[Tips] วิธีแอดไลน์เพื่อนด้วยเบอร์โทรศัพท์

2015-10-28_18-58-47

 

หลังจากที่ Line ฝั่ง Andriod ได้มีการอัปเดตให้สามารถแอดไลน์เพื่อนด้วยเบอร์โทรศัพท์ได้ วันนี้หมาดๆทางฝั่ง iOS ก็ออกมาให้อัปเดตตามมาติดๆ

 

หลายครั้งที่เราอยากแอดไลน์เพื่อนแต่ไม่รู้ไอดี มีแต่เบอร์โทรศัพท์ก็แอดไม่ได้ ตอนนี้สามารถทำได้แล้วนะจ้ะ แต่ก่อนอื่นเพื่อนที่เราจะแอดต้องลงทะเบียนด้วยเบอร์โทรศัพท์กับทางไลน์ไว้แล้ว เราถึงจะแอดได้ ทีนี้มาดูที่วิธีการกันว่าเขาแอดกันยังไง

 

เข้าไปที่ More>Add Friends

line1

 

 

 

เสร็จแล้วไปที่ ID/Phone No. ปกติจะมีแต่ช่องให้เรากรอกไอดีได้อย่างเดียว แต่พออัปเดตแล้วจะมีตัวเลือก Phone Number เพิ่มขึ้นมา ให้แตะไปที่ Phone Number ให้ขึ้นเป็นวงกลมเล็กๆสีเขียว หลังจากนั้นก็ใส่เบอร์โทรของเพื่อนเพื่อค้นหาได้เลย

line2

 

 

 

ส่วนทางตัวเราเองเราสมารถเลือกได้ว่าจะให้เพื่อนแอดเราผ่านเบอร์โทรศัพท์ได้หรือไม่ได้  เราเลือกได้ค่ะ วิธีตั้งค่าก็คือไปที่ Settings>Friends จะเห็นตรง Allow Others to Add จะเปิดใช้งานเป็น Defaut อยู่แล้ว ถ้าไม่ต้องการให้ใครแอดเราผ่านเบอร์โทรศัพท์ก็แค่ปิดตรงนี้ไป

line3

กำจัด Baidu ออกจากสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต Android

 

baidu000

 

หลายคนคงเคยได้ยินกิตติศัพท์ของ Baidu กันมาบ้างแล้ว แต่ก็อาจมีบางคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย คงมีคำถามว่าอะไรคือ Baidu? แล้วทำไมต้องกำจัด ลองมาทำความรู้จักกันก่อนนะคะ (สำหรับคนที่รู้จักแล้วข้ามไปอ่านหัวข้อถัดไปได้เลย ^ ^)

 

————————————————————————————————————————————–

กระแสตอบรับ Baidu จากผู้ใช้ชาวไทย

Baidu หรือ ไป่ตู้ (แค่ชื่อก็อ่านผิดเป็นไบดู!มาตลอด) เป็นบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ของจีนที่ให้บริการหลากหลายประเภท ทั้งการค้นหาข้อมูลแบบ Search Engine รวมถึงซอฟต์แวร์ต่างๆ ซึ่งภาพลักษณ์ของ Baidu ในสายตาผู้ใช้ชาวไทยค่อนข้างจะเป็นไปในทางลบ เนื่องจากพฤติกรรมของ Baidu ที่มักแอบแฝงโปรแกรมของตัวเอง (เช่น PC Faster, Hao123, Baidu Antivirus และอื่นๆ) มากับโปรแกรมฟรีที่ผู้ใช้ดาวน์โหลดแล้วติดตั้งพ่วงลงไปด้วยแบบไม่รู้ตัว (เช่น ดาวน์โหลด FileZilla มาติดตั้งก็ได้ Baidu แถมมาด้วย)

 

baidu002

 

แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่เท่ากับกรณีที่มีผู้ใช้หลายรายพบปัญหาหลังจากติดตั้งบางโปรแกรมของ Baidu (อ่านเพิ่ม ทดสอบติดตั้ง Baidu) เช่น มาปรับเปลี่ยนการตั้งค่าต่างๆในเครื่อง รวมถึงการเก็บข้อมูลของผู้ใช้ นอกจากนี้ยังมีข้อตกลงในการใช้งานที่แจ้งว่าจะไม่รับประกันความเสี่ยงใดๆที่อาจจะเกิดขึ้นเลย 0.0 (อ่านเงื่อนไขการใช้งานโปรแกรมของ Baidu)

 

baidu003

 

พอรู้ตัวว่าได้ของแถมมา เมื่อจะถอนโปรแกรมทิ้งกลับพบปัญหาอีกว่าไม่สามารถถอนการติดตั้งแบบปกติได้!! (ลงง่ายถอนยาก ตัวอย่างปัญหาการถอนโปรแกรม Baidu) ต้องไปทำสารพัดวิธีเพื่อถอนรากถอนโคน ถึงกับมีผู้เชี่ยวชาญเขียนโปรแกรม Baidu Remover และ Baidu Block ขึ้นมาเพื่อถอนการติดตั้งและบล็อค Baidu โดยเฉพาะ (อ่านเพิ่มที่ “คลิ๊กเดียว Baidu กลับบ้านเก่า”) บางรายถึงกับยอมล้างเครื่องหนีกันเลยทีเดียว

