Google มั่นใจอีก 5 ปี รถไร้คนขับจะเต็มถนน แม้ตัวเลขการเกิดอุบัติเหตุจะมีให้เห็นมากขึ้นก็ตาม

 

การสืบสวนของสำนักข่าว Associated Press ที่ได้รับข่าวจากแหล่งไม่เปิดเผยชื่อ กล่าวว่า “รถไร้คนขับของ Google 3 คันประสบอุบัติเหตุในรัฐ California นับตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว” ซึ่งรถไร้คนขับของ Google แบบสลับการขับได้ระหว่างคนและคอมพิวเตอร์นั้น เดินทางมาแล้วรวมระยะทาง 1.7 ล้านไมล์ เมื่อเทียบกับจำนวนอุบัติเหตุจะให้อัตราการเกิดอุบัติเหตุ 6.5 ครั้งทุกหนึ่งล้านไมล์ สูงกว่าอัตราอุบัติเหตุที่เสียหายเฉพาะทรัพย์สิน 2.8 ครั้งทุกหนึ่งล้านไมล์ ซึ่งเป็นตัวเลขปี ค.ศ. 2012 ของสำนักงานความปลอดภัยในการจราจรบนถนนหลวงแห่งชาติ (National Highway Traffic Safety Administration)

 

google-driverless-car-1

 

ทำให้ Google ต้องรีบออกมาชี้แจงตัวเลข ซึ่งคิดกันคนละแบบดังนี้

Google ทดลองรถไร้คนขับมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว และเมื่อเร็วๆ นี้ Google โพสต์ข้อมูลไว้ที่ Medium Monday ว่า นับตั้งแต่เริ่มทดลองใช้รถไร้คนขับออกแล่นตามถนนในอเมริกาเมื่อหกปีที่แล้ว ปรากฏว่าประสบอุบัติเหตุ 11 ครั้งด้วยกัน และยืนยันว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่มีใครได้รับบาดเจ็บนั้น เป็นความผิดพลาดจากฝีมือหรือฝีเท้าของมนุษย์

Chris Urmson ผู้อำนวยการโครงการรถไร้คนขับของ Google บอกว่า แม้โปรแกรมคอมพิวเตอร์และเซ็นเซอร์ที่ใช้กับรถรู้ว่าจะเกิดอุบัติเหตุ และสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้เร็วกว่าปฏิกิริยาของนักขับรถทั่วไป แต่บางครั้งก็หลีกเลี่ยงอุบัติเหตุไม่ได้ เพราะไม่สามารถปรับแก้ระยะทางและความเร็วของรถคันอื่นๆในเวลาจริงได้ และบางครั้งรถของ Google ถูกชนท้ายขณะรอไฟจราจร

 

google-driverless-car-3

 

ข้อมูลที่ Google เปิดเผยออกมาระบุว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น 7 ครั้งเป็นการถูกชนท้าย อีก 2 ครั้งถูกเฉี่ยวด้านข้าง และอีกหนึ่งครั้งเป็นการชนกับรถที่ฝ่าป้ายหยุด ในขณะที่อุบัติเหตุ 8 ครั้งเกิดขึ้นตามถนนในเมือง

“และมีอุบัติเหตุอีกมากที่ไม่ได้มีการรายงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเป็นอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ จึงไม่ควรนำมาเปรียบเทียบกับตัวเลขของ Google”

 

google-driverless-car-2

 

อย่างไรก็ตาม Google เชื่อว่า จะมีรถไร้คนขับให้ได้ใช้กันอย่างแพร่หลายภายในปี ค.ศ. 2020 หรืออีก 5 ปีข้างหน้านี่เอง แม้จะลงทุนไปเป็นจำนวนมากกับเทคโนโลยีรถไร้คนขับ แต่ก็ยังมีคู่แข่งในเรื่องนี้ เช่น Uber และบริษัทผลิตรถยนต์อื่นๆ ต้องรอดูกันต่อไปว่ารถไร้คนขับของใครจะมาวินนะคะ

 

Source รูปภาพจาก businessinsider

 

 

คลิปวิดีโอทดสอบความเร็ว iOS 8.4 Beta 3 บน iPhone 4S/5

 

ถ้าเป็นไปตามที่ข่าวลือว่าไว้ “iPhone 4S อาจหมดสิทธิ์ใช้ iOS 9” แล้วละก็! นี่อาจเป็นคลิปที่ช่วยให้คุณตัดสินใจอัพเดท iOS 8.4 ง่ายขึ้นสำหรับคนที่ใช้ iOS 8.3 อยู่แล้ว (แต่ถ้าใช้ iOS 7 จงใช้ยาวๆต่อไป Oops!) เนื่องจาก iOS 8.4 จะถูกพัฒนาต่อยอดเป็น iOS 9 ดังนั้นต้องมีฟีเจอร์ใหม่และการแก้ไขข้อผิดพลาดให้เหลือน้อยที่สุด ส่วนความเร็วและความอึดแบตเตอรี่ต้องไปดูในคลิปกันก่อน เรียกว่าสูสีกับ iOS 8.3 มากจริงๆสำหรับ iPhone 5 แต่ถ้าเป็น 4S ทำใจไว้เลยนาทีละ 1% หายวาร์ป >///<

