Tips and How to – Page 2

วิธีรูดบัตรเครดิตผ่านมือถือด้วย mPOS เสียค่าธรรมเนียม 2.5% ทุกบัตร! ร้านค้าที่สนใจควรเช็ครุ่นที่รองรับ และดาวน์โหลดแอพบน iOS, Android ให้เรียบร้อย

ยุคสมัยนี้งานประตูเงินประตูทองต้องก้าวไกล! ดูได้จากงานหมั้นของสาวชมพู่-อารยา และ น็อต-วิศรุต จะเห็นว่าเพื่อนเจ้าสาวนี่ไฮเทคสุดๆ แค่เจ้าบ่าวบอกว่า “ซองหมด” 55+ เธอก็หยิบสมาร์ทโฟนพร้อมอุปกรณ์ mPOS เตรียมใช้บริการ K-PowerPay (mPOS) ของธนาคารกสิกรไทยทันที ยังดีที่เจ้าบ่าวพกบัตรเครดิตมาด้วย ไม่งั้นอดเจอเจ้าสาวแน่ๆ Oops!

mPOS_chom1 — ภาพจาก NARAKORN PHOTOGRAPHY

mPOS หรือ Mobile Point of Sale

อุปกรณ์เสริมสำหรับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่เรียกว่า mPOS ตัวนี้ สามารถเปลี่ยนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ให้กลายเป็นจุดชำระเงินได้ทันที โดยลดข้อจำกัดในการซื้อสินค้าและบริการ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถชำระเงินค่าสินค้าได้เพียงมีสัญญาณอินเทอร์เน็ตเท่านั้น จึงทำให้เกิดความสะดวกต่อร้านค้าและลูกค้าในเวลาเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันนี้มี 2 ธนาคารหลักที่ให้บริการนี้คือ ธนาคารกสิกรไทย (รับเฉพาะบัตรเครดิต), ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (รับทั้งบัตรเครดิต และเดบิต) และอีก 1 ผู้ให้บริการรายใหม่คือ บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด

K-PowerPay (mPOS)

ธนาคารกสิกรไทย ให้บริการ K-PowerPay กับสายการบินนกแอร์ (ที่สนามบินดอนเมืองจะมีเจ้าหน้าที่ของสายการบินใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรือไอแพดคอยให้บริการลูกค้า เพิ่มช่องทางการจำหน่ายตั๋วโดยสารเพื่อไม่ใช้ผู้โดยสารต้องต่อคิวนาน), เมืองไทยประกันชีวิต, ไทยซัมซุงอิเลคโทรนิคส์ และธุรกิจขายตรงอย่างแอมเวย์ ซึ่งจะมีอุปกรณ์ mPOS รับเฉพาะบัตรที่เป็นชิปการ์ดเท่านั้น เช่น บัตรเครดิต VISA และ MasterCard ทุกธนาคาร แต่ไม่รับบัตรเดบิต และบัตรที่เป็นแถบแม่เหล็กอย่างเดียว

เปิดใช้บริการ

ผู้ใช้บริการต้องตกลงเป็น “ร้านค้า” กับทางธนาคารก่อน จากนั้นธนาคารจะแจ้ง Pin และ Activation code กลับมายังผู้ใช้ โดยเอกสารการสมัคร มีดังนี้

1.ใบทะเบียนพาณิชย์สำหรับร้านค้าทั่วไป หรือหนังสือรับรองการจดทะเบียนที่ออกให้ภายใน 3 เดือนสำหรับห้างหุ้นส่วน

2.สำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประจำตัวของผู้มีอำนาจลงนาม

3.สำเนาบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของร้านค้า

4.สำเนาบัญชีออมทรัพย์หรือบัญชีกระแสรายวันของธนาคารที่ต้องการสมัคร

5.หลักฐานที่ตั้ง ประกอบด้วย รูปถ่ายหน้าร้านค้าและภายในร้านค้า แผนที่ที่ตั้งร้านค้า และ สัญญาเช่าพื้นที่ร้านค้า (ถ้ามี)

เมื่อธนาคารอนุมัติแล้ว จึงจะทำการจัดส่งอุปกรณ์ mPOS และคู่มือการใช้งานพร้อม Activation Code ให้กับลูกค้า

การใช้งานครั้งแรก

ติดอุปกรณ์ mPOS เข้ากับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต (หน้าจอจะโชว์ Reader Serial No. โดยอัตโนมัติ) จากนั้นใส่ Staff ID และ Staff Pin ที่ได้รับจากธนาคารทาง E-mail พร้อมกับใส่ Activation Code ที่ได้รับจากธนาคารทาง SMS และกด “Log in” (เมื่อล็อกอินเรียบร้อยแล้ว ผู้ใช้สามารถเข้าไปเปลี่ยนรหัส Staff Pin ใหม่ได้เพื่อการจดจำที่ง่ายขึ้น)