 

baidu004

 

และถึงแม้ว่าจะมีเสียงจากอีกฝ่ายหนึ่งที่แย้งว่าได้ใช้งานโปรแกรมของ Baidu อยู่ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ซึ่งก็เป็นเพียงเสียงส่วนน้อย เมื่อเสียงบอกเล่าถึงปัญหาที่พบเจอนั้นค่อนข้างน่ากลัวเสียจนไม่มีเหตุผลดีๆที่จะเก็บ Baidu ไว้ในเครื่อง จึงทำให้ผู้ใช้ชาวไทยจำนวนไม่น้อยพร้อมใจกันแบนโปรแกรมในตระกูล Baidu

 

หลังจากที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ Baidu ที่สร้างปัญหาในเครื่องคอมพิวเตอร์ไปได้ไม่นานเท่าไหร่ ก็เริ่มมีผู้ใช้บางคนได้พบว่า Baidu ได้ตามมาหลอกหลอนบนอุปกรณ์ Android ด้วย ซึ่งก็มีทั้งที่แถมมากับระบบปฏิบัติการเลย (ถอนออกไม่ได้) และกลุ่มผู้ใช้ที่ได้แถมมาแบบไม่รู้ตัว เช่น ติดมากับแอพสัญชาติจีนบางตัว เช่น Mi Launcher หรือผู้ใช้ไปติดตั้งแอพของ Baidu เอง เช่น Baidu Browser, PhotoWonder เป็นต้น เมื่อติดตั้งแอพที่พ่วงแถม Baidu ลงในเครื่อง ก็จะแอบมาสร้างโฟลเดอร์ baidu สำหรับเก็บไฟล์ต่างๆเอาไว้ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่า Baidu มีจุดประสงค์อะไรจากพฤติกรรมนี้

 

baidu005

 

แต่ด้วยชื่อเสียงของ Baidu ที่เป็นไปในทางลบ ทำให้เหล่าผู้ใช้ Android เริ่มกลัวว่าการแอบแทรกซึมเข้ามาของ Baidu จะทำให้เครื่องที่ใช้งานนั้นมีปัญหาหรือถูกล้วงความลับไปโดยไม่รู้ตัว ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีข้อพิสูจน์ว่าสิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้นจริงๆ แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็จะเลือกที่จะใช้งานอย่างปลอดภัยและสบายใจไว้ก่อน โดยการหาวิธีที่จะกำจัด Baidu ออกไปจากเครื่องที่ใช้งาน

————————————————————————————————————————————–

 

จะรู้ได้อย่างไรว่า Baidu มาแอบอยู่

ในเครื่องหรือเปล่า?

จะรู้ได้อย่างไรนะว่ามี Baidu เข้ามาแฝงตัวอยู่ในสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต Android ของคุณแล้วหรือยัง? ถ้าเจอแจ็คพอตเข้าแล้วจะทำยังไงดี?

 

เริ่มจากเปิดแอพ ไฟล์ส่วนตัว ที่มากับเครื่อง (หรือดาวน์โหลดแอพจัดการไฟล์จาก Play Store มาติดตั้ง เช่น ES File Explorer File Manager) แล้วเข้าไปที่ ที่จัดเก็บในเครื่อง ถ้าพบโฟลเดอร์ baidu ก็แสดงว่าเจอแจ็คพอตเข้าแล้ว!!

 

Screenshot_2015-01-07-10-36-32-1

 

กำจัด Baidu ออกจากเครื่อง

หลังจากเข้าไปดูไฟล์ในเครื่อง ถ้าพบเจอโฟลเดอร์ baidu ก็ให้จัดการลบทิ้งไปได้เลย ซึ่งการกำจัดยังไม่ยุ่งยากเท่าบนพีซี โดยแตะค้างบนโฟลเดอร์เพื่อเลือก จากนั้นแตะปุ่ม ถังขยะ แล้วแตะปุ่ม ลบ 

 

baidu001

จากนั้นให้ไปถอนการติดตั้งแอพต้นเหตุออกไปจากเครื่องแบบไร้เยื่อใย ถ้าไม่รู้ว่าเป็นแอพไหน หลังจากลบโฟลเดอร์ baidu แล้ว ให้ลองเปิดใช้งานแอพต้องสงสัยดู จากนั้นไปที่ ไฟล์ส่วนตัว อีกครั้ง ถ้าพบโฟลเดอร์ baidu ที่เพิ่งลบไปแสดงว่าแอพนั้นแถม Baidu มาด้วยอย่างแน่นอน ให้ถอนการติดตั้งแอพนั้นทิ้งไปได้เลย

 

————————————————————————————————————————————–

แอพจอมแถมแบบนี้อาจมีอยู่ในเครื่องมากกว่า 1 แอพ คุณอาจจะต้องไล่ลบแอพตัวการออกให้หมดจึงจะสิ้นซาก ไม่เช่นนั้น Baidu ก็จะยังตามหลอกหลอนคุณไปเรื่อยๆ เมื่อลบโฟลเดอร์ไป Baidu ก็สร้างใหม่ ซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่มีที่สิ้นสุด 

————————————————————————————————————————————–

 

