มาถึงงานสำคัญของนักพัฒนาฝั่ง Android กันบ้าง กับงานใหญ่ประจำปี Google I/O 2014 ซึ่งในปีนี้มีอะไรเด็ดๆ มาให้ตื่นเต้นกันบ้าง เราได้สรุปรวบตึง แบบกระชับ ชับไว อ่านง่าย เข้าใจเร็ว เอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
และทุกครั้งในการเริ่มต้นเปิดงานก็จะมีการประกาศยอดตัวเลขเพื่อเกทับคู่แข่งกันตามธรรมเนียม โดย Mr.Sundar Pichai Senior Vice President ของ Google ได้ประกาศว่าในขณะนี้มีผู้ใช้แอนดรอยด์กว่า 1 พันล้านคนต่อเดือน เรียบร้อยแล้ว
Android One
สิ่งแรกที่เปิดตัวในงาน Google I/O เลยก็คือสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จาก Google ในชื่อ Android One ที่เน้นราคาประหยัด โดยจะต้องมีราคาต่ำกว่า 100 เหรียญสหรัฐ หรือไม่เกิน 3,000 บ. เป้าหมายคือต้องการให้ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารผ่านสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ได้ โดยหวังว่ากว่า 190 ล้านคนทั่วโลก จะได้ใช้งานสมาร์ทโฟนในราคาและสเปกที่เหมาะสม โดยจะเริ่มจากประเทศอินเดียก่อน และให้บริษัท Micromax กับ Karbonn เป็นผู้ผลิต ซึ่งสเปกที่ต้องมีคือขนาดหน้าจอ 4.5 นิ้ว, รองรับ 2 ซิม, ใส่ SD Card ได้ และมีฟังก์ชั่นวิทยุ FM
Android L
ถือเวลาปรับโฉมกันอีกแล้ว ซึ่งกูเกิ้ลได้เปลี่ยนคอนเซ็ปการในสร้างแอพและ UI ใหม่ โดยเรียกว่า Material Design ซึ่งแอบเห็นแวบๆ แล้วก็ออกแนว Flat Design นั่นเอง เอเหมือน iOS 8 เลยสินะ อิอิ โดยนักพัฒนาสามารถออกแบบกราฟิกแอนิเมชั่นให้สมูทมากยิ่งขึ้นเป็น 60 เฟรมต่อวินาทีได้ รับรอง 64 บิต และภาพ 3 มิติ นอกจากนี้ยังเพิ่มเรื่องการใช้พลังงานให้ประหยัดขึ้นเพื่อให้แบตอยู่ได้นานขึ้น ใน Project Volta
Android Wear
เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Android Wear สำหรับอุปกรณ์สวมใส่โดยเฉพาะ โดยผู้ใช้สามารถใช้งานระบบทัชสกรีนบน Smartwatch รุ่นต่างๆ ได้ ซึ่งมีการนำฟังก์ชั่นการ์ดบน Google Now มาใช้งานบนอุปกรณ์เหล่านั้น และเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อใช้งานร่วมกันได้ โดยรองรับการสั่งงานด้วยเสียงเพียงพูดว่า OK Google จากนั้นก็สั่งให้ สร้างโน้ต, บันทึกเตือนความจำ, ตั้งนาฬิกาปลุก, โทรศัพท์ และอื่นๆ อีกมากมาย โดยในงานนี้มี Smartwatch เปิดตัวด้วยกัน 3 แบรนด์คือ LG G Watch, Samsung Gear Live และ Moto 360 โดย 2 รุ่นแรกคือ LG กับ Samsung สามารถสั่งซื้อออนไลน์บน Google Play Store ได้แล้ว และจะเริ่มส่งของในวันที่ 7 ก.ค.นี้ เฉพาะในสหรัฐก่อน
Android Auto
มาแล้วกับแพลตฟอร์ตสำหรับหน้าจอบนรถยนต์ ที่เริ่มเปิดให้นักพัฒนาและพาร์ทเนอร์ด้านยานยนต์กว่า 40 ราย ได้พัฒนาระบบ โดยมันสามารถใช้งานร่วมกับ Google Now เช่นเมื่อเราออกจากออฟฟิศ ระบบจะคำนวณเส้นทางกลับบ้านให้อัตโนมัติ โดยซิงค์ข้อมูลจากสมาร์ทโฟนไปแสดงผลบนหน้าจอรถยนต์ให้ทันที รวมถึงรองรับการสั่งงานด้วยเสียง เช่น สั่งให้เปิดเพลง เล่นเพลงถัดไป หรือฟังเพลงออนไลน์จาก Google Play Music เป็นต้น เบื้องต้นมีแบรนด์ที่ร่วมพัฒนาแล้วอย่าง Hyundai, Porsche และ Acura
