วิธีตั้งค่าจำกัดการซื้อแอพบน Android Google Play ป้องกันเด็กซื้อเกิน

 
protect-purchase-app-1

 
จากที่เป็นข่าวการดาวน์โหลดของในเกมคุ๊กกี้รันจนทำให้มีค่าบริการสูงเกินกำหนด ซึ่งอาจเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดังนั้นเรามาดูวิธีการป้องกัน ไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้กันดีกว่า โดยเฉพาะระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่ค่อนข้างจะดาวน์โหลดแอพหรือไอเทมต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย

 

ปกติแล้วหากเราทำการผูกบัญชีบัตรเครดิต หรือการหักเงินจากค่าบริการมือถืออย่างบริการ AIS Google Play ไว้กับบัญชี Google Play เวลาโหลดแอพแต่ละครั้งไม่ว่าจะเป็นแอพเสียเงินหรือแอพฟรี ระบบจะถูกตั้งค่ามาตรฐานมาให้เป็น ไม่ต้องป้อนรหัสผ่านเวลาดาวน์โหลด นั่นจึงเป็นช่องโหว่ที่ทำให้หลายคนอาจจะพลาด โดยเฉพาะการปล่อยให้ลูกหลานเล่นเกมตามลำพัง ซึ่งอาจจะไปซื้อไทเทมหรือโหลดแอพที่ต้องเสียเงินได้โดยไม่ตั้งใจ ดังนั้นหากไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ควรเปิดการป้อนรหัสผ่านก่อนซื้อแอพเพื่อป้องกันเอาไว้

 

อันดับแรกให้เข้าสู่แอพ Play Store แล้วแตะที่เมนูมุมบนซ้าย จากนั้นแตะเข้าสู่การตั้งค่า แล้วเข้าไปที่เมนู ต้องป้อนรหัสผ่านเพื่อสั่งซื้อ
protect-purchase-app-01

 

จะมีตัวเลือกขึ้นมา แนะนำให้เลือกที่ สำหรับการสั่งซื้อทั้งหมดผ่านทาง Google Play บนอุปกรณ์นี้ หรือจะเลือกที่ ทุก 30 นาที ก็ได้หากเราต้องโหลดแอพเองบ่อยๆ จากนั้นก็ป้อนรหัสผ่านของแอคเคาท์ Google Play ที่ใช้งานอยู่ แล้วแตะ ตกลง

protect-purchase-app-02

 

สังเกตว่าตัวเลือกการป้อนรหัสผ่านเพื่อสั่งซื้อ ต้องเปลี่ยนเป็นเงื่อนไขเดียวกับที่เราตั้งไว้ ห้ามเป็นตัวเลือก ไม่มี เหมือนตอนต้น

protect-purchase-app-03

 

คราวนี้เวลาใครจะโหลดแอพที่ต้องเสียตังค์ ก็จะต้องป้อนรหัสผ่านทุกครั้งก่อนดาวน์โหลด ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดอย่าให้ใคร โดยเฉพาะลูกของคุณทราบรหัสผ่านเป็นอันขาด ไม่ฉะนั้น ต่อให้ป้องกันยังไงก็ช่วยไม่ได้แล้วละครับ ก้มหน้าจ่ายตังค์ค่าบริการกันไปตามระเบียบ

protect-purchase-app-04

 

ผมลองซื้อเพชรในเกมคุ๊กกี้รัน เมื่อจะสั่งซื้อก็ต้องป้อนรหัสผ่านก่อนเช่นเดียวกัน งานนี้กันไว้ดีกว่าแก้นะครับ โดยเฉพะาผู้ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์อย่างเด็กๆ ซึ่งเขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นเราในฐานะผู้ปกครองก็ควรป้องกันเอาไว้แต่แรก

protect-purchase-app-05

 

ส่วนใครที่ใช้ระบบการชำระเงินซื้อแอพ ผ่านค่าบริการรายเดือนหรือเติมเงินจากผู้ให้บริการรายต่างๆ เช่น AIS ฯลฯ ก็สามารถนำวิธีนี้ไปป้องกันได้เช่นเดียวกันครับ แต่หากใครไม่ชัวร์ก็ติดต่อยกเลิกบริการดังกล่าวไปเลยก็ได้ครับ น่าจะปลอดภัยที่สุด

 

