แอลจีจับมือกูเกิ้ล เปิดตัว Nexus 5 สมาร์ทโฟนดีไซน์บางเฉียบพร้อมให้คุณสัมผัสความแรงแล้ววันนี้

Nexus 5_1
แอลจีจับมือกับกูเกิ้ล ต่อยอดความสำเร็จจาก Nexus 4 ด้วย Nexus 5 สุดยอดสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เวอร์ชั่น 4.4™ KitKat และชิพประมวลผลล้ำหน้าที่สุดกับ Quad Core Snapdragon™ 800 2.26 GHz จากควอลคอมม์ให้การใช้งานเป็นไปอย่างลื่นไหล อีกทั้งหน้าจอแบบ Full HD IPS ขนาด 5 นิ้ว ที่มอบภาพคมชัด สีสันสดใสเสมือนจริง พร้อมหน่วยความจำ 16 GB

 

ไม่พลาดทุกภาพความประทับใจ
ด้วยกล้องถ่ายภาพ ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ของ Nexus 5 ที่มาพร้อมเทคโนโลยี OIS Camera ป้องกันภาพสั่นไหวจาก Innotek ที่ช่วยให้เปิดหน้ากล้องได้นานกว่า คมชัดกว่า และจัดการกับสัญญาณรบกวนได้ดีกว่า Nexus 5 เหนือชั้นโดยเฉพาะการถ่ายภาพในสภาพแสงน้อย และยังมีฟีเจอร์ Photo Sphere ที่สามารถจับภาพได้หลายๆ ภาพจนได้เป็นภาพที่มีมุมมอง 360 องศาได้อย่างไร้รอยต่อ นอกจากนี้ กูเกิ้ลยังสามารถสร้างสรรค์รูปภาพและวีดีโอผ่าน Auto Awesome จากข้อมูลในไลบรารี เพื่อแบ่งปันกับเพื่อนๆ และครอบครัว และยังมีโหมด HDR+ ที่ช่วยจับภาพติดต่อกันและใช้ความสามารถในการคำนวณเพื่อรวมภาพเข้าด้วยกัน โดยเก็บรายละเอียดทั้งแสงและเงาที่ได้มาจากการวัดแสงในระดับต่างๆ และข้อมูลทางด้านสีจนออกมาเป็นภาพถ่ายที่สมบูรณ์แบบ

 

ขุมพลังที่ให้การใช้งานไม่มีสะดุด
Nexus 5 เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกของโลกที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เวอร์ชั่น 4.4 KitKat ที่มอบพลังเหนือชั้นจากกูเกิ้ล ในเครื่องดีไซน์บางเฉียบและน้ำหนักเบา แต่ให้ความรู้สึกแข็งแรงทนทาน ชิพประมวลผล Qualcomm® Snapdragon™ 800 และระบบ 4G/LTE มาพร้อมหน้าจอ Full HD IPS ความละเอียด 445 PPI และยังให้การตอบสนองต่อการสัมผัสรวดเร็วดั่งใจนึก มองเห็นได้ง่ายเมื่ออยู่กลางแจ้ง พร้อมแสดงภาพคมชัดกว่าเดิม คุณสมบัติเหล่านี้รวมอยู่ในสมาร์ทโฟนดีไซน์บางเฉียบล้ำสมัยที่แสดงถึงความเป็นสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมจากกูเกิ้ล

 

สิ่งที่ดีที่สุดจากกูเกิ้ล
แอนดรอยด์ เวอร์ชั่น 4.4 KitKat มอบทั้งความเร็วและง่ายต่อการใช้งาน ระบบการโทรออกแบบใหม่ช่วยแนะนำชื่อจากบัญชีรายชื่อที่ผู้ใช้น่าจะโทรหามากที่สุด ในขณะที่บริการ Caller ID โดยกูเกิ้ลจะช่วยจับคู่เบอร์ที่โทรเข้ามากับธุรกิจหรือบริการแม้ไม่ได้อยู่ในบัญชีรายชื่อในเครื่อง และผู้ใช้สามารถรับส่งข้อความได้โดยตรงจากบริการ Hangouts ซึ่งปัจจุบันสนับสนุนการแชร์สถานที่แล้ว

 

สัมผัสประสบการณ์ใหม่ ด้วยบริการอื่นๆ จาก Google Unleashed อาทิ Gmail, Chrome, Calendar, Maps, Drive , Google Wallet , Hangouts™ , Smarter Dialer ผู้ใช้ Nexus 5 สามารถจัดการกับชีวิตประจำวันได้ด้วยแอพพลิเคชั่นที่คุ้นเคยและง่ายต่อการใช้งาน ด้วย Google Now ผู้ใช้สามารถเริ่มการสั่งงานด้วยเสียงได้เพียงแค่พูดคำว่า “โอเค กูเกิ้ล” นอกจากนี้ ด้วยแอพพลิเคชั่น และเกมส์กว่าหนึ่งล้านแอพพลิเคชั่น อีกทั้งภาพยนตร์และเพลงใน Google Play สิ่งที่คุณมองหาอยู่แค่เพียงปลายนิ้ว

 

Nexus 5 วางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว ด้วยหน่วยความจำ 16 GB ราคา 16,900 บาท มีให้เลือกระหว่างสีดำ และสีขาว ณ ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายของแอลจีทั่วประเทศ ข้อมูลเพิ่มเติมเข้าชมได้ที่ www.lg.com/th และ www.facebook.com/thailandlifesgood

 

คุณสมบัติทางเทคนิค
• ชิพประมวลผล Qualcomm® Snapdragon™ 800 2.26GHz Quad-Core
• ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เวอร์ชั่น 4.4 KitKat
• กล้องหลัง 8.0 ล้านพิกเซล OIS Camera ถ่ายภาพได้คมชัด แม้ในขณะเคลื่อนไหว และกล้องหน้า 1.3 ล้านพิกเซลระบบ HD
• เครือข่าย GSM/GPRS/EDGE, WCDMA/HSPA+, LTE
• ความจุ 16GB
• RAM 2 GB
• แบตเตอรี่มาตรฐาน 2,300 mAh
• ขนาด 69.17 x 137.84 x 8.59 มิลลิเมตร (กว้าง x ยาว x หนา)
• น้ำหนัก 130 กรัม
• คุณสมบัติอื่นๆ การชาร์จแบบไร้สาย และ NFC

เทเลนอร์ และดีแทค ร่วมนำแนวคิด ‘Internet for All’ สู่เวทีระดับโลก ITU Telecom World 2013

ITU_3474

เทเลนอร์ และดีแทคเข้าร่วมจัดแสดงเทคโนโลยีการสื่อสารครั้งสำคัญ ในเวทีการสื่อสารระดับโลก ITU Telecom World 2013 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในปีนี้ โดยมีบริษัทที่ให้บริการด้านการสื่อสารโทรคมนาคมจากทั่วโลก รวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญ และหน่วยงานที่ควบคุมดูแลเข้าร่วมในงานดังกล่าว เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ในยุคที่ข้อมูลการสื่อสารก้าวไปอย่างรวดเร็ว รวมทั้งเดินหน้าเพื่อบรรลุเป้าหมายที่จะเชื่อมต่อผู้คนเข้ากับอินเตอร์เน็ตทั่วทั้งประเทศไทยและเอเชีย

 

นายจอน เฟรดริค บัคซอส ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เทเลนอร์ กรุ๊ป จะขึ้นแสดงวิสัยทัศน์บนเวที ITU ในปีนี้ด้วย โดยนายบัคซอส จะกล่าวถึงความสำคัญของระบบสื่อสารไร้สาย และเน้นย้ำว่าการเชื่อมต่อกว่า 500 ล้านชีวิตในทวีปเอเชียที่ยังไม่มีโอกาสเข้าถึงอินเตอร์เน็ตนั้นเป็นเรื่องใหญ่ที่เทเลนอร์จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย
“เทเลนอร์เข้าร่วมในเวทีนี้เนื่องจากหลายฝ่ายที่เข้าร่วมนั้นมีวิสัยทัศน์เดียวกัน คือการเชื่อมต่อทุกคนเข้ากับการสื่อสารไร้สาย หรือ Internet for All โดยเทเลนอร์เชื่อว่าเราสามารถร่วมมือกันโดยการแบ่งปันความรู้และทรัพยากร เพื่อทำให้ตลาดเติบโต และเกิดการแข่งขันที่ยุติธรรม” นายจอน เฟรดริค บัคซอส ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เทเลนอร์ กรุ๊ป และ ประธาน GSMA กล่าว

 

