GoPlug Charging Bag เป้ติดปลั๊ก พร้อมชาร์จไฟให้ทุกอุปกรณ์

Goplug-bag-02
เชื่อว่าใครที่พกสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตจะต้องเจอกับปัญหาแบตหมดในระหว่างวันอย่างแน่นอน ซึ่งวิธีแก้ไขง่ายๆ ก็คือพก Power Bank ติดตัวไปด้วย แต่ลำพังแค่ใช้ชาร์จสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตก็ไม่เท่าไร หากมีโน้ตบุ๊คมาด้วย แล้วต้องใช้งานระหว่างทางตลอดเวลา Power Bank คงจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่ต่อไปนี้เราไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว เพราะ Mr.Josh Cross เจ้าของโปรเจ็ค GoPlug Bag ได้คิดค้นกระเป๋าเป้ที่มาพร้อมแบตเตอรี่สำรองในตัว สามารถชาร์จไฟให้กับสมาร์ทโฟนได้ถึง 6 ครั้ง หรือถ้าเป็นโน้ตบุ๊คหรือ แล็บท็อปก็สามารถต่ออายุการใช้งานได้อีก 2 รอบ ด้วยกัน

 

โดยเป้ใบนี้จะมีช่องเสียบปลั๊กมาให้ 1 ช่อง พร้อมกับพอร์ต USB สำหรับชาร์จสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตได้พร้อมกัน 2 พอร์ต นอกจากนี้ช่องเสียบปลั๊กที่ให้มานั้นสามารถรองรับการชาร์จโน้ตบุ๊ค หรือจะเอาไว้ชาร์จแบตเตอรี่ของกล้องถ่ายรูปก็ได้ ที่สำคัญสามารถหมุนได้รอบ 360 องศา เพื่อความสะดวกเวลาชาร์จได้จากทั้งด้านในและด้านนอกกระเป๋า นอกจากนี้ยังมีปุ่มเพาเวอร์เปิดปิดมาให้ด้วย

 

Goplug-bag-01

 

สำหรับใครที่กังวลว่า เกิดแบกเป้ไปด้วยแล้วไฟจะช็อตรึเปล่า ไม่ต้องห่วงเพราะได้ออกแบบให้ปุ่มและซิบทั้งหมดกันน้ำ กันความชื้นได้ แต่คงไม่ถึงกับนำไปจุ่มในน้ำได้นะครับ

 

นอกจากกระเป๋าเป้แล้ว ยังมีกระเป๋าเดินทางแบบล้อเลื่อน กระเป๋ากล้อง กระเป๋าคอมแบบสะพานข้าง ชุด Mobile Kit สำหรับมือถือและแท็บเล็ต ให้เลือกหลายรูปแบบตามการใช้งานอีกด้วย

 

สำหรับกระเป๋าเป้ GoPlug มาพร้อมน้ำหนักประมาณ 1.94 กิโลกรัม รวมแบตเตอรี่แพ็คในตัวแล้ว ขนาดอยู่ที่ 18 x 15 x 7 นิ้ว รองรับการใส่แล็บเท็บขนาด 16 x 11.75 x 1.8 นิ้ว ตอนนี้ยังไม่มีวางจำหน่ายทั่วไป แต่สามารถสั่งจองล่วงหน้าได้ โดยจะได้รับของตามเวลาที่กำหนดในแต่ละรุ่น ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป

Goplug-bag-03

 

ถือเป็นหนึ่งไอเดียที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนที่ต้องเดินทางนานๆ โดยไม่พลาดการติดต่อสื่อสารหรือทำให้งานต้องสะดุด ยิ่งยุคนี้เชื่อเหอะว่าในหนึ่งคน จะต้องพกอุปกรณ์มากกว่าสมาร์ทโฟนแค่ 1 ตัวเป็นแน่ ดังนั้นเป้ติดปลั๊กคงเป็นอะไรที่จำเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน

 

Source : GoPlug

 

เอชทีซีจับมือดีแทคเปิดจอง HTC One M8 พร้อมวางขายทั่วประเทศ 8 พฤษภาคมนี้ !!

dtac-htc-m8

 

HTC One M8 พร้อมวางขายทั่วประเทศ 8 พฤษภาคมนี้แล้ว โดยงานนี้ได้จับมือร่วมกับ dtac ในการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยเริ่มลงทะเบียนแสดงความสนใจได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 2 พฤษภาคม 2557 ผ่าน dtac Online Store โดยจะเริ่มจัดส่งตั้งแต่วันที่ 6 พ.ค. 57 เป็นต้นไป ในเว็บดีแทคระบุว่าของจะถึงมือก่อนใครในวันที่ 7 พ.ค. นี้

