[Tips] ดึงรูปจาก Instagram มาเป็น Wallpaper ใน iPhone

วันนี้มีแอพพลิเคชั่นมาแนะนำ ชื่อว่า WallGram สำหรับใครที่ชอบรูปใน Instagram ของคนที่เรา Follow แล้วอยากได้รูปนั้นมาเก็บไว้ หรือจะเอามาทำเป็น Wallpaper บนไอโฟนของเรา มาดูวิธีง่ายๆกันเลยค่ะ ก่อนอื่น โหลด WallGram ที่ App Store ก่อน ราคาแค่ $0.99 เอง

mzl.ggsyucbr.175x175-75

 
 
เปิดแอพขึ้นมาเลย แล้วเลือกรูปที่เราชอบ หลังจากเลือกได้แล้ว ให้กดเครื่องหมายบวก

wallgram

 
 
หลังจากนั้นตัวแอพพลิเคชั่นก็จะทำการโหลดรูป เสร็จแล้วปิดแอพพลิเคชั่น แล้วไปที่ Settings>Wallpapers&Brightness

wallgram2

 
 
เลือก Choose a New Wallpaper

wallgram3

 
 
เลือกไปที่ Camera Roll

wallgram4

 
 
จะเห็นว่ารูปถูกเซฟลง Camera Roll แล้ว ดึงรูปขึ้นมาเลย

จะเห็นว่ารูปจะเบลอๆ เพราะว่าถูก Zoom in แตะไปที่ Perspective Zoom เลือกเป็น OFF

แล้วใช้ 2 นิ้วแตะที่ภาพเพื่อจะบีบภาพเข้ามาหรือกางออกให้ได้ตามขนาดที่เราต้องการ

wallgram5

 
 
เมื่อซูมได้ตามขนาดที่ต้องการแล้วให้ แตะปุ่ม Set

wallgram6

 
 
หลังจากนั้นจะมีให้เรา Set 3 แบบ Set Lock Screen คือ ให้ Wallpaper นั้นอยู่เฉพาะหน้า Lock Screen ,Set Home Screen คือ ให้ Wallpaper อยู่เฉพาะหน้า Home Screen,Set Both คือ ให้ Wallpaper  อยู่ทั้งหน้า Lock Screen และ หน้า Home Screen  เลย ก็เลือกตามแต่เราชอบเลยค่ะ

wallgram7

 
 
เสร็จเรียบร้อย

wallgram8

 

ใครชอบก็โหลดมาลองเล่นกันได้เลย

วิธีซิงค์ไฟล์ .ipa บน iTunes สำหรับเครื่องเจลเบรค

Wassuppp! แอพที่ดาวน์โหลดจาก App Store ถ้าเคยแบ็คอัพไว้ใน iTunes (Transfer Purchase) ไฟล์จะถูกเก็บไว้ในเครื่องคอมและมีนามสกุลไฟล์ .ipa ดังรูป (หรือจะคลิกขวาบนไอคอนแอพใน iTunes เลือก Show in Windows Explorer ก็ได้) ซึ่งมีประโยชน์เวลา iPhone มีปัญหาแล้วข้อมูลหาย จะสามารถรีแบ็คอัพกลับมาได้ครบทุกแอพอีกครั้ง

 

Windows 7

IMG_0644
จะพบไฟล์แอพ .ipa ที่แบ็คอัพไว้ในโฟลเดอร์ Mobile Applications

 

Windows XP

IMG_0646
จะพบไฟล์แอพ .ipa ที่แบ็คอัพไว้อยู่ในโฟลเดอร์ Mobile Applications เช่นเดียวกัน

 

ประเด็นจึงอยู่ตรงนี้ว่า ถ้ามีเหตุการณ์ต้องรีแบ็คอัพขึ้นมาจริงๆ คงต้องรอกันนาน! ยิ่งแอพเยอะ รูปเยอะ เพลงเยอะ..ก็ยิ่งนาน!! เนื่องจาก iTunes แบ็คอัพรวมไว้เป็นก้อนเดียว เลือกไม่ได้ว่าจะเอาแค่เพลงไหน หรือแอพอะไร บางคนเลยยอมดาวน์โหลดจาก App Store หรือเลือกซิงค์บน iTune ใหม่อีกรอบ เลือกเฉพาะแอพที่จำเป็นก่อนเท่านั้น วันนี้จึงเป็นความโชคดีของเครื่องเจลที่มีทวีค AppSync for iOS 7.0+ ช่วยให้เลือกซิงค์ไฟล์แอพ .ipa ที่แบ็คอัพไว้และไฟล์ .ipa ที่ดาวน์โหลดจากเว็บนอกเข้า iPhone ได้ทั้งคู่ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบโหลดจากทวีค AppCake และ vShare บนมือถือ โดยสามารถหาไฟล์ .ipa ได้จากเว็บไซต์ iphonecake หรือ pandaapp แล้วนำมาซิงค์บน iTunes หรือ iTools ตามความสะดวกค่ะ Credit: Darkside iPhone&iPad by Provision

