Sony เปิดตัว Cyber-shot RX100 III ต่อยอดจากรุ่นพี่ ด้วยหน้าจอพับขึ้นลงได้ 180 องศา เอาใจสาวก Selfie โดยเฉพาะ

 

DSC_RX100M3_Lifestyle_wMen_ExpOct2015_1

 

หลังจากเปิดตัวมาแล้วถึง 2 รุ่น สำหรับกล้องดิจิตอลคอมแพกต์ระดับไฮเอ็นในซีรีส์ RX100 ล่าสุดกับ RX100 III ที่ถือเป็นรุ่นที่ 3 แล้ว โดยยังคงเน้นความโดดเด่นในเรื่องของขนาดที่กะทัดรัด แต่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีเพื่อการถ่ายภาพในระดับมืออาชีพ และจุดเด่นที่เห็นได้ชัดในรุ่นนี้คือหน้าจอ LCD ที่สามารถพับขึ้นลงได้ถึง 180 องศา เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบถ่าย Selfie โดยเฉพาะ และมุมก้มได้ 45 องศา

 

DSC_RX100M3_Lifestyle_wWomen_ExpOct2015_Selfie_2

 

นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อผ่าน NFC เพื่อโอนถ่ายไฟล์ไปยังสมาร์ทโฟนผ่านแอพ PlayMemory Mobile ที่รองรับทั้ง iOS และ Android นอกจากนี้ก็ยังสามารถติดตั้งแอพพลิเคชั่นลงในตัวกล้องเพิ่มเติมได้ เพื่อให้การแต่งภาพที่สนุกและง่ายยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องใช้คอมพิวเตอร์

 

DSC_RX100M3_Lifestyle_wMen_ExpOct2015_11

 

จุดเด่นของ Sony RX100 III
• ความละเอียด 20.1 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ขนาด 1.0 นิ้ว แบบ Exmor R back-illuminated CMOS
• เลนส์ใหม่ล่าสุดรูรับแสงกว้าง ZEISS Vario-Sonnar T* 24-70 มม. รูรับแสง F1.8-2.8
• หน่วยประมวลผลภาพรุ่นใหม่ BIONZ X ความเร็วสูง พร้อมปรับปรุงระบบลดสัญญาณรบกวน (Noise) เฉพาะพื้นที่
• หน้าจอ LCD ขนาด 3 นิ้ว พับขึ้นลงได้ 180 องศา และปรับมุมก้มได้ 45 องศา
• ครั้งแรกของกล้องรุ่น RX ที่รองรับการถ่ายวิดีโอได้ในฟอร์แมท XAVC S ที่มีบิทเรทสูง และยังคงให้ความละเอียดระดับ Full HD
• บันทึกวิดีโอด้วยความเร็ว 120 เฟรมต่อวินาที ที่ความละเอียดระดับ HD เหมาะสำหรับถ่ายภาพเคลื่อนไหวเร็วๆ หรือกีฬา ไว้ทำเอฟเฟกต์สโลโมชั่นได้อย่างละเอียด
• มีช่องมองภาพ OLED Tru-Finder ให้ความสว่างใส ตอบสนองการใช้งานในสไตล์มืออาชีพ
• ลงแอพแต่งภาพหรือแอพอรรถประโยชน์ต่างๆ ได้
• รองรับ NFC และ Wi-Fi ส่งภาพแชร์ไปยังสมาร์ทโฟนได้ทันที

 

NEW2_Catalog_0403.ai cx60600_Top-wide-1200 cx60600_Side-tilt_illust-1200

เริ่มวางจำหน่ายทั่วประเทศ ในวันที่ 26 มิถุนายนนี้ ในราคา 27,990 บาท

 

โปรโมชั่นสำหรับผู้ที่สนใจ สั่งจองในช่วงนี้จนถึงวันที่ 22 มิ.ย. 57 แถมฟรี Jacket Case มูลค่า 2,590 บ.

 

RX100M3-500

 

Sony เปิดตัวกล้องมิเรอร์เลส a6000 ลงแอพแต่งรูปได้ ออโต้โฟกัสเร็วที่สุดในโลก

 

sony-a6000-02

 

วันนี้ OopsMobile ได้รับเกียรติเข้าร่วมงานเปิดตัวกล้อง Mirrorless รุ่นใหม่ล่าสุด α6000 (อัลฟ่า 6000) กล้องดิจิตอลแบบเปลี่ยนเลนส์ได้ที่เน้นพกพาง่าย แต่ได้ฟิลการใช้งานแบบมือถืออาชีพ โดยรุ่นนี้ได้พัฒนาให้โดดเด่นในเรื่องของการโฟกัสแบบ Hybrid AF ที่จับโฟกัสได้เร็วที่สุดในโลก ณ ขณะนี้ เพียง 0.06 วินาที นอกจากนี้ยังสามารถโฟกัสได้ครอบคลุมพื้นที่ถึง 179 จุด

 

sony-a6000-01

 

 

และที่สำคัญกล้องตัวนีี้สามารถโหลดแอพพลิเคชั่นทั้งฟรีและเสียเงิน เพื่อใช้ในการแต่งรูปหรืออรรถประโยชน์ต่างๆ เพิ่มเติมได้ เช่น Photo Retouch แอพแต่งภาพ ปรับความสว่าง ความอิ่มสี หรือ คอนทราสต์, Time-lapse แอพสร้างภาพยนตร์แบบ Time-lapse ที่มักใช้เก็บภาพความเคลื่อนไหวของท้องฟ้าเหมือนในสารคดี เป็นต้น

 

และแน่นอนสำหรับการแชร์ภาพไปยัง สมาร์ทโฟนผ่าน NFC เพื่อโพสต์ไปยัง Social Network ต่างๆ หรือหากสมาร์ทโฟนไม่มี NFC ก็สามารถแชร์รูปผ่าน Wi-Fi กับกล้องได้โดยตรง (iPhone ต้องใช้วิธีนี้แทนเพราะไม่มี NFC) เพียงติดตั้งแอพ PlayMemories Mobile เอาไว้

 

CX77500_NFC_7123-1200

 

 

จุดเด่นของ Sony α6000

• เซ็นเซอร์รับภาพแบบ Exmor APS HD CMOS ขนาด 24.3 ล้านพิกเซล
• ระบบโฟกัสเร็วที่สุดในโลกแบบ Hybrid AF เพียง 0.06 วินาที
• ระบบโอโตโฟกัสแบบ Phase detection ที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างถึง 179 จุด
• ชิปประมวลผลใหม่ BIONZ X Processor
• หน้าจอ LCD ขนาด 3 นิ้ว ความละเอียด 921,600 dots ปรับมุมขึ้นได้ 90 องศา และปรับมุมก้มลงได้ 45 องศา
• ขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา มีีแฟลชในตัว และติดแฟลชภายนอกพอร์ต Hot shoe ได้
• มีช่องมองภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์ OLED Tru-Finder ความละเอียดสูง
• รองรับการเชื่อมต่อ NFC และ Wi-Fi สำหรับแชร์ภาพให้สมาร์ทโฟน
• ใช้สมาร์ทโฟนเป็นรีโมทควบคุมกล้องได้
• โหลดแอพพลิเคชั่นเพิ่มเติมได้ ปัจจุบันมีกว่า 24 แอพ

 

เริ่มวางจำหน่ายแล้ว มีให้เลือก 2 สี ดำ, เงินไททาเนียม

Body + Lens 16-50 mm มีสีดำและสีเงิน ราคา 27,990 บ.
Body + Lens 16-50 mm + 55-210 mm มีเฉพาะสีดำ ราคา 35,990 บ.

