[Andriod] ถ้าเปิดดูโฆษณาบนมือถือแล้วได้เงิน เป็นใครใครก็เปิด บร๊ะ!

Slidejoy เป็นแอพพลิเคชั่นตัวใหม่บน Andriod Phone ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆนี้ โดยบริษัทแบรนด์ดังอย่าง  J. Crew, Adidas, Target, และ Best Buy ความน่าสนใจของแอพลิเคชั่นตัวนี้คือ เปลี่ยนความน่ารำคาญจากโฆษณาบนสมาร์ทโฟนให้กลายเป็นเงิน  กรี๊ดดด

Slidejoy-ads-Android

 
 
จากคำอธิบายรายละเอียดของ Slidejoy คือ เป็นแอพพลิเคชั่นที่ให้เราโหลดมาเพื่อติดตั้งโฆษณาในหน้า Lock Screen บนสมาร์ทโฟนของเรา ซึ่งเราเลือกได้ที่จะเปิดดูโฆษณาอันนั้นหรือไม่ดูก็ได้  แต่ถ้าดูทางบริษัทที่เป็นเจ้าของแอพพลิเคชั่นตัวนี้ก็จะจ่ายเงินเราเป็นรายเดือน เดือนละ $5-15 หรือ 175-525 บาท ซึ่งแล้วแต่จำนวนครั้งที่เราสไลด์ดูโฆษณา ส่วนดีไซด์ของโฆษณาที่จะมาอยู่บนหน้า Lock Screen ก็ถูกออกแบบมาให้สวยงาม ในแบบที่เราพอจะรับได้  แต่ถ้าวันไหนไม่สนใจไม่อยากดู เราเลือกได้โดยสไลด์หน้าจอไปทางขวา ถ้าจะดูก็สไลด์ไปทางซ้าย แล้วรอรับเงินสิ้นเดือนได้เลย

Slidejoy-ad

 
 
ถือเป็นการสนับสนุนเยาวชน(ที่ใช้สมาร์ทโฟน) ให้มีรายได้พิเศษ อื้มมม…ก็เข้าท่านะ ส่วนชาว iOS ก็จะมีโอกาสได้เงิน เอ้ย..ได้โหลดแอพพลิเคชั่น Slidejoy ตัวนี้ได้เหมือนกันแต่น่าจะราวๆเดือนกันยายน ส่วนฝั่งแอนดรอยด์ได้โหลดกันเร็วๆนี้แน่นอน (แค่ยังไม่ระบุวัน)

 
 

ถามว่าโหลดมั้ย..โหลดสิโหลด

 

Source: Cnet

Facebook Paper รวมฟีดข่าวและโซเชียล ในสไตล์ Storytelling

Facebook-paper-01

Facebook ประกาศข่าวเตรียมเปิดตัวแอพ Paper สำหรับ iPhone แอพพลิเคชั่นล่าสุดที่จะออกมาเอาใจคนชอบอ่านข่าวโดยเฉพาะ ด้วยฟีเจอร์ที่มาในสไตล์คอนเซ็ปของ Storytelling ที่นำเสนอเรื่องราว ข่าวสารต่างๆ จากโซเชียลเน็ตเวิร์ค ได้อย่างสวยงาม โดยใช้ลูกเล่นการพลิกหน้าจอที่คล้ายกับการเปิดอ่านหนังสือพิมพ์ ดูๆ แล้วก็เหมือนกับแอพ Flipboard นั่นเอง ไปดูกันเลยครับว่ามีอะไรที่โดดเด่นกันบ้าง
แสดงสถานะ รูปภาพที่เพื่อนๆ แชร์ ในรูปแบบใหม่ที่จัดเรียงร้อยเป็นเรื่องราว คล้ายๆ กับ Flipboard

Facebook-paper-02

 

เวลาดูรูปสามารถที่จะเอียงเครื่องซ้าย ขวา เพื่อดูภาพในมุมมองที่เหลือได้

Facebook-paper-03

 

รูปในอัลบั้มจะถูกจัดเรียงภาพลงมาให้เพื่อนสามารถลากดูได้

Facebook-paper-04

 

ไฮไลต์ที่สุดของ Facebook Paper ก็คือศูนย์รวมข่าวจากแหล่งข่าวอันดับต้นๆ ของโลก โดยจะมีหลากหลายหมวดให้เลือก และสามารถเปิดอ่านได้ง่าย เพียงเลื่อนหน้าขึ้น ลง หรือ เลื่อน ซ้าย ขวา เพื่อให้ความรู้สึกเหมือนพลิกหน้าหนังสือพิมพ์

Facebook-paper-05

 

เลือกหมวดข่าวที่ต้องการได้ โดยมีมาให้กว่า 19 หมวด ทั้ง เฮดไลน์ข่าว, เทคโนโลยี, ตลก, อาหาร ฯลฯ
Facebook-paper-07

 

และแน่นอนว่ายังคงสามารถโพสต์รูป โพสต์สถานะต่างๆ ได้เหมือนกับ Facebook เช่นเดียวกัน จึงทำให้แอพ Paper อาจจะมาแทนที่แอพ Facebook ตัวเก่าไปเลยก็ได้

Facebook-paper-08

แอพ Paper จะเริ่มปล่อยให้ดาวน์โหลดผ่าน App Store ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์นี้ เฉพาะผู้ใช้ iPhone เท่านั้น ส่วนระบบปฏิบัติการอื่น อาจจะต้องรอกันไปก่อน

 

ดาวน์โหลด Facebook Paper for iPhone 
ชมคลิปแนะนำแอพ Paper

[youtube link=”http://youtu.be/IhrbT9O6kW8″ width=”590″ height=”315″]

Source : Facebook Paper

 

[Tips] เปลี่ยน icon iPhone ด้วยแอพ CoCoPPa โดยไม่ต้องง้อเจลเบรค

วันนี้จะมาแนะนำแอพพลิเคชั่นสุดฮอตจากญี่ปุ่น เป็นแอพพลิเคชั่นที่สามารถเปลี่ยน ไอคอน บนไอโฟน แถมยังเปลี่ยนวอลเปเปอร์ได้ด้วย มีให้เลือกหลายสไตล์ ที่สำคัญไม่ต้องเสียเวลาเจลเบรค

icon_256

 

 

เดี๋ยวเรามาลองเปลี่ยนไอคอนบนไอโฟนกันดีกว่า เอาซักหนึ่งไอคอนมาดูกันว่าเขาเปลี่ยนกันยังไง?