ดาวน์โหลดแอพ K-Powerpay

รองรับ iPhone 3GS, iPhone 4, iPhone 4S, iPhone 5, iPod touch (รุ่น 3), iPod touch (รุ่น 4), iPod touch (รุ่น 5) และ iPad ต้องใช้ iOS 6.0 ขึ้นไป ส่วนเครื่อง Android รองรับตั้งแต่เวอร์ชั่น 4.1 ขึ้นไป

iOS

Android

วิธีรูดบัตร

ให้เปิดแอพพลิเคชั่น K-Powerpay เพื่อรับการชำระเงิน โดยกดคำว่า Start Accepting Payment และใส่จำนวนเงินของสินค้าหรือบริการลงไป ในขณะเดียวกันสามารถถ่ายภาพสินค้าหรือบริการเก็บไว้พร้อมทั้งใส่คำบรรยายได้ตามต้องการ จากนั้นจึงเสียบบัตรเพื่อขออนุมัติวงเงิน และให้ลูกค้าเซ็นชื่อเพื่อยืนยันการใช้จ่าย เสร็จแล้วกด “Continue” เมื่อวงเงินถูกอนุมัติเรียบร้อย หน้าจอจะขึ้นให้ลูกค้ากรอกเบอร์โทรศัพท์และอีเมลล์ เพื่อส่งหลักฐานการใช้บัตรให้กับผู้ถือบัตร

Krungsri Quick Pay

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีบริการ Krungsri Quick Pay โดยใช้อุปกรณ์ mPOS สองส่วน คือ บริเวณด้านบนสำหรับอ่านบัตรที่เป็นแถบแม่เหล็กอย่างเดียว และด้านล่างสำหรับอ่านบัตรชิปการ์ด สามารถรับบัตรเครดิต และบัตรเดบิตทุกธนาคาร โดยมีบริษัท สวิฟฟ์ จากประเทศสิงคโปร์ เป็นผู้ออกแบบเทคโนโลยีเพื่อการชำระเงินผ่านระบบโทรศัพท์มือถือ

เปิดใช้บริการ

2.สำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประจำตัวของผู้มีอำนาจลงนาม

3.สำเนาบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของร้านค้า

4.สำเนาบัญชีออมทรัพย์หรือบัญชีกระแสรายวันของธนาคารที่ต้องการสมัคร

ดาวน์โหลดแอพ Krungsri Quick Pay

รองรับ iPhone 3GS, iPhone 4, iPhone 4S, iPhone 5, iPod touch (รุ่น 3), iPod touch (รุ่น 4), iPod touch (รุ่น 5) และ iPad ต้องใช้ iOS 5.0 ขึ้นไป ส่วนเครื่อง Android รองรับตั้งแต่เวอร์ชั่น 2.3 ขึ้นไป

iOS

Android

เริ่มต้นการใช้งาน

เปิดแอพพลิเคชั่น “Krungsri Quick pay” เลือกเมนู Setting จากนั้นนำรหัส Activation Code ที่ได้รับจากธนาคารมากรอกเพื่อเปิดใช้งานในครั้งแรก

ขั้นตอนการชำระเงิน

ให้เลือกที่เมนู Payment กรณีที่เป็นบัตรเดบิต ให้ใช้อุปกรณ์อ่านบัตรแบบบัตรแถบแม่เหล็ก เชื่อมต่อผ่านช่องเสียบหูฟังของอุปกรณ์เคลื่อนที่ ในขณะที่เปิดแอพพลิเคชั่นกรุงศรีควิ๊กเพย์อยู่ ให้สังเกตุจุดสีส้มที่อยู่บริเวณด้านบนซ้ายของหน้าจอ ซึ่งหมายความว่ากำลังทำการเชื่อมต่อ และจะกลายเป็นสีเขียวเมื่อทำการเชื่อมต่อเสร็จสมบูรณ์ จากนั้นเมื่อต้องการชำระเงิน ให้กดปุ่ม Swipe ด้านบนขวา แล้วรูดบัตร ให้แถบแม่เหล็กหันไปทางด้านหลังของเครื่องรับบัตร เครื่องรับบัตรจะอ่านข้อมูลและบนหน้าจอจะแสดงชื่อผู้ถือบัตร หมายเลขบัตรสี่หลักสุดท้าย และวันหมดอายุ

ในกรณีที่เป็นบัตรเครดิต ให้ใช้อุปกรณ์อ่านบัตรแบบอีเอ็มวีเชื่อมต่อผ่านช่องยูเอสบีของอุปกรณ์เคลื่อนที่ โดยหน้าจอจะแจ้งว่าPlease Insert Card ให้ใส่ด้านที่มีชิปเข้าไปที่เครื่อง เมื่อเครื่องรับบัตรอ่านข้อมูลสำเร็จจะแสดงคำว่า Ready to Process หลังจากได้ใช้อุปกรณ์รูดบัตรเพื่ออ่านข้อมูลแล้ว ให้ร้านค้าเป็นผู้กรอกข้อมูล จำนวนเงินที่ต้องชำระ และรหัสพนักงาน จากนั้นให้ลูกค้าเจ้าของบัตรทำการกรอกอีเมลล์ เบอร์โทรศัพท์(เพื่อแจ้งเอสเอ็มเอส) และแตะที่ช่องลายเซ็น เพื่อเซ็นลายเซ็นผ่านหน้าจอ เมื่อข้อมูลครบถ้วนให้กด “ดำเนินการ” หลังจากนั้น ระบบจะแจ้งผลการชำระเงินโดยหากได้รับการอนุมัติ ระบบจะแสดงรายละเอียดการชำระเงินบนหน้าจอและธนาคารจะส่ง Sale Slip ให้กับลูกค้าทางอีเมลล์หรือเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ได้ใส่ข้อมูลไว้ หรือถ้าการชำระเงินถูกปฏิเสธ ระบบจะแสดงให้ทราบบนหน้าจอ ให้กด “ok” เพื่อกลับไปเริ่มต้นใหม่ที่หน้าจอเดิม