 

รอติดตามรีวิวเต็มๆ ได้ที่นี่ เร็วๆ นี้

CX77500_wSELP1650_front_top_silver-1200

CX77500_wSELP1650_front_top_black-1200

CX77500_LCS-EBC_7637-1200

CX75500_silver_lens_situation-1200

CX77500_Tiltable_LCD_7590-1200

 

[CES 2014] Polaroid Socialmatic กล้องดิจิตอลโพลาลอยด์ แชะ/พริ้น/แชร์ จากคอนเซ็ป สู่ของจริง

official_1
Polaroid Socialmatic หรือกล้องดิจิตอลโพลาลอยด์ ที่เคยเป็นเพียงคอนเซ็ปจาก ADR Studio เมื่อปี 2012 บัดนี้มันได้เกิดขึ้นจริงเรียบร้อยแล้ว

socialmatic_1_610x366 socialmatic_2_610x368

ภาพคอนเซ็ปเมื่อปี 2012

 

โดยเจ้ากล้อง Polaroid Socialmatic ตัวเป็นๆ นี้ได้ดีไซน์ออกมาไม่ต่างจากภาพคอนเซ็ปที่มีข่าวออกมาเมื่อ 2 ปีก่อนมากนัก โดยมาพร้อมความละเอียด 14 ล้านพิกเซล พร้อมด้วยกล้องหลัง 2 ล้านพิกเซล และเมื่อถ่ายภาพเสร็จแล้วสามารถโพสต์ไปยังโซเชียลต่างๆ ทั้ง Facebook, Twitter, Instagram, Pintetest ฯลฯ ได้ทันที เพราะตัวเครื่องรองรับ Wi-Fi ในตัว และหากไม่มีสัญญาณ Wi-Fi ก็สามารถเชื่อมต่อ Bluetooth ร่วมกับสมาร์ทโฟน เพื่อแชร์เน็ตมาให้ตัวกล้องได้อีกด้วย โดยมีระบบปฏิบัติการ Android เป็นตัวขับเคลื่อนนั่นเอง

socialmatic_4

และเพื่อให้ตรงคอนเซ็ปของการ ถ่ายปุ๊บ ได้รูปปั๊บ มันจึงสามารถพริ้นภาพถ่ายออกมาได้ทันที ด้วยระบบ Zero Ink® Digital Printing หรือการพิมพ์ภาพแบบไร้น้ำหมึก ซึ่งจะใช้กระดาษพิเศษที่เรียกว่า Zink Paper ที่สามารถพิมพ์ภาพสีลงบนกระดาษ โดยไม่ใช้น้ำหมึกสักหยด (เทคโนโลยีเดียวกับเครื่องพริ้นพกพา LG Pocket Photo) นอกจากนี้ยังสามารถตกแต่งภาพถ่าย ใส่ลูกเล่น Clip Art เพิ่มข้อความ ใส่ฟิลเตอร์ ก่อนที่จะกดปุ่มสั่งพริ้นได้ทันที บนภาพถ่ายขนาด 2×3 นิ้ว ที่เป็นสติกเกอร์ในตัวไว้แปะบน item ต่างๆ ที่คุณต้องการได้อย่างแสนเก๋อีกด้วย

official_2

Polaroid Socialmatic มาพร้อมหน้าจอ 4.5 นิ้ว ทัชกรีน มีแฟลชในตัว รันบนระบบปฏิบัติการ Android และบันทึกภาพด้วยการ์ดหน่วยความจำ micro SD หรือจะบันทึกลงในตัวเครื่องที่มีสำรองมาให้ 4 GB ก็ได้ ตัวเครื่องมี 2 สีให้เลือก ขาว, ดำ

official_3

สำหรับกำหนดวางจำหน่ายจะอยู่ราวช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปีนี้ ส่วนราคายังไม่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ

 

ชมวิดีโอ

[youtube link=”http://www.youtube.com/watch?v=3kB02RAM6po” width=”590″ height=”315″]

 

Source : polaroid

 

นิคอน เผยโฉมกล้องดิจิตอล DSLR แบบฟูลเฟรม รุ่น Df

Df_ambience_5b_600

ที่สุดแห่งนวัตกรรมที่ผสานการการทำงานระบบกลไกแบบปรับหมุน กับความสามารถในการสร้างสรรค์ “ภาพถ่ายคุณภาพสุดยอดในระดับเดียวกับกล้อง D4” มาในตัวกล้องแบบฟูลเฟรม ที่มีขนาดเล็กและเบาที่สุด

 

นิคอน ประกาศเปิดตัว นิคอน Df กล้องดิจิตอลเอสแอลอาร์แบบฟูลเฟรมรุ่นล่าสุด ซึ่งผสานการทำงานระบบกลไกในการควบคุมแบบแป้นหมุนที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทันใจเข้ากับความสามารถในการสร้างสรรค์ภาพถ่ายคุณภาพสูงภายใต้ระดับความไวแสงที่หลากหลายในกล้องนิคอนแบบฟูลเฟรมที่เล็กและเบาที่สุด เพื่อความสะดวกสบายในการพกพา แป้นกลไกควบคุมทำด้วยโลหะขนาดใหญ่ด้านบนของตัวกล้องช่วยให้การปรับตั้งค่าต่างๆ สะดวกรวดเร็ว ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์ภาพได้อย่างใจนึก ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการปรับตั้งค่าด้วยกลไกแบบปรับหมุนของนิคอน Df ช่วยให้ผู้ใช้มองเห็นการปรับตั้งค่าต่างๆ อย่างชัดเจน ได้แก่ ค่าความไวแสง ความไวชัตเตอร์ และค่าการชดเชยแสง จึงถ่ายภาพได้อย่างมั่นใจ รวมไปถึงความสามารถในการปรับเปลี่ยนค่าการทำงานต่างๆ ได้ตลอดเวลา แม้กล้องจะปิดอยู่ก็ตาม

 