ก่อนอื่นดาว์นโหลดแอพ CoCoPPa กันก่อนที่ App Store

 

 

เสร็จแล้วกดเข้าไปเลย จะเห็นว่ามีหลายไอคอนให้เราเลือก ในที่นี้ขอเลือกอันที่ฮิตๆกัน เป็นไอคอน Youtube หน้าตาสวยงามมาก กดไปที่ไอคอนที่เลือกเลย

 

cocoppa1

 

 

จะเห็นรูปไอคอนที่เราเลือกมา กด Use this icon

cocoppa2

 

 

ที่นี้จะมีข้อความถามว่า เราจะลิงค์ไอคอนที่เลือกไปที่แอพพลิเคชั่นตัวไหน เราก็เลือก Youtube

cocoppa3

 

 

ทีนี้จะขึ้นรูปไอคอนที่เราเลือก กับรูปแอพพลิเคชั่นที่เราจะลิงค์ไป กด OK

cocoppa4

จะมีข้อความตัวหนังสือแดงๆขึ้นว่า ถ้าเราลบไอคอนแอพอันดั้งเดิม ข้อมูลอาจจะหาย ฉะนั้นไม่ต้องลบค่ะ ให้มีไว้ทั้งสองไอคอน หรือจะเอาไอคอนเก่าไปซ่อนไว้ในโฟลเดอร์เพื่อจะได้ดูไม่รก

 

 

พอขึ้นรูปนี้มาก็จะมีคำสั่งให้เรา กด Add to Home Screen เพื่อให้ไอคอนนี้ไปอยู่บนหน้า Home ของไอโฟน ให้เรากดตามที่วงสีแดงไว้

cocoppa5

 

 

จะออกมาเป็นแบบนี้ ก็ให้เราเลือก Add to Home Screen อย่างที่บอกไว้

coppa6

 

 

เสร็จแล้วไอคอน Youtube ที่เราเลือกไว้มาอยู่ที่หน้า Home เรียบร้อย ลองเปิดเช็คดูได้เลยว่ามันกลายเป็นแอพ Youtube จริงมั้ย

cocoppa7

 

 

ถ้าดูแค่ภาพไม่เข้าใจ เราจัดให้ค่ะ คลิปวิธีทำไอคอนจาก CoCoPPa

[youtube link=”http://youtu.be/U6gj_lvLpbs” width=”590″ height=”315″]

ทำ MV เองง่ายๆ ด้วย iMovie

 
ใครที่เล่น iPhone 5s, iPad Air, iPad mini With Retina หรือ Mac ก็คงทราบกันดีว่าเมื่อ Apple เปิดตัว iOS 7 และ OSX Mavericks ก็มีของแถมให้เราเล่นกันฟรีๆ นั่นก็คือ iMovie ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นสุดคลาสสิคที่เอาไว้ทำมิวสิควีดีโอ หรือทำหนัง ก่อนหน้านี้ iMovie มีราคาแพงมากๆ แต่ไม่รู้ว่า Apple เกิดใจดีอะไรปล่อยมาให้โหลดฟรีสำหรับผู้ที่ซื้อ iPhone 5s และ iPad รุ่นใหม่ ซะงั้น แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ของได้มาฟรีก็ต้องลองเล่นกันหน่อย
 

iMovie-2.0-for-iOS-app-icon-small

 

วันนี้จะมาลองทำ MV หรือมิวสิควีดีโอสั้นๆให้ดูกันเผื่อใครสนใจอยากจะทำ ก่อนอื่นต้องโหลด iMovie จาก App store กันก่อน ซึ่งมีให้ดาว์นโหลดกันทั้งในไอโฟน ไอแพด หรือ แมค ซึ่งอันนี้ดาว์นโหลดมาจากไอแพด    Download iMovie

หลังจากดาว์นโหลดเสร็จ ก็เริ่มกันได้เลย

 

 

เปิดมาจะเจอหน้าแรก ถ้าใครเคยสร้างโปรเจคอะไรไว้จะขึ้นหน้าที่มีโปรเจคของเราที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ ให้เราแตะไปที่มุมบนขวาสุดที่เป็นเครื่องหมายบวก เพื่อเป็นการสร้างโปรเจคใหม่

iMovie01 12.59.46 PM

 

 

ะขึ้นหัวข้อ New Project ให้เราเลือกระหว่าง Movie  กับ Trailer  Movie  โดยหากเลือกโหมด Movie จะใช้ในกรณีที่เราใส่วีดีโอ ใส่เพลงหรือใส่รูป และเพิ่มลูกเล่นเอฟเฟกต์ต่างๆ ได้ ส่วน Trailer จะเป็นการสร้างมิวสิควีดีโอเหมือนกันแต่จะมีเทมเพลตให้ใส่ประกอบภาพไปด้วย อันนี้เราทำแค่ MV เราเลือก Movie

iMovie02

 

 

เมื่อแตะไปที่ Movie แล้ว จะเจอหน้า New Movie ให้เราแตะ Creat Movie

iMovie03

 

 

แตะที่ Tab to insert media ในกรณีที่เราเตรียมวีดีโอหรือรูปภาพไว้แล้ว (แต่ถ้าจะถ่ายวีดีโอสดๆทางนี้เลย ให้เราแตะไปที่ Tab to record video) แต่กรณีนี้เราเตรียมวีดีโอไว้แล้ว

iMovie4

 

 

ทีนี้จะมีแถบด้านล่างให้เลือกว่าจะใส่ Video Photos หรือ Audio อันนี้ต้องเลือก Video ก่อนค่ะ ซึ่งเราไม่ต้องเสียเวลาไปดึงวีดีโอจาก Camera Roll เลย เพราะเจ้า iMovie จัดมาให้เราแล้วค่ะ ไม่ว่าเราจะเก็บวีดีโอที่ไหนก็จะขึ้นที่ไฟล์วีดีโอของ iMovie โดยอัตโนมัติเลย ทีนี้แตะเลือกวิดีโอที่เราจะใช้ตามในลิสต์ที่มีค่ะ เสร็จแล้วจะมีลูกศรชี้ลง ซึ่งเป็นตัว import วีดีโอของเราออกมา ให้แตะที่ลูกศร

iMovie05

 

 

ทีนี้เราจะเห็นว่าวีดีโอของเราลงมาอยู่ในไทม์ไลน์แล้ว  หลังจากนั้นแตะไปที่มุมขวาบนสุดที่เป็นรูปฟิล์มกับตัวโน้ต ปุ่มนี้หมายถึงการแอดตัวมีเดียเข้าไป

iMovie06

 

 

ในที่นี้เราเลือก Audio เพื่อเพิ่มเพลงประกอบ

iMovie07

 

 

ก็จะขึ้นหมวดหมู่ของเพลงที่เราเก็บไว้ใน iTunes ก็แล้วแต่เราจะเลือกว่าเพลงที่เราจะใช้อยู่หมวดหมู่ไหน พอแตะเลือกหมวดหมู่แล้ว ก็จะขึ้นรายชื่อเพลงที่เราเก็บไว้ ในนี้เราขอเลือกเพลงที่ทำเองกับมือชื่อเพลง On the road

iMovie08

พอแตะชื่อเพลงก็จะขึ้นลูกศรชี้ลงเหมือนตอนแอดรูป แตะที่ลูกศรเพื่อเป็นการ import เพลงลงไป

