[Review] เปรียบเทียบกล้อง iPhone 6 Plus กับ Galaxy Note 4

 
iphone-6-vs-Note4
 
ถ้าพูดถึงเรื่องกล้องบนสมาร์ทโฟนแล้ว เรียกว่าเป็นปัจจัยแรกๆ ในการเลือกซื้อเลยก็ว่าได้ ซึ่งแน่นอนว่าสมาร์ทโฟนฝั่งแอนดรอยด์ต่างอัดสเปกสู้ และเอาชนะ iPhone มาตลอด และนี่ก็เป็นอีกครั้ง สำหรับมวยคู่เด็ดระหว่าง iPhone 6 Plus ศิษย์ Apple กับ Samsung Galaxy Note 4 ศิษย์ Android

 
เทียบสเปกกล้องหลัง
iPhone 6 Plus ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล + OIS รูรับแสง F/2.2
Galaxy Note 4 ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล + Smart OIS

 

การทดสอบครั้งนี้จะตั้งค่าในโหมดอัตโนมัติ โดยเปิดฟังก์ชั่น HDR Auto ไว้สำหรับ iPhone 6 ส่วน Galaxy Note  4 จะเปิด HDR On ไว้ตลอด โดยจะทดสอบถ่ายในสภาพแสงทั้งกลางแจ้ง และในอาคาร

 

ทดสอบถ่ายภาพ Close Up

สำหรับการถ่ายภาพ Close Up ในส่วนของความชัดตื่น หรือฉากหลังเบลอนั้น จะทำได้ดีพอๆกัน สามารถถ่ายวัตถุใกล้ๆ แล้วได้ฉากหลังเบลอตามความสามารถของเลนส์ ไม่ได้ใช้แอพแต่งเพิ่มเติมใดๆ ส่วนเรื่องของสีสัน ในสายตามของผมมองว่า Galaxy Note 4 ให้สีที่สดและใสเคลียร์กว่า โดยสังเกตจากภาพดอกลีลาวดี ที่กลีบดอกด้านนอกขาวสว่างกว่า ส่วนสีเหลืองของกลีบดอกด้านในก็ดูอร่ามกว่า iPhone 6 Plus

 

ถ่าย Indoor

เมื่อทดลองเปรียบเทียบภาพที่ถ่ายภายในอาคาร ซึ่งในบางจุดที่ผมทดสอบอย่าง 2 ภาพแรก รูปตุ๊กตา กับวัตถุสีแดงๆ จะมีแสงจากภายนอกมาช่วยด้วยส่วนหนึ่ง โดยภาพที่ออกมาจะสังเกตได้ว่าโทนสีแดงของ iPhone 6 Plus จะอมเหลืองหน่อยๆ ส่วน Galaxy Note 4 จะให้สีแดงสดกว่า ส่วนในเรื่องของ HDR ทั้งคู่สามารถเฉลี่ยแสงระหว่างเงามืดและที่สว่างได้พอดี รวมถึงการจัดการ White Balance ก็เที่ยงตรงไม่เพี้ยน ดูจากภาพแจกันสีทอง ซึ่งทั้ง 2 ก็ถ่ายทอดสีสันออกมาได้ตรงไม่แตกต่างกันมาก

 

ถ่ายกลางคืน ด้วยมือไม่ใช้ขาตั้งกล้อง

เมื่อเปรียบเทียบภาพถ่ายกลางคืนแล้ว เห็นได้ชัดว่า iPhone6 Plus จะให้ภาพที่มืดกว่า Galaxy Note 4 อยู่พอสมควร แต่ในเรื่องของ Noise เมื่อลอง Crop ภาพที่ 100% ปรากฎว่า iPhone 6 Plus สามารถจัดการ Noise ได้ดีกว่า Galaxy Note 4 ส่วนในเรื่องของโทนสี Galaxy Note 4 จะถ่ายทอดแสงของหลอดไฟออกไปในโทนเหลืองมากกว่า iPhone 6 Plus

 
ถ่ายพาโนราม่า

IMG_0096-800px

iPhone 6 Plus

 
20141009_140704-800px

Galaxy Note 4

 

การถ่ายภาพพาโนรามา iPhone 6 Plus สามารถจัดการแสงที่แตกต่างระหว่างที่สว่างกับในร่มได้ดีกว่า โดยส่วนที่สว่างก็ไม่โอเวอร์ และส่วนในร่มก็ไม่อันเดอร์ หรือมืดจนไม่เห็นรายละเอียด ซึ่งจุดนี้ Galaxy Note 4 อาจจะไม่สามารถคำนวนแสงได้ดีพอ นอกจากนี้ในส่วนของความกว้างของเลนส์ iPhone 6 Plus จะเก็บภาพได้กว้างหรือไวด์มากกว่า