 

iphonecake_1
แอพในเว็บ iphonecake จะเลือกโหลดได้หลายลิงค์ แนะนำเป็น sendspace.com

 

iphonecake_4
ถ้าเข้าไปเจอปุ่ม Download แบบนี้ให้รีบปิด แล้วเข้ามาใหม่อีกรอบค่ะ

 

iphonecake_5
ต้องยืนยันรหัสแบบนี้ก่อน (แต่ถ้าโหลดในแอพ AppCake ไม่ต้องเสียเวลาเพ่งแบบนี้นะ!)

 

iphonecake_6
คลิกปุ่มนี้เพื่อดาวน์โหลดไฟล์ .ipa เข้าคอม

 

เพิ่มไฟล์ .ipa ในไลบรารี iTunes

หลายคนใช้ iTunes มานานยังแอบงงว่า Library อยู่ตรงไหน! ตั้งแต่ iTunes เปลี่ยนดีไซน์ก็มีปุ่มเต็มไปหมด ให้จำแค่่ว่าถ้าเห็นปุ่ม iPhone เมื่อไหร่แสดงว่าคุณอยู่ในหน้าไลบรารีเรียบร้อยแล้ว..โอเคนะ! จากนั้นก็ลากไฟล์ .ipa มาวางได้เลย

 

iphonecake_3
เห็นปุ่ม iPhone แปลว่าอยู่ในไลบรารี ทางซ้ายมือจะเห็นปุ่ม Apps หมายถึงเราเลือกเข้ามาในไลบรารี Apps เรียบร้อย (ถ้าใครหาปุ่ม Apps ไม่เจอ ให้เข้าไปที่ Edit>Preferences ติ๊กเลือก Apps ก่อนค่ะ) แล้วลากไฟล์ .ipa เข้ามาเลย

 

iphonecake_7
ไฟล์ถูกเก็บเข้าไลบรารีเรียบร้อย ดังนั้นห้ามทำไฟล์ .ipa หาย!! เพราะ iTunes จำลิงค์โฟลเดอร์ที่ลากเข้ามาเรียบร้อย (ควรเก็บไฟล์ .ipa ไว้ในที่ปลอดภัยก่อนจะลากเข้ามา หรือจะลบไอคอนแล้วลากมาวางใหม่ก็ได้ค่ะ)

 

ซิงค์ไฟล์ .ipa เข้า iPhone

เครื่องเจลที่ติดตั้งทวีค Appsync จะสามารถซิงค์ไฟล์ .ipa ที่โหลดมาจาก iTunes Store หรือเว็บนอก (แอพแคร็ก!) ได้ทั้งคู่ ให้คลิกที่ปุ่ม iPhone ในหน้าไลบรารี คลิกแท็บ Summary คลิก Back Up Now แบ็คอัพข้อมูลอื่นๆไว้ด้วยเพื่อความปลอดภัย แล้วทำตามรูป

 

iphonecake_8
คลิกแท็บ Apps จะพบแอพทั้งหมดในไลบรารี ให้คลิก Install ติดตั้งแอพ จากนั้นคลิก Apply รอแบ็คอัพและ Sync ให้อัตโนมัติอีกครั้ง เป็นอันเสร็จสมบูรณ์

 

กรณีใช้งานบน iTunes จะเหมาะกับคนที่แบ็คอัพบ่อยๆ ไม่ได้เปลี่ยนคอมบ่อย หรือถ้ามีคอมหลายเครื่องเวลาก็อปปี้ไฟล์ .ipa ไปซิงค์เครื่องอื่นก็ต้องแบ็คอัพข้อมูลบนเครื่องนั้น และยืนยันแอคเคาท์ (Authorize) Apple ID ด้วยเช่นกัน ซึ่งต่างจากโปรแกรม iTools ที่ค่อนข้างทำได้อย่างอิสระ ลากไฟล์ .ipa เข้าไปวางในโปรแกรมติดตั้งใช้งานได้ทันที เหมาะสำหรับคนที่ไม่ยึดติดการแบ็คอัพ หายก็ได้ไม่หายก็ดี! รอติดตามกันได้เร็วๆนี้ค่ะ คำเตือนทิ้งท้าย..ถ้ารีสโตร์ใหม่แล้วเวอร์ชั่นนั้นยังเจลเบรคไม่ได้ระวังจะนึกถึงไฟล์แบ็คอัพนะ..อุ๊ปส์!!!

