วิธีแชร์เน็ตจาก Windows Phone ให้เครื่องอื่นใช้

sharenet-wp08

สำหรับสาวก Windows Phone 8 หรือจะเรียกได้เต็มปากในช่วงนี้ว่าสาวกโนเกียก็ไม่ผิดนัก หากต้องการที่จะแชร์อินเทอร์เน็ต จากซิม 3G หรือ 4G ไปให้เครื่องอื่นได้ใช้ชีวิตชิดแชตแอนด์แชร์ กับเขาบ้าง ก็สามารถทำได้ โดยหากใช้เครื่องรุ่นท็อปๆ อย่าง Lumia 1520 จะสามารถแชร์เน็ตแบบ 4G ไปให้เพื่อนๆ ได้มากถึง 8 เครื่อง โดยมีวิธีการดังนี้

 

1. จากหน้า Home ให้แตะบนไทล์ Settings หรือหากไม่ได้สร้างไทล์เอาไว้ก็ให้แตะสไลด์ไปทางซ้าย แล้วแตะ Settings
sharenet-wp01

 

2. แตะที่ internet Sharing แล้วแตะเปิด Sharing ให้เป็น On

sharenet-wp02

 

3. ปกติระบบจะตั้งชื่อเครื่องและรหัสผ่านสำหรับเข้าใช้ Wi-Fi Hotspot มาให้แล้ว แต่หากต้องการตั้งค่าใหม่ให้แตะปุ่ม Setup จากนั้นใส่ชื่อเครื่องของเราในช่อง Broadcast name และตั้งรหัสผ่านในช่อง Password อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 8 หลัก เสร็จแล้วก็แตะเครื่องหมายถูก

sharenet-wp05

เพียงเท่านี้เราก็จะแชร์อินเทอร์เน็ตให้กับอุปกรณ์อื่นๆ ที่ต้องการได้มากสุดถึง 8 เครื่องพร้อมกัน โดยการแชร์เน็ตให้เครื่องอื่นนั้นอาจจะทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วยิ่งขึ้น และความเร็วอินเทอร์เน็ตอาจจะลดลงเมื่อมีการแชร์ใช้งานร่วมกันหลายเครื่องนะครับ

 

วิธีการเชื่อมต่อ Wi-Fi Hotspot

สำหรับเครื่องที่ต้องการเชื่อมต่อเน็ตผ่าน Wi-Fi Hotspot จากเครื่องโนเกียที่กำลังแชร์เน็ตให้นั้น ก็เพียงแค่เปิด Wi-Fi แล้วค้นหาตามชื่อเครื่องที่ตั้งเอาไว้ โดยจากตัวอย่างชื่อเครื่องคือ Nokia Lumia 1520_8480 ให้แตะเลือก แล้วใส่รหัสตามที่เจ้าของเครื่องตั้งไว้ เท่านี้ก็สามารถใช้งานเน็ตได้แล้วครับ

sharenet-wp06
ลองใช้ LG G2 เชื่อมต่อ Wi-Fi Hotspot จาก Lumia 1520

 

 

สัมผัมแรก Nokia Lumia 1520 แฟบเล็ตตัวแรกของโนเกีย

และแล้ว Nokia Lumia 1520 แฟบเล็ตเครื่องแรกของโนเกีย ก็เปิดตัวในเมืองไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวันเสาร์ที่ 30 พ.ย. 56 ที่ผ่านมา OopsMobile ได้รับเชิญให้เข้าร่วมกิจกรรม Workshop กับ Nokia Lumia 1520 ณ ตลาดน้ำขวัญเรียม และร้านอาหาร Chocolate Ville โดยงานนี้มีภารกิจให้ได้ลองเล่นแอพใหม่ๆ หลายตัวเลยทีเดียว ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาดูกันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง แต่ก่อนอื่นขอเล่าในส่วนไฮไลต์สำคัญของเข้า Lumia 1520 กันก่อนนะครับ

 