สำหรับการป้องกันบน iPhone iPad คลิกอ่านในบทความ [TIPS] วิธีป้องกันเด็กกดซื้อแอพเล่น ในไอโฟน ไอแพด

 

วิธีเปลี่ยนพาสเวิร์ด Line หลังมีการประกาศแจ้งเตือนในญี่ปุ่น

 

Line-Change-password-04

 

จากที่มีข่าวกระแสการแฮ็ก Account Line ในญี่ปุ่นอยู่ในขณะนี้ ซึ่งทางไลน์ได้ออกมาแถลงการณ์ให้กับผู้ใช้ไลน์ในญี่ปุ่น รีบเปลี่ยนพาสเวิร์ดซะ หลังจากที่พบผู้ใช้งานไลน์กว่า 303 ราย ถูกเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวโดยไม่ได้รับอนุญาต และมี 3 รายที่ได้รับความเสียหายด้านธุรกรรมทางการเงินไปแล้ว ซึ่งในขณะนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวนหาต้นตอ

 

อย่างไรก็ตามไลน์ขอแนะนำให้ผู้ใช้ทำการเปลี่ยนพาสเวิร์ดหรือรหัสผ่าน เพื่อป้องกันเอาไว้ก่อน ทั้งนี้คาดว่าสาเหตุดังกล่าวอาจจะมาจากการใช้พาสเวิร์ดเดียวกันหมดด้วยนั่นเอง ซึ่งอาจจะทำให้แฮ็กเกอร์ สามารถล่วงข้อมูลจากการใช้งานอินเทอร์เน็ตต่างๆ ผ่านเข้ามาได้

 

สำหรับเมืองไทย ยังไม่พบเหตุการณ์นี้นะครับ แต่ยังไงเพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน เราก็ควรเปลี่ยนพาสเวิร์ดเอาไว้ โดยมีวิธีการดังนี้

 

แตะที่เมนู More > Settings > Accounts (วิธีนี้จะใช้ได้สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนไลน์ด้วย Email เอาไว้แล้ว)
Line-Change-password-01

 

 

จากนั้นแตะที่ Change Your Email แล้วแตะที่ Change Your Password

Line-Change-password-02

 

 

จากนั้นจะให้ใส่พาสเวิร์ดตัวเดิมเพื่อยืนยันตัวตนก่อน เสร็จแล้วก็จะให้ใส่พาสเวิร์ดใหม่ 2 ครั้ง แล้วแตะ OK หากตรวจสอบผ่านแล้วก็จะให้แตะ OK อีกครั้ง เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

Line-Change-password-03

 

 

วิธีเปิดใช้งาน Cortana ระบบสั่งงานด้วยเสียงบน Nokia Lumia 630

 

cortana-setup

 

สำหรับใครที่ถอย Nokia Lumia 630 มาจากร้านใหม่ๆ คงจะสงสัยว่าทำไมฟังก์ชั่นสั่งงานด้วยเสียงอย่าง Cortana ตัวใหม่ที่มาพร้อม Windows Phone 8.1 ถึงไม่มีให้ใช้งาน หาเท่าไรก็หาไม่เจอ สาเหตุก็เพราะว่า ระบบ Cortana นั้นเปิดให้ทดลองใช้เฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ดังนั้นหากซื้อเครื่องศูนย์มา ก็จะไม่สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้

 

แต่สำหรับใครที่อยากลองของ เรามีวิธีเปิดใช้งาน Cortana มาให้ลองกัน ขอบอกว่าง่ายมาก ไม่ต้องแฮ็ก ไม่ต้องรูท ไม่ต้องเจลเบรก อะไรทั้งสิ้น

 

ก่อนที่จะเริ่ม บางคนอาจจะสงสัยว่า Cortana คืออะไร เราจะอธิบายสั้นๆ ว่า มันคือระบบสั่งงานด้วยเสียง ที่จะเป็นผู้ช่วยส่วนตัว ในการตอบปัญหาทุกอย่างให้กับคุณ หรือคล้ายๆ กับ Siri บน iPhone และ Google Now บน Android นั่นเองครับ

 

เอาล่ะมาเริ่มกันเลย ก่อนอื่นให้ไปที่ Settings > Region (ภูมิภาค) ให้เลือกประเทศเป็น United States จากเดิมที่เป็น Thailand และตรง Regional Format ยังคงเป็น match phone language จากนั้นแตะปุ่ม restart phone แล้วรอให้เครื่องรีสตาร์ทใหม่จนเสร็จ
cortana-setup-01