“กว่า 90% ของประชากรทั้งโลกจำนวน 7.2 พันล้านคนนั้น อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือครอบคลุม แต่ยังมีอีกหลายชีวิตที่ยังเข้าไม่ถึง โดยจากผลสำรวจขององค์การสหประชาชาติ เมื่อปี 2553 โทรศัพท์มือถือนั้นเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่จะช่วยให้ผู้คนหลุดพ้นจากความยากจนได้ เพราะว่าการสื่อสารมีบทบาทอย่างมากในการก้าวไปสู่สังคมที่ผู้คนพึ่งพาตัวเองได้ ทั้งเทเลนอร์และดีแทค ได้ร่วมกันแสดงให้เห็นว่าเราสามารถทำให้เทคโนโลยีการสื่อสารมีราคาถูกลงและเข้าถึงได้ง่าย โดยยังคงไว้ซึ่งคุณภาพ เพื่อให้ประชากรในวงกว้างได้รับประโยชน์อย่างสูงสุด” นายบัคซอส กล่าว

 

ทั้งเทเลนอร์ และดีแทค จะร่วมแสดงแนวคิด ‘Internet for All’ ในงาน ITU Telecom World 2013 นี้ และร่วมแสดงพลังของโลกแห่งการเชื่อมต่อไร้สายที่บูธของดีแทคภายในงาน นอกจากนี้ตัวแทนของทั้งสององค์กรยังจะขึ้นเวทีร่วมกับ ตัวแทนจากภาครัฐและหน่วยงานเอกชนอื่นๆ เพื่อพูดคุยและตอกย้ำถึงความร่วมมือของทุกฝ่ายเพื่อนำไปสู่การพัฒนาของโลกโทรคมนาคมอย่างยั่งยืน

 

“เป้าหมายของเทเลนอร์คือการทำให้ทุกชีวิตในประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชียที่เทเลนอร์เข้าไปทำธุรกิจ รวมทั้งประเทศไทยได้มีโอกาสเข้าถึงอินเตอร์เน็ต รวมถึงพัฒนาคลื่นลูกใหม่ในวงการการสื่อสารไร้สายซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมได้ สมาร์ทโฟนและอินเตอร์เน็ตจะไม่ใช่สิ่งไกลตัวอีกต่อไป แต่จะเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับทุกชีวิต ซึ่งผู้ให้บริการเครือข่ายจะต้องขยายสัญญาณให้ครอบคลุมและนำเสนออุปกรณ์การใช้งานในราคาที่ทุกคนเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น” นายบัคซอส กล่าวเพิ่มเติม
ความร่วมมือของเทเลนอร์ และดีแทค ในการพัฒนาแพ็กเก็จต่างๆและอุปกรณ์สมาร์ทโฟนในราคาที่ถูกลง เกิดขึ้นในช่วงเดียวกับที่การใช้งานสมาร์ทโฟนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบต่อไตรมาส ซึ่งในไตรมาสที่สามของปีนี้ ตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยเติบโตถึง 29.1% โดยเพิ่มขึ้นจาก 7.1 ล้านเครื่องเป็น 8 ล้านเครื่อง

 

นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่าดีแทคได้นำแนวคิด Internet for All มุ่งสู่การพัฒนาในสังคมไทย เพื่อให้มีการเข้าถึงข้อมูลอย่างเท่าเทียมในทุกภาคส่วนของสังคม โดยการมุ่งสร้างโครงข่าย 3G เพื่อรองรับการใช้งานทั่วประเทศ และขณะนี้โครงข่ายดีแทค ไตรเน็ต หรือ 3G บนคลื่น 2100 MHz. ได้ครอบคลุมประชากรประมาณ 55% ของประเทศ โดยดีแทคได้มุ่งขยายเครือข่าย 3G ทั่วประเทศต่อไป และเตรียมพร้อมสู่การให้บริการเครือข่าย 4G เพื่อรองรับการเติบโตที่รวดเร็วของความต้องการใช้งาน

Baksaas_Jon_dtac_3676_ITU

 

“ปัจจุบันดีแทคมีลูกค้าที่ใช้บริการ 3G เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว โดยเพิ่มขึ้นจาก 1.6 ล้านเป็น 4.3 ล้านรายในปีที่ผ่านมา แม้ว่าในแต่ละปีจะมีผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่อีกมุมหนึ่งในสังคมไทยโดยเฉพาะชนบท หรือพื้นที่ห่างไกลยังขาดการเข้าถึงของอุปกรณ์สื่อสารเพื่อการใช้งานที่จะนำมาพัฒนาคุณภาพชีวิต ดีแทคได้เห็นความสำคัญในส่วนนี้จึงนำเสนอแพ็กเกจ และอุปกรณ์ที่มีราคาถูกลง เช่น ดีแทค ไตรเน็ตโฟน สมาร์ทโฟนในราคาที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ เพื่อรองรับการใช้งานอินเตอร์เน็ตและแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่จะทำให้เข้าถึงข้อมูลความรู้ผ่านโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ในทุกภาคส่วนของสังคมไทย” นายอับดุลลาห์ กล่าวปิดท้าย

 

ทั้งนี้ สำหรับผู้สนใจเข้าร่วมงานการจัดแสดงเทคโนโลยีการสื่อสารครั้งสำคัญ ITU Telecom World 2013 สามารถเยี่ยมชมบูธดีแทค ได้ระหว่างวันที่ ตั้งแต่วันนี้ถึง วันที่ 22 พฤศจิกายน 2556 ที่ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

 

ดีแทคเปิดตัวไตรเน็ตโฟนเจน 2 สเปคสูงเทียบชั้นสมาร์ทโฟน “คุ้มมาก เร็วมาก ชัดมาก”

dtac_04

 

หลังจากได้รับกระแสตอบรับอย่างล้มหลามจาก dtac TriNet Phone รุ่นแรก ดีแทคก็ไม่หยุดนิ่งตอบรับกระแสความต้องการของลูกค้าด้วย dtac TriNet Phone Gen 2 สานต่อแนวคิด “สมาร์ทกว่ากับดีแทค สมาร์ทโฟน” และวิสัยทัศน์ “Internet for All” ด้วยสเป็คที่สูงขึ้นกว่าเดิมในราคาเบา ๆ ที่ทุกคนเป็นเจ้าของได้ บน TriNet – 3 โครงข่ายอัจฉริยะ ชัดกว่า เร็วกว่า และคุ้มกว่าบนแบนด์วิธที่กว้างที่สุดจากดีแทค พร้อมรับโบนัสสุดคุ้มทั้งค่าโทรและเน็ต นานสูงสุดถึง 18 เดือน

 

นายปภาพรต ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานบริหารอุปกรณ์สื่อสาร กล่าวว่า “ตั้งแต่เราเปิดตัว dtac TriNet Phone เจนเนอเรชั่นแรก 3 สายพันธุ์คือ Cheetah , Joey และ Mousey ด้วยบุคลิกที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวของแต่ละเครื่อง ทำให้ลูกค้าดีแทคให้การตอบรับอย่างดีเยี่ยม เห็นได้จากยอดขายที่กินส่วนแบ่งถึง 20% จากทั้งพอร์ตโทรศัพท์ที่ดีแทคจำหน่ายอยู่ ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มสมาร์ทโฟนตามหลังเพียงไอโฟนและซัมซุง ส่วนยอดการใช้ดาต้าหรือการใช้อินเตอร์เน็ตผ่าน dtac TriNet Phoneเจนเนอเรชั่นแรก ก็เพิ่มขึ้นถึง 86% หลังเปิดตัว ความสำเร็จของ dtac TriNet Phone ยังเป็นผลมาจากฟังก์ชั่นการใช้งานที่เหนือกว่าและราคาที่คุ้มค่ากว่า ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตรงใจที่สุด จากข้อมูลตรงนี้ เราจึงพัฒนา dtac TriNet Phone Gen 2 ด้วยการอัพเกรดให้มีประสิทธิภาพรวดเร็วยิ่งขึ้นจากรุ่นแรก เปรียบเสมือนการ ติดเทอร์โบให้กับสายพันธุ์ Cheetah และ Joey นอกจากนี้เพื่อรองรับกระแสความต้องการของผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่ชื่นชอบโทรศัพท์ที่มีหน้าจอใหญ่และคมชัด ดีแทคจึงแนะนำ “Lion” รุ่นใหม่จอมพลังเพิ่มเข้ามาอีก 1 รุ่น เพื่อเพิ่มความคุ้มกว่า เร็วกว่า และชัดกว่า

 

