เตรียมรับมือ 10 ดีไซน์ใหม่บน iOS 7.1

Wassuppp! ระหว่างที่เราใช้ iOS 7.0.x เป็นธรรมเนียมที่ Apple จะต้องพัฒนา iOS 7.1 เวอร์ชั่น beta ออกมาเรื่อยๆจนถึงตอนนี้ 7.1 beta 3 และอนุญาตให้เฉพาะนักพัฒนาได้ติดตั้งก่อน (ข่าวลือ iOS 7.1 จะปล่อยอย่างเป็นทางการเดือนมีนาคม) และคงอีกหลายเดือนกว่าผู้ใช้งานทั่วไปอย่างเราจะได้เล่นตัวจริงกัน แต่เพื่อไม่ให้เสียเวลาเรามาเตรียมความพร้อมรับมือกับ 10 ดีไซน์ใหม่ล่าสุดบน iOS 7.1 beta 3 ที่นักพัฒนาเผยโฉมให้ดูกันก่อนดีกว่าค่ะ จะมีอะไรเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน และเปลี่ยนไปเพื่ออัลไล..เลื่อนลงมาเลยสินะ!

 

Phone : โทรออก รับสาย วางสาย

IMG_4226
ปุ่ม Call สำหรับแตะโทรออกในหน้า Keypad เปลี่ยนเป็นวงกลมและใช้รูปโทรศัพท์แทนตัวหนังสือ และใต้เบอร์โทรเปลี่ยนจากคำสั่ง +Add to Contacts เป็นสัญลักษณ์ + มุมบนซ้ายแทน

 

 

IMG_4237
เปลี่ยนแถบ Slide to answer ในหน้า Lock Screen ให้โปร่งแสงเห็นแบ็คกราวน์แทนสีเขียว ใช้ไอคอนรูปโทรศัพท์แทนลูกศร

 

 

1-8-2014 5-56-55 PM
ปุ่มตัวเลือกเมื่อไม่สะดวกรับสายพื้นสีขาวหายไป ส่วนปุ่มปฏิเสธ และปุ่มรับสายเปลี่ยนเป็นวงกลมใช้รูปโทรศัพท์แทนตัวหนังสือ

 

 

IMG_5252
ปุ่มวางสายเปลี่ยนเป็นวงกลมและใช้รูปโทรศัพท์แทนตัวหนังสือ

 

FaceTime : คุยแบบเห็นหน้า

IMG_2175
FaceTime ทั้งโหมดโทรออกและรับสาย ไอคอนจะเปลี่ยนเป็นวงกลมทั้งหมด

 

Shut down : ปิดเครื่อง

IMG_3988
เปลี่ยนชัดเจนมากในส่วนการปิดเครื่องทั้งในหน้า Home และ Lock Screen จะเห็นว่าแถบ slide to power off ด้านบนไม่ใช้พื้นสีแดงใช้ไอคอนแทนลูกศร ส่วนปุ่ม Cancel ด้านล่างเปลี่ยนเป็นวงกลมใช้สัญลักษณ์กากบาทแทนตัวหนังสือ

 

Icon : ไอคอนแอพ

newios7colors
ไอคอน Phone, Message และ Facetime ปรับให้สว่างน้อยลง (แถวบนคือ iOS 7.1 beta 3 จะเข้มขึ้นกว่าของเดิมเล็กน้อย..ช่างสังเกตจริงๆ)

 

Keyboard : คีย์บอร์ด

ios71keyboard
เพิ่มความหนาและความคมชัดของตัวหนังสือบนคีย์บอร์ด และปรับสีพื้นให้เข้มมากขึ้น โดยเฉพาะคีย์ Shift และคีย์ Blackspace จะมีพื้นสีขาวเพิ่มเข้ามา ทำให้ง่ายต่อการมองเห็นมากขึ้น

 

Music : แอพเพลง

musicios71
เมื่อแตะปุ่ม Repeat All (เล่นวนซ้ำ) และปุ่ม Shuffle All (สลับเพลง) จะเน้นสีพื้นให้โดดเด่นขึ้น และใช้ฟอนต์สีขาวแทนชมพู

 

IMG_0798
ในหน้า iTunes Radio เพิ่มคำสั่ง “New” สำหรับเพิ่มสถานีใหม่ได้ด้วย

 

Safari : เปิดดูเว็บและข้อมูล

IMG_3078
ในช่องค้นหาจะเปลี่ยนข้อความเป็น “Search web or enter site name” ใช้ตัวอักษรหนาและสีเข้มขึ้นกว่าเดิม

 

IMG_3062
ไม่ใช่แค่ตัวหนังสือหนาขึ้นนะคะ เส้นไอคอนบนปุ่มคำสั่งยังหนาขึ้นเช่นกัน

 

 

Camera : กล้องและภาพถ่าย

IMG_0192
เรียงฟิลเตอร์ปรับแต่งภาพแบบใหม่

 

Wallpaper : ภาพวอลล์เปเปอร์

IMG_0799
สามารถเปิดปิดเอฟเฟ็คต์ parallax ขณะตั้งค่าภาพวอลล์เปเปอร์

 

Accessibility : คำสั่งใน Accessibility

IMG_0800
ล่าสุดเพิ่มคำสั่ง Reduce White Point ลดจุดขาว ช่วยลดความสว่างลง ซึ่งก่อนหน้านี้มีคำสั่ง Darken Colors และ Rudece Transparency ใน 7.1 beta ก่อนๆ

 

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก macrumors.com

 

ชมคลิปตัวอย่างจาก iDownloadblog ค่ะ

[CES2014] ASUS Zenfone 4-5-6 ยกทัพแอนดรอยด์ 2 ซิม ขุมพลัง Intel Atom

 

ด้านค่าย ASUS ก็มิได้น้อยหน้าใคร จัดเต็มด้วยการส่ง Android Smartphone ออกมา 3 รุ่นด้วยกัน กับซีรีส์ใหม่ Zenfone 4, Zenfone 5 และ Zenfone 6 โดยทั้ง 3 รุ่นนี้จะมีขนาดหน้าจอตามชื่อรุ่นนั่นเอง โดย Zenfone 6 จะเป็นฟอร์มแฟคเตอร์แบบ Phablet นั่นเอง

 