นิคอน Df มาพร้อมกับเซ็นเซอร์รับภาพ FX-format CMOS (ความละเอียด 16.2 ล้านพิกเซล) และระบบประมวลผลภาพ EXPEED 3 เช่นเดียวกับที่ใช้ในกล้องนิคอน D4 ทำให้กล้องนิคอน Df สามารถสร้างสรรค์ภาพที่มีคุณภาพสูงภายใต้สภาวะแสงที่หลากหลาย รองรับระดับความไวแสงตั้งแต่ได้ ISO100 ไปจนถึง ISO12800 และยังสามารถรองรับช่วงขยายเพิ่มเติมตั้งแต่ ISO 50 ไปจนถึง ISO 204800 หากผู้ใช้ต้องการ กล้องนิคอน Df ช่วยให้ผู้ใช้หลุดพ้นจากข้อจำกัดเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นเวลา สถานที่ หรือสภาวะแสงแบบใด ก็ตอบสนองจินตนาการและเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สร้างสรรค์ภาพถ่ายได้อย่างอิสระ

 

ยิ่งไปกว่านั้น นิคอน Df ยังมาพร้อมกับเลนส์คิท AF-S NIKKOR 50 มม. f/1.8G (รุ่นพิเศษ) ที่ได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับการใช้งานกับกล้องนิคอน Df ซึ่งเป็นเลนส์ที่มีโครงสร้างพื้นฐานเช่นเดียวกับเลนส์ AF-S NIKKOR 50 มม. f/1.8G ซึ่งเป็นเลนส์ที่ยอมรับกันว่า มีประสิทธิภาพด้านชิ้นเลนส์สูงในขนาดกระทัดรัดน้ำหนักเบา โดยออกแบบภายนอกให้เข้ากันกับกล้องนิคอน Df โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นพื้นผิวลายหนังคุณภาพสูง วงแหวนโลหะอลูมิเนียมสีเงิน และวงแหวนปรับโฟกัสที่หมุนได้เช่นเดียวกับเลนส์แมนนวล นอกจากนี้โครงสร้างชิ้นเลนส์ยังประกอบด้วยชิ้นเลนส์แอสเพอริคัล ที่ช่วยให้ภาพคมชัดและฉากหลังเบลออย่างสวยงาม เลนส์ความไวแสงสูงที่มาในขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบาตัวนี้ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพหลากสไตล์ ทั้งยังสามารถทำงานร่วมกับกล้องนิคอน Df ได้อย่างชาญฉลาด

Df_SL_50_1.8_SE_top_600

ไม่เพียงเท่านี้ กล้องนิคอน Df ยังสามารถพับก้านวัดแสง (metering coupling lever) เพื่อรองรับการใช้งานร่วมกับเลนส์ non-AI ได้อีกด้วย ในขณะที่กล้องนิคอน Df ใช้เม้าท์นิคอน F ซึ่งเป็นเมาท์มาตรฐานเดียวกันตั้งแต่เริ่มผลิตกล้องนิคอน SLR ตัวแรก จึงสามารถใช้เลนส์ NIKKOR รุ่นก่อนๆ ร่วมกับกล้องรุ่นนี้ ช่วยตอบสนองจินตนาการในการสร้างสรรค์ภาพถ่ายได้อย่างหลากหลาย

 

กว่าจะมาเป็นนิคอน Df

Df_ambience_1

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตลาดกล้องดิจิตอลเอสแอลอาร์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นค่าความละเอียดพิกเซลที่สูงขึ้น ระบบการทำงานที่รวดเร็วยิ่งขึ้น และฟังก์ชั่นต่างๆ และเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างสรรค์ภาพถ่ายสวยงามได้อย่างใจนึกและตอบสนองความต้องการทางเทคนิค สถานการณ์และสภาวะต่าง ๆ การเติบโตของกล้องเอสแอลอาร์ที่มีลักษณะดังกล่าวช่วยให้ช่างภาพถ่ายภาพได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม กล้องนิคอน Df ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการและคุณค่าที่มากกว่า ไม่เพียงแต่กล้องนิคอน Df จะสามารถรังสรรค์ภาพถ่ายได้อย่างสวยงาม มีศิลปะ ทั้งยังตอบสนองการถ่ายภาพในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย พร้อมรูปลักษณ์ที่นอกจากจะทำให้ผู้ใช้พึงพอใจในความสวยงามของภาพถ่าย ยังจะสามารถเพลิดเพลินใจไปกับการถ่ายภาพอีกด้วย

 

กล้องนิคอน Df ได้รับการพัฒณาขึ้นมาบนพื้นฐานแนวความคิดในการผสานรูปลักษณ์ของกล้องที่มีการทำงานด้วยระบบกลไกแบบปรับหมุนเข้ากับความสามารถในการสร้างสรรค์ภาพถ่ายคุณภาพเยี่ยมระดับ D4 ในขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบา พกพาสะดวก คุณสมบัติอันยอดเยี่ยมเหล่านี้ที่จะปลุกเร้าจินตนาการของผู้ใช้ได้ถูกรวมไว้ในนิคอน Df ที่ได้รับการสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของนักถ่ายภาพในการเก็บภาพประทับใจในรูปแบบที่สร้างสรรค์ยิ่งขึ้น

 

คุณสมบัติพื้นฐานของกล้องนิคอน Df

Df_SL_50_1.8_SE_frttop_600
1. ระบบควบคุมแบบปรับหมุน ให้สุนทรียะในการสัมผัส พร้อมกับกลไกที่เที่ยงตรง การออก แบบที่ตอบสนองความพึงพอใจของผู้ใช้ และช่องมองภาพแบบออพติคอลของกล้องดิจิตอล เอส แอลอาร์
• กลไกการควบคุมการทำงานแบบแป้นหมุน การเลือกใช้และปรับเปลี่ยนการตั้งค่าต่างๆ บนกล้องนิคอน Df เป็นไปโดยง่ายดายและรวดเร็ว เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์ภาพถ่ายได้ตามใจปรารถนา ค่าความไวแสง ความไวชัตเตอร์ และค่าการชดเชยแสง จะปรับตั้งค่าด้วยการปรับหมุนแบบกลไก*ที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน จึงทำให้ผู้ใช้กล้องนิคอน Df หมดกังวลกับการปรับตั้งค่า และยังสามารถปรับค่าการทำงานต่างๆ ได้ตลอดเวลา แม้กล้องจะปิดอยู่ก็ตาม นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถปรับความไวชัตเตอร์แบบขั้นละเอียดได้โดยหมุนแป้นปรับความไวชัตเตอร์มาที่ “1/3 STEP” และควบคุมได้โดยใช้แป้นหมุนเลือกคำสั่งหลัก

*การปรับค่ารูรับแสงทำได้ผ่านวงล้อคำสั่งรอง (sub-command dial) ส่วนวงแหวนปรับรูรับแสงสามารถใช้งานได้ ยกเว้นเลนส์ G, E-Type และ PC-E

 