 

[Update] วิธีดาวน์โหลดคลิปวิดีโอจาก Facebook A look back เก็บไว้บนคอมฯ

 

ใครที่ได้ชมคลิปวิดีโอย้อนความทรงจำของตนเองจาก Facebook A look back ไปแล้วคงรู้สึกเหมือนผมแน่นอนว่า อยากแชร์และอยากเซฟคลิปวิดีโอดังกล่าวเอาไว้ แต่ทำไม Facebook ถึงใจร้าย ไม่ยอมแม้กระทั้งให้เราแชร์คลิปดังกล่าว แต่พูดเลยว่าเราจะไม่ง้อ เพราะผมมีวิธีดูดคลิปวิดีโอดังกล่าวมาเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ของเราเลยละครับ

 

นั่นคือการติดตั้งปลั๊กอิน บนเบราเซอร์ ซึ่งจะต้องเป็นเบราเซอร์ FireFox เท่าั้นั้นนะครับ โดยเริ่มแรกจะต้องติดตั้งปลั๊กอินที่ชื่อว่า Video DownloadHelper 4.9.21 (คลิกเพื่อดาวน์โหลดได้เลย) จากนั้นก็ติดตั้งตามขั้นตอน

 

เปิดเบราเซอร์ FireFox บนคอมพิวเตอร์ แล้วคลิก Add to Firefox

video-dl-01

 

คลิกติดตั้งเดี๋ยวนี้

video-dl-02

 

 

คลิก เริ่มใหม่ทันที แล้วรอรีบูตเบราเซอร์สักครู่

video-dl-03

 

 

เท่านี้ก็ติดตั้งเรียบร้อยแล้วล่ะครับ ทีนี้ก็เข้าสู่ Facebook Lookback จากนั้นให้คลิกเปลี่ยนวิดีโอเป็นโหมด HD เพื่อจะได้ดาวน์โหลดไฟล์ในระดับ HD เสร็จแล้วให้คลิกบนปุ่มลูกศรชี้ลง มุมขวาสุดของ Tool bar บน FireFox แล้วคลิกบนชื่อไฟล์ยาวๆ ที่มีนามสกุลเป็น .mp4 แล้วรอดาวน์โหลดไฟล์สักครู่

video-dl-04

 

 

เมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้วให้คลิกเปิดดูไฟล์คลิปวิดีโอของเราได้เลย

video-dl-05

 

 

และแล้วเราก็ได้ไฟล์มาเก็บไว้ดููบนคอมพิวเตอร์แล้วล่ะครับ หรือจะแชร์ไปบน Facebook ให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน

video-dl-06

 

 

นอกจากนั้นยังใช้วิธีนี้ในการดาวน์โหลดคลิปต่างๆ จาก Youtube หรือเว็บที่มีคลิปอื่นๆ ได้อีกด้วย
[New] วิธีโหลดคลิป Look back ใช้ได้กับ Chrome Browser

อีกวิธีหนึ่งที่ผมเจอมา สำหรับการดาวน์โหลดคลิป Facebook A look back เก็บไว้ โดยที่ไม่ต้องติดตั้งปลั๊กอินอะไรให้ยุ่งยาก และใช้ได้กับเบราเซอร์ Google Chrome (แก้ไขจากก่อนหน้านี้บอกว่าได้กับทุกเบราเซอร์) ดูวิธีการได้เลยครับ

 

1. copy โค้ดจากลิงค์นี้ https://gist.github.com/xadhix/8802624#file-facebook-lookback-downloader เก็บไว้ก่อน

2. เข้าไปยังลิงค์ Facebook Lookback : https://www.facebook.com/lookback

3. กดปุ่ม Ctrl+Shift+J เพื่อเปิดช่องสำหรับใส่โค้ด

4. คลิกที่แท็บ Console

5. กด Ctrl+V เพื่อวางโค้ดในช่องดังกล่าว แล้วกด Enter

video-dl-08

6. จากนั้นจะมีป๊อปอัพ Click here to download your lookBack video. คลิกที่คำว่า here เพื่อดาวน์โหลด

video-dl-07

7. จากนั้นคลิกขวาบนคลิป แล้วเลือก บันทึกวิดีโอเป็น (Save as)

 

วิธีนี้สามารถทำได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นนะครับ (ต่อคอม 1 เครื่อง) เพราะฉะนั้นเก็บไฟล์ไว้ให้ดีล่ะครับ

 

 
Facebook เปิดให้แก้ไขภาพบนคลิปวิดีโอ A Look back ได้แล้ว

[Tips] Dr.Fone สุดยอดโปรแกรมกู้ไฟล์บน iPhone ย้อนหลังได้เป็นชาติ

 