 

OPPO N3 เตรียมเปิดตัว 29 ตุลาคมนี้ คาดมาพร้อมบอดี้โลหะ บางเบา และลิเทียมอัลลอย

 

oppo-n3-launch
หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับ OPPO N1 และ OPPO N1 mini มาแล้ว ล่าสุด OPPO ได้โพสต์ภาพกำหนดวันเปิดตัว OPPO N3 ในวันที่ 29 ตุลาคม นี้ ผ่านแฟนเพจของตัวเอง โดยจะเปิดตัวที่ประเทศสิงคโปร์

 

โดยการเปิดตัวครั้งนึ้มาในคอนเซ็ปต์ “One More Step. N3. Designed for Life” ซึ่งจุดเด่นของ OPPO ซีรีส์นี้ คือเรื่องของกล้องหมุนได้ 206 องศา ที่ตอบโจทย์ไลฟสไตล์เซลฟีในปัจจุบันเป็นอย่างมาก ฉะนั้น OPPO N3 คงต้องเพิ่มความอลังการให้กับกล้องฟรุ้งฟริ้งเป็นแน่

oppo-n3-metal

 

นอกจากนี้ยังมีภาพหลุดออกมากับเข้าด้วย ว่าจะมาพร้อมบอดี้ที่เป็นสแตนเลสสตีล และ ลิเทียมอัลลอย มาพร้อม 3 สี ขาว, ฟ้า และ ชมพู ทั้งนี้จากภาพหลุดยังสังเกตได้ว่าบอดี้จะบางมาก คล้ายกับ iPhone 6

oppo-n3-leak-1

 

อย่างไรก็ตาม หลายคนคงสงสัยว่า แล้วรุ่น N2 ล่ะ หายไปไหน ทำไมข้ามไป N3 เลย ซึ่งจริงๆ แล้วอาจจะมีการนับรุ่น N1 mini เป็นรุ่น N2 ไปแล้วก็ได้ เลยเปิดตัวเป็นรุ่น N3 ไปเลย

oppo-n3-leak-2

 

คาดว่า OPPO N3 น่าจะมาพร้อมหน้าจอ 5.9 นิ้ว ความละเอียด 1080p ส่วนซีพียูเป็น Snapdragon 805 และแรม 3GB แล้วมารอลุ้นกันในวันที่ 29 ตุลาคมนี้นะครับ

 

Source : OPPO, Geeky-Gadgets

 

 

[Review] เปรียบเทียบกล้อง iPhone 6 Plus กับ Galaxy Note 4

 
iphone-6-vs-Note4
 
ถ้าพูดถึงเรื่องกล้องบนสมาร์ทโฟนแล้ว เรียกว่าเป็นปัจจัยแรกๆ ในการเลือกซื้อเลยก็ว่าได้ ซึ่งแน่นอนว่าสมาร์ทโฟนฝั่งแอนดรอยด์ต่างอัดสเปกสู้ และเอาชนะ iPhone มาตลอด และนี่ก็เป็นอีกครั้ง สำหรับมวยคู่เด็ดระหว่าง iPhone 6 Plus ศิษย์ Apple กับ Samsung Galaxy Note 4 ศิษย์ Android

 
เทียบสเปกกล้องหลัง
iPhone 6 Plus ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล + OIS รูรับแสง F/2.2
Galaxy Note 4 ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล + Smart OIS

 

การทดสอบครั้งนี้จะตั้งค่าในโหมดอัตโนมัติ โดยเปิดฟังก์ชั่น HDR Auto ไว้สำหรับ iPhone 6 ส่วน Galaxy Note  4 จะเปิด HDR On ไว้ตลอด โดยจะทดสอบถ่ายในสภาพแสงทั้งกลางแจ้ง และในอาคาร

 

ทดสอบถ่ายภาพ Close Up

สำหรับการถ่ายภาพ Close Up ในส่วนของความชัดตื่น หรือฉากหลังเบลอนั้น จะทำได้ดีพอๆกัน สามารถถ่ายวัตถุใกล้ๆ แล้วได้ฉากหลังเบลอตามความสามารถของเลนส์ ไม่ได้ใช้แอพแต่งเพิ่มเติมใดๆ ส่วนเรื่องของสีสัน ในสายตามของผมมองว่า Galaxy Note 4 ให้สีที่สดและใสเคลียร์กว่า โดยสังเกตจากภาพดอกลีลาวดี ที่กลีบดอกด้านนอกขาวสว่างกว่า ส่วนสีเหลืองของกลีบดอกด้านในก็ดูอร่ามกว่า iPhone 6 Plus

 

ถ่าย Indoor

เมื่อทดลองเปรียบเทียบภาพที่ถ่ายภายในอาคาร ซึ่งในบางจุดที่ผมทดสอบอย่าง 2 ภาพแรก รูปตุ๊กตา กับวัตถุสีแดงๆ จะมีแสงจากภายนอกมาช่วยด้วยส่วนหนึ่ง โดยภาพที่ออกมาจะสังเกตได้ว่าโทนสีแดงของ iPhone 6 Plus จะอมเหลืองหน่อยๆ ส่วน Galaxy Note 4 จะให้สีแดงสดกว่า ส่วนในเรื่องของ HDR ทั้งคู่สามารถเฉลี่ยแสงระหว่างเงามืดและที่สว่างได้พอดี รวมถึงการจัดการ White Balance ก็เที่ยงตรงไม่เพี้ยน ดูจากภาพแจกันสีทอง ซึ่งทั้ง 2 ก็ถ่ายทอดสีสันออกมาได้ตรงไม่แตกต่างกันมาก

