[Tips] เปลี่ยน Theme Facebook ด้วย Stylist in Chrome

ใน Chrome มีของเล่นเยอะเลย โดยเฉพาะ Plugin ตัวนี้ที่ชื่อว่า Stylist มันสามารถเปลี่ยน Theme Facebook ,Google หรือ Youtube บนหน้าบราวเซอร์ Chrome บนคอมพิวเตอร์ ทีนี้ก็เลยอยากโชว์วิธีเปลี่ยน Theme Facebook ให้ดูกันขำๆ ก่อน แล้วใครอยากเปลี่ยน Theme อย่างอื่นก็วิธีเดียวกันเลย เริ่มเลยละกัน

 

unnamed

 

 

ก่อนอื่นใครยังไม่มีบราวเซอร์ตัวนี้ไปโหลดกันก่อนได้เลย Download Chrome อันนี้โหลดได้ทั้ง Mac และ PC เลย

 

พอโหลดเสร็จเปิด Chrome ขึ้นมา เลือกไปที่  Store

theme

ทำไมหน้าตา Chrome เป็นแบบนี้เดี๋ยวมาเคลียร์

 

ขั้นตอนต่อมา ในช่อง Search พิมพ์คำว่า install stylist

theme2

 

 

จะเจอหน้านี้จะเห็นว่า Stylist มี 2 อัน มันเหมือนกันค่ะ เลือกเอาซักอัน แล้วกด Download ในภาพที่เห็นที่ไม่มีปุ่ม Download เพราะคนเขียนโหลดไปแล้วมันเลยขึ้นแบบนี้ แต่ตำแหน่งเดียวกันค่ะ ตรงปุ่มเขียวๆ

theme2.1

 

 

พอโหลดเสร็จแล้วดับเบิลคลิกที่ Stylist แล้วจะขึ้นมาหน้าที่เห็นนี้ มองไปด้านล่างจะเห็น Theme นั่น นี่ นู่น ให้เลือก เลือก Facebook Theme กดโหลดตรงคำว่า Free 

theme3

 

 

จะมีข้อความขึ้นมาอธิบายขั้นตอนการเปลี่ยน Theme จะลองอ่านดูก็ได้เพื่อความเข้าใจ อ่านจบ กด Get Started Now

theme4

 

 

ทางด้านบนขวาจะมีรูปตัว S กดเข้าไปเลย แล้วเลือก Find more styles for this site

theme5

 

 

Theme เต็มเบย เลือกเอาที่ชอบมาหนึ่งอันค่ะ แล้วกดไปที่ชื่อ Theme ที่เลือก

theme6

 

 

กด install with stylist

theme7

 

 

จะมีข้อความถามว่าจะใช้ Theme นี้ใช่มั้ย? กด OK

theme8

 

 

เสร็จแล้ว!!! ลองเข้าไปที่ facebook.com แล้ว Login เข้าไปตามปกติ เช็คดู

theme9

 

 

ทีนี้มาเคลียร์อันที่บอกไว้ 555 นั่นคือ Theme ของ Chrome ที่มันติดมากจาก Theme Google ที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ แต่เมื่อยมือละ เลยอัดเป็นคลิปให้ดู วิธีเหมือนกันเลยจ้า

[youtube link=”http://youtu.be/6Wu0iqo7YxQ” width=”590″ height=”315″]

[Tips] เปลี่ยน icon iPhone ด้วยแอพ CoCoPPa โดยไม่ต้องง้อเจลเบรค

วันนี้จะมาแนะนำแอพพลิเคชั่นสุดฮอตจากญี่ปุ่น เป็นแอพพลิเคชั่นที่สามารถเปลี่ยน ไอคอน บนไอโฟน แถมยังเปลี่ยนวอลเปเปอร์ได้ด้วย มีให้เลือกหลายสไตล์ ที่สำคัญไม่ต้องเสียเวลาเจลเบรค

icon_256

 

 

เดี๋ยวเรามาลองเปลี่ยนไอคอนบนไอโฟนกันดีกว่า เอาซักหนึ่งไอคอนมาดูกันว่าเขาเปลี่ยนกันยังไง?

