สำหรับใครที่ไม่ได้ติดตามงาน WWDC14 เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งงานนี้มีการเปิดตัวเฉพาะระบบปฏิบัติการใหม่ นั่นคือ OS X Yosemite สำหรับเครื่อง Mac และ iOS 8 สำหรับ iPhone, iPad, iPod Touch ซึ่งเราจะมาพูดถึง iOS 8 กันก่อนว่ามีอะไรใหม่บ้าง ส่วน OS X จะขอแยกเป็นอีกบทความไว้ดีกว่า
มีอะไรใหม่บ้างใน iOS 8
แถบ Notification โต้ตอบได้ทันทีเมื่อมีข้อความเข้ามา ไม่จำเป็นต้องออกจากหน้าแอพที่กำลังใช้งานอีกต่อไป รวมถึงหน้า Lock Screen ก็ใช้งานแถบแจ้งเตือนได้เลยเช่นกัน
ในหน้า Multitasking จะแสดงรายชื่อล่าสุดที่โทรออก, รายชื่อในรายการโปรด Favorite, ส่งข้อความ หรือ FaceTime หาคุณขึ้นมาด้วย
ช่อง Sportlight search ทำหน้าที่คล้ายกับ OS X คือหาข้อมูลได้แทบทุกแอพในเ
Smartest Keyboard คีย์บอร์ดมีระบบช่วยเดาคำอัตโ
สามารถแชทกันแบบ Group Messaging สนทนากันเป็นกลุ่มได้แล้ว แต่ยังไม่เป็นบล็อค 4 กรอบตามสิทธิบัตรที่จดไว้ก่อนหน้านี้ แต่ก็ถือเป็นเรื่องดีๆที่ผ่
iMessage ส่งคลิปวิดีโอ และคลิปเสียงได้แล้ว โดยสามารถเปิดจากหน้า Lock Screen ก็ได้นะ #ถ้าโอเคให้ทำปากจู๋ นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดให้ คลิปวิดีโอ หรือคลิปเสียงสามารถเปิดฟังไปแล้วจะลบไปในกี่นาทีตามกำหนดได้อีกด้วย
เวลาจะฟังคลิปเสียงก็แค่ยกแนบหูก็ฟังได้เลย ส่วนเวลาจะส่งคลิปเสียงก็แค่กดปุ่มบันทึกเสียงค้างไว้ เมื่อเสร็จแล้วก็ปัดนิ้วขึ้นไปด้านบนเพื่อส่งได้ทันที
สามารถ Share Location หรือตำแหน่งปัจจบุันของเรา พร้อมกำหนดได้ว่าจะให้สิ้นสุดลงเมื่อไหร่ เช่น ภายใน 2 ชั่วโมง, ภายในวันนี้เท่านั้น หรือ เปิดตลอด
Handoff เชื่อมต่อการใช้งานให้ต่อเนื่องระหว่าง iPhone, iPad, Mac (Yosemite) เข้าด้วยกัน เช่นกำลังเขียนอีเมล์บน iPhone แล้วกลับมาเขียนต่อบน Mac ได้โดยที่เมื่อเครื่องทั้ง 2 อยู่ใกล้กันระบบจะเปิดแอพนั้นขึ้นมาให้เขียนอีเมล์ต่อโดยอัตโนมัติ โดยรองรับการแอพต่างๆ อีกมากมายทั้ง Safari, Pages, Numbers, Keynote, Maps, Messages, Reminders, Calendar และ Contacts นอกจากนี้ฟีเจอร์ดังกล่าวยังช่วยให้การเชื่อมต่อ Wi-Fi Hotspot ระหว่าง iPhone กับ iPad ได้ง่ายขึ้นแค่วางไว้ใกล้กัน ส่วน Mac ก็จะถามทันทีว่าจะใช้ Hotspot ของ iPhone มั้ย และที่เป็นฟีเจอร์สุดล้ำอีกอย่างที่หลายคนรอคอยคือการให้เครื่อง Mac รับสาย และโทรออก โดยใช้สัญญาณโทรศัพท์จาก iPhone ได้ด้วย