AEON Easy Pay

จะเริ่มจำหน่ายเครื่องให้แก่เจ้าหน้าที่ตัวแทนประกันเป็นกลุ่มแรกก่อน และธุรกิจร้านค้าขนาดเล็กประเภทเอสเอ็มอีจะเป็นรายต่อๆไป เนื่องจากการติดตั้งเครื่อง mPOS จะมีต้นทุนค่าเครื่องประมาณ 2,000 บาทและเสียค่าธรรมเนียมการใช้ 2.5 เปอร์เซ็นต์ จากยอดการใช้จ่ายในแต่ละครั้งและไม่ต้องเสียค่าอุปกรณ์อื่นๆ เพิ่มเติมเพราะนำไปเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรือดีไวซ์ต่างๆ ได้ทันที

ดาวน์โหลดแอพ AEON Easy Pay

iOS

Android

มาตรฐานด้านความปลอดภัย

อุปกรณ์ mPOS ของทั้ง 3 ธนาคารมีความปลอดภัยสูง ลูกค้าไม่ต้องกังวลว่าข้อมูลบัตรเครดิตหรือลายเซ็นจะถูกบันทึกเก็บไว้ในเครื่อง เพราะข้อมูลของลูกค้าจะถูกส่งไปยังระบบธนาคารทันทีที่มีการดำเนินการ ทำให้ลูกค้าสามารถไว้วางใจได้ว่าการใช้งาน mPOS จะไม่มีการโจรกรรมใดๆเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ในส่วนของธนาคารกสิกรไทยมีการป้องกันข้อมูลตั้งแต่การรูดบัตรจนถึงการส่งสำเนาสลิปให้กับลูกค้า โดยเข้ารหัส (Encryption) แล้วส่งไปให้ปลายทางถอดรหัส (Decryption) และทำ Data Masking กับข้อมูลบัตรเครดิต ตามมาตรฐาน PCI – DSS (Payment Card Industry Data Security Standard) เป็นมาตรฐานความปลอดภัยสารสนเทศที่แพร่หลายทั่วโลก ซึ่งตัวอุปกรณ์ mPOs และ Application ได้ผ่านการรับรอง (Certified by Visa) จาก Visa และ MasterCard จึงมั่นใจได้ว่าผู้ถือบัตรเครดิตที่ใช้บริการนี้สามารถใช้บริการ K-Merchant on Mobile ได้อย่างไร้กังวล

เช่นเดียวกับ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่ได้รับการสนับสนุนจากวีซ่า และสวิฟฟ์ (Swiff)เทคโนโลยีเพื่อการชำระเงินผ่านระบบโทรศัพท์มือถือจากเอสซีซีพี กรุ๊ป พร้อมทั้งผ่านการทดสอบเรื่องความปลอดภัย EMV Level 2 จาก VISA และ MasterCard ผ่านมาตรฐาน PCIData Security Standard (PCI DSS) โดยที่แอพพลิเคชั่นและอุปกรณ์ mPOS จะไม่เก็บข้อมูลบัตรและผู้ถือบัตร เพิ่มความปลอดภัยอีกระดับด้วยการเข้ารหัสตั้งแต่เริ่มเสียบบัตร โดยร้านค้าต้องกรอกรหัสส่วนตัวทุกครั้งที่จะทำการชำระเงิน ทำให้ลูกค้าสามารถไว้วางใจในความปลอดภัยของระบบชำระเงินรูปแบบใหม่นี้ว่าจะไม่มีช่องโหว่ของการถูกโจรกรรมอย่างแน่นอน

อัตราค่าบริการสำหรับร้านค้า

• ธนาคารกสิกรไทย มีอัตราค่าบริการแรกเข้า 3,000 บาท (รวมอุปกรณ์ mPOS) และเสียอัตราค่าธรรมเนียม 3 เปอร์เซ็นต์ทุกประเภทบัตร

• ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีค่าบริการติดตั้ง 2,000 บาท (รวมอัตราแรกเข้าและอุปกรณ์ mPOS) และอัตราค่าธรรมเนียม 2.5 เปอร์เซ็นต์ทุกบัตร

• บริษัทอิออน มีอัตราค่าบริการแรกเข้า 2,000 บาท เสียค่าธรรมเนียมการใช้ 2.5 เปอร์เซ็นต์ จากยอดการใช้จ่ายในแต่ละครั้ง

ต้องขอขอบคุณบริการดีๆจากทั้ง 3 ธนาคาร ที่เพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้ามา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ แต่ทั้งนี้ลูกค้าอาจต้องคำนวณต้นทุนแต่ละครั้งให้ดีเพราะมีค่าธรรมเนียมบวกเข้าไปอีก 2.5-3% ส่วนผู้ใช้อย่างเราก็สบายใจไปที่ไหนก็รูดง่ายไม่ต้องกลัวแล้วสินะ เย็นนี้ต้องไปลองแถวย่านเยาวราช เห็นว่าร้านขายอาหารข้างทาง ไม่ว่าจะเป็น ร้านขายเกาลัด ร้านก๋วยจั๊บ ร้านผลไม้ ร้านหูฉลาม ฯลฯ ก็มีให้บริการเรียบร้อย Oops!