ก่อนอื่นดาว์นโหลดแอพ CoCoPPa กันก่อนที่ App Store

 

 

เสร็จแล้วกดเข้าไปเลย จะเห็นว่ามีหลายไอคอนให้เราเลือก ในที่นี้ขอเลือกอันที่ฮิตๆกัน เป็นไอคอน Youtube หน้าตาสวยงามมาก กดไปที่ไอคอนที่เลือกเลย

 

cocoppa1

 

 

จะเห็นรูปไอคอนที่เราเลือกมา กด Use this icon

cocoppa2

 

 

ที่นี้จะมีข้อความถามว่า เราจะลิงค์ไอคอนที่เลือกไปที่แอพพลิเคชั่นตัวไหน เราก็เลือก Youtube

cocoppa3

 

 

ทีนี้จะขึ้นรูปไอคอนที่เราเลือก กับรูปแอพพลิเคชั่นที่เราจะลิงค์ไป กด OK

cocoppa4

จะมีข้อความตัวหนังสือแดงๆขึ้นว่า ถ้าเราลบไอคอนแอพอันดั้งเดิม ข้อมูลอาจจะหาย ฉะนั้นไม่ต้องลบค่ะ ให้มีไว้ทั้งสองไอคอน หรือจะเอาไอคอนเก่าไปซ่อนไว้ในโฟลเดอร์เพื่อจะได้ดูไม่รก

 

 

พอขึ้นรูปนี้มาก็จะมีคำสั่งให้เรา กด Add to Home Screen เพื่อให้ไอคอนนี้ไปอยู่บนหน้า Home ของไอโฟน ให้เรากดตามที่วงสีแดงไว้

cocoppa5

 

 

จะออกมาเป็นแบบนี้ ก็ให้เราเลือก Add to Home Screen อย่างที่บอกไว้

coppa6

 

 

เสร็จแล้วไอคอน Youtube ที่เราเลือกไว้มาอยู่ที่หน้า Home เรียบร้อย ลองเปิดเช็คดูได้เลยว่ามันกลายเป็นแอพ Youtube จริงมั้ย

cocoppa7

 

 

ถ้าดูแค่ภาพไม่เข้าใจ เราจัดให้ค่ะ คลิปวิธีทำไอคอนจาก CoCoPPa

[youtube link=”http://youtu.be/U6gj_lvLpbs” width=”590″ height=”315″]

[Tip] วิธีป้องกันเว็บไซต์อันตราย บน Safari

เดี๋ยวนี้มีพวกเว็บไซต์ปลอม อีเมลล์ปลอมที่ส่งลิงค์อะไรมามากมายให้เราหลงกลคลิกเข้าไป กรอก Username,Password แล้วสุดท้ายก็แฮกค์ข้อมูลเราไปอย่างง่ายๆ ใครที่เป็นคนหลอกง่าย ฟังทางนี้ สำหรับคนที่ใช้ไอโฟน ไอแพด ส่วนใหญ่ก็จะเข้าเว็บบราวเซอร์คือ Safari ทีนี้เรามาดูวิธีป้องกันเวบไซต์ปลอมต่างๆ เพื่อความปลอดภัยกับข้อมูลของเรา

 

ขั้นตอนก็ง่ายนิดเดียว แค่เราเข้าไปที่ Settings>Safari จากนั้นดูในส่วนของ Privacy & Security

เราจะเห็นบรรทัดแรก Do Not Track ก็คือเปิด ON ไว้เพื่อป้องกันเหล่าแฮกเกอร์ทั้งหลายที่จะมาทำมิดีมิร้ายในขณะที่เรากำลังท่องเว็บอยู่

 

บรรทัดที่สอง Block Cookies ก็คือเป็นการบล็อก Cookies ต่างๆในทีนี้เราเลือกที่จะบล็อก Cookies ที่มาจากแอพพลิเคชั่น third parties แล้วก็ตาม Ads โฆษณาต่างๆ

 

บรรทัดที่สาม Smart Search Field อันนี้ก็จะมีข้อความแนะนำเราเวลาที่จะ Search หาข้อมูลอะไร ก็จะแนะนำเวบไซด์ที่ปลอดภัยให้

 

บรรทัดที่สี่ อันนี้แหละที่เราจะพูดถึง Fraudulent Website Warning ให้เราเปิด ON ไว้

safari

 

 

ถ้าสมมติเราเล่น Facebook หรือ Twitter แล้วมีใครส่งลิงค์มาให้เรา ถ้าเราเปิดจากไอโฟน ลิงค์นั่นจะไปเปิดที่หน้า Safari โดยอัตโนมัติ และถ้าเราเจอเว็บไซต์อันตรายเข้า จะมีข้อความเตือนขึ้นมาเป็นแถบสีแดง ว่ามันคือเว็บไซต์อันตราย

 

iphone-os-31-antiphishing

 

ถ้ารู้กันแล้วก็เปิดกันเถอะนะคะ อย่าคิดว่าใช้ไอโฟนแล้วจะปลอดภัยแคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง  แต่ไหนๆเค้าก็มีฟังก์ชั่นนี้มาให้เราใช้กันนานแล้ว ก็จัดกันไปได้เลยค่ะ

Guided Access และ Restrictions คำสั่งบน iOS ที่วัยรุ่นเซ็ง แต่คุณแม่ปลื้ม!