 

8.4beta3_1
คลิกที่นี่เพื่ออ่านบทความ

 

 

iOS 7.1.2 vs iOS 8.4 Beta 3 (iPhone 4)

 

iOS 8.3 vs iOS 8.4 Beta 3 (iPhone 4)

 

iOS 8.3 vs iOS 8.4 Beta 3 (iPhone 5)

 

Source

 

 

วิธีรูดบัตรเครดิตผ่านมือถือด้วย mPOS เสียค่าธรรมเนียม 2.5% ทุกบัตร! ร้านค้าที่สนใจควรเช็ครุ่นที่รองรับ และดาวน์โหลดแอพบน iOS, Android ให้เรียบร้อย

 

ยุคสมัยนี้งานประตูเงินประตูทองต้องก้าวไกล! ดูได้จากงานหมั้นของสาวชมพู่-อารยา และ น็อต-วิศรุต จะเห็นว่าเพื่อนเจ้าสาวนี่ไฮเทคสุดๆ แค่เจ้าบ่าวบอกว่า “ซองหมด” 55+ เธอก็หยิบสมาร์ทโฟนพร้อมอุปกรณ์ mPOS เตรียมใช้บริการ K-PowerPay (mPOS) ของธนาคารกสิกรไทยทันที ยังดีที่เจ้าบ่าวพกบัตรเครดิตมาด้วย ไม่งั้นอดเจอเจ้าสาวแน่ๆ Oops!

 

mPOS_chom1
ภาพจาก NARAKORN PHOTOGRAPHY

 

mPOS หรือ Mobile Point of Sale

อุปกรณ์เสริมสำหรับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่เรียกว่า mPOS ตัวนี้ สามารถเปลี่ยนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ให้กลายเป็นจุดชำระเงินได้ทันที โดยลดข้อจำกัดในการซื้อสินค้าและบริการ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถชำระเงินค่าสินค้าได้เพียงมีสัญญาณอินเทอร์เน็ตเท่านั้น จึงทำให้เกิดความสะดวกต่อร้านค้าและลูกค้าในเวลาเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันนี้มี 2 ธนาคารหลักที่ให้บริการนี้คือ ธนาคารกสิกรไทย (รับเฉพาะบัตรเครดิต), ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (รับทั้งบัตรเครดิต และเดบิต) และอีก 1 ผู้ให้บริการรายใหม่คือ บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด

 

mPOS_chom12

K-PowerPay (mPOS)

ธนาคารกสิกรไทย ให้บริการ K-PowerPay กับสายการบินนกแอร์ (ที่สนามบินดอนเมืองจะมีเจ้าหน้าที่ของสายการบินใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรือไอแพดคอยให้บริการลูกค้า เพิ่มช่องทางการจำหน่ายตั๋วโดยสารเพื่อไม่ใช้ผู้โดยสารต้องต่อคิวนาน), เมืองไทยประกันชีวิต, ไทยซัมซุงอิเลคโทรนิคส์ และธุรกิจขายตรงอย่างแอมเวย์ ซึ่งจะมีอุปกรณ์ mPOS รับเฉพาะบัตรที่เป็นชิปการ์ดเท่านั้น เช่น บัตรเครดิต VISA และ MasterCard ทุกธนาคาร แต่ไม่รับบัตรเดบิต และบัตรที่เป็นแถบแม่เหล็กอย่างเดียว

 

mPOS_chom3-1

 

เปิดใช้บริการ

ผู้ใช้บริการต้องตกลงเป็น “ร้านค้า” กับทางธนาคารก่อน จากนั้นธนาคารจะแจ้ง Pin และ Activation code กลับมายังผู้ใช้ โดยเอกสารการสมัคร มีดังนี้

1.ใบทะเบียนพาณิชย์สำหรับร้านค้าทั่วไป หรือหนังสือรับรองการจดทะเบียนที่ออกให้ภายใน 3 เดือนสำหรับห้างหุ้นส่วน

2.สำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประจำตัวของผู้มีอำนาจลงนาม

3.สำเนาบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของร้านค้า

4.สำเนาบัญชีออมทรัพย์หรือบัญชีกระแสรายวันของธนาคารที่ต้องการสมัคร

5.หลักฐานที่ตั้ง ประกอบด้วย รูปถ่ายหน้าร้านค้าและภายในร้านค้า แผนที่ที่ตั้งร้านค้า และ สัญญาเช่าพื้นที่ร้านค้า (ถ้ามี)