อยู่ดีๆก็ไปเจอโปรแกรมตัวนึงบอกได้เลย เจ๋งโพดๆ เคยมั้ยที่เราเคยทำข้อมูลไม่ว่าจะใน iPhone หรือ iPad หายไป แล้ว iTunes ก็ช่วยอะไรไม่ได้ วันนี้เลยมาแนะนำโปรแกรมตัวนึงชื่อ Dr.Fone พอลองใช้ดูแล้วมันแทบจะบันทึกประวัติศาสตร์การใช้งาน iDevice ของเราเลย โดยเจ้า Dr.Fone จะสแกนผ่านไอโฟนเครื่องปัจจุบันของเรา โดยใช้ Apple iD เป็นตัวสแกน สุดท้ายก็จะเจอข้อมูลเก่าๆตั้งแต่สมัย iPhone 3G ยังเจอเลย (ถ้าเราใช้ Apple ID ตัวเดิมมาตลอด) มาดูวิธีใช้งานกันเลยดีกว่า

0023216d_medium

ก่อนอื่น Download Dr.Fone ก่อน

Download For Mac      Download For Windows

 

 

เสร็จแล้วเปิดดปรแกรมขึ้นมาเลย จะเห็นว่าโปรแกรมสั่งให้เราต่อสาย iPhone กับคอมพิวเตอร์ เพื่อเชื่อมต่อกับ Dr.Fone

dr.fone1

 

 
รอให้เครื่องสแกน ID แป๊บนึง

หลังจากนั้นเครื่องจะเริ่มสแกนข้อมูลทั้งหมดที่หายไป

 dr.fone2

 

 
พอสแกนเสร็จแล้ว ก็จะขึ้นข้อความว่า Dr.Fone ได้ทำการสแกนข้อมูลทั้งหมดมาได้แล้วทั้งใน iDevice, iTunes และ iCloud (เก็บมาหมดเลยจ้า) กด OK 

dr.fone3

 

 

หลังจากนั้นเราจะเจอแถบข้อมูลด้านซ้ายไม่ว่าจะเป็นรูป,contacts,Line,Whatsapp,SMS และอื่นๆอีกเพียบ Dr.Fone จะเอาคืนมาให้หมดที่เราคุย แชทอะไรกับใครไว้มาหมด ถึงจะลบไปแล้วก็มา สังเกตจะมีรูปถังขยะขึ้นแปลว่าเราอาจลบไปแล้ว หรือข้อมูลหายเองให้เราเลือกข้อมูลที่เราจะกู้กลับมา ในรูปเลือก contacts เสร็จแล้วกด Recover

dr.fone4

 

 
ให้ไล่เลือกข้อมูลทีละอันแล้วกด Recover  เพื่อนำข้อมูลกลับมาใส่ในไอโฟนหรือไอแพดปัจจุบันที่เราใช้อยู่ ทีนี้ถ้าเราอยากได้ข้อมูลที่หายไปจาก iTunes (ในกรณีที่เราอาจลบ iTunes ทิ้งไปจากคอมพิวเตอร์แล้วลง iTunes ใหม่แล้วข้อมูลหายไป) หรือ iCloud (ในกรณีที่เราเคยมี iCloud อันเก่าที่เคย Back up ข้อมูลไว้) ให้เรากดที่ Home

dr.fone5

 

 

จะเห็นแถบด้านบนให้เลือกว่าเราจะเอาข้อมูลจากไหนคืน อันแรกเรากู้กลับมาแล้ว เหลือ iTunes กับ iCloud ในนี้เลือก iTunes ก่อน

ขึ้นมาพรึ๊บเลย ทีนี้ก็เลือกกันเอาเองเลยว่าจะเอาข้อมูลจาก iDevice  เครื่องไหนคืน เลือกแล้วกด Start Scan ข้อมูลก็จะขึ้นมาเหมือนเดิมเป๊ะ ก็ทำเหมือนขั้นตอนก่อนหน้านี้ที่ได้อธิบายไว้

 dr.fone6

 

 
ทีนี้มาเลือกที่แถบ iCloud ดูบ้าง ก็จะเห็นช่องให้เราใส่ iCloud ID และ Password หลังจากนั้น Dr.Fone  ก็จะกู้ข้อมูลกลับมาให้ ก็เลือกข้อมูลที่ต้องการทำตาม Step เดิมเลย พอเลือกได้กด Recover เพื่อนำข้อมูลใส่ iDevice ของเรา เป็นอันเสร็จ

dr.fone7

 

 

ลืมบอกโปรแกรมนี้ไม่ฟรี นี่แหละคือข้อเสียของมัน ราคาจิ๊บๆมากอยู่ที่ $99 หรือ 3,400 บาทเอ๊ง (น้ำตาจะไหล)