Enterprise Feature
มีการเพิ่มคุณสมบัติสำหรับการใช้งานภายในองค์กร โดยให้ติดตั้งแอพและตั้งค่าการทำงานตามกติกาขององค์กรนั้นๆ โดยอัตโนมัติ รวมทั้ง Email, Calendar ฯลฯ นอกจากนี้ยังรวมถึงการจัดการหนังสือ และไฟล์ PDF ใน iBook ตามที่สถาบันนั้นๆ จัดเตรียมไว้ด้วย ซึ่งมีประโยชน์มากในการใช้งานด้านการศึกษา
iCloud Drive บน iOS 8 สามารถเปิดไฟล์เอกสารหรือซิ
มีแอพ Health เพื่อคนรักสุขภาพจริงๆด้วย เป็นที่รวมข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพจากแอพอื่นๆ ทั้งหมดไว้ในที่เดียว ตั้งค่าร่วมใช้งานกับแอพอื่
Family Sharing ศูนย์รวมของคนในครอบครัว โดยสามารถ แชร์รูปภาพ, แชร์แอพ (ซื้อคนเดียวใช้ได้ 6 คน), เพลง, หนัง, อีบุ๊ก, ปฏิทิน ให้คนในครอบครัวได้ถึง 6 คน ค้นหาตำแหน่งคนในครอบครัว ให้กันได้ ที่สำคัญสามารถซื้อแอพให้กันได้ เช่น เกิดลูกจะซื้อแอพก็สามารถใช้บัตรเครดิตของพ่อเพื่อจ่ายตังค์ให้ได้ โดยที่ลูกไม่ต้องมีแอคเคาท์ Apple ID (แต่จะมีหน้าจอแจ้งเตือนให้พ่อแม่อนุญาติก่อนนะ ไม่ต้องกลัว Shock Bill 555)
Photo Edit สามารถตกแต่งภาพ โดยปรับส่วนที่มืดให้สว่างได้โดยดูการไล่ระดับแสงสว่างจากน้อยไปม
นอกจากนี้ยังสามารถทำงานร่วมกับแอพจัดการภาพหรือ Photo ตัวใหม่ที่จะออกมาสำหรับ Mac OS X Yosemite ในต้นปีหน้าได้อีกด้วย
หากให้อัพโหลดรูปขึ้นคลาวด์จะไม่จำกัดแค่ 1,000 รูป อีกต่อไปแล้ว ซึ่งอาจะเป็นกลยุทธ์ล่อให้คนต้องซื้อพื้นที่ iCloud มากขึ้นก็ได้ เพราะพื้นที่ฟรี 5GB อาจจะไม่พอยาไส้ แต่ถ้าซื้อเพิ่มก็มีการปรับราคาลงมาเป็น 20 GB จ่าย $0.99 ต่อเดือน (เดิม $3.33/เดือน) หรือ 200 GB จ่าย $3.99 ต่อเดือน
แอพ Photos แสดงภาพในเครื่องและ iCloud จากทุกอุปกรณ์ โดยที่ช่อง Spotlight สามารถค้นหาภาพตามตำแหน่ง, เวลา, และอัลบั้มได้ตามต้องการ
พูดเลย “Hey, Siri” จะสั่งให้ค้นหาเพลงจากการฟังเสียงด้วย Shazam หรือสั่งซื้อของใน iTunes ก็ทำได้ ไม่รู้ว่าจะมีภาษาไทยติด 1 ใน 22 ภาษารึเปล่าสินะ
ในส่วนของ App Store เพิ่มแท็บ explore ช่วยค้นหาแอพ และเพิ่ม App bundles ให้ผู้ขายแอพ จัดแอพขายแบบยกชุดได้ในราคาพิเศษ
Notification Center มี Widgets กับเค้าแล้วหรือนี่..คล้ายๆ