• การออกแบบที่เที่ยงตรงเพื่อความพึงพอใจของผู้ใช้ นิคอน Df ได้รับการออกแบบให้มีแป้นปรับหมุนแบบกลไกขนาดใหญ่ เพื่อรังสรรค์ความเพลิดเพลินในการถ่ายภาพด้วยกลไกอันเที่ยงตรง การออกแบบที่เต็มไปด้วยความละเอียดประณีตในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการวางโครงสร้างหรือการเลือกใช้วัสดุ ที่ทำให้นึกถึงกล้องนิคอนรุ่นดั้งเดิมที่มีความเที่ยงตรงสูง โครงสร้างตัวกล้องโลหะแมกนีเซียมอัลลอยส่วนด้านบน ด้านหลังและด้านล่าง ให้ผิวสัมผัสที่แข็งแกร่ง ในขณะที่พื้นผิวบริเวณมือจับมีการนำเอาวัสดุพื้นผิวลายหนังมาประกอบเพื่อสร้างสัมผัสเรียบหรู แต่ยังคงจับได้ถนัดพอเหมาะพอดี แป้นปรับหมุนโลหะแบบกลไก ได้ถูกแกะสลักค่าตัวเลขต่างๆ และลงสีเพื่อการยึดเกาะและใช้นิ้วปรับหมุนได้อย่างสะดวก ราบรื่น และเที่ยงตรงอีกด้วย
• ช่องมองภาพออพติคอลแบบปริซึ่มกระจกห้าเหลี่ยม ครอบคลุมการมองเห็นประมาณ 100 % เพื่อการแสดงภาพที่ชัดใส เห็นภาพแบบเรียลไทม์ ช่องมองภาพแบบออพติคอลของนิคอน Df ผลิตด้วยปริซึ่มกระจกห้าเหลี่ยม ครอบคลุมการมองเห็นประมาณ 100 % ด้วยช่องมองภาพขนาดใหญ่ และสว่างซึ่งเป็นคุณสมบัติของกล้องฟูลเฟรมและปริซึมแบบกระจก ช่วยให้ผู้ใช้สามารถวางเฟรมภาพได้อย่างแม่นยำ อัตราการขยายช่องมองภาพประมาณ 0.7 เท่า* ช่วยให้ผู้ใช้มองผ่านช่องมองภาพอย่างชัดเจน จอโฟกัส ใสสว่าง เพื่อความแม่นยำในการโฟกัสทั้งในโหมดแมนนวลโฟกัส และโหมดโฟกัสอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกแสดงเส้นตารางในช่องมองภาพเพื่อความสะดวกในการจัดองค์ประกอบภาพแนวนอน หรือแนวตั้งอีกด้วย

 

*เมื่อใช้กับเลนส์ 50 มม. f/1.4 ที่ระยะอนันต์, −1.0 m−1.

 

2. สร้างสรรค์ภาพถ่ายคุณภาพสูงระดับ D4 ด้วยเซ็นเซอร์รับภาพ FX-format CMOS ความละเอียด 16.2 ล้านพิกเซล และระบบประมวลผลภาพ EXPEED 3
นิคอน Df มาพร้อมกับเซ็นเซอร์รับภาพและระบบประมวลผลประสิทธิภาพสูงแบบเดียวกับกล้องนิคอน D4 ซึ่งทำให้กล้องนิคอน Df สามารถสร้างสรรค์ภาพที่มีคุณภาพสูงภายใต้ระดับความไวแสงที่หลากหลาย โดยรองรับระดับความไวแสงตั้งแต่ ISO100 ไปจนถึง ISO12800 และยังสามารถรองรับช่วงขยายเพิ่มเติมตั้งแต่ ISO 50 ไปจนถึง ISO 204800 เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อยและไม่มีขาตั้งกล้อง กล้องนิคอน Df จะใช้ความสามารถในการรองรับค่าความไวแสงสูงสำหรับการถ่ายโดยไม่ใช้ขาตั้งกล้อง โดยยังคงความคมชัด รายละเอียดภาพและสัญญาณรบกวนต่ำ และสีสันสดใส ยิ่งไปกว่านั้น กล้องนิคอน Df ยังสามารถสร้างภาพให้พื้นผิววัตถุมีมิติ ที่ความไวแสงต่ำ เช่น ISO 100 เพื่อช่วงไดนามิคที่กว้าง เมื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีแสงมาก กล้องนิคอน Df จะสามารถถ่ายทอดภาพถ่ายที่มีรายละเอียดคมชัด สีสันจัดจ้าน รวมไปถึงภาพถ่ายที่มีคอนทราสต์สวยงาม แสงเงานุ่มลึก ด้วยรูปลักษณ์ขนาดกระทัดรัดและความสามารถในการรองรับระดับความไวแสงที่หลากหลาย กล้องนิคอน Df ขยายขีดความสามารถในการถ่ายภาพของผู้ใช้ให้กว้างยิ่งขึ้นไปอีก

 

3. กล้องดิจิตอลเอสแอลอาร์แบบฟูลเฟรม ที่มีความแข็งแกร่งในรูปลักษณ์ ขนาดกระทัดรัด และน้ำหนักเบาที่สุดของนิคอน
กล้อง Df มีขนาดประมาณ 143.5 x 110.0 x 66.5 มม. (กว้างxสูงxหนา) และน้ำหนักเพียง 710 กรัม* จึงเป็นกล้องนิคอนแบบฟูลเฟรม ที่มีขนาดกระทัดรัดและเบาที่สุด บริเวณด้านบน ด้านหลังและด้านล่างของกล้องผลิตด้วยโลหะแมกนีเซียมอัลลอยทำให้กล้องมีน้ำหนักเบาและทนทาน พร้อมทั้งซีลยางเพื่อช่วยป้องกันฝุ่นและละอองน้ำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเช่นเดียวกับกล้อง D800 กล้องนิคอน Df เป็นกล้องที่เหมาะสำหรับการพกพาเป็นอย่างยิ่ง ด้วยขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบาที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพการทำงานเป็นเยี่ยม

 

*เฉพาะตัวกล้องเท่านั้น

 

4. ประสิทธิภาพการทำงานขั้นพื้นฐานที่ยอดเยี่ยมและเทคโนโลยีระดับสูงเพื่อการสร้างสรรค์ภาพถ่ายสมบูรณ์แบบ


กล้องนิคอน Df มาพร้อมกับการควบคุมการทำงานที่เรียบง่ายและอัดแน่นไปด้วยสามารถในการสร้างสรรค์ภาพถ่ายด้วยประสิทธิภาพการทำงานขั้นพื้นฐานที่ยอดเยี่ยมและฟังก์ชั่นระดับสูง ที่ตอบสนองความต้องการของช่างภาพทั่วไปที่ต้องการสร้างสรรค์ภาพถ่ายอย่างมีศิลปะ