[Jailbreak] ทวีค AppCake และ vShare โหลดแอพเสียตังค์ได้ฟรีบน iOS 7

Wassuppp! เมื่อ 2 ปีที่แล้วเครื่องเจลเบรคส่วนใหญ่คงมีอาการลงแดงกับการจากไปของแอพ Installous แหล่งรวมแอพฟรีบน App Store (ที่แอปเปิลไม่อยากให้ฟรีเท่าไหร่) เลยต้องใช้วิธีซิงค์ไฟล์ .ipa ผ่าน iTunes บ้าง (ใครอยากรู้คลิกที่นี่) หรือหาทวีคตัวอื่นๆมาแทนบ้าง แต่ก็ยังไม่สปอร์ต ใจดี เท่า installous หลังจากนั้นเริ่มมีคนแนะนำ AppCake และ vShare พอได้ลองใช้แล้วก็ไม่เลวเลยค่ะ ติดตั้งเสร็จเราจะได้ทวีคตัวสำคัญตัวนึงชื่อว่า “Appsync” อัตโนมัติ เป็นตัวซิงค์แอพเข้าอุปกรณ์ให้นั่นเอง (ถ้าไม่มีก็เล่นแอพไม่ได้..จบนะ!) แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นหลังเจลเบรค iOS 7 ปรากฎว่า Appsync ยังไม่รองรับเนื่องจาก AppCake ให้ตัวเก่ามาเหมือนเดิม รอๆๆๆๆยาวไป วันนี้เค้ากลับมาอีกครั้ง AppSync for iOS 7.0+ ถ้าพร้อมแล้วเครื่องเจลไปติดตั้งกันเลย ส่วนเครื่องที่ยังไม่ได้เจลต้อง คลิกที่นี่ เพื่อเจลเบรคก่อนนะจ๊ะ

 

ติดตั้ง Appcake และ Vshare

1. เปิดแอพ Cydia ขึ้นมา

2. แตะแท็บ Manage > Sources

IMG_0438

 

3. แตะ Edit > Add

4. พิมพ์ http://cydia.xsellize.com/ ลงไปแล้วแตะ Add Source จากนั้นแตะ Add Anyway อีกครั้ง รอติดตั้งจนเสร็จ

IMG_0439

 

5. เปิดแอพ Cydia ขึ้นมาอีกครั้ง

6. แตะแท็บ Search

7. พิมพ์ค้นหา Appcake แล้วแตะ Install ติดตั้งให้เรียบร้อย ส่วน Vshare ให้ค้นหาและติดตั้งเช่นเดียวกัน

IMG_0436

 

 

ติดตั้ง AppSync

8. พิมพ์ค้นหา Appsync for iOS 7.0+ แตะ Install ติดตั้งให้เรียบร้อย เครื่องจะรีบู๊ตอัตโนมัติเป็นอันเสร็จสมบูรณ์

IMG_0427

 

โหลดแอพ+ซิงค์ด้วย AppCake

หลังจากติดตั้งจะพบไอคอน AppCake และ vShare ที่หน้า Home Screen สามารถเปิดขึ้นมาค้นหาแอพและติดตั้งได้เหมือนกับ App Store (มีแอพเหมือนกันด้วยสินะ..อุ๊ปส์!!)

IMG_0420

 

1. เปิดแอพ AppCake ขึ้นมา แตะ Not Now ยังไม่อัพเดทตอนนี้

2. แตะแท็บ Home แตะไอคอนแว่นขยายมุมขวาบนเพื่อค้นหาแอพ

3. พิมพ์ชื่อแอพที่ต้องการค้นหา (หรือจะดูแอพแนะนำในแท็บ Popular ก็ได้) ในที่นี้พิมพ์ Puffin แอพบราวเซอร์สำหรับเปิดเว็บแฟลชนั่นเอง (Safari ไม่รองรับเว็บแฟลช และคลิปไฟล์แฟลช) จากนั้นแตะปุ่ม Search

4. แตะเลือกแอพที่ต้องการ (ชื่อแอพอาจเหมือนกันดูไอคอนให้ดี) แล้วแตะปุ่ม Download

IMG_0421

 

5. แตะเลือกเว็บดาวน์โหลด แนะนำให้เลือก sendspace เพราะไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์ตัวอักษรยืนยันค่ะ (บางแอพไม่มีเว็บ senspace ก็ต้องโหลดจากเว็บอื่นแทน)

6. แตะปุ่ม Click here to start download from sendspace จะมีข้อความสีดำขึ้นมาว่าเริ่มโหลดแล้วให้รอสักครู่

IMG_0423

 

7. แตะแท็บ Download แล้วแตะแท็บ Downloading ดูความคืบหน้า หรือแตะ Downloaded ดูแอพที่ดาวน์โหลดเสร็จแล้ว

8. เมื่อดาวน์โหลดเรียบร้อยแล้วให้แตะแท็บ Downloaded แล้วแตะปุ่ม Install หรือจะตั้งค่าให้ติดตั้งอัตโนมัติก็ได้โดยแตะแท็บ Settings เปิด ON ที่ Install After Download ครั้งต่อไปก็ไม่ต้องแตะปุ่ม Install ให้เสียเวลาแล้วค่ะ

IMG_0425

 

