ชิปประมวลผล ARM และ Intel (x86) บนสมาร์ทโฟน

 

หลายคนคงคลายความสงสัยเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมซีพียูในแบบ ARM และ x86 กันไปบ้างแล้ว คราวนี้ถึงเวลาที่เราจะมาดูรายละเอียดของชิปประมวลผลหรือซีพียูแต่ละตัวที่ถูกนำมาใช้บนสมาร์ทโฟนรุ่นต่างๆ ซึ่งในที่นี้ผมก็ได้หยิบยกมาเป็นตัวอย่างอยู่พอสมควร โดยได้ทำการแบ่งชิปประมวลผลออกเป็น 2 กลุ่มตามโครงสร้างพื้นฐานทางสถาปัตยกรรมที่ใช้ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเล๊ยยยย.ย.ย.ย.ย!

ชิปประมวลผลที่ใช้สถาปัตยกรรม ARM

 

Apple A7 และ A6

 

a7_a6ชิป A7 ถูกพัฒนามาจากชิป A6 ที่ใช้ใน iPhone 5 และ 5c โดยถูกนำมาใช้ทำเป็นชิปหลักให้กับ iPhone 5s ที่ซึ่งทั้งชิป A7 และ A6 ถูกผลิตขึ้นโดยบริษัท Samsung เหมือนกัน และหากมองที่รูปลักษณ์ภายนอกของตัวเครื่องทั้ง iPhone 5 และ 5s ก็แทบจะไม่แตกต่างกันมากนัก ยกเว้น 5c ที่ตัวเครื่องอาจดูแปลกไปเพราะทำจากพลาสติกแข็ง แต่หากมองลึกลงไปถึงตัวชิปที่นำมาใช้ระหว่าง A7 ใน iPhone 5s กับ A6 ใน iPhone 5 และ 5c จะเห็นได้ว่าหลายสิ่งหลายอย่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยชิป A7 นั้น จะใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตที่เล็กกว่า ซึ่งช่วยให้ประหยัดไฟกว่าและตัวชิปมีขนาดเล็กกว่า นอกจากนี้ยังรองรับการประมวลผลได้ทั้งในแบบ 32 และ 64 บิต ซึ่งช่วยให้การประมวลผลทำได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ต่างจากชิป A6 ที่จะรองรับแค่เฉพาะ 32 บิต เท่านั้น อีกทั้งการประมวลผลกราฟิกบนชิป A7 ก็ยังดีกว่าชิป A6 อีกด้วย

 

สิ่งที่แตกต่างกันระหว่าง iPhone 5s กับ 5 และ 5c นอกจากเรื่องของชิปประมวลผลหลักที่ใช้คือ A7 กับ A6 แล้ว ยังต่างกันในเรื่องของชิปร่วมอีกด้วย เนื่องจากใน iPhone 5s จะมีชิปร่วมคือ M7 motion co-processor คอยทำหน้าที่ประมวลผลการตรวจจับการเคลื่อนไหวผ่านทางเซ็นเซอร์ต่างๆแบบเดียวกับชิปร่วม M8 ที่อยู่ใน iPhone 6 และ 6 Plus แต่สำหรับ iPhone 5 และ 5c จะมีแต่เฉพาะชิปหลักคือ A6 เท่านั้น จะไม่มีชิปร่วมแต่อย่างใด

 

5s5c

 

A7 และ A6 เป็นชิปแบบ System on a Chip (SoC) คือมีองค์ประกอบทุกอย่างที่จำเป็นอยู่บนชิปซิลิกอนชิ้นเดียวกัน โดยชิป A7 องค์ประกอบที่ว่านี้ประกอบด้วยโครงสร้างในส่วนของซีพียู (CPU) แบบ 2 คอร์ ที่เป็น License ของ ARM (Cyclone) ทำงานบนสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง ARMv8-A ที่รองรับการประมวลผลได้ทั้งในแบบ 32 และ 64 บิต ด้วยความเร็วสูงสุด 1.3 GHz นอกจากนี้ยังประกอบด้วยโครงสร้างในส่วนของกราฟิกที่ใช้ PowerVR G6430 แบบ 4 คอร์ และมีแรม LPDDR3 ขนาด 1 GB พร้อมส่วนควบคุมแรมขนาด 64 บิต ที่สนับสนุนแรม LPDDR3-1600 ในแบบ Single-Channel องค์ประกอบทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้ถูกบรรจุลงในชิปซิลิกอนชิ้นเล็กๆขนาดเพียง 102 ตร.มม. โดยใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตเพียง 0.028 ไมครอน (28 nm)

 

ส่วนชิป A6 จะประกอบด้วยโครงสร้างในส่วนของซีพียู (CPU) แบบ 2 คอร์ ที่เป็น License ของ ARM (Swift) ทำงานบนสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง ARMv7s ที่รองรับการประมวลผลแบบ 32 บิต ด้วยความเร็วสูงสุด 1.3 GHz นอกจากนี้ยังประกอบด้วยโครงสร้างในส่วนของกราฟิกที่ใช้ PowerVR SGX543 MP3 แบบ 3 คอร์ และมีแรม LPDDR2 ขนาด 1 GB พร้อมส่วนควบคุมแรมขนาด 32 บิต ที่สนับสนุนแรม LPDDR2-1066 ในแบบ Dual-Channel องค์ประกอบทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้ถูกบรรจุลงในชิปซิลิกอนชิ้นเล็กๆขนาดเพียง 96.71 ตร.มม. โดยใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตขนาด 0.032 ไมครอน (32 nm)

 

Apple A8

 

iphone-6-a8-chipชิป A8 ถูกพัฒนามาจากชิป A7 ที่ใช้ใน iPhone 5s โดยถูกนำมาใช้ทำเป็นชิปหลักให้กับ iPhone 6 และ 6 Plus ที่เป็นสมาร์ทโฟนยอดฮิตรุ่นล่าสุดของค่าย Apple ซึ่งถูกผลิตขึ้นโดยบริษัท TSMC โดยใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตที่เล็กลงกว่าเดิม ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้นเพราะใช้ไฟน้อยลงแล้ว ยังช่วยให้ตัวชิปมีขนาดที่เล็กลงกว่าเดิมอีกถึง 13% เมื่อเทียบกับ A7 ทั้งๆที่บนชิป A8 มีจำนวนทรานซิสเตอร์อยู่มากกว่าถึง 2 เท่า นอกจากนี้ทาง Apple ยังให้ข้อมูลว่าประสิทธิภาพในการประมวลผลข้อมูลและชุดคำสั่งจะเร็วขึ้นกว่าเดิมอีก 25% และในส่วนของกราฟิกก็จะเร็วขึ้นอีก 50% ด้วย

 

สำหรับ iPhone 6 และ 6 Plus นอกจากจะมีหัวใจคือ A8 เป็นชิปหลักแล้ว ยังมีชิปร่วมอีกตัวนั่นคือ M8 motion co-processor ซึ่งจะคอยทำหน้าที่ประมวลผลการตรวจจับการเคลื่อนไหวผ่านทางเซ็นเซอร์ต่างๆด้วย เช่น Touch ID (ตรวจสอบลายนิ้วมือผู้ใช้เพื่อยืนยันตัวบุคคล), Barometer (ตรวจวัดความดันบรรยากาศหรือสภาพความกดอากาศบริเวณรอบๆ), 3-axis gyroscope (ตรวจจับการเคลื่อนไหวและลักษณะการหมุนของตัวเครื่อง), Accelerometer (ตรวจจับความเคลื่อนไหวของตัวเครื่อง), Proximity sensor (ตรวจจับระยะห่างระหว่างตัวผู้ใช้งานกับตัวเครื่อง), Ambient light sensor (ตรวจวัดสภาพแสงและปรับเพิ่ม/ลดความสว่างให้อัตโนมัติ) ฯลฯ