 
เห็นผลลัพธ์ของกล้องในการใช้งานๆ แต่ละสถานที่กันไปแล้ว ซึ่งจะพบว่ามีจุดเด่น จุดด้อยแตกต่างกันบ้างเล้กน้อย ดังนั้นอยากให้ผู้อ่านลองตัดสินใจกันดูนะครับว่าชอบภาพจาก iPhone 6 Plus หรือ Galaxy Note 4 อันไหนมากกว่ากัน

 

 

ก็ไม่มีไรมาก แค่อยากให้ดู คลิปรีวิว iPhone 6 อย่างละเอียด ก่อนเปิดตัว

 

review-iphone6-leak

 

เหลือเวลาแค่อีกวันเดียวเท่านั้น ก็จะได้รู้แล้วว่าเรื่องจริงทั้งหมดของ iPhone 6 หรือ iPhone รุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวนั้น เป็นตามภาพหลุด ข่าวลง ข่าวลือ กันหรือเปล่า แม้กระทั้งในขณะนี้ ก็ยังมีคลิปหลุดล่าสุด ออกมาแบบไม่แคร์ใจ Apple กันเลยทีเดียว กับหนุ่มตี๋ จากแดนมังกร ที่ออกมารีวิว iPhone 6 กันอย่างละเอียด จนแถบจะครบทุกฟีเจอร์ กว่า 7 นาที

 

[youtube link=”http://youtu.be/eQopSbASO40″ width=”590″ height=”315″]

 

อย่างไรก็ตามรีวิวดังกล่าว มีคนมาคอมเน้นท์ใน YouTube มากมาย ซึ่งต่างล้วนตั้งคำถามว่า iPhone 6 ของจริงหรือของปลอม ณ จุดนี้ ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ แต่ก็เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าการก๊อปปี้ คืองานถนัดของจีน จนบางทีแยกไม่ออกว่าไหนของจริงไหนของปลอมกันเลยทีเดียว

 

เอาเป็นว่าชมคลิปนี้กันขำๆ ไปก่อนนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้แล้วว่าอะไรจริง อะไรไม่จริง

 

Source : 9to5mac

 

 

[Sneak Preview] Nokia X สมาร์ทโฟนสายพันธุ์ X รันแอพ Android ได้ 100%

 

ได้ฤกษ์วางจำหน่ายแล้วสำหรับ Nokia X สมาร์ทโฟนแพลตฟอร์มใหม่ล่าสุดที่เป็นข่าวฮือฮาไปทั่วโลกจากงาน MWC2014 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา วันนี้โนเกียประเทศไทยได้นำ Nokia X มาให้ชาวไทยได้สัมผัสกันแล้ว โดยเริ่มนำเฉพาะรุ่นเล็กอย่าง Nokia X เข้ามาก่อน โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 14 มีนาคม 57 ที่โนเกียช็อปทั่วประเทศ ในราคาเพียง 3,990 บ.

 

จุดเด่นของ Nokia X อยู่ตรงที่ระบบปฏิบัติการล่าสุดที่เรียกว่า Nokia X แพลตฟอร์ม ที่สามารถรันแอพพลิเคชั่นจากระบบปฏิบัติการ Android ได้อย่าง 100% โดยสามารถดาวน์โหลดได้ 2 ทางด้วยกัน คือ

1. Nokia Store โดยทางโนเกียจะทยอยนำแอพพลิเคชั่นจาก Android มาลงในสโตร์เพื่อให้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด
2. APK Install สามารถติดตั้งแอพจากไฟล์ .apk ซึ่งเป็นไฟล์แอพของ Android นั่นเอง

 

และที่สำคัญการดาวน์โหลดแอพจากโนเกียสโตร์บน Nokia X นั้น ไม่ต้องใส่แอคเคาท์ให้ยุ่งยาก ใครที่เป็นมือใหม่หัดเล่นสมาร์ทโฟนก็ไม่ต้องสมัครแอคเคาท์ให้ปวดหัวอีกต่อไปแล้ว อยากลงแอพไหนก็แตะดาวน์โหลดลูกเดียว อย่างได้แคร์

 