โดย Zenfone ทั้ง 3 รุ่นนี้ ยังมาพร้อม Android 4.3 Jelly Bean ที่กำลังรออัพเกรดเป็น Android 4.4 KitKat และ Asus Zen UI ในเร็วๆ นี้ แต่พบข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งคือ ทั้ง 3 รุ่น ใช้ ซีพียู Intel Atom เป็นตัวประมวลผลทั้งหมด ซึ่งก็คงไม่น่าแปลกใจอะไรมากนัก ก็ในเมื่อ ASUS เป็นผู้นำในการผลิตคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค มาก่อน จึงอาจจะได้รับข้อเสนอดีๆ จากอินเทลในการส่งชิปให้ผลิต Zenfone ในครั้งนี้ และทุกรุ่นสามารถใส่ซิมได้ 2 ซิม

 

Asus Zenfone 4

zenfone4
ขนาด : 124.4 x 61.4 x 11.2 มม. น้ำหนัก 115 กรัม
หน้าจอ : ขนาด 4.0″ LED-backlit IPS ความละเอียด WVGA, 233ppi
ชิปเซ็ต : Intel Atom Z2520; dual-core Intel Atom ความเร็ว 1.2 GHz, PowerVR SGX 544MP2 GPU, RAM 1 GB
ระบบปฏิบัติการ OS : Android 4.3 Jelly Bean (เตรียมอัพเกรดเป็น Android 4.4 KitKat เร็วๆ นี้), Asus Zen UI
กล้อง : กล้องหลัง 5 ล้านพิกเซล, ไม่มีแฟลช, autofocus, พร้อมกล้องหน้า
หน่วยความจำ : 4GB, เพิ่ม microSD card ได้
การเชื่อมต่อ : ใส่ได้ 2 ซิม, HSPA+, GPS, WLAN b/g/n, microUSB 2.0, Bluetooth 4.0 LE
แบตเตอรี่ : 1,170mAh, Li-Po, ถอดเปลี่ยนได้
เซนเซอร์ : accelerometer, multi-touch input, proximity sensor
สี : ดำ, ขาว, แดง, ฟ้า, เหลือง
ราคา : $99 ประมาณ 3,200 บาท
 

Asus Zenfone 5

zenfone5
ขนาด : 148.2 x 72.8 x 10.3 มม. 140 กรัม
หน้าจอ : ขนาด 5.0″ LED-backlit IPS ความละเอียด 720p, 294ppi
ชิปเซ็ต : Intel Atom Z2580; dual-core Intel Atom ความเร็ว 2 GHz, PowerVR SGX 544MP2 GPU, RAM 1 GB
ระบบปฏิบัติการ OS : Android 4.3 Jelly Bean (เตรียมอัพเกรดเป็น Android 4.4 KitKat เร็วๆ นี้), Asus Zen UI
กล้อง : กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล Sony BSI, autofocus, LED flash, กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล
หน่วยความจำ : 4GB, เพิ่ม microSD card ได้
การเชื่อมต่อ : ใส่ได้ 2 ซิม, HSPA+, GPS, WLAN b/g/n, microUSB 2.0, Bluetooth 4.0 LE
แบตเตอรี่ : 2,050mAh, Li-Po, ถอดแบตไม่ได้
เซนเซอร์ : accelerometer, multi-touch input, proximity sensor
สี : ดำ, ขาว, แดง, ฟ้า, ทอง
ราคา : $149 ประมาณ 4,900 บาท

 

Asus Zenfone 6

zenfone6
ขนาด : 166.9 x 84.3x 9.9 มม. น้ำหนัก 200 กรัม
หน้าจอ : ขนาด 6.0″ LED-backlit IPS ความละเอียด 720p, 244ppi
ชิปเซ็ต : Intel Atom Z2580; dual-core Intel Atom ความเร็ว 2GHz, PowerVR SGX 544MP2 GPU, RAM 1 GB
ระบบปฏิบัติการ OS : Android 4.3 Jelly Bean (เตรียมอัพเกรดเป็น Android 4.4 KitKat เร็วๆ นี้), Asus Zen UI
กล้อง : กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล Panasonic SmartFSI sensor, autofocus, LED flash, กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล
หน่วยความจำ : 8/16 GB, เพิ่ม microSD card ได้
การเชื่อมต่อ : ใส่ได้ 2 ซิม, HSPA+, GPS, WLAN b/g/n, microUSB 2.0, Bluetooth 4.0 LE
แบตเตอรี่ : 3,230mAh, Li-Po, ถอดแบตไม่ได้
เซนเซอร์ : built-in accelerometer, multi-touch input, proximity sensor
สี : ดำ, ขาว, แดง, ทอง
ราคา : $199 ประมาณ 6,500 บาท

 

เห็นราคาแล้วก็น้ำลายไหลกันเลยนะครับ แต่ราคาจริงที่จะขายในเมืองไทยอาจจะบวกเพิ่มมากกว่านี้อีกนิด แต่ดูๆ แล้วก็ไม่ยากเกินเอื้อมนะครับ

 

Source : gsmarena

[CES 2014] Sony Xperia Z1 Compact น้องเล็กกะทัดรัด แต่สเปกแรงเท่าพี่ชาย…(ชั้นหนาว)

gsmarena_003

เก็บภาพจากงาน CES 2014 มาฝากกันอีกสักแบรนด์ กับ โซนี่ Xperia Z1 Compact ที่คลานตามรุ่นพี่อย่าง Xpria Z1 ออกมา เอาใจผู้ใช้มือเล็กกันบ้าง โดยได้จับ Z1 มาย่อส่วนให้เล็กลงเหลือหน้าจอขนาด 4.3 นิ้ว แต่เสียดายที่ลดความละเอียดลงตามไปด้วยเหลืิอเพียง 720p ความละเอียดของพิกเซลต่อพื้นที่ 1 นิ้วอยู่ที่ 341 ppi แต่ยังดีที่ไม่ลดความเร็วซิพียูลงไป เพราะยังมาพร้อมชิป Qualcomm Snapdragon 800 quad-core Krait 400 ความเร็ว 2.2GHz, Adreno 330 GPU และ แรม 2 GB เช่นเดิม ส่วนกล้องหลังก็เช่นกันกับความละเอียด 20.7 ล้านพิกเซล ส่วนแบตเตอรี่ก็มีความจุลดลงเป็น 2300 mAh จากรุ่นพี่ 3000 mAh เนื่องจากตัวเครื่องเล็กลงนั่นเอง นี่จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้จำเป็นต้องใช้หน้าจอที่ลดเกรดลงมาด้วย เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้พลังงานแบตเตอรี่ ส่วนฟีเจอร์หรือแอพอื่นๆ ก็ทำได้เหมือนกับ Z1 ในแง่ของระบบปฏิบัติการนั้นยังมาพร้อมแค่ Android 4.3 Jelly Bean แต่จะอัพเดทเป็น Android 4.4 KitKat หลังจากนี้ไม่นาน