Android TV
อีกสิ่งหนึ่งที่ Google พยายามแทรกเข้าไปอยู่ในตลาดห้องนั่งเล่นก็คือ Android TV ซึ่งหลังจากปล่อย Chromecast ออกมาเมื่อปีที่แล้วก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า มาปีนี้เลยจัดเต็มมาเป็นจอทีวีไปเลย ซึ่งสามารถใช้ดูทีวีผ่านเสาอากาศตามปกติก็ได้ หรือจะดูรายการผ่านสตรีมมิ่งออนไลน์ต่างๆ แต่จุดเด่นที่สุดคือมันสามารถสั่งงานด้วยเสียงได้ โดยมีฟังก์ชั่น Google Voice Search ที่ให้เราสั่งค้นหารายการทีวีโชว์ต่างๆ นอกจากนี้ยังสามารถรองรับการเล่นเกมได้แบบมัลติเพลย์เยอร์ โดยที่เพื่อนของเราใช้ Android Tablet ในการเล่นด้วยกัน และยังคงมีฟีเจอร์การนำคอนเทนส์บนมือถือไปแสดงบนจอทีวีแบบเดียวกับ Chromecast ได้อีกด้วย ล่าสุด Sony และ Philips ได้นำระบบ Android TV ไปพัฒนาแล้ว
Chromecast update
สำหรับ Chromecast ก็ไม่ได้ปล่อยลอยแพ ยังคงมีการอัพเดทความสามารถใหม่เพิ่มขึ้นมา โดยสามารถเชื่อมต่อสัญญาณกันได้ด้วยการค้นหาแบบ Near by ไม่ต้องพึ่งเครือข่าย Wi-Fi เดียวกัน เหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นใหม่ที่เรียกว่า Backdrop สามารถแสดงภาพในมือถือให้สตรีมขึ้นไปบนจอทีวีได้แล้ว พร้อมกับให้แสดงสภาพอากาศและข่าวสารได้อีกด้วย และสุดท้ายคือสามารถแสดงหน้าจอมือถือแบบ Miror Display ได้แล้ว
Chromebook
สำหรับใครที่ใช้ Chromebook ต่อไปจะสามารถปลดล็อคเข้าใช้งานได้ง่ายขึ้นเพียงแค่ให้มือถือ Android อยู่ใกล้ๆ เครื่อง หรือหากใช้งานแอพพลิเคชั่นที่รองรับทั้ง 2 ระบบร่วมกันได้ ก็จะสามารถดูการแจ้งเตือน หรือใช้งานแอพผ่านบน Chromebook ได้เหมือนกับบนมือถือ เฮ๊ย!!! นี่มันคล้ายกับฟีเจอร์ใหม่ของ OS ขุนเขาแห่งหนึ่งในสหรัฐเลยนี่นา อิอิ…
Business
สำหรับภาคธุรกิจก็มีการเจาะกลุ่มตลาดองค์กรมากขึ้นด้วยการแยกส่วนแอพพลิเคชั่นสำหรับองค์กรและส่วนตัวออกจากกันในได้เครื่องเดียว คล้ายๆ กับ Samsung Knox และยังได้เปิดบริการ Google Doc ที่มาเต็มครบทั้ง 3 แอพคือ Docs, Sheet และ Slide นอกจากนี้ในส่วนของ Google Drive ก็ให้ใช้พื้นที่ได้แบบไม่จำกัด โดยเสียค่าบริการเพียง 10 เหรียญสหรัฐ ต่อเดือน ต่อคน เท่านั้น
Google Cloud
ส่วนนี้จะเป็นของนักพัฒนาแอพ ที่เป็นแพลตฟอร์มให้ทำงานร่วมกันบนคลาวด์ แล้วสามารถตรวจสอบ รันเทสโค้ดจากเครื่องต่างๆ ได้อย่างไร้รอยต่อ
Google Fit
แพลตฟอร์ม Google Fit สำหรับคนรักสุขภาพ โดยจะเป็นศูนย์รวมข้อมูลสุขภาพจากอุปกรณ์ฟิตเนสต่างๆ ซึ่งจะรองรับได้ทุกอุปกรณ์ คล้ายกับแอพ HealthKit ของ Apple ที่เพิ่งเปิดตัวไป ดังนั้น Google Fit จะเป็นศูนย์รวมข้อมูลฟิตเนสของผู้ใช้ใว้ในที่เดียว และมีแบรนด์ที่เข้าร่วมแล้วอย่าง Nike, Adidas และ Withings
Google Play Game
ต่อไปนี้สาวกเกม จะสามารถเซฟเกมขึ้นคลาวด์ได้แล้ว หมดปัญหาเวลาย้ายไปเล่นเครื่องอื่น รวมถึงเก็บรวบรวมสถิติการเล่น และดูลำดับผู้เล่นใน Leaderboards ได้
และนี้คือภาพรวมทั้งหมดของงาน Google I/O 2014 ที่เราจะได้สัมผัสในแต่ละเทคโนโลยีกันเร็วๆ นี้