เมื่อธนาคารอนุมัติแล้ว จึงจะทำการจัดส่งอุปกรณ์ mPOS และคู่มือการใช้งานพร้อม Activation Code ให้กับลูกค้า

 

 

mPOS_chom5-1
ภาพจาก pantip

 

 

การใช้งานครั้งแรก

ติดอุปกรณ์ mPOS เข้ากับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต (หน้าจอจะโชว์ Reader Serial No. โดยอัตโนมัติ) จากนั้นใส่ Staff ID และ Staff Pin ที่ได้รับจากธนาคารทาง E-mail พร้อมกับใส่ Activation Code ที่ได้รับจากธนาคารทาง SMS และกด “Log in” (เมื่อล็อกอินเรียบร้อยแล้ว ผู้ใช้สามารถเข้าไปเปลี่ยนรหัส Staff Pin ใหม่ได้เพื่อการจดจำที่ง่ายขึ้น)

 

ดาวน์โหลดแอพ K-Powerpay

รองรับ iPhone 3GS, iPhone 4, iPhone 4S, iPhone 5, iPod touch (รุ่น 3), iPod touch (รุ่น 4), iPod touch (รุ่น 5) และ iPad ต้องใช้ iOS 6.0 ขึ้นไป ส่วนเครื่อง Android รองรับตั้งแต่เวอร์ชั่น 4.1 ขึ้นไป

iOS

Android

 

 

mPOS_chom6

 

วิธีรูดบัตร

ให้เปิดแอพพลิเคชั่น K-Powerpay เพื่อรับการชำระเงิน โดยกดคำว่า Start Accepting Payment และใส่จำนวนเงินของสินค้าหรือบริการลงไป ในขณะเดียวกันสามารถถ่ายภาพสินค้าหรือบริการเก็บไว้พร้อมทั้งใส่คำบรรยายได้ตามต้องการ จากนั้นจึงเสียบบัตรเพื่อขออนุมัติวงเงิน และให้ลูกค้าเซ็นชื่อเพื่อยืนยันการใช้จ่าย เสร็จแล้วกด “Continue” เมื่อวงเงินถูกอนุมัติเรียบร้อย หน้าจอจะขึ้นให้ลูกค้ากรอกเบอร์โทรศัพท์และอีเมลล์ เพื่อส่งหลักฐานการใช้บัตรให้กับผู้ถือบัตร

 

mPOS_chom5

 

 

Krungsri Quick Pay

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีบริการ Krungsri Quick Pay โดยใช้อุปกรณ์ mPOS สองส่วน คือ บริเวณด้านบนสำหรับอ่านบัตรที่เป็นแถบแม่เหล็กอย่างเดียว และด้านล่างสำหรับอ่านบัตรชิปการ์ด สามารถรับบัตรเครดิต และบัตรเดบิตทุกธนาคาร โดยมีบริษัท สวิฟฟ์ จากประเทศสิงคโปร์ เป็นผู้ออกแบบเทคโนโลยีเพื่อการชำระเงินผ่านระบบโทรศัพท์มือถือ

 

mPOS_chom3

 

เปิดใช้บริการ

ผู้ใช้บริการต้องตกลงเป็น “ร้านค้า” กับทางธนาคารก่อน จากนั้นธนาคารจะแจ้ง Pin และ Activation code กลับมายังผู้ใช้ โดยเอกสารการสมัคร มีดังนี้

1.ใบทะเบียนพาณิชย์สำหรับร้านค้าทั่วไป หรือหนังสือรับรองการจดทะเบียนที่ออกให้ภายใน 3 เดือนสำหรับห้างหุ้นส่วน

2.สำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประจำตัวของผู้มีอำนาจลงนาม

3.สำเนาบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของร้านค้า

4.สำเนาบัญชีออมทรัพย์หรือบัญชีกระแสรายวันของธนาคารที่ต้องการสมัคร

5.หลักฐานที่ตั้ง ประกอบด้วย รูปถ่ายหน้าร้านค้าและภายในร้านค้า แผนที่ที่ตั้งร้านค้า และ สัญญาเช่าพื้นที่ร้านค้า (ถ้ามี)

เมื่อธนาคารอนุมัติแล้ว จึงจะทำการจัดส่งอุปกรณ์ mPOS และคู่มือการใช้งานพร้อม Activation Code ให้กับลูกค้า

 

ดาวน์โหลดแอพ Krungsri Quick Pay

รองรับ iPhone 3GS, iPhone 4, iPhone 4S, iPhone 5, iPod touch (รุ่น 3), iPod touch (รุ่น 4), iPod touch (รุ่น 5) และ iPad ต้องใช้ iOS 5.0 ขึ้นไป ส่วนเครื่อง Android รองรับตั้งแต่เวอร์ชั่น 2.3 ขึ้นไป

iOS

Android

 