เย้ๆๆๆๆ ฉีกข้อจำกัดเรื่องคีย์บอร์ดเสียที โดย iOS 8 ยอมให้ติดตั้งคีย์บอร์ดเสริม หรือคีย์บอร์ดแบบอื่นๆ เพิ่มเติมได้ (เช่น swype คีย์บอร์ดจากผู้พัฒนาร่วมรายอื่นๆ) โดยไม่ต้องไป Jailbreak อีกต่อไป แถมยังคุยว่ามีระบบป้องกันไม่ให้คีย์บอร์ดเหล่านั้นไปยุ่งกับส่วนอื่นๆ ของระบบได้ (แอบขโมยข้อมูลที่คุณคีย์แล้วส่งออกไปไม่ได้) นอกจากคุณจะยอมอนุญาตเป็นพิเศษ
iPhone 5S มีผู้ใช้งาน Touch ID ประมาณ 83% ใน iOS 8 จะเพิ่มความสามารถให้ป้องกั
HomeKit พร้อมรองรับระบบ Smart Home โดย iDevice จะทำงานร่วมกับอุปกรณ์เสริม
iOS 8 Beta หรือเวอร์ชั่นทดลอง เริ่มปล่อยให้นักพัฒนาดาวน์โหลดได้แล้ว ส่วนเวอร์ชั่นเต็มจะปล่อยให้คนทั่วให้ดาวน์โหลดได้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วม หรือประมาณเดือนกันยายน-ตุลาคม ปีนี้
สำหรับนักพัฒนา Developer
นอกจากคุณสมบัติใหม่สำหรับผู้ใช้แล้ว ยังมีคุณสมบัติใหม่หลายๆ อย่างสำหรับ developer หรือผู้พัฒนาโปรแกรม ซึ่งบางอย่างมีผลกับผู้ใช้ด้วย เช่น
• App Preview แสดงวิดีโอของการทำงานแอพในหน้า App Store เลย
• Test Flight นักพัฒนาสามารถเชิญผู้ใช้เข้าร่วมทดสอบรุ่น beta ของแอพได้ด้วยก่อนปล่อยตัวจริงออกไป
• Metal ระบบกราฟิกใหม่ที่ช่วยลด overhead และเพิ่มความเร็วในการทำงานแสดงผลได้เร็วขึ้นเป็นสิบเท่ ซึ่งหากเป็นอย่างที่แอปเปิลวางไว้ iOS ก็จะเริ่มสามารถเข้าไปสู้ในตลาดเกมคอนโซลที่เคยเป็นของ Sony PlayStation, microsoft Xbox, Nintendo Wii และอื่นๆ ได้มากขึ้น รวมทั้งยังรองรับการใช้งานแอพที่ใช้พลังกราฟิกหนักๆ อย่างพวก 3: visualization, Virtual หรือ Augmented Reality ได้มากขึ้นด้วย
• Extensibility เปิดช่องทางให้แอพต่างๆ สามารถรับส่งข้อมูลและทำงานร่วมกัน เช่น จาก Photos สามารถไปเรียกใช้ความสามารถในการแต่งภาพของแอพอื่น หรือบราวเซอร์ Safari เรียกใช้ตัวแปลภาษาจาก Bing ได้เป็นต้น ถ้าแอพที่ถูกเรียกใช้นั้นเปิดให้บริการไว้ตามกติกา”
อุปกรณ์ที่สามารถรองรับ iOS 8 ได้มีดังนี้
iPhone 4s
iPhone 5
iPhone 5c
iPhone 5s
iPod Touch 5 gen
iPad 2
iPad with Retina Display
iPad Air
iPad mini
iPad mini with Retina display
ส่วน iPhone 4 เสียใจด้วยครับ คุณไม่ได้ไปต่อ
ดูฟีเจอร์ iOS 8 อย่างเป็นทางได้ที่เว็บ Apple
เครดิตภาพบางส่วนจาก The Verge