การพัฒนาผลิตภัณฑ์ dtac TriNet Phone เกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ “Internet for All” ซึ่งดีแทคมุ่งหวังให้คนไทยทุกคนทั่วประเทศสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ เพื่อการรับรู้ข้อมูลข่าวสารและโอกาสต่าง ๆ ที่เท่าเทียมกัน ด้วยสมาร์ทโฟนคุณภาพ พรั่งพร้อมด้วยคุณสมบัติการใช้งานที่ตอบสนองทุกความต้องการด้านการสื่อสารเช่น ระบบเสียงคมชัดอย่าง HD Voice, ซิมไม่ล๊อก ฯลฯ ในราคาที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้

 

dtac TriNet Phone สมาร์ทโฟนสายพันธุ์ใหม่เจนเนอเรชั่นที่ 2 มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น ตามลักษณะการใช้งานที่แตกต่าง ประกอบด้วย

 

• Lion เร็วจัด ชัดเวอร์ – สมาร์ทโฟนจอมพลัง แรง คมชัด เต็มประสิทธิภาพ มาพร้อมหน้าจอสัมผัส 5 นิ้ว IPS ใหญ่เต็มตา ความละเอียด 720x 1280 คมชัดระดับ HD พร้อมระบบประมวลผล Quad-Core 1.2 GHz สุดทรงพลังที่มีในสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์เท่านั้น รองรับ 3G ความเร็วสูงสุด 42Mbps ส่วนระบบปฏิบัติการใช้ Android 4.2 Jelly Bean กล้อง 8 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องหน้า 1 ล้านพิกเซล และหน่วยความจำ 4 GB และ Ram 1GB พร้อมเพิ่ม MicroSD ได้สูงสุดถึง 32 GB ราคา 5,990 บาท (เมื่อซื้อพร้อมแพ็คเกจ)

 

• Cheetah จอกว้าง ถ่ายกริ๊ป ติดเทอร์โบ – ครบครันคุณสมบัติด้านเอนเตอร์เทนเมนต์ ถ่ายภาพและแชร์ภาพสุดทันใจ ด้วยหน้าจอสัมผัส 4.5 นิ้ว FWVGA ความละเอียด 480 x 854 ระบบประมวลผล Quad-Core 1.2 GHz แรงกว่าเดิม ระบบปฏิบัติการ Android 4.1 Jelly Bean กล้อง 5 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องหน้า 1.3 ล้านพิกเซล และหน่วยความจำ 4 GB และ Ram 1GB พร้อมเพิ่ม MicroSD ได้สูงสุดถึง 32 GB ราคา 4,790 บาท (เมื่อซื้อพร้อมแพ็คเกจ)

 

• Joey โซเชียลจัด ราคาจิ๋ว ติดเทอร์โบ – ครบเครื่องเรื่องโซเชียล โหลด แชท และแชร์ แบบทันใจยิ่งขึ้น กับหน้าจอสัมผัสขนาด 4 นิ้ว WVGA ความละเอียด 480 X 800 ระบบประมวลผล Dual-Core 1.2 GHz ระบบปฏิบัติการ Android 4.2 Jelly Bean กล้อง 3 ล้านพิกเซล และ หน่วยความจำ 4 GB พร้อมเพิ่ม Micro SD ได้สูงสุด 32 GB ราคา 2,890 บาท (เมื่อซื้อพร้อมแพ็คเกจ )
แพ็กเกจสุดคุ้มสำหรับ dtac TriNet Phone Gen 2

 

ดับเบิ้ลบุฟเฟ่ต์ โทรเบอร์ดีแทคฟรี และ เน็ตไม่อั้น! เริ่มต้นเพียง 299 บาท สำหรับลูกค้าแบบรายเดือน

 

• โทรหาเบอร์ดีแทคด้วยกันได้ไม่จำกัด ตั้งแต่ตี 5 ถึง 5 โมงเย็นและใช้เน็ตไม่จำกัด สำหรับ dtac TriNet Phone เจนเนอเรชั่นสองทุกรุ่น
รับโบนัสมากกว่าค่าเครื่อง สำหรับลูกค้าแบบเติมเงิน
• รุ่น Joey Turbo 4.0 รับเน็ตฟรีทันที 100 MB และรับเน็ตฟรี 50 MB เมื่อเติมเงินทุก 100 บาท พร้อมรับโบนัสค่าโทรฟรี 200 บาท/เดือน เมื่อเติมเงินสะสมครบ 200 บาท รับสิทธิ์ได้นาน 10 เดือน มูลค่าโบนัสรวม 3,900 บาท
• รุ่น Cheetah Turbo 4.5 รับเน็ตฟรีทันที 100 MB และรับเน็ตฟรี 50 MB เมื่อเติมเงินทุก 100 บาท พร้อมรับโบนัสค่าโทรฟรี 200 บาท/เดือน เมื่อเติมเงินสะสมครบ 200 บาท รับสิทธิ์ได้นาน 17 เดือน มูลค่าโบนัสรวม 6,000 บาท
• รุ่น Lion 5.0 HD เน็ตฟรีทันที 100 MB และรับเน็ตฟรี 50 MB เมื่อเติมเงินทุก 100 บาท พร้อมรับโบนัสค่าโทรฟรี 300 บาท/เดือน เมื่อเติมเงินสะสมครบ 200 บาท รับสิทธิ์ได้นาน 18 เดือน มูลค่าโบนัสรวม 8,100 บาท

 

• พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่เปิดใช้งานซิมของขวัญที่มาพร้อมเครื่องเติมเงินทุก 100 บาท รับเน็ตฟรี 50 MB สูงสุด 3 ครั้ง/เดือน นาน 6 เดือน
ทั้งนี้ dtac TriNet Phone เจนเนอเรชั่นที่ 2 จะวางจำหน่ายที่ศูนย์บริการดีแทคทั่วประเทศ, dtac online store, เซเว่น อีเลฟเว่น และร้านขายมือถือทั่วประเทศ สบายใจกว่ากับการเปลี่ยนเครื่องใหม่ใน 7 วันแรก และมีการรับประกันที่มากกว่านานถึง 15 เดือน และการดูแลหลังการขายกับศูนย์บริการหลังการขายทั่วประเทศ

dtac_01

นิคอน เผยโฉมกล้องดิจิตอล DSLR แบบฟูลเฟรม รุ่น Df

Df_ambience_5b_600

ที่สุดแห่งนวัตกรรมที่ผสานการการทำงานระบบกลไกแบบปรับหมุน กับความสามารถในการสร้างสรรค์ “ภาพถ่ายคุณภาพสุดยอดในระดับเดียวกับกล้อง D4” มาในตัวกล้องแบบฟูลเฟรม ที่มีขนาดเล็กและเบาที่สุด

 

นิคอน ประกาศเปิดตัว นิคอน Df กล้องดิจิตอลเอสแอลอาร์แบบฟูลเฟรมรุ่นล่าสุด ซึ่งผสานการทำงานระบบกลไกในการควบคุมแบบแป้นหมุนที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทันใจเข้ากับความสามารถในการสร้างสรรค์ภาพถ่ายคุณภาพสูงภายใต้ระดับความไวแสงที่หลากหลายในกล้องนิคอนแบบฟูลเฟรมที่เล็กและเบาที่สุด เพื่อความสะดวกสบายในการพกพา แป้นกลไกควบคุมทำด้วยโลหะขนาดใหญ่ด้านบนของตัวกล้องช่วยให้การปรับตั้งค่าต่างๆ สะดวกรวดเร็ว ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์ภาพได้อย่างใจนึก ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการปรับตั้งค่าด้วยกลไกแบบปรับหมุนของนิคอน Df ช่วยให้ผู้ใช้มองเห็นการปรับตั้งค่าต่างๆ อย่างชัดเจน ได้แก่ ค่าความไวแสง ความไวชัตเตอร์ และค่าการชดเชยแสง จึงถ่ายภาพได้อย่างมั่นใจ รวมไปถึงความสามารถในการปรับเปลี่ยนค่าการทำงานต่างๆ ได้ตลอดเวลา แม้กล้องจะปิดอยู่ก็ตาม

 

นิคอน Df มาพร้อมกับเซ็นเซอร์รับภาพ FX-format CMOS (ความละเอียด 16.2 ล้านพิกเซล) และระบบประมวลผลภาพ EXPEED 3 เช่นเดียวกับที่ใช้ในกล้องนิคอน D4 ทำให้กล้องนิคอน Df สามารถสร้างสรรค์ภาพที่มีคุณภาพสูงภายใต้สภาวะแสงที่หลากหลาย รองรับระดับความไวแสงตั้งแต่ได้ ISO100 ไปจนถึง ISO12800 และยังสามารถรองรับช่วงขยายเพิ่มเติมตั้งแต่ ISO 50 ไปจนถึง ISO 204800 หากผู้ใช้ต้องการ กล้องนิคอน Df ช่วยให้ผู้ใช้หลุดพ้นจากข้อจำกัดเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นเวลา สถานที่ หรือสภาวะแสงแบบใด ก็ตอบสนองจินตนาการและเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สร้างสรรค์ภาพถ่ายได้อย่างอิสระ