Wassuppp! ใครที่ได้อ่านข่าวแอพศัลยกรรมตุ๊กตาบาร์บี้ คงสงสัยว่าเกมนี้หลุดลอดสายตา Apple และ Google มาถึงมือปราบออนไลน์ และฟ้องให้ลบแอพออกจากสโตร์เนื่องจากไม่เหมาะสมทั้งด้านคำพูด ค่านิยม และพฤติกรรมได้อย่างไร โดยเฉพาะเป็นแอพสำหรับเด็กด้วยแล้วยิ่งต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ดังนั้นด่านแรกที่จะป้องกันไม่ให้ผ่านถึงมือเด็กๆ คือ คุณพ่อคุณแม่ ถ้ามีลูกอายุไม่เกิน 9 ขวบ ยังพอจะห้ามและเลือกเกมให้ได้ แต่พอโตขึ้นมาเริ่มรู้รหัสผ่าน ค้นหาเอง เล่นเอง เผลอๆสมัครแอคเคาท์ใหม่เอง คราวนี้คงต้องให้ฟีเจอร์บน iOS ช่วยบ้างไรบ้าง แต่ก็ต้องระวังอย่าให้คุณลูกรู้รหัสผ่านนะคะ .. รับรองคุณแม่ปลื้ม! นั่นก็คือ Guided Access กำหนดพื้นที่และตำแหน่งที่ไม่อนุญาตให้ใช้งาน และ Restrictions ยกเลิกแอพที่ไม่ต้องการให้ใช้งานไปเลย (credit หนังสือคู่มือ iPhone 5S ios 7 ฉบับสมบูรณ์ by Provision)

 

เปิดใช้งาน Guided Access
1. แตะไอคอน Settings > General > Accessibility > Guided Access

2. แตะปุ่มเปิดใช้งานที่ Guided Access

3. แตะที่ Set Passcode

4. ตั้งรหัสผ่านเป็นตัวเลข 4 หลัก และยืนยันรหัสผ่านอีกครั้ง

 

1-21-2014 9-47-29 PM copy

 

เริ่มกำหนดพื้นที่ล็อคหน้าจอด้วย Guided Access
1. หลังจากเปิดใช้งาน Guided Access ให้เปิดแอพที่อนุญาตให้เด็กๆเล่นขึ้นมา (ในตัวอย่างคือ Line)

2. กดปุ่ม Home ติดกัน 3 ครั้ง แล้วลากเส้นวงรอบตำแหน่งที่ไม่ต้องการให้ใช้งาน

3. จะแสดงกรอบสีเทาขึ้นมา สามารถลากปุ่มกลมๆเพื่อย่อ-ขยายพื้นที่ได้ เสร็จแล้วแตะ Start

 

IMG_0145 copy
จากรูปไม่ต้องการให้แตะปุ่ม Back หรือตั้งค่าต่างๆในแอพ Line (แถมคุยได้แค่คนเดียวด้วยสินะ)

 

4. จะกลับมาที่หน้าจอแอพอีกครั้ง โดยคำสั่งที่อยู่นอกบริเวณสีเทาจะใช้งานได้ตามปกติ ส่วนคำสั่งที่อยู่ในพื้นที่สีเทาที่ล็อคไว้จะใช้งานไม่ได้

5. นอกจากนี้จะไม่สามารถกดปุ่ม Home และปุ่ม Sleep/wake หรือหากกดปุ่ม Home ติดกัน 2 ครั้งจะขึ้นข้อความ Guided Access is enabled… ยังใช้แอพอื่นไม่ได้นะ และขึ้นให้ใส่รหัสผ่าน 4 ตัวทันที ทางที่ดีเลือกเล่นเฉพาะแอพที่กำหนดไว้ดีกว่า (แต่ขอบอกว่าบางทีก็เปิดแอพใน Multitasking ได้ด้วย เพราะฉะนั้นควรปิดแอพใน Multitasking ให้หมดเพื่อความปลอดภัยค่ะ..วัยรุ่นเซ็ง!)