 

6_6plus

 

A8 ก็เป็นชิปแบบ SoC เช่นกัน โดยองค์ประกอบภายในประกอบด้วยโครงสร้างในส่วนของซีพียู (CPU) หรือหน่วยประมวลผลข้อมูลและชุดคำสั่ง แบบ 2 คอร์ ที่เป็นลิขสิทธิ์ (License) ของ ARM (บริษัท ARM ไม่ได้เป็นผู้ผลิตชิปให้กับทาง Apple โดยตรง แต่อาศัยการขายเป็น License ให้กับบริษัทผู้ผลิตชิปเอาไปผลิตขายแทน ซึ่งทำให้ ARM ไม่ต้องลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตชิปเอง) ทำงานบนสถาปัตยกรรมชุดคำสั่งล่าสุดคือ ARMv8-A ที่รองรับการประมวลผลได้ทั้งในแบบ 32 และ 64 บิต ด้วยความเร็วสูงสุด 1.4 GHz นอกจากนี้ยังประกอบด้วยโครงสร้างในส่วนของ GPU หรือหน่วยประมวลผลกราฟิกที่ใช้ PowerVR GX6650 แบบ 4 คอร์ และมีหน่วยความจำแรม LPDDR3 ขนาด 1 GB พร้อมส่วนควบคุมแรม (Memory Controller) ที่มีความกว้างบัสขนาด 64 บิต ซึ่งสนับสนุนแรม LPDDR3-1333 ในแบบ Single-Channel องค์ประกอบทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้ถูกบรรจุลงในชิปซิลิกอนชิ้นเล็กๆขนาดเพียง 89 ตร.มม. หรือขนาดเท่าปลายนิ้วก้อย โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการออกแบบเพื่อลดขนาดของลายวงจรและอุปกรณ์ทรานซิสเตอร์ต่างๆที่มีอยู่กว่า 2 พันล้านตัว ให้มีขนาดเล็กลงมากๆจนถึงระดับไมครอน ซึ่งในชิป A8 จะใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตที่ว่านี้ให้มีขนาดที่เล็กลงจนเหลือเพียง 0.020 ไมครอน (20 nm) เท่านั้น

 

Qualcomm Snapdragon 801

 

qualcomm-snapdragon-800_02เป็นชิปที่ถูกพัฒนามาจาก Snapdragon 800 โดยถูกเร่งความเร็วในการทำงานให้สูงขึ้นกว่าเดิม และเริ่มมีการนำเอาชิปหน่วยความจำ eMMC 5.0 ที่รองรับความเร็วในการรับส่งข้อมูล 400 MB/s มาใช้ โดย Snapdragon 801 นี้ ถูกผลิตขึ้นโดยบริษัท Qualcomm เพื่อนำมาใช้เป็นชิปหลักให้กับ Galaxy S5 ที่เป็นสมาร์ทโฟนบนระบบปฏิบัติการ Android จากค่าย Samsung คู่ปรับตลอดกาลของ Apple ด้วยคุณสมบัติของชิปประมวลผลที่ดูจะโดดเด่นเหนือคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความเร็วที่สูงกว่า, จำนวนคอร์ของซีพียูและความจุแรมที่มากกว่า, หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ที่ทรงพลัง และหากรวมถึงคุณสมบัติในด้านอื่นด้วยแล้ว Galaxy S5 ก็ถือเป็นคู่ปรับที่น่ากลัวสำหรับ iPhone 5s อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

 

Galaxy-s5

 

Snapdragon เป็นชื่อที่ใช้เรียกกลุ่มของชิปแบบ SoC ที่ถูกนำไปใช้กับอุปกรณ์จำพวก สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์พกพา (Smartbook) ที่ถูกผลิตขึ้นโดยบริษัท Qualcomm โดย Snapdragon 801 เป็นชิปแบบ SoC ที่มีโครงสร้างภายในประกอบด้วยซีพียู (CPU) แบบ 4 คอร์ ที่เป็น License ของ ARM โดยใช้ชื่อว่า Krait 400 ซึ่งทำงานบนสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง ARMv7 ที่รองรับการประมวลผลในแบบ 32 บิต ด้วยความเร็วสูงสุด 2.5 GHz มีชิป Qualcomm Hexagon V50 เป็นหน่วยประมวลผลสัญญาณดิจิตอล (DSP) ความเร็ว 800 MHz มีหน่วยความจำ L2 Cache ขนาด 2 MB นอกจากนี้ยังประกอบด้วยโครงสร้างในส่วนของกราฟิก (GPU) ที่ใช้ Qualcomm Adreno 330 ความเร็ว 578 MHz และแรม LPDDR3 ขนาด 2 GB พร้อมส่วนควบคุมแรมขนาด 32 บิต ที่สนับสนุนแรม LPDDR3-800 (12.8 GB/s) ในแบบ Dual-Channel โครงสร้างภายในทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้ถูกบรรจุลงในชิปซิลิกอนชิ้นเดียวกัน โดยใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตเพียง 0.028 ไมครอน (28 nm)

 

Qualcomm Snapdragon 805

 

qualcomm-snapdragon-800_02เป็นชิปที่ถูกพัฒนามาจาก Snapdragon 801 ให้มีความเร็วในการทำงานที่สูงขึ้น ความจุแรมเพิ่มมากขึ้น รองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงในระดับ 4K ฯลฯ โดย Snapdragon 805 เป็นชิปหลักที่ถูกนำมาใช้กับ Samsung Galaxy Note 4 (โมเดล 910S ที่เป็น LTE Cat6) ที่เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของตระกูล Note ที่มีปากกา S Pen สำหรับเขียนหน้าจอติดมาให้ด้วยจากค่าย Samsung ซึ่งถูกเปิดตัวพร้อมกันทั่วโลกไปเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2014 (ชิงเปิดตัวตัดหน้า iPhone 6 และ 6 Plus ไปก่อนเพียง 6 วัน) และหลังจากนั้นไม่กี่วันก็เริ่มทยอยออกวางจำหน่ายไปในหลายประเทศทั่วโลก

 

note4

 

เป็นชิปแบบ SoC ที่มีโครงสร้างภายในประกอบด้วยซีพียู (CPU) แบบ 4 คอร์ ที่เป็น License ของ ARM โดยใช้ชื่อว่า Krait 450 ซึ่งทำงานบนสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง ARMv7-A ที่รองรับการประมวลผลได้ทั้งในแบบ 32 และ 64 บิต ด้วยความเร็วสูงสุด 2.7 GHz มีชิป Qualcomm Hexagon V50 เป็นหน่วยประมวลผลสัญญาณดิจิตอล (DSP) ความเร็ว 600 MHz มีหน่วยความจำ L2 Cache ขนาด 2 MB นอกจากนี้ยังประกอบด้วยโครงสร้างในส่วนของกราฟิก (GPU) ที่ใช้ Qualcomm Adreno 420 ความเร็ว 600 MHz และแรม LPDDR3 ขนาด 3 GB พร้อมส่วนควบคุมแรมขนาด 64 บิต ที่สนับสนุนแรม LPDDR3-800 (12.8 GB/s) ในแบบ Dual-Channel โครงสร้างภายในทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้ถูกบรรจุลงในชิปซิลิกอนชิ้นเดียวกัน โดยใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตเพียง 0.028 ไมครอน (28 nm)