 

ยิ่งไปกว่านั้น นิคอน Df ยังมาพร้อมกับเลนส์คิท AF-S NIKKOR 50 มม. f/1.8G (รุ่นพิเศษ) ที่ได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับการใช้งานกับกล้องนิคอน Df ซึ่งเป็นเลนส์ที่มีโครงสร้างพื้นฐานเช่นเดียวกับเลนส์ AF-S NIKKOR 50 มม. f/1.8G ซึ่งเป็นเลนส์ที่ยอมรับกันว่า มีประสิทธิภาพด้านชิ้นเลนส์สูงในขนาดกระทัดรัดน้ำหนักเบา โดยออกแบบภายนอกให้เข้ากันกับกล้องนิคอน Df โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นพื้นผิวลายหนังคุณภาพสูง วงแหวนโลหะอลูมิเนียมสีเงิน และวงแหวนปรับโฟกัสที่หมุนได้เช่นเดียวกับเลนส์แมนนวล นอกจากนี้โครงสร้างชิ้นเลนส์ยังประกอบด้วยชิ้นเลนส์แอสเพอริคัล ที่ช่วยให้ภาพคมชัดและฉากหลังเบลออย่างสวยงาม เลนส์ความไวแสงสูงที่มาในขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบาตัวนี้ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพหลากสไตล์ ทั้งยังสามารถทำงานร่วมกับกล้องนิคอน Df ได้อย่างชาญฉลาด

Df_SL_50_1.8_SE_top_600

ไม่เพียงเท่านี้ กล้องนิคอน Df ยังสามารถพับก้านวัดแสง (metering coupling lever) เพื่อรองรับการใช้งานร่วมกับเลนส์ non-AI ได้อีกด้วย ในขณะที่กล้องนิคอน Df ใช้เม้าท์นิคอน F ซึ่งเป็นเมาท์มาตรฐานเดียวกันตั้งแต่เริ่มผลิตกล้องนิคอน SLR ตัวแรก จึงสามารถใช้เลนส์ NIKKOR รุ่นก่อนๆ ร่วมกับกล้องรุ่นนี้ ช่วยตอบสนองจินตนาการในการสร้างสรรค์ภาพถ่ายได้อย่างหลากหลาย

 

กว่าจะมาเป็นนิคอน Df

Df_ambience_1

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตลาดกล้องดิจิตอลเอสแอลอาร์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นค่าความละเอียดพิกเซลที่สูงขึ้น ระบบการทำงานที่รวดเร็วยิ่งขึ้น และฟังก์ชั่นต่างๆ และเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างสรรค์ภาพถ่ายสวยงามได้อย่างใจนึกและตอบสนองความต้องการทางเทคนิค สถานการณ์และสภาวะต่าง ๆ การเติบโตของกล้องเอสแอลอาร์ที่มีลักษณะดังกล่าวช่วยให้ช่างภาพถ่ายภาพได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม กล้องนิคอน Df ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการและคุณค่าที่มากกว่า ไม่เพียงแต่กล้องนิคอน Df จะสามารถรังสรรค์ภาพถ่ายได้อย่างสวยงาม มีศิลปะ ทั้งยังตอบสนองการถ่ายภาพในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย พร้อมรูปลักษณ์ที่นอกจากจะทำให้ผู้ใช้พึงพอใจในความสวยงามของภาพถ่าย ยังจะสามารถเพลิดเพลินใจไปกับการถ่ายภาพอีกด้วย

 

กล้องนิคอน Df ได้รับการพัฒณาขึ้นมาบนพื้นฐานแนวความคิดในการผสานรูปลักษณ์ของกล้องที่มีการทำงานด้วยระบบกลไกแบบปรับหมุนเข้ากับความสามารถในการสร้างสรรค์ภาพถ่ายคุณภาพเยี่ยมระดับ D4 ในขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบา พกพาสะดวก คุณสมบัติอันยอดเยี่ยมเหล่านี้ที่จะปลุกเร้าจินตนาการของผู้ใช้ได้ถูกรวมไว้ในนิคอน Df ที่ได้รับการสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของนักถ่ายภาพในการเก็บภาพประทับใจในรูปแบบที่สร้างสรรค์ยิ่งขึ้น

 

คุณสมบัติพื้นฐานของกล้องนิคอน Df

Df_SL_50_1.8_SE_frttop_600
1. ระบบควบคุมแบบปรับหมุน ให้สุนทรียะในการสัมผัส พร้อมกับกลไกที่เที่ยงตรง การออก แบบที่ตอบสนองความพึงพอใจของผู้ใช้ และช่องมองภาพแบบออพติคอลของกล้องดิจิตอล เอส แอลอาร์
• กลไกการควบคุมการทำงานแบบแป้นหมุน การเลือกใช้และปรับเปลี่ยนการตั้งค่าต่างๆ บนกล้องนิคอน Df เป็นไปโดยง่ายดายและรวดเร็ว เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์ภาพถ่ายได้ตามใจปรารถนา ค่าความไวแสง ความไวชัตเตอร์ และค่าการชดเชยแสง จะปรับตั้งค่าด้วยการปรับหมุนแบบกลไก*ที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน จึงทำให้ผู้ใช้กล้องนิคอน Df หมดกังวลกับการปรับตั้งค่า และยังสามารถปรับค่าการทำงานต่างๆ ได้ตลอดเวลา แม้กล้องจะปิดอยู่ก็ตาม นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถปรับความไวชัตเตอร์แบบขั้นละเอียดได้โดยหมุนแป้นปรับความไวชัตเตอร์มาที่ “1/3 STEP” และควบคุมได้โดยใช้แป้นหมุนเลือกคำสั่งหลัก

*การปรับค่ารูรับแสงทำได้ผ่านวงล้อคำสั่งรอง (sub-command dial) ส่วนวงแหวนปรับรูรับแสงสามารถใช้งานได้ ยกเว้นเลนส์ G, E-Type และ PC-E

 

• การออกแบบที่เที่ยงตรงเพื่อความพึงพอใจของผู้ใช้ นิคอน Df ได้รับการออกแบบให้มีแป้นปรับหมุนแบบกลไกขนาดใหญ่ เพื่อรังสรรค์ความเพลิดเพลินในการถ่ายภาพด้วยกลไกอันเที่ยงตรง การออกแบบที่เต็มไปด้วยความละเอียดประณีตในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการวางโครงสร้างหรือการเลือกใช้วัสดุ ที่ทำให้นึกถึงกล้องนิคอนรุ่นดั้งเดิมที่มีความเที่ยงตรงสูง โครงสร้างตัวกล้องโลหะแมกนีเซียมอัลลอยส่วนด้านบน ด้านหลังและด้านล่าง ให้ผิวสัมผัสที่แข็งแกร่ง ในขณะที่พื้นผิวบริเวณมือจับมีการนำเอาวัสดุพื้นผิวลายหนังมาประกอบเพื่อสร้างสัมผัสเรียบหรู แต่ยังคงจับได้ถนัดพอเหมาะพอดี แป้นปรับหมุนโลหะแบบกลไก ได้ถูกแกะสลักค่าตัวเลขต่างๆ และลงสีเพื่อการยึดเกาะและใช้นิ้วปรับหมุนได้อย่างสะดวก ราบรื่น และเที่ยงตรงอีกด้วย
• ช่องมองภาพออพติคอลแบบปริซึ่มกระจกห้าเหลี่ยม ครอบคลุมการมองเห็นประมาณ 100 % เพื่อการแสดงภาพที่ชัดใส เห็นภาพแบบเรียลไทม์ ช่องมองภาพแบบออพติคอลของนิคอน Df ผลิตด้วยปริซึ่มกระจกห้าเหลี่ยม ครอบคลุมการมองเห็นประมาณ 100 % ด้วยช่องมองภาพขนาดใหญ่ และสว่างซึ่งเป็นคุณสมบัติของกล้องฟูลเฟรมและปริซึมแบบกระจก ช่วยให้ผู้ใช้สามารถวางเฟรมภาพได้อย่างแม่นยำ อัตราการขยายช่องมองภาพประมาณ 0.7 เท่า* ช่วยให้ผู้ใช้มองผ่านช่องมองภาพอย่างชัดเจน จอโฟกัส ใสสว่าง เพื่อความแม่นยำในการโฟกัสทั้งในโหมดแมนนวลโฟกัส และโหมดโฟกัสอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกแสดงเส้นตารางในช่องมองภาพเพื่อความสะดวกในการจัดองค์ประกอบภาพแนวนอน หรือแนวตั้งอีกด้วย

 

*เมื่อใช้กับเลนส์ 50 มม. f/1.4 ที่ระยะอนันต์, −1.0 m−1.