6.เมื่อจะออกจาก Guided Access ให้กดปุ่ม Home ติดกัน 3 ครั้ง จากนั้นกรอกรหัสผ่าน แล้วแตะ End อีกที

 

IMG_0151
Guided Access Ended กลับมาใช้งานได้ตามปกติ

 

เปิดใช้งานคำสั่ง Restrictions
1. ไปที่ Settings > General > Restrictions

2. แตะ Enable Restrictions

3. ตั้งรหัสผ่านเป็นตัวเลข 4 ตัว (ไม่จำเป็นต้องใช้รหัสเดียวกับที่ใช้ปลดล็อคเครื่องแต่จะตั้งซ้ำกันก็ได้)

4. ยืนยันรหัสผ่านอีกครั้ง จะเห็นว่าแอพหลักถูกเปิดใช้งานไว้ทุกตัว

5. ปิดการใช้งานแต่ละแอพได้ตามต้องการ (รองรับเฉพาะแอพที่มาพร้อมเครื่องเท่านั้น)

6. แตะ < General กลับไปยังหน้าก่อน เพียงเท่านี้ไอคอนแอพที่มาพร้อมเครื่องอย่าง App Store ก็จะถูกซ่อนทันที

 

1-21-2014 10-50-21 PM copy
เมื่อต้องการยกเลิกให้ไปที่ Settings > General > Restrictions แตะ Disable Restrictions

 

หวังว่าทั้ง 2 ฟีเจอร์จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่วางใจการเล่น iPhone, iPad ของเด็กๆได้มากขึ้นนะคะ ถ้าไม่เห็นรหัสผ่านกันซะก่อน..อุ๊ปส์!!

 

วิธีส่งต่อรูปใน LINE ให้เพื่อนอีกคน โดยไม่ต้องเซฟภาพลงในเครื่อง

 

หลายคนอาจจะไม่คาดคิดว่า เจ้าแอพ LINE ที่เราใช้ชีวิต ชิด แชต อยู่กับมันทั้งวันทั้งคืนนี้ จะสามารถส่งต่อรูปที่เราคุยกันอยู่ในแชต ไปใ้ห้คนอื่น หรือ Group อื่นๆ ได้ โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาเซฟรูปลงในเครื่องแล้วแอดรูปนั้นไปให้อีกคนหนึ่ง ตามมาดูวิธีการกันได้เลยครับ

 

จากหน้าแชตที่เราต้องการส่งรูปภาพต่อไปให้อีกคน แตะเลือกรูปที่ต้องการส่งต่อ แล้วแตะปุ่มลูกศรชี้ขึ้นขวา ที่มุมล่างซ้ายสุด

Line-forward-pic01

 

แตะ Send to Another Chat เพื่อเข้าไปเลือกชื่อเพื่อนจากหน้ารายชื่อ Friends หรือจะส่งต่อไปยัง Groups ที่เรามีส่วนร่วมอยู่ รวมถึง Chat ที่เคยคุยกับเพื่อนไว้ก่อนหน้านี้ โดยแตะแท็บตามประเภทที่ต้องการ นอกจากนี้ยังสามารถแตะในช่อง Search เืพื่อค้นหาจากรายชื่อที่ต้องการได้ทันที

Line-forward-pic02

 

จากตัวอย่างผมลองส่งต่อให้เพื่อนโดยค้นหาจากรายชื่อใน Friend เมื่อเจอชื่อเพื่อนที่ต้องการให้แตะเลือก จากนั้นแตะ Send to chat room แล้วแตะ OK เพื่อยืนยันการแชร์ภาพดังกล่าว

Line-forward-pic03

 

เพียงขั้นตอนง่ายๆแค่นี้เราก็ไม่ต้องไปเซฟภาพลงในเครื่องให้ยุ่งยาก เพื่อจะส่งภาพให้อีกคน คราวนี้ไม่ว่าจะแชตอยู่กับใครก็สามารถส่งภาพต่อไปให้เพื่อนคนอื่นๆ ดูได้ทั้งแบบ 1 ต่อ 1 หรือ ให้ดูทั้งกลุ่มเลยก็ได้

 

[คลิปวิดีโอ] ถ่าย+ตัดต่อ+แชร์ ด้วย iMovie แอพฟรีสำหรับ iDevice 2013

Wassuppp! เรียกได้ว่าคุ้มจริงๆ สำหรับ iDevice 2013 ทั้ง iPhone 5s, iPad Air และ iPad mini with retina display ที่สามารถดาวน์โหลดแอพตระกูล iWork และ iLife ได้ฟรีทั้งหมด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ iMovie ทำให้ตอนนี้เรามีผู้ช่วยตัดต่อและแชร์วิดีโอได้อย่างมืออาชีพ ถ่ายเอง  ตัดต่อเอง แชร์เอง และดูเองได้ง่ายๆ ไม่ต้องง้อคอมพิวเตอร์อีกต่อไป

 