IMG_0428
แอพถูกซิงค์เข้ามาในหน้า Home Screen แล้วจ้า

 

สำหรับแอพ vShare ก็สามารถโหลด+ซิงค์ได้เหมือนกัน มีแคตตาล็อกแนะนำแอพเด็ด แอพฮอต หรือหาตามหมวดต่างๆได้เลย ก็หวังว่าจะได้ใช้แอพดีๆและมีประโยชน์กันคุ้มค่านะคะ แต่ก็ใช่ว่าจะมีให้โหลดทุกแอพเหมือน App Store ยังไงตัวใหม่ๆก็ต้องรอกันนานเหมือนกัน ถ้าใครกลัวว่านักพัฒนาจะหมดกำลังใจ แนะนำให้โหลดชุด iLife, iWorks แค่นี้ก็คุ้มแล้ว เพราะไหนๆก็แจกฟรีเครื่องรุ่นใหม่อยู่แล้วนี่เนอะ..ขนหน้าแข้งลุงคุกไม่ร่วงร๊อก!….แว็บบบ

 

[iPhone] Twitter อัพเดทใหม่ Reply/Mention ด้วยรูปได้แล้ว

S__1048624

 

 

ล่าสุดเลยจาก Twitter for iPhone ออกอัพเดทใหม่เวอร์ชั่น 6.1  อัพเดทคราวนี้ที่เพิ่มมาคือ การเมนชั่นด้วยรูป

twitter8

ในส่วนของการแต่งรูปนอกจากจะ Crop รูปได้ ในเวอร์ชั่นก่อน เวอร์ชั่นนี้สามารถ Rotate รูปได้

twitter01

นอกจากนี้ก็ยังมีโหมด Discover เพิ่มมาโผล่ตรงหน้าไทม์ไลน์ เวลาที่เราดึงหน้าไทม์ไลน์ไปจนสุดจนไม่มีทวีตใหม่ๆมาแล้วจะขึ้น Tab View more Discover  แตะไปดูหน่อย

twitter02

จะขึ้นมาเป็นแบบนี้

twitter03

เราสามารถดูเทรนด์ทวีตได้ ว่าอะไรกำลังเป็นที่พูดถึงอยู่บ้างใน Twitter

 

ประมาณนี้ ลองอัพ ลองเล่นดูกันเนอะ

 

Facebook อัพเดทใหม่เวอร์ชั่น 6.9 สำหรับ iPhone,iPad อยากบล็อคอะไรบล็อคเลย

S__1024066

 

Facebook ปล่อยอัพเดทใหม่คราวนี้ (เฉพาะ iOS )คงถูกใจใครหลายๆคนที่บางทีเราก็ไม่อยากอ่านสิ่งที่บางคนโพสต์ ถ้าจะให้ Unfriend  ก็ดูจะโหดร้ายไปไม่ถนอมน้ำใจ คราวนี้แหละ Facebook  เริ่มอ่านปัญหาหนักใจของผู้ใช้งานออก เลยออกฟีเจอร์ใหม่ อยากบล็อคอะไรบล็อคเลย หรือจะ บล็อคโฆษณาที่มารกไทม์ไลน์ของเรา จัดไป บล็อคอะไรยังไง? มาดูกัน

 
บล็อคเพื่อน

เข้าไปที่หน้า News Feed 

ลองไล่ดูว่าเพื่อนคนไหนที่โพสต์อะไรไม่เข้าตา แล้วอยากบล็อคๆไปซะ อะเจอแล้วคนนึง

แตะที่เครื่องหมายลูกศรตรงมุมบนขวาของข้อความที่เพื่อนเราโพสต์

fb6.9-1

จะขึ้นมาให้เราเลือก 3 อัน

• Hide คือซ่อนเฉพาะโพสต์อันนี้อันเดียว พอดีไม่ชอบดูคลิปฉาวเอามากๆ (ฮาๆ)

• Hide All From User คือซ่อนทุกโพสต์ที่คนคนนี้โพสต์

• Report/Mark As Spam  อันนี้คือแจ้งตำรวจ Facebook  ไปเลยว่านางคือสแปม

เลือกเอาตามสะดวกเลย

fb6.9-2

 
บล็อคโฆษณา

ก็ถ้ารำคาญจะเห็นก็จับ Hide ซะ วิธีการเดียวกับบล็อคเพื่อน

fb6.9-4

 
นอกจากนี้ Facebook 6.9 ยังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่อีกอันคือ  อัลบั้มวิดีโอ เผื่อใครอยากจะสร้างอัลบั้มวิดีโอส่วนตัวก็สามารถทำได้แล้ว

fb-video

 
หวังว่าคงจะชอบกันนะ อ้อ เราซ่อนโพสต์เพื่อนหรือแปลตรงๆคือบล็อค เจ้าตัวเค้าไม่รู้หรอก ไม่ต้องห่วง

 

[Tips] เข้า Recovery Mode ง่ายๆ ไม่ต้องนับวินาที

mode

 

ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนว่า Recovery Mode มีไว้ใช้ทำอะไรบ้าง?

