photos
เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาในแอพ Camera ซึ่งฟีเจอร์นี้จะถูกเปิดใช้งานอัตโนมัติในการถ่ายภาพนิ่ง การทำงานของมันคือ จะจับภาพก่อนและหลังในขณะที่เราแตะปุ่มชัตเตอร์ โดยจะบันทึกเป็นไฟล์ภาพ .jpg และภาพเคลื่อนไหว .mov และเราเปิดดูภาพก็จะเห็นเป็นภาพนิ่งปกติ แต่เมื่อลองกดหน้าจอ (3D Touch) ลงบนภาพก็จะแสดงเป็นภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียงสั้นๆ สำหรับบอกเล่าเรื่องราว ณ เวลานั้น และภาพที่ได้นี้สามารถนำไปตั้งเป็นวอลล์เปเปอร์ได้ตามปกติ หรือจะเปิดดูภาพเหล่านี้บนอุปกรณ์ iDevice ตัวอื่น ๆ หรือเครื่อง Mac ก็ได้เช่นกัน
Battery
ใน iOS 9 เพิ่มการจัดการแบตเตอรี่ได้ดีกว่าเดิม ตัดการใช้งานแบตที่ไม่จำเป็นออก และเพิ่มโหมดประหยัดพลังงาน Low Power Mode ขึ้นมา เมื่อแบตลดเหลือ 20 % จะมีหน้าจอแจ้งเตือนว่าเราต้องการจะเปิดใช้โหมดนี้หรือไม่ เมื่อเปิดใช้ก็จะปิดฟังก์ชั่นที่ไม่จำเป็นลงไป เช่น การดึงอีเมล์ การเรียก Hey Siri แอพที่ทำงานเบื้องหลัง การดาวน์โหลดอัตโนมัติ ซึ่งหลังจากลองทดสอบเปิดใช้งานโหมดนี้ แล้วลองไม่ใช้งานเครื่องดู สามารถสแตนด์บายได้นาน 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว
นอกจากที่กล่าวมา ยังมีการปรับปรุงในรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆอีก เช่น เพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวดขึ้นโดยการเพิ่มเลข passcode สำหรับปลดล็อคจาก 4 ตัวเป็น 6 ตัว รวมทั้งการเพิ่มระบบปลดล็อคเพื่อยืนยันตัวตนแบบ 2 ชั้น นอกจากนี้ยังเพิ่มความสะดวกในการอัพเดท iOS ให้กับผู้ใช้ด้วย โดยใช้เนื้อที่สำหรับการอัพเดทน้อยลงกว่าเดิม ซึ่งมักพบปัญหานี้กับผู้ที่ใช้ไอโฟนโดยเฉพาะรุ่นความจุ 16 GB
สำหรับแอพที่มาพร้อมกับ iOS 9 ก็ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น
-Notes ที่ทำเป็นเช็คลิสต์ได้ เพิ่มรูปลงในโน้ตด้วยการถ่ายหรือเรียกจาก Library หรือจะเพิ่มแผนที่ ลิงค์ เอกสารจากแอพใดๆก็ได้ และที่ดูจะเป็นฟีเจอร์เด่นก็คือ สามารถวาด ขีดเขียนด้วยนิ้วบนโน้ตโดยเลือกประเภทของปากกาและเลือกสีที่จะใช้ได้
-Maps เพิ่มข้อมูลเส้นทางและการนำทางของระบบขนส่งมวลชนเพื่อให้เราเดินทางได้สะดวกที่สุด เช่น เดินออกที่ประตูไหน หรือต้องไปรอรถเมล์ตรงป้ายไหน นอกจากนี้เมื่อเราสั่งค้นหาใน Maps ก็จะแสดงรายชื่อร้าน อาคาร ปั๊มน้ำมัน หรือสิ่งก่อสร้างที่อยู่บริเวณรอบๆให้ด้วย จะแวะช็อปแวะทานหรือเข้าห้องน้ำก็สะดวกขึ้นกว่าเดิม ฟีเจอร์นี้ใช้ได้กับเมืองใหญ่ๆ ส่วนไทยคงต้องรอกันไปก่อน
-iCloud Drive เพิ่มแอพ iCloud Drive ที่ช่วยให้เราเข้าถึงไฟล์ที่จัดเก็บไว้กับ iCloud ได้อย่างรวดเร็ว จะค้นหาไฟล์หรือเรียกดูไฟล์ทั้งหมดตามวันที่ ชื่อไฟล์ ชื่อที่แท็กไว้บน Mac หรือจะดูตัวอย่างและจัดระเบียบไฟล์ผ่านแอพได้เลย สำหรับแอพนี้จะถูกซ่อนไว้ เราจะต้องสั่งให้แสดงก่อน โดยหลังจากที่ล็อกอินเข้าใช้งาน iCloud แล้ว ตรงหัวข้อ iCloud Drive ให้เปิดใช้คำสั่ง Show on Home Screen อีกที
สำหรับคนที่ใช้ iPhone 6 หรือ 6 Plus อยู่แล้วอาจไม่รู้สึกตื่นเต้นเท่าไหร่กับ iPhone รุ่นใหม่อย่าง iPhone 6s และ 6s Plus เนื่องจากภาพรวมจะเป็นแค่การอัพเกรดสเป็คเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่สำหรับคนที่ใช้ iPhone รุ่นต่ำกว่า 5s ลงไปอาจจะตัดสินใจที่จะเปลี่ยนมาใช้ไอโฟนรุ่นใหม่นี้ได้ไม่ยาก อันนี้ก็คงต้องแล้วแต่ความพอใจและเงินในกระเป๋าแล้วกันล่ะ ^ ^