เมื่อช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม 2014 Samsung ได้ออกวางจำหน่าย Note 3 รุ่นรองรับ 4G LTE ให้สาวกชาว Note ได้ตื่นเต้นกับการที่จะได้ใช้ 4G กับเค้าซะที ซึ่งการที่ Samsung ออกวางจำหน่าย Note 3 รุ่น LTE นั้นเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง เพราะไม่มีแหล่งข่าวไหนจะออกมาเปิดเผยว่า Note 3 LTE ที่ใช้ชื่อโมเดลว่า N9005 จะมาวางขายในไทย
ซึ่งรุ่นที่วางขายในไทยเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2013 คือรุ่น N9000 ซึ่งรองรับแค่ 3G เท่านั้น
ส่วน N9005 นั้นได้มีการวางจำหน่ายไปก่อนหน้านั้นแล้วในหลายๆประเทศ ซึ่งในไทยถ้าอยากได้ก็ต้องไป MBK
นอกจาก N9005 จะรองรับ 4G LTE แล้ว ยังมีซีพียูตัวใหม่ ซึ่งแรงกว่า N9000 ที่ใช้ Exynos 5 ส่วน N9005 ใช้ Snapdragon 800 ก็เจ้าตัวนี้แหละที่สาวกคนไทยตื่นเต้นอยากจะใช้ เพราะมันเร็วกว่า และเจ้า Snapdragon 800 นี่แหละ ที่ทำให้เกิดปมปัญหาให้กับสาวก Samsung ตระกูล Note ขึ้นมา แถมยังมีประเด็นสงครามสมาร์ทโฟนกับคู่แข่งรายใหญ่อย่าง Apple ขึ้นมาอีก
ประเด็นที่เป็นปมสงครามสมาร์ทโฟน คือ ในคืนวันที่ 10 กันยายน 2013 บริษัทคู่แข่งรายใหญ่อย่าง Apple ได้มีการเปิดตัวสินค้าใหม่และซอฟแวร์ตัวใหม่ แต่ประเด็นที่เราจะพูดถึงคือ การมาของ iPhone 5s ซึ่งมาพร้อมชิปประมวลผลระดับความเร็ว 64-bit ซึ่งก็คือ ชิป A7 ถ้าดูจากช่วงเวลาที่ Note 3 เปิดตัวคือวันที่ 4 กันยายน 2013 ถือว่า iPhone 5s เปิดทีหลัง แต่จริงๆก็ไล่เลี่ยกันถ้าดูในแง่ช่วงเวลาที่อยู่ในขั้นตอนการผลิต
หลังจากนั้นก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากแหล่งข่าวทั้งต่างประเทศและในประเทศที่โจมตี Samsung กรณี Snapdragon800
ประเด็นที่เกิดการวิจารณ์คือ บรรดาเวบไซต์ของเหล่าสาวกแอปเปิ้ลได้กล่าวในเชิงเย้ย Samsung ว่า อุตส่าห์ปล่อยหมัดเด็ด ซึ่งก็คือ Snapdragon800 ความเร็ว 32-bit แต่สุดท้ายก็หงายเมื่อเจอ ชิป A7 64-bit ของ iPhone 5s เข้า
แต่ทาง Samsung ก็ไม่ได้ยอม ถึงกับออกมาโต้ว่าความเร็วระดับ 64-bit นั้น เป็นแค่แผนทางการตลาดของ Apple เท่านั้น ไม่มีทางที่ใครจะพัฒนามาได้ขนาดนี้แน่นอน
(อันนี้ดูไม่น่าจะอยู่ในประเด็นที่จะพูดถึง แต่ดูจะเป็นประเด็นโจมตี Snapdragon 800 มากกว่า)
นอกจากนี้ยังมีประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในทวิตเตอร์ โดยเหล่าบรรดาบล็อกเกอร์ที่เป็นสาวกของแอปเปิ้ล ( รวมทั้งผู้เขียนเองด้วย ) ได้ตั้งแง่สงสัยเชิงถากถางขึ้นมาว่า ” ทำไม Note 3 ไม่ขายรุ่น LTE ตั้งแต่แรก ” และก็น่าจะใช้ CPU ตัวเดียวไปเลย คือ Snapdragon 800 แล้วทำไมต้องแยกโมเดลให้ยุ่งยาก?
ประเด็นนี้น่าสนใจและน่าเอามาคิด ว่า Samsung จะแยกโมเดล แยกสเปคทำไม?
ซึ่งก็จริงอยู่ว่า ตอนแรก N9005 ไม่ได้มีวี่แววว่าจะมาขายในไทยเลย แล้วอยู่ๆ ก็ออกมาประกาศว่าจะมาขาย ซึ่งก็สร้างความลำบากใจให้คนที่ซื้อ Note 3 N9000 ไปแล้ว
(อ่านประเด็นนี้เพิ่มเติมในเวบไซต์ ผู้จัดการ )
จากประเด็นทั้งหมดที่เกิดขึ้น ขอวิเคราะห์ถึงสาเหตุ 2 สาเหตุ
•ทำไมNote 3 เพิ่งจะมาวางขาย รุ่น LTE เอาป่านนี้ ?
•และทำไม ต้องแยกเป็น 2 โมเดล ?
ทำไมNote 3 เพิ่งจะมาวางขาย รุ่น LTE เอาป่านนี้ ?