 

โปรโมชั่นจากดีแทค

• พิเศษสำหรับลูกค้าดีแทคที่ซื้อสมาร์ทโฟน HTC One M8 ในราคา เพียงเครื่องละ 23,500 บาท (พร้อมแพ็กเกจ) และผ่อน 0% นานสูงสุด 20เดือน (ราคาเครื่องเปล่า 25,900 บาท)

• พร้อมแพ็กเกจสุดคุ้ม อาทิ รับเน็ตเพิ่มฟรี 1GB ทุกเดือนพร้อมการรับประกันเครื่องนานถึง 15 เดือน (เฉพาะช่องทางดีแทคเท่านั้น)

• พร้อมรับ Dot view case มูลค่า 1,490 บาท (200 เครื่องแรกเท่านั้น)

 

HTC One M8 จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการทุกร้านทั่วประเทศในวันที่ 8 พฤษภาคมนี้ ในราคา 25,900 บาท

ผ่านร้านเอชทีซีทั้ง 5 สาขา, TG Fone, Jaymart, Synnex และร้านขายมือถือทั่วประเทศ

โดยมีให้เลือก 2 สีได้แก่ สีเทากันเมทัล และสีเงินสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เข้าไปดูได้ที่ http://www.htc.com/th หรือ www.facebook.com/HTCthailand

 

Source : Email PR News

 

ไมโครซอฟท์ เผยคำแถลงการณ์ ต้อนรับโนเกีย ในส่วนธุรกิจอุปกรณ์และบริการอย่างเป็นทางการ

 

Satya Nadella and Stephen Elop
สัตยา นาเดลลา (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และสตีเฟน อีลอป (ขวา) รองประธานบริหารกลุ่มธุรกิจอุปกรณ์ของไมโครซอฟท์

 

เป็นที่ทราบกันดีว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (25 เม.ย. 57) ไมโครซอฟต์ได้ประกาศถึงการเสร็จสิ้นกระบวนการควบรวมกิจการด้านอุปกรณ์และบริการของโนเกีย หลังจากที่ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นของโนเกีย รวมถึงหน่วยงานด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั่วโลก โดยการเสร็จสิ้นกระบวนการควบรวมในครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวระหว่างไมโครซอฟท์และโนเกีย

 

โดยอดีตประธานและซีอีโอของโนเกีย อย่าง สตีเฟน อีลอป จะเข้ามารับตำแหน่งรองประธานบริหารกลุ่มธุรกิจอุปกรณ์ของไมโครซอฟท์ (ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยอยู่ในไมโครซอฟต์มาก่อนแล้ว) ซึ่งมีหน้าที่ดูแลในส่วนของ สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตตระกูลลูเมีย โทรศัพท์เคลื่อนที่โนเกีย เอ็กซ์บ็อกซ์ เซอร์เฟซ และเพอร์เซ็ปทีฟ พิกเซล (PPI) โดยขึ้นตรงกับ สัตยา นาเดลลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไมโครซอฟท์

 

สำหรับการควบรวมกิจการของโนเกียในครั้งนี้ ทำให้พนักงานโนเกียจากสำนักงานกว่า 130 สาขา ใน 50 ประเทศทั่วโลก ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงโรงงานจำนวนหนึ่งที่ออกแบบ พัฒนา ผลิต และทำตลาดอุปกรณ์สมาร์ทโฟนและบริการ อยู่ภายใต้บริษัทโมโครซอฟท์

 

จากข่าวก่อนหน้านี้ที่บอกว่า Nokia จะเปลี่ยนเป็น Microsoft Mobile นั้น จากรายละเอียดในข่าวอย่างเป็นทางการ ไมโครซอฟต์ไม่ได้พูดถึงแบรนด์ Microsoft Mobile แต่อย่างใด มีแต่เนื่อหาที่ระบุถึงการควบรวมกิจการจากโนเกียเข้ามา และยืนยันที่จะดูแลลูกค้าเดิมของโนเกียด้วยการรับประกันที่ต่อเนื่อง สรุปแล้วชื่อ Nokia จะยังคงใช้ต่อไปหรือไม่นั้นคงต้องจับตารอดูกันต่อไป

 