 

เข้าสู่หน้า App List แล้วเลื่อนลงมาที่ตัว C จะมี Cortana เพิ่มขึ้นมาให้แตะใช้งานได้ทันที

cortana-setup-02

 

เมื่อเข้าสู่ Cortana ครั้งแรกจะให้ตั้งค่าการใช้งานครั้งแรก ให้ทำตามขั้นตอนไปเรื่อยๆ

cortana-setup-03

 

หน้าตา Cortana ที่พร้อมใช้งาน และตัวอย่างคำถาม

cortana-setup-04

 

 

นี่คือตัวอย่างการตอบคำถามคร่าวๆ จาก Cortana โดยอันแรกผมลองบอกให้มันช่วยร้องเพลง นางก็ร้องเพลงให้ฟังท่อนนึง, ถัดมา ถามว่าสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดคืออะไร คำตอบที่ได้คือ ก็ตามนั้น 555 และสุดท้ายถามว่าคิดยังไงกับ iPhone นางก็ตอบว่า รู้มั้ย, คำถามแบบนี้ ฉันไม่มีความคิดเห็น ฮา…

cortana-setup-05

 

 

 

วิธีปรับระดับฟิลเตอร์ และใช้งาน 10 ฟีเจอร์ใหม่ใน Instagram เวอร์ชั่น 6.0.1

Instagram-10-00

 

Instagram ปล่อยอัพเดทเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด 6.0.1 โดยคราวนี้มีการเพิ่มลูกเล่นใหม่ 2 อย่างหลักๆ คือ สามารถปรับระดับของฟิลเตอร์แต่ละตัวได้ว่าจะให้มากน้อยแค่ไหน และอีกฟีเจอร์คือการแต่รูปที่มีเครื่องมือใหม่มาให้ถึง 10 อย่าง ซึ่งมีอะไรบ้างนั้นเรามาดูกันเลย

 

วิธีการปรับระดับฟิลเตอร์
อันดับแรกมาดูวิธีการปรับระดับฟิลเตอร์กันก่อน โดยปกติเมื่อแตะเลือกฟิลเตอร์ไปก็จะไม่สามารถปรับค่าอะไรได้ แต่ต่อไปนี้ เพียงเราแตะบนฟิลเตอร์นั้นอีกครั้ง ก็จะมีแถบเลื่อนระดับความเข้มของฟิลเตอร์ขึ้นมาให้ปรับค่าได้ เมื่อได้ระดับที่ต้องการก็แตะที่ปุ่มเครื่องหมายถูก

Instagram-10-01

Instagram-10-02

 

 

วิธีการแต่งภาพด้วย 10 เครื่องมือใหม่

เมื่อเลือกและปรับระดับฟิตเตอร์ได้จนพอใจ เรายังสามารถปรับแต่งภาพเพิ่มเติมได้อีก โดยแตะที่ปุ่ม เครื่องมือ (รูปประแจ) จากนั้นจะมีแถบเครื่องมือต่างๆ มาให้เลือก 10 เครื่องมือด้วยกัน คือ ปรับเอียงภาพให้ตรง, ปรับความสว่าง, ปรับความคมชัด, ปรับอุณหภูมิสี (อบอุ่น), ปรับความอิ่มสี (Saturation), ปรับไฮไลต์, ปรับแสงเงา, ขอบจาง, ปรับความเบลอที่ขอบ (TILT SHIFT) และ เพิ่มความชัด

Instagram-10-03

 

จากนั้นก็ปรับแต่งค่าตามต้องการ ตามฟังก์ชั่นที่เลือก เมื่อเสร็จแล้วให้แตะเครื่องหมายถูก แต่หากปรับแล้วต้องการยกเลิกก็ให้แตะเครื่องหมายกากบาท ลองดูตัวอย่างภาพที่ปรับแต่งทั้ง 10 แบบ ดังรูปข้างล่างนี้

Instagram-10-04

 

Instagram-10-05

 

เมื่อปรับแต่งรูปเสร็จแล้วก็โพสต์ได้เลย เป็นไงล่ะครับ สำหรับการอัพเดทครั้งนี้ เพิ่มลูกเล่นการแต่งภาพให้สาแกใจแฟนๆ สาวก IG กันไปเลย จะได้ไม่ต้องใช้หลายแอพมาแต่งรูปให้เสียเวลาอีกต่อไป