 

 

ทีนี้ก็คือเสร็จละ เราสามารถเช็คความเรียบร้อยจากไทม์ไลน์ที่เห็นโดยกดปุ่ม Play  แต่ถ้ายังไม่ดีต้องการย้อนกลับไปทำใหม่หรือแก้ไข เราจะเห็นลูกศรชี้ลง นั่นคือปุ่ม Undo

iMovie09

 

 

หากต้องการดูผลงานที่ได้ตัดต่อไว้ ให้แตะเครื่องหมาย < ทางซ้ายมือนั่นคือการกลับไปดูไฟล์ MV ที่เราสร้างไว้ซึ่งมันจะออโต้เซฟหรือบันทึกให้อัตโนมัติ

iMovie10

 

 

ถ้าเราอยากที่จะเซฟลงไว้ที่อื่นหรือแชร์ไปเฟซบุ๊ค ยูทูป หรือเก็บลงในไอแพดหรือไอโฟนของเรา ให้เรากดปุ่มแชร์ที่เป็นกรอบสีแดงวงไว้ในภาพ เลือกแชร์ตามต้องการ

iMovie11

 

 

เสร็จแล้ว ทีนี้มาดูผลงาน MV ที่ทำไว้ดีกว่า

[youtube link=”http://www.youtube.com/watch?v=08B7wY6tkkw&feature=share&list=UU9fdNKp8sQhWcMue74Sq5Og” width=”590″ height=”315″]

 

 

ปัญหายอดฮิตที่เจอบน iOS7

ios-fix-problem

จากประสบการณ์ที่มีผู้ใช้ไอโฟนหลายคนถามมา ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดจากฟังก์ชั่นใหม่ๆหลายฟังก์ชั่นของ iOS 7 ที่ทำเอาคนที่เคยใช้ไอโฟนเงิบกันเป็นแถว มาเริ่มจากปัญหาใหญ่สุดเลยดีกว่า

 

1. ปัญหา Activate เครื่องไม่ได้

10 find_activation_lock

ทำไมล่ะ? แต่ก่อนไม่เห็นมีปัญหาเลย ทำไมพอใช้ iOS 7 แล้วเจอแบบนี้ สมมติว่าเราอยากจะล้างเครื่องหรือ restore ไอโฟนของเรา แล้วมาติดตรงว่าเครื่อง Activate  เข้าใช้งานไม่ได้  ต้องบอกก่อนค่ะว่า iOS 7 ได้เพิ่มฟังก์ชั่นนี้เข้ามา คือ Activation Lock เพื่อป้องกันการถูกขโมยลักพาตัวไอโฟนของเราไป ถ้าเค้าไม่รู้รหัสผ่าน iCloud ID หรือ Apple ID ของเจ้าของเครื่อง เค้าจะใช้งานเครื่องไม่ได้ค่ะ ต่อให้ restore แล้ว restore อีก มันก็จะติดด่านตรวจซึ่งก็คือ Activation Lock นี่แหละค่ะ

 

แต่ถ้าบังเอิญเป็นเจ้าของเครื่องเอง แต่ Apple ID ไม่ใช่ของตัวเอง หรือบางคนใช้ Apple ID ของร้านตู้ที่รับลงแอพพลิเคชั่น งานเข้าทันทีค่ะ

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ตั้งแต่นี้ต่อไป เราอยู่ในยุค iOS 7 ที่ไม่สามารถดาว์นเกรดไปเวอร์ชั่นเก่าได้อีกต่อไปแล้ว ทุกคนที่ใช้ไอโฟนต้องมี Apple ID เป็นของตัวเองค่ะ จำเป็นมากๆ

 

แล้วในกรณีที่ลืมรหัสผ่านล่ะ? อันนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ตรงหน้า Activate เครื่องจะมีลิงค์ Forgot Apple ID or Password ?ให้เรากดเข้าไปรีเซตรหัสผ่านใหม่ได้ค่ะ

2014-01-16_17-39-03

แล้วถ้าเราจะขายไอโฟนให้คนอื่น เราจะจัดการยังไงกับเจ้า Activation Lock ไม่ยาก แต่ย้ำ! ว่าเราต้องไม่ลืม Apple ID และรหัสผ่านของเราที่ใช้งานอยู่

ซึ่งก่อนจะขายเครื่อง เราจะต้องลบแอคเคาท์ของตัวเองออกไปก่อน โดยไปที่ Settings > iCloud  แล้วแตะ Delete Account

2014-01-16_17-49-05

 

เครื่องจะถามว่า  Keep on My iPhone หรือ Delete from My iPhone กรณีขายเครื่องกด Delete from my iPhone เพื่อลบข้อมูลทั้งหมดออกจากตัวเครื่องด้วย

2014-01-16_19-44-07

 

หลังจากนั้นจะมีข้อความเด้งให้เราใส่รหัสผ่าน  Apple ID แล้วแตะปุ่ม Turn Off เพื่อปิด Find my iPhone ก่อนจะลบ

2014-01-16_19-39-01

แล้วเครื่องก็จะลบ Apple ID อันนี้ไป เอาไปขายต่อได้เลย เพราะ Activation Lock จะไม่ทำงานถ้าในตัวเครื่องไม่มี Apple ID อยู่

 

2. ปัญหา restore  เครื่องไม่ได้

จะ restore เครื่องซะหน่อยก็ถูกสั่งให้ปิด Find my iPhone ก่อน

Screen Shot 2557-01-16 at 1.34.42 PM

 

จริงๆ  iOS 7 ไม่ได้เรื่องมากแบบไร้เหตุผลนะคะะ แต่เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ถ้ามีคนหยิบไอโฟนเราไปแล้วเค้าจะปิด Find my iPhone ไม่ให้เราตามเครื่องเจอ หรือจะล้างเครื่องหรือ restore เครื่องใหม่เอาไปใช้เอง เค้าจะติดขั้นตอนนี้ค่ะ คือก่อนจะ restore  เครื่องได้ต้องปิด Find my iPhone ซึ่งก่อนจะปิดต้องใส่รหัสผ่าน ของ Apple ID หรือ iCloud ID ของเรานี่แหละค่ะ (จริงๆ  Apple ID กับ iCloud ID อาจเป็นคนละอันแล้วตามที่เราสมัครไว้)  และก็เหมือนกับกรณีของ Activation Lock ถ้าเครื่องเป็นของเรา เราต้องมี Apple ID ของเราเองค่ะ

 

วิธีปิด Find my iPhone เข้าไปที่ Settings > iCloud > Find my iPhone จากที่เห็นคือยังเป็น ON อยู่ สีเขียวๆ ให้แตะเพื่อจะปิด

2014-01-16_18-02-42

 