และนี่คือคำแถลงการณ์ของ สัตยา นาเดลลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไมโครซอฟท์ อย่างเป็นทางการ “วันนี้ เราขอต้อนรับโนเกียมาเป็นมาเป็นสมาชิกในครอบครัวของเรา โดยความเชี่ยวชาญและสินทรัพย์ต่างๆ ของโนเกียในธุรกิจโทรศัพท์และอุปกรณ์เคลื่อนที่จะมีบทบาทสำคัญมากในการขับเคลื่อนทิศทางใหม่ทางธุรกิจของเรา

 

หากมีความคืบหน้าใดๆ ของ โนเกีย ประเทศไทย เพิ่มเติม OopsMobile จะรีบรายงานโดยทันที

 

Source : Email PR News, MS News Center

 

MLINK ปรับโฉม เตรียมนำ Smartwatch, Gadgets และ Set Top Box ดิจิตอลทีวี บุกตลาด พร้อมตั้งทีม M-Seed ผลักดันนักพัฒนาเกมไทย สู่ระดับโลก

 

MLINK ถือเป็นตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ Nokia มานาน ล่าสุดมีการปรับโฉมใหม่โดยได้ ดร.ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ มานั่งแท่นเป็นกรรมการและกรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม ลิ้งค์ เอเชียคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งหลังจากที่ได้เข้ามาบริหารงานก็เตรียมเพิ่มไลน์สินค้าใหม่ๆ โดยได้ร่วมลงนามกับบริษัท อเวเนียร์ เทเลคอม เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์เสริมแบรนด์หรูจากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งได้แก่ แบรนด์ Energizer ที่เป็นอุปกรณ์เสริมโทรศัพท์มือถือ, แบรนด์ Beewi สินค้าหูฟังบลูทูธ และ แบรนด์ OXO Platinum จะเป็นสินค้าที่เน้นดีไซน์ ไว้ป้องกันโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ยังจะเป็นตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ iMobile เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งแบรนด์

 

และอีกสินค้าที่กำลังเป็นที่จับตามองโดย MLINK เห็นว่าเป็นโอกาสในการสร้างรายได้มหาศาล คือการนำเข้า Set Top Box สำหรับดิจิตอลทีวี มาจำหน่าย ซึ่งได้จับมือร่วมกับ บริษัท ZTE ผู้นำในการผลิตอุปกรณ์โทรศัพท์และแท็บเล็ตรายใหญ่อันดับ 2 ของจีน ในการเตรียมขาย Set Top Box ซึ่งรัฐบาลก็ได้เตรียมแจกคูปองส่วนลดให้กับประชาชนเพื่อไว้เป็นส่วนลดสำหรับซื้อกล่องทีวีดิจิตอล จึงยิ่งทำให้ช่วยผลักดันยอดขายสินค้าให้มากขึ้น

 

นอกจากนี้ยังเสริมทัพด้วยทีมงานคนรุ่นใหม่ภายใต้ชื่อ M-Seed ที่จะเป็นหน่วยงานส่งเสริมและผลักดันเหล่านักพัฒนาเกมคนไทย ให้ไปไกลในระดับโลก โดยจะจัดตั้งศูนย์ M-Seed StartUp Center ทั่วประเทศ ซึ่งจะทำหน้าที่ส่งเสริม ให้คำปรึกษา และจัดอบรม รวมถึงจัดหานักลงทุนเพื่อสร้างโอกาสให้กับบริษัท StartUp ไทย ได้พัฒนาเกมให้ดังในระดับโลกให้ได้

 

นอกจากนี้ภายในงานผมได้เก็บภาพ Gadgets หลายๆ อย่างที่น่าสนใจ ซึ่ง MLINK จะเริ่มวางจำหน่ายเร็วๆ นี้ ไปชมภาพกันเลยครับ

mlink-06
นาฬิกา Smartwatch 2 รุ่น รันบน Android

 

mlink-08
รุ่นนี้ใส่ซิมใช้เป็นโทรศัพท์ได้เลย มีสไตลัสมาให้ด้วย พร้อมกล้องถ่ายรูปในตัว

 

mlink-10
แอบส่องตัวเรือนด้านหลัง

 

mlink-07
ใช้ซิมขนาดปกติ และยังเพิ่ม Micro SD ได้อีกด้วยนะ

 

mlink-05
รุ่นนี้จะใส่ซิมไม่ได้ เอาไว้ซิงค์กับสมาร์ทโฟน เพื่อใช้รับสาย หรือดูข้อความ รวมถึงเล่นแอพต่างๆ ได้ คล้ายกับ Galaxy Gear