 

ถ่ายกลางคืน ด้วยมือไม่ใช้ขาตั้งกล้อง

เมื่อเปรียบเทียบภาพถ่ายกลางคืนแล้ว เห็นได้ชัดว่า iPhone6 Plus จะให้ภาพที่มืดกว่า Galaxy Note 4 อยู่พอสมควร แต่ในเรื่องของ Noise เมื่อลอง Crop ภาพที่ 100% ปรากฎว่า iPhone 6 Plus สามารถจัดการ Noise ได้ดีกว่า Galaxy Note 4 ส่วนในเรื่องของโทนสี Galaxy Note 4 จะถ่ายทอดแสงของหลอดไฟออกไปในโทนเหลืองมากกว่า iPhone 6 Plus

 
ถ่ายพาโนราม่า

IMG_0096-800px

iPhone 6 Plus

 
20141009_140704-800px

Galaxy Note 4

 

การถ่ายภาพพาโนรามา iPhone 6 Plus สามารถจัดการแสงที่แตกต่างระหว่างที่สว่างกับในร่มได้ดีกว่า โดยส่วนที่สว่างก็ไม่โอเวอร์ และส่วนในร่มก็ไม่อันเดอร์ หรือมืดจนไม่เห็นรายละเอียด ซึ่งจุดนี้ Galaxy Note 4 อาจจะไม่สามารถคำนวนแสงได้ดีพอ นอกจากนี้ในส่วนของความกว้างของเลนส์ iPhone 6 Plus จะเก็บภาพได้กว้างหรือไวด์มากกว่า

 
เห็นผลลัพธ์ของกล้องในการใช้งานๆ แต่ละสถานที่กันไปแล้ว ซึ่งจะพบว่ามีจุดเด่น จุดด้อยแตกต่างกันบ้างเล้กน้อย ดังนั้นอยากให้ผู้อ่านลองตัดสินใจกันดูนะครับว่าชอบภาพจาก iPhone 6 Plus หรือ Galaxy Note 4 อันไหนมากกว่ากัน

 

 

4 สิ่งสุดยอดของปากกา S Pen ที่คุณควรรู้ใน Galaxy Note 4

 

Smart-select-note4-hero

 

หลังเราได้แกะกล่องรีวิว Samsung Galaxy Note 4  กันไปแล้ว มาดูในส่วนของรีวิวการใช้งานกันบ้าง ประเด็นแรกที่อยากจะนำเสนอเลยคือเรื่องของความสามารถในการใช้งานปากกา S Pen ซึ่งมีฟีเจอร์ใหม่ ที่ได้สรุปออกมาเป็น 4 สิ่งสุดยอดของปากกา S Pen ไว้เรียบร้อยแล้ว ลองไปดูกันว่ามันเจ๋งแค่ไหน

Screenshot_2014-10-08-16-21-54

 
1. ครอปภาพแล้วโยนลงใน Line ได้ทันที
ด้วยความสามารถของระบบมัลติวินโดวส์ใน Galaxy Note 4 ที่พัฒนาขึ้น บวกด้วยฟังก์ชั่น Smart Select บนปากกา S Pen ที่ให้เราสามารถครอปรูปจากในเว็บ, Facebook หรือแอพอะไรก็ตามที่เปิดอยู่บนหน้าจอ จากนั้นภาพก็จะถูกเก็บลงใน Clip Board ได้สูงสุด 10 ภาพ แล้วเราก็แค่ใช้ปากกาแตะค้างบนรูปที่ต้องการแล้วลากลงในแชต Line ที่กำลังสนทนาอยู่ ส่งไปให้เพื่อนได้เลย ง่ายมั้ยล่ะ วิธีการนี้ก็สามารถใช้กับแอพที่รองรับมัลติวินโดวส์ได้อีกหลายแอพเช่น Messages, Email, Evernote ฯลฯ
Smart-select-note4-01

 

2. รวบรวมไอเดียไว้ในสมุดภาพ (Scrapbook)
สำหรับนักสร้างสรรค์หรือครีเอทีฟทั้งหลายที่จะต้องค้นหาไอเดียใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพียงแค่ค้นหาข้อมูลหรือไอเดียจาก Google แล้วครอปภาพที่ต้องการเก็บไว้ในคลิปบอร์ดจนครบตามต้องการ จากนั้นแตะบนคลิปบอร์ดแล้วแตะไอคอนสมุดภาพ หรือ Scrapbook แล้วแตะปุ่ม Save ภาพและข้อมูลต่างๆ ที่เราครอปไว้ก็จะถูกรวบรวมไว้เป็นสมุดภาพ และยังสามารถบันทึกข้อมูลหรือวาดเขียนไอเดียเพิ่มเติมแนบลงไปในแต่ละภาพได้อีกด้วย แถมภาพดังกล่าวยังมีลิงค์อ้างอิงแนบมาให้ด้วยโดยอัตโนมัติ ไว้ใช้อ้างอิงที่มา หรือค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้อีก