 

วิธีป้องกัน มัลแวร์ ไม่ให้มาล่วงลับตับแตกข้อมูล บน Android ทั้งมือถือและแท็บเล็ต

 

Antimalware_Android_07

 

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วล่ะครับว่า ยุคนี้เป็นยุคของสมาร์ทโฟนจริงๆ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตของเราสะดวกและง่ายยิ่งขึ้น อยู่ที่ไหนทำอะไร ก็สามารถแชร์ หรือเช็คข่าวสารต่างๆ ได้ทุกที่ โดยสิ่งที่ขับเคลื่อนความสะดวกทั้งหลายให้อยู่ในมือเดียวนั้น ก็คือระบบปฏิบัติการนั่นเอง

 

และ Android ก็เป็นอีกหนึ่งระบบปฏิบัติการสำหรับสมาร์ทโฟน รวมถึงแท็บเล็ต ที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับ 1 ของโลกเลยก็ว่าได้ ดังนั้นด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกที่จะมีไวรัส หรือมัลแวร์ต่างๆ คอยโจมตี เช่นเดียวกับระบบปฏิบัติการ Windows บนคอมพิวเตอร์พีซี

 

ในวันนี้เราจะมาพูดถึงเฉพาะตัว มัลแวร์ (Malware) บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ที่มีการระบาดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยความน่ากลัวของมันคือการเข้ามาสอดส่อง ล่วงลับตับแตก ข้อมูลที่อยู่บนสมาร์ทโฟนของเรา โดยที่เราไม่รู้ตัว ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบนสมาร์ทโฟนของทุกคน มักจะเก็บข้อมูลสำคัญเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น เลขบัญชีธนาคาร, อีเมล์ หรือ แอพที่เกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งผู้ใช้ Android จะมีวิธีการป้องกันอย่างไรนั้น เราจะมาไล่เรียงให้ดูกันเป็นข้อๆ ดังนี้ครับ

 

ดาวน์โหลดแอพจากแหล่งที่เชื่อถือได้

Antimalware_Android_01
อันดับแรกเลยคือการดาวน์โหลดแอพจากแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้ ซึ่งก็คือ Google Play Store นั่นเอง หรือสำหรับคนที่ใช้อุปกรณ์ของ Amazon ก็โหลดจาก Amazon Appstore ซึ่งปกติ Google ก็จะมีการตรวจสอบแหล่งที่มาของแอพ และผู้ใช้ก็สามารถดูรายละเอียดของนักพัฒนาที่ผลิตแอพพลิเคชั่นเหล่านั้นได้ด้วย หากมีแอพไหนที่เป็นอันตรายก็จะมีการถอดออกจากสโตร์ทันที

 

ป้องกันการติดตั้งแอพเถื่อน

Antimalware_Android_02

หากคุณไม่ใช้ผู้ใช้งานระดับขั้นเทพ ขอแนะนำให้ปิดการติดตั้งแอพจากแหล่งที่มาอื่นๆ นอกเหนือจาก Play Store เอาไว้ โดยไปที่ การตั้งค่า>ระบบ>ระบบป้องกัน แล้วเอาตัวเลือกออกจากหัวข้อ แหล่งที่ไม่รู้จัก (Unknown Sources) ซึ่งหากคุณเผลอไปติดตั้งแอพจากสโตร์อื่นๆ จะมีการแจ้งเตือนก่อนการติดตั้ง เพื่อให้เราระมัดระวังว่าอาจจะมีมัลแวร์ติดมากับแอพดังกล่าวได้

 

อ่านรีวิวก่อนโหลด

Antimalware_Android_03
ข้อนี้ถือเป็นการป้องกันได้ง่ายที่สุด เพราะก่อนติดตั้งแอพ เราสามารถอ่านรีวิวจากผู้ใช้งาน ว่าแอพดังกล่าวดี ไม่ดี หรือมีปัญหากับการใช้งานอะไรมาก่อนรึเปล่า โดยจะต้องสุ่มอ่านสัก 2-3 คอนเม้นต์ ดูว่ามีคนวิจารณ์ไปในแนวทางไหน และอีกอย่างที่ต้องสังเกตคือจำนวนเรทติ้ง แนะนำว่าไม่ควรต่ำกว่า 3 ดาว ถึงจะดูน่าเชื่อถือ เพื่อเป็นการคัดกรองแอพที่ไม่มีคุณภาพ ซึ่งอาจมีความเสี่ยงสูงในการติดมัลแวร์