คลิปวิดีโอนี้เราจะเริ่มตั้งแต่ถ่ายวิดีโอ + ตัดต่อ + แชร์ขึ้น youtube  โดยจะเลือกสร้างเป็น Movie (iMovie มีให้เลือก 2 โหมดคือ Movie ธีมสร้างหนัง และ trailer ธีมสร้างหนังตัวอย่าง) ซึ่งทีเด็ดอยู่ที่ขั้นตอนการตัดต่อ ตั้งแต่เลือกธีม, เพิ่มวิดีโอ, เพิ่มข้อความ, เพิ่มเอฟเฟ็คต์, แบ่งวิดีโอ, เร่ง-ลดความเร็ว, ตั้งค่า fade in-out เป็นต้น

 

 

ทำ MV เองง่ายๆ ด้วย iMovie

 
ใครที่เล่น iPhone 5s, iPad Air, iPad mini With Retina หรือ Mac ก็คงทราบกันดีว่าเมื่อ Apple เปิดตัว iOS 7 และ OSX Mavericks ก็มีของแถมให้เราเล่นกันฟรีๆ นั่นก็คือ iMovie ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นสุดคลาสสิคที่เอาไว้ทำมิวสิควีดีโอ หรือทำหนัง ก่อนหน้านี้ iMovie มีราคาแพงมากๆ แต่ไม่รู้ว่า Apple เกิดใจดีอะไรปล่อยมาให้โหลดฟรีสำหรับผู้ที่ซื้อ iPhone 5s และ iPad รุ่นใหม่ ซะงั้น แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ของได้มาฟรีก็ต้องลองเล่นกันหน่อย
 

iMovie-2.0-for-iOS-app-icon-small

 

วันนี้จะมาลองทำ MV หรือมิวสิควีดีโอสั้นๆให้ดูกันเผื่อใครสนใจอยากจะทำ ก่อนอื่นต้องโหลด iMovie จาก App store กันก่อน ซึ่งมีให้ดาว์นโหลดกันทั้งในไอโฟน ไอแพด หรือ แมค ซึ่งอันนี้ดาว์นโหลดมาจากไอแพด    Download iMovie

หลังจากดาว์นโหลดเสร็จ ก็เริ่มกันได้เลย

 

 

เปิดมาจะเจอหน้าแรก ถ้าใครเคยสร้างโปรเจคอะไรไว้จะขึ้นหน้าที่มีโปรเจคของเราที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ ให้เราแตะไปที่มุมบนขวาสุดที่เป็นเครื่องหมายบวก เพื่อเป็นการสร้างโปรเจคใหม่

iMovie01 12.59.46 PM

 

 

ะขึ้นหัวข้อ New Project ให้เราเลือกระหว่าง Movie  กับ Trailer  Movie  โดยหากเลือกโหมด Movie จะใช้ในกรณีที่เราใส่วีดีโอ ใส่เพลงหรือใส่รูป และเพิ่มลูกเล่นเอฟเฟกต์ต่างๆ ได้ ส่วน Trailer จะเป็นการสร้างมิวสิควีดีโอเหมือนกันแต่จะมีเทมเพลตให้ใส่ประกอบภาพไปด้วย อันนี้เราทำแค่ MV เราเลือก Movie

iMovie02

 

 

เมื่อแตะไปที่ Movie แล้ว จะเจอหน้า New Movie ให้เราแตะ Creat Movie

iMovie03

 

 

แตะที่ Tab to insert media ในกรณีที่เราเตรียมวีดีโอหรือรูปภาพไว้แล้ว (แต่ถ้าจะถ่ายวีดีโอสดๆทางนี้เลย ให้เราแตะไปที่ Tab to record video) แต่กรณีนี้เราเตรียมวีดีโอไว้แล้ว

iMovie4

 

 

ทีนี้จะมีแถบด้านล่างให้เลือกว่าจะใส่ Video Photos หรือ Audio อันนี้ต้องเลือก Video ก่อนค่ะ ซึ่งเราไม่ต้องเสียเวลาไปดึงวีดีโอจาก Camera Roll เลย เพราะเจ้า iMovie จัดมาให้เราแล้วค่ะ ไม่ว่าเราจะเก็บวีดีโอที่ไหนก็จะขึ้นที่ไฟล์วีดีโอของ iMovie โดยอัตโนมัติเลย ทีนี้แตะเลือกวิดีโอที่เราจะใช้ตามในลิสต์ที่มีค่ะ เสร็จแล้วจะมีลูกศรชี้ลง ซึ่งเป็นตัว import วีดีโอของเราออกมา ให้แตะที่ลูกศร

iMovie05

 

 

ทีนี้เราจะเห็นว่าวีดีโอของเราลงมาอยู่ในไทม์ไลน์แล้ว  หลังจากนั้นแตะไปที่มุมขวาบนสุดที่เป็นรูปฟิล์มกับตัวโน้ต ปุ่มนี้หมายถึงการแอดตัวมีเดียเข้าไป

iMovie06

 