สเปกหลักของ Lumia 1520 มาพร้อมหน้าจอ 6 นิ้ว แบบ IPS LCD, รองรับระบบ 4G LTE, กล้อง 20 ล้านพิกเซล เทคโนโลยี Pureview แบบ Lumia 1020, ซีพียู Quad core Snapdragon 800 2.2 GHz พร้อมแรม 2 GB, หน่วยความจำในตัวเครื่อง 32 GB และสามารถเพิ่ม Micro SD ได้ถึง 64 GB

Lumia1520-Workshop-01

 

ระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 Nokia Black ซอฟต์แวร์ล่าสุดจากโนเกีย พร้อมไทล์วางได้ 3 คอลัมน์

Lumia1520-Workshop-02

 

หน้าจอแบบ Full HD ขนาด 6 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยี Clear Black สู้ท้าแดดได้สบาย สว่างคมชัดเวลาใช้งานกลางแจ้ง จากในพรีเซนต์มีการเปรียบเทียบกับ iPhone (น่าจะเป็น iPhone 5s) และ Samsung (น่าจะเป็น Note3) ให้เห็นถึงรายละเอียดของภาพ สังเกตได้ว่า Lumia 1520 จะแสดงรายละเอียดในส่วนของภาพในที่มืดได้ดีกว่า

Lumia1520-Workshop-03

 

ส่วนของการบันทึกวิดีโอ ได้ใส่ไมค์มาให้ถึง 4 ตัวเพื่อบันทึกเสียงได้แบบรอบทิศทาง

Lumia1520-Workshop-04

 

ถือเป็นข่าวดีสำหรับสาวกโนเกีย ที่วันนี้มีแอพพลิเคชั่นบน Windows Phone กว่า 190,000 แอพ แล้วนะครับ

Lumia1520-Workshop-05

 

เอาล่ะครับ เริ่มสัมผัสตัวเป็นๆ กับ Lumia 1520 กันเลยดีกว่า โดยตัวบอดี้จะมีทั้งหมด 4 สีให้เลือก คือ ขาว, ดำ, เหลือง และแดง โดยสีแดงจะใช้ผิวแบบกลอสซี่มันวาวอยู่เพียงตัวเดียว นอกนั้นเป็นผิวแบบเนื้อด้านทั้งหมด

Lumia1520-Workshop-08

 

ขนาดตัวเครื่องถือว่าออกแบบให้ขอบบางไม่กว้างจนเกินไป ขนาดผมมือเล็กยังถือได้สะดวกดีครับ ส่วนเวลาพิมพ์ ก็ง่ายขึ้นเพราะหน้าจอใหญ่ทำให้แป้นคีย์บอร์ดใหญ่ตาม ส่วนตัวไอคอนที่หน้าโฮมหรือที่เรียกว่าไทล์นั้น สามารถวางได้ถึง 3 คอลัมน์ ทำให้มีพื้นที่ในการวางไทล์ได้เยอะขึ้น บวกกับหน้าจอที่ยาวเข้าไปอีก จึงทำใ้ห้ขยายไทล์ของแอพต่างได้กว้างขึ้นเพื่อดูข้อมูลที่ฟีดเข้ามาได้ครบทุกโซเชียลแอพที่ใช้ประจำวัน โดยเฉพาะ Facebook, Twitter และล่าสุด Instagram ที่เพิ่งรองรับได้ไม่นาน

Lumia1520-Workshop-09

 

พอร์ต micro USB สำหรับชาร์จ และเชื่อมต่อข้อมูล ถูกวางไว้ท้ายตัวเครื่อง

Lumia1520-Workshop-10

 

ปุ่มควบคุมมาตรฐาน จัดวางอยู่ด้านขวาของตัวเครื่องเช่นเดิม มีปุ่มโวลุ่ม, เปิด-ปิด/พักหน้าจอ, ปุ่มชัตเตอร์

Lumia1520-Workshop-11

 

ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. อยู่ด้านบนตรงกลางของตัวเครื่องเลย ส่วนเลนส์ของตัวกล้องจะไม่หนาเท่ากับ Lumia 1020 แล้ว เนื่องจากความละเอียดที่รองลงมาเป็น 20 ล้านพิกเซล แต่ยังมาพร้อมเทคโนโลยี Oversampling และระบบซูมแบบ Lossless 2 เท่า รวมถึงระบบลดภาพสั่นไหว OIS ที่ชุดเลนส์ แฟลช LED 2 ดวงคู่

Lumia1520-Workshop-13

 

ถาดใส่ซิมและ MicroSD แบบใช้เข็มจิ้ม เพราะตัวบอดี้ถอดฝาหลังไม่ได้นะครับ หรือที่เรียกว่าแบบยูนิบอดี้นั่นเอง โดยวัสดุเป็นโพลีคาบอเนต ทำให้แข็งแรงทนทานแต่น้ำหนักเบา โดยน้ำหนักอยู่ที่ 209 กรัม

Lumia1520-Workshop-12

 

ฟีเจอร์กล้องได้ปรับปรุงใหม่ให้กลายเป็นแอพ Nokia Camera โดยรวมแอพ Nokia Pro Camera และ Nokia Smart Camera เข้าไว้ด้วยกัน เพียงสไลด์สลับโหมดตรงปุ่มชัตเตอร์

Lumia1520-Workshop-14

 

โหมดบันทึกภาพจะใีห้เลือก 3 รูปแบบ คือ JPEG ขนาด 5MP อย่างเดียว, JPEG ขนาด 5 MP และ 16 MP, JPEG ขนาด 5  MP และไฟล์ RAW ขนาด 16 MP (DNG)

Lumia1520-Workshop-15

 

แอพ Refocus ให้เราถ่ายภาพก่อนแล้วเลือกจุดโฟกัสทีหลังได้ ที่สำคัญเมื่อแชร์ลิงค์ภาพจากแอพดังกล่าว ไปยัง Facebook หรือโซเชียลต่างๆ เพื่อนของเราก็สามารถแตะบนภาพเพื่อเลือกจุดโฟกัสได้อีกด้วย

Lumia1520-Workshop-16

ลองเข้าไปเล่นกันได้ครับที่ลิงค์นี้ https://refocus.nokia.com/refocus/YsV3nqadNd6Q0FWF/image

 

แอพ So Zoom ของเล่นใหม่ที่สามารถโหลดมาใช้กับ Lumia 1020 และ Lumia 1520 ได้ โดยจะเป็นการดึงความสามารถของเซนเซอร์ที่มีความละเอียดสูง เพื่อซูมภาพในจุดที่ต้องการโดยสามารถมองเห็นรายละเอียดที่ชัดเจนแม้วัตถุจะอยู่ไกลมากก็ตาม โดยสามารถทำบอลลูนซูมเข้าไปหลายๆ จุดก็ได้ แต่เสียดายที่ผมลืมทำตัวอย่างมาให้ดูกัน ซึ่งถือเป็นลูกเล่นที่สนุกอีกตัวหนึ่งเลยครับ แต่แอพตัวนี้ไม่ฟรีนะครับ

Lumia1520-Workshop-17

 

Lumia1520-Workshop-18

 

 

ชมไฟล์ภาพถ่ายจาก Lumia 1520 (JPEG 5 MP) คลิกเพื่อซูม

WP_20131130_17_08_37_Raw WP_20131130_14_54_22_Pro

WP_20131130_16_31_47_Refocus  WP_20131130_13_41_18_Pro

WP_20131130_13_03_21_Refocus WP_20131130_16_28_14_Refocus

WP_20131130_17_28_17_Refocus WP_20131130_17_33_16_Pro WP_20131130_17_30_55_Pro

 

Lumia 1520 จำหน่ายในราคา 22,900 บาท โดยเปิดจองแล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 5 ธ.ค. 56 ที่โนเกียช็อป ทุกสาขา โดยใครที่จองในช่วงนี้จะได้รับของแถม Flip Case และ Power Bank โนเกีย มูลค่ารวม 2,080 บาท ซึ่งผู้ที่สั่งจองจะได้รับเครื่องประมาณวันที่ 10 ธ.ค. 56 และวางจำหน่ายทั่วประเทศประมาณปลายเดีอน ธันวาคม ปีนี้

NokiaLumia1520-Bandit-Preorder-1500x1500-2-jpg

ทรู บียอนด์ 4G รุ่นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพียง 9,990 บ.