จากนั้นจะมีข้อความเด้งให้กรอกรหัสผ่านแล้วแตะปุ่ม Turn Off

2014-01-16_19-39-01

 

3. ปัญหา Application บางตัวเด้ง

อันนี้สาเหตุมาจากแอพบางตัวยังไม่รองรับ iOS 7 ค่ะ คงต้องรอนักพัฒนาแก้ไขกันไป ซึ่ง Apple  ได้ประกาศกับนักพัฒนาแล้วว่าภายในมีนาคมปีนี้ แอพพลิเคชั่นทุกตัวที่สร้างออกมาต้องรองรับ iOS 7 ได้ ก็รอไปก่อนอีกสองเดือนค่ะ

 

4. ปัญหาเสียบสายชาร์จ iPhone 5s แล้วไฟไม่เข้า

Lightning-to-usb-cable-shop

ถ้าไฟไม่เข้าแปลว่าสายปลอมค่ะ ทางแก้ ให้ซื้อสายชาร์จของแท้ดีกว่าค่ะ หรือไม่ก็สายที่ได้รับการ Certificate จาก Apple ว่าผ่านมาตรฐาน

 

5. ปัญหา Application บางตัวไม่ Auto Update

ใน iOS 7 ได้เพิ่มฟังก์ชั่น Auto Update ให้กับ Application โดยที่เราไม่ต้องคอยไล่กด Update ทีละตัวเหมือนเมื่อก่อน มาดูวิธีตั้งค่ากันก่อน

เข้าไปที่  Settings > iTunes & App Store แล้วเลื่อนลงมาตรงส่วนของ AUTOMATIC DOWNLOADS จากนั้นให้แตะ Updates ให้เป็น ON

2014-01-16_19-04-53

แต่ปัญหามันมีอยู่ว่าแอพพลิเคชั่นบางตัวไม่ Auto Update ทั้งๆ ที่เราก็ตั้งค่าแล้ว สาเหตุมาจาก แอพพลิเคชั่นเหล่านั้นใช้ Apple ID ในการดาว์นโหลดคนละ ID กับ Apple ID ที่เราใส่ไว้ในเครื่อง วิธีแก้คือลบแอพพลิเคชั่นเหล่านั้นออก แล้วโหลดใหม่ด้วย Apple ID ที่อยู่ในตัวเครื่อง ทีนี้ก็ Auto Update ได้ปกติแล้ว

 

6. ปัญหาของ iPhone 4 ที่ใช้ iOS 7  แล้วเครื่องช้า

ทาง Apple ได้รู้ปัญหานี้ของผู้ใช้ iPhone 4 จึงปล่อยเฟิร์มแวร์เวอร์ชั่น iOS 7.0.3 มาให้อัพเดท เพื่อแก้ปัญหาเครื่องช้าด้วยการปิดโหมด Reduce Motion โดยเข้าไปตั้งค่าตามนี้

Settings > General > Accessibility > Reduce Motion ตั้งเป็น OFF

2014-01-16_19-12-12

2014-01-16_19-33-01

 

ใครพบปัญหาเหล่านี้หรือมีเพิ่มเติมจากนี้ ก็คอมเมนท์กันเข้ามาได้ค่ะ เดี๋ยวเราจัดให้

 

Nokia Refocus ถ่ายก่อน โฟกัสทีหลัง แบ่งให้เพื่อนแตะโฟกัสด้วยก็ได้ เก๋ตรงนี้ล่ะ

Refocus-icon

 

แหม่ใครว่า Windows Phone ไม่ค่อยมีแอพอะไรให้เล่น วันนี้พูดเลยว่าของเค้าดีจริงๆ กับแอพ Nokia Refocus ที่ให้คุณสามารถถ่ายภาพก่อนแล้วโฟกัสทีหลัง ที่สำคัญเมื่อแชร์ภาพไปให้เพื่อนๆ แล้ว เพื่อนก็สามารถแตะเลือกจุดโฟกัสที่ต้องการชมได้อีกด้วย นี่แหละคือความสนุกของแอพ Nokia Refocus มาเริ่มดูวิธีการใช้งานกันได้เลย

 

ก่อนอื่นขอบอกว่าแอพ Nokia Refocus สามารถโหลดมาติดตั้งได้ฟรี โดยอาจจะมีบางรุ่นที่รองรับเท่านั้น โดยเฉพาะรุ่นที่สเปกกล้องสูงๆ จะเหมาะกับแอพนี้มากๆ โดยขณะนี้ในมือผมมี Nokia Lumia 1520 และ Lumia 1020 ก็สามารถใช้งานแอพ Nokia Refocus ได้สบายๆ ส่วน Lumia รุ่นอื่นๆ ที่อัพเดทเป็น Nokia Amber สามารถโหลดแอพนี้กันได้โลด

 

เทคนิคการถ่ายภาพด้วย Nokia Refocus
• วางกล้องให้ใกล้กับวัตถุมากที่สุด หรือเท่ากับระยะที่เลนส์สามารถ Close Up ได้ใกล้สุด อย่าง Lumia 1020 และ Lumia 1520 ใกล้สุดคือ 10 เซนติเมตร

• จัดองค์ประกอบภาพให้เห็นทั้งภาพแบล็กกราวด์ (ฉากหลัง) และโฟร์กราวด์ (ฉากหน้า)

• ถือโทรศัพท์ไว้ให้นิ่งที่สุด แล้วแตะบนหน้าจอเพื่อถ่ายภาพ โดยระบบจะเก็บภาพต่อเนื่องไว้หลายๆ ช็อต จากการสังเกตเสียงชัตเตอร์เวลาถ่าย น่าจะเก็บภาพไว้ประมาณ 6 ช็อต

• เมื่อถ่ายเสร็จ จะพรีวิวรูปขึ้นมาให้แตะเลือกจุดโฟกัสต่างๆ บนภาพได้เลย

Refocus-05

 

แต่งภาพก็ได้ด้วย Color Pop

นอกจากจะเลือกจุดโฟกัสทีหลังได้แล้ว ยังสามารถเลือกดูดสีที่ต้องการบนภาพได้อีกด้วย โดยเราสามารถแตะเลือกให้แสดงเฉพาะกลุ่มสีที่ต้องการ เหมือนหลอดดูดสีในโปรแกรม Photoshop โดยมีวิธีการใช้งานดังนี้

• จากภาพที่ถ่ายด้วยแอพ Nokia ReFocus ให้แตะเครื่องมือหลอดดูดสี ซ้ายมือสุดเพื่อเข้าสู่ฟังก์ชั่น color pop

• แล้วแตะเลือกกลุ่มสีที่ต้องการให้แสดงบนภาพได้เลย

Refocus-02

 

 