 

Qualcomm Snapdragon 808

 

qualcomm-snapdragon-800_02เป็นชิปตัวแรกของ Qualcomm ที่นอกจากจะมี 6 คอร์ (2+4) แล้ว ยังได้มีการปรับมาใช้โครงสร้างสถาปัตยกรรมซีพียูในแบบ ARM big.LITTLE Processing เป็นครั้งแรก ที่ซึ่งเป็นการนำเอาซีพียู 2 ตัวมาช่วยกันทำงานโดยตัวนึงจะทำหน้าที่เป็นตัวหลัก (Big Cores) ในการประมวลผลสำหรับงานหนักๆที่ต้องการประสิทธิภาพในการประมวลผลสูง ส่วนอีกตัวจะทำหน้าที่เป็นตัวรอง (LITTLE Cores) ในการประมวลผลสำหรับงานทั่วๆไปที่ไม่จำเป็นต้องใช้พลังในการประมวลผลสูง โดยสถาปัตยกรรมซีพียูดังกล่าวนี้จะใช้เทคโนโลยี Heterogeneous Multi-Processing (HMP) มาช่วยควบคุมการกระจายงานให้กับทุกๆคอร์ของซีพียูทั้ง 2 ตัวอย่างเหมาะสมโดยอัตโนมัติ ซึ่งนอกจากจะก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการประมวลผลแล้ว จุดเด่นที่สำคัญก็คือ ช่วยให้ประหยัดพลังงานได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง ปัจจุบัน Snapdragon 808 นี้ ถูกนำมาใช้กับสมาร์ทโฟนของ LG รุ่น G4

 

LG-G4-Rumors2

 

เป็นชิปแบบ SoC ที่มีโครงสร้างภายในประกอบด้วยซีพียูหลักคือ Cortex-A57 แบบ 2 คอร์ ความเร็ว 1.82 GHz และซีพียูรองคือ Cortex-A53 แบบ 4 คอร์ ความเร็ว 1.44 GHz รวมเป็นซีพียูแบบ 6 คอร์ (2+4) ร่วมกันทำงานในแบบ ARM big.LITTLE Processing บนสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง ARMv8-A ที่รองรับการประมวลผลได้ทั้งในแบบ 32 และ 64 บิต มีชิป Qualcomm Hexagon V56 เป็นหน่วยประมวลผลสัญญาณดิจิตอล (DSP) ความเร็วสูงสุด 800 MHz มีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) เป็น Adreno 418 ความเร็ว 600 MHz และมีหน่วยความจำแรม LPDDR3 ขนาด 3 GB พร้อมส่วนควบคุมแรมแบบ 32 บิต ที่สนับสนุนแรม LPDDR3-933 (14.9 GB/s) ในแบบ Dual-Channel โครงสร้างภายในทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้ถูกบรรจุลงในชิปซิลิกอนชิ้นเดียวกัน โดยใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตเพียง 0.020 ไมครอน (20 nm) เท่านั้น

 

Qualcomm Snapdragon 810

 

qualcomm-snapdragon-800_02Snapdragon 810 เป็นชิปรุ่นถัดมาของ Qualcomm ที่ยังคงใช้โครงสร้างสถาปัตยกรรมซีพียูแบบ ARM big.LITTLE Processing อยู่ แต่ซีพียูตัวหลักถูกปรับมาใช้เป็น 4 คอร์ ทำให้มีจำนวนคอร์ทั้งสิ้น 8 คอร์ (4+4) และถือเป็นซีพียูรุ่นแรกที่นำเอาหน่วยความจำล่าสุดอย่าง LPDDR4 มาใช้ ซึ่งเราจะพบกับซีพียูรุ่นนี้ได้ในสมาร์ทโฟน LG G Flex, HTC One M9, Sony Xperia Z4 ฯลฯ

 

m9z4

 

เป็นชิปแบบ SoC ที่มีโครงสร้างภายในประกอบด้วยซีพียูหลักคือ Cortex-A57 แบบ 4 คอร์ ความเร็ว 2.0 GHz และซีพียูรองคือ Cortex-A53 แบบ 4 คอร์ ความเร็ว 1.6 GHz รวมเป็นซีพียูแบบ 8 คอร์ (4+4) ร่วมกันทำงานในแบบ ARM big.LITTLE Processing บนสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง ARMv8-A ที่รองรับการประมวลผลได้ทั้งในแบบ 32 และ 64 บิต มีชิป Qualcomm Hexagon V56 เป็นหน่วยประมวลผลสัญญาณดิจิตอล (DSP) ความเร็วสูงสุด 800 MHz มีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) เป็น Adreno 430 ความเร็ว 650 MHz และมีหน่วยความจำแรม LPDDR4 ขนาด 2 และ 3 GB พร้อมส่วนควบคุมแรมแบบ 64 บิต ที่สนับสนุนแรม LPDDR4-1600 (25.6 GB/s) ในแบบ Dual-Channel โครงสร้างภายในทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้ถูกบรรจุลงในชิปซิลิกอนชิ้นเดียวกัน โดยใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตคงเดิมคือ 0.020 ไมครอน (20 nm)

 

Exynos 7 Octa 7410

 

Exynos-7-14-nm-finfetหรือชื่อเดิมคือ Exynos 5 Octa 5433 เป็นชิปหลักอีกตัวนอกเหนือไปจาก Snapdragon 805 ที่ถูกนำมาใช้กับ Samsung Galaxy Note 4 แต่จะมีอยู่แต่เฉพาะในโมเดล 910C ที่เป็น LTE Cat4 150/50 Mbps เท่านั้น รวมไปถึง Galaxy Note Edge (LTE) ด้วย โดย Exynos 7 Octa 7410 เป็นชิปที่ถูกพัฒนาและผลิตขึ้นมาโดยบริษัท Samsung โดยมีโครงสร้างพื้นฐานที่เป็น License ของ ARM ซึ่งมาพร้อมการทำงานในแบบ ARM big.LITTLE Processing ที่เป็นการนำเอาซีพียู 2 ตัวมาช่วยกันทำงาน ดังที่ได้กล่าวถึงไปแล้วก่อนหน้านี้

 

note-edge1

 