 

ดูชื่อผู้ผลิตแอพ

Antimalware_Android_04
นอกจากการดูเรทติ้งหรือรีวิวแล้ว สิ่งที่ต้องคำนึงถึงอีกอย่างก็คือชื่อผู้ผลิตแอพหรือชื่อบริษัทเจ้าของแอพนั้นๆ จะต้องสามารถเข้าถึงและตรวจสอบข้อมูลได้ เช่นคลิกไปดูเว็บไซต์ หรือมีเบอร์ติดต่อ อีเมล์ ไว้ชัดเจน หรือกรณีที่เป็นแอพขององค์กรต่างๆ เช่น ธนาคาร ก็จะต้องเป็นชื่อเดียวกับบริษัทนั้นๆ ไม่ใช่เป็นชื่อบริษัทอะไรที่ไม่คุ้นเคย เหมือนที่เคยเกิดการปลอมแปลงแอพของธนาคารต่างๆ มาแล้วก่อนหน้านี้

 

อ่านข้อตกลงก่อนแตะยอมรับทุกครั้ง

Antimalware_Android_06
วิธีนี้ดูเหมือนหลายคนมักจะไม่ค่อยสนใจและมองข้ามไป ด้วยความขี้เกียจอ่าน แต่หารู้ไม่ว่ามันสำคัญมากที่คุณจะเช็คได้ว่าแอพนี้ปลอดภัยแค่ไหน ทุกครั้งหลังจากแตะดาวน์โหลดแอพเพื่อติดตั้ง จะมีรายละเอียดเงื่อนไขต่างๆ ขึ้นมาให้เราแตะ Accept หรือ ยอมรับ เงื่อนไขนั้น วิธีการสังเกตคือดูว่าเงื่อนไขดังกล่าวจะต้องสอดคล้องกับการใช้งานของแอพ เช่น หากติดตั้งแอพเกม Puzzle แต่ให้เราอนุญาตการเข้าถึงรายชื่อใน Contacts หรือแอพโทรศัพท์ Phone ได้ ก็คงจะไม่น่าไว้วางใจแล้วล่ะครับ หรือแอพไฟฉายที่ต้องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเวลาใช้งาน อะไรอย่างนี้เป็นต้น ถ้าพบเงื่อนไขประหลาดๆ แบบนี้ก็อย่าได้แตะปุ่มยอมรับเป็นอันขาด

 

อย่าคลิกลิงค์จากข้อความหรืออีเมล์แปลกๆ

หากมีข้อความ SMS หรือ อีเมล์ที่ส่งลิงค์แปลกๆ เกี่ยวกับโฆษณา โดยเฉพาะเรื่องเซ็ก ที่เป็นตัวล่ออย่างดีให้เราเข้าไปติดกับ เพราะหากเราคลิกเข้าสู่ลิงค์จากแหล่งที่มาเหล่านั้น อาจจะทำให้ผู้ไม่ประสงค์ดี แอบลักลอบเข้าระบบผ่านทางเว็บเบราเซอร์ได้ ซึ่งเสี่ยงต่อการโจรกรรมรหัสสำคัญเวลาเราทำธุรกรรมผ่านเว็บได้

 

เครื่องรูทเสี่ยงสุดๆ

cyanogenmod-10.1-jellybean
หากคุณเป็นผู้ใช้งานระดับขั้นเทพแล้วล่ะก็ การรูทเครื่อง หรือการติดตั้งรอมเถื่อนนั้น จะยิ่งเป็นการเปิดช่องให้กับผู้ไม่ประสงค์ดี เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของคุณได้ เพราะโดยส่วนใหญ่การรูทเครื่องก็เพื่อให้สามารถติดตั้งแอพเถื่อนต่างๆ จากแหล่งที่ไม่มีที่มานั่นเอง ซึ่งมีความเสี่ยงสูงอยู่แล้ว ดังนั้นหากติดมัลแวร์ขึ้นมา ก็ก้มหน้ารับกรรมกันไป

 

ติดตั้งแอพ Anti Virus

Antimalware_Android_05
เพื่อความปลอดภัยขั้นสูงสุด ควรติดตั้งแอพ Anti Virus เอาไว้ประจำเครื่องของคุณ ซึ่งมีหลายเจ้าที่ให้คุณได้ลองดาวน์โหลดไปใช้งาน ทั้งแบบฟรีและเสียเงิน เช่น
• Avast! Mobile Security ดาวน์โหลด