 

mlink-09
ปุ่มเปิดปิดหน้าจอดูทะลุออกมานิสนุง

 

mlink-02 mlink-03

ลำโพงบลูทูธ รุ่นนี้จะเก๋ตรงที่เวลาวางบนพื้นผิวต่างๆ จะให้เสียงที่แตกต่างกันด้วย เช่นบนโต๊ะกระจกก็จะให้เสียงใส หรือวางบนโต๊ะไม้ก็จะให้เสียงนุ่ม

 

mlink-04
ชุดแบตสำรองที่ชาร์จไฟด้วยแผงโซลาเซลล์

 

mlink-13
อุปกรณ์ตรวจจับแคลอรี่ พร้อมการ์ดโปรแกรมฝึกรูปแบบต่างๆ สำหรับคนรักสุขภาพ

 

mlink-12
กล้อง Skype Camera ไว้ติดในบ้านเพื่อเฝ้าระวัง

 

mlink-01
กล่อง Set Top Box ดิจิตอลทีวี

 

mlink-11
อุปกรณ์ป้องกันการลืมมือถือ โดยมันจะมีเสียงเตือนหากเราลืมมือถือทิ้งไว้

 

mlink-14
แท่นชาร์จไร้สายสำหรับ iPhone

 

 

 

 

 

 

ลาก่อน Nokia ชื่อนี้เป็นเพียงแค่ตำนาน Connecting People

 

nokia-microsoft

 

จากที่เป็นข่าวใหญ่มาตั้งแต่กลางปีที่แล้วกับ Big Deal ที่ไมโครซอฟต์เข้าซื้อกิจการของโนเกีย ซึ่งบัดนี้ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว โดยหลังจากนี้แบรนด์ Nokia จะหายสายสูญชั่วกาลนาน ว่าไปแล้วก็น่าใจหายเพราะเชื่อว่าโทรศัพท์เครื่องแรกในชีวิตของใครหลายๆ คน จะต้องเป็น Nokia รวมถึงผมด้วยคนนึงล่ะ ซึ่งในยุคนั้นคงไม่มีใครเกิน Nokia ไปได้
nokia-hand

 

เอาล่ะในเมื่ออะไรก็ไม่แน่นอน ทุกอย่างก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นหลังจากดีลนี้จบไปแล้ว ต่อไปหากมือถือรุ่นใหม่ที่ออกมาก็จะกลายเป็น Microsoft Mobile ทั้งหมด หรืออาจจะอยู่ในชื่อ Lumia แต่ในส่วนของลูกค้า Nokia ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกทอดทิ้งเพราะทุกอย่างก็ยังคงถูกดูแลเหมือนเดิมเพียงแต่อาจจะเปลี่ยนชื่อผู้ดูแลเป็น Microsoft Mobile เท่านั้นเอง คาดว่าหลังจากนี้จะมีสมาร์ทโฟนที่ออกมาในชื่อ Nokia อีกไม่กี่รุ่น หลังจากนั้นก็จะกลายเป็น Microsoft Mobile ทั้งหมด

 

สำหรับ Nokia ในประเทศไทย ยังไม่มีการแถลงข่าวใดๆ ออกมา คาดว่าหากมีการเปลี่ยนผ่านจากส่วนกลางทั้งหมดเสร็จสิ้น ในแต่ละประเทศคงมีการประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้งให้ทราบ

 

Source : Droidsans, Microsoft blog

 

Asus เปิดตัว ZenFone 4-5-6 ดีไซน์หรู ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ ราคาเริ่มต้นแค่ 2,990 บ.

ZenFone 02_resize

 

หากพูดถึงแบรนด์ Asus หลายคนคงจะคุ้นหูในวงการคอมพิวเตอร์ซะมากกว่า แต่เมื่อ Asus หันมาผลิตสมาร์ทโฟนคงจะเป็นเรื่องใหม่ สำหรับใครหลายๆ คน แต่การเปิดตัวสมาร์ทโฟนในซีรีส์ ZenFone ในครั้งนี้ถือว่าไม่ใช่รุ่นแรกที่ Asus ได้นำมาจำหน่ายในเมืองไทย ก่อนหน้านี้ก็มีมาหลายรุ่นแล้วนะครับ แต่มาคราวนี้ Asus จัดเต็มกันมาถึง 3 รุ่น คือ ZenFone 4-5-6 โดยขนาดหน้าจอของทั้ง 3 รุ่น จะมีขนาดตามชื่อรุ่นนั้นแหละครับ จำง่ายดี และด้วยความที่เป็นพันธมิตรกับอินเทลอย่างเหนียวแน่นจึงได้เลือกใช้ชิปซีพียู Intel ATOM เป็นตัวขับเคลื่อนการทำงาน และทำราคากระชากลงมาจนทำให้เป็นที่จับตามองด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 2,990 บ.

