ป้องกันภาพหลุดบน iCloud ด้วยระบบล็อค 2 ชั้น ให้ Apple ID เพิ่มความปลอดภัย ด้วยการยืนยันรหัส OTP

 

หลังจากที่มีข่าวภาพหลุดของนางเองจากภาพยนตร์เรื่อง Hunger Game เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ที่โดนแฮกค์เกอร์มือมืด แอบล้วงข้อมูลผ่าน Apple iCloud จนเป็นข่าวดังไปทั่วโลก แถมล่าสุดจะมีการฟ้องร้องและเตรียมหาตัวผู้กระทำผิดให้ได้ จนทำให้ผู้ใช้ iCloud ต่างกังวลถึงความปลอดภัยในการใช้งาน

 

ต้องบอกเลยว่ามันไม่มีอะไรปลอดภัยที่สุด ยิ่งรหัสผ่านที่ใช้กับ Apple ID ที่มีการตั้งไว้แต่แรกแล้วไม่เคยเปลี่ยนเลย ยิ่งมีความเสี่ยง แต่แอปเปิ้ลได้มีบริการพิเศษ 2-Step Verification ที่ให้เราสามารถตั้งรหัสผ่าน ล็อค 2 ชั้น โดยเวลาซื้อแอพหรือดาวน์โหลดอะไรที่ต้องผ่าน Apple ID ก็จะต้องใช้รหัส OTP 4 หลัก ที่ส่งมาให้ทาง SMS เพิ่มอีก 1 ขั้นตอน เหมือนการทำธุรกรรมออนไลน์ที่เราคุ้นเคยกัน ซึ่งถือว่ามีความปลอดภัยมากที่สุดในขณะนี้ เอาล่ะครับมาตั้งค่ากันเลยดีกว่า

 

เข้าสู่ลิงค์นี้ https://appleid.apple.com/ จากนั้นคลิกที่ จัดการ Apple ID ของคุณ

2-step-verify-01

 

กรอก Apple ID และรหัสผ่าน แล้วคลิก เข้าสู่ระบบ

2-step-verify-02

 

คลิกที่เมนู รหัสผ่านและความปลอดภัย แล้วตอบคำถามตามที่เคยตั้งคำถามเพื่อใช้ยืนยันเวลาลืมรหัสผ่านเอาไว้ จากนั้น คลิก ดำเนินการต่อ

2-step-verify-03

 

คลิก เริ่มต้นใช้งาน…

2-step-verify-04

 

 

ขั้นตอนนี้จะอธิบายการใช้งานของ การใช้งานรหัสผ่านแบบ 2 ขั้น พร้อมเงื่อนไข ให้อ่านรายละเอียดก่อนคลิก ดำเนินการต่อ

2-step-verify-05

 

จะแสดงรายละเอียดและประโยชน์ของบริการนี้ คลิก ดำเนินการต่อ

2-step-verify-06

 

 

อ่านข้อควรจำ แล้ว คลิก เริ่มต้นใช้งาน

2-step-verify-07

 

 

คราวนี้จะเข้าสู่ขั้นตอนการตั้งค่าจริงๆ แล้วนะครับ ให้คลิก เพิ่มหมายเลขโทรศัพท์… โดยจะต้องเป็นหมายเลขโทรศัพท์ที่เราจะให้ส่ง SMS รหัส OTP (One Time Password) ไปให้

2-step-verify-08

 

การป้อนหมายเลขโทรศัพท์ ให้เลือกรหัสประเทศไทย (+66) ส่วนหมายเลขโทรศัพท์ให้ตัด 0 ตัวหน้าออก แล้วคลิก ถัดไป

2-step-verify-09

 

ระบบจะส่งรหัสผ่าน OTP 4 หลักไปให้ตามเบอร์ที่ระบุ แล้วกรอกลงในช่อง แล้วคลิก ยืนยันอุปกรณ์

2-step-verify-10

 

เมื่อยืนยันอุปกรณ์แล้ว ให้คลิก ดำเนินการต่อ

2-step-verify-11

 