 

ดังนั้นส่ิงที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดคือขนาดและน้ำหนัก ซึ่งเบากว่า Z1 30 กรัม แต่ดันหนากว่ารุ่นพี่ไปนิดหนึ่งคือ 1 มม. นอกจากนี้ยังมีสีให้เลือกถึง 5 สี คือ ขาว, ดำ, เขียวมะนาว, เหลือง และ ชมพู พร้อมกันน้ำได้เช่นเดียวกัน

gsmarena_020 gsmarena_021

ดูเหมือนว่าโซนี่จะเล่นเกมเดียวกับซัมซุง ที่ออก Galaxy S4 mini และ HTC One ที่พยายามออกรุ่นเล็กเพิ่มมา จากรุ่นเรือธงที่มีอยู่เช่นเดียวกัน ซึ่งถือว่าในงาน CES2014 ปีนี้ ไม่ค่อยมีอะไรให้ Wow กันสักเท่าไรสำหรับสมาร์ทโฟนโซนี่

 

Sony Xperia Z1 Compact
ขนาด : 127 x 64.9 x 9.5 มม. น้ำหนัก 137 กรัม
หน้าจอ : 4.3″ Triluminous display ความละเอียด 720p, 341ppi
ชิปเซ็ต : Qualcomm Snapdragon 800; quad-core Krait 400 ความเร็ว 2.2GHz, Adreno 330 GPU, RAM 2GB
ระบบปฏิบัติการ OS : Android 4.3 Jelly Bean (มีแผนที่จะอัพเกรดเป็น 4.4 KitKat หลังเปิดตัวเร็วๆ นี้)
กล้อง : กล้องหลัง 20.7 ล้านพิกเซล, Carl Zeiss optics, autofocus, LED flash, กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล
ถ่ายวิดีโอ : ความละเอียด 1080p @ 30fps ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
หน่วยความจำ : ให้มาในตัว 16 GB, เพิ่ม microSD card ได้สูงสุด 64 GB
การเชื่อมต่อ : NFC, A-GPS+GLONASS, WLAN (2.4/5Ghz) a/b/g/n/ac, microUSB 2.0 (MHL), BlueTooth 4.0 LE
แบตเตอรี่ : 2,300 mAh
ฟีเจอร์เพิ่มเติม : ระบบกันน้ำกันฝุ่น มาตรฐาน IP55/58, วิทยุ FM Tuner, accelerometer, multi-touch input, proximity sensor
สี : ดำ, ขาว, ชมพู, เขียวมะนาว, เหลือง
 
gsmarena_001 gsmarena_002

 

Source : gsmarena

 

[CES 2014] ชมภาพตัวเป็นๆ ของ Samsung Galaxy Note Pro และ Tab Pro series พร้อมสเปก

ces_article_07

 

เปิดตัวกันไปเรียบร้อยแล้วกับ Samsung Galaxy Note Pro และ Galaxy Tab Pro เมื่อวานนี้ (7 ม.ค. 57) ในงาน CES2014 ณ ลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นซีรีส์ใหม่ล่าสุดในตระกูลแท็บเล็ตและโน้ตจากซัมซุง ที่ได้สร้างมาตรฐานขนาดหน้าจอขึ้นมาใหม่ในระดับ 12.2 นิ้ว โดยยังคงหน้าตาและใช่้วัสดุเช่นเดียวกับ Galaxy Note 10.1 2014 edition แต่สิ่งที่ต่างคือขนาดหน้าจอและสเปกที่อัดมาให้อย่างเต็มที่ โดยมีออกมาทั้งหมด 4 รุ่น คือ Galaxy Note Pro 12.2, Galaxy Tab Pro 12.2, Galaxy Tab Pro 10.1 และ Galaxy Tab Pro 8.4 แต่ปีนี้ดูเหมือนจะไำม่มีอะไรแปลกใหม่และตื่นเต้นมากนักเพราะเหมือนเอาของเดิมที่มีอยู่แล้วมา่ขยายหน้าจอให้ใหญ่ขึ้นเท่านั้น ซึ่งก็เป็นข้อได้เปรียบของซัมซุงเองอยู่แล้วที่มีโรงงานผลิตหน้าจอเป็นของตัวเอง จึงสามารถผลิตแท็บเล็ตไซส์ต่างๆ ออกมาให้เลือกได้หลากหลาย ซึ่งงานนี้จะเวิร์คหรือไม่นั้นคงต้องรอดูกันต่อไป แต่ที่แน่ๆ เรื่องแค่นี้ขนหน้าแข้งซัมซุงไม่ร่วงอยู่แล้วสินะ ว่าแล้วก็ไปดูสเปกของแต่ละรุ่นกันเลยดีกว่า

 

Samsung Galaxy Note Pro 12.2

Note Pro 12-2_01
ขนาด : 295.6 x 204 x 7.95 มม. น้ำหนัก 750 กรัม
หน้าจอ : 16 ล้านสี ขนาด 12.2″ Super Clear LCD capacitive touchscreen ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล
ระบบปฏิบัติการ OS : Android 4.4 KitKat with TouchWiz UI
ชิปเซ็ต รุ่น LTE : Quad-core 2.3GHz Krait 400 CPU, Adreno 330GPU, RAM 3GB , Snapdragon 800 chipset
ชิปเซ็ต รุ่น 3G, Wi-Fi : Quad-core 1.9 GHz Cortex-A15 & quad-core 1.3 GHz Cortex-A7, Mali-T628 MP6 GPU; RAM 3GB , Exynos 5420 chipset
กล้อง : กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล ; กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล
ถ่ายวิดีโอ : ความละเอียด 2160p@30fps, 1080p@60/30fps, 720p@120fps
หน่วยความจำ : มี 2 ขนาดให้เลือก คือ 32GB และ 64GB, ใส่ microSD card เพิ่มได้สูงสุด 64GB
การเชื่อมต่อ : Wi-Fi a/b/g/n/ac, Wi-Fi hotspot, Bluetooth 4.0, พอร์ต microUSB 3.0 รองรับการเชื่อมต่อมาตรฐานเก่า microUSB 2.0, GPS, A-GPS, แจ็คหูฟัง 3.5 มม., NFC, รองรับการเชื่อมต่อแลนแบบ Ethernet ผ่านหัวแปลงอะแด็ปเตอร์
แบตเตอรี่ : 9500mAh
ฟีเจอร์ที่มากับเครื่อง : S-Pen support, S Note, Scrapbook, Action Memo, Air Commands, ฟรีสิทธิพิเศษจาก Dropbox, Evernote, Bitcasa, NY Times, LinkedIn, Remote PC, Cisco WebEx Meetings and more