Exynos 7 Octa 7410 หรือ Exynos 5 Octa 5433 เป็นชิปแบบ SoC ที่มีโครงสร้างภายในประกอบด้วยซีพียูหลักคือ Cortex-A57 แบบ 4 คอร์ ความเร็ว 1.9 GHz และซีพียูรองคือ Cortex-A53 แบบ 4 คอร์ ความเร็ว 1.3 GHz รวมเป็นซีพียูแบบ 8 คอร์ (4+4) ร่วมกันทำงานในแบบ ARM big.LITTLE Processing บนสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง ARMv8-A ที่รองรับการประมวลผลทั้งในแบบ 32 และ 64 บิต มีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) เป็น Mali-T760 MP6 ความเร็ว 700 MHz และมีหน่วยความจำแรม LPDDR3 ขนาด 3 GB พร้อมด้วยส่วนควบคุมหน่วยความจำแบบ 32 บิต ที่สนับสนุนแรม LPDDR3-825 (13.2 GB/s) ในแบบ Dual-Channel โครงสร้างภายในทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้ถูกบรรจุลงในชิปซิลิกอนชิ้นเดียวกัน โดยใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิต 0.020 ไมครอน หรือ 20 nm

 

Exynos 7 Octa 7420

 

Exynos-7-14-nm-finfetเป็นชิปที่ถูกนำมาใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของ Samsung อย่าง Galaxy S6 และ S6 Edge ซึ่งยังคงใช้โครงสร้างพื้นฐานที่เป็น License ของ ARM ที่มาพร้อมการทำงานในแบบ ARM big.LITTLE Processing แต่ถือเป็นชิปรุ่นแรกที่ลดขนาดของกระบวนการผลิตให้เล็กลงเหลือเพียง 0.014 ไมครอน หรือ 14 nm เท่านั้น แถมยังนำเอาหน่วยความจำล่าสุดอย่าง LPDDR4 มาใช้เป็นครั้งแรกด้วย

 

us-galaxy-s6-s6-edge

 

Exynos 7 Octa 7420 เป็นชิปแบบ SoC ที่มีโครงสร้างภายในประกอบด้วยซีพียูหลักคือ Cortex-A57 แบบ 4 คอร์ ความเร็ว 2.1 GHz และซีพียูรองคือ Cortex-A53 แบบ 4 คอร์ ความเร็ว 1.5 GHz รวมเป็นซีพียูแบบ 8 คอร์ (4+4) ร่วมกันทำงานในแบบ ARM big.LITTLE Processing บนสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง ARMv8-A ที่รองรับการประมวลผลทั้งในแบบ 32 และ 64 บิต มีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) เป็น Mali-T760 MP8 ความเร็ว 772 MHz และมีหน่วยความจำแรม LPDDR4 ขนาด 3 GB พร้อมด้วยส่วนควบคุมหน่วยความจำแบบ 64 บิต ที่สนับสนุนแรม LPDDR4-1555 (24.8 GB/s) ในแบบ Dual-Channel โครงสร้างภายในทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้ถูกบรรจุลงในชิปซิลิกอนชิ้นเดียวกัน โดยใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตเพียง 0.014 ไมครอน หรือ 14 nm

 

ที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นชิปประมวลผลหรือซีพียูที่มีการใช้โครงสร้างพื้นฐานทางสถาปัตยกรรมในแบบ ARM ซึ่งจะเห็นได้ว่าหลายๆตัวนั้นได้ถูกนำมาใช้บนสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆที่กำลังได้รับความนิยมแพร่หลายอยู่ในปัจจุบัน ทีนี้เราหันมามองทางฝั่งของชิปประมวลผลหรือซีพียูที่ใช้สถาปัตยกรรม x86 กันบ้าง ซึ่งก็แน่นอนว่าซีพียูที่ใช้ก็ต้องมาจากแบรนด์ Intel นั่นเอง แต่..อ๊ะๆ เพื่อป้องกันความสับสน ผมขอยกเอาเนื้อหาไปไว้เป็นบทความในครั้งถัดไปแล้วกันนะครับ ส่วนในครั้งนี้ผมขอพักไว้เท่านี้ก่อน เข้าหน้าฝนแล้วแต่น้องฝนมามั่งไม่มามั่งเล่นเอาจนแล้งจัดไปหลายพื้นที่ ยังไงช่วงนี้อากาศแปรปรวนขอให้ผู้อ่านทุกท่านระมัดระวังรักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ แล้วเจอกันใหม่บทความหน้านะคร๊าบบ.บ.บ.บ!

 

“เทคโนโลยีสมาร์ทโฟน”ตอนต่อไป

1-2-3-4 มือถือ Gen ไหนคุณทันใช้บ้าง [ดักแก่!]

โทรศัพท์มือถือยุคใหม่ หัวใจอยู่ที่ “ชิปประมวลผล”

ARM กับ X86, RISC กับ CISC มหาอำนาจต่างขั้วบนโลกของซีพียู

(ต่อ) ชิปประมวลผล ARM และ Intel (x86) บนสมาร์ทโฟน

 

 

[อัพเดทราคา] เปรียบเทียบสมาร์ทโฟน 3 รุ่น สุดเทพ ในงาน TME2014 Hi-End [Galaxy S5, Xperia Z2, HTC One M8]

pro-s5-z2-m8

 

ถ้าจะให้พูดถึงสมาร์ทโฟนสุดเทพในขณะนี้ คงหนีไม่พ้น 3 รุ่นใหญ่อย่าง Samsung Galaxy S5, HTC One M8 และ Sony Xperia Z2 ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีจุดเด่นที่ไม่เหมือนกัน แต่ในแง่ของสเปก ขอบอกว่าแรงใกล้เคียงกันมากจนแถบจะไม่มีนัยยะสำคัญเท่าไรนัก แต่สิ่งที่แตกต่างคือฟีเจอร์การใช้งาน ซึ่ง OopsMobile จะมาสรุปรวบตึงง่ายๆ ให้ดูกัน พร้อมราคาโปรโมชั่นในงาน TME 2014 Hi-End

 

HIC One M8

pro-htc-m8
ขอเริ่มที่ HTC One M8 ก่อนเลย เพราะหลังจากที่ประกาศปรับราคาลง จาก 25,900 บ. ซึ่งแพงกว่าใคร กลายมาเป็นถูกที่สุดในกลุ่มคือ 23,500 บ. ไปเมื่อก่อนหน้างาน TME2014 เพียง 1 วัน แถมในงานยังลดค่าเครื่องลงอีก เมื่อซื้อพร้อมกับแพ็กเกจ dtac เหลือเพียง 21,900 บ. แถมฟรี Power Bank 5000 mAh มูลค่า 890 บ., ตั๋วหนัง SF 2 ใบ, Memory Card 16 GB, กระเป๋าถือล้อลากจาก HTC, ฟิล์มกันรอย (รับที่บูท HTC)

 

pro-dtac-htc-m8

 

สำหรับจุดเด่นของ HTC One M8 ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ยืนหยัดและโดดเด่นมาโดยตลอดของ HTC คือการใช้วัสดุคุณภาพ โดย M8 มาพร้อมบอดี้โลหะ ดูทนทาน แข็งแรง และหรูหรา นอกจากนี้ยังเน้นกล้องหน้าความละเอียดสูงกว่ากล้องหลังเสียอีกที่ 5 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี UltraPixels ที่เพิ่มขนาดพิกเซลขึ้นเป็น 2 เท่า เก็บแสงได้มากกว่าถึง 300% ส่วนซีพียู และแรม ก็แรงเท่ากับ S5 หน้าจออาจจะเล็กกว่าเพื่อนคืออยู่ที่ 5 นิ้ว แต่เพิ่มความเก๋ให้กับหน้าจอด้วยเคส Dot View ที่สามารถแสดงผลเป็น Dot Matrix โดยไม่ต้องเปิดฝาได้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชอบถ่ายภาพ Selfie เป็นงานอดิเรก

 

อัพเดทโปรโมชั่นล่าสุด  ราคาเครื่องเปล่า 23,500 บาท

ของแถมเพิ่มเติมจากร้าน (Jaymart)

• Power Bank 5200 mAh

• Car Charger

ปล. หากซื้อพร้อมโปร สามารถเลือกโปรค่าบริการรายเดือนถูกสุด 350 บ. แล้วใช้งานแค่ 3  เดือน แล้วปิดเบอร์ได้ เพื่อแลกกับส่วนลดค่าเรื่อง 1,600 บ.