แชร์ภาพให้เพื่อนชม

Refocus-01

อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าภาพที่ถ่ายด้วยแอพ Nokia ReFocus จะแชร์ให้เพื่อนแตะโฟกัสได้อีกด้วย ดังนั้นเวลาแชร์ภาพจากแอพนี้ จะถูกส่งไปเป็นลิงค์ ดังนี้ https://refocus.nokia.com/refocus/ddPq3f4Zqie4GK72 ซึ่งสามารถแชร์ไปยัง Facebook และ Twitter ที่เพิ่มแอคเค้าท์ไว้ในเครื่องได้เท่านั้น เมื่อเพื่อนแตะบนลิงค์ดังกล่าวที่แสดงคล้ายๆ ลิงค์วิดีโอแบบ Youtube ก็จะสามารถแตะเลือกจุดโฟกัสได้ทันที ซึ่งวิธีการแชร์ก็เพียงแค่แตะปุ่ม แล้วเลือก Share…>Social media จากนั้นรอให้อัพโหลดไฟล์ขึ้นเซิร์ฟเวอร์ของแอพนี้ให้เรียบร้อย จนขึ้นหน้า POST A LINK ขึ้นมา เราสามารถเพิ่มข้อความลงใน Include a message ได้ จากนั้นแตะเลือกแชร์ไปยัง Facebook หรือ Twitter หรือทั้ง 2 อัน พร้อมกันก็ได้ แล้วแตะปุ่มเครื่องหมายถูก จากนั้นให้แตะปุ่มไอคอนแชร์ที่ด้านล่างได้เลย

Refocus-03

Refocus-04

 

เป็นไงล่ะครับลองเล่นกันดูแล้วจะรู้ว่า Nokia Lumia ก็มีอะไรให้เล่นสนุก ไม่ซ้ำใครอยู่เหมือนกัน ที่สำคัญนอกจากจะแชร์เป็นลิงค์แบบ ReFocus ได้แล้ว เราก็สามารถนำภาพที่บันทึกไว้ล่าสุด โพสต์ผ่านแอพ Facebook, Twitter หรือ Instagram ตามปกติก็ได้ ซึ่งก็จะทำให้ได้ภาพในมุมหน้าชัดหลังเบลอไปแชร์ให้เพื่อนๆ อิจฉาเล่นกันได้เลย

 

ทรูมูฟ เอช เปิดแคมเปญ “หลงรักประเทศไทยกับทรูมูฟ เอช” ผ่าน H TRAVEL ชวนเที่ยวส่งท้ายปี ลุ้นรางวัลที่พักโรงแรมสุดหรูทุกสัปดาห์

For Press 1

 

ทรูมูฟ เอช นำโดย นางรุ่งฟ้า เกียรติพจน์ (ที่ 5 จากซ้าย) ผู้ช่วยบริหารงานกรรมการผู้จัดการใหญ่และผู้อำนวยการด้านบริหารแบรนด์และบริหารสื่อโฆษณา กลุ่มทรู บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดแคมเปญ “หลงรักประเทศไทยกับทรูมูฟ เอช” ชวนคนไทยถ่ายรูป และแชร์ภาพการท่องเที่ยวสุดประทับใจผ่านแอพพลิเคชั่น H Travel บนเครือข่าย 3G จากทรูมูฟ เอช เร็วแรงเต็มสปีดทุกเส้นทางทั่วไทย ผู้ที่สนใจทุกเครือข่าย สามารถดาวน์โหลด H Travel พร้อมร่วมสนุกสะสมระยะทาง ลุ้นรับรางวัลที่พักโรงแรมสุดหรูทุกสัปดาห์ และรางวัลพิเศษอีกมากมายรวมมูลค่าทั้งสิ้น 700,000 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 28 กุมภาพันธ์ 2557

 

ทั้งนี้ พนักงานของทรูมูฟ เอช ได้ร่วมจัดทำ QR Code ฟางยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย บนพื้นที่ 1 ไร่ ณ ฟาร์มโชคชัย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อเชิญชวนให้โหลดแอพพลิเคชั่น H TRAVEL ที่เป็นมากกว่าไกด์ส่วนตัว พาท่องเที่ยว 77 จังหวัด ทั้งสถานที่กิน เที่ยว ที่พัก ช้อป พร้อมสายด่วน เบอร์โทรฉุกเฉิน ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น H TRAVEL ได้จาก App Store หรือ Google Play ลงทะเบียนร่วมสนุกในแคมเปญ “หลงรักเมืองไทยกับทรูมูฟ เอช” ได้ที่ http://www.truemove-h.com/htravel
 
For Press 3

Buzzebees แอพโซเซียล พรีวิเลจ เพลตฟอร์ม ต้นแบบความสำเร็จของบริษัท Start up ที่หันมาเลือกใช้ คลาวด์ เซอร์วิสจาก Windows Azure

Microsoft Thailand and Buzzebees

วันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งวันที่ได้รับข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับเรื่องของ Cloud Service ซึ่งทางไมโครซอฟต์ประเทศไทย ได้จัดแถลงข่าวกลุ่มย่อยให้กับสื่อมวลชนได้รู้จักกับ Windows Azure มากยิ่งขึ้น ซึ่งในงานนี้ก็ได้นางเอกจาก Buzzebees (บัซซี่บีส์) แอพพลิเคชั่นสะสมแต้มแลกของรางวัลจากการคลิกไลค์บน Facebook ที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วที่มีผู้ใช้งานกว่า 2 ล้านคน ภายในเวลา 1 ปี ที่นำทีมโดยคุณณัฐธิดา สงวนศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด มาแชร์ประสบการณ์ถึงเส้นทางความสำเร็จในครั้งนี้อีกด้วย

 

Buzzebees คืออะไร?
จากที่เกริ่นไว้แล้ว ว่าแอพ Buzzebees คืออะไร เรามาทำความรู้จักกับแอพตัวนี้ให้มากขึ้นอีกนิด โดยเจ้าแอพตัวนี้เป็นการผสมผสานระหว่างโซเชียลมีเดีย รอยัลตี้โปรแกรม และอีคอมเมิร์ช เข้าด้วยกัน ด้วยแนวคิดที่กระตุ้นให้ผู้ใช้ Facebook ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ได้เข้ามาทำกิจกรรมต่างๆ ผ่านแอพ Buzzebees ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์ แชร์ข้อความ รูปภาพ กด Like หรือแสดงความคิดเห็น รวมถึงการชวนเพื่อนเข้าร่วมกิจกรรมด้วย โดยผู้ใช้จะได้รับคะแนนเป็นการตอบแทน หลังจากนั้นจะสามารถนำคะแนนเหล่านี้ไปใช้เป็นส่วนลดในการซื้อสินค้า หรือใช้บริการ รวมถึงลุ้นรับของรางวัลได้ฟรีจากธุรกิจที่เข้าร่วม โดยรองรับทั้ง Android และ iOS หรือจะเข้าผ่านหน้าเว็บไซต์ www.buzzebees.com ก็ได้ ส่วนแอพบน Windows Phone จะเปิดให้บริการประมาณ ต้นปีหน้า

buzzebees

นอกจากที่จะทำแอพของตัวเองด้วยแล้ว Buzzebees ยังได้รับทำแอพให้กับองค์กรต่างๆ อีกด้วย โดยใช้แพลตฟอร์มของแอพตัวเองเป็นต้นแบบ ไม่ว่าจะเป็น AIS Privilege, Samsung Galaxy Gift, Galaxy Social Plus, Kimheng Gold และล่าสุดอย่าง SingTel จากสิงคโปร์ก็หันมาใช้แพลตฟอร์มนี้ในการเพิ่มมูลค่าให้บริการของธุรกิจตัวเองอีกด้วย