 

mPOS_chom7

 

เริ่มต้นการใช้งาน

เปิดแอพพลิเคชั่น “Krungsri Quick pay เลือกเมนู Setting จากนั้นนำรหัส Activation Code ที่ได้รับจากธนาคารมากรอกเพื่อเปิดใช้งานในครั้งแรก

 

mPOS_chom4

 

ขั้นตอนการชำระเงิน

ให้เลือกที่เมนู Payment กรณีที่เป็นบัตรเดบิต ให้ใช้อุปกรณ์อ่านบัตรแบบบัตรแถบแม่เหล็ก เชื่อมต่อผ่านช่องเสียบหูฟังของอุปกรณ์เคลื่อนที่ ในขณะที่เปิดแอพพลิเคชั่นกรุงศรีควิ๊กเพย์อยู่ ให้สังเกตุจุดสีส้มที่อยู่บริเวณด้านบนซ้ายของหน้าจอ ซึ่งหมายความว่ากำลังทำการเชื่อมต่อ และจะกลายเป็นสีเขียวเมื่อทำการเชื่อมต่อเสร็จสมบูรณ์ จากนั้นเมื่อต้องการชำระเงิน ให้กดปุ่ม Swipe ด้านบนขวา แล้วรูดบัตร ให้แถบแม่เหล็กหันไปทางด้านหลังของเครื่องรับบัตร เครื่องรับบัตรจะอ่านข้อมูลและบนหน้าจอจะแสดงชื่อผู้ถือบัตร หมายเลขบัตรสี่หลักสุดท้าย และวันหมดอายุ

 

mPOS_chom9

 

ในกรณีที่เป็นบัตรเครดิต ให้ใช้อุปกรณ์อ่านบัตรแบบอีเอ็มวีเชื่อมต่อผ่านช่องยูเอสบีของอุปกรณ์เคลื่อนที่ โดยหน้าจอจะแจ้งว่าPlease Insert Card ให้ใส่ด้านที่มีชิปเข้าไปที่เครื่อง เมื่อเครื่องรับบัตรอ่านข้อมูลสำเร็จจะแสดงคำว่า Ready to Process หลังจากได้ใช้อุปกรณ์รูดบัตรเพื่ออ่านข้อมูลแล้ว ให้ร้านค้าเป็นผู้กรอกข้อมูล จำนวนเงินที่ต้องชำระ และรหัสพนักงาน จากนั้นให้ลูกค้าเจ้าของบัตรทำการกรอกอีเมลล์ เบอร์โทรศัพท์(เพื่อแจ้งเอสเอ็มเอส) และแตะที่ช่องลายเซ็น เพื่อเซ็นลายเซ็นผ่านหน้าจอ เมื่อข้อมูลครบถ้วนให้กด “ดำเนินการ” หลังจากนั้น ระบบจะแจ้งผลการชำระเงินโดยหากได้รับการอนุมัติ ระบบจะแสดงรายละเอียดการชำระเงินบนหน้าจอและธนาคารจะส่ง Sale Slip ให้กับลูกค้าทางอีเมลล์หรือเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ได้ใส่ข้อมูลไว้ หรือถ้าการชำระเงินถูกปฏิเสธ ระบบจะแสดงให้ทราบบนหน้าจอ ให้กด “ok” เพื่อกลับไปเริ่มต้นใหม่ที่หน้าจอเดิม

 

mPOS_chom11

 

 

AEON Easy Pay

จะเริ่มจำหน่ายเครื่องให้แก่เจ้าหน้าที่ตัวแทนประกันเป็นกลุ่มแรกก่อน และธุรกิจร้านค้าขนาดเล็กประเภทเอสเอ็มอีจะเป็นรายต่อๆไป เนื่องจากการติดตั้งเครื่อง mPOS จะมีต้นทุนค่าเครื่องประมาณ 2,000 บาทและเสียค่าธรรมเนียมการใช้ 2.5 เปอร์เซ็นต์ จากยอดการใช้จ่ายในแต่ละครั้งและไม่ต้องเสียค่าอุปกรณ์อื่นๆ เพิ่มเติมเพราะนำไปเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรือดีไวซ์ต่างๆ ได้ทันที

 

mPOS_chom15

 

ดาวน์โหลดแอพ AEON Easy Pay

รองรับ iPhone 3GS, iPhone 4, iPhone 4S, iPhone 5, iPod touch (รุ่น 3), iPod touch (รุ่น 4), iPod touch (รุ่น 5) และ iPad ต้องใช้ iOS 5.0 ขึ้นไป ส่วนเครื่อง Android รองรับตั้งแต่เวอร์ชั่น 2.1 ขึ้นไป

iOS

Android

 

mPOS_chom16

 