 

2. สร้างสรรค์ภาพถ่ายคุณภาพสูงระดับ D4 ด้วยเซ็นเซอร์รับภาพ FX-format CMOS ความละเอียด 16.2 ล้านพิกเซล และระบบประมวลผลภาพ EXPEED 3
นิคอน Df มาพร้อมกับเซ็นเซอร์รับภาพและระบบประมวลผลประสิทธิภาพสูงแบบเดียวกับกล้องนิคอน D4 ซึ่งทำให้กล้องนิคอน Df สามารถสร้างสรรค์ภาพที่มีคุณภาพสูงภายใต้ระดับความไวแสงที่หลากหลาย โดยรองรับระดับความไวแสงตั้งแต่ ISO100 ไปจนถึง ISO12800 และยังสามารถรองรับช่วงขยายเพิ่มเติมตั้งแต่ ISO 50 ไปจนถึง ISO 204800 เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อยและไม่มีขาตั้งกล้อง กล้องนิคอน Df จะใช้ความสามารถในการรองรับค่าความไวแสงสูงสำหรับการถ่ายโดยไม่ใช้ขาตั้งกล้อง โดยยังคงความคมชัด รายละเอียดภาพและสัญญาณรบกวนต่ำ และสีสันสดใส ยิ่งไปกว่านั้น กล้องนิคอน Df ยังสามารถสร้างภาพให้พื้นผิววัตถุมีมิติ ที่ความไวแสงต่ำ เช่น ISO 100 เพื่อช่วงไดนามิคที่กว้าง เมื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีแสงมาก กล้องนิคอน Df จะสามารถถ่ายทอดภาพถ่ายที่มีรายละเอียดคมชัด สีสันจัดจ้าน รวมไปถึงภาพถ่ายที่มีคอนทราสต์สวยงาม แสงเงานุ่มลึก ด้วยรูปลักษณ์ขนาดกระทัดรัดและความสามารถในการรองรับระดับความไวแสงที่หลากหลาย กล้องนิคอน Df ขยายขีดความสามารถในการถ่ายภาพของผู้ใช้ให้กว้างยิ่งขึ้นไปอีก

 

3. กล้องดิจิตอลเอสแอลอาร์แบบฟูลเฟรม ที่มีความแข็งแกร่งในรูปลักษณ์ ขนาดกระทัดรัด และน้ำหนักเบาที่สุดของนิคอน
กล้อง Df มีขนาดประมาณ 143.5 x 110.0 x 66.5 มม. (กว้างxสูงxหนา) และน้ำหนักเพียง 710 กรัม* จึงเป็นกล้องนิคอนแบบฟูลเฟรม ที่มีขนาดกระทัดรัดและเบาที่สุด บริเวณด้านบน ด้านหลังและด้านล่างของกล้องผลิตด้วยโลหะแมกนีเซียมอัลลอยทำให้กล้องมีน้ำหนักเบาและทนทาน พร้อมทั้งซีลยางเพื่อช่วยป้องกันฝุ่นและละอองน้ำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเช่นเดียวกับกล้อง D800 กล้องนิคอน Df เป็นกล้องที่เหมาะสำหรับการพกพาเป็นอย่างยิ่ง ด้วยขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบาที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพการทำงานเป็นเยี่ยม

 

*เฉพาะตัวกล้องเท่านั้น

 

4. ประสิทธิภาพการทำงานขั้นพื้นฐานที่ยอดเยี่ยมและเทคโนโลยีระดับสูงเพื่อการสร้างสรรค์ภาพถ่ายสมบูรณ์แบบ


กล้องนิคอน Df มาพร้อมกับการควบคุมการทำงานที่เรียบง่ายและอัดแน่นไปด้วยสามารถในการสร้างสรรค์ภาพถ่ายด้วยประสิทธิภาพการทำงานขั้นพื้นฐานที่ยอดเยี่ยมและฟังก์ชั่นระดับสูง ที่ตอบสนองความต้องการของช่างภาพทั่วไปที่ต้องการสร้างสรรค์ภาพถ่ายอย่างมีศิลปะ

 

• ระบบออโตโฟกัส 39 จุด
กล้องนิคอน Df ใช้เซ็นเซอร์ออโต้โฟกัส Multi-CAM4800 ซึ่งมีระบบออโตโฟกัส (AF) 39 จุดเพื่อการตรวจหาและติดตามวัตถุที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ เซ็นเซอร์แบบ cross-type จำนวน 9 จุดตรงกลางของกรอบภาพยังถูกนำมาใช้เพื่อให้สามารถตรวจหาวัตถุได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ จุดโฟกัสกึ่งกลาง (cross-type) จำนวน 7 จุดยังสามารถรองรับโฟกัสอัตโนมัติด้วยเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างสุด f/8 เมื่อใช้เลนส์ NIKKOR เทเลโฟโต้ที่มีรูรับแสงกว้างสุด f/4 พร้อมกับเทเลคอนเวอเตอร์ (2×) เทียบเท่ารูรับแสงกว้างสุด f/8

 

• ระบบ Scene Recognition System ทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์วัดแสง 2,016-pixel RGB
กล้องรุ่นนี้ยังมีการติดตั้งระบบ Scene Recognition System ซึ่งจะประมวลรายละเอียดด้านความสว่างและสีของซีนนั้นๆ ด้วยเซ็นเซอร์วัดแสง 2,016-pixel RGB และจะใช้ข้อมูลเหล่านั้นในการควบคุมระบบออโต้โฟกัสและการเปิดรับแสงอัตโนมัติ การควบคุมแฟลชอัตโนมัติ i-TTL ตลอดจนการปรับสมดุลแสงสีขาวอัตโนมัติได้อย่างแม่นยำอีกด้วย

 

• การตอบสนองที่ฉับไว
กล้องนิคอน Df มีการตอบสนองรวดเร็วฉับไว พร้อมใช้งานทันทีภายใน 0.14 วินาที1 หลังเปิดสวิทซ์ทำงาน และระยะเวลาหน่วงชัตเตอร์สั้นเพียง 0.052 วินาที1 ถ่ายภาพต่อเนื่องที่ความเร็วสูงสุด 5.5 ภาพต่อวินาที และรองรับการใช้งานร่วมกับเมมโมรี่การ์ดความเร็วสูงแบบ SDXC และ UHS-I2 รวมไปถึงเมมโมรี่การ์ดแบบ Eye-Fi ซึ่งช่วยให้การถ่ายโอนภาพถ่ายแบบไร้สายสะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น
1มาตรฐาน CIPA
2มาตรฐาน Interface

 

• ปุ่ม ช่วยให้เข้าถึงฟังก์ชันที่ใช้งานบ่อยได้รวดเร็ว
ปุ่ม ซึ่งอยู่ด้านล่างซ้ายของหน้าจอแสดงผล ช่วยให้เข้าถึงฟังก์ชั่นที่ใช้งานบ่อยได้ง่ายด้วยช่องมองภาพ และการถ่ายภาพแบบ Live View และการแสดงภาพ (playback) เพียงกดปุ่ม จะปรากฏหน้าจอตั้งค่าที่มีตัวเลือกสำหรับการตั้งค่าที่ต้องการ ช่วยให้เข้าถึงตัวเลือกสำหรับการตั้งค่าได้ทันที ขณะใช้งานโหมดถ่ายภาพปกติ การถ่ายภาพแบบ Live View รวมถึงเมนูรีทัชในโหมดแสดงภาพ

 

• หลากหลายฟังก์ชั่นในโหมด Live View
นอกจากจะมาพร้อมกับเส้นตารางแบบ 16 ช่องเหมือนที่มีในกล้องรุ่นก่อนๆแล้ว นิคอน Df ยังมาพร้อมกับตัวเลือกตารางแบบ 9 ช่อง และการแสดงผลแบบ 16:9 หรือ 1:1 บนจอแสดงผลในโหมด Live View นอกจากนี้ ยังมีระบบ Virtual horizon แสดงระดับการเอียงกล้องทั้งแนวตั้ง(ก้มหรือเงย) และแนวนอน (ซ้ายหรือขวา) และสเกลแสดงระดับการเอียงในช่องมองภาพ ฟังก์ชั่น Spot White Balance สำหรับการวัดค่าสมดุลแสงสีขาวได้อย่างแม่นยำขณะใช้งานถ่ายภาพแบบ Live View ช่วยลดความยุ่งยากในการเตรียมวัตถุอ้างอิง เช่น กระดาษเทากลาง รวมถึงการใช้เวลาในการวัด preset white balance ซึ่งอาจทำให้พลาดโอกาสในการถ่ายภาพ