 

• ระบบออโตโฟกัส 39 จุด
กล้องนิคอน Df ใช้เซ็นเซอร์ออโต้โฟกัส Multi-CAM4800 ซึ่งมีระบบออโตโฟกัส (AF) 39 จุดเพื่อการตรวจหาและติดตามวัตถุที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ เซ็นเซอร์แบบ cross-type จำนวน 9 จุดตรงกลางของกรอบภาพยังถูกนำมาใช้เพื่อให้สามารถตรวจหาวัตถุได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ จุดโฟกัสกึ่งกลาง (cross-type) จำนวน 7 จุดยังสามารถรองรับโฟกัสอัตโนมัติด้วยเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างสุด f/8 เมื่อใช้เลนส์ NIKKOR เทเลโฟโต้ที่มีรูรับแสงกว้างสุด f/4 พร้อมกับเทเลคอนเวอเตอร์ (2×) เทียบเท่ารูรับแสงกว้างสุด f/8

 

• ระบบ Scene Recognition System ทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์วัดแสง 2,016-pixel RGB
กล้องรุ่นนี้ยังมีการติดตั้งระบบ Scene Recognition System ซึ่งจะประมวลรายละเอียดด้านความสว่างและสีของซีนนั้นๆ ด้วยเซ็นเซอร์วัดแสง 2,016-pixel RGB และจะใช้ข้อมูลเหล่านั้นในการควบคุมระบบออโต้โฟกัสและการเปิดรับแสงอัตโนมัติ การควบคุมแฟลชอัตโนมัติ i-TTL ตลอดจนการปรับสมดุลแสงสีขาวอัตโนมัติได้อย่างแม่นยำอีกด้วย

 

• การตอบสนองที่ฉับไว
กล้องนิคอน Df มีการตอบสนองรวดเร็วฉับไว พร้อมใช้งานทันทีภายใน 0.14 วินาที1 หลังเปิดสวิทซ์ทำงาน และระยะเวลาหน่วงชัตเตอร์สั้นเพียง 0.052 วินาที1 ถ่ายภาพต่อเนื่องที่ความเร็วสูงสุด 5.5 ภาพต่อวินาที และรองรับการใช้งานร่วมกับเมมโมรี่การ์ดความเร็วสูงแบบ SDXC และ UHS-I2 รวมไปถึงเมมโมรี่การ์ดแบบ Eye-Fi ซึ่งช่วยให้การถ่ายโอนภาพถ่ายแบบไร้สายสะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น
1มาตรฐาน CIPA
2มาตรฐาน Interface

 

• ปุ่ม ช่วยให้เข้าถึงฟังก์ชันที่ใช้งานบ่อยได้รวดเร็ว
ปุ่ม ซึ่งอยู่ด้านล่างซ้ายของหน้าจอแสดงผล ช่วยให้เข้าถึงฟังก์ชั่นที่ใช้งานบ่อยได้ง่ายด้วยช่องมองภาพ และการถ่ายภาพแบบ Live View และการแสดงภาพ (playback) เพียงกดปุ่ม จะปรากฏหน้าจอตั้งค่าที่มีตัวเลือกสำหรับการตั้งค่าที่ต้องการ ช่วยให้เข้าถึงตัวเลือกสำหรับการตั้งค่าได้ทันที ขณะใช้งานโหมดถ่ายภาพปกติ การถ่ายภาพแบบ Live View รวมถึงเมนูรีทัชในโหมดแสดงภาพ

 

• หลากหลายฟังก์ชั่นในโหมด Live View
นอกจากจะมาพร้อมกับเส้นตารางแบบ 16 ช่องเหมือนที่มีในกล้องรุ่นก่อนๆแล้ว นิคอน Df ยังมาพร้อมกับตัวเลือกตารางแบบ 9 ช่อง และการแสดงผลแบบ 16:9 หรือ 1:1 บนจอแสดงผลในโหมด Live View นอกจากนี้ ยังมีระบบ Virtual horizon แสดงระดับการเอียงกล้องทั้งแนวตั้ง(ก้มหรือเงย) และแนวนอน (ซ้ายหรือขวา) และสเกลแสดงระดับการเอียงในช่องมองภาพ ฟังก์ชั่น Spot White Balance สำหรับการวัดค่าสมดุลแสงสีขาวได้อย่างแม่นยำขณะใช้งานถ่ายภาพแบบ Live View ช่วยลดความยุ่งยากในการเตรียมวัตถุอ้างอิง เช่น กระดาษเทากลาง รวมถึงการใช้เวลาในการวัด preset white balance ซึ่งอาจทำให้พลาดโอกาสในการถ่ายภาพ

 

• ประหยัดพลังงานทำให้ถ่ายภาพโดยไร้กังวล
การเลือกใช้ระบบประมวลผลคุณภาพสูง EXPEED 3 ซึ่งใช้พลังงานน้อย ช่วยลดการใช้พลังงานของตัวกล้อง เมื่องานร่วมกับแบตเตอรี่ขนาดเล็กกระทัดรัด น้ำหนักเบา Li-ion Battery EN-EL14a ที่ชาร์ตจนเต็ม สามารถถ่ายภาพนิ่งได้ประมาณ 1,400 ภาพ

 

*คำนวนจากมาตรฐาน CIPA

 

5. รองรับการใช้งานร่วมกับเลนส์ NIKKOR แบบ non-AI
นอกจากจะสามารถสร้างสรรค์ภาพถ่ายคุณภาพสูงจากการใช้งานร่วมกับเลนส์ NIKKOR รุ่นล่าสุดแล้ว กล้องนิคอน Df ยังเป็นกล้องดิจิตอลเอสแอลอาร์รุ่นแรกของนิคอนที่มาพร้อมกับความสามารถพับก้านวัดแสง (metering coupling lever) เพื่อรองรับการใช้งานร่วมกับเลนส์ non-AI ได้อีกด้วย

 

เมื่อค่าทางยาวโฟกัสและค่ารูรับแสงกว้างสุดของเลนส์ non-AI ถูกกำหนดในเมนู จะรองรับการวัดแสงโดยเมื่อปรับรูรับแสงที่กระบอกเลนส์ และหมุนวงล้องปรับตั้งค่ารูรับแสงกล้องให้ตรงกับค่าที่กระบอกเลนส์ กล้องจะคำนวณค่าการเปิดรับแสงที่ถูกต้อง (รองรับเฉพาะโหมดถ่ายภาพ [A] และ [M]) กล้องนิคอน Df มาพร้อมกับเมาท์ F ของนิคอนซึ่งเป็นเมาท์ที่ใช้ในกล้อง SLR ของนิคอนมาตั้งแต่รุ่นแรก การนำเอาเลนส์ NIKKOR รุ่นก่อนๆมาใช้ร่วมกับกล้องดิจิตอลที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ทำให้ผู้ใช้กล้องสามารถเพลิดเพลินกับการรังสรรค์จินตนาการในภาพถ่ายได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น