• จำรหัส PassCode ไม่ได้

• จำรหัสผ่านใน Restriction Mode  ไม่ได้ (ในกรณีที่เราอยากจะรีเซทเครื่อง แต่เครื่องถามรหัสผ่านที่เราตั้งไว้ใน Restriction Mode )

• ไอโฟนไม่สามารถเชื่อมต่อกับ iTunes  ได้

• หรือในกรณี iPhone 5s เกิดมีใครไปแอบตั้งสแกนนิ้วมือไว้ แล้วเราปลดล็อคไม่ได้ เราสามารถล้างสแกนนิ้วมืออันนี้ทิ้งได้

 

คร่าวๆก็มีประมาณนี้ ถ้าไอโฟนเราอยู่ในกรณีใดกรณีหนึ่ง แนะนำว่าเราต้องเข้า Recovery Mode ซึ่งต้องบอกไว้ก่อนว่าการใช้ Recovery Mode จะเป็นการล้างข้อมูลใหม่หมดเหมือนออกจากโรงงาน ซึ่งวิธีนี้จะไม่อนุญาตให้เรา Back Up ข้อมูลใดๆ และข้อมูลอาจหาย ยกเว้นกรณีที่เคย Back Up เก็บไว้ใน iTunes มาบ้างแล้ว หรือ Back Up ลง iCloud เราก็สามารถกู้ข้อมูลคืนมาได้

ฉะนั้นปลอดภัยไว้ก่อนค่ะ เราควร Back Up ข้อมูลไว้สม่ำเสมอถ้าจะให้ดีก็ควร Back Up ลงใน iTunes จะดีที่สุด

 

หมายเหตุ: Recovery Mode ไอโฟนทุกรุ่นและทุกๆ  iOS สามารถเข้าได้หมด

 

วิธีเข้า Recovery Mode

หลายๆคนอาจเคยอ่านเจอส่วนใหญ่จะให้เรานับเป็นวินาทีในการแตะปุ่มแต่ละปุ่ม ทีนี้เราจะมาบอกวิธีซึ่งก็เป็นวิธีเดียวกันแบบทั่วๆไปแหละ แต่เราไม่ต้องนับวินาทีให้งง สับสน วิธีนี้จะใช้วิธีสังเกตสิ่งที่เราเห็นบนหน้าจอ แล้วเราควรแตะปุ่มไหน ปล่อยปุ่มไหน เริ่มเลย..

 

1.เสียบสาย USB ที่ไอโฟนเพื่อเชื่อมต่อกับ iTunes 

 

images

 

 

2.เมื่อเชื่อมต่อเสร็จแล้วให้เรา ปิดเครื่องไอโฟน

iphone-slide-to-power-off

 

 

 

3. หลังจากปิดเครื่องให้เรากดปุ่ม เปิด/ปิดเครื่อง ค้างไว้

dfu1

 

4.รอจนกว่าจะมีรูป Apple ขึ้นมาแล้วเราก็กดที่ปุ่ม Home แต่ปุ่ม เปิด/ปิด ก็ยังกดอยู่นะ

dfu2

 

 

5. รอจนหน้าจอดับไปอีกครั้ง แต่ก็ยังกดปุ่ม เปิด/ปิด+ ปุ่ม Home ค้างไว้

dfu3

 

6.จนรูป Apple ขึ้นมาอีกครั้ง ให้ปล่อยมือจากปุ่ม เปิด/ปิด แต่ยังกดปุ่ม  Home ค้างไว้

dfu4

 

7.กดปุ่ม Home  ค้างไว้จนหน้าจอ ขึ้นรูป Recovery Mode  แล้วค่อยปล่อยมือจากปุ่ม Home

dfu5

 

8.ดูที่หน้าจอ iTunes บนคอมพิวเตอร์จะขึ้นข้อความแบบนี้ ให้กด OK

dfu6

 

9.หลังจากนั้น บนหน้าจอ iTunes จะเห็นปุ่ม Restore ให้เรากดปุ่ม Restore เพื่อเป็นการล้างเครื่องใหม่หมด

dfu7

เสร็จแล้วจ้า

ถ้าอยากดูให้ชัด เราจัดให้ด้วยคลิปนี้ค่ะ

[youtube link=”http://youtu.be/gthcmejzXtE” width=”590″ height=”315″]