 

เส้นทางสู่ความสำเร็จ

Nattida Sanguansin - Buzzebees. Co. Ltd.
คุณณัฐธิดา เล่าให้ฟังว่า จากที่เริ่มทำแอพ Buzzebees ที่เป็นแพลตฟอร์มต้นแบบของโซเีชียล พริวิเลจ เราได้ตั้งเป้าหมายแต่แรกว่าจะต้องก้าวไปยังต่างประเทศให้ได้ ดังนั้นจึงต้องหาพาร์ทเนอร์ที่เป็นบริษัทใหญ่ระดับโลกให้ได้ โดยเราได้ลองเข้าไปนำเสนอโซลูชั่นนี้ให้กับทาง Samsung ซึ่งถือเป็นจังหวะที่พอดีมากที่ทางซัมซุงกำลังอยากทำแคมเปญมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าพอดี เราจึงได้มีโอกาสร่วมงานกับทางซัมซุงโดยรับทำแอพ Samsung Galaxy Gift ที่มีแคมเปญให้ลูกค้าซัมซุงจองตัวคู่กรรมผ่านแอพได้ฟรี ทำให้ขณะนั้นมีคนจองตั๋วเข้ามากว่า 20,000 คน ภายใน 1 วินาที ซึ่งถือว่ามี Hit Rate ที่สูงมาก ทำให้แคมเปญนี้ประสบความสำเร็จมากๆ เลยทีเดียว

 

ซึ่งการจะทำให้ระบบรองรับการใช้งานสูงๆ ในเวลาเดียวกันได้นั้นจะต้องมีระบบที่มีเสถียรภาพมาก โดยเราเลือกใช้ระบบ Cloud Service ของ Microsoft Windows Azure ซึ่งช่วยในการประหยัดต้นทุนโดยที่จะไม่ต้องลงทุนระบบ Server หรือโครงสร้างพื้นฐา่นด้านไอทีเองทั้งหมด ซึ่งถือเป็นทางออกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจ Start Up ต่างๆ ที่กำลังเติบโตอยู่ในขณะนี้

 

หากถามว่าทำไมถึงเลือกใช้บริการคลาวด์เซอร์วิสจาก Windows Azure ต้องบอกว่าเรามองถึงการขยายตลาดในต่างประเทศเป็นสำคัญ ดังนั้นจึงเหลือผู้ให้บริการเพียง 2 เจ้า คือ Microsoft Windows Azure และ Amazon Web Service ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบความต้องการทางเทคนิคที่เหมือนกัน ปริมาณโหลดเท่ากัน และความง่ายในการใช้งาน Windows Azure นั้นใช้งานได้ง่ายกว่า ช่วยให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญ การเลือกเป็นไลเซ่นส์ Enterprise Agreement (EA) นั้นมีความคุ้มค่ามาก ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง จึงทำให้ตัดสินใจได้ทันที

 

อนาคตจะเป็นอย่างไร?
Buzzebees ยังมีแผนที่จะขยายไปยังกลุ่มผู้ใช้ในโซเชียลมีเดียแำพลตฟอร์มอื่นๆ และการเติบโตของตลาดภายในประเทศ ทั้งจำนวนสมาชิก จำนวนธุรกิจที่จะใช้บริการ Privilege CRM Application และจำนวนธุรกิจที่จะเข้ามาร่วมในส่วน E-Commerce ที่มีโอกาสเพิ่มขึ้นอีกมากจากตลาดต่างประเทศ

 

นอกจากนี้ยังมีการต่อยอดเป็นแอพ adBuzz เืพื่อนำยอดสมาชิกกว่า 2 ล้านคน มาต่อยอดทางธุรกิจ โดยเฉพาะในวงการสื่อและโฆษณา ซึ่งประยุกต์หลักการคล้ายๆ กัน คือสมาชิกที่ชมโฆษณา จะได้คะแนนสะสมเพื่อแลกของรางงวัล หรือรับสินค้าตัวอย่าง ซึ่งเปิดให้ดาวน์โหลดได้แล้ว

 

สรุปข้อมูลที่น่าสนใจของ Windows Azure ตั้งแต่เปิดตัวในปี 2553

 

• ในแต่ละวัน มีลูกค้ากว่า 1,000 ราย ลงทะเบียนใช้งาน Windows Azure
• ปัจจุบัน มีลูกค้ากว่า 200,000 ราย ใช้ Windows Azure
• สำหรับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก Windows Azure (ซึ่งรวม IaaS บริการด้านโครงสร้างพื้นฐาน Infrastructure as a Service) และ PaaS (บริการด้านแพลตฟอร์ม Platform as a Service) เติบโตถึง 3 เท่า ซึ่งเร็วกว่าอัตราการเติบโตของตลาดโดยรวม
• ไอดีซี ได้คาดการณ์ตัวเลขการใช้บริการคลาวด์สาธารณะ (Public Cloud) สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น) ในปี 2556 ไว้ที่ 5,300 ล้านเหรียญสหรัฐ และจะเพิ่มขึ้นเป็น 14,900 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2560
• คาดว่าธุรกิจ IaaS (Infrastructure as a service) และ PaaS (Platform as a service) จะเติบโต 25 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2560 สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น)
• สำหรับในประเทศไทย ปัจจุบันมีลูกค้าที่หันมาใช้บริการ Windows Azure แล้ว 800 ราย โดยมีรายได้เติบโตสูงถึง 400 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ธุรกิจในประเทศไทยที่ใช้ Windows Azure อาทิ
บริษัท อุ๊คบี จำกัด ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มธุรกิจสิ่งพิมพ์ดิจิตอลบนโปรแกรมที่ชื่อ อุ๊คบี (Ookbee) บนระบบคลาวด์ วินโดว์ อาชัวร์ จนเติบโตเป็นร้าน E-bookstore ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
บริษัท Semantic Touch ผู้ให้บริการด้านเครื่องมือการทำตลาดด้าน อี-คอมเมิร์ซ บนโซเชียล เน๊ตเวิร์ค อย่าง เฟซบุ๊ค ที่ชื่อ BentoWeb
บริษัท Computerlogy สตาร์ทอัพที่ดำเนินธุรกิจด้านการให้บริการ Social Media Management Tool ซึ่งเป็นบริษัทรายแรกและรายเดียวในเมืองไทยที่เป็น Facebook Preferred Marketing Developer ปัจจุบัน Computerlogy ได้ประกาศเข้าร่วมทุนและได้รับการสนับสนุน จากโครงการ InVent ของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ INTOUCH อย่างเป็นทางการในวงเงิน 29 ล้านบาท
บริษัท บิลค์ ดอทคอม (Builk.com) ดำเนินธุรกิจให้บริการระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) บนเว็บเบสที่ใช้งานง่าย สำหรับผู้รับเหมาก่อสร้างรายย่อยถึงขนาดกลาง เพื่อให้ลูกค้าใช้งานแอ็พพลิเคชั่นของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพรวดเร็วและเข้าใจง่าย
บริษัท Ecartstudio จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาและให้คำปรึกษาทางด้านระบบ Web-Based Application และระบบ Enterprise Location-Based Application แบบครบวงจร
เว็บไซต์ Thaicreate.com ชุมชนออนไลน์ของนักพัฒนาแอพลิเคชั่นที่ใหญ่ที่สุดในไทย