 

 

[Sneak Preview] Nikon DF กล้อง DSLR Full Frame ในดีไซน์ Retro ได้ใจฝุดๆ

เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 56 ที่ผ่านมา นิคอน ได้เผยโฉมกล้องดิจิตอลรุ่นใหม่ล่าสุด ที่เป็นกล้อง DSLR แบบ FullFrame  รุ่น Df ที่เน้นดีไซน์ย้อนยุคเหมือนกล้องฟิล์มรุ่น F3 ในสมัยก่อน (ยุคเจน Y จะรู้จักมั้ยนะ) ทำให้หลายคนหวนย้อนนึกถึงอดีตของความคลาสิกในการถ่ายภาพกล้องฟิล์มขึ้นมาทันที แต่วันนี้มันมาอยู่ในรูปแบบของกล้องดิจิตอลซึ่งจัดเต็มคุณภาพระดับเทพอีกด้วย ส่วนจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น วันนี้เรามีัแขกรับเชิญพิเศษ… น้า Thaksa ผู้ที่ฝากผลงานการทดสอบ รีวิว และสอนเทคนิคขั้นเทพ ในการถ่ายภาพ ให้กับสาวกนิคอนไว้มากมายบนบอร์ด Pantip มาทำหน้าที่เป็นผู้สื่อข่าวให้กับ OopsMobile ในงานนี้อีกด้วย แถมท้ายน้ายังตัดต่อวิดีโอฟีเจอร์เด็ดๆ ของ Nikon DF มาให้ดูแบบเข้าใจกันง่ายๆ อีกด้วย ลองติดตามกันได้เลยครับ

เริ่มต้นกันที่ความหมายของชื่อรุ่นนี้กันก่อนเลย โดย D ย่อมาจาก D Series ซึ่งหมายถึง Design ส่วน f คือ fusion คือการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว หรืออีกนัยหนึ่งคือ เป็นการนำดีไซน์ของกล้องฟิล์มรุ่น F3 มาทำเป็นกล้องดิจิตอลนั่นเอง

Nikon_Df_10

 

Nikon DF ถือเป็นกล้องนิคอนแบบฟูลเฟรมที่เล็กและเบาที่สุด ด้วยขนาดตัวกล้อง 143.5 x 110 x 66.5 มม. น้ำหนักเพียง 710 กรัม นอกจากนี้ยังมาพร้อมแป้นกลไกควบคุม ทำด้วยโลหะขนาดใหญ่ด้านบนของตัวกล้องช่วยให้การปรับตั้งค่าต่างๆ สะดวกรวดเร็ว

Nikon_Df_11

 

การปรับปุ่มฟังก์ชั่นต่างๆ ให้อารมณ์แบบกล้องฟิล์มในสมัยก่อน คลาสิคได้ใจจริงๆ ทั้งวงแหวนปรับความไวชัตเตอร์, วงล้อปรับรูรับแสง, ปุ่มปรับ ISO และชดเชยแสง นอกจากนี้กริปจับก็เป็นหนังจับแบบที่ช่างภาพสมัยก่อนคุ้นเคยกันดี

Nikon_Df_12

 

ส่วนของช่องมองภาพ เป็นแบบ Optic มองผ่านเลนส์ได้โดยตรง ให้มุมมอง 100%  โดยช่องมองจะมีแป้นเป็นวงกลม รองรับอัตราการขยายได้ 0.7x (เมื่อใส่เลนส์ 50mm)  ส่วนหน้าจอ LCD ขนาด 3.2 นิ้ว ความละเีอียด 921,000 จุด

Nikon_Df_13

 

มาพร้อมเซ็นเซอร์วัดแสง 2,016 pixel RGB และ Scene Recognition System และระบบโฟกัสอัตโนมัติ 39 จุด และ 7 จุด เมื่อใช้เลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างสุด f/8

Nikon_Df_14
ส่วนของอุปกรณ์เิสริมมีมาให้แบบจัดเต็ม

Nikon_Df_15

Nikon_Df_16

 

Nikon Df มาพร้อม เซนเซอร์ FX-format CMOS ความละเอียด 16.2 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์แบบ Full Frame (เซ็นเซอร์ขนาดเท่าฟิล์ม 35 มม.) และระบบประมวลผลภาพ EXPEED 3 เช่นเดียวกับกล้องรุ่นโปรอย่าง D4 เลยทีเดียว รองรับ ISO100 ไปจนถึง ISO12800 และยังสามารถรองรับช่วงขยายเพิ่มเติมตั้งแต่ ISO 50 ไปจนถึง ISO 204800 จะวางจำหน่ายปลายเดือน พฤศจิกายนนี้ ส่วนราคาเบื้องต้นอยู่ที่ $2,749.95 หรือประมาณ 86,000 บาท (เฉพาะบอดี้) *ราคาในเมืองไทยยังไม่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ

Nikon_Df_18

 

เอาล่ะครับมาดูภาพตัวเป็นๆ ของเจ้า Nikon Df กันเลย อยู่ในมือแล้วหล่อเลยทีเดียว

Nikon_Df_03

Nikon_Df_07

Nikon_Df_06

Nikon_Df_05

 

เปรียบเทียบ ขนาด D4 กับ Df

Nikon_Df_01

 

เทียบ เลนส์ 50 1.8G ยุคเก่า (ซ้าย) กับ ปัจจุบัน (ขวา)

Nikon_Df_02

 

บอดี้สีเงินสุดคลาสิค สังเกตปุ่มต่างๆ และกระโหลกที่ด้านบน เรโทรได้ใจจุงเบย

Nikon_Df_31

 

กริปจับหนัง สุดคลาสิค ปุ่มต่างๆ ด้านข้างเลนส์เมาท์ เป็นโลหะทั้งหมด

Nikon_Df_30

Nikon_Df_28
ปุ่มปรับโหมดต้องดึงขั้นเพื่อก่อนถึงจะปรับได้ ส่วนปุ่มปรับค่าอื่นๆ ต้องกดลงเพื่อปลดล็อคก่อนทุกครั้ง

Nikon_Df_33

 

จอ LCD แสดงสถานะ จะมีขนาดเล็กลงจากกล้องรุ่นอื่นๆ พร้อมไฟ Back Light เป็น สีขาว ไม่ใช่สีเขียวเหมือนรุ่นก่อนๆ

Nikon_Df_32
ปุ่มด้านหลังยังคงเตรียมมาให้ครบครันเหมือนอย่างเคย ใครที่เป็นสาวกอยู่แล้วก็ไม่ต้องเรียนรู้ใหม่มากนัก

Nikon_Df_20

 

ช่องเชื่อมต่ิอมีทั้ง USB, HDMI และ ช่องต่อรีโมทคอนโทรล มาให้ด้วย

Nikon_Df_23

 