Source

แก้ปัญหาแท็บเล็ต Windows 8.1 ใช้ซิมเน็ตไม่ได้-ตั้งค่าอย่างไร-หา APN ไม่เจอ?

ปัญหานี้มักเกิดกับผู้ใช้ที่เพิ่งเปิดบริการซิมใหม่ หรือเพิ่งถอยสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ตมาใหม่ โดยเฉพาะรุ่นที่ใช้ Android และ Windows ต้องตั้งค่า APN (Access Point Name) ให้ถูกต้องก่อน ไม่เช่นนั้นจะมีผลกับการส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ซึ่งผู้ให้บริการทั้ง 3 เครือข่ายทั้ง True, Dtac และ AIS ได้กำหนดชื่อ Access Point ไว้ให้แล้ว ดังนี้

เครื่อง Android เข้าไปตั้งค่าได้ที่ Settings > Connections > More networks > Mobile networks > Access Point Name แล้วแตะเปลี่ยนชื่อ APN พร้อม username และ password

TrueMove H

APN : hinternet
username : true
password : true

DTAC

APN : www.dtac.co.th
username : (ไม่มี)
password : (ไม่มี)

AIS

APN : Internet
username : AIS
password : AIS

เครื่อง Windows 8.1 เข้าไปตั้งค่าได้ที่ Settings > Network > แตะค้างที่ชื่อเครือข่ายแล้วปล่อย จากนั้นพิมพ์ชื่อ APN พร้อม username และ password

apn_win8_4 copy — Mobile broadband เปิด On เรียบร้อยแล้ว แต่ใช้อินเตอร์เน็ตไม่ได้ สังเกตได้จาก Network Connections ยังขึ้นกากบาทสีแดงอยู่

apn_win8_3 copy — แตะค้างที่ชื่อเครือข่ายแล้วปล่อยมือ จะเห็นช่องการตั้งค่า APN ดังรูป

TrueMove H

APN : hinternet
username : true
password : true

DTAC

APN : www.dtac.co.th
username : (ไม่มี)
password : (ไม่มี)

AIS

APN : Internet
username : AIS
password : AIS

apn_win8_6 copy — หลังจากพิมพ์ชื่อ APN พร้อม username และ password ให้สังเกตใต้ชื่อเครือข่ายจะขึ้นว่า Connectd แสดงว่าใช้งานได้แล้วจ้า

วิธีเพิ่มวิดเจ็ตนาฬิกา+พยากรณ์อากาศ แบบเดียวกับ Galaxy S6 บน Android ทุกรุ่นด้วย XWidget

ได้เวลาแปลงโฉม Android รุ่นเก่าให้ดูเรียบหรูสไตล์ Galaxy S6 โดยการเพิ่มวิดเจ็ต Galaxy S6 Weather แสดงสภาพอากาศและเวลาแบบเฉพาะผ่านแอพ XWidget เหมือนใช้ Android 5.0 กันแล้ว ยิ่งเปลี่ยนแบ็คกราวน์เป็นแบบเดียวกับ Galaxy S6 ด้วยแล้ว พูดได้คำเดียว “Oops!” จากตัวอย่างนี้แอดมินใช้ Galaxy Note 2 เป็นเครื่องทดสอบ ถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มติดตั้งวิดเจ็ตเลยค่ะ

ดาวน์โหลดแอพจำเป็น

XWidget สำหรับติดตั้งวิดเจ็ต

ES FIle Explorer File Manager สำหรับแตกไฟล์และคัดลอกไฟล์

weather_11 — แตะ INSTALL ติดตั้งให้เรียบร้อยก่อนทั้ง 2 แอพ

ดาวน์โหลดวิดเจ็ต Galaxy S6 Weather

• mediafire แตะลิงค์นี้แล้วให้เลือกเปิดด้วยแอพ ES Downloader > Just once (เฉพาะครั้งนี้เท่านั้น)

• หลังจากดาวน์โหลดเสร็จแล้ว แตะ Open file

• แตะแท็บ Extract > OK

• กลับออกมาที่หน้า Download จะเห็นโฟลเดอร์ GALAXY S6

• แตะค้างบนโฟลเดอร์ GALAXY S6 เลือก Copy

• แตะปุ่ม Back กลับไปที่หน้า sdcard เข้าไปที่โฟลเดอร์ XWidget > Widgets แล้วแตะ Paste

เพิ่มวิดเจ็ตหน้า Home Screen

• แตะค้างบนหน้า Home Screen ที่ต้องการวางวิดเจ็ต จากนั้นเลือก Apps and widgets

• แตะแท็บ Widgets

• แตะค้างบน XWidget 4×1 แล้วปล่อยวางในตำแหน่งที่ต้องการ

• แนะนำให้วางที่กรอบด้านบนสุดเพื่อความเนียนค่ะ 😉

• แตะแท็บ Local เลือก Galaxy S6 Weather

• แค่นี้ก็เรียบร้อย แสดงรูปแบบเวลา+พยากรณ์อากาศได้เหมือน Galaxy S6 สมใจ

ตั้งค่า Home Screen เป็นหน้าหลัก

หน้าที่เราเพิ่งวางวิดเจ็ตลงไปอาจยังไม่ใช่หน้าหลักที่เปิดขึ้นมาเจอเป็นหน้าแรกทุกครั้ง ดังนั้นต้องตั้งค่าก่อน ดังนี้

• ที่หน้า Home Screen ใดก็ได้ แตะปุ่ม Menu > Edit page

• แตะมุมขวาบนรูปบ้าน ในหน้าที่ต้องการใช้เป็นหน้าหลักได้เลย

Facebook Messenger ลูกเล่นมากกว่าที่คิด แค่คลิกปุ่ม More!