 

Galaxy S5

pro-s5
มาถึงพี่ใหญ่แห่งแดนโสมกันบ้างกับ Samsung Galaxy S5 ที่เน้นรับมือกับหน้าฝนแบบจัดเต็มด้วยมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น IP67 แถมเอาใจคนรักสุขภาพด้วยเซ็นเซอร์ตรวจจับชีพจร นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคหน้าจอได้แบบ iPhone 5s และยังคงหนักแน่นที่จะใช้บอดี้พลาสติก ที่เน้นถึงความบางเบาโดยไม่แคร์ว่าใครจะว่ายังไง ส่วนซีพียู ก็เท่ากับ HTC One M8 คือ Snapdragon 801 Quad Core 2.5 GHz กล้องหลังพัฒนาให้ออโต้โฟกัสเร็วขึ้นเพียง 0.3 วินาที เท่านั้น ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ทั้งนี้ยังโดดเด่นในเรื่องของการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Wearable อย่าง Gear Fit และ Gear 2 เพื่อตรวจจับนับก้าว วัดแคลอรี่ และแจ้งเตือนต่างๆ ได้อย่างสุดล้ำ ดังนั้นคนที่เหมาะที่สุดกับ Galaxy S5 ก็คือ ผู้ที่รักสุขภาพ และต้องการพกพาสมาร์ทโฟนที่บางเบา และไม่กลัวน้ำ กลัวฝุ่น

gear2_1_prod_0

gear1_1_prod_1

 

 

อัพเดทโปรโมชั่นล่าสุด เปิดตัวสีใหม่ Copper Gold ราคายังเท่ากับตอนเปิดตัว 23,800 บาท

ของแถมมาตรฐานจากซัมซุง

• USB Drive 16 GB + หมอน

• ติดฟิล์มฟรีที่บูต Focus

 

ของแถมเพิ่มเติมแต่ละร้าน (บูต Apple Plus)

• เคส Flip

• Power Bank ยี่ห้อ Tel & Tel 5200 mAh

• ซื้อสดลดได้ พันกว่าบาท ซื้อผ่อน 0%  ก็ได้รับส่วนลด พันนิดๆ

pro-s5-01
รับเงินคืน เมื่อจ่ายด้วยบัตรเครดิตกรุงศรีฯ

 

 

ของแถมเพิ่มเติมแต่ละร้าน (บูต TG Fone)

• เคสฝาหลัง

• Power Bank 5200 mAh

• Micro SD Card 16 GB

• จ่ายสด ลดเหลือ 22,500 บ.

 

ของแถมเพิ่มเติมแต่ละร้าน (บูต  Jaymart)

• Car Charger

• Power Bank 5100 mAh

• Micro SD Card 16 GB

• จ่ายสด ลดเหลือ 22,490 บ.

 

Xperia Z2

pro-z2
สำหรับ Sony Xperia Z2 ก็น่าจับตาดูไม่เบา เพราะมาพร้อมหน้าจอใหญ่กว่าเพื่อนคือ 5.2 นิ้ว ที่สำคัญเป็นจอแบบ Triluminos ที่ให้สีสันสวยสดคมชัด แต่ถึงแม้ซีพียูจะน้อยกว่า 2 ตัวแรก นิดหน่อย คือ Snapdragon 801 Quad Core 2.3 GHz แต่ให้แรมมามากกว่าใครที่ 3 GB (S5 กับ M8 ให้แค่ 2 GB) แต่ที่ชนะเลิศกว่าใครคือกล้องหลัง Sony Len G 20.7 ล้านพิกเซล ความละเอียดสูงที่สุดของแอนดรอยด์สมาร์ทโฟนแล้วล่ะ แถมให้รูรับแสงกว้าง F2.0 ถ่ายภาพในที่มืดได้สบายๆ นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบกันน้ำกันฝุ่น ที่สามารถลงน้ำได้ลึก 1.5 ม. ได้นาน 30 นาที ซึ่งถือเป็นฟีเจอร์หลักมานานในหลายๆ รุ่นของ Xperia ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว และที่สำคัญยังให้แบตความจุมากที่สุดอีกด้วยคือ 3200 mAh

 

นอกจากนี้ Sony ยังได้ออก SmartBand สำหรับใส่ข้อมือเพื่อตรวจนับก้าว ตรวจจับการนอน และควบคุมการเล่นเพลง รับสาย หรือสั่นเตือนได้ มีสายให้เลือกหลายสี เล็กกะทัดรัดดี กันน้ำ กันฝุ่นได้เช่นกัน แต่จะไม่มีหน้าจอแสดงผลใดๆ ต้องดูรายงานต่างๆ บนแอพจาก Z2 แทน แต่หากต้องการรุ่นที่มีหน้าจอก็ต้องเป็น Sony Smartwatch 2 แทนละกัน

swr10-smartband-your-style-

ดังนั้นคนที่เหมาะกับ Xperia Z2 คงหนีไม่พ้นสาวกที่ชอบถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจ โดยที่ไม่ต้องพกกล้องคอมแพ็กอีกตัวให้ยุ่งยาก แถมพร้อมแชร์อวดภาพได้ทันที บนบอดี้ทนทาน กันน้ำกันฝุ่น ดูเหลี่ยมๆ แข็งแรงสไตล์โซนี่ ใครรักใครเลิฟ ก็จัดไป

 

อัพเดทโปรโมชั่นล่าสุด ราคา 23,990 บาท ตอนนี้ตัวสีดำบางบูตหมดแล้วนะครับ จะเหลือสีม่วง กับสีขาวที่ยังพอมีอยู่ 

ของแถมมาตรฐานจากโซนี่

• ร่ม

• Wrist Band Sony

• แท่นชาร์จ Magnetic Charging Dock (ของหมดตั้งแต่วันแรก)

 

ของแถมเพิ่มเติมจากร้าน (Sunshine)

• Powerbank 5000 mAh

• เคสฝาหลัง

• MicroSD Card 16 GB

 

ส่วน SMARTBAND ราคา 3,490 บาท ตอนนี้มีเฉพาะสีดำ (ในเซ็ตจะมีสายมาให้ทั้ง ไซส์ S และ L)

smartband

 

 

ส่วนสาย smartband เลือกได้ 3 สี ในราคา 790 บาท (ตอนนี้ของยังไม่เข้า จะมาปลายเดือนพ.ค.)