ปุ่มวงแหวนทางด้านซ้ายไว้สำหรับปรับค่าชดเชยแสง และ ISO

Nikon_Df_22

 

ด้านขวาจะมีปุ่มปรับสปีดชัตเตอร์ ปุ่มชัตเตอร์ และปุ่มปรับโหมด P, S, A, M

Nikon_Df_21

 

ช่องใส่แบตฯ ใส่ SD Card อยู่ในช่องเดียวกัน

Nikon_Df_25

 

Specification Nikon Df

Spec_Nikon_DF_01

Spec_Nikon_DF_02

Spec_Nikon_DF_03

 

ชมคลิปวิดีโอจุดเด่นต่างๆ ของ Nikon Df

[youtube link=” http://youtu.be/Ow1AkRNN5dU” width=”590″ height=”315″]

 

จุดเด่น

• เป็นกล้องระดับ Full Frame ที่น้ำหนักเบาที่สุดของนิคอน

• ดีไซส์โดดเด่นในสไตล์คลาสิค

• ความละเอียด 16.2 ล้านพิกเซล เท่ากับ D4

• สามารถใช้เลนส์ตัวเก่าได้หมด

• ชุดประมวลผลภาพ Expeed 3 เท่ากับ D4

 

จุดด้อย

• ไม่รองรับการถ่ายวิดีโอ

• ไม่มีแฟลชในตัว

• ปุ่มวงแหวนควบคุมใช้ยาก ต้องปลดล็อคก่อนหมุนทุกครั้ง ส่วนปุ่มเปลี่ยนโหมด ก็ต้องดึงขึ้นมาถึงจะหมุนเปลี่ยนโหมดได้

• ให้สปีดชัตเตอร์มาน้อยไปนิดแค่ 1/4000
 
Many Thank : Thaksa
 

Nikon ส่งหมายเชิญเปิดตัวกล้องรุ่นปริศนา? หรือว่าจะเป็น Nikon DF รึเปล่านะ พร้อมเผยคลิป Teaser ต่อเนื่อง 5 EP

invite-nikon
 
อะไรยังไง…เมื่อนิคอน ส่งจดหมายเชิญสื่อมวลชน โดยไม่ได้ระบุแม้แต่ชื่องาน แจ้งแต่เพียง วัน เวลา สถานที่ มาให้เท่านั้น โดยงานนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายน นี้ ซึ่งแน่นอนว่า OopsMobile จะไม่พลาดที่จะคาบข่าวมาฝากกันอย่างแน่นอน
 
งานนี้สื่อทั้งในและต่างประเทศคาดการณ์ว่าจะเป็นการเปิดตัวกล้อง Nikon DF ซึ่งเป็นกล้องดีไซน์คลาสิก เหมือนกล้องฟิล์มสมัยก่อน แต่เป็นกล้องแบบ Mirrorless ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ขนาด Full Frame (ปะทะกับ Sony A7 Series เลยสินะ) ซึ่งเหล่าสาวกนิคอนคงตั้งตารอคอยที่จะได้สัมผัสตัวเป็นๆ หลังจากได้เห็นภาพหลุดออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งใครๆ เห็นแล้วก็ต้องน้ำเลยหก กันเป็นแถวๆ นอกจากนี้ยังมีคลิป Teaser ที่ปล่อยออกมาแบบให้เห็นแวบๆ ยั่วอารมณ์สุดๆ อีกด้วย
 
nikon-df

 

[youtube link=”http://youtu.be/2CDWV6o1o4A” width=”590″ height=”315″]

[youtube link=”http://youtu.be/gc1GYoLhT5o” width=”590″ height=”315″]

[youtube link=”http://youtu.be/iy_5ypybtX8″ width=”590″ height=”315″]

[youtube link=”http://youtu.be/IABlXuPDWWo” width=”590″ height=”315″]

[youtube link=”http://youtu.be/E_LV7qRCJyA” width=”590″ height=”315″]

Source : Email PR, Nikon Rumors

โซนี่เปิดตัวกล้อง Cyber Shot RX100 II และ RX1R ต่อยอดกล้องคอมแพค Full Frame พร้อมรองรับ WiFi/NFC

เช้านี้หากใครได้ติดตาม FanPage ของเรา คงได้เห็นโฉมหน้าของกล้องรุ่นใหม่จากโซนี่ ซึ่งถือเป็นกล้องคอมแพคระดับโปรในตระกูล Cyber-shot RX ซีรีส์ โดยวันนี้ได้เปิดตัว 2 รุ่นด้วยกันคือ รุ่น RX100 II และรุ่น RX1R ซึ่งเป็นการต่อยอดจากรุ่นก่อนหน้า คือ RX100 และ RX1 ตามลำดับ โดยในรุ่น RX100 II จะมีชื่อที่ใช้เรียกอย่างเป็นทางการว่า RX100M2 = อาร์เอ็กซ์ 100 มาร์คทู) ฟังชื่อเรียกแล้วแอบคิดถึงชื่อรุ่นของกล้อง DSLR ของค่ายน้องหนอน ยังไงไม่รู้ อิอิ

เอาล่ะครับมาดูกันเลยดีกว่า ว่ามีอะไรใหม่เพิ่มขึ้นมาบ้าง โดยพระเอกของงานนี้อยู่ที่เจ้า Cyber-shot RX100 II ที่ได้เพิ่มลูกเล่นใหม่ขึ้นมาอีกเพียบ ไปติดตามดูกันเลยครับ

โฉมหน้าของกล้องตระกูล Cyber-shot ตระกูล RX ทั้ง 4 รุ่น โดย 2 ตัวแรกที่อยู่ตรงกลาง จะเป็นรุ่นใหม่ที่เปิดตัวในวันนี้
Sony_RX100_II_01

สำหรับ RX100 II ได้ออกแบบมาเจาะกลุ่มผู้ใช้ที่ชอบการถ่ายภาพที่ให้รายละเอียดสูงใกล้เคียงกับกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้หรือ DSLR แต่มีขนาดที่เล็กกะทัดรัดพกพาสะดวกเหมือนกล้องดิจิตอลคอมแพค โดยมาพร้อมกับเซนเซอร์รับภาพรุ่นใหม่ Exmor R 1.0-type CMOS Sensor ที่เพิ่มความไวแสงพร้อมลดสัญญาณรบกวนในที่มีแสงน้อยได้ดีขึ้น ความละเอียด 20.2 ล้านพิกเซล บวกด้วยเลนส์ f1.8 Carl Zeiss Vario-Sonnar T* ?ที่มีไดอะเฟรมมาให้ถึง 7 ชิ้น ซึ่งปกติในกล้องดิจิตอลคอมแพคทั่วไปจะมีมาแค่ 2 ชิ้น ซึ่งจะช่วยในการถ่ายภาพได้โบเก้ที่สวยงามยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังได้เพิ่มช่อง Multi Interface Shoe ที่สามารถเสียบแฟลชภายนอกเพิ่มขึ้นได้แล้ว จากรุ่นก่อนที่ยังไม่รองรับ รวมถึงหน้าจอที่สามารถปรับองศาได้ 2 ทิศทาง