ถามว่าเคยคลิกปุ่ม More ในแอพ Facebook Messenger บ้างรึเปล่า? ตอบอย่างมั่นใจว่านี่ “ครั้งแรกของแอดเหมือนกัน” แค่ส่งสติ๊กเกอร์ ส่งข้อความ แต่งรูปภาพ หลายคนบอก “พอใจแล้ว” แต่ถ้ารู้ว่าในปุ่ม More มีแอพเสริมที่สามารถส่งภาพเคลื่อนไหว, อิโมจิ, คลิปเสียง, คลิปตลกๆ ฯลฯ จากเว็บออนไลน์ได้ด้วย! จะยังพอใจอยู่รึเปล่านะ Oops!

ดาวน์โหลดแอพเสริม

• เปิดแอพ Facebook Messenger ขึ้นมา แตะปุ่ม More > INSTALL เลือกติดตั้งแอพเสริมได้มากกว่า 30 แอพ ทั้งไอคอนฮาๆ, ภาพเคลื่อนไหวแบบแอคชั่น, คลิปเสียง ฯลฯ

• ตัวอย่างแอพ Bitmoji และ GIPHY ถ้าใครชอบให้แตะ GET ดาวน์โหลดบน App Store ได้ตามปกติ

วิธีใช้งาน

• จะเห็นไอคอนแอพเสริมที่หน้า Lock Screen แต่วิธีใช้งานจริงๆต้องเปิดแอพ FB Messenger แตะปุ่ม More > เลือกแอพที่ต้องการใช้งานก่อน

• ในที่นี้เลือกแอพ GIPHY เพื่อส่งภาพเคลื่อนไหวแบบ GIF กันค่ะ

• แอพ GIPHY จะถูกเปิดขึ้นมาเองอัตโนมัติ ให้เราแตะเลือกภาพเคลื่อนไหวที่ชอบ จากนั้นแตะ Send

• แตะ Send GIF อีกครั้ง

Ahhhh!! แค่นี้เพื่อนก็แปลกใจแล้วล่ะว่าเราส่งภาพเคลื่อนไหวมาจากไหน แต่อาจจะเปลืองเน็ตสักหน่อยเพราะแต่ละไฟล์ขนาดใหญ่ใช่ย่อย

iBackupBot จากโปรแกรมโอนไฟล์ กู้แบ็คอัพ! รู้ยังว่าเช็คแบตเสื่อมได้อีกด้วย

Wassuppp! เราเคยใช้โปรแกรม iTools, iFile, iFunbox สำหรับโอนหนัง, เพลง, ริงโทน หรือดึงแบ็คอัพจาก iTunes มาไว้ในมือถือได้ง่ายๆ วันนี้แอดอยากแนะนำอีกสักโปรแกรมคือ iBackupbot โปรแกรมนี้เคยช่วยชีวิตแอดไว้ได้ครั้งนึง เมื่อ iTunes, iTools, iFunbox ไม่สามารถรีสโตร์แบ็คอัพจาก iTunes ได้สักโปรแกรมเดียว (ขนาด iTunes ยังทำไม่ได้) สุดท้ายได้ลอง iBackupbot ข้อดีของมันคือแสดงผลข้อมูลในก้อนแบ็คอัพอย่างละเอียด รู้หมดมีอะไรในนั้นบ้าง แต่อาจจะรำคาญเวลาขึ้น Error ขึ้นถี่ๆ ขึ้นอยู่ได้!! โชคดีข้อมูลไม่หายเลยให้อภัย

แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นในวันนี้ 55+ เมื่อเพื่อนส่งบทความใน Pantip มาให้ แอบตกใจ “เฮร้ยย iBackupbot มีคำสั่งนี้ด้วยเหรอ” More Information ที่ทุกคนมองข้าม ไม่มีอะไรน่าสนใจ วันนี้กำลังจะได้รู้กันสักทีว่าแบตเตอรี่ใน iPhone ของเราใช้งานหนักแค่ไหน ใกล้เสื่อมเมื่อไหร่ ปีใหม่ไทยหวังว่าไม่ต้องซื้อใหม่นะจ๊ะ Oops+++

ดาวน์โหลดโปรแกรม iBackupbot

Windows

Mac

ระหว่างติดตั้งอาจเห็นหน้าต่าง Error แบบนี้ไม่ต้องตกใจค่ะ เป็นเรื่องปกติของโปรแกรมเวลาไม่ได้เชื่อมต่ออุปกรณ์เข้าคอม แถมโปรแกรมเป็นเวอร์ชั่นทดลองใช้ฟรีอีก บางคำสั่งจึงไม่สามารถใช้ได้จนกว่าจะเสียตังค์ซื้อ แต่หลังจากได้ลองใช้คำสั่งที่ต้องเสียตังค์ เช่น Export>Excel ก็ยังใช้งานได้ปกติ นี่คือข้อดีของโปรแกรมด้วยรึเปล่านะ?