• ESET Mobile Security ดาวน์โหลด

• Lookout Security & Antivirus ดาวน์โหลด

• Kaspersky Mobile Security ดาวน์โหลด

 

และนี่ก็เป็นวิธีที่สามารถป้องกันมัลแวร์ไม่ให้ข้อมูลบนมือถือของเราถูกผู้ไม่ประสงค์ดีโจรกรรมไป ซึ่งหากผู้อ่านท่านใด มีวิธีจัดการเพิ่มเติมได้มากกว่านี้ ก็แชร์ไอเดียที่คอมเม้นต์ใต้บทความนี้กันมาได้นะครับ ที่สำคัญหากเห็นว่าบทความนี้เป็นประโยชน์ ก็ช่วยๆ กันแชร์ให้กับเพื่อนๆ ได้ป้องกันตัวเองกันไว้นะครับ

 

Fast Charge Battery วิธีชาร์จแบตสมาร์ทโฟนให้เร็วทันใจในเวลาเร่งด่วน

 

Low-battery

 

เคยมั้ยที่เวลาคุณมีนัดสำคัญที่จะออกไปดินเนอร์หรือพบปะลูกค้าแล้วเตรียมทุกอย่างพร้อมทั้งเสื้อผ้าหน้าผม เป๊ะ! แต่เมื่อหันมาดูบนหน้าจอมือถือปรากฏว่าแบตเหลือไม่ถึง 20% OMG!!! แล้วจะทำยังไงดีหล่ะ จะให้พก PowerBank ไปด้วยก็ดูจะลำบากยุ่งยากเหรอเกิน เอางี้ครับผมมีทางออกมาให้กับวิธีเร่งสปีดชาร์จแบตให้เต็มอย่างรวดเร็ว ที่สำคัญปลอดภัยไม่ต้องกลัวว่ามือถือจะระเบิดคาที่ชาร์จ

 

Fast_Charging_01

วิธีแรกที่ง่ายที่สุดคือ เวลาชาร์จให้ปิดทุกการเชื่อมต่อ โดยการเปิด Airplane Mode หรือจะให้เร็วยิ่งกว่าก็ปิดเครื่องไปเลยก็ดี แล้วปล่อยให้ระบบชาร์จไฟเข้าอย่างเต็มที่โดยไม่มีอะไรมาลดทอนพลังงานไปในระหว่างชาร์จ

 

Fast_Charging_022

ควรชาร์จด้วยอะแดปเตอร์ ไม่ควรชาร์จผ่านพอร์ต USB บนคอมพิวเตอร์ เพราะโดยปกติพอร์ต USB 2.0 จะจ่ายกระแสไฟออกมาได้แค่ 0.5 แอมป์ หรือใครที่คิดว่าจะชาร์จผ่านพอร์ต USB 3.0 จะเร็วกว่า ก็ยังไม่ใช่ เพราะจ่ายกระแสออกมาแค่ 0.9 แอมป์ ดังนั้นยิ่งกระแสน้อยก็จะทำให้ชาร์จช้าลง ทางทีดีควรใช้ที่ชาร์จที่จ่ายกระแสได้มากกว่า 1 แอมป์ สำหรับชาร์จมือถือ แต่ถ้าเป็นแท็บเล็ตก็ไม่ควรต่ำกว่า 2 แอมป์

Fast_Charging_033

ชาร์จด้วยเครื่อง Mac สำหรับ iPhone และ iPad กรณีไม่ได้พกที่ชาร์จมา หากมีเครื่อง Mac รุ่นล่าสุดอยู่ ก็สามารถชาร์ตผ่านพอร์ต USB ได้ โดยมันสามารถตรวจจับว่าเป็นอุปกรณ์ iDevice ได้ แล้วจะปล่อยกระแสไฟออกไปชาร์จให้มากขึ้นเป็น 1.1 แอมป์

 

Fast_Charging_04

ใช้ซอฟต์แวร์ช่วยเพิ่มกระแสให้พอร์ต USB สำหรับ พีซีที่ใช้เมนบอร์ดบางยี่ห้อ อย่าง Asus จะมีฟังก์ชั่น Ai Charger ที่สามารถชาร์จ iPhone, iPod, iPad ให้เร็วขึ้นกว่าปกติได้ หรืออย่างเมนบอร์ดของ Gigabyte ก็จะมีระบบ Quick Charge แบบนี้มาให้ด้วยเช่นกัน