Note Pro 12-2_02 Note Pro 12-2_03 Note Pro 12-2_04

 

Samsung Galaxy Tab Pro 12.2

Tab Pro 12-2_01
ขนาด : 295.6 x 204 x 7.95 มม. น้ำหนัก 732 กรัม
หน้าจอ : 16 ล้านสี ขนาด 12.2″ LCD capacitive touchscreen ความละเอียด 2560×1600 พิกเซล (WQXGA)
ระบบปฏิบัติการ OS : Android 4.4 KitKat
ชิปเซ็ต รุ่น LTE : Quad-core 2.3GHz Krait 400 CPU, Adreno 330 GPU, RAM 3GB, Snapdragon 800 chipset
ชิปเซ็ต รุ่น 3G, Wi-Fi : Quad-core 1.9 GHz Cortex-A15 & quad-core 1.3 GHz Cortex-A7, PowerVR SGX 544MP3 GPU, RAM 3GB, Exynos 5410 chipset
กล้อง : กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล ; กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล
ถ่ายวิดีโอ : ความละเอียด 1080p@60/30fps, 720p@120fps
หน่วยความจำ : มี 2 ขนาดให้เลือก คือ 32GB และ 64GB, ใส่ microSD card เพิ่มได้ (ไม่ระบุความจุสูงสุด)
การเชื่อมต่อ : Wi-Fi b/g/n/ac, Assisted GPS, Bluetooth 4.0, 30-pin connector
แบตเตอรี่ : 9500mAh
ฟีเจอร์ทีมากับเครื่อง : Scrapbook, ฟรีสิทธิพิเศษจาก Dropbox, Evernote, Bitcasa, NY Times, LinkedIn, Remote PC, Cisco WebEx Meetings and more

Tab Pro 12-2_02 Tab Pro 12-2_03 Tab Pro 12-2_04

 

Samsung Galaxy Tab Pro 10.1

Tab Pro 10-1_01
ขนาด : 343.1 x 171.4 x 7.3 มม. น้ำหนัก 469 กรัม
หน้าจอ : 16 ล้านสี ขนาด 10.1″ LCD capacitive touchscreen ความละเอียด 2560×1600 พิกเซล (WQXGA)
ระบบปฏิบัติการ OS : Android 4.4 KitKat
ชิปเซ็ต รุ่น LTE : Quad-core 2.3GHz Krait 400 CPU, Adreno 330 GPU, RAM 2GB, Snapdragon 800 chipset
ชิปเซ็ต รุ่น 3G, Wi-Fi : Quad-core 1.9 GHz Cortex-A15 & quad-core 1.3 GHz Cortex-A7, PowerVR SGX 544MP3 GPU, RAM 3GB, Exynos 5410 chipset
กล้อง : กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล ; กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล
ถ่ายวิดีโอ : ความละเอียด 1080p@60/30fps, 720p@120fps
หน่วยความจำ : 16GB/32GB internal memory, microSD card slot
การเชื่อมต่อ : Wi-Fi b/g/n/ac, Assisted GPS, Bluetooth 4.0, 30-pin connector
แบตเตอรี่ : 8,200mAh

Tab Pro 10-1_02 Tab Pro 10-1_03 Tab Pro 10-1_04

 

Samsung Galaxy Tab Pro 8.4

Tab Pro 8-4_01
ขนาด : 128.5 x 219 x 7.2 มม. 331 g
หน้าจอ : 16M colors 8.4″ LCD capacitive touchscreen of 2560×1600 pixel (WQXGA) resolution
ระบบปฏิบัติการ OS : Android 4.4 KitKat
ชิปเซ็ต รุ่น LTE : Quad-core 2.3GHz Krait 400 CPU, Adreno 330 GPU, 2GB of RAM, Snapdragon 800 chipset
ชิปเซ็ต รุ่น 3G, Wi-Fi : Quad-core 1.9 GHz Cortex-A15 & quad-core 1.3 GHz Cortex-A7, PowerVR SGX 544MP3 GPU, 3GB of RAM, Exynos 5410 chipset
กล้อง : 8MP main camera; 2MP front-facing camera
ถ่ายวิดีโอ : 2160p@30fps, 1080p@60/30fps, 720p@120fps video capture
หน่วยความจำ : 16GB/32GB internal memory, microSD card slot
การเชื่อมต่อ : Wi-Fi b/g/n/ac, Assisted GPS, Bluetooth 4.0, 30-pin connector
แบตเตอรี่ : 4800mAh

Tab Pro 8-4_02 Tab Pro 8-4_03 Tab Pro 8-4_04

 

สังเกตได้ว่าทุกรุ่นที่ออกมานั้นจะมีชิปเ็ซตสำหรับ 4G LTE และ 3G ที่แตกต่างกันพอสมควร งานนี้เลยอาจทำให้ซัมซุงประเทศไทย ต้องพิจารณาให้ดีว่าจะนำเข้ามาเฉพาะรุ่นใดรุ่นหนึ่ง หรือทั้ง 2 รุ่น เพื่อไม่ให้มีประวัติศาสตร์ ดราม่าซ้ำรอยเหมือน Galaxy Note 3 อย่างที่ผ่านมา นะครัช อิอิอิ…

 

Source : gsmarena

 

ศุกร์นี้ (10 ม.ค.) เตรียมช้อปใน เทศกาล Red Friday ฉลองตรุษจีน บน Apple Store TH

redfriday

 

ในเมื่อต่างประเทศเค้ามีเทศกาล Black Friday พี่ไทยอย่างเราก็ไม่น้อยหน้า กับเทศกาล Red Friday ต้อนรับกับช่วงตรุษจีนของทุกต้นปี โดยในวันศุกร์ที่ 10 ม.ค. 57 นี้ เหล่าสาวก Apple เตรียมช้อปออนไลน์กันให้ดี เพราะจะมีสินค้าราคาพิเศษให้เลือกช้อปได้เพียงวันนี้วันเดียวเท่านั้น และหากช้อปเกิน 2000 บาท ยังได้รับการจัดส่งฟรีอีกด้วย