ทักทาย Backups สักครู่

อย่างที่เล่าไปตอนต้นว่ามันเคยช่วยชีวิตแอดเอาไว้ ให้สังเกตหัวข้อ Backups ด้านซ้ายมือ นั่นคือก้อนแบ็คอัพที่อยู่ใน iTunes ของเรา (แสดงว่าแอดหมั่น backup ใน iTunes เสมอๆนะจ๊ะ)

คลิกเลือกก้อนแบ็คอัพที่ต้องการดึงข้อมูลออกมา จะเห็นรายละเอียดมือถือและ User Information ทางด้านล่าง แยกเป็นหัวข้อชัดเจน เช่น Contacts, Messages, Call History ฯลฯ คล้ายกับ iTools แต่บอกเลยว่า iTools ต้องดึงไปทั้งก้อนแยกแบบนี้ไม่ได้นะจ๊ะ

ในที่นี้คลิก Contacts จะแสดงรายชื่อทั้งหมดที่อยู่ในก้อนแบ็คอัพนั้น วิธีดึงออกมาให้คลิก Export > เลือกชนิดไฟล์ที่ต้องการ (แนะนำเป็น vCard file จะสะดวกเวลาเก็บและเรียกใช้บนมือถือ)

เช็คดู Battery

• ก่อนอื่นต้องเชื่อมต่อมือถือเข้าคอมก่อน เปิดโปรแกรม iBackupBot ที่เมนู Devices คลิกชื่อ iPhone ของตัวเอง

• คลิกคำสั่ง More Information

โปรแกรมจะแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับแบตเตอรี่ ทั้งจำนวน Cycle, ความจุแบตเตอรี่จากโรงงาน และความจุแบตเตอรี่จริงที่ใช้งานอยู่ (ถ้าไม่เสื่อมมากนัก ความจุน่าจะยังอยู่ที่ราวๆ 1000+ ถ้าต่ำกว่านี้เปลี่ยนได้ก็เปลี่ยนค่ะ)

CycleCount : จำนวนครั้งแบตเตอรี่ที่ได้ใช้งานไป นับ 100% เป็น 1 Cycle
DesignCapacity : ความจุแบตเตอรี่ที่มาจากโรงงาน
FullChargeCapacity : ความจุแบตเตอรี่ที่สามารถใช้ได้ ณ ขณะนี้ (หมายถึง สามารถชาร์จไฟให้เต็มได้จำนวนเท่านี้)

ข้อสังเกต
– แบตเตอรี่ที่ยังมีสภาพดีอยู่ จะมีค่า Cycle ไม่เกิน 600–700 แบตเตอรี่จะเริ่มเสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ เมื่อค่า Cycle เกินระดับนี้ไป
– จำนวน FullChargeCapacity จะต้องมีค่าใกล้เคียงกันกับ DesignCapacity เสมอ หากต่ำกว่ามากเกินไปเท่าไหร่ แปลว่าแบตเตอรี่เสื่อมสภาพแล้วมากเท่านั้น

Source : Pantip

แอพ YouTube และ Safari เปิดเพลงจาก YouTube ได้ทั้งคู่! แต่ iOS ให้สิทธิ์อะไรกับ Safari ต้องดูคลิป!

หลายครั้งที่เปิดแอพ YouTube ฟังเพลงบน iDevice หรือแม้แต่เครื่อง Android เองก็ตาม ยังไม่สามารถปิดหน้าจอแล้วใช้งานพร้อมกับแอพอื่นๆได้

เมื่อทดลองเข้าเว็บ youtube.com ผ่านบราวเซอร์ chrome และ internet (บน Android) ก็แล้วยังไม่สามารถทำงานพร้อมกับแอพอื่นๆได้เหมือนเดิม แต่สำหรับแอพ Safari (บน iDevice ตั้งแต่ iOS 7 ขึ้นไป) กลับใช้ปุ่ม Play ในหน้า Control Center และหน้า Lock Screen เล่นเพลงในเว็บ youtube.com ได้พร้อมกับแอพอื่นๆ

ปล. ถึงจะเล่นได้! ก็ได้แค่ทีละเพลงอยู่ดีนะ Oops! ยังไม่สามารถเล่นทั้ง Playlist เหมือนแอพ YouTube ได้อยู่ดี

Post by OopsMobile.