 

ตัวอย่างเช่น ช่วงนี้เห็นกระแส Infused Water น้ำหมักผลไม้กำลังฮิต ผมก็เลยลองหาขวดน้ำ Infused Water เก๋ๆ มาดูว่ามีแบบไหนบ้าง ซึ่งเราสามารถครอปแบบที่ชอบแล้วเก็บรวมรวมไว้ในสมุดภาพได้ทันที

Smart-select-note4-02

 

นอกจากนี้ยังสามารถแสดงผลไฟล์คลิปวิดีโอใน Youtube, เพลง, เว็บ ได้อีกด้วย ซึ่งทำให้เราสามารถครอป มีเดียต่างๆ ที่มาพร้อมลิงค์ เก็บไว้ดูในสมุดภาพดิจิตอลอันนี้ได้ทันที

 

3. แปลงข้อความในรูปให้เป็น Text
เป็นข้อดีของฟีเจอร์ Smart Select อีกแล้ว เมื่อเราครอปภาพที่มีข้อความแบบ Text บนหน้าเว็บติดมาด้วย เมื่อแชร์รูปดังกล่าวมาลงในแอพ S Note ระบบจะก็อปปี้ข้อความเหล่านั้นเก็บไว้ด้วย แล้วนำมาวางเป็นตัวอักษรลงใน Note ให้อัตโนมัติ โดยที่เราไม่ต้องพิมพ์ใหม่หรือคัดลอกจากหน้าเว็บนั้นมาอีกทีให้เสียเวลา ที่สำคัญคือรองรับทุกภาษา

Smart-select-note4-03

 

4. Photo Note แปลงภาพกลายเป็นโน้ต
ในแอพ S Note มีฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาคือ Photo Note ที่ให้เราถ่ายรูปการจดบันทึกบนกระดานในห้องเรียน หรือบันทึกรายงานการประชุมต่างๆ เอาไว้แล้วแปลงให้กลายเป็นบันทึกโน้ตดิจิตอล ที่เราสามารถแก้ไขและเพิ่มเติมรายละเอียดได้ โดยผมได้ลองใช้ Photo Note ถ่ายเอกสารดู ระบบก็สามารถแยกวัตถุระหว่างภาพกับตัวอักษรได้ โดยให้เราสามารถแตะค้างเพื่อย้ายหรือปรับขนาดได้หรือจะเขียนโน้ตเพิ่มเติมก็ทำได้เลย

Smart-select-note4-04

 

ชมคลิปสาธิตการใช้งาน Smart Select ในรูปแบบต่างๆ
[youtube link=”http://youtu.be/0ywUStNPlH4?list=PLhpbZcOKxtO1fUZ8J8ZjEPS8xrFvgqPIp” width=”590″ height=”315″]
 
 

Unbox แกะกล่อง Galaxy Note 4 เครื่องศูนย์ไทย

 
เปิดตัวและวางจำหน่ายในไทยเรียบร้อยแล้วกับ Samsung Galaxy Note 4 ที่เริ่มวางขายแบบจำกัดเพียง 100 เครื่องต่อวันในงาน Thailand Mobile Expo ที่ผ่านมา ส่วนใครที่พลาดจาก 100 เครื่องแรก แล้วจองสิทธิ์ในราคาพิเศษ 24,900 บาท จากในงาน ก็คงต้องรอรับหลังงานตามวันที่กำหนดกันอีกที ฉะนั้นก่อนจะถึงวันที่ต้องรับเครื่อง เรามาเตรียมตรวจสอบกันก่อนดีกว่าในกล่อง Galaxy Note 4 เครื่องศูนย์ไทย มีอะไรมาให้บ้าง

 

กล่องแพ็กเกจสไตล์เดิม แต่จะมีพิมพ์เลข 4 บนหน้ากล่องตัวใหญ่ชัดเจน

Unbox-Galaxy-Note4-TH-01

 

อุปกรณ์ที่ให้มาภายในกล่อง ตัวเครื่อง Note 4, แบตเตอรี่ 3220 mAh, หัวชาร์จอะแดปเตอร์, สาย USB 2.0, ชุดเปลี่ยนหัวปากกา S Pen จะมีหัวปากกาสำรองมาให้ 5 อัน, คู่มือและใบรับประกัน, หูฟังแบบ in-ear พร้อม earbuds อีก 2 ขนาด (2 คู่)

Unbox-Galaxy-Note4-TH-02

 

Galaxy Note 4 ถือเป็นรุ่นแรกของซัมซุงที่ใช้หน้าจอแบบ Quad HD Super AMOLED ที่ให้ความละเอียดและสีสันคมชัดถึง 2560 x 1440 พิกเซล แต่ยังคงมีขนาด 5.7 นิ้ว เท่ากับ Note 3

Unbox-Galaxy-Note4-TH-03

 
กรอบบอดี้ใช้วัสดุเป็นโลหะ ทำให้ Note 4 ดูแข็งแรง และหรูหราพรีเมียมยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเคลือบสีตามตัวเครื่องไว้อีกด้วย และมีการเจียรลบเหลี่ยมตรงสันขอบให้เห็นเนื้อโลหะ ส่วนความบางอยู่ที่ 8.5 มม. ส่วนน้ำหนักอยู่ที่ 176 กรัม หนักกว่า Note 3 ขึ้นมานิดหนึ่ง จาก 168 กรัม