เข้าสู่ขั้นตอนที่ 2 จะให้เราเก็บรหัสผ่านสำหรับใช้กู้คืน เวลาเครื่องหาย โดยสามารถสั่งพริ้นเก็บไว้ในที่ปลอดภัยได้ หรือให้จดเอาไว้ แต่ห้ามจดไว้ในมือถือ หรือ Note นะครับ คลิกพิมพ์รหัส หรือ ดำเนินการต่อ กรณีไม่พิมพ์

2-step-verify-12

 

ขั้นตอนที่ 3 ให้ป้อนรหัสการกู้คืนดังกล่าว เพื่อยืนยันอีกครั้ง แล้วคลิก ยืนยัน

2-step-verify-13
iCloud-protect

 
ขั้นตอนที่ 4 จะให้คลิก ฉันเข้าใจเงื่อนไขด้านบนทั้งหมด และคลิก เปิดใช้งานการตรวจสอบยืนยันสองขั้นตอน

2-step-verify-14

 

เป็นอันเสร็จสิ้น

2-step-verify-15

 

และเวลาที่เราจะโหลดซื้อแอพ หรือคอนเทนต์ต่างๆ ก็จะต้องป้อนรหัสผ่าน OTP เพิ่มทุกครั้ง ดังนั้นหากมีใครจะพยายามแฮกค์เข้าสู่ระบบ iCloud ก็จะติดขั้นตอนนี้ ซึ่งเขาจะไม่สามารถเข้าสู่ระบบของเราได้อย่างแน่นอน เพราะรหัส OTP จะส่งมาที่เบอร์โทรศัพท์ของเราเท่านั้น เอาล่ะครับทีนี้ใครที่ชอบเก็บรูปส่วนตัวไว้บน iCloud ก็คงจะอุ่นใจมากยิ่งขึ้นแล้วนะครับ แต่ที่สำคัญการเปิดใช้งานนี้ ห้ามทำรหัสการกู้คืนหายนะครับ เพราะแอปเปิ้ลไม่สามารถจะรีเซ็ตรหัสผ่านให้เราใหม่ได้ ซึ่งจำเป็นมากเวลาเครื่องหายหรือถูกขโมย เพราะเราไม่สามารถรับ SMS รหัส OTP ได้ จึงต้องใช้รหัสการกู้คืน ในการเข้าไปรีเซ็ตรหัสผ่าน โดยสามารถจัดการผ่านคอมพิวเตอร์นั่นเอง

 

 

[Tips] วิธีสมัครเป็นนักพัฒนาไอโฟน หรือ iPhone Developer

ใครที่อยากเป็นนักพัฒนาของไอโฟนหรืออยากลองสร้างแอพพลิเคชั่นให้กับไอโฟน  หรืออยากเป็นนักพัฒนา iOS สามารถสมัครได้ตามนี้เลย
 
 

เข้าไปที่เว็บ developer.apple.com คลิกที่คำว่า  iOS Dev Center

dev1

 
 
จะเจอหน้านี้ ให้ Sign in Apple ID ส่วนใครที่ยังไม่มี Apple ID ให้เข้าไปสมัคร ที่นี่

dev2

 

 

เมื่อ Sign in เสร็จแล้ว จะเจอหน้านี้ เลื่อนลงไปล่างสุดด้านซ้ายของเว็บ คลิกไปที่คำว่า iOS 

dev3
 
 

ก็จะเจอหน้า  Apple Developer เลื่อนลงไปด้านล่างที่มีคำว่า iOS Developer Program คลิกเข้าไปเลย

dev4

 

 

การสมัครจะมีค่าสมัครรายปี ปีละ $99 หรือประมาณ  3,168 บาท ถ้าสนใจสมัครคลิกที่ Enroll Now

dev5

ปัญหายอดฮิตที่เจอบน iOS7

ios-fix-problem

จากประสบการณ์ที่มีผู้ใช้ไอโฟนหลายคนถามมา ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดจากฟังก์ชั่นใหม่ๆหลายฟังก์ชั่นของ iOS 7 ที่ทำเอาคนที่เคยใช้ไอโฟนเงิบกันเป็นแถว มาเริ่มจากปัญหาใหญ่สุดเลยดีกว่า