 

• ประหยัดพลังงานทำให้ถ่ายภาพโดยไร้กังวล
การเลือกใช้ระบบประมวลผลคุณภาพสูง EXPEED 3 ซึ่งใช้พลังงานน้อย ช่วยลดการใช้พลังงานของตัวกล้อง เมื่องานร่วมกับแบตเตอรี่ขนาดเล็กกระทัดรัด น้ำหนักเบา Li-ion Battery EN-EL14a ที่ชาร์ตจนเต็ม สามารถถ่ายภาพนิ่งได้ประมาณ 1,400 ภาพ

 

*คำนวนจากมาตรฐาน CIPA

 

5. รองรับการใช้งานร่วมกับเลนส์ NIKKOR แบบ non-AI
นอกจากจะสามารถสร้างสรรค์ภาพถ่ายคุณภาพสูงจากการใช้งานร่วมกับเลนส์ NIKKOR รุ่นล่าสุดแล้ว กล้องนิคอน Df ยังเป็นกล้องดิจิตอลเอสแอลอาร์รุ่นแรกของนิคอนที่มาพร้อมกับความสามารถพับก้านวัดแสง (metering coupling lever) เพื่อรองรับการใช้งานร่วมกับเลนส์ non-AI ได้อีกด้วย

 

เมื่อค่าทางยาวโฟกัสและค่ารูรับแสงกว้างสุดของเลนส์ non-AI ถูกกำหนดในเมนู จะรองรับการวัดแสงโดยเมื่อปรับรูรับแสงที่กระบอกเลนส์ และหมุนวงล้องปรับตั้งค่ารูรับแสงกล้องให้ตรงกับค่าที่กระบอกเลนส์ กล้องจะคำนวณค่าการเปิดรับแสงที่ถูกต้อง (รองรับเฉพาะโหมดถ่ายภาพ [A] และ [M]) กล้องนิคอน Df มาพร้อมกับเมาท์ F ของนิคอนซึ่งเป็นเมาท์ที่ใช้ในกล้อง SLR ของนิคอนมาตั้งแต่รุ่นแรก การนำเอาเลนส์ NIKKOR รุ่นก่อนๆมาใช้ร่วมกับกล้องดิจิตอลที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ทำให้ผู้ใช้กล้องสามารถเพลิดเพลินกับการรังสรรค์จินตนาการในภาพถ่ายได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น

 

 

โซนี่ส่ง Xperia C สมาร์ทโฟน 2 ซิม หน้าจอใหญ่ กล้องชัด กับราคาไม่ถึงหมื่น

Pic_Xperia C_04

บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด เอาใจคนรัก สมาร์ทโฟนราคาชิว ๆ ด้วย Xperia™ C (เอ็กซ์พีเรีย-ซี) หน้าจอขนาด 5 นิ้ว แบบ TFT 16 ล้านสี ความละเอียดสูงถึง 960 x 540 พิกเซล พิเศษสุดกับช่องใส่ SIM ที่รองรับได้สูงสุดถึง 2 SIM (ใช้งานด้วย micro SIM) เครื่องแรก จาก โซนี่ ที่รองรับย่านความถี่ แบบ GSM GPRS/EDGE 900,1800,1900 MHz และ UMTS HSPA+ 900,2100 MHz พร้อมกับกล้อง ความละเอียดสูงถึง 8 MP พร้อมไฟ LED ที่มีคุณสมบัติ สุดล้ำ ดิจิตอลซูม 4 เท่า, Geotagging, ระบบสัมผัสเพื่อถ่ายภาพ, ตั้งเวลาถ่าย เซ็นเซอร์ Exmor R™ for mobile เอกสิทธิ์พิเศษเฉพาะ โซนี่ที่ปรับแสงให้ถ่ายได้แม้ในที่ๆ มีแสงน้อยและ HDR มาพร้อม Voice-guide และกล้องหน้า VGA พร้อมบันทึกภาพเคลื่อนไหวด้วยความละเอียดถึง Full HD ขนาด 1080p รองรับปฏิบัติการ Android™ 4.2.2 Jelly Bean ด้วย ระบบประมวลผล ความเร็ว 1.2 GHz MTK6589 quad-core และ ระบบประมาวลผลหน้าจอแบบ GPU IMG SGX544 มาพร้อมหน่วยความจำภายใน เครื่องมากถึง 4 GB RAM 1GB รองรับ micro SD™ สูงสุด 32 GB รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi®, Bluetooth™ ใช้งานได้นานขึ้นด้วยแบตเตอรี่ความจุ 2390 mAh ไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้

 

สำหรับรุ่น Xperia™ C (เอ็กซ์พีเรีย-ซี) วางจำหน่ายแล้วในราคา 8,990 บาท ตัวเครื่องมี 3 สี คือ สีดำ , สีขาว และ สีม่วง โดยผู้สนใจสามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ ร้าน Power Buy , TG Fone , ซินเน็ค, Jay Mart , Sony Store หรือตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือโซนี่ทั่วประเทศโปรดติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านทาง www.facebook.com/sonymobileth

Pic_Xperia C_01

ทรูมูฟ เอช จัดทัพสมาร์ทดีไวซ์ เอาใจคนรัก Apple พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษในงาน Commart Comtech 2013

photo

 

ทรูมูฟ เอช ตอกย้ำความเป็นผู้นำแบบเร็วสุดเต็มกำลังกับสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดบนเครือข่าย 4G LTE รายแรกในไทย และ 3G ที่ครอบคลุมที่สุด ยกขบวน iPhone และ iPad  จากแบรนด์ดังระดับโลก อย่าง Apple พร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษทั้งส่วนลดค่าเครื่องและค่าบริการรายเดือน สำหรับลูกค้าที่ซื้อในงาน Commart Comtech 2013 เท่านั้น  ระหว่างวันที่ 7 – 10 พฤศจิกายนนี้ แพลนนารี่ ฮอลล์ 1-3 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ งานนี้คนรัก Apple ห้ามพลาด!!!

 

โปรโมชั่นสุดคุ้มโดนใจลงตัวกับทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานจากทรูมูฟ เอช ในงาน Commart Comtech 2013 ได้แก่

 iPhone 5s ความจุ 16GB  มีให้เลือกครบทุกสี ทั้งสีทอง สีเทา-ดำและสีเงิน  ราคาเริ่มต้นที่  23,900 บาท (จากราคาปกติ 24,500 บาท) ความจุ  32 GB ราคาเริ่มต้น 27,500 บาท (จากราคาปกติ 28,300 บาท) ความจุ 64 GB ราคาเพียง 30,900 บาท (จากราคาปกติ 31,900 บาท)

• iPhone 5c ความจุ 16GB สำหรับคนรักสีสัน มีให้เลือกทั้ง 5 สี ราคาเริ่มต้นที่  19,900 บาท (จากราคาปกติ 20,700 บาท) ความจุ  32 GB ราคาเริ่มต้น 23,900 บาท (จากราคาปกติ 24,500 บาท) รับส่วนลดค่าบริการรายเดือน 50% นาน 10 เดือน สำหรับแพ็กเกจเน็ตไม่จำกัด Free Size 599 และ XL 899 หรือเลือกซื้อพร้อมสมัครแพ็กเกจสุดคุ้มเริ่มต้น 200 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) กับแพ็กเกจ iSmart 399 รับส่วนลดค่าบริการรายเดือน 50% นาน 10 เดือน พร้อม ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ

• iPhone 5 รับส่วนลดสูงสุด 4,000 บาท ความจุ 16GB ราคาเพียง 20,900 บาท (จากราคาปกติ 24,550 บาท) ความจุ  32 GB ราคาเพียง 24,350 บาท (จากราคาปกติ 28,350 บาท) ความจุ 64 GB ราคาเพียง 27,950 บาท (จากราคาปกติ 31,950 บาท)

• iPhone 4s ความจุ 8GB รับส่วนลดค่าเครื่อง 400 บาท เหลือเพียง 14,500 บาท (จากราคาปกติ 14,900 บาท) พร้อมรับส่วนลดค่าบริการรายเดือน 50% นาน 18 เดือน สำหรับแพ็กเกจเน็ตไม่จำกัด Smart Plus 999 พร้อม ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ

• iPhone 4 ความจุ 8GB รับส่วนลด 50% ในราคาสบายๆ เพียง 6,950 บาท พร้อมชำระค่าบริการล่วงหน้า 7 เดือน หรือเลือกรับส่วนลดค่าบริการรายเดือน 50% นาน 6 เดือน สำหรับแพ็กเกจเน็ตไม่จำกัด  iSmart 799