ส่วนแอพตัวไหนที่ต้องเสียเงิน ก็สามารถตัดเงินจากซิมการ์ดของเครือข่ายโทรศัพท์ที่รองรับได้เลย คาดว่าเบื้องต้นน่าจะร่วมมือกับดีแทคก่อน เหมือนบน Lumia ที่สามารถทำได้มาแล้ว

 

เอาล่ะครับได้ทราบจุดเด่นของ Nokia X ไปบ้างแล้ว เราไปชมภาพตัวเป็นๆ กันเลยดีกว่า

 

Nokia-X-02

บอดี้เหมือนกันโนเกีย Asha ที่ใช้วัสดุโพลีคาร์บอเนต จะวางขายทั้งหมด 5 สี คือ สีเขียวสด แดงสด ฟ้า เหลือง ดำและขาว

 

Nokia-X-03

กล้องหลัง ความละเอียด 3 ล้านพิกเซล แบบ Fix Focus

 

Nokia-X-04

พอร์ต Micro USB ไว้เชื่อมต่อข้อมูล และชาร์จแบตให้ตัวเครื่อง

 

Nokia-X-05

ปุ่มโวลุ่ม และปุ่มล็อคหน้าจอ/เปิดปิดเครื่อง อยู่ด้านขวาของตัวเครื่อง

 

Nokia-X-06

ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. อยู่มุมซ้ายบน

 

Nokia-X-12

ถอดกรอบฝาหลังออก โดยดันตรงกล้องแล้วแงะด้านบนของตัวเครื่องออกมา

 

Nokia-X-13

Nokia X สามารถใช้ได้ 2 ซิม แถมรองรับ 3G (ได้ซิมเดียว) และเพิ่มเมมด้วย Micro SD ได้สูงสุด 32 GB ส่วนแบตเตอรี่ความจุ 1500 mAh

 

Nokia-X-11

หน้าแรกถูกออกแบบให้เป็นการผสมผสานข้อดีของ ไทล์จาก Lumia Windows Phone และ Fastlane จาก Asha เข้าไว้ด้วยกัน

 

Nokia-X-15

แค่ปัดหน้าจอไปทางซ้ายหรือขวาก็จะเข้าสู่หน้า Fastlane ซึ่งเป็นช็อตคัทที่ใช้งานล่าสุด

 

Nokia-X-10

แอพพลิเคชั่นหลักจาก Android ที่ติดตั้งได้ 100% บน Nokia X

 

Nokia-X-07

หน้าตา โนเกียสโตร์ที่เริ่มทยอยนำแอพพลิเคชั่นจากแอนดรอยด์มาลงให้ดาวน์โหลด

 

Nokia-X-09

ยังมีแอพบางส่วนอย่าง Instagram ที่ไม่มีให้โหลดในโนเกียสโตร์ แต่สามารถใช้สโตร์เพื่อนบ้านอย่าง 1Mobile Market ที่มีแอพหลักๆ จากแอนดรอยด์ให้ดาวน์โหลด โดยไม่ต้องมีแอคเคาท์ได้อีกเช่นเดียวกัน

 

Nokia-X-14

ใช้งาน Instagram ได้ครบทุกฟังก์ชั่นเหมือนแอนดรอยด์เลย แต่อาจจะโหลดช้าบ้างเรื่องจากสเปกเครื่องรุ่นนี้ไม่ได้แรงมาก

 

Nokia-X-17

แตะลากจากด้านบนของหน้าจอลงมาเพื่อเปิดดูแถบแจ้งเตือนได้เหมือนแอนดรอยด์เลยนะครัสส… แถมมีปุ่มไอคอน Settings ให้เข้าสู่การตั้งค่าได้ทันที

 

Nokia-X-16

ลองติดตั้งเกม Flappy Bird ได้โดยไม่ต้องกรอกแอคเคาท์ใดๆ เลย

 

และนี้คือ Sneak Preview พรีวิว Nokia X แบบลับๆ ล่อๆ ให้ชมกันเบื้องต้นก่อนนะครับ ไว้ได้เครื่องมารีวิวแบบเต็มๆ เมื่อไร จะจัดเต็มในคอลัมน์ Review ให้สาสม

 