ติดตั้งแอพจาก Play Store ลงใน Galaxy Gear ด้วย Wondershare Mobile Go ลงหนัง ลงเพลงก็ทำได้

ตามปกติ การติดตั้งแอพพลิเคชั่นลงใน Galaxy Gear จะต้องอาศัยแอพ Gear Manager ที่ตั้ดตั้งอยู่บน Galaxy Note 3 เป็นตัวกลางในการจัดการ ซึ่งแอพพลิเคชั่นที่ซัมซุงเตรียมมาให้สำหรับ Galaxy Gear อาจจะไม่เยอะมานึก ดังนั้นในเมื่อเจ้านาฬิกาอัจฉริยะตัวนี้ ก็รันบนระบบปฏิบัติการ Android เช่นเดียวกัน จึงทำให้ผมสงสัยว่ามันจะสามารถติดตั้งแอพอื่นๆ จาก Play Store ได้หรือไม่

 

และแล้วผมก็ค้นพบกับคำตอบแล้วล่ะครับ ซึ่งแน่นอนว่าติดตั้งได้ แต่จะต้องใช้ซอฟต์แวร์บนคอมฯ มาช่วยในการจัดการ เนื่องจากข้อจำกัดของ Galaxy Gear ที่ไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ในตัว ดังนั้นจึงต้องใช้ซอฟตแวร์ที่ชื่อว่า Wondershare Mobile Go เพื่อติดตั้งผ่านสาย USB ลงใน Galaxy Gear แทน แต่ปัญหาคือ Galaxy Gear ไม่ได้มีสาย USB มาใ้ห้ ส่วนสาย USB ของ Galaxy Note 3 ก็ดันเป็นแบบ USB 3.0 อีก ดังนั้นอาจจะต้องยืมสาย USB จากรุ่นอื่นที่เป็นพอร์ต Micro USB มาใช้งานก่อน เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้ิอมแล้ว ก็มาเริ่มติดตั้งแอพจาก Play Store ลงใน Galaxy Gear กันเลยดีกว่า

 

ติดตั้งแอพลงใน Galaxy Gear

ก่อนนำ Galaxy Gear มาเชื่อมต่อ ให้ตั้งค่าเพื่อรองรับ Debugging Mode เสียก่อน โดยไปที่ Settings > Gear info > USB debug

Install-app-gear-11

 

เริ่มต้นด้วยการเชื่อมต่อ Galaxy Gear เข้ากับคอมพิวเตอร์เสียก่อน โดยถ้าเครื่องหา Driver ของ Galaxy Gear เจอ ก็โชคดีไป แต่ถ้าไม่เจอให้ไปโหลดไดรเวอร์มาติดตั้งก่อนนะครับ คลิกดาวน์โหลด Driver เมื่อเครื่องคอมฯ มองเห็น Gear แล้ว โปรแกรม Wondershare Mobile Go ก็จะเชื่อมต่อกับ Gear โดยอัตโนมัติ ที่ Galaxy Gear จะมีป็อปอัพขึ้นมาให้แตะ OK เพื่อเชื่อมต่อสู่ Debugging Mode

Install-app-gear-12

 

Install-app-gear-01

 

เมื่อเชื่อมต่อแล้วจะมีกรอบป็อปอัพขึ้นมาให้คลิกปุ่ม Manage

Install-app-gear-02

 

รอซิงค์แป็บนึง
Install-app-gear-03

 

จะเข้าสู่หน้าจอการจัดการส่วนต่างๆ บน Galaxy Gear

Install-app-gear-04

 

คลิกที่ Apps แล้วคลิกที่ปุ่ม Install

Install-app-gear-05

 

เลือกไฟล์ .apk ซึ่งเป็นไฟล์ติดตั้งแอพพลิเคชั่นของ Android โดยก่อนหน้านี้ผมได้ทำการ Export ดึงไฟล์ .apk จากแอพฯ ต่างใน Note 3 เอาไว้ก่อนแล้ว (ดูวิธี Export ไฟล์ .apk ในหัวข้อถัดไป) สามารถเลือกทีละหลายๆ ไฟล์เพื่อติดตั้งทีเดียวเลยก็ได้

Install-app-gear-07

 

[วิธี Export ไฟล์ .apk] ให้คลิกปุ่ม Export บนแอพที่ต้องการ เพื่อแบ็กอัพเป็นไฟล์ .apk เก็บไว้ติดตั้งกับเครื่องอื่นๆ ได้ สำหรับใครที่มีไฟล์ .apk อยู่แล้วก็ข้ามขึ้นตอนนี้ไปได้เลย

Install-app-gear-06

 

ระบบจะแสดงการติดตั้งขึ้นมาทันที ในที่นี้ลองติดตั้งแอพ ES File Explorer เพียงเท่านี้ก็สามารถติดตั้งแอพลงบน Galaxy Gear ได้แล้ว

Install-app-gear-08

 

นอกจากนี้ยังสามารถโอนไฟล์หนัง หรือเพลง ลงใน Galaxy Gear ได้อีกด้วย โดยคลิกไปที่ Files แล้วเลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการจากนั้นก็ลากไฟล์หนังหรือเพลง ก็อปปี้ลงในโฟลเดอร์นั้นได้เลย

Install-app-gear-09

 

ทดลองเล่นไฟล์วิดีโอที่ก็อปปี้ลงไป ด้วยแอพ ES File Explorer ก็สามารถเปิดดูไฟล์ใน Galaxy Gear และเล่นไฟล์วิดีโอคลิปได้ทันที

Install-app-gear-13

 