มาตรฐานด้านความปลอดภัย

อุปกรณ์ mPOS ของทั้ง 3 ธนาคารมีความปลอดภัยสูง ลูกค้าไม่ต้องกังวลว่าข้อมูลบัตรเครดิตหรือลายเซ็นจะถูกบันทึกเก็บไว้ในเครื่อง เพราะข้อมูลของลูกค้าจะถูกส่งไปยังระบบธนาคารทันทีที่มีการดำเนินการ ทำให้ลูกค้าสามารถไว้วางใจได้ว่าการใช้งาน mPOS จะไม่มีการโจรกรรมใดๆเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ในส่วนของธนาคารกสิกรไทยมีการป้องกันข้อมูลตั้งแต่การรูดบัตรจนถึงการส่งสำเนาสลิปให้กับลูกค้า โดยเข้ารหัส (Encryption) แล้วส่งไปให้ปลายทางถอดรหัส (Decryption) และทำ Data Masking กับข้อมูลบัตรเครดิต ตามมาตรฐาน PCI – DSS (Payment Card Industry Data Security Standard) เป็นมาตรฐานความปลอดภัยสารสนเทศที่แพร่หลายทั่วโลก ซึ่งตัวอุปกรณ์ mPOs และ Application ได้ผ่านการรับรอง (Certified by Visa) จาก Visa และ MasterCard จึงมั่นใจได้ว่าผู้ถือบัตรเครดิตที่ใช้บริการนี้สามารถใช้บริการ K-Merchant on Mobile ได้อย่างไร้กังวล

เช่นเดียวกับ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่ได้รับการสนับสนุนจากวีซ่า และสวิฟฟ์ (Swiff)เทคโนโลยีเพื่อการชำระเงินผ่านระบบโทรศัพท์มือถือจากเอสซีซีพี กรุ๊ป พร้อมทั้งผ่านการทดสอบเรื่องความปลอดภัย EMV Level 2 จาก VISA และ MasterCard ผ่านมาตรฐาน PCIData Security Standard (PCI DSS) โดยที่แอพพลิเคชั่นและอุปกรณ์ mPOS จะไม่เก็บข้อมูลบัตรและผู้ถือบัตร เพิ่มความปลอดภัยอีกระดับด้วยการเข้ารหัสตั้งแต่เริ่มเสียบบัตร โดยร้านค้าต้องกรอกรหัสส่วนตัวทุกครั้งที่จะทำการชำระเงิน ทำให้ลูกค้าสามารถไว้วางใจในความปลอดภัยของระบบชำระเงินรูปแบบใหม่นี้ว่าจะไม่มีช่องโหว่ของการถูกโจรกรรมอย่างแน่นอน

 

อัตราค่าบริการสำหรับร้านค้า

• ธนาคารกสิกรไทย มีอัตราค่าบริการแรกเข้า 3,000 บาท (รวมอุปกรณ์ mPOS)  และเสียอัตราค่าธรรมเนียม 3 เปอร์เซ็นต์ทุกประเภทบัตร

• ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีค่าบริการติดตั้ง 2,000 บาท (รวมอัตราแรกเข้าและอุปกรณ์ mPOS) และอัตราค่าธรรมเนียม 2.5 เปอร์เซ็นต์ทุกบัตร

• บริษัทอิออน มีอัตราค่าบริการแรกเข้า 2,000 บาท เสียค่าธรรมเนียมการใช้ 2.5 เปอร์เซ็นต์ จากยอดการใช้จ่ายในแต่ละครั้ง

 

mPOS_chom13

 

ต้องขอขอบคุณบริการดีๆจากทั้ง 3 ธนาคาร ที่เพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้ามา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ แต่ทั้งนี้ลูกค้าอาจต้องคำนวณต้นทุนแต่ละครั้งให้ดีเพราะมีค่าธรรมเนียมบวกเข้าไปอีก 2.5-3% ส่วนผู้ใช้อย่างเราก็สบายใจไปที่ไหนก็รูดง่ายไม่ต้องกลัวแล้วสินะ เย็นนี้ต้องไปลองแถวย่านเยาวราช เห็นว่าร้านขายอาหารข้างทาง ไม่ว่าจะเป็น ร้านขายเกาลัด ร้านก๋วยจั๊บ ร้านผลไม้ ร้านหูฉลาม ฯลฯ ก็มีให้บริการเรียบร้อย Oops!