 

 

ซัมซุงจัดงาน “Be the First” เปิดขายซัมซุง กาแลคซี่ เอส 5 พร้อมกันทั่วโลก

 

3

 

นายวิชัย พรพระตั้ง รองประธานธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด และ นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) จัดงาน “Be the First” พร้อมเชิญนักแสดงหนุ่มสุดฮ็อต โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ เพื่อนับถอยหลังสู่การวางจำหน่าย ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 5 อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ในวันที่ 11 เมษายน เวลา 11.11 น. พร้อม 125 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งร่วมแสดงความยินดีกับ มร. พอล บุย ชาวเบลเยี่ยมที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นคนแรกในประเทศไทยที่มาต่อแถวรอซื้อเพื่อครอบครอง “ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 5” พร้อมสิทธิพิเศษเพียงหนึ่งเดียวที่ได้เป็นเจ้าของซัมซุง เกียร์ ฟิต และอุปกรณ์เสริม มูลค่ากว่า 9,000 บาท ฟรีอีกด้วย ณ ซัมซุง เอ็กซ์พีเรียนซ์ ช็อป ชั้น 3 สยามพารากอน

 

11

 

Truemove H งานงอก ลูกค้าจอง Gear Fit แต่ของเข้าไม่ทัน จัด Power Bank เพิ่มเป็นของปลอบใจ

AW-New-Galaxy-Package_galaxyS5-Gear(2)

วันนี้ถือเป็นวันแรกของการวางจำหน่าย Samsung Galaxy S5 และ Galaxy Gear Fit ซึ่งผมเองก็ได้ทำการจองทั้ง 2 อย่าง ผ่านตัวแทนจำหน่าย Truemove H เอาไว้ ตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้จอง จนกระทั่งวันนี้ 11 เมษายน 2557 ถึงกำหนดวันรับเครื่องตามสาขาที่เราเลือกเอาไว้ ซึ่งผมเลือกรับเครื่องที่ TruemoveH สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 3

 

เมื่อไปถึงก็มีลูกค้าอยู่แน่นร้านพอสมควรเนื่องจากพื้นที่ช็อปนี้ค่อนข้างแคบมาก ผมยืนหาเจ้าหน้าที่อยู่สักพักเพื่อจะสอบถามแต่ดูเหมือนทุกคนจะยุ่งกันหมด เลยต้องเดินเข้าไปถามพนักงานที่ให้บริการอยู่ด้านใน พนักงานบอกว่าให้ติดต่ออีกเคาท์เตอร์นึง ซึ่งอยู่ถัดไป โอเค…เลยนำเอกสารใบจองให้ตรวจสอบ ใช้เวลาสักพักใหญ่ๆ พนักงานก็แจ้งกลับมาว่า ตอนนี้ Gear Fit ที่จองไว้คู่กับ Galaxy S5 ยังไม่มีของเข้ามา… ได้ฟังดังนั้น ก็เงิบไปสักพัก ว่าจะเอาไงดี

 

ในระหว่างนั้นก็มีเจ้าหน้าที่จากทรู โทรเข้ามาแจ้งว่า Gear Fit ยังไม่มีของเข้ามา อาจจะเลทไปหน่อย ซึ่งตอนนี้คือเรามายืนอยู่ที่หน้าช็อปแล้ว มาแจ้งตอนนี้คือช้าไปหน่อยนะครับ จากนั้นพนักงานก็แจ้งข้อเสนอเพิ่มเติมให้ว่าจะมีการแถม Power Bank ให้ฟรีอีก 1 ตัว เพื่อชดเชยความล่าช้าที่เกิดขึ้น อันนี้ก็ขอชมว่าทรูรับผิดชอบความรู้สึกลูกค้าได้ดีพอสมควร

 

กลับมาที่ช็อป หลังจากวางสาย พนักงานก็บอกให้รับเฉพาะ Galaxy S5 กลับไปก่อน ส่วน Gear Fit จะมีพนักงานโทรแจ้งอีกครั้งเมื่อมีเครื่องมาถึง ก็ถือว่ายังดีที่ได้ Galaxy S5 มาเป็นเพื่อนเล่นน้ำสงกรานต์ด้วยกันก่อน ส่วนน้อง Gear Fit ค่อยเจอกันหลังสงกรานต์นะจะ

 

แล้วก็เลยถามพนักงานที่ช็อปทรูว่า Gear Fit จะเข้ามาวันไหน พนักงานท่านหนึ่ง บอกว่าประมาณ 18-19 เม.ษ. นี้ ผมก็เลยทวีตผ่านแอคเคาท์ส่วนตัว @than_dplus เพื่อกระจายข่าวเรื่องนี้ให้แฟนๆ ทราบ สักพักหนึ่ง ทาง @SamsungMobileTH ก็ได้ทวีตตอบกลับมาว่า “ของเข้ามาแล้วครับ แต่อาจจะยังไม่ทั่วเท่านั้นครับผม” ดังนั้นแสดงว่าบางช็อปอาจจะมีเครื่องพร้อมส่งให้กับลูกค้าที่จองแล้วก็ได้ ซึ่งผมดันเจอกับสาขาที่ของเข้าไปไม่ทันก็เป็นได้ ใครที่ได้ Gear Fit พร้อม Galaxy S5 เลย ก็ช่วยรายงานกันมาได้นะครับว่าช็อปไหน สาขาไหน

 

 

ดังนั้นใครที่จอง Galaxy S5 + Gear Fit แล้วยังไม่ได้ของพร้อมกัน ทางทรูฯ จะมี Power Bank ขนาด 6200 mAh เพิ่มให้อีก 1 ตัว นะครับ ก็ถือว่าคุ้มค่ากับที่เสียเวลาไปนะครับ

 

ล่าสุดทาง @SamsungMobileTH ตอบกลับมาเพิ่มเติมว่า “ตอนนี้เริ่มทยอยวางจำหน่ายที่ Samsung Shop แล้ว แต่ของยังมีไม่เยอะ ส่วนทาง operator อาจจะต้องรบกวนให้ติดต่อหน้าช้อปโดยตรงครับผม

 

 

 

TrueMove H เปิดให้ลงทะเบียนสนใจ Galaxy S5 ก่อนใคร แต่ไร้สีทองนะจะ

 

ตอนนี้ที่หน้าเว็บไซต์ TrueMove H ได้เปิดให้ผู้สนใจเริ่มลงทะเบียนในการรับข้อมูล Samsung Galaxy S5 แล้ว ซึ่งยังไม่ถือว่าเป็นการจองแต่อย่างใดนะครับ ตามธรรมเนียมคือจะให้ลูกค้ากรอกรายละเอียดเพื่อรอรับข้อมูลเมื่อถึงวันจองอีกครัั้ง

 

booking-s5

โดยในหน้าลงทะเบียนดังกล่าว จะมีสีให้เลือกแค่ 3 สี คือ ดำ, น้ำเงิน และ ขาว เท่านั้น ดังนั้นจึงตั้งข้อสังเกตได้ว่า ซัมซุงอาจจะยังไม่ได้นำเข้า Galaxy S5 ที่เป็นสีทองมาให้คนไทยในช่วงแรก ด้วยเหตุผลใดนั้นอันนี้ก็มิทราบได้ ยังไงคงต้องรอดูในวันที่เปิดรับจองจริงๆ อีกครั้งว่าจะมีสีทองมาให้เลือกเพิ่มรึเปล่า

 