 

1. ปัญหา Activate เครื่องไม่ได้

10 find_activation_lock

ทำไมล่ะ? แต่ก่อนไม่เห็นมีปัญหาเลย ทำไมพอใช้ iOS 7 แล้วเจอแบบนี้ สมมติว่าเราอยากจะล้างเครื่องหรือ restore ไอโฟนของเรา แล้วมาติดตรงว่าเครื่อง Activate  เข้าใช้งานไม่ได้  ต้องบอกก่อนค่ะว่า iOS 7 ได้เพิ่มฟังก์ชั่นนี้เข้ามา คือ Activation Lock เพื่อป้องกันการถูกขโมยลักพาตัวไอโฟนของเราไป ถ้าเค้าไม่รู้รหัสผ่าน iCloud ID หรือ Apple ID ของเจ้าของเครื่อง เค้าจะใช้งานเครื่องไม่ได้ค่ะ ต่อให้ restore แล้ว restore อีก มันก็จะติดด่านตรวจซึ่งก็คือ Activation Lock นี่แหละค่ะ

 

แต่ถ้าบังเอิญเป็นเจ้าของเครื่องเอง แต่ Apple ID ไม่ใช่ของตัวเอง หรือบางคนใช้ Apple ID ของร้านตู้ที่รับลงแอพพลิเคชั่น งานเข้าทันทีค่ะ

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ตั้งแต่นี้ต่อไป เราอยู่ในยุค iOS 7 ที่ไม่สามารถดาว์นเกรดไปเวอร์ชั่นเก่าได้อีกต่อไปแล้ว ทุกคนที่ใช้ไอโฟนต้องมี Apple ID เป็นของตัวเองค่ะ จำเป็นมากๆ

 

แล้วในกรณีที่ลืมรหัสผ่านล่ะ? อันนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ตรงหน้า Activate เครื่องจะมีลิงค์ Forgot Apple ID or Password ?ให้เรากดเข้าไปรีเซตรหัสผ่านใหม่ได้ค่ะ

2014-01-16_17-39-03

แล้วถ้าเราจะขายไอโฟนให้คนอื่น เราจะจัดการยังไงกับเจ้า Activation Lock ไม่ยาก แต่ย้ำ! ว่าเราต้องไม่ลืม Apple ID และรหัสผ่านของเราที่ใช้งานอยู่

ซึ่งก่อนจะขายเครื่อง เราจะต้องลบแอคเคาท์ของตัวเองออกไปก่อน โดยไปที่ Settings > iCloud  แล้วแตะ Delete Account

2014-01-16_17-49-05

 

เครื่องจะถามว่า  Keep on My iPhone หรือ Delete from My iPhone กรณีขายเครื่องกด Delete from my iPhone เพื่อลบข้อมูลทั้งหมดออกจากตัวเครื่องด้วย

2014-01-16_19-44-07

 

หลังจากนั้นจะมีข้อความเด้งให้เราใส่รหัสผ่าน  Apple ID แล้วแตะปุ่ม Turn Off เพื่อปิด Find my iPhone ก่อนจะลบ

2014-01-16_19-39-01

แล้วเครื่องก็จะลบ Apple ID อันนี้ไป เอาไปขายต่อได้เลย เพราะ Activation Lock จะไม่ทำงานถ้าในตัวเครื่องไม่มี Apple ID อยู่

 

2. ปัญหา restore  เครื่องไม่ได้

จะ restore เครื่องซะหน่อยก็ถูกสั่งให้ปิด Find my iPhone ก่อน

Screen Shot 2557-01-16 at 1.34.42 PM

 