 

ในที่นี้เราเลือก Audio เพื่อเพิ่มเพลงประกอบ

iMovie07

 

 

ก็จะขึ้นหมวดหมู่ของเพลงที่เราเก็บไว้ใน iTunes ก็แล้วแต่เราจะเลือกว่าเพลงที่เราจะใช้อยู่หมวดหมู่ไหน พอแตะเลือกหมวดหมู่แล้ว ก็จะขึ้นรายชื่อเพลงที่เราเก็บไว้ ในนี้เราขอเลือกเพลงที่ทำเองกับมือชื่อเพลง On the road

iMovie08

พอแตะชื่อเพลงก็จะขึ้นลูกศรชี้ลงเหมือนตอนแอดรูป แตะที่ลูกศรเพื่อเป็นการ import เพลงลงไป

 

 

ทีนี้ก็คือเสร็จละ เราสามารถเช็คความเรียบร้อยจากไทม์ไลน์ที่เห็นโดยกดปุ่ม Play  แต่ถ้ายังไม่ดีต้องการย้อนกลับไปทำใหม่หรือแก้ไข เราจะเห็นลูกศรชี้ลง นั่นคือปุ่ม Undo

iMovie09

 

 

หากต้องการดูผลงานที่ได้ตัดต่อไว้ ให้แตะเครื่องหมาย < ทางซ้ายมือนั่นคือการกลับไปดูไฟล์ MV ที่เราสร้างไว้ซึ่งมันจะออโต้เซฟหรือบันทึกให้อัตโนมัติ

iMovie10

 

 

ถ้าเราอยากที่จะเซฟลงไว้ที่อื่นหรือแชร์ไปเฟซบุ๊ค ยูทูป หรือเก็บลงในไอแพดหรือไอโฟนของเรา ให้เรากดปุ่มแชร์ที่เป็นกรอบสีแดงวงไว้ในภาพ เลือกแชร์ตามต้องการ

iMovie11

 

 

เสร็จแล้ว ทีนี้มาดูผลงาน MV ที่ทำไว้ดีกว่า

[youtube link=”http://www.youtube.com/watch?v=08B7wY6tkkw&feature=share&list=UU9fdNKp8sQhWcMue74Sq5Og” width=”590″ height=”315″]

 

 

ปัญหายอดฮิตที่เจอบน iOS7

ios-fix-problem

จากประสบการณ์ที่มีผู้ใช้ไอโฟนหลายคนถามมา ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดจากฟังก์ชั่นใหม่ๆหลายฟังก์ชั่นของ iOS 7 ที่ทำเอาคนที่เคยใช้ไอโฟนเงิบกันเป็นแถว มาเริ่มจากปัญหาใหญ่สุดเลยดีกว่า

 

1. ปัญหา Activate เครื่องไม่ได้

10 find_activation_lock

ทำไมล่ะ? แต่ก่อนไม่เห็นมีปัญหาเลย ทำไมพอใช้ iOS 7 แล้วเจอแบบนี้ สมมติว่าเราอยากจะล้างเครื่องหรือ restore ไอโฟนของเรา แล้วมาติดตรงว่าเครื่อง Activate  เข้าใช้งานไม่ได้  ต้องบอกก่อนค่ะว่า iOS 7 ได้เพิ่มฟังก์ชั่นนี้เข้ามา คือ Activation Lock เพื่อป้องกันการถูกขโมยลักพาตัวไอโฟนของเราไป ถ้าเค้าไม่รู้รหัสผ่าน iCloud ID หรือ Apple ID ของเจ้าของเครื่อง เค้าจะใช้งานเครื่องไม่ได้ค่ะ ต่อให้ restore แล้ว restore อีก มันก็จะติดด่านตรวจซึ่งก็คือ Activation Lock นี่แหละค่ะ

 

แต่ถ้าบังเอิญเป็นเจ้าของเครื่องเอง แต่ Apple ID ไม่ใช่ของตัวเอง หรือบางคนใช้ Apple ID ของร้านตู้ที่รับลงแอพพลิเคชั่น งานเข้าทันทีค่ะ

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ตั้งแต่นี้ต่อไป เราอยู่ในยุค iOS 7 ที่ไม่สามารถดาว์นเกรดไปเวอร์ชั่นเก่าได้อีกต่อไปแล้ว ทุกคนที่ใช้ไอโฟนต้องมี Apple ID เป็นของตัวเองค่ะ จำเป็นมากๆ

 