 

ZenFone ทั้ง 3 รุ่นนี้ Asus ได้ออกแบบให้เน้นดีไซน์ที่เหมาะกับไลฟสไตล์ที่หลากหลายเพราะแต่ละรุ่นมีสี ให้เลือกมากไม่ต่ำกว่า 4-5 สีด้วยกัน พร้อม ASUS ZenUI ที่ลื่นไหล สวยงาม เป็นธรรมชาติ แถมยังเน้นกล้องที่รองรับการถ่าย Selfie ด้วยกล้องหลังที่มีความละเอียดสูงกว่าให้ง่ายและได้ภาพที่ดีที่สุดจากการถ่าย 3 ช็อตอัตโนมัติ พร้อมด้วยเทคโนโลยี PixelMaster ที่ช่วยในเรื่องของภาพ Depth of Field ความชัดลึกชัดตื่น, Low-Light Mode ช่วยปรับความสว่างของภาพในที่มืดได้ 400% และความคมชัดได้ถึง 200% และ Time Rewind ที่บันทึกภาพไว้หลายๆ ช็อตเพื่อย้อนกลับไปเลือกภาพที่ดีที่สุดได้

 

IMG (183)_resize

 

 

มาชมสเปกของทั้ง 3 รุ่น

ZenFone 4

• หน้าจอ : 4 นิ้ว ความละเอียด WVGA 800 x 400 พิกเซล แบบ Corning® Gorilla® Glass 3 กันรอยขีดข่วน
• ซีพียู : 1.2GHz Intel® Atom™ Multi-Core Z2520 CPU with Intel® Hyper-Threading Technology
• ระบบปฏิบัติการ : Android 4.3 (upgradeable to Android 4.4 KitKat) + ZenUI
• เครือข่ายและขนาดซิม : GSM 900/1800, WCDMA 900/2100, 3G DC-HSPA+ ใช้ซิมแบบ Micro-SIM รองรับได้ 2 ซิม
• ความเร็วในการดาวน์โหลด : สูงสุด 42 Mbps
• การเชื่อมต่อ : รองรับเครือข่าย 802.11b/g/n; Wi-Fi Direct, Bluetooth 4.0
• กล้องหลัง : 5 ล้านพิกเซล รองรับการวิดีโอความละเอียด 1080p
• กล้องหน้า : 0.3 ล้านพิกเซล
• แรม : 1 GB
• หน่วยความจำในตัว :  8 GB (แถมพื้นที่คลาวด์ 5 GB ASUS webstorage ใช้ได้แบบไม่จำกัดเวลา)
• แบตเตอรี่ : 1200 mAh
• หน่วยความจำภายนอก : เพิ่ม Micro SD ได้สูงสุด 64GB
• ขนาด : 124.4 x 61.4 x 11.5-6.3 มม.
• น้ำหนัก : 115 กรัม
• มี 5 สี Charcoal Black, Pearl White, Cherry Red, Sky Blue และ Solar Yellow

 

ZenFone 5
• หน้าจอ : 5 นิ้ว ความละเอียด HD 1280 x 720 พิกเซล แบบ IPS display พร้อม Corning® Gorilla® Glass 3 ป้องกันรอยขีดข่วน และรองรับการใช้งานกับถุงมือ
• ซีพียู : 1.6GHz Intel® Atom™ Multi-Core Z2560 CPU with Intel® Hyper-Threading Technology
• ระบบปฏิบัติการ : Android 4.3 (upgradeable to Android 4.4 KitKat) + ZenUI
• เครือข่ายและขนาดซิม : GSM 900/1800, WCDMA 900/2100, 3G DC-HSPA+  ใช้ซิมแบบ Micro-SIM รองรับได้ 2 ซิม
• ความเร็วในการดาวน์โหลด : สูงสุด 42Mbps
• การเชื่อมต่อ : รองรับเครือข่าย 802.11b/g/n; Wi-Fi Direct, Bluetooth 4.0
• กล้องหลัง : 8 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี PixelMaster และถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 1080p
• กล้องหน้า : 2 ล้านพิกเซล
• แรม : 1 GB
• หน่วยความจำในตัว :  8GB (แถมพื้นที่คลาวด์ 5 GB ASUS webstorage ใช้ได้แบบไม่จำกัดเวลา)
• แบตเตอรี่ : 2110mAh
• หน่วยความจำภายนอก : เพิ่ม Micro SD ได้สูงสุด 64GB
• ขนาด : 148.2 x 72.8 x 10.3-5.5 มม.
• น้ำหนัก : 145 กรัม
• มี 5 สี Charcoal Black, Pearl White, Cherry Red, Champagne Gold และ Twilight Purple