จริงอยู่ที่ Samsung อาจจะพลาดมองข้ามความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยที่ต้องการจะใช้ 4G และสเปคที่แรง และเร็ว แต่ถ้ามองในแง่เรื่องความครอบคลุมของ 4G ในเมืองไทยซึ่งมีแค่เจ้าเดียว คือ Truemove-H แต่ก็ยังกระจายสัญญานได้ไม่ทั่วถึง และใช้ได้เพียงบางจุดเท่านั้น เช่น สยาม สีลม สาทร ในต่างจังหวัดก็ครอบคลุม เฉพาะตัวเมืองพัทยา หัวหิน และเชียงใหม่ เท่านั้น
ซึ่งทาง Samsung อาจจะมองว่า ส่วนที่ครอบคลุม 4G ในไทยยังน้อยไป และส่วนใหญ่จะใช้ได้แค่ 3G แต่สาเหตุที่อยู่ๆ เพิ่งมาวางจำหน่าย รุ่น N9005 เอาตอนนี้อาจจะเป็นเพราะว่า Samsung อาจจะเพิ่งจะเล็งเห็นว่า ในจำนวนสมาร์ทโฟนที่รองรับ 4G ของTruemove –H ยังไม่มีสมาร์ทโฟนของ Samsung ที่รองรับซักตัว
ภาพจากเว็บไซต์ Truemove-H ในวันที่เปิดตัว 4G LTE เป็นครั้งแรกเมื่อกลางปี 2013
จะเห็นได้ว่า ไม่มีสมาร์ทโฟนของ Samsung เลยที่รองรับ 4G ของ Trumove-H ทั้งๆที่ Samsung ได้มีสมาร์ทโฟนที่รองรับ 4G มาตั้งแต่ Galaxy S3 (I9300) แล้ว แต่เนื่องจากตอนนั้น ในไทยยังไม่มีเครือข่ายไหนที่รองรับ 4G ( เอา 3G ให้รอดก่อนเถอะ) จึงไม่คิดจะเอาออกมาวางจำหน่ายในไทย
และทำไม ต้องแยกเป็น 2 โมเดล ?
ถ้าเราจะมองแบบเปรียบเทียบกับคู่แข่งซึ่งก็คือ Apple สังเกตว่า Apple จะไม่มี iPhone 5s รุ่นรองรับแค่ 3G กับรุ่นรองรับ LTE แต่จะออกมาแค่รุ่นเดียว ซึ่งรองรับ LTE ตั้งแต่แรก และใช้ CPU (หน่วยประมวลผล) ตัวเดียวซึ่งก็คือ ชิป A7 และก็วางขายให้มันจบภายในรุ่นเดียว แต่ถ้ามองในแง่โมเดล จริงๆ iPhone ก็มีหลายโมเดล ซึ่งที่ต้องมีหลายโมเดลเพราะแต่ละโมเดลรองรับคลื่นความถี่ที่ต่างกัน เนื่องจากคลื่นความถี่ของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ไหนๆก็พูดเรื่องนี้แล้วเรามาดูตัวอย่างโมเดลของ iPhone กันสักสองสามรุ่นดีกว่า
iPhone 4
iPhone 4s
iPhone 5
iPhone 5c
iPhone 5s
จะเห็นว่า iPhone แต่ละรุ่นมีหลายโมเดล (ในภาพเขียนว่าหมายเลยรุ่น) ซึ่งเป็นเรื่องของการรองรับคลื่นความถี่ของแต่ละโมเดลมากกว่า
แต่เรื่องโมเดลของ iPhone ไม่ได้เป็นปัญหายุ่งยากหรือสร้างความลำบากใจอะไรให้กับผู้ใช้งาน เพราะถึง iPhone จะมีหลายโมเดล แต่ทางด้านสเปค iPhone มีสเปคเดียว แตกต่างแค่ความจุของตัวเครื่อง (Storage) ซึ่งแยกเป็น 8GB, 16GB, 32GB, 64Gb
ไม่เหมือน Note 3 ที่แต่ละโมเดลมีสเปคที่ต่างกัน ลองมาดูความต่างของสเปคของ N9000 กับ N9005 กัน
(ภาพจาก ThaiMobile Center )
แต่ถ้ามองในอีกแง่มุมที่ Note 3 ต้องมี 2 โมเดลที่ดูจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้บริโภค นั่นก็คือเรื่องราคา เพราะ Note 3 ทั้ง 2 รุ่นมีราคาที่แตกต่างกัน ซึ่ง Samsung อาจจะมีนโยบายทางการตลาดให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกในกรณีที่แต่ละบุคคลมีอำนาจในการซื้อต่างกัน
มาดูราคาของ Note 3 ทั้ง 2 รุ่นกัน
• Note 3 N9000 ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 23,500 บาท
•Note 3 N9005 ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 24,900 บาท
เราจะเห็นได้ว่า ถึง Note 3 จะมี 2 โมเดล แต่ก็ดูแฟร์ๆ ในด้านความต่างของสเปคและราคา ใครที่ไม่มีโอกาสได้ใช้ 4G และไม่ได้ต้องการสเปคที่แรงอะไรมากมาย ก็จ่ายในราคาที่ถูกกว่า ส่วนใครที่ต้องการ 4G และสเปคแรงๆ ก็จ่ายมากกว่า ซึ่งถ้ามองแง่นี้สบายใจกว่ามั้ย?
ไม่ว่ากรณีของ Note3 LTE ที่วางขายในไทยนี้จะเกิดเป็นประเด็นขึ้นมายังไงก็ตาม แต่สุดท้ายอย่างน้อย Samsung ก็ได้รับบทเรียนนี้ไป และค่อนข้างมั่นใจว่า งานหน้า ถ้า Samsung จะปล่อยอะไรออกมาแบบนี้อีก ก็คงจะมีการบอกล่วงหน้ากันก่อน และคงจะไม่ซ้ำรอยเดิมอย่างกรณี Note 3 นี้