 

Source

 

 

เด็กอินเดียเล่นมือถือหนักมาก เริ่มปวดอวัยวะส่วนบนจนคุณหมอต้องเตือน! และให้คำแนะนำ

 
เล่นมือถือนานๆ กล้ามเนื้อส่วนบนเริ่มทำงานหนักไม่ส่งผลดีกับหลายคนจนคุณหมอต้องออกมาให้คำแนะนำ โดยเฉพาะเด็กๆที่เริ่มเป็นอาการนี้เร็วกว่าที่คาดคิด

เด็กชาย Owaish Batilwala อายุ 10 ปีจากเมืองมุมไบประเทศอินเดียยอมรับว่าตนใช้ iPad และโทรศัพท์มือถือเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์นานวันละ 3-4 ชั่วโมงติดต่อกันมาหลายปีและเมื่อเริ่มบ่นว่าปวดที่ต้นคอ มือและหลัง

 

india young_1

 

ด้านคุณ Sadia Vanjara นักกายภาพบำบัดชาวอินเดียกล่าวว่า มีเด็กที่เกิดอาการปวดเรื้อรังตามอวัยวะส่วนบนของร่างกายกันเพิ่มมากขึ้น และเด็กเหล่านี้อายุยังน้อย ไม่เคยประสบอุบัติเหตุ ระดับความดันโลหิตปกติดี ผลการตรวจร่างกายด้วยการฉายรังสีปกติดี ผลการตรวจ MRI ก็ปกติดี การตรวจร่างกายเด็กไม่พบสาเหตุของการเจ็บป่วย แต่กลับพบว่าผลจากการเสพติดอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ประเภทมือถือและใช้อุปกรณ์เหล่านี้เล่นเกมส์นานหลายชั่วโมงติดต่อกันทุกวันเป็นสาเหตุของอาการปวดในอวัยวะส่วนบนของร่างกาย มือและนิ้ว

ในอินเดีย มีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือเพิ่มมากขึ้นกว่าประเทศอื่นๆ ในโลกยกเว้นประเทศจีน บริษัท Cisco บริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน networking technology ประมาณว่าตัวเลขผู้ใช้บริการจะเพิ่มขึ้นจาก 140 ล้านคนในวันนี้เป็น 651 ล้านคนใน 10 ปีข้างหน้า

 

ด้านนางสาว Nida Jameel นักเรียนวัย 19 ปีมีอาการปวดที่นิ้วก้อยข้างที่ใช้รับน้ำหนักมือถือสมาร์ทโฟนทั้งวัน เธอบอกว่าตนเองใช้มือถือตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ เธอคิดว่าอาการปวดน่าจะเกิดจากการใช้โทรศัพท์มือถือนานติดต่อกันโดยไม่หยุดพัก เพื่อติดตามข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Snapchat หรือ Whatsapp และสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เธอบอกว่าโทรศัพท์มือถือกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดไปเสียแล้ว
 

วิธีแนะนำจากนักกายภาพบำบัด

ควรถือโทรศัพท์ให้สูงในระดับสายตาเพื่อป้องกันไม่ให้ก้มศรีษะเป็นเวลานาน ช่วยป้องกันอาการปวดที่ต้นคอได้ ง่ายๆแบบนี้

 

Source : voathai

 

3 ไอคอนใหม่บน iOS 9 ดูคอนเซ็ปต์แล้วบอกเลย “เปิดแจ้งเตือนทั้งวัน..ยังไหว”

iOS-9-quick-access-concept

3 ไอคอนที่ว่านี้คือ Notifications, Missd Calls และ Reminder ซึ่งบน iOS รุ่นก่อน สามารถแจ้งเตือนได้เช่นกัน เพียงแต่คอนเซ็ปต์ของ Simon Rahm ต้องการให้ iOS 9 เน้นเรื่องการแจ้งเตือนที่สะดวกและใช้งานง่ายขึ้น แทนที่จะมี 1 รายการ 1 แถวเหมือนเดิม ก็เปลี่ยนให้รายการที่มาจากแอพเดียวกันอยู่ในไอคอนเดียวกันไปเลย จะได้ไม่สับสนเวลามีแจ้งเตือนจำนวนมาก ที่สำคัญเมื่อต้องการลบรายการทั้งหมดในครั้งเดียว ให้ลากไอคอนแอพที่ต้องการลงมา..จบ! #ร้องอุ๊ปส์หนักมาก

 

iOS-9-quick-access-concept2

ตามกำหนดการ iOS 9 น่าจะได้เปิดตัวพร้อมงาน WWDC 2015 วันที่ 8-12 มิถุนายนนี้ ถ้าคอนเซ็ปต์ดีต้องช่วยกันบอกต่อนะจว้า

 

 

Source

 

WWDC15 จัดเต็ม 5 วันติด Apple เตรียมปล่อย Macbook Pro 15″, iOS 9 ต้องรอดูยาวๆ ต้นเดือนมิถุนายนนี้

wwdc15_1

WWDC 2015 ครั้งที่ 26 กำลังจะเริ่มขึ้นในวันที่ 8-12 มิถุนายน 58 นี้ เอาละสิ! แอดนี่รอข่าวลือแม่นๆเลย ซึ่งปีนี้คาดว่าจะได้เห็น Macbook Pro 15″ รุ่นใหม่, iMac และ Apple TV