 

ZenFone 6

• หน้าจอ : 6 นิ้ว ความละเอียด HD 1280 x 720 พิกเซล แบบ IPS display พร้อม Corning® Gorilla® Glass 3 ป้องกันรอยขีดข่วน และรองรับการใช้งานกับถุงมือ
• ซีพียู : 2GHz Intel® Atom™ Multi-Core Z2580 CPU with Intel® Hyper-Threading Technology
• ระบบปฏิบัติการ : Android 4.3 (upgradeable to Android 4.4 KitKat) + ZenUI
• เครือข่ายและขนาดซิม :GSM 900/1800, WCDMA 900/2100, 3G DC-HSPA+ ใช้ซิมแบบ Micro-SIM รองรับได้ 2 ซิม
• ความเร็วในการดาวน์โหลด : สูงสุด 42Mbps
• การเชื่อมต่อ : รองรับเครือข่าย 802.11b/g/n; Wi-Fi Direct, Bluetooth 4.0
• กล้องหลัง : 13 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี PixelMaster และถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 1080p
• กล้องหน้า : 2 ล้านพิกเซล
• แรม : 2GB
• หน่วยความจำในตัว :  16GB (แถมพื้นที่คลาวด์ 5 GB ASUS webstorage ใช้ได้แบบไม่จำกัดเวลา)
• แบตเตอรี่ : 3300mAh
• หน่วยความจำภายนอก : เพิ่ม Micro SD ได้สูงสุด 64GB
• ขนาด : 166.9 x 84.3 x 9.9-5.5 มม.
• น้ำหนัก : 196 กรัม
• มี 5 สี Charcoal Black, Pearl White, Cherry Red และ Champagne Gold colors

 

ส่งท้ายด้วยภาพนางแบบจากในงานเปิดตัว

IMG (664)_resize

IMG (612)_resize

 

IMG (562)_resize

IMG (536)_resize

 

 

Nokia ปล่อยอัพเดท Asha 1.4 ฟรีแอพ OneDrive ให้พื้นที่คลาวด์ 7 GB

Asha-503-Hero-image-2-jpg

 

 

Nokia ปล่อยอัพเดทซอฟต์แวร์สำหรับแพลทฟอร์ม Asha เวอร์ชั่นล่าสุด 1.4 แล้ว โดยผู้ใช้สามารถอัพเดทผ่าน Wi-Fi ได้แบบ OTA (Over-The-Air) โดยรองรับทั้งหมด 5 รุ่นคือ Asha 230, Asha 500, 501, 502 และ 503 สามารถเข้าไปอัพเดทกันได้ที่เมนู Settings > Phone Update

 

สำหรับการอัพเดทในเวอร์ชั่น 1.4 นี้ จะมีการเพิ่มในส่วนของแอพ Nokia Mix Radio ให้เฉพาะกับ Asha 500, 502 และ 503 ที่เป็นแอพสำหรับฟังเพลงแบบ Streaming ผ่านอินเทอร์เน็ต และสามารถดาวน์โหลด Playlist เก็บไว้ฟังแบบออฟไลน์ในเวลาที่ไม่มีเน็ตก็ได้

Asha-503-Hero-image-3-jpg

 

 

ส่วนฟีเจอร์ใหม่ที่รองรับทั้ง 5 รุ่น มีดังนี้
• ให้พื้นที่คลาวด์บนแอพ OneDrive ฟรี 7 GB
• อัพเดทและเพิ่ม Social Fastlane
• อัพเกรดกล้อง มีเสียงแนะนำการถ่ายภาพแบบ Selfies, ถ่ายพาโนราม่าได้
• อัพเกรดการถ่ายวิดีโอ โดยปรับระบบลดภาพสั่นไหวให้ดีขึ้น
• มีโหมดประหยัดพลังงาน
• เพิ่มการควบคุมสำหรับเด็ก Parental Control ใน Nokia Store และ Nokia Browser