[Update iOS 8.3] ดาวน์โหลด Firmware เวอร์ชั่นล่าสุดและย้อนหลัง ลิงค์ตรงสำหรับ iPhone และ iPad

Wassuppp! หลายคนเสียเวลาดาวน์โหลดเฟิร์มแวร์บน iTunes หลายๆรอบ (กรณีเน็ตหลุดระหว่างทาง หรือเกิด iTunes Error ต่างๆ) แนะนำให้ดาวน์โหลดจากลิงค์ตรงจะได้เป็นไฟล์ .ipsw เก็บไว้ แล้วเลือกติดตั้งบน iTunes ภายหลังเมื่อต้องการ

คำเตือน ควรแบ็คอัพก่อนรีสโตร์ทุกครั้ง! หรือถ้าใครเปิด iCloud>Find My iPhone เอาไว้ จะมีข้อความเตือนให้เข้าไปปิดก่อนค่ะ

ดูวิธีอัพเดทเฟิร์มแวร์ คลิกที่นี่

restore_01 — สามารถ **Shift + Update** หรือ **Shift + Restore iPhone** เวอร์ชั่นล่าสุด (ข้อมูลไม่หาย) iTunes จะแบ็คอัพให้อัตโนมัติ แต่เพื่อความปลอดภัยควรแบ็คอัพเองด้วยทุกครั้ง

วิธีสังเกตง่ายๆว่าเครื่องนี้โมเดลอะไร, เลข IMEI อะไร ฯลฯ แค่พลิกดูหลังเครื่องก็ได้แล้วค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่จะรองรับแบบ GSM

เวอร์ชั่นล่าสุด:

iPhone

Latest:

8.3.0 (4S): iPhone4,1_8.3_12F70_Restore.ipsw
8.3.0 (5 GSM): iPhone5,1_8.3_12F70_Restore.ipsw
8.3.0 (5 GSM+CDMA): iPhone5,2_8.3_12F70_Restore.ipsw
8.3.0 (5c GSM): iPhone5,3_8.3_12F70_Restore.ipsw
8.3.0 (5c GSM+CDMA): iPhone5,4_8.3_12F70_Restore.ipsw
8.3.0 (5s GSM): iPhone6,1_8.3_12F70_Restore.ipsw
8.3.0 (5s GSM+CDMA): iPhone6,2_8.3_12F70_Restore.ipsw
8.3.0 (6+): iPhone7,1_8.3_12F70_Restore.ipsw
8.3.0 (6): iPhone7,2_8.3_12F70_Restore.ipsw

iPad

Latest:

รวมทุกเวอร์ชั่น:

iPhone

Source : iclarified iclarified

flyvpn ชื่อนี้ไม่เคยทำให้คนรักสติ๊กเกอร์ Line ผิดหวัง

เมื่อสองปีก่อน oopsmobile เคยแนะนำวิธีดาวน์โหลดสติ๊กเกอร์ต่างประเทศแบบฟรีๆมาแล้ว ซึ่งเงื่อนไขคือห้ามล็อกอินด้วยเบอร์มือถือเด็ดขาด แค่นี้ก็ดาวน์โหลดสติ๊กเกอร์กันไม่ไหวแล้วค่ะ ส่วนบางคนที่ใช้วิธีเดิมไม่ผ่าน วันนี้แอดขอมาคอนเฟิร์มอีกครั้งว่ายังสามารถใช้เซิร์ฟเวอร์ flyvpn ได้อยู่ หน้าตาอาจจะเปลี่ยนไปบ้างแต่รับรองว่าไม่ยาก ใครๆก็ทำได้แน่นอนค่ะ

1. เปิด safari เข้าไปที่ m.flyvpn.com แตะปุ่ม Register จากนั้นกรอกรายละเอียดให้ครบทุกช่อง ได้แก่ ชื่อแอคเคาท์, รหัสผ่าน และอีเมล์ เสร็จแล้วแตะปุ่ม Register
2. เมื่อสมัครผ่านแล้วจะแสดงข้อความว่า Registered successfully ให้เลื่อนลงมาแตะที่ VPN Servers
3. แตะปุ่ม Setup ท้ายประเทศที่ต้องการติดตั้ง จากรูปเราจะติดตั้งประเทศญี่ปุ่น (Japan 04) จากนั้นแตะปุ่ม Install>Install Now และ Done คือเสร็จสมบูรณ์
4. กลับมาที่หน้าตั้งค่า VPN จะเห็นชื่อ FlyVPN ที่เพิ่งติดตั้งไปเมื่อสักครู่ ให้แตะเลือกแล้วเปิด VPN เป็น ON ถ้าล้มเหลวให้เปิด/ปิดจนเชื่อมต่อสำเร็จ สถานะจะขึ้นว่า Connected และมีสัญลักษณ์ VPN ที่แถบสถานะเช่นเดียวกัน

เข้าไปดูคลิปวิดีโอเต็มๆได้ที่นี่ค่ะ

ไม่เคยละสิ? แค่น้ำหยดเดียวกับ 7 เทคนิคถ่ายภาพที่เมพเค้าทำกัน [มีคลิป]

เรื่องถ่ายภาพไว้ใจแอพไหนอย่าเพิ่งหยิบมาใช้ เพราะวันนี้เรามีแค่น้ำหยดเดียวก็เปลี่ยนสิ่งรอบตัวให้เป็นภาพมาโครได้ง่ายๆ หรือจะใช้อุปกรณ์เสริม เช่น หูฟัง, กระดาษแข็ง, แผ่นบังแดดหน้ารถ บวกกับแรงกายนิดหน่อย คุณก็จะได้ภาพถ่ายจากสมาร์ทโฟนที่ไม่เหมือนใครแน่นอน

1. หยดเดียวเอาอยู่!