 

เทศกาล Red Friday นี้ จัดขึ้นบนเว็บไซต์ Apple Store เฉพาะประเทศในแถบเอเชียเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น จีน , ใต้หวัน , ฮ่องกง , สิงคโปร์ , ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย

 

ดังนั้นใครที่กำลังมองหาของขวัญชิ้นพิเศษให้ตัวเอง หรือให้คนที่คุณรัก ศุกร์นี้เตรียมเฝ้าอยู่บนหน้าจอไว้ให้ดี ช้าหมดอดนะครัช

 

Source : Apple Store TH

 

นาฬิกา Pebble SmartWatch เปิดตัวแรงแซงค่ายยักษ์ใหญ่รองรับทั้ง iOS และ Android

Wassuppp! Pebble (เพบเบิล) นาฬิกาล่าฝัน!! ของกลุ่มคนสร้างสรรไอเดียและโปรเจ็คต่างๆเพื่อขอระดมทุนออนไลน์ผ่านเว็บ Kickstarter จนทุบสถิติในรอบปีด้วยทุน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และบลู้มมม..กลายเป็น Pebble Smart Watch 5 สี ดีไซน์เรียบง่าย มีขนาดหน้าจอ 1.26 นิ้ว (LCD) การแสดงผลจะใช้แค่สีขาว-ดำ ทำให้ไม่มีผลกระทบกับการมองเห็นในที่แดดจ้า ถึงแม้จะไม่ใช่หน้าจอระบบสัมผัสแต่ก็มีการพัฒนาต่อเนื่องและเพียงพอต่อความต้องการทำให้ขณะนี้  Pebble ได้รับความนิยมสูงกว่า SmartWatch จากค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Galaxy Gear และ iWatch (ข่าวลือเปิดตัวตุลาคม 2557) โดยสามารถเชื่อมต่อเข้ากับ iPhone หรืออุปกรณ์ที่ใช้ Android ด้วยสัญญาณ Bluetooth สำหรับแจ้งเตือนรายการโทร, ข้อความ, อีเมล์ ฯลฯ ซึ่งมีทีเด็ดอยู่ที่ความอึดของแบตเตอรี่ให้ใช้ได้นานสูงสุด 7 วัน กันน้ำได้ลึกถึง  5 ATM (50 เมตร หรือ 165 ฟุต)

1-2-2014 1-28-23 PM
5 สีโดนๆ (Orange, Cherry Red, Jet Black, Gray และ Arctic White) แต่ที่นิยมสุดคงจะเป็น Jet Black เพราะมีทริกเล็กๆเมื่อพื้นหลังเป็นสีดำและพลาสติกเป็นสีดำทำให้หน้าจอดูกว้างกว่า 1.26 นิ้วขึ้นไปอีก (ควรระวังรอยขีดข่วนที่อาจเกิดขึ้นได้ง่าย มีฟิล์มกันรอยขายเลยทีเดียว)

 

ปุ่มควบคุมจะมีทั้งหมด 4 ปุ่ม เริ่มจากทางด้านซ้าย 1 ปุ่ม เป็นปุ่ม Back ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ และพอร์ตชาร์จไฟ ส่วนทางด้านขวามี 3 ปุ่ม สำหรับเปิดดู menus, apps และ watch faces ในขณะเดียวกันก็เป็นปุ่มเลื่อนขึ้น (up), ปุ่มตกลง (select) และ ปุ่มเลื่อนลง (down)

buttons500
เนื่องจากไม่ใช่ระบบสัมผัสการทำงานจึงควบคุมผ่านปุ่ม 4 ปุ่ม (ซ้าย 1 ขวา 3)

 

การทำงานของ Pebble OS (ชื่อเรียกระบบปฏิบัติการของ Pebble Smart Watch) บน iOS และ Android จะต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ผ่านบลูทูธ และตั้งค่าการทำงานผ่านแอพพลิเคชั่น Pebble โดยมีให้เลือกทั้งหมด 6 หมวดดังนี้

1. Daily
2. Remotes
3. Sports & Fitness
4. Notifications
5. Tools & Utilities
6. Games

Pebble สำหรับ iOS

Pebble สำหรับ Android

pebble_appstore_categories

 

ดูวิธีตั้งค่าบน iOS ได้ที่นี่ค่ะ

 

ดูตัวอย่างการแจ้งเตือน

 

ล่าสุด Pebble OS อัพเดทถึงเวอร์ชั่น 1.14.1 แก้ปัญหาบัคบน iOS และ Android รวมถึงเพิ่มฟีเจอร์อื่นๆ เช่น

-เพิ่มออปชั่นนาฬิกาปลุก ให้ตั้งค่าได้หลายเวลาพร้อมปุ่มเปิดปิดการทำงาน

-เปลี่ยนออปชั่นการแจ้งเตือน เพิ่มโหมด Do Not Disturb (ปิดการรบกวน) เลือกตั้งค่าแจ้งเตือนเฉพาะเบอร์โทร หรือจะปิดการแจ้งเตือนไปเลยก็ได้

-แก้ปัญหาการเชื่อมต่อล่าช้าบน iPhone เช่น ปิดการเชื่อมต่อขณะเปิด Airplane Mode ก็จะเชื่อมต่อให้ทันทีหลังเปิดใช้งานตามปกติอีกครั้ง

-แก้ปัญหาการแสดงเบอร์โทรผิดพลาด รวมถึงการเชื่อมต่อบลูทูธ และอื่นๆ

 

Pebble1-14-1-2
วิธีการอัพเดทให้เปิดแอพพลิเคชั่น Pebble ขึ้นมา แตะปุ่ม Status ตรงกลาง (รูปสายฟ้า) แตะปุ่ม Software updates available แล้วแตะ Update Now สำหรับเครื่องเจลเบรคให้ติดตั้งทวีค Smartwatch Pro ใน Cydia เพิ่มเติม

 

Screen-Shot-2013-11-16-at-12.13.51-1
ตัวอย่างหน้าจอ Pebble Card

 

ดูวิธีตั้งค่าการแจ้งเตือนบน iOS 7

 

แอพพลิเคชั่นล่าสุดบน iOS สำหรับ Pebble ก็คือ PBDirection ราคา $0.99 เพิ่มความสะดวกในการนำทางและแจ้งเตือนจุดเลี้ยวก่อนถึงเป้าหมายอย่างแม่นยำ

pbdirection_pebble_hero
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก iMore (หน้าจอจะต้องเปิดไว้ตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นต้องดูบนหน้าจอมือถือแทน)

 

นอกจากการนำทางแล้วยังมีข่าวดังที่รถหรูอย่าง Mercedes-Benz ประกาศร่วมมือกับทีม Pebble เพื่อใช้ Pebble Smart Watch แจ้งเตือนสภาพรถก่อนและหลังขับขี่ เช่น เช็คระดับน้ำมัน, สถานะการล็อคประตู รวมถึงการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ด้วยเทคโนโลยี V2V เช่น รายงานการเกิดอุบัติเหตุ, มีการก่อสร้างถนน, รายงานสภาพการจราจร เป็นต้น (ถ้าซื้อเบนซ์ได้แค่นาฬิกาสี่พันกว่าบาทจิ๊บๆสินะ!)