[iOS] ทิปสร้าง “Shortcut EMOJI” เปลี่ยนจากเท็คให้เป็นไอคอน

Wassuppp! ตั้งแต่ iOS 5 จนถึง iOS ปัจจุบัน เราสามารถเพิ่มคีย์บอร์ด Emoji (ไอคอนรูปหน้ายิ้ม) และเพิ่ม Shortcut (อักษรย่อ) ให้เข้ามาอยู่ในแป้นคีย์บอร์ดได้ทั้งคู่ แต่เหมือนจะมีเส้นบางๆคั่นกรอบความคิดว่า Shortcut จะต้องเป็นเท็ค (Text) เท่านั้น โดยเฉพาะภาษาไทยและภาษาอังกฤษต่างถูกนำไปใช้เขียนคำย่อกันจนเพื่อนสงสัยว่า “เฮร้ย..พิมพ์เร็วไปปะ!” ส่วนคีย์บอร์ด Emoji นั้นได้รับความนิยมมาโดยตลอด ถึงแม้ต้องเสียเวลาแตะเปลี่ยนภาษาหลายครั้ง (แตะเกินประจำสินะ!) ก็ไม่เคยบ่นกัน เพราะมันน่ารักกว่าสัญลักษณ์แบบนี้ 🙂 😉 ^^ >//< นิดนึงอ่ะ

เพื่อตัดเส้นบางๆนั้นออกไป เราสามารถเขียนอักษรย่อใน Shortcut ให้แสดงเป็นไอคอน Emoji ได้ตามต้องการ ไม่ต้องเสียเวลาสลับคีย์บอร์ดอีกต่อไป แต่ก่อนอื่นจะต้องเพิ่มคีย์บอร์ด Emoji เข้ามาตั้งค่า Shortcut ให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นจะลบคีย์บอร์ด Emoji ก็ไม่ว่ากันค่ะ

 

สร้าง Shortcut Emoji

 

1. เพิ่มคีย์บอร์ด Emoji ที่ Settings>General>Keyboard>Keyboards>Add New Keyboard แล้วเลือก Emoji

2. กลับออกมาที่หน้า Keyboard แตะ Add New Shortcut… (บางเครื่องที่เพิ่ม Shortcut ไว้จำนวนหนึ่งแล้วจะเปลี่ยนเป็นคำว่า Shortcuts แทน ให้แตะเข้าไปเพื่อแตะปุ่ม + เพิ่ม Shortcut อีกที)

 

IMG_0318

 

3. จะพบ 2 บรรทัดคือ Phrase (ประโยคที่จะให้แสดงผล) และ Shortcut (อักษรย่อ หรือคำย่อของประโยคนั้น)

ในที่นี้เราจะพิมพ์ไอคอน Emoji ลงไปในช่อง Phrase และพิมพ์คำย่อของไอคอนนั้นลงไปในช่อง Shortcut ดังรูป เสร็จแล้วแตะ Save

IMG_0322
Shortcut รองรับทุกภาษาที่เพิ่มไว้ในคีย์บอร์ด จะพิมพ์สั้นพิมพ์ยา พิมพ์ตัวย่อภาษาอังกฤษแต่เขียนประโยคเต็มเป็นภาษาไทยก็ได้ไม่บังคับค่ะ จากตัวอย่างนี้เมื่อเราพิมพ์คำว่า “joob” ก็จะโชว์ไอคอนส่งจูบ หรือถ้าพิมพ์คำว่า “รัก” จะโชว์ไอคอนหัวใจนี่เอง

 

4. เมื่อตั้งค่า Shortcut ได้จำนวนหนึ่ง จะมีแถบ Shortcuts ขึ้นมาแทน Add New Shortcut ให้แตะเข้าไปดูประโยคที่เพิ่มเอาไว้ทั้งหมดได้เลย ถ้าต้องการเพิ่ม Shortcut อื่นๆ ให้แตะ + หรือจะลบให้แตะ Edit>Delete จากนั้นลองเปิดแอพที่ต้องการส่งข้อความขึ้นมา พิมพ์อักษรย่อที่กำหนดไว้ลงไปจะเห็นว่ามีไอคอน Emoji ขึ้นมาทันที สามารถแตะเคาะวรรคเพื่อเลือกใช้ได้เลย

 

IMG_0323

 

ก่อนจะไปเรามีคำย่อ และอักษรย่อที่นิยมใช้กันมาฝาก รับประกันความเกรียนอีกแล้วครับท่าน..oops! ถ้าใครคิดว่าคำย่อของตัวเองไม่เหมือนใคร แวะคอมเมนต์บอกกันได้นะคะ 🙂

· รป – รอแป๊บ

· ลจก – แล้วเจอกัน

· ชมห – ช่างมันเหอะ

· จิ – จิงดิเมิง

· กมร – ก็ไม่รู้สินะ

· บต – บ่องตง

· ปลน – ไปจริงละนะ

· จกม – เจอกันใหม่

· k – โอเค

· ctw – เซ็นทรัลเวิลด์

· tk – take care na

· gn – ฝันดีนะ

· xoxo – รักนะจุ๊ฟๆ