ใช้หลอดจุ่มน้ำแล้วค่อยๆวางหยดน้ำลงบนเลนส์ของสมาร์ทโฟน หลังจากทดลองถ่ายแมลงตัวเล็กๆก็ได้ภาพอย่างที่เห็นด้านล่าง อาจจะเบลอไปบ้างแต่ก็สวยใช้ได้ทีเดียว

2. ถ่ายพาโนราม่าช็อตเดียวหล่อเลย

เทคนิคนี้ใครมีสมาร์ทโฟนต้องลองสักครั้ง แค่หาผู้ช่วยมาสักหนึ่งคน ภาพที่ได้จะเหมือนตัดต่อไม่บอกไม่รู้เลยว่านายแบบวิ่งหลบหลังตากล้องแล้วออกมาถ่ายซ้ำแบบเนียนๆ ส่วนใครที่ใช้ OPPO รุ่นใหม่มีฟีเจอร์ถ่ายภาพพาโนแบบเคลื่อนที่อัตโนมัติ จะตั้งกล้องตรงไหนก็ได้ขอแค่วิ่งให้ทันก็พอแล้ว

3. ถ่ายพาโนราม่าเคลื่อนที่

การเดินทางช่วยให้เราได้ภาพสถาปัตยกรรมหรือวิวทิวทัศน์สวยประทับใจ แต่ถ้าต้องอยู่บนรถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วแนะนำให้ลองใช้โหมดพาโนราม่า วางมือให้นิ่งๆกดถ่ายภาพแล้วรอดูผลลัพธ์สุดเฟี้ยวได้เลย

4. ซูมด้วยกล้องส่องทางไกล ดูยังไงก็แอพตาปลา

แอพ Fisheye เก็บภาพมุมโค้งเหมือนตาปลาได้รับความนิยมอย่างสูง แม้ไม่ต้องมีเลนส์ Fisheye ก็ทำได้แล้ว แต่ถ้าใครมีกล้องส่องทางไกลอยู่ในมือลองใช้วิธีนี้ จะได้ภาพตาปลาสมใจอย่างไม่น่าเชื่อ

5. แฟลชจากแผ่นบังแดดส่วนตัว

เทคเดียวผ่านทั้งหน้าสด หน้ามัน จัดการได้ด้วยแฟลชชั้นดีจากแผ่นบังแดดหน้ารถ T^T ของดีอยู่ใกล้ตัวต้องหยิบมาเล่นบ้างแล้วสินะ

6. ทำ Dock เองสักอัน เสียบหูฟังแล้วแชะ!

กระดาษ กรรไกร ใช้สร้างอะไรได้เยอะแยะ หนึ่งในนั้นคือ tripod ขาตั้งกล้องขนาดเล็ก แต่จะถ่ายรูปไม่ให้เห็นแขนต้องมีหูฟังติดตัวเอาไว้แล้วกดปุ่ม Volumn รับรองระยะไม่เกิน 1 เมตร จะได้ภาพสวยเหมือนมีคนถ่ายให้เลยทีเดียว

7. ถ่ายภาพผิวน้ำ ถามคำเดียว…มีแก้วมั้ย?

แก้วใสๆป้องกันน้ำเข้าได้เป็นอย่างดี เหมือนได้ถ่ายภาพในน้ำแต่ถ้าไม่เห็นเบื้องหลังการทำงานคงคิดว่าลงไปทั้งตัวแล้วใช้มือถือกันน้ำถ่ายแหงมๆ

Source

วิธีตามหาเลข IMEI ที่ถูกขโมยไป! เชื่อมั้ย? แค่ล็อกอิน Google Account

เป็นประจำเมื่อมือถือหายสิ่งแรกที่โดนถามคือเลข IMEI อยู่ไหน “เอิ่ม! อยู่ในเครื่อง” ขุ่นพระ! ใครที่ยังมีมือถืออยู่ในมือให้รีบกด *# 06 # แล้วก็อปปี้ไปเก็บไว้บนคลาวด์ เช่น อีเมล์, แอพ Evernote, Dropbox หรือจดใส่กระดาษไว้ก็ได้ เพราะ IMEI คือตัวยืนยันดีที่สุดในกระบวนการตามหาเครื่อง แต่ถ้าใครลืมเก็บละก็ ยังมีอีกวิธีสำหรับเจ้าของเครื่องเท่านั้นที่ทำได้ (โจรนี่เงิบไปเลย) เป็นการล็อกอิน Google Account เพื่อเข้าไปดูบัญชี และดูเลข IMEI ดังนี้

ล็อกอิน Google Account

1. เข้าไปที่ myaccount.google.com เลือกอีเมล์ที่ใช้ลงทะเบียนบนเครื่อง Android ถ้าไม่มีให้คลิก เพิ่มบัญชีอื่น แล้วพิมพ์อีเมล์ของเราลงไปอีกที

2. ใส่รหัสผ่านอีเมล์ให้ถูกต้อง เสร็จแล้วคลิก ลงชื่อเข้าใช้

3. เลื่อนลงมาที่หัวข้อ “เครื่องมือบัญชี/Account tools” เลือก “หน้าแดชบอร์ด/Dashboard“

4. เมื่อคลิกที่รูป Android จะแสดงรายชื่ออุปกรณ์ที่เคยลงทะเบียนด้วยอีเมล์นี้ (แอดมินลงทะเบียนไว้ 7 เครื่อง) พร้อมเลข IMEI, ชื่อรุ่น, ผู้ผลิต, ผู้ให้บริการ, วันที่ใช้งานล่าสุด และวันที่ลงทะเบียนครั้งแรก