• iPad mini Wi-Fi + Cellular ความจุ 16GB เหลือเพียง 14,400 บาท (จากราคาปกติ 15,200 บาท) พร้อมรับส่วนลดค่าบริการรายเดือน 50% นาน 6 เดือน สำหรับแพ็กเกจเน็ตไม่จำกัด Net (i) 799 บาท และ Net (i) 899 บาท ลูกค้าทรูการ์ด ลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิม รับส่วนลดค่าเครื่องสูงสุด 1,000 บาท พร้อมรับส่วนลดค่าบริการรายเดือนสูงสุด 50% นาน 10 เดือน

 

พบกับสมาร์ทดีไวซ์จาก Apple พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษจากทรูมูฟ เอช ได้ในงาน Commart Comtech 2013 วันที่ 7 – 10 พฤศจิกายนนี้ ณ บูททรูมูฟ เอช แพลนนารี่ ฮอลล์ 1-3 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

 

ศูนย์การค้าเกษร โชว์ประสบการณ์ลักซ์ชัวรี่ไลฟ์สไตล์เพียงปลายนิ้วสัมผัส “Gaysorn Mobile Application – เกษร โมบาย แอพพลิเคชั่น”

Gaysorn Mobile Application (JADE3576) Re

ศูนย์การค้าเกษร ผู้นำศูนย์รวมลักซ์ชัวรี่ไลฟ์สไตล์อินเตอร์แบรนด์และแฟลกชิพสโตร์ จากทั่วทุกมุมโลก สร้างสรรค์ประสบการณ์ช้อปปิ้งและลักซ์ชัวรี่ไลฟ์สไตล์ครั้งใหม่ กับ “Gaysorn Mobile Application – เกษร โมบาย แอพพลิเคชั่น” นิยามใหม่แห่งการช้อปปิ้งที่ง่าย สะดวก สบาย และพร้อมเติมเต็ม “ความสุข” ทุกวินาทีให้กับลูกค้าเพียงปลายนิ้วสัมผัส ด้วยที่สุดแห่ง “การบริการ”, “สินค้า” และ “คุณภาพ” ที่เหนือระดับ โดยให้นักช้อปสนุกกับการอัพเดททุกเทรนด์และคอลเลคชั่นของแบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่เปิดให้บริการภายในศูนย์การค้าเกษร รวมถึงกิจกรรมลักซ์ชัวรี่ไลฟ์สไตล์หลากหลายรูปแบบและโปรโมชั่นพิเศษต่างๆ เป็นต้น โดยสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นได้แล้ววันนี้ทั้งระบบ iOS และระบบแอนดรอยด์ (Android) ครอบคลุมรูปแบบการใช้งานผ่านสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต

 

นอกจากนี้ ยังมีอภิสิทธิ์เพิ่มเติมสำหรับลูกค้าระดับไดมอนด์ (Gaysorn Diamond Member) อาทิ บริการ Exclusive Private Preview จัดเตรียมสินค้าคอลเลคชั่นจากแบรนด์ชั้นนำภายในศูนย์การค้าเกษรให้คุณได้เลือกชม แบบส่วนตัว, บริการเรียก Valet parking ภายใน 1 นาที, บริการ Gaysorn Personal Assistance และการตรวจสอบสะสมและอัพเดทคะแนนสะสมได้ด้วยตัวเอง เป็นต้น

ทรูมูฟ เอช ปลื้มลูกค้าแห่รับเครื่อง Samsung Galaxy Note 3 หลังยอดจองล็อตแรกหมดเกลี้ยงทะลุเป้า

Press 1
ทรูมูฟ เอช ส่งมอบสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด Samsung Galaxy Note 3 ให้กับลูกค้าที่ Pre-booking ล่วงหน้า โดยได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างล้นหลาม สินค้าล็อตแรกยอดจองหมดเกลี้ยงทะลุเป้าหมายอย่างรวดเร็ว ตอกย้ำความแรงของสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy Note และความมั่นใจเครือข่าย 3G ที่ดีที่สุดครอบคลุมพื้นที่มากที่สุดในไทยของทรูมูฟ เอช พร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษโทรและเล่นเน็ตไม่อั้นลด 50% นานถึง 18 เดือน

 
ดร. กิตติณัฐ ทีคะวรรณ (แถวแรก-ขวาสุด) ผู้อำนวยการด้านบริหารผลิตภัณฑ์ดีไวซ์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ?ทรูมูฟ เอช ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจเลือกซื้อสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy Note 3 กับแพ็กเกจสุดคุ้ม TrueMove H Galaxy Package โดยสินค้าล็อตแรก มีลูกค้า Pre-booking หมดเกลี้ยงภายใน 7 วันที่เปิดจอง ทั้งนี้ ทรูมูฟ เอช จะเปิดจำหน่าย Samsung Galaxy Note 3 อย่างเป็นทางการพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 3 ตุลาคมนี้ ให้แฟนๆ Galaxy Note ได้เต็มอิ่มกับประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทโฟนอย่างสมบูรณ์แบบบนเครือข่าย 3G ที่ดีที่สุด และครอบคลุมมากที่สุดในไทย พร้อมด้วยข้อเสนอและแพ็กเกจค่าบริการที่คุ้มที่สุดอีกด้วย?

 

ลูกค้าที่สนใจสามารถซื้อ Samsung Galaxy Note 3 ในราคา 23,500 บาท (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ได้ที่ร้านทรูช้อปทุกสาขาทั่วประเทศ

 

พร้อมสิทธิพิเศษเหนือใครจากทรูมูฟ เอช รับส่วนลดค่าบริการรายเดือน 50% นานถึง 18 เดือน เมื่อเปิดเบอร์ใหม่/ย้ายค่ายเบอร์เดิม และสมัคร TrueMove H Galaxy Package ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ นอกจากนี้ลูกค้าทรูการ์ด และลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิมรับส่วนลดค่าเครื่องเพิ่ม 1,000 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร 1331 หรือ www.truemove-h.com

โซนี่ ขอแนะนำ Xperia M สมาร์ทโฟนหลากสีสัน ลงตัวกับฟังก์ชั่นที่ครบครัน

Pic_XperiaM_01
บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด ขอแนะนำ Xperia? M (เอ็กซ์พีเรีย-เอ็ม) สมาร์ทโฟนหลากสีสันลงตัวกับฟังก์ชั่นที่ครบครัน ด้วยดีไซน์ตัวเครื่องสวยเด่น สะดุดตา ควงคู่มากับกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ที่สุดของการถ่ายภาพได้แม้อยู่ในที่ๆมีแสงน้อย ด้วยความสามารถเหนือระดับกับ HDR ที่จะเนรมิตรภาพถ่ายและวีดีโอให้มีคุณภาพที่สุด มีไฟแฟลตและชัดเตอร์ที่รวดเร็วฉับไว สามารถเก็บภาพได้ในช่วงเสี่ยววินาทีที่กดปุ่มถ่าย สามารถถ่ายภาพได้ไม่จำกัดด้วยการ์ดหน่วยความจำภายในเครื่อง 4GB รองรับ microSD? card สูงสุดได้มากถึง 32GB ใช้งานได้นานเพิ่มขึ้นด้วยโหมด STAMINA ช่วยปิดการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตหลังเมื่อปิดหน้าจอ เพื่อประหยัดพลังงานขณะอยู่ในช่วงสแตนด์บาย โดยใช้พลังงานแบตเตอรี่ 1700 mAH สามารถถอดเปลี่ยนได้
 
นอกจากนี้ Xperia? M (เอ็กซ์พีเรีย-เอ็ม) ยังรองรับ Screen Mirroring ซึ่งสามารถแชร์ภาพ วีดีโอ และ เสียงได้ง่ายๆไม่ยุ่งยาก เพียงแค่นำไปแตะที่เครื่องเสียงหรือรีโมททีวี ที่รองรับ NFC-enabled BRAVIA? จากโซนี่ ด้วยเทคโนโลยี NFC มาตรฐานใหม่ของสมาร์ทโฟน โดยจะส่งผ่านข้อมูลเข้าไปที่เครื่องที่รองรับการทำงานนั้นๆอย่างรวดเร็วและชาญฉลาดบนระบบปฏิบัติการ Android? 4.1 (Jelly Bean) ด้วยระบบประมวลผล Qualcomm Snapdragon? S4 Plus dual-core 1.0 GHz processor ที่มีหน้าจอกว้างสูงสุดถึง 4 นิ้ว 16 ล้านสี สามารถปรับไฟ LED ที่ตัวเครื่องด้านล่างได้ตามธีมที่ตั้งไว้ พร้อมสนุกไปกับ WALKMAN Application ที่มีโหมด ClearAudio+ ทำให้ทุกอารมณ์ไม่สะดุดกับการฟังเพลงด้วยเสียงชัดสดใส โดยสามารถฟังเพลงควบคู่ไปกับการเช็คอีเมล์ , เล่น Facebook? , อ่านข่าวบน Twiiter? หรือเล่นเกมส์กับ Line? Application ก็สามารถทำได้เช่นกัน อีกทั้งยังสามารถดาวน์โหลดภาพ วีดีโอ เพื่อไปจัดเก็บไว้บนเซิพเวอร์ของ Box? ได้ฟรีสูงสุดถึง 50 GB ได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังช่วยให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นด้วยเทคโนโลยี DLNA , Smart Connect ผ่าน Wi-Fi? ที่สามารถแชร์สัญญาณอินเตอร์เน็ตได้ทุกทีกับ Wi-Fi? Hotspot และความสามารถเด่นๆ อีกเพียบเช่น Xperia? Link / Bluetooth? 4.0 / aGPS / USB high speed 2.0 , Auto Focus, Photo Flash, Sweep Panorama?, Touch focus, Quick Launch และรองรับวิทยุ FM อีกด้วย
 