 

wwdc15_2

 

Apple TV รุ่นใหม่ไม่ได้ถูกพูดถึงมานาน ครั้งนี้น่าจะถึงเวลาของการเล่นเกมแบบ Multiple Player รองรับทั้ง 2 หน้าจอบน TV และเชื่อมต่อกับ App Store ได้สักที

 

wwdc15_3

 

ทางด้านซอฟแวร์ แน่นอน iOS และ OS X เวอร์ชั่นใหม่ต้องมา เรื่องที่พูดถึงมากที่สุดคือด้าน “ความเสถียร” ของ iOS 9 หวังว่าจะไม่ต้องอัพเดทถี่ๆกันละคราวนี้

 

wwdc15_4

 

ที่สำคัญปีนี้จะมีหัวข้อทางเทคนิคกว่า 100 รายการ และมีวิศวกรของ Apple ให้คำแนะนำกว่า 1,000 คน เคยคิดลงทะเบียนแล้วรอสุ่มอยู่เหมือนกัน พอเห็นราคา $ 1,599 เท่านั้นล่ะ ดูถ่ายทอดสดดีกว่า 😀 Oops!

 

Source : macworld

 

เข้า Google พิมพ์ “find my phone” ทางลัดค้นหาสมาร์ทโฟนตระกูล Android เร็วที่สุดในโลก (ถ้าเน็ตแรงนะ)

การค้นหาสมาร์ทโฟนตระกูล Android ทำได้หลายวิธี เช่น ใช้แอพพลิเคชั่น หรือค้นหาผ่านหน้าเว็บ โดยการล็อกอิน Google Account ที่ลงทะเบียนบนสมาร์ทโฟนเครื่องนั้นลงไป แต่กว่าจะโหลดแอพ หรือหาเว็บ find my phone ได้อาจใช้เวลานาน Google เลยจัดให้ง่ายๆ แค่พิมพ์คำว่า “find my phone” ลงในช่อง Search กด Enter จะขึ้นรูปแผนที่และชื่อรุ่นสมาร์ทโฟนที่เคยใช้งานทันที (แนะนำว่าใช้บราวเซอร์ Chrome จะเชื่อมข้อมูลกับแอคเคาท์ที่ลงทะเบียนบนคอมได้ในตัว)

 

ถ้าพร้อมแล้วคลิก ที่นี่ ค้นหากันได้เลยจ้ะ

 

google_findmyphone_1
คลิกปุ่ม Sign in

 

google_findmyphone_2
ล็อกอินแอคเคาท์ที่ลงทะเบียนบนสมาร์ทโฟน Android

 

google_findmyphone_3
รอค้นหาสมาร์ทโฟนสักครู่ ถ้าเครื่องไม่ออนไลน์จะค้นหาไม่เจอนะจ๊ะ หรือคลิกบนแผนที่เพื่อเปิดหน้าเว็บ android.com/devicemanager จะมีคำสั่งจัดการสมาร์ทโฟนมากกว่าปุ่ม Ring (ส่งเสียงเรียก)

 

google_findmyphone_4
เว็บ Android Devicemanager มีด้วยกัน 3 ปุ่มคำสั่ง ได้แก่ Ring, Lock และ Remove ในกรณีที่ต้องการทำลายหลักฐานคงต้องใช้วิธีนี้ค่ะ

 

3 วิธีตามหาเครื่อง Android? แบบประนีประนอม เผลอต่อเน็ตเมื่อไหร่รู้เรื่อง!

Posted by OopsMobile on Friday, April 17, 2015

คลิปวิดีโอทดสอบความแรง iOS 8.3 ใครยังไม่อัพให้ไว สปีดดี-แบตอึด คุยกับ Siri รู้เรื่อง!

 

หลายคนอัพเดท iOS 8.3 เพราะอยากคุยกับ Siri (Settings>General> เปิด Siri > เลือก Language เป็นภาษาไทย แล้วกดปุ่ม Home ค้างไว้เริ่มใช้งาน) แต่เรายังไม่ลืมเรื่องประสิทธิภาพการใช้งานไปซะทีเดียว เมื่อ kabriolett เจ้าเก่าส่งลิงค์คลิปวิดีโอทดสอบมาให้ชม ซึ่งถือว่าพลิกความคาดหมาย เราเห็นการแก้ปัญหาเป็นร้อยๆข้อบน iOS 8.3 (มันต้องหนักเครื่องแน่ๆ) แต่ปรากฎว่าบน iPhone 5 และ iPhone 4S สปีดเร็วกว่า iOS 8.2 และ 7.1.2 พอสมควร ไม่กินแบตเตอรี่ แค่นี้แหล่ะที่พี่ต้องการ Oops!!