 

สำหรับใครที่ใช้ Asha ทั้ง 5 รุ่นก็ลองอัพเดทกันดูนะครับ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะรองรับการอัพเดทสำหรับเมืองไทยด้วยรึเปล่า ใครอัพเดทได้ไม่ได้อย่างไรก็คอมเม้นท์กันมาได้นะครับ

 

Apple ปล่อย iOS 7.1.1 อัพเดทแล้ว แก้ไขระบบ Touch ID และ Fix Bug เบาๆ

ios7-1-1

 

 

เช้านี้ตื่นมาก็เจอกับหน้าจอแจ้งเตือนว่า iOS 7.1.1 พร้อมแล้วที่จะให้คุณได้อัพเดท… โดยการอัพเดทครั้งนี้ถือเป็นเพียงการแก้ไข Bug และปรับปรุงประสิทธิภาพเพียงเล็กน้อยไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากเท่าไร ซึ่งหลักๆ มีอยู่ 3 เรื่องคือ

 

• ปรับปรุงระบบสแกนลายนิ้วมือ Touch ID ให้ดียิ่งขึ้น
• แก้ไข Bug สำหรับการใช้งานคีย์บอร์ดให้ตอบสนองดีขึ้น
• แก้ให้ใช้งานบลูทูธคีย์บอร์ดร่วมกับ VoiceOver ได้

 

วิธีอัพเดทก็ง่ายๆ แค่ไปที่ Settings>General>Software Update>Install Now

 

ใครที่ใช้ iPhone, iPad และ iPod touch ก็อัพเดทกันได้เลยนะครับ

 

50 เว็บไทยยอดนิยมไม่พบช่องโหว่ Heartbleed ปลอดโรคหัวใจรั่วออนไลน์ ผู้ใช้มั่นใจไม่ถูกล้วงข้อมูล

home-banner-020

 

เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาได้เกิดปรากฏการณ์ที่โลกไซเบอร์ต้องสะพรึงนั่นก็คือการพบช่องโหว่ของซอฟต์แวร์ OpenSSL ซึ่งมีการแจ้งเตือนภัยคุกคามดังกล่าวทั่วโลก โดย OopsMobile ได้เคยพูดถึงเรื่องนี้ไปแล้วใน 10 เรื่องที่คุณต้องรู้ของ HEARTBLEED – บั๊กหัวใจสลายหยุดโลก (ไซเบอร์) โดยล่าสุดวันนี้ (22 เม.ย. 57) สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ทด้า) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง ได้เผยข้อมูลว่าประเทศไทยยังไม่เจอผลกระทบจากช่องโหว่ดังกล่าว โดยเฉพาะเว็บไซต์สำคัญอย่างเว็บ Internet Banking ที่มีความเสี่ยงในการถูกโจมตีสูง นอกจากนี้เว็บไซต์ยอดนิยม 50 อันดับแรกในประเทศไทย ที่ได้รวบรวมจาก www.truehits.net ก็ไม่พบว่ามีช่องโหว่แต่อย่างใด

 

ทั้งนี้ถือเป็นเรื่องดีที่คนไทยรู้สึกตื่นตัวกับเรื่องนี้มาก และเป็นหน้าที่ของ ETDA ที่จะต้องสร้างความเข้าใจให้ถูกต้องกับคนไทย จึงอยากจะชี้แจงให้คนไทย ไม่ต้องตื่นตระหนกกับปรากฎการณ์ Heartbleed (ฮาร์ทบลีด) มากจนเกินไป เพราะเนื่องจากเว็บไซต์ และผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ ต่างก็ได้ทำการแก้ไขปัญหานี้ไปเรียบร้อยแล้ว แต่เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัว ควรจะเปลี่ยนรหัสผ่านบ่อยๆ หรือตั้งรหัสผ่านให้ยากๆ ไว้ เพื่อป้องกันเอาไว้ก่อน

 
Heartbleed คืออะไร
ทบทวนกันอีกครั้งสำหรับผูุ้ที่สงสัยว่า Heartbleed คืออะไร? ฮาร์ทบลีด คือการรั่วของข้อมูลจากหน่วยความจำของระบบบริการที่มีการใช้งาน OpenSSL ซึ่งเป็นตัวที่ช่วยรักษาความปลอดภัยของข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่าน หรือข้อมูลส่วนตัวต่างๆ โดยที่แฮกเกอร์จะสร้างข้อมูลลักษณะพิเศษและส่งไปยังระบบบริการที่มีช่องโหว่ เพื่อสุ่มเข้ามาอ่านข้อมูลจากหน่วยความจำของระบบ ดังนั้น พูดง่ายๆ ก็คือ หากเราใช้งาน อีเมล์, ทำธุรกรรมออนไลน์, เล่นโซเชียลต่างๆ ผ่านเว็บไซต์ที่มีช่องโหว่ Heartbleed อยู่ ก็อาจจะถูกขโมยข้อมูลส่วนตัวได้