 

Fast_Charging_05

อีกทางเลือกหนึ่งคือใช้ตัวบูตกระแสจากพอร์ต USB โดยจะเป็นอุปกรณ์เหมือน Flash Drive เอาไว้เสียบที่พอร์ต USB ของคอมพิวเตอร์ เพื่อเพิ่มกระแส อย่างของ ChargeDr USB Charge Booster สามารถเพิ่มกระแสได้สูงสุดถึง 2.1 แอมป์ สามารถชาร์จมือถือได้เร็วขึ้น 2 เท่า และแท็บเล็ตเร็วขึ้น 4 เท่า ราคาอยู่ที่ประมาณ $20 เหรียญ

 

Fast_Charging_066

สุดท้ายลองหาสาย USB แบบพ่วง 2 หัว คล้ายกับสาย USB ที่ใช้กับ DVD External เพราะมันสามารถเสียบสาย USB ขนานกันได้ 2 พอร์ตพร้อมกัน เพื่อเพิ่มกระแสให้มากขึ้นในการชาร์จได้เร็วขึ้นอีกทางหนึ่ง

 

Source : Phonearena

 

รวมรหัสใต้ฝา สำหรับ Self Test ทดสอบมือถือ Android ทุกแบรนด์ ก่อนออกจากร้าน

 

สำหรับใครที่กำลังจะซื้อโทรศัพท์มือถือ หรือเพิ่งถอยมาหมาดๆ ไม่เกิน 7 วัน ขอแนะนำว่าสิ่งแรกที่คุณต้องทำก็คือการทดสอบฮาร์ดแวร์ส่วนต่างๆ ของตัวเครื่อง ด้วยระบบ Self Test ซึ่งบนสมาร์ทโฟนเกือบทุกยี่ห้อ จะมีรหัส Self Test มาให้ เพื่อใช้สำหรับทดสอบความสามารถของฮาร์ดแวร์ในส่วนต่างๆ เช่น หน้าจอแสดงผล, ระบบทัชสกรีน, เซ็นเซอร์ต่างๆ, ระบบเสียง, กล้องหน้า-หลัง เป็นต้น โดยหากจุดไหนที่ทดสอบแล้วไม่ตอบสนองหรือบกพร่องจากที่มันควรจะเป็น เราก็จะได้รีบส่งเคลมหรือเปลี่ยนเครื่องได้ตามเงื่อนไขของแต่ละยี่ห้อ

 

รหัส Self Test ของแต่ละแบรนด์มีดังนี้

Samsung กด *#0*#
Sony Xperia กด *#*#7378423#
HTC กด *#*#3434*#*#
LG กด 3845#*เลขรุ่น#
Oppo กด *#808#

Selftestcode

 

ส่วนวิธีการตรวจสอบของแต่ละแบรนด์ก็จะแตกต่างกันไป สำหรับการ Self Test ของ Samsung ทาง OopsMobile ได้เคยเขียนวิธีการไว้แล้วลองนำไปประยุกต์ใช้กันดูได้นะครับ เช็ค ก่อน ชิล… วิธีกดรหัส SELF TEST ตรวจสอบเครื่อง GALAXY NOTE 3

 

วิธีตั้งค่าให้แสดงเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ ทั้ง iPhone และ Android

 

show-percent-batt

ทุกครั้งที่เราซื้อสมาร์ทโฟนมาใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น iPhone หรือ Android ก็มักจะงงๆ กับวิธีการเปิดฟังก์ชั่นแสดงเปอร์เซ็นระดับแบตเตอรี่ที่เหลือ เพราะส่วนใหญ่จะอยู่ลึกลับซับซ้อน ยิ่งมือใหม่หัดใช้ก็ยิ่งมึนกันไปใหญ่ วันนี้เราเลยจะมาบอกเคล็ดลับวิธีการเปิดฟังก์ชั่นเปอร์เซ็นแบตเตอรี่ ทั้ง iPhone และ Android เพื่อจะให้แสดงบนแถบสถานะ ซึ่งจะช่วยให้เรารู้ว่าตอนนี้เหลือแบตฯ เท่าไรแล้ว