159723-1280

 

 

สนใจสั่งซื้อ Pebble Smart Watch แบบออนไลน์ด้วยบัตรเครดิตได้ที่นี่ ราคาเบาๆ $150 ฟรีค่าจัดส่ง (แต่ยังไม่รวมภาษีนะจ๊ะ รวมทั้งหมดแล้วเกือบ 6,000 บาท..อุ๊ปส์!!)

1-2-2014 3-29-29 PM
ให้ส่งมาที่เมืองไทยแตะ REST OF WORLD กรอกอีเมล์ เลือกสีและเพิ่มจำนวนที่ต้องการซื้อ กรอกที่อยู่และข้อมูลบัตรเครดิต เสร็จแล้วแตะ Place Order

 

ขอบคุณข้อมูลจาก appadvice.com

ดีแทคเผยยอดคนใช้ดาต้าอวยพรปีใหม่ 2557 โตราว 175% ฮิตส่งผ่านแอพพลิเคชั่นออนไลน์

dtac-data-hot

 

ดีแทครายงานยอดการใช้งานมือถือของลูกค้าในช่วงเคาท์ดาวน์และอวยพรปีใหม่ 2557 หรือคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2556 ต่อเนื่องวันปีใหม่ 1 มกราคม 2557 มีการใช้งานดาต้าเพิ่มสูงขึ้นจากการใช้ปีที่ผ่านมาประมาณ 175% รับกระแสความต้องการใช้งานโมบายล์อินเทอร์เน็ตที่เติบโตกว่าปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งความนิยมในสมาร์ทโฟนและแอพพลิเคชั่นสังคมออนไลน์ที่ยังคงมีสูงต่อเนื่อง รวมถึงการขยายพื้นที่ให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ย่าน 2100MHz ของดีแทค ไตรเน็ตครอบคลุมพื้นที่การให้บริการใช้งานของประชากรกว่า 55% ของประเทศ

 

นายปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่า “พฤติกรรมผู้ใช้มือถืออวยพรปีใหม่ได้เปลี่ยนแปลงสู่ยุค 3G อย่างชัดเจน ตามทิศทางผู้ใช้งานทั่วโลกที่นิยมอวยพรผ่านสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตด้วยแอพพลิเคชั่นที่ใช้ติดต่อสื่อสารประจำผ่านสังคมออนไลน์ เช่น Facebook, LINE, WhatsApp, Instagram, Twitter หรือ Google+ เป็นต้น และที่ผ่านมาผู้ใช้งานส่วนใหญ่นิยมเปลี่ยนมาใช้งานบนสมาร์ทโฟนและแพ็กเกจใช้งานบน 3G ที่คุ้มค่า และจากการทำตลาดที่ต้องการให้ทุกคนเป็นเจ้าของได้ในราคาเบาๆ แต่คุณภาพสูง เช่น dtac TriNet Phone ในรุ่น Mousey ราคาเครื่องเปล่าเพียง 1,290 บาท หรือ Lion ที่มาเต็มประสิทธิภาพ แต่ราคาเครื่องพร้อมแพ็กเกจเพียง 5,990 บาท”

 

“สถิติที่นิยมใช้งานดาต้าหรืออวยพรปีใหม่ออนไลน์กันสูงสุดอยู่ในช่วงเวลา 21.15-21.30 น. เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2556 และมียอดการใช้งานสูงสุด ณ ช่วงเวลาหนึ่งถึงประมาณ 2.6 ล้านราย (Concurrent Users) โดยในปีนี้มีการใช้งานดาต้าเพิ่มสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาถึงประมาณ 175% ผู้ใช้งานนิยมการอวยพรผ่านแอพพลิเคชั่นออนไลน์ที่เพิ่มสีสันและความน่ารักในการส่งข้อความมากยิ่งขึ้น เช่น การอวยพรผ่าน LINE ซึ่งดีแทคได้เปิดให้ดาวน์โหลดสติ๊กเกอร์ LINE คาแรคเตอร์ใหม่ล่าสุดต้อนรับเทศกาลปีใหม่นี้ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีโดยยอดผู้ใช้งาน LINE เข้ามาแอดเฟรนด์ผ่าน dtac Official Account เพื่อดาวน์โหลดสติ๊กเกอร์ดีแทคแล้วมากกว่า 10 ล้านราย” นายปกรณ์ กล่าว

 

สำหรับการอวยพรผ่าน MMS ในปีนี้มียอดประมาณ 3 แสนข้อความ และยอดอวยพรผ่าน SMS มีประมาณ 13.8 ล้านข้อความ โดยมีการใช้งานหนาแน่นสูงสุดในช่วงเวลาประมาณ 00.00-01.00 น. ของวันที่ 1 ม.ค. 2557 (ข้อมูล ณ วันที่ 1 ม.ค. 2557 เวลา 8.00 น.)

 

ทั้งนี้ ในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองความสุขเดือนธันวาคม และปีใหม่ ดีแทคได้เตรียมความพร้อมของโครงข่ายดีแทคและดีแทคไตรเน็ตเพื่อให้ลูกค้าได้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง มีการจัดทีมงานพิเศษเพื่อดูแลเครือข่ายการใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง เพิ่มการมอนิเตอร์ในพื้นที่การใช้งานปรับพารามิเตอร์ให้เสาส่งสัญญาณรองรับพื้นที่การใช้งานที่หนาแน่นให้ดีที่สุด และเพิ่ม Capacity ตามแผนในแต่ละจุดของพื้นที่รองรับการใช้งานหนาแน่นช่วงเทศกาล พร้อมทั้งส่งรถโมบายล์เพิ่มขยายช่องสัญญาณรองรับการใช้งานเพิ่มเติมอีกด้วย

 

ทรูมูฟ เอช จัดแพ็กเกจเบอร์สวยรับปีมะเมีย เลือกเบอร์สวยโดนใจ พร้อมสิทธิพิเศษคุ้มกว่าซื้อเบอร์เปล่า!