Unbox-Galaxy-Note4-TH-05

 

ตรงขอบหน้าจอจะมีการดีไซน์ด้วยกระจกที่โค้งมน ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ที่นิยมใช้ในสมาร์ทโฟนระดับเรือธง

Unbox-Galaxy-Note4-TH-07

 

ฝาด้านหลังยังคงถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ และใช้วัสดุพลาสติกที่มีลายหนังเทียมเป็นเอกลักษณ์อยู่เช่นเดิม

Unbox-Galaxy-Note4-TH-04

 

กล้องหน้าเอาใจสาวกเซลฟีด้วยความละเอียด 3.7 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.9 ถ่ายในที่แสงน้อยได้สว่างยิ่งขึ้น พร้อมโหมด Wide Selfie ที่สามารถถ่ายเซลฟีมุมกว้างได้ถึง 120 องศา

Unbox-Galaxy-Note4-TH-10

 

กล้องหลังมาพร้อมความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมเพิ่มระบบชดเชยภาพสั่นไหวในตัวเลนส์ Smart OIS ถัดลงมาจะมีแฟลช LED และ Heart Rate เซนเซอร์ กับ UV เซนเซอร์

Unbox-Galaxy-Note4-TH-06

 

วันรับเครื่องให้ลองทดสอบ Heart Rate เซนเซอร์ วัดอัตรากการเต้นของหัวใจดู ว่ามีแสงสีแดงขึ้นมาขณะตรวจวัดรึเปล่า นอกจากนี้เวลาถ่ายรูปด้วยกล้องหน้า จะสามารถแตะที่ Heart Rate เพื่อกดชัตเตอร์ได้อีกด้วย (ใช้งานคล้ายกับปุ่ม Rear Key ใน LG G3)

Unbox-Galaxy-Note4-TH-11

 

เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า Note 4 กลับมาใช้ USB 2.0 เหมือนเดิม จากรุ่นก่อนหน้าเคยใช้ USB 3.0 เป็นจุดขาย ส่วนช่องเสียบปากกา S Pen ก็ยังอยู่ในตำแหน่งขวาเหมือนเดิม

Unbox-Galaxy-Note4-TH-08

 

ช่องเสียบหูฟังจะอยู่ด้านบนของตัวเครื่อง และมีเซนเซอร์อินฟราเรดไว้ใช้งานเป็น Smart Remote ควบคุมทีวี เครื่องเล่น เครื่องเสียง และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ

Unbox-Galaxy-Note4-TH-09

 

สำหรับใครที่ยังจองไว้ ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม คงจะเริ่มทยอยรับเครื่องกันตามคิว ส่วนเครื่องสีทองอาจจะต้องรอนานหน่อยเพราะจะเริ่มรับเครื่องได้ในวันที่ 24 ตุลาคม หลังจากนี้ก็คงจะมีวางขายทั่วประเทศในช่วงปลายเดือนตุลาคม ในราคา 25,900 บาท ส่วนของฟีเจอร์เด่นๆ ที่น่าสนใจ จะมารีวิวให้ชมกันเร็วๆ นี้นะครับ

 

 

Samsung จัดหนัก ทำคลิปล้อเลียน iPhone 6 และ Apple Watch อย่างฮา มาเป็นชุด 6 คลิปรวด

 

samsung-clip

 

เรียกว่าอย่างไวเลยทีเดียว หลังจากที่ Apple ได้เปิดตัว iPhone 6 และ Apple Watch ไปไม่นาน ซัมซุง ก็ไม่รอช้า จัดคลิปล้อเลียน Apple ในฟีเจอร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทอดสด Live Stream ที่ติดขัด, เรื่องหน้าจอใหญ่ แต่ซัมซุงก็มีมานานแล้วนะ แถมทำมัลติวินโดวส์ได้ด้วย, ไม่มีปากกา S-Pen, ชาร์จแบตได้เร็วกว่า และ Smartwatch ที่มีมานานแล้ว แสบจริงไรจริง

 

[youtube link=”http://youtu.be/vA8xPyBAs_o?list=PLMKk4lSYoM-yi1RcmxhgbkFxIAa577K4A” width=”590″ height=”315″]

 

โดยคลิปวิดีโอชุดนี้ ถูกทำขึ้นภายใต้คอนเซ็ป It Doesn’t Take a Genius เพื่อโปรโมทจุดเด่นของ Galaxy Note 4 ที่กำลังจะวางจำหน่ายเร็วๆ นี้ แถมยังติด Tag ชัดเจนมากว่า #NoteTheDifference หรือความแตกต่างของ Note และที่แสบไปกว่านั้นคือตัวละคร 2 คนที่ใส่เสื้อยืดสีฟ้า เหมือนพนักงานใน Apple Store อีกด้วย

 

 

 