Sony_RX100_II_02

 

เซนเซอร์ัรับภาพแบบใหม่หรือ Exmor R CMOS Sensor ตัวนี้ถือเป็นการใช้เซนเซอร์ขนาด 1 นิ้วเป็นครั้งแรกในกล้องคอมแพค โดยได้ปรับปรุงโครงสร้างใหม่ภายในแบบ Back-illuminated CMOS ที่ย้ายแผงวงจรไปไว้ด้านหลังแล้วให้ Photo Diode อยู่ด้านหน้า ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการให้เซนเซอร์สามารถรับแสงหรือภาพได้โดยตรง โดยไม่มีอะไรมาบดบังเเหมือนอย่างเก่า

Sony_RX100_II_03

 

RX100 II ถือเป็นกล้องตัวแรกของโซนี่ที่มาพร้อมเทคโนโลยี NFC รวมถึง Wi-Fi โดยมาพร้อมกับ 2 ฟังก์ชั่นใหม่คือ

One-touch remote ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับแอนดรอยด์สมาร์ทโฟน เพื่อใช้งานเป็นรีโมทควบคุมการถ่ายภาพ โดยเมื่อถ่ายเสร็จภาพดังกล่าวก็จะแชร์เข้ามายังมือถือให้ทันที ส่วนอีกฟังก์ชั่นคือ

One-touch sharing เพียงเปิดดูภาพที่ต้องการแชร์จากตัวกล้อง แล้วนำสมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต มาแตะ ภาพดังกล่าวก็จะถูกแชร์ไปยังสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตให้ทันที โดยช่วงแรกอาจจะรองรับเฉพาะอุปกรณ์ในอารยธรรมโซนี่ก่อนเท่านั้น อิอิ…

Sony_RX100_II_04

 

ลองดูตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติระหว่าง RX100 กับ RX100II

Sony_RX100_II_05

สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาใหม่มีดังนี้

? เซนเซอร์แบบใหม่ Exmor R

? Auto ISO ต่ำสุดที่ 160 แต่รุ่นเก่าอยู่ีที่ 125

? แต่เพิ่ม ISO ได้สูงสุดถึง 12800 จากเดิมแค่้ 6400

? หน้าจอ LCD 3 นิ้ว เท่ากันแต่ปรับองศาให้สามารถถ่ายในมุมสูงและมุมเงยได้

? รองรับการบันทึกวิดีโอแบบ Full HD 24p/25p ให้ภาพลื่นไหลยิ่งขึ้น

??มีช่อง Hotshoe รองรับ แฟลช, ไมค์, ช่องมองภาพ EVF (Electronic View Finder)

? รองรับ Wi-Fi, NFC ในตัว

? ปรับมาตรฐานการบันทึกวิดีโอได้ทั้ง PAL และ NTSC

 

ขนาดของ RX100II จะหนากว่ารุ่นก่อนเพียง 2.4 มม. โดยความกว้าง ความยาวเท่าเดิม ทำให้สามารถใช้แจ็คเก็ตเคสร่วมกันได้

Sony_RX100_II_06

 

 

ใส่ช่องมองภาพ EVF แล้วหล่อเลย

Sony_RX100_II_08

 

ติดกริปจับเพิ่มความกระชับยิ่งขึ้น โดยติดยึดด้วยกาว เป็นอุปกรณ์เสริมที่ต้องซื้อเพิ่ม ราคาประมาณ 600 กว่าบาท

Sony_RX100_II_07

หน้าจอปรับเอียงก้ม หรือเงยได้

Sony_RX100_II_09

 

เปรียบเทียบระหว่าง RX100 (ซ้าย) กับ RX100II (ขวา)

Sony_RX100_II_10

เอาล่ะครับ ได้ทราบกันไปแล้วว่ามีอะไรใหม่ในส่วนของ RX100II ถัดไปถึงตาของ RX1R กันบ้าง

 

Cyber-shot RX1R มีอะไรใหม่

สำหรับ RX1R ถือเป็นกล้องคอมแพคแบบ Full Frame ที่พัฒนาต่อยอดจาก RX1 โดยมีจุดต่างเพิ่มขึ้นมาเพียง 1 อย่างคือเรื่องของการนำ Optical Low-Pass Filter (OLPF) ออก ซึ่งแต่เดิมจะถูกติดตั้งไว้หน้าเซนเซอร์ัรับภาพ โดยเหตุที่ไม่ได้ใส่ OLPF ก็เพื่อลดความผิดเพี้ยนของภาพลายเส้นหรือ Moire ?จึงทำให้ได้ภาพที่คมชัดและไม่ผิดเพี้ยนมากยิ่งขึ้น และทำให้แสงที่รวมถูกส่งไปยังเซนเซอร์โดยไม่แตกกระจาย และเพื่อเป็นการชดเชยคุณภาพของภาพให้คมชัดคงเดิม จากการที่ไม่มี OLPF จึงให้หน่วยประมวลผลภาพทำหน้าที่ชดเชยคุณภาพของภาพให้คมชัดเช่นเดิม

Sony_RX100_II_11

 

นอกนั้นในส่วนของตัวบอดี้และปุ่มควบคุมต่างๆ ยังคงเหมือนกับรุ่นเดิม โดย RX1R มาพร้อมความละเอียด 24.3 ล้านพิกเซล เลนส์ Carl Zeiss Sonar T* F2

Sony_RX100_II_12

 

 

ตบท้ายงานด้วยการสัมภาษณ์ประสบการณ์การใช้งานจากช่างภาพมืออาชีพ คุณเกรียงไกร ?ไวยกิจ (ซ้าย) และคุณสุทัศน์ ?รุ่งสิริศิลป์ (ขวา)

Sony_RX100_II_13

 

 

ผู้บริหารโซนี่ถ่ายภาพร่วมกัน

Sony_RX100_II_14

 

กล้องทั้ง 2 รุ่นนี้จะเริ่มวางจำหน่ายกลางเดือนสิงหาคมนี้

โดย RX100 II สนนราคา 22,900 บาท

ส่วน RX1R สนนราคา 99,990 บาท

 

ภาพแพ็คช็อตเพิ่มเติมของ RX100 II

DSC_R100M2_Lifestyle_wMen_EXPNov2014_tilthigh_2-1200 DSC_RX100M2_Lifestyle_wMen_EXPNov2014_5-1200

HVL-F43M_front_CX63710-1200

RX100M2_image_skelton_FLASH-1200

RX100M2_side_tilt-1200

RX100M2_tilt-high_02-1200