จริงๆ  iOS 7 ไม่ได้เรื่องมากแบบไร้เหตุผลนะคะะ แต่เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ถ้ามีคนหยิบไอโฟนเราไปแล้วเค้าจะปิด Find my iPhone ไม่ให้เราตามเครื่องเจอ หรือจะล้างเครื่องหรือ restore เครื่องใหม่เอาไปใช้เอง เค้าจะติดขั้นตอนนี้ค่ะ คือก่อนจะ restore  เครื่องได้ต้องปิด Find my iPhone ซึ่งก่อนจะปิดต้องใส่รหัสผ่าน ของ Apple ID หรือ iCloud ID ของเรานี่แหละค่ะ (จริงๆ  Apple ID กับ iCloud ID อาจเป็นคนละอันแล้วตามที่เราสมัครไว้)  และก็เหมือนกับกรณีของ Activation Lock ถ้าเครื่องเป็นของเรา เราต้องมี Apple ID ของเราเองค่ะ

 

วิธีปิด Find my iPhone เข้าไปที่ Settings > iCloud > Find my iPhone จากที่เห็นคือยังเป็น ON อยู่ สีเขียวๆ ให้แตะเพื่อจะปิด

2014-01-16_18-02-42

 

จากนั้นจะมีข้อความเด้งให้กรอกรหัสผ่านแล้วแตะปุ่ม Turn Off

2014-01-16_19-39-01

 

3. ปัญหา Application บางตัวเด้ง

อันนี้สาเหตุมาจากแอพบางตัวยังไม่รองรับ iOS 7 ค่ะ คงต้องรอนักพัฒนาแก้ไขกันไป ซึ่ง Apple  ได้ประกาศกับนักพัฒนาแล้วว่าภายในมีนาคมปีนี้ แอพพลิเคชั่นทุกตัวที่สร้างออกมาต้องรองรับ iOS 7 ได้ ก็รอไปก่อนอีกสองเดือนค่ะ

 

4. ปัญหาเสียบสายชาร์จ iPhone 5s แล้วไฟไม่เข้า

Lightning-to-usb-cable-shop

ถ้าไฟไม่เข้าแปลว่าสายปลอมค่ะ ทางแก้ ให้ซื้อสายชาร์จของแท้ดีกว่าค่ะ หรือไม่ก็สายที่ได้รับการ Certificate จาก Apple ว่าผ่านมาตรฐาน

 

5. ปัญหา Application บางตัวไม่ Auto Update

ใน iOS 7 ได้เพิ่มฟังก์ชั่น Auto Update ให้กับ Application โดยที่เราไม่ต้องคอยไล่กด Update ทีละตัวเหมือนเมื่อก่อน มาดูวิธีตั้งค่ากันก่อน

เข้าไปที่  Settings > iTunes & App Store แล้วเลื่อนลงมาตรงส่วนของ AUTOMATIC DOWNLOADS จากนั้นให้แตะ Updates ให้เป็น ON

2014-01-16_19-04-53

แต่ปัญหามันมีอยู่ว่าแอพพลิเคชั่นบางตัวไม่ Auto Update ทั้งๆ ที่เราก็ตั้งค่าแล้ว สาเหตุมาจาก แอพพลิเคชั่นเหล่านั้นใช้ Apple ID ในการดาว์นโหลดคนละ ID กับ Apple ID ที่เราใส่ไว้ในเครื่อง วิธีแก้คือลบแอพพลิเคชั่นเหล่านั้นออก แล้วโหลดใหม่ด้วย Apple ID ที่อยู่ในตัวเครื่อง ทีนี้ก็ Auto Update ได้ปกติแล้ว

 

6. ปัญหาของ iPhone 4 ที่ใช้ iOS 7  แล้วเครื่องช้า

ทาง Apple ได้รู้ปัญหานี้ของผู้ใช้ iPhone 4 จึงปล่อยเฟิร์มแวร์เวอร์ชั่น iOS 7.0.3 มาให้อัพเดท เพื่อแก้ปัญหาเครื่องช้าด้วยการปิดโหมด Reduce Motion โดยเข้าไปตั้งค่าตามนี้

Settings > General > Accessibility > Reduce Motion ตั้งเป็น OFF

2014-01-16_19-12-12

2014-01-16_19-33-01

 

ใครพบปัญหาเหล่านี้หรือมีเพิ่มเติมจากนี้ ก็คอมเมนท์กันเข้ามาได้ค่ะ เดี๋ยวเราจัดให้