 

iPhone/iPad
สำหรับบน iPhone/iPad รวมถึงอุปกรณ์ iOS ทั้งหลาย ขออ้างอิงที่ระบบปฏิบัติการ iOS 7.1 (ล่าสุดในขณะเขียนบทความ) สามารถเปิดโชว์เปอร์เซ็นแบตเตอรี่ได้ดังนี้

แตะไอคอน Settings > General > Usage

show-percent-batt-iphone-01

 

เลื่อนเปิดสวิตช์ Battery Percentage ให้เป็นสีเขียว เท่านี้เราจก็จะมีเปอร์เซ็นแบตฯ แสดงบนแถบสถานะแล้วล่ะครับ

show-percent-batt-iphone-02

 

Android
ในส่วนของ Android จะขออ้างอิงจากเวอร์ชั่น Android 4.4 Kitkat ซึ่งแต่ละยี่ห้ออาจจะวางตำแหน่งเมนูแตกต่างบ้างเล็กน้อย แต่สามารถประยุกต์ใช้กันได้

 

จากหน้า Apps แตะไอคอน Settings แล้วแตะแท็บ General จากนั้นแตะที่เมนู Battery

show-percent-batt-LG-01

 

แล้วติ๊กถูกที่ Battery percentage on status bar (LG G2 mini) / Show battery percentage (Galaxy Note 3)

show-percent-batt-LG-02
สำหรับ LG

 

show-percent-batt-Note3
สำหรับ Galaxy Note 3

 

เพียงเท่านี้ก็สามารถดูปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่เป็นเปอร์เซ็นได้แล้วล่ะครับ เวลาแบตใกล้หมดจะได้ไม่ต้องกังวลพะวงห่วงแบบไร้จุดหมาย ส่วนพี่น้อง Windows Phone หรือ โนเกีย คงต้องรอกันไปก่อนนะครับเพราะยังไม่สามารถแสดงเปอร์เซ็นแบตฯ ได้บนแถบสถานะ อาจจะต้องใช้แอพแล้วตั้งเป็นไอคอนไทล์ ไว้หน้า Home ไปก่อนนะครับบบ

 

เตือนภัย ใครใช้ Chrome อย่าติดตั้ง Emotion ลงใน Facebook ที่เพื่อนแชร์มาให้

 

block-emotion-spam-00

 

เดี๋ยวนี้ไม่เพียงแต่ไวรัสที่จะระบาดบนระบบปฏิบัติการ Windows แล้วนะครับ มันกลายพันธ์ุขยายไปถึงโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่าง Facebook แล้วอีกด้วย ซึ่งหากใครที่กำลังโดนเพื่อน Tag เชิญชวนให้ติดตั้งไอคอนอิโมชั่นบน Facebook อยู่ล่ะก็อย่าได้หลงเชื่อไปทำตามเลยนะครับ เพราะนั่นคือ Spam ของมิจฉาชีพที่หลอกให้เราติดตั้งปลั๊กอินบนเบราเซอร์ Google Chrome เพื่อนำไลค์ของเราไปหลอกขายต่อ หากใครโดนติดตั้งไปแล้วก็ไม่ต้องกลัว สามารถลบปลั๊กอินตัวนี้ออกได้ครับ

 

ปลั๊กอินที่ระบบแอบหลอกให้ติิดตั้งคือ Tampermonkey หน้าตาเป็นแบบนี้นะครับ
block-emotion-spam-01

 

วิธีลบปลั๊กอินตัวนี้
1. คลิกที่ไอคอน list ขวาบน

2. เลือก Tools (เครื่องมือ)

3. เลือก Extensions (ส่วนขยาย)

block-emotion-spam-02
 
4. คลิก icon ถังขยะ ของ Extension ที่จะลบ

block-emotion-spam-03
 
5. กด Confirm (ลบออก) เพื่อลบ Extension ตัวดังกล่าว

 

แล้ว ปิด chrome เปิดใหม่ครับ
แต่เขาแถมของมาด้วยคือคุณได้ไป like page ที่เขาเตรียมไว้ให้ไปกด ดังนั้นให้เลิกติดตาม (Unfollow) ของ 3 Facebook Profile และ 2 รายชื่อ (List ) ดังนี้

• http://www.facebook.com/profile.php?id=100002022403514

• http://www.facebook.com/profile.php?id=100008016253113

• http://www.facebook.com/profile.php?id=100008056571539

• https://www.facebook.com/lists/603268919750516

• https://www.facebook.com/lists/602731359804272

 
Source : Pantip