 

วิธีตรวจสอบว่าเว็บไซต์ใดมีช่องโหว่ Heartbleed

สำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่มั่นใจว่าเว็บไซต์ขององค์กร เว็บไซต์ส่วนตัว หรือเว็บใดๆ ก็ตาม ที่มักใช้งานบ่อยๆ นั้น มีช่องโหว่ Heartbleed หรือเปล่า สามารถนำ URL ของเว็บไซต์ดังกล่าวมาตรวจสอบได้ที่ www.thaicert.or.th

 

thaicert_heartbleed
เว็บไซต์ OopsMobile ปลอดภัยจาก Heartbleed ด้วยนะ

 
หากพบช่องโหว่ Heartbleed ต้องทำอย่างไร
กรณีพบช่องโหว่ Heartbleed บนเว็บไซต์ดังกล่าวให้แจ้งชื่อเว็บไซต์นั้นมาที่ไทยเซิร์ต www.thaicert.or.th แล้วให้รีบทำการเปลี่ยนรหัสผ่านที่เข้าใช้งาน เช่น email, Social Media และเว็บไซต์ที่มีข้อมูลส่วนตัวสำคัญของเรา ดูภาพ Infographic จะเข้าใจง่ายขึ้นครับ มีคำแนะนำทั้งสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป และผู้ดูแลระบบด้วย
heartbleed-info

 

เล่น Social Media บนมือถือจะติด Heartbleed มั้ย?
สำหรับ Social Media ยอดนิยมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Instagram ฯลฯ ต่างก็ได้ทำการแก้ไขปิดช่องโหว่ Heartbleed ดังกล่าวเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นการใช้งาน Social Media ทั้งบนคอมพิวเตอร์ และแอพพลิเคชั่นบนมือถือ ก็ไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด

 

ข้อควรระวังไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ Heartbleed

• ระวังอีเมล์หรือแบนเนอร์เว็บไซต์หลอกให้ติดตั้งโปรแกรมเพื่อแก้ไขช่องโหว่ Heartbleed
• ระวังอีเมล์แจ้งให้เปลี่ยนพาสเวิร์ด ที่ไม่ได้เกิดจากการที่เราสั่งรีเซ็ตพาสเวิร์ดเอง
• ไม่เข้าสู่เว็บไซต์ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ
• สำหรับบนมือถือ ไม่ดาวน์โหลดแอพจาก Store ที่ไม่น่าเชื่อถือ
• ก่อนโหลดแอพโดยเฉพาะบน Android ควรดูรีวิวจากผู้ใช้งานว่ามีความน่าเชื่อถือแค่ไหน
• บนคอมพิวเตอร์ ควรใช้ซอฟแวร์ที่ถูกลิขสิทธิ์
• ไม่ควรทำธุรกรรมผ่านเครือข่าย Wi-Fi สาธารณะ
• เปลี่ยนพาสเวิร์ดบ่อยๆ

 

Google เผยต้นแบบสมาร์ทโฟนสั่งประกอบใน Project Ara พร้อมดันต้นแบบรุ่นที่ 2 ในปีนี้

 

project_ara_13

 

สมาร์ทโฟนสั่งประกอบ กำลังจะเกิดขึ้นจริงในไม่ช้านี้แล้ว ในชื่อ Project Ara (โปรเจ็ค เอร่า) โดย Google เป็นโตโผใหญ่ในการดันโปรเจ็คนี้ให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งหากใครที่นึกภาพไม่ออกว่าสมาร์ทโฟนสั่งประกอบจะเป็นอย่างไรนั้น ขอเปรียบเทียบง่ายๆ เหมือนกับการซึ้อเครื่องคอมพิวเตอร์แบบสั่งประกอบ ที่สามารถเลือกเมนบอร์ด, การ์ดจอ, ซีพียู, แรม ฯลฯ ตามสเปกที่เราต้องการได้นั่นเอง ดังนั้นสมาร์ทโฟนสั่งประกอบใน Project