ซัมซุง Galaxy Alpha สมาร์ทโฟนรุ่นพรีเมี่ยม เริ่มวางขาย 12 กันยายนนี้

galaxy-alpha-official-4-620x413

Galaxy Alpha สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์บอดี้โลหะ ระดับพรีเมี่ยม ตัวแรกของซัมซุง พร้อมวางจำหน่ายแล้ว 12 กันยายนนี้ เริ่มที่สหราชอาณาจักรก่อน และในวันที่ 26 ก.ย. จะวางจำหน่ายในประเทศแคนาดาในลำดับถัดไป

 

ส่วนราคาของ Galaxy Alpha อยู่ที่ 549 ยูโร หรือประมาณ 22,700 บาท ส่วนเมืองไทยมีข่าวยืนยันราคามาแล้วอยู่ที่ 20,900 บาท (ที่มา mxphone) อย่างไรก็ตาม ซัมซุงยังไม่เปิดเผยถึงวันวางจำหน่ายในสหรัฐ และประเทศอื่นๆ

 

GALAXY-ALPHA_KV_Woman_Gold_Horizontal_0804

 

เรียกว่าเป็นการสกัดดาวรุ่นก่อนหน้างานเปิดตัว iPhone 6 แบบไม่แคร์สื่อกันเลยทีเดียว ไม่แน่นะเกิดซัมซุงประเทศไทยนำ Galaxy Alpha เข้ามาขายในเมืองไทยได้ก่อน iPhone 6 อาจจะทำหลายคนเริ่มลังเลใจขึ้นมาก็ได้

 

สเปกของ Samsung Galaxy Alpha
• หน้าจอ 4.7 นิ้ว Super AMOLED
• ซีพียู Samsung Exynos octacore (8 แกนสมอง)
• แรม 2 GB
• หน่วยความจำภายใน 32 GB
• มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
• กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล
• กล้องหน้า 2.1 ล้านพิกเซล
• รองรับ 4G LTE
• ระบบปฏิบัติการ Android 4.4.4
• บางเพียง 6.7 มม.
• น้ำหนักรวม 115 กรัม

 

Source : Sammobile

 

 

Alcatel กลับมาอีกครั้ง ออกตัวแรง ส่ง OneTouch Flash จอใหญ่ 5.5 นิ้ว พลังแรง 8 Core ในราคา 6 พันกว่าบาท

 

Alcatel-onetouch-flash-01

 

หากพูดถึงแบรนด์ Alcatel ถ้าอยู่ในวัยเจน X หลายคนคงทันใช้ สมัยที่ฟีเจอร์โฟนกำลังนิยม หนึ่งในตัวเลือกคงต้องมีแบรนด์ Alcatel ผ่านหู ผ่านตามาบ้าง โดยเฉพาะพิธีกรในงานเปิดตัวครั้งนี้ น้องซี ฉัตรปวีณ์ ที่เธอเอ่ยกลางเวทีว่า Alcatel เป็นมือถือเครื่องแรกในชีวิตของเธอเลย 555…

 

Alcatel-onetouch-flash-02

ภายในงานมีแฟชั่นโชว์ของเหล่าดาราเซเล็ปจากซีรี่ส์ Hormones

 

และเมื่อมาถึงยุคของสมาร์ทโฟน แม้ว่า Alcatel จะออกตัวช้ากว่าแบรนด์อื่นๆ แต่วันนี้ขอออกตัวแรง ด้วยการส่งสมาร์ทโฟนรุ่น OneTouch Flash ที่อัดแน่นด้วยซีพียูระดับ 8 Core (Mediatek Octa-Core CPU) ความเร็ว 1.4 GHz แรม 1 GB พร้อมด้วยหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD 720×1280 พิกเซล กล้องหน้าฟรุ้งฟริ้ง 5 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED 1 ดวง แบตอึดด้วยความจุมากถึง 3200 mAh และน้ำหนักเบาเพียง 150 กรัม ทั้งนี้ยังรองรับ 2 ซิม (ซิมขนาด Micro SIM) แต่ใช้ 3G ได้กับคลื่นความถี่ 900/2100 MHz เท่านั้น

 

Alcatel-onetouch-flash-03

 

ฟีเจอร์โดดเด่นของ Alcatel OneTouch Flash
• กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล ฟิกซ์โฟกัส มาพร้อมโหมด Beauty Selfie หน้าเนียน ดวงตา Big Eye ถ่ายแล้วเก็บทั้งรูปต้นฉบับและรูปที่แต่งอัตโนมัติไว้ให้เลือก
• กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล ออโต้โฟกัส เซนเซอร์ Sony BSI พร้อมระบบลดภาพสั่นไหว
• HotKnot โอนถ่ายไฟล์ภาพหรือวิดีโอระหว่าง OneTouch Flash ด้วยกัน ได้ง่ายๆ เพียงหันหน้าจอประกบกัน
• Dual Band Wi-Fi รองรับคลื่นความถี่ Wi-Fi ได้ทั้งมาตรฐาน 2.4 GHz และ 5.0 GHz เพื่อให้สปีดที่เร็วกว่า และลดสัญญาณรบกวน
• มี FM Tuner ในตัว
• มีระบบเคาะ 2 ครั้งบนหน้าจอเพื่อเปิดหน้าจอ โดยไม่ต้องกดปุ่ม หรือจะเคาะอีกครั้งเพื่อปิดก็ได้
• มาพร้อมระบบปฏิบัติการล่าสุด Android 4.4.2 Kitkat
• รองรับ 2 ซิม แสตนบายด์
• เพิ่มหน่วยความจำ Micro SD ได้สูงสุด 32 GB