Phone-MAN-UTD 02
ทรูจัดเต็มเอาใจสาวกปีศาจแดง โดยส่งสมาร์ทโฟนแบรนด์ในเครือ ทรู บียอนด์ 4G รุ่นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด Limited Edition ในราคาประหยัดเพียง 9,990 บ. รุกตลาดให้แดงเดือดเพิ่มยิ่งขึ้น โดยถือเป็นการผลักดันให้ผู้ใช้เข้าถึงระบบ 4G ที่ทรูเริ่มเปิดให้บริการเป็นรายแรก โดยมีพื้นที่ให้บริการใจกลางกรุงก่อนในเบื้องต้น ในส่วนของสเปกเครื่องก็ไม่ได้ไก่กานะจะ ลองไปดูกัน

สเปก ทรู บียอนด์ 4G รุ่นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
??รองรับ 4G LTE (100 Mbps)/3G/EDGE/GPRS
? ระบบปฏิบัติการ Android 4.2.2 Jelly Bean
? หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon Dual Core 1.5 GHz
? หน้าจอละเอียดระดับ 720 HD กว้าง 4.3 นิ้ว พร้อมกระจกป้องกันรอยขีดข่วน
? กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 1.3 ล้านพิกเซล
? หน่วยความจำเครื่อง 8 GB
? แบต 1810 mAh
? ดีไซน์โดนใจ ฝาหลังลายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สุดเท่ทั้งสีแดงและสีดำ พร้อม LIVE Wallpaper รูปนักเตะคนโปรด 4 แบบ 4 สไตล์
? มีคอนเทนต์และแอพพลิเคชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
? ขนาด 128x66x9.8 มม.
? น้ำหนักโดยประมาณ 145 กรัม
? ราคาเพียง 9,990 บาท

สิทธิพิเศษ เมื่อซื้อเครื่องพร้อมสมัครแพ็กเกจทรูมูฟ เอช แบบรายเดือน
? รับโบนัสโทรและใช้เน็ตฟรี 6,000 บาท (เดือนละ 300 บาท สำหรับส่วนเกินจากค่าบริการขั้นต่ำเหมาจ่ายรายเดือน นาน 20 เดือน)
? รับฟรี SMS รายงานสดผลการแข่งขันและอัพเดทข่าวกีฬาแบบแมทช์ต่อแมทช์
? สนุกกับคลิปสุดเอ็กซ์คลูซีฟด้วยแอพพลิเคชั่น MUTV ส่งตรงจากทีมนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
? พร้อมเสียงเรียกเข้าจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 10 เพลง นาน 6 เดือน
? ทรูมูฟ เอช แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด การ์ด ที่มอบส่วนลดต่างๆ มากมายเพื่อเอาใจแฟนปีศาจแดงโดยเฉพาะ

Phone-MAN-UTD 01

[infographic] วิวัฒนาการของยุคเครือข่ายมือถือ 1G – 2G – 3G – 4G

Evolution of the G

หลังจากที่คนไทยเพิ่งจะได้สัมผัสกับเทคโนโลยี 3G กันอย่างเป็นทางการ จากผู้ให้บริการเครือข่าย ทั้ง 3 เจ้าใหญ่ๆ AIS, dtac และ truemoveH ซึ่งเมืองไทยเองถือว่ายังอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านจาก 2G ไปยัง 3G และบางเครือข่ายก็เริ่มมีบริการ 4G ให้ทดลองใช้เฉพาะบางพื้นที่แล้ว แต่หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่าไอเจ้า 3G หรือ 4G ที่หลายคนพูดถึงกันมันดียังไง แล้วแตกต่างกันอย่างไร ผมมีภาพ infographic อธิบายง่ายๆ จาก COMMSCOPE มาให้ดูกัน โดยขอสรุปตัวเลขที่น่าสนใจออกมาดังนี้