สำหรับแอพอย่างพวก Instagram, Facebook, Tumblr ได้ลองติดตั้งดูแล้ว ก็สามารถลงผ่านนะครับ แต่ตอนเปิดรันขึ้นมาจะติดตรงหน้าล็อกอิน ซึ่งไม่สามารถล็อกอินได้เนื่องจากไม่มีคีย์บอร์ดให้พิมพ์ แต่ถ้าเป็นแอพที่ไม่ต้องล็อกอินอะไร ก็สามารถใช้งานได้ แต่อาจจะมีบางฟังก์ชั่นที่ไม่สมบูรณ์ อย่างเกม Candy Crush Saga เมื่อลองเล่นปรากฏว่าข้อความไม่ขึ้น กราฟฟิกเละ ก็ลองมั่วจนเข้าไปถึงหน้าเกม ปรากฎว่าไม่สามารถแสดงผลให้เราเล่นได้

Install-app-gear-14

 

ฉะนั้นต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า Galaxy Gear ไม่ได้ออกแบบมาให้เล่นแอพพลิเคชั่นได้แบบเต็มฟังก์ชั่นเหมือนบนมือถือ หน้าที่หลักของมันคือการแจ้งเตือนและดูข้อมูลสั้นๆ เท่านั้น แต่หากใครลงแอพตัวไหนแล้วใช้ได้ดี ก็แนะนำกันมาบ้างนะครับ…

 

GROUPON เปิดตัว Mobile Touch Site และ แอพพลิเคชั่น เผยคนไทยกว่า 57% วางแผนช็อปสิ้นปีผ่านอุปกรณ์มือถือ

Groupon-03
มร.บราม คลิงค์เค co-CEO กรุ๊ปปอน ประเทศไทย

 

GROUPON (กรุ๊ปปอน) เว็บไซต์ Daily Deal ยอดนิยมระดับโลก ซึ่งได้เปิดตัวในเมืองไทยเป็นประเทศล่าสุด ในอันดับที่ 48 มาปีหนึ่งแล้ว โดยล่าสุดได้แถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในส่วนของ Mobile Touch Site ซึ่งเป็นหน้าเว็บไซต์ที่ออกแบบให้สามารถใช้งานเว็บกรุ๊ปปอนผ่านเบราเซอร์บนมือถือให้มีหน้าตาการใช้งานเหมือนบนแอพพลิเคชั่น ซึ่งจะเป็นการเปิดกว้างให้ผู้ใช้งานซื้อดีลต่างๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ในส่วนของแอพพลิเคชั่นก็ได้เพิ่มให้รองรับบน iPad ส่วนบน iPhone และ Android ก็ได้อัพเดทให้เพิ่มความสะดวกในการช้อปมากยิ่งขึ้น อย่างการซื้อดีลของแมคโดนัล เพียงแค่ Buy, Show, Eat ซึ่งทำได้บนมือถือในขณะที่อยู่ในร้าน ก็สามารถนำ QR Code ที่ได้จากการซื้อดีลบนมือถือไปแสดงให้พนักงานดู ก็สามารถซื้อชุดอาหารที่ต้องการได้ทันที

 

Groupon-01
มร.มาร์ค คลีเวอร์ co-CEO กรุ๊ปปอน ประเทศไทย

 

โดยความร่วมมือกับแมคโดนัลในครั้งนี้ถือเป็นความพร้อมของผู้ประกอบการที่สามารถรองรับการใช้ดีลบนมือถือได้แบบ 100 % โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลาพริ้นคูปองออกมา และในอนาคตคาดว่าจะมีผู้ประกอบการที่สามารถรองรับการใช้ดีลผ่าน QR Code บนหน้าจอมือถือมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ที่สำคัญตอนนี้ผู้ใช้งานคนไทย สามารถชำระเงินผ่านเคาท์เตอร์เซอร์วิช ที่ 7-11 หรือเคาท์เตอร์รับชำระเงินต่างๆ ทั้ง TOT, เทสโก้โลตัส, ทรูมันนี่, ที่ทำการไปรษณีย์ ได้แล้ว ใครที่ไม่มีบัตรเครดิตก็สามารถซื้อดีลได้อย่างสะดวกขึ้น หรือจะโอนเงินผ่าน ATM หรือจ่ายที่เคาท์เตอร์ธนาคารที่รองรับก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น กรุงไทย, กสิกรไทย, กรุงศรีอยุธยา, กรุงเทพ, ทหารไทย, ไทยพาณิชย์ และ ยูโอบี โดยทางผู้บริหารบอกว่าหลังจากที่เพิ่มช่องทางการชำระเงินที่นอกเหนือจากบัตรเครดิตแล้ว ทำให้มียอดการสั่งซื้อดีล ที่สูงขึ้นหลายเท่าตัวเลยทีเดียว

 

สำหรับปัญหาของผู้บริโภคที่ซื้อดีลไป แล้วได้รับบริการไม่ดีจากผู้ประกอบการ เพราะเห็นว่าเป็นการใช้สิทธิ์ส่วนลด ทางกรุ๊ปปอนจะมีการแก้ไขปัญหานี้อย่างไรนั้น กรุ๊ปปอนเล่าให้ฟังว่า เรามีทีมงานที่คอยดูแลผู้ประกอบการ และให้ความรู้และทำควา่มเข้าใจให้ถูกต้องเกี่ยวกับธรุกิจดีล ซึ่งเสมือนเป็นช่องทางในการโปรโมทกิจการของคุณ โดยการให้ลูกค้าได้มาทดลองใช้บริการ และจะต้องทำอย่างไรให้ลูกค้าเกิดความประทับใจและกลับมาเป็นลูกค้าประจำ ดังนั้นจึงมองว่าเป็นโอกาสในการที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการรายเล็กๆ สามารถโปรโมทสินค้าและบริการโดยที่ไม่ต้องใช้งบประมาณสูง

 

นอกจากนี้ GROUPON ได้เผยตัวเลขผลสำรวจที่น่าสนใจต่างๆ ดังนี้

• GROUPON มีสมาชิกกว่า 200 ล้านคน ทั่วโลก

• 43 ล้านคนที่แอกทีฟใช้งานอยู่

• มีการซื้อดีลไปแล้วกว่า 400 ล้านดีลทั่วโลก

• Groupon เข้าสู่ตลาดหุ้น NASDAQ เมื่อเดือน พฤศจิกายน 2012

• มีพนักงานทั้งหมดทั่วโลก 11,000 คน โดยในไทยมีพนักงาน 90 คน

• ไืทยเป็นประเทศที่ 48 และเป็นสาขาล่าสุดอยู่ในขณะนี้

• คนไทยใช้จ่ายในช่วงเทศกาลสิ้นปี 2556 ที่ 2,635 บาท ต่อคน

• และคนไทยตั้งใจซื้อสินค้าโดยเฉลี่ยให้กับคนรอบข้างราว 8 ชิ้น

• 6 ใน 10 ของนักช็อปคนไทยหรือราว 57% ตั้งใจซื้อสินค้าผ่านทางโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต

 

Groupon-02