Nice Number_sv
ทรูมูฟ เอช ชวนเปลี่ยนเบอร์สวยรับปีมะเมีย แนะนำ 2 แพ็กเกจเบอร์สวยสุดพิเศษระดับโกลด์และแพลตินัมที่มาพร้อมบริการแบบรายเดือนสุดคุ้ม ทั้งโทรฟรี ทั้งใช้อินเทอร์เน็ตแบบไม่จำกัด ผ่านเครือข่าย 3G/EDGE/GPRS และ WiFi พร้อมจัดแคมเปญ “เบอร์สวยที่คุณเลือกได้” เลือกเบอร์สวยโดนใจ พร้อมรับส่วนลดค่าบริการรายเดือน 50% นาน 2 ปี เมื่อสมัครแพ็กเกจ iSmart 500, iSmart 700 หรือ iSmart 1100

 

แคมเปญ “เบอร์สวยที่คุณเลือกได้” ให้เลือกเบอร์สวยแบบหลากหลายจุใจ เช่น เบอร์ 4 ตัวท้ายแบบ XXYY, XYXY, XYYX และ XXXY พร้อมรับส่วนลดค่าบริการรายเดือน 50% นาน 2 ปี เมื่อเปิดบริการแบบรายเดือนและเลือกใช้โปรโมชั่น iSmart 500, iSmart 700, และ iSmart 1100 หรือเลือกใช้โปรโมชั่นแพ็กเกจรายเดือนแบบอื่นๆ ก็ได้ ในราคาปกติ เป็นระยะเวลา 2 ปี พร้อมรับสิทธิ์ใช้ 3G|EDGE|GPRS ฟรี และ WiFi ฟรีไม่จำกัด นาน 2 ปี ผู้ที่สนใจเลือกเบอร์สวยโดนใจพร้อมเปิดเบอร์ได้แล้ววันนี้ – 31 มกราคม 2557 ที่ร้านทรูช้อป และทรูพาร์ทเนอร์ ทั่วประเทศ

 

นอกจากนี้ ทรูมูฟ เอช ยังแนะนำ 2 แพ็กเกจเบอร์สวย ระดับโกลด์และแพลตินัม
โกลด์ แพ็กเกจ คุ้มที่สุดกับเบอร์สวยระดับโกลด์ เช่น เบอร์ 4 ตัวท้ายแบบ XYYY พร้อมสมัครโกลด์ แพ็กเกจ ใช้โทรฟรีทุกเครือข่าย 5,000 นาที และใช้อินเทอร์เน็ตผ่าน 3G|EDGE|GPRS และ WiFi ฟรีไม่จำกัด ตลอดระยะเวลาใช้งานโกลด์ แพ็กเกจ นาน 12 เดือน ด้วยค่าบริการเหมาจ่ายครั้งเดียวเพียง 9,000 บาทเท่านั้น (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) (ค่าบริการส่วนเกินจากโกลด์ แพ็กเกจ แบบรายเดือน คิดค่าโทร 1.25 บาท/นาที SMS 2 บาท/ข้อความ และ MMS 5 บาท/ครั้ง)

Nice Number_G
แพลตินัม แพ็กเกจ เลือกเบอร์สวยระดับแพลตินัม เช่น เบอร์ 4 ตัวท้ายแบบ XXXX พร้อมสมัครแพลตินัม แพ็กเกจ ใช้โทรฟรีทุกเครือข่าย 20,000 นาที และใช้อินเทอร์เน็ตผ่าน 3G|EDGE|GPRS และ WiFi ฟรีไม่จำกัด ตลอดระยะเวลาใช้งานแพลตินัม แพ็กเกจ นาน 24 เดือน ด้วยค่าบริการเหมาจ่ายครั้งเดียว 49,000 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) (ค่าบริการส่วนเกินจากแพลตินัม แพ็กเกจ แบบรายเดือน คิดค่าโทร 1.25 บาท/นาที SMS 2 บาท/ข้อความ และ MMS 5 บาท/ครั้ง)

Nice Number_P

 

เลือกเบอร์สวย พร้อมสมัครโกลด์ แพ็กเกจ และแพลตินัม แพ็กเกจ ได้แล้ววันนี้–31 มีนาคม 2557 ที่ร้านทรูช้อปที่ร่วมรายการ ในกรุงเทพฯ ได้แก่ ร้านทรูช้อปสาขาดิจิตอลเกตเวย์ ชั้น 3, สยามพารากอน, ไอทีมอลล์ฟอร์จูนทาวน์, อาคารใยแก้ว, เมกะบางนา และในต่างจังหวัด ได้แก่ ร้านทรูช้อปสาขาเซ็นทรัลแอร์พอร์ตพลาซ่า เชียงใหม่, อยุธยาปาร์ค, เดอะมอลล์โคราช, เซ็นทรัล ชลบุรี และ เซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต

 

ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดแพ็กเกจเบอร์สวยจากทรูมูฟ เอช ได้ที่ www.truemove-h.com หรือสอบถามที่โทร 1331

 

Angry Birds เตรียมเปิดช็อปเอาใจสาวกคอลเลคชั่น Angry Birds

AngryBirds04
Angry Birds จัดงาน Angry Birds’ Bird Day Party เพื่อฉลองครบรอบ 4 ปี สุดยอดเกมส์ชื่อดังที่ไม่มีใครไม่เคยเล่น ณ ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ที่ผ่านมาก็ได้มีัการเปิดตัวเกมใหม่ล่าสุดอีกหนึ่งเกมคืิอ Angry Birds Go! ที่มาในธีมการแข่งรถ ซึ่งได้รับผลตอบรับจากแฟนๆ เป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน

 

และนอกจากเกมที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีแล้วยังมีสินค้าลิขสิทธิ์น่ารักๆ จาก Angry Birds ออกมาอีกมากมายโดยเฉพาะในเมืองไทยนั้นได้รับการตอบรับอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น ลูกชิ้นปลา Angry Birds, น้ำผลไม้, อุปกรณ์เครื่องเขียน, เสื้อผ้่า, Gift Set ต่างๆ เป็นต้น ซึ่ง บริษัท แปซิฟิก ไลเซนซิ่ง สตูดิโอ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ดูแลและทำตลาดสินค้าลิขสิทธิ์ของ Angry Birds ได้เปิดเผยข้อมูลว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตสูง โดยจากผู้ได้รับลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการกว่า 50 รายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น ครึ่งหนึ่งเป็นลิขสิทธิ์ในประเทศไทย และมีสินค้า ผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ที่หลากหลายรองรับทั้งกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่