ความเร็วของแต่ละยุค หน่วยเป็น กิโลบิตต่อวินาที (kbps)
1G : 2.4 kpps สื่อสารด้วยเสียงเท่านั้น ยังเป็นระบบอะนาลอก
2G : 64 kbps สื่อสารด้วยเสียงได้ชัดเจนขึ้น ให้สัญญาณครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และเป็นยุคแรกของการใช้มาตรฐานดิจิตอลในระบบ GSM และ CDMA
3G : 2000 kbps สื่อสารได้ทั้งเสียงและข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อความ, มัลติมีเดีย และอินเทอร์เน็ต ถือเป็นยุคแรกของการเป็นโมบายบรอดแบนด์
4G : 100,000 kbps สื่อสารกันด้วยข้อมูลเป็นหลักหรือว่าง่ายๆ คือเชื่อมต่อินเทอร์เน็ตแทนการสื่อสารด้วยเสียง ใช้โปรโตคอลมาตรฐานการสื่อสารแบบ LTE และเป็นโมบายบรอดแบนด์อย่างแท้จริง

เปรียบเทียบตามระดับความสูงแล้วจะเท่ากับ
1G = ความสูงของตั๊กแตน
2G = ความสูงของเจ้าสุนัขพันธุ์ บอร์เดอร์ คอลลี่
3G = ความสูงของตึก 5 ชั้น
4G = ความสูงของตึก Burj Khalifa ในดูไบ ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก

ในปีนี้ (2013) เราจะได้เห็นการใช้ข้อมูลสื่อสารกันบนเครือข่ายมือถือมากถึง 1 Exabyte ต่อเดือน หรือเท่ากับ 1 พันล้านกิกะไบต์ (1,000,000,000 GB) ซึ่งเทียบเท่ากับการดาวน์โหลดหนังเรื่อง Star Wars ทุกตอน ได้ถึง 130 ล้านครั้ง

คาดว่าในปี 2016 จะมีการรับส่งข้อมูลกันมากถึง 10.8 Exabyte ต่อเดือน เลยทีเดียว

อะไรที่เป็นแรงขับของการเิติบโตในการใช้ข้อมูล
แน่นอนว่าคำตอบคือ Smartphone ที่มีจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ในปี 2013 มีผู้ใช้สมาร์ทโฟน 1 ใน 3 เมื่อเทียบกับผู้ใช้ฟีเจอร์โฟนทั่วไป
คาดว่าในปี 2017 จะมีผู้ใช้สมาร์ทโฟนเป็น 1 ใน 2 เมื่อเทียบกับผู้ใช้ฟีเจอร์โฟนทั่วไป
และมีเปอร์เซ็นต์การดูเว็บผ่านสมาร์ทโฟนสูงขึ้นถึง 8.3% ในปี 2013

แล้วจะทำอย่างไรให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนมีความสุขกับการใช้งาน
19% : ประสิทธิภาพของเครือข่ายเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
16% : ความคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป
10% : ติดต่อสื่อสารได้ระหว่างที่กำลังเดินทาง
10% : ข้อเสนอในส่วนของค่าทำเนียมหรือค่าบริการต่างๆ
10% : การบริการลูกค้า

 

สำหรับในเมืองไทยข้อมูลนี้อาจจะไม่สอดคล้องกันเท่าไรนัก เนื่องจากเป็นการเก็บข้อมูลในต่างประเทศเท่านั้น แต่ก็สามารถมองเห็นแนวโน้มและความเป็นมาเป็นไปของระบบเครือข่ายมือถือที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว และเชื่อว่าประเทศไทยก็มีศักยภาพในการพัฒนาอย่างรวดเร็ว หากไม่ติดเรื่องปัญหาการเมืองภายในเสียก่อนนะครับ อิอิ…

1G
Source : CommScope via Phonearena