 

วางจำหน่ายเร็วๆ นี้ ในราคาเพียง 6,590 บาทเท่านั้น

 

ขนาดตัวเครื่องที่หน้าจอ 5.5 นิ้ว ก็ยังถือได้ถนัดในมือเดียว

Alcatel-onetouch-flash-04

 

ในงานมี 2 สีมาโชว์ คือ ขาว, เทา

Alcatel-onetouch-flash-05

 

ปุ่มโฮม Home, Menu และ Back จะอยู่บนตัวเครื่องไม่ได้รวมมาในหน้าจอ แต่จะไม่มีไฟ Back Light ส่องสว่างเวลาสัมผัส ใช้งานในที่มืดอาจจะลำบาก

Alcatel-onetouch-flash-06

 

ช่องใส่ Micro SD กับ Micro SIM1 มาพร้อมฝาปิดแบบกันหลุดหาย คล้ายๆ กับ Sony Xperia Z2

Alcatel-onetouch-flash-07

 

ส่วนด้านขวา ก็จะมีช่องใส่ Micro SIM2 และปุ่มเพิ่มลดเสียง, ปุ่มพาเวอร์

Alcatel-onetouch-flash-08

 

ฟอนต์ในการตั้งค่าใหญ่โต มองเห็นได้ชัดเจน เหมาะสำหรับวัย สว. (สูงวัย) เป็นอย่างยิ่ง

Alcatel-onetouch-flash-09

 

 

 

 

[IFA2014] ซัมซุงเปิดตัว Galaxy Note Edge นวัตกรรมขอบจอโค้ง เพิ่มลูกเล่นการแจ้งเตือน แสดงผลแยกส่วนได้

samsung-galaxy-note-edge-06

และแล้วก็มาตามคำสัญญา กับแฟบเล็ตจอโค้ง ที่เคยออกโชว์เครื่องต้นแบบมาแล้วเมื่อปลายปีก่อน โดยในงาน IFA 2014 ปีนี้ ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อรุ่น Galaxy Note Edge น้องใหม่ในตระกูล Note ที่มาพร้อมหน้าจอ Curved OLED พร้อมด้วยปากกา S Pen แต่มีขนาดหน้าจอเล็กกว่านิดหนึ่งคือ 5.6 นิ้ว จาก Note 4 ที่มีขนาด 5.7 นิ้ว โดยสเปกเครื่องส่วนใหญ่ก็จะเหมือน Galaxy Note 4 เลยทีเดียว มีบางส่วนที่แตกต่างเล็กน้อย โดยเฉพาะตรง หน่วยประมวลผลที่มีให้เลือกเพียงตัวเดียวคือ 2.7 GHz Quad-Core Processor

 

• หน้าจอความละเอียดสูงระดับ Quad HD ความละเอียด 2560×1440 เท่ากับ Galaxy Note 4
• กล้องหลังก็ความละเอียดเท่ากันคือ 16 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันภาพสั่นไหว OIS
• กล้องหน้า ความละเอียดสูงถึง 3.7 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างถึง F1.9
• หน่วยความจำ 32/64 GB แรม 3 GB
• แบตเตอรี่ 3,000 mAh พร้อมระบบ Fast Charge ชาร์จเร็วได้ 50% ภายในเวลา 30 นาที เช่นเดียวกัน
• แต่ไม่รองรับ การใช้งานร่วมกับ Gear VR

 

ฟังก์ชั่นเด่นที่ขอบจอโค้ง

• แสดงการแจ้งเตือนต่างๆ ในขณะปิดหน้าจอ โดยจะแสดงผลเฉพาะตรงขอบจอโค้งเท่านั้น
• สไลด์เพื่อเปิดดูการแจ้งเตือนได้
• สไลด์เพื่อเลื่อนดูวิดีโอได้
• แสดงช็อตคัทไอคอนที่ขอบจอ ให้แตะเข้าใช้งานได้ทันที
• ควบคุมการเล่นเพลงได้
• แตะสไลด์เพื่อเปิดดูเวลาได้
• สามารถปรับแต่งแถบเครื่องมือ หรือเลือกธีมต่างๆ ได้

 

samsung-galaxy-note-edge-01

 

samsung-galaxy-note-edge-02

 

นอกจากนี้ซัมซุงยังเปิดให้นักพัฒนาแอพพลิเคชั่นทั่วไป ได้นำฟีเจอร์นี้ไปใช้ในการพัฒนาแอพของตัวเองหรือเข้าถึงฟีเจอร์นี้ได้อีกด้วย ส่วนราคายังไม่เปิดเผยอีกเช่นเดียวกัน โดยกำหนดวางจำหน่ายในช่วงฤดูใบไม้ร่วง มี 2 สี ขาว, ดำ

samsung-galaxy-note-edge-05

samsung-galaxy-note-edge-07

samsung-galaxy-note-edge-08

samsung-galaxy-note-edge-09

samsung-galaxy-note-edge-10

Source  : Samsung Mobile Press, Slash Gear