แล้วในกรณีที่ลืมรหัสผ่านล่ะ? อันนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ตรงหน้า Activate เครื่องจะมีลิงค์ Forgot Apple ID or Password ?ให้เรากดเข้าไปรีเซตรหัสผ่านใหม่ได้ค่ะ

2014-01-16_17-39-03

แล้วถ้าเราจะขายไอโฟนให้คนอื่น เราจะจัดการยังไงกับเจ้า Activation Lock ไม่ยาก แต่ย้ำ! ว่าเราต้องไม่ลืม Apple ID และรหัสผ่านของเราที่ใช้งานอยู่

ซึ่งก่อนจะขายเครื่อง เราจะต้องลบแอคเคาท์ของตัวเองออกไปก่อน โดยไปที่ Settings > iCloud  แล้วแตะ Delete Account

2014-01-16_17-49-05

 

เครื่องจะถามว่า  Keep on My iPhone หรือ Delete from My iPhone กรณีขายเครื่องกด Delete from my iPhone เพื่อลบข้อมูลทั้งหมดออกจากตัวเครื่องด้วย

2014-01-16_19-44-07

 

หลังจากนั้นจะมีข้อความเด้งให้เราใส่รหัสผ่าน  Apple ID แล้วแตะปุ่ม Turn Off เพื่อปิด Find my iPhone ก่อนจะลบ

2014-01-16_19-39-01

แล้วเครื่องก็จะลบ Apple ID อันนี้ไป เอาไปขายต่อได้เลย เพราะ Activation Lock จะไม่ทำงานถ้าในตัวเครื่องไม่มี Apple ID อยู่

 

2. ปัญหา restore  เครื่องไม่ได้

จะ restore เครื่องซะหน่อยก็ถูกสั่งให้ปิด Find my iPhone ก่อน

Screen Shot 2557-01-16 at 1.34.42 PM

 

จริงๆ  iOS 7 ไม่ได้เรื่องมากแบบไร้เหตุผลนะคะะ แต่เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ถ้ามีคนหยิบไอโฟนเราไปแล้วเค้าจะปิด Find my iPhone ไม่ให้เราตามเครื่องเจอ หรือจะล้างเครื่องหรือ restore เครื่องใหม่เอาไปใช้เอง เค้าจะติดขั้นตอนนี้ค่ะ คือก่อนจะ restore  เครื่องได้ต้องปิด Find my iPhone ซึ่งก่อนจะปิดต้องใส่รหัสผ่าน ของ Apple ID หรือ iCloud ID ของเรานี่แหละค่ะ (จริงๆ  Apple ID กับ iCloud ID อาจเป็นคนละอันแล้วตามที่เราสมัครไว้)  และก็เหมือนกับกรณีของ Activation Lock ถ้าเครื่องเป็นของเรา เราต้องมี Apple ID ของเราเองค่ะ

 

วิธีปิด Find my iPhone เข้าไปที่ Settings > iCloud > Find my iPhone จากที่เห็นคือยังเป็น ON อยู่ สีเขียวๆ ให้แตะเพื่อจะปิด

2014-01-16_18-02-42

 

จากนั้นจะมีข้อความเด้งให้กรอกรหัสผ่านแล้วแตะปุ่ม Turn Off

2014-01-16_19-39-01

 

3. ปัญหา Application บางตัวเด้ง

อันนี้สาเหตุมาจากแอพบางตัวยังไม่รองรับ iOS 7 ค่ะ คงต้องรอนักพัฒนาแก้ไขกันไป ซึ่ง Apple  ได้ประกาศกับนักพัฒนาแล้วว่าภายในมีนาคมปีนี้ แอพพลิเคชั่นทุกตัวที่สร้างออกมาต้องรองรับ iOS 7 ได้ ก็รอไปก่อนอีกสองเดือนค่ะ

 

4. ปัญหาเสียบสายชาร์จ iPhone 5s แล้วไฟไม่เข้า

Lightning-to-usb-cable-shop

ถ้าไฟไม่เข้าแปลว่าสายปลอมค่ะ ทางแก้ ให้ซื้อสายชาร์จของแท้ดีกว่าค่ะ หรือไม่ก็สายที่ได้รับการ Certificate จาก Apple ว่าผ่านมาตรฐาน

 

5. ปัญหา Application บางตัวไม่ Auto Update

ใน iOS 7 ได้เพิ่มฟังก์ชั่น Auto Update ให้กับ Application โดยที่เราไม่ต้องคอยไล่กด Update ทีละตัวเหมือนเมื่อก่อน มาดูวิธีตั้งค่ากันก่อน

เข้าไปที่  Settings > iTunes & App Store แล้วเลื่อนลงมาตรงส่วนของ AUTOMATIC DOWNLOADS จากนั้นให้แตะ Updates ให้เป็น ON