Source : TrueMoveH

Galaxy S5 เล่นสงกรานต์ได้ แค่ไหนปลอดภัยสุด

Galaxy-S5-Waterproof-001
 
จากงานประกาศเปิดมือถือ Galaxy S5 ของซัมซุงเมื่อวันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในเวที Unpacked 5 Galaxy S5 นำความตื่นเต้นมาสู่ผู้ชมกันถ้วนหน้าจุดที่น่าสนใจก็คงจะเป็นมือถือกันฝุ่นกันน้ำได้ (water-proof) รองรับมาตรฐาน IP67 นี่เอง ทุกวันนี้สมาร์ทโฟนหลายรุ่นสามารถกันน้ำตามมาตรฐาน IP แตกต่างกันไป เช่น IP67 บน Galaxy S5 หรือ IP58 บน Sony Xperia Z2 เป็นต้น หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วมือถือที่ได้รับมาตรฐาน IP ที่ว่ามันกันน้ำได้สักแค่ไหน
 
จากที่เคยรายงานข่าวการสาธิตมือถือกันน้ำของ Archos ไปแล้วก่อนหน้านี้ ทำให้เราต้องหันมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับความสามารถในการกันน้ำของมือถือกันสักที บริษัทเจ้าของผู้ผลิตมือถืออาจจะให้ข้อมูลกับผู้บริโภคไม่ชัดเจนเท่าที่ควรดูอย่าง CEO ของ Archos เอง ยังพลาด อย่างแรงเกี่ยวกับการกันน้ำ water-proof บนมือถือของตัวเอง ฝ่ายการตลาดบางบริษัทก็ยังโฆษณาเกินจริงด้วย หากผู้ใช้หลงเชื่อคำกล่าวอ้างในโฆษณาโดยไม่ทำความเข้าใจอย่างแท้จริง อาจนำมือถือไปใช้งานแบบผิด ๆ และเกิดความเสียหายขึ้นได้
 
วันนี้เพื่อให้คุณเข้าใจมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่นของมือถือ เราจึงขอแนะนำวิธีการอ่านค่ารหัส IP กันสักหน่อย
 

  • IP ย่อมาจาก Ingress Protectionการป้องกันฝุ่นและน้ำไม่ให้เข้าถึงด้านในตัวเครื่อง (ingress แปลว่า เล็ดลอดเข้า)
  • เลขหลักที่ 1 คือระดับการป้องกันฝุ่น ถ้าหลักแรกเป็น X เช่น IPX5 หมายถึงไม่กันฝุ่นเลย
  • เลขหลักที่ 2 คือระดับการป้องกันน้ำ ถ้าหลักที่ 2 เป็น X เช่น IP5X หมายถึงไม่กันน้ำเลย

 
ทีนี้ลองมาดูว่าระดับการกันน้ำกันฝุ่นตามค่าตัวเลขนั้น มันกันมากน้อยแค่ไหน
 

เลขหลักแรก ระดับการป้องกันฝุ่น
 
0 ไม่ป้องกันฝุ่นเลย
1 ป้องกันของแข็งที่มีขนาดใหญ่กว่า 50 มม. ขึ้นไป
2 ป้องกันของแข็งที่มีขนาดใหญ่กว่า 12 มม. ขึ้นไป
3 ป้องกันของแข็งที่มีขนาดใหญ่กว่า 2.5 มม. ขึ้นไป
4 ป้องกันจากของแข็งที่มีขนาดใหญ่กว่า 1 มม.
5 ป้องกันฝุ่นผง แต่ก็ยังมีฝุ่นเข้าในตัวเครื่องได้นิดหน่อย
6 ป้องกันจากฝุ่นผงได้ดี ฝุ่นไม่สามารถเข้าในตัวเครื่องได้
 
เลขหลักที่สอง ระดับการป้องกันน้ำ
 
0 ไม่ป้องกันน้ำหรือของเหลวได้เลย
1 ป้องกันน้ำกระเซ็น หรือฝนที่ตกลงมาในแนวดิ่ง
2 ป้องกันน้ำกระทบทำมุม 15 องศาจากแนวดิ่ง
3 ป้องกันน้ำกระเซ็น หรือฝนที่ตกกระทบทำมุม 60 องศาจากแนวดิ่ง
4 ป้องกันน้ำกระเซ็นได้รอบ
5 ป้องกันน้ำที่ฉีดมาใส่ตัวเครื่อง
6 ป้องกันน้ำที่ฉีดมาแรง ๆ ใส่ตัวเครื่อง
6K ป้องกันน้ำที่ฉีดมาแรงมากใส่ตัวเครื่อง
7 ป้องกันน้ำจากการจุ่มลงในน้ำลึก 1 เมตร
8 ป้องกันน้ำจากการจุ่มลงในน้ำลึก3 เมตร
9K ป้องกันน้ำที่มีแรงดันและอุณหภูมิสูง

 
อย่างเช่น
 

  • มือถือ Galaxy S5 รองรับมาตรฐาน IP67 สามารถป้องกันฝุ่น กันน้ำในระดับความลึก 1 เมตร
  • มือถือ Sony Xperia Z2 รองรับมาตรฐาน IP58 อาจมีฝุ่นเข้าได้เล็กน้อย สามารถจุ่มน้ำระดับความลึก 3 เมตร

 

Galaxy S5 รองรับมาตรฐาน IP67 สามารถป้องกันฝุ่น กันน้ำในระดับความลึก 1 เมตร
Galaxy S5 รองรับมาตรฐาน IP67 สามารถป้องกันฝุ่น กันน้ำในระดับความลึก 1 เมตร

 
Sony Xperia Z2 รองรับมาตรฐาน IP58 อาจมีฝุ่นเข้าได้เล็กน้อย สามารถจุ่มน้ำระดับความลึก 3 เมตร
Sony Xperia Z2 รองรับมาตรฐาน IP58 อาจมีฝุ่นเข้าได้เล็กน้อย สามารถจุ่มน้ำระดับความลึก 3 เมตร

 

เมื่อคุณเข้าใจวิธีอ่านค่ามาตรฐาน IP แล้ว สงกรานต์ปีนี้จะได้รู้ว่าต้องป้องกันมือถือของตัวเองมากน้อยแค่ไหนถึงจะ “เอาอยู่
 

source : phonearena
 

เทียบกันหน่อยมั้ย?ระหว่าง Galaxy S5 กับ iPhone 5s

ในงาน MWC ที่ผ่านมา รุ่นที่แรงและเป็นที่จับตาที่สุดคงหนีไม่พ้น  Galaxy S5 และทาง Samsung หมายมั่นปั้นมือจะปล่อย galaxy S5 ออกมาก็เพื่อจะชนะ iPhone 5s ของฝั่ง Apple ให้ได้ ไหนจะเป็นเรื่องสแกนนิ้วมือ หรือการปล่อยสีทองออกมา

BhUSnqoCYAAL1Vn

 
 

เรื่องใครลอกใครเราเห็นกันอยู่ ไม่ต้องพูดละกันเรื่องนี้

แต่ก็ขอชมเชย Galaxy S5 ที่พัฒนาสิ่งใหม่ๆ(ที่ไม่ได้ลอก) ออกมามากมาเลย เช่น Auto Focus ที่มีความไวถึง 0.3 วินาที ,วัดอัตราการเต้นของหัวใจ,กันน้ำกันฝุ่น

 
 

แต่ถ้าใครตัดสินใจระหว่าง 2 รุ่นนี้อยู่แนะนำดูสเปคจากตารางนี้เทียบและตัดสินใจดู

iphone-5s-vs-galaxy-s5

Snapdragon 801 ที่มากับ Galaxy S5 เร็วและแรงแค่ไหน สู้ 64-bit ได้ปะ?