สำหรับรุ่น Xperia? M (เอ็กซ์พีเรีย-เอ็ม) วางจำหน่ายแล้วในราคา 6,690 บาท ตัวเครื่องมี 4 สี คือ สีดำ , สีขาว , สีเหลือง และ สีม่วง โดยผู้สนใจสามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ ร้าน Power Buy , TG Fone , ซินเน็ค, Jay Mart , Sony Store หรือตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือโซนี่ทั่วประเทศโปรดติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านทาง www.facebook.com/sonymobileth

Pic_XperiaM_03

 

Pic_XperiaM_09

โนเกียพร้อมวางจำหน่าย Nokia Lumia 1020 ในไทย ชูนวัตกรรมการซูมเหนือชั้นให้ภาพคมชัดเหมือนได้ใกล้ชิด

POM_9124

 

โนเกียประกาศวางจำหน่าย Nokia Lumia 1020 สุดยอดสมาร์ทโฟนที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการถ่ายภาพบนโทรศัพท์มือถือ มอบศักยภาพในการถ่ายภาพที่คมชัดเทียบเท่ากล้องดิจิตอล ด้วยเทคโนโลยี PureView พร้อมเซ็นเซอร์ขนาด 41 ล้านพิกเซลเจเนอเรชั่นที่ 2 เลนส์ Zeiss คุณภาพสูง 6 ชิ้นเลนส์ และระบบลดการสั่นไหวของภาพ จึงสามารถถ่าย แก้ไข แบ่งปันภาพและวิดีโอได้ราวกับมืออาชีพ พร้อมขึ้นแท่นผู้นำไลฟสไตล์การถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟน

 

Nokia Lumia 1020 สร้างสรรค์ระบบซูมแบบใหม่ ให้ถ่ายภาพก่อนแล้วเลือกซูมเฉพาะจุดภายหลังเพื่อค้นหารายละเอียดต่างๆ ได้มากกว่าที่ตาเห็นผ่านแอพพลิเคชั่น Nokia Pro Camera เอกสิทธิเฉพาะของโนเกีย ซึ่งมาพร้อมอินเตอร์เฟซ
สวยงาม เข้าใจง่าย แสดงการตั้งค่าต่างๆ ที่ส่งผลต่อภาพหรือวิดีโอที่จะถ่าย ซึ่งโดยปกติจะมีเฉพาะในกล้องถ่ายภาพระดับโปรเท่านั้น ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเรียนรู้การถ่ายภาพแบบมืออาชีพได้ง่ายและรวดเร็ว

 

Nokia Lumia 1020 ยังมีฟังก์ชั่น dual capture บันทึกภาพ 2 ขนาดพร้อมกันเพียงกดชัตเตอร์แค่ครั้งเดียว ได้แก่ ภาพขนาด 38 ล้านพิกเซลเพื่อแก้ไขตกแต่งภาพได้ไม่รู้จบ และภาพขนาด 5 ล้านพิกเซล เพื่อแบ่งปันบนสังคมออนไลน์

 

นอกจากจะถ่ายภาพได้คมชัดแม้ในสภาวะแสงน้อย Nokia Lumia 1020 ยังบันทึกวิดีโอได้นิ่ง ไม่เบลอ พร้อมบันทึกเสียงด้วยระบบเสียงสเตอริโอได้แม้ในคอนเสิร์ตที่ดังที่สุดผ่าน Nokia Rich Recording ซึ่งบันทึกเสียงได้ดังกว่าไมโครโฟนของสมาร์ทโฟนแบบเดิมถึง 6 เท่า

 

นายญาณธน สิมะวานิชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ?Nokia Lumia 1020 นำเสนอการก้าวกระโดดของการถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟน ด้วยเซ็นเซอร์ 41 ล้านพิกเซลและแอพพลิเคชั่น Nokia Pro Camera ผู้ใช้งานจึงสามารถถ่ายภาพได้อย่างคมชัด เหมือนได้ใกล้ชิด ทั้งยังมอบศักยภาพในการสร้างสรรค์ ตกแต่งภาพ และแบ่งปันภาพถ่ายได้ทันที โนเกียจึงเป็นผู้นำไลฟสไตล์การถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟนอย่างแท้จริง?

 

ด้วยความสามารถปรับแต่ง Live Tile ของระบบปฏิบัติการ Windows Phone ผู้ใช้สามารถโชว์ภาพถ่ายที่สวยงามบนหน้าจอหลักด้วย Photo Tile แบ่งปันภาพถ่ายบนสังคมออนไลน์ได้ทันที และเก็บภาพประทับใจบน SkyDrive ที่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้ ทั้งยังมีแอพพลิเคชั่นกว่า 165,000 แอพ รวมถึงแอพตกแต่งภาพมากมายให้เลือกสรร พร้อม 6tag แอพใหม่ที่ให้คุณตกแต่งภาพและแบ่งปันบน Instagram ได้สร้างสรรค์กว่าใคร เปิดใช้งานกล้องสะดวกด้วยปุ่มถ่ายภาพโดยเฉพาะ จึงนับได้ว่า Windows Phone เป็นระบบปฏิบัติการที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อการถ่ายภาพอย่างเหนือชั้น

 

นอกจากนี้ยังมีบริการโลเคชั่นและแผนที่นำทาง Here พร้อม LiveSight แผนที่แบบ Augmented Reality ให้เห็นภาพจริงของสถานที่ต่างๆ เพื่อค้นหาสถานที่ใหม่ๆ เพื่อทริปถ่ายภาพครั้งต่อไป พร้อมกันนี้ โนเกียยังแนะนำ Nokia Camera Grip อุปกรณ์เสริมที่จะช่วยให้ถ่ายภาพได้นิ่งและถนัดยิ่งขึ้น พร้อมแบตเตอรี่สำรองในตัว ทั้งยังทำงานได้ดีกับแฟลชซีนอนและม่านชัตเตอร์บน Nokia Lumia 1020 ซึ่งปกติจะเป็นฟีเจอร์ที่มีในกล้องถ่ายภาพเท่านั้น

 

โนเกีย ประเทศไทย เปิดตัว Master Print Pro แอพพิเศษเฉพาะประเทศไทย เพื่อให้ผู้ใช้ Nokia Lumia 1020 ส่งไฟล์ภาพความละเอียดสูงไปยังร้าน Master ผู้ให้บริการด้านภาพถ่ายดิจิตอลชั้นนำของไทยเพื่อสั่งพิมพ์ พิเศษเฉพาะผู้ใช้งาน Nokia Lumia 1020 จำนวน 10,000 ท่านแรก จะได้รับสิทธิสั่งพิมพ์ภาพขนาด 35×20 นิ้ว พร้อมบริการจัดส่งถึงบ้านฟรี

 

สำหรับนักธุรกิจยังสามารถซื้อขายหุ้นบน Nokia Lumia ได้แล้วด้วยแอพ i2tradePlus โดยมีบริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงค์ กิมเองเป็นบริษัทหลักทรัพย์แรกที่เปิดให้บริการผ่านแอพนี้

Nokia Lumia 1020 จะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยวันที่ 26 กันยายน 2513 ที่โนเกียชอป และในงาน Thailand Moblie Expo 2013 ระหว่างวันที่ 3-6 ตุลาคม 2556 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติติ์ และตัวแทนจำหน่ายชั้นนำทั่วประเทศเป็นลำดับต่อไป โดยมี 3 สีให้เลือก คือ เหลือง ขาว ดำ ในราคา 24,990 บาท

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับ Nokia Lumia 1020 คลิก www.nokia.co.th/lumia1020

POM_9114

 

POM_9151

 

POM_9144

 

POM_9257