2014-01-16_19-04-53

แต่ปัญหามันมีอยู่ว่าแอพพลิเคชั่นบางตัวไม่ Auto Update ทั้งๆ ที่เราก็ตั้งค่าแล้ว สาเหตุมาจาก แอพพลิเคชั่นเหล่านั้นใช้ Apple ID ในการดาว์นโหลดคนละ ID กับ Apple ID ที่เราใส่ไว้ในเครื่อง วิธีแก้คือลบแอพพลิเคชั่นเหล่านั้นออก แล้วโหลดใหม่ด้วย Apple ID ที่อยู่ในตัวเครื่อง ทีนี้ก็ Auto Update ได้ปกติแล้ว

 

6. ปัญหาของ iPhone 4 ที่ใช้ iOS 7  แล้วเครื่องช้า

ทาง Apple ได้รู้ปัญหานี้ของผู้ใช้ iPhone 4 จึงปล่อยเฟิร์มแวร์เวอร์ชั่น iOS 7.0.3 มาให้อัพเดท เพื่อแก้ปัญหาเครื่องช้าด้วยการปิดโหมด Reduce Motion โดยเข้าไปตั้งค่าตามนี้

Settings > General > Accessibility > Reduce Motion ตั้งเป็น OFF

2014-01-16_19-12-12

2014-01-16_19-33-01

 

ใครพบปัญหาเหล่านี้หรือมีเพิ่มเติมจากนี้ ก็คอมเมนท์กันเข้ามาได้ค่ะ เดี๋ยวเราจัดให้

 

ถ่ายวิดีโอให้ดูดี ไม่ต้องมีเทคนิค แค่จับพลิกๆ ให้ถูกแนว

Wassuppp++ กลายเป็นความเคยชินไปสะแล้ว เวลาหยิบ Smartphone ขึ้นมาถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอ เรามักจะถ่ายแนวตั้งให้เห็นเต็มตัว ถ่ายรูปคู่แค่เธอกับฉัน หรือแม้แต่ใช้กล้องหน้าถ่ายรูปตัวเอง ส่วนแนวนอนต้องเจอวิวสวยๆ เห็นบรรยากาศรอบๆ หรือเพื่อนมากันเยอะถึงจะพลิกเครื่องสักครั้ง ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไรแล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล แต่พอเป็นวิดีโอเท่านั้นแหล่ะ! มุมมองที่เราเห็นตอนถ่ายกับตอนที่โพสต์ขึ้น youtube, facebook, instagram หรือเปิดดูบนทีวี มันเปลี่ยนไป วิดีโอแนวตั้งกลายเป็นแนวนอนอัตโนมัติ มีแถบสีดำออกมาด้านข้าง งานเข้าโดนเพื่อนคอมเมนต์เละ ถ่ายอะไรมาเวียนหัว ดูไม่รู้เรื่อง ฯลฯ จะแก้ยังไงในเมื่อต้นฉบับถ่ายมาเห็นแค่นี้

 

1-16-2014 1-50-59 PM
ตัวอย่างคลิปต้นฉบับบนมือถือ โอปโอปปากัมนัมสไตล์

 

 

1-16-2014 1-50-599 PM
ตัวอย่างหลังอัพวิดีโอขึ้น youtube, facebook … คลิปจะดูเล็กลงทันตาเห็น

 

คงต้องเริ่มเปลี่ยนวิธีการถือเครื่องกันตั้งแต่วันนี้แล้วค่ะ พลิกวางแนวนอนถ่ายวิดีโอเพื่อความสบายใจ ไม่เป็นภาระแอพ Rotate ในวันหน้า.. แต่ถ้าใครติดถ่ายแนวตั้งจริงๆ เรามีแอพสำหรับ iOS ช่วยให้ถ่ายออกมาเป็นแนวนอนตลอดๆ สนใจคลิกที่นี่

 

Samsung-Galaxy-S-II-android-smartphone-video-recording
พลิกเครื่องให้อยู่ในแนวนอนสักนิด ก่อนเริ่มถ่ายวิดีโอ

 

บางคนคิดต่าง..อยากพลิกจากแนวนอนมาเป็นแนวตั้งก็มี อาจเพราะถ่ายแนวนอนแต่ถือเอียงบ้าง กลับหัวบ้าง เวลาดูบนมือถือต้องเอียงคอตาม! ถ้ากำลังมองหาแอพ Video Rotate เรามีมาฝากค่ะ (ต้องจ่ายบ้างไรบ้าง หรือรอตอนแจกฟรี ติดตามได้ที่เพจ oopsmobile)

Android 

iOS