สัมผัมแรก Nokia Lumia 1520 แฟบเล็ตตัวแรกของโนเกีย

และแล้ว Nokia Lumia 1520 แฟบเล็ตเครื่องแรกของโนเกีย ก็เปิดตัวในเมืองไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวันเสาร์ที่ 30 พ.ย. 56 ที่ผ่านมา OopsMobile ได้รับเชิญให้เข้าร่วมกิจกรรม Workshop กับ Nokia Lumia 1520 ณ ตลาดน้ำขวัญเรียม และร้านอาหาร Chocolate Ville โดยงานนี้มีภารกิจให้ได้ลองเล่นแอพใหม่ๆ หลายตัวเลยทีเดียว ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาดูกันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง แต่ก่อนอื่นขอเล่าในส่วนไฮไลต์สำคัญของเข้า Lumia 1520 กันก่อนนะครับ

 

สเปกหลักของ Lumia 1520 มาพร้อมหน้าจอ 6 นิ้ว แบบ IPS LCD, รองรับระบบ 4G LTE, กล้อง 20 ล้านพิกเซล เทคโนโลยี Pureview แบบ Lumia 1020, ซีพียู Quad core Snapdragon 800 2.2 GHz พร้อมแรม 2 GB, หน่วยความจำในตัวเครื่อง 32 GB และสามารถเพิ่ม Micro SD ได้ถึง 64 GB

Lumia1520-Workshop-01

 

ระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 Nokia Black ซอฟต์แวร์ล่าสุดจากโนเกีย พร้อมไทล์วางได้ 3 คอลัมน์

Lumia1520-Workshop-02

 

หน้าจอแบบ Full HD ขนาด 6 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยี Clear Black สู้ท้าแดดได้สบาย สว่างคมชัดเวลาใช้งานกลางแจ้ง จากในพรีเซนต์มีการเปรียบเทียบกับ iPhone (น่าจะเป็น iPhone 5s) และ Samsung (น่าจะเป็น Note3) ให้เห็นถึงรายละเอียดของภาพ สังเกตได้ว่า Lumia 1520 จะแสดงรายละเอียดในส่วนของภาพในที่มืดได้ดีกว่า

Lumia1520-Workshop-03

 

ส่วนของการบันทึกวิดีโอ ได้ใส่ไมค์มาให้ถึง 4 ตัวเพื่อบันทึกเสียงได้แบบรอบทิศทาง

Lumia1520-Workshop-04

 

ถือเป็นข่าวดีสำหรับสาวกโนเกีย ที่วันนี้มีแอพพลิเคชั่นบน Windows Phone กว่า 190,000 แอพ แล้วนะครับ

Lumia1520-Workshop-05

 

เอาล่ะครับ เริ่มสัมผัสตัวเป็นๆ กับ Lumia 1520 กันเลยดีกว่า โดยตัวบอดี้จะมีทั้งหมด 4 สีให้เลือก คือ ขาว, ดำ, เหลือง และแดง โดยสีแดงจะใช้ผิวแบบกลอสซี่มันวาวอยู่เพียงตัวเดียว นอกนั้นเป็นผิวแบบเนื้อด้านทั้งหมด

Lumia1520-Workshop-08

 

ขนาดตัวเครื่องถือว่าออกแบบให้ขอบบางไม่กว้างจนเกินไป ขนาดผมมือเล็กยังถือได้สะดวกดีครับ ส่วนเวลาพิมพ์ ก็ง่ายขึ้นเพราะหน้าจอใหญ่ทำให้แป้นคีย์บอร์ดใหญ่ตาม ส่วนตัวไอคอนที่หน้าโฮมหรือที่เรียกว่าไทล์นั้น สามารถวางได้ถึง 3 คอลัมน์ ทำให้มีพื้นที่ในการวางไทล์ได้เยอะขึ้น บวกกับหน้าจอที่ยาวเข้าไปอีก จึงทำใ้ห้ขยายไทล์ของแอพต่างได้กว้างขึ้นเพื่อดูข้อมูลที่ฟีดเข้ามาได้ครบทุกโซเชียลแอพที่ใช้ประจำวัน โดยเฉพาะ Facebook, Twitter และล่าสุด Instagram ที่เพิ่งรองรับได้ไม่นาน

Lumia1520-Workshop-09

 

พอร์ต micro USB สำหรับชาร์จ และเชื่อมต่อข้อมูล ถูกวางไว้ท้ายตัวเครื่อง

Lumia1520-Workshop-10

 

ปุ่มควบคุมมาตรฐาน จัดวางอยู่ด้านขวาของตัวเครื่องเช่นเดิม มีปุ่มโวลุ่ม, เปิด-ปิด/พักหน้าจอ, ปุ่มชัตเตอร์

Lumia1520-Workshop-11

 

ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. อยู่ด้านบนตรงกลางของตัวเครื่องเลย ส่วนเลนส์ของตัวกล้องจะไม่หนาเท่ากับ Lumia 1020 แล้ว เนื่องจากความละเอียดที่รองลงมาเป็น 20 ล้านพิกเซล แต่ยังมาพร้อมเทคโนโลยี Oversampling และระบบซูมแบบ Lossless 2 เท่า รวมถึงระบบลดภาพสั่นไหว OIS ที่ชุดเลนส์ แฟลช LED 2 ดวงคู่

Lumia1520-Workshop-13

 

ถาดใส่ซิมและ MicroSD แบบใช้เข็มจิ้ม เพราะตัวบอดี้ถอดฝาหลังไม่ได้นะครับ หรือที่เรียกว่าแบบยูนิบอดี้นั่นเอง โดยวัสดุเป็นโพลีคาบอเนต ทำให้แข็งแรงทนทานแต่น้ำหนักเบา โดยน้ำหนักอยู่ที่ 209 กรัม

Lumia1520-Workshop-12

 

ฟีเจอร์กล้องได้ปรับปรุงใหม่ให้กลายเป็นแอพ Nokia Camera โดยรวมแอพ Nokia Pro Camera และ Nokia Smart Camera เข้าไว้ด้วยกัน เพียงสไลด์สลับโหมดตรงปุ่มชัตเตอร์

Lumia1520-Workshop-14

 

โหมดบันทึกภาพจะใีห้เลือก 3 รูปแบบ คือ JPEG ขนาด 5MP อย่างเดียว, JPEG ขนาด 5 MP และ 16 MP, JPEG ขนาด 5  MP และไฟล์ RAW ขนาด 16 MP (DNG)

Lumia1520-Workshop-15

 

แอพ Refocus ให้เราถ่ายภาพก่อนแล้วเลือกจุดโฟกัสทีหลังได้ ที่สำคัญเมื่อแชร์ลิงค์ภาพจากแอพดังกล่าว ไปยัง Facebook หรือโซเชียลต่างๆ เพื่อนของเราก็สามารถแตะบนภาพเพื่อเลือกจุดโฟกัสได้อีกด้วย

Lumia1520-Workshop-16

ลองเข้าไปเล่นกันได้ครับที่ลิงค์นี้ https://refocus.nokia.com/refocus/YsV3nqadNd6Q0FWF/image

 

แอพ So Zoom ของเล่นใหม่ที่สามารถโหลดมาใช้กับ Lumia 1020 และ Lumia 1520 ได้ โดยจะเป็นการดึงความสามารถของเซนเซอร์ที่มีความละเอียดสูง เพื่อซูมภาพในจุดที่ต้องการโดยสามารถมองเห็นรายละเอียดที่ชัดเจนแม้วัตถุจะอยู่ไกลมากก็ตาม โดยสามารถทำบอลลูนซูมเข้าไปหลายๆ จุดก็ได้ แต่เสียดายที่ผมลืมทำตัวอย่างมาให้ดูกัน ซึ่งถือเป็นลูกเล่นที่สนุกอีกตัวหนึ่งเลยครับ แต่แอพตัวนี้ไม่ฟรีนะครับ

Lumia1520-Workshop-17

 

Lumia1520-Workshop-18

 

 

ชมไฟล์ภาพถ่ายจาก Lumia 1520 (JPEG 5 MP) คลิกเพื่อซูม

WP_20131130_17_08_37_Raw WP_20131130_14_54_22_Pro

WP_20131130_16_31_47_Refocus  WP_20131130_13_41_18_Pro

WP_20131130_13_03_21_Refocus WP_20131130_16_28_14_Refocus

WP_20131130_17_28_17_Refocus WP_20131130_17_33_16_Pro WP_20131130_17_30_55_Pro

 

Lumia 1520 จำหน่ายในราคา 22,900 บาท โดยเปิดจองแล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 5 ธ.ค. 56 ที่โนเกียช็อป ทุกสาขา โดยใครที่จองในช่วงนี้จะได้รับของแถม Flip Case และ Power Bank โนเกีย มูลค่ารวม 2,080 บาท ซึ่งผู้ที่สั่งจองจะได้รับเครื่องประมาณวันที่ 10 ธ.ค. 56 และวางจำหน่ายทั่วประเทศประมาณปลายเดีอน ธันวาคม ปีนี้

NokiaLumia1520-Bandit-Preorder-1500x1500-2-jpg