AngryBirds02
ลูกชิ้นปลา Angry Birds
AngryBirds03
น้ำผลไม้ Angry Birds

 

นอกจากนี้คาดว่าจะมีการเปิดช็อปเพื่อให้สาวก Angry Birds สามารถเลือกช้อปสินค้าในคอลเลคชั่นต่างๆ ได้อย่างง่ายยิ่งขึ้น ประมาณไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า โดยขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนวางแผน และในอนาคตจะมีการเพิ่มสินค้าและผลิตภัณฑ์ในกลุ่มต่างๆ ให้หลากลายยิ่งขึ้นทั้ง Gadgets และ IT

 

ทั้งนี้ยังมีแคมเปญพิเศษสำหรับแฟนๆ ให้่ติดตามกันได้ผ่านทาง Facebook แฟนเพจ BirdsMoments กันอีกด้วย

 

AngryBirds01

โนเกียเปิดตัว Nokia Asha 503 และ Nokia Asha 500 ลุคชิค แชะไว แชร์ได้สะใจกว่าเดิม

nokia_asha_503_group resize600
โนเกียเปิดตัว Nokia Asha 503 สมาร์ทโฟนราคาย่อมเยาพร้อมกล้อง 5 ล้านพิกเซล รองรับ 3G และ Nokia Asha 500 ที่มาพร้อมกล้อง 2 ล้านพิกเซล สองสมาร์ทโฟนใหม่ในตระกูล Asha ผนวกดีไซน์สุดชิค กรอบเครื่องสวยใสดั่งคริสตัล กับประสบการณ์การใช้งานที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ต่อยอดความสำเร็จของแพลทฟอร์ม Asha

 

ครั้งแรกในโลกกับสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกรอบเครื่องสวยใสดั่งคริสตัล มองเห็นตัวเครื่องสีสันจัดจ้านภายใน มอบทั้งดีไซน์สุดชิค ไม่เหมือนใคร และความคงทน Nokia Asha 500 และ Asha 503 มากับแพลทฟอร์ม Asha ที่ได้รับการพัฒนาให้ตอบสนองการใช้งานได้ดียิ่งขึ้น อินเตอร์เฟซใหม่ช่วยให้ถ่ายภาพและแบ่งปันภาพถ่ายบนสังคมออนไลน์ได้เร็วและง่ายกว่าเดิม แค่สไลด์เดียว (swipe) ก็เข้าถึงฟังก์ชั่นกล้องได้ง่ายๆ ทั้ง viewfinder และ gallery และใช้เพียงสัมผัสเดียวเพื่อโพสต์บนสังคมออนไลน์ สะดวกด้วย Fastlane หน้าจอรองเพื่อเข้าถึงแอพที่ใช้งานบ่อยและสังคมออนไลน์สุดฮิตเพียงสไลด์แค่ครั้งเดียว คุณสามารถมองเห็นอัพเดตต่างๆ บนสังคมออนไลน์ ทั้งคอมเม้นท์จากเพื่อนบนรูปที่คุณแชร์ หรือตอบข้อความต่างๆ ได้ทันที โดยสามารถตั้งค่าเพื่อกำหนดเนื้อหาที่จะปรากฎบน Fastlane ได้อีกด้วย

 

Nokia Asha 503 รองรับการเชื่อมต่อสัญญาณ 3.5G หน้าจอกระจก Corning Gorilla Glass 2 ขนาด 3 นิ้ว กล้อง 5 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED มีทั้งแบบซิมเดียวและสองซิมให้เลือกใช้งาน ส่วน Nokia Asha 500 มากับหน้าจอ 2.8 นิ้ว กล้อง 2 ล้านพิกเซล จดจำการตั้งค่าได้ถึง 5 ซิมการ์ด รองรับการใช้งานสองซิมเพื่อให้บริหารจัดการทั้งแพคเกจค่าโทรและค่าใช้งานอินเตอร์เน็ตที่คุ้มค่าที่สุด ทั้งสองรุ่นสามารถขยายหน่วยความจำได้ถึง 32GB ด้วย MicroSD การ์ด

nokia_asha_503_yellow resize600
Nokia Asha 503

 

นางสาวนนทวัน สินธวานนท์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สมาร์ทโฟน Asha เป็นสมาร์ทโฟนที่ได้รับความนิยมทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย จากความสำเร็จของ Nokia Asha 501 ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนแรกบนแพลทฟอร์ม Asha ใหม่ โนเกียจึงพัฒนาต่อยอดเพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ให้คุณสไลด์ ถ่าย แชร์ ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมนวัตกรรมด้านดีไซน์ที่ไม่ซ้ำใคร”

 

นอกจากนี้ โนเกียเตรียมเปิดให้บริการ WhatsApp บนแพลทฟอร์ม Asha ใหม่ โดยเริ่มจาก Asha 501 เป็นรุ่นแรก
ก่อนขยายสู่ Asha รุ่นใหม่ๆ ต่อไป และอัดแน่นด้วยแอพด้านภาพถ่าย เช่น Picfeed Pictag Photofunia และออนไลน์ยอดนิยมอย่าง Line, Foursquare, LinkedIn พร้อมกันนี้ ยังได้เปิดตัวแอพใหม่ My Portrait ให้คุณได้ใช้แอพเปลี่ยนรูปถ่ายของคุณเองหรือคนที่คุณรักเป็นการ์ตูนดิจิตอลที่ไม่ซ้ำใครในโลก ในสไตล์ที่คุณชอบ บรรจงวาดโดยนักวาดการ์ตูนมืออาชีพ ฟรีเฉพาะ 1,200 ท่านแรก

 

Nokia Asha 503 วางจำหน่ายแล้วในราคา 2,990 บาทสำหรับเครื่องซิมเดียว และ 3,090 บาทสำหรับเครื่องสองซิม และ Nokia Asha 500 วางจำหน่ายในราคา 2,250 บาท โดยมีสีแดงสด เขียวสด เหลือง ฟ้า ขาวและดำ ข้อมูลเพิ่มเติมคลิก www.nokia.co.th/asha

 

nokia_asha_500_ds_green_02 resize600
Nokia Asha 500
nokia_asha_500_ds_black_sim_manager resize600
Nokia Asha 500