 

iOS 8.3 vs iOS 8.2 on iPhone 5

 

iOS 8.3 vs iOS 8.2 on iPhone 4S

iOS 8.3 vs 7.1.2 on iPhone 4S

 

The new Retina MacBook ขนาดหน้าจอ 12 นิ้ว 3 สี 4 ราคา เริ่มต้นที่ $1,299

 

ขึ้นชื่อว่า “โน๊ตบุ้คบางที่สุดในโลก” รายละเอียดเรื่องการดีไซน์ไม่ต้องพูดถึง ระบบสัมผัสใหม่ Trackpad, Keyboard (แป้นพิมพ์แบบผีเสื้อตามข่าวลือเปะ) ที่สำคัญมาพร้อมกัน 3 สี เทา, เงิน และทอง บนขนาดหน้าจอที่ทุกคนเฝ้ารอ 12″ ถ้าถามเรื่องแบตเตอรี่ Apple ฝากบอก “all-day battery life” Oops! เล่นเน็ตสบายๆ 9 ชม.ต่อเนื่อง หรือจะดูคลิปวิดีโอจนตาแฉะ 10 ชม.ก็ยังไหว

 

new-macbook-1

USB-C เป็นพอร์ตเดียวบน The new Retina MacBook 12″ ทำให้หลายคนกังวลเรื่องอุปกรณ์เสริม (ต้องซื้อเพิ่มรึเปล่า?) แน่นอนค่ะว่าต้องซื้อเพิ่ม ไปสืบราคามาให้บางส่วน

USB-C to USB Adapter ราคา $19 (เอาไว้เชื่อมต่อกับ FlashDrive, External Hard Disk…)

usb-c adapter

USB-C Digital AV Multiport Adapter ราคา $79 (ตัวนี้มี HDMI, USB 3.1, USB-C)

usb-c

ราคาอย่างเป็นทางการ 10 เมษายน 58

ขนาดหน้าจอเท่ากัน 12″ แตกต่างที่ความเร็วของซีพียู fifth-Gen intel Core M และความจุฮาร์ดดิสตามราคาด้านล่างนี้

  • 1.1 GHz, 256 GB SSD ($ 1,299) ประมาณ 42,300 บาท
  • 1.3 GHz, 256 GB SSD ($ 1,549) ประมาณ 50,400 บาท
  • 1.2 GHz, 512 GB SSD ($ 1,599) ประมาณ 52,100 บาท
  • 1.3 GHz, 512 GB SSD ($ 1,749) ประมาณ 56,900 บาท

 

new-macbook-2

เห็นราคาแล้วสัมผัสได้ว่ามันแพงทีเดียว แต่แลกกับความบาง ความเร็ว ความละเอียดหน้าจอ 2304 x 1440 px และเทคโนโลยีที่กล้าพูดได้ว่าเป็นโน๊ตบุ้คดีที่สุดสำหรับใครหลายๆคนในตอนนี้ คงต้องรอดูยอดสั่งซื้อ 10 เมษายนแล้วล่ะ! อาจจะช่วยให้เพื่อนๆตัดสินใจง่ายขึ้นก็ได้นะ Oops!!

 

สเปค The new Retina MacBook

MacBook-2015-tech-specs

 

Source

 

Fast & Furious เก่งแค่ไหนยังไม่กล้าแชทในรถ แต่วัยรุ่นส่วนใหญ่กล้า! โชคดีรอดมาได้หวุดหวิด [มีคลิป]

 

ช่วงนี้วัยรุ่นกำลังอินหนัง Fast & Furious 7 อยากแต่งรถ, อยากขับรถให้เก่งขึ้นก็ว่าไป แต่อยากให้ดูคลิปนี้เป็นอุทาหรณ์สักนิดค่ะ เพราะตัวละครเค้าไม่ติดเล่นมือถือเลยสักนิด สังเกตจากรูปด้านล่าง “วิน ดีเซล” และ “เจสัน สตาร์แทม” คุยนอกรถจ้า!!

 

Fast & Furious_call1

 

ขึ้นรถแล้วคือตั้งสติ! ไม่มีการส่งไลน์ หรืออัพเดทเฟซบุ๊ค นั่นเพราะเค้ามีประสบการณ์และรู้ดีถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากความประมาทเพียงเสี้ยววินาที

 

 

จากการวิเคราะห์เกือบ 1,700 วิดีโอของมูลนิธิ AAA Foundation for Traffic Safety ปรากฎว่า กว่า 60% ของอุบัติเหตุระดับรุนแรงมากถึงปานกลางล้วนเกิดจากวัยรุ่นเล่นโทรศัพท์มือถือขณะขับขี่ บางคนโชคดีวิ่งไม่เร็วมากจึงรอดมาได้หวุดหวิด ดูคลิปแล้วเสียวแทนนะ  Oops! สงกรานต์นี้ก็อย่าวิ่งเร็วมากนะจ๊ะ ถนนลื่นแอดเป็นห่วง 🙂

 

Source : viralnova