ในขณะที่สมาร์ทโฟนหลายรุ่นที่ออกมาใหม่ ที่ว่าสเปคแรงๆต่างก็หันมาใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 800 ซึ่งจุดเด่นๆคือรองรับ LTE ส่วนความแรงยอมรับว่าแรง อย่างเช่น Note 3 รุ่น  LTE หรือ Lumia 1520 แต่ยังไงก็แรงไม่เท่าชิป A7 ของฝั่ง Apple ที่แรงในระดับ 64-bit ก่อนที่จะมีการเปิดตัว  Galaxy S5 ก็มีข่าวออกมามากมายว่า Samsung น่าจะท้าชน Apple ดูซักตั้งกับชิปประมวลผลที่จะแรงไปถึงขั้น 64-bit

Apple-A7-64-bit

 

 

ยอมรับว่าเซอร์ไพรส์พอสมควร เมื่อ  Galaxy S5 เปิดตัวมาพร้อมกับ ชิปประมวลผล Snapdragon 801 มันยังไง? แรงระดับไหน? มาดูความสามารถของ Snapdragon 801 กัน

 

 

Snapdragon 801 กลายเป็นชิปประมวลผลรุ่นเรือธงของ Samsung  ไปแล้ว มีความเร็วอยู่ที่ 2.5 GHz ถามว่าแรงไหม? แรงสิ แต่ไม่ถึง 64-bit เพราะ Samsung กล่าวหา Apple ว่า 64-bit ไม่มีอยู่จริงและเป็นไปไม่ได้เป็นแค่กลยุทธทางการตลาด ทั้งๆที่รู้ว่า Qualcomm  ได้เปิดตัว Snapdragon 610 และ 615 ที่พัฒนาไปถึง 64-bit แล้ว แต่ทำไมเลือกใช้ Snapdragon 801 ที่เป็นชิปประมวลผลที่เปิดตัวพร้อมๆกับ Snapdragon 610 และ 615  

snapdragon_801

 

 

สิ่งที่กำลังจะบอกคือ Snapdragon 801 เป็นแค่ minor changed ของ Snapdragon 800  เท่านั้นเอง สิ่งที่ Snapdragon 801 พัฒนามาจาก Snapdragon 800 คือ

• เพิ่มความเร็วของ Auto Focus ของกล้อง ในระดับความเร็ว 0.3 วินาที

• ความสามารถในการชาร์ตแบตเตอรี่ที่เร็วขึ้น

• รองรับ WiFi 802.11ac

• รองรับการส่งข้อมูลระดับ 400Mbps 

 

 

บอกแล้วว่ามันแค่ minor changed มันขยับมานิดเดียวเอง แต่เอาน่า ก็นับว่าของเค้าก็แรงอยู่นะ

images_13932737231

Galaxy S5 ความจุ 16 GB เหลือพื้นที่ใช้งานจริงน้อยสุด!ในตระกูล

Wassuppp! เดือนที่แล้วเราเคยรายงานพื้นที่ใช้งานคงเหลือของสมาร์ทโฟน รุ่น 16 GB หลังเพิ่งถอยออกจากร้านใหม่ๆ ปรากฎว่า Galaxy  S4 เหลือพื้นที่น้อยสุด 8.56 GB หรือ 54% เท่านั้น แต่ตอนนี้ S4 สามารถยืดอกได้เต็มที่ เมื่อน้องใหม่อย่าง Galaxy S5 ทุบสถิติไปเรียบร้อยด้วยพื้นที่คงเหลือ 7.86 GB << นั่นมันไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ!

 

samsung-galaxy-s5-storage
ภาพและข้อมูลจาก androidcentral

 

จากรูปจะเห็นได้ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่เกือบ 50% หายไปกับแอพพลิเคชั่นในระบบ และการทำงานของ OS (เหลือไว้ให้ติดตั้งเองบ้างก็ได้นะ..อุ๊ปส์!) ดังนั้นถ้าคิดจะใช้ S5 ความจุ 16 GB แต่กลัวเครื่องหน่วงเครื่องรีสตาร์ททางออกตอนนี้คือต้องพึ่ง Micro-SD (มีของแถมเป็น Micro-SD ให้รีบหยิบไว้ก่อน ส่วนใหญ่จะแถมให้ 16 GB) หรือซื้อรุ่นความจุ 32 GB ไปเลย (รอคอนเฟิร์มก่อนวางจำหน่าย) บางครั้งก็เริ่มสงสัย..ว่า Samsung จัดหนักจัดเต็มแอพให้เยอะแยะมากมาย แต่ไม่ถามสุขภาพฮาร์ดดิสซ้ากคำ!

 

Samsung Galaxy S5 สีทองบุกพร้อมกัน 150 ประเทศ กู้เรทติ้ง Gold Edition S4

Wassuppp! ยังไม่ทันถึงเดือนเมษายนที่ทาง Samsung ประกาศวางจำหน่าย Galaxy S5 อย่างเป็นทางการ ก็เริ่มมีกระแสเปรียบเทียบเรื่องสีเครื่องกับคู่แข่งอย่าง iPhone 5S มากกว่าการกันน้ำกันฝุ่น หรือสแกนลายนิ้วมือได้ซะแล้ว ถ้าใครเคยตามข่าวคงพอทราบว่า Samsung Galaxy S4 ก็มีเครื่องสีทองเหมือนกัน และเปิดตัวไป 2 รุ่นคือ Gold Brown และ Gold Pink ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

 

gold-galaxy-s4-samsung-

 

แต่หลังจาก Apple วางจำหน่าย iPhone 5S เครื่องสีทองพร้อมกับสีดำเทาและสีเงินทั่วโลกก็ได้รับความนิยมเกินคาด (ในไทยเป็นสีที่หายากสุดๆก็ว่าได้) และนี่อาจทำให้ Samsung มองเห็นโอกาสการเพิ่มเครื่องสีทองขึ้นมา โดยจะเปิดตัวพร้อมกัน 150 ประเทศ แล้วแฟนๆหละจะให้โอกาสรึเปล่า? ก็ยังไม่มีใครให้ตอบได้ว่าคิวรอซื้อ S5 สีทองจะมีมากน้อยแค่ไหน!

 

samsungvsapple-1-640x320
ภาพและข้อมูลจาก cultofmac

 

แต่สมัยนี้การเกาะติดกระแสก็สำคัญ (ยิ่งหายากยิ่งอยากได้ ยิ่งแปลกยิ่งชอบ) ถึงจะบอกว่าเป็นความชอบส่วนบุคคลแต่เรื่องนีึงที่ยอมไม่ได้คืออินเทรนด์นี่แหล่ะ ก็ไม่รู้สินะว่า S5 จะออกสีทองช้าไปรึเปล่า ต้องรอดูวันเปิดตัวอีกทีว่าสีไหนจะมาแรงสุด จากกราฟข้างล่างนี้พอบอกได้เป็นนัยๆว่าผู้ชายก็ไม่ได้ใช้สีทองน้อยไปกว่าหญิงสักเท่าไหร่นะ..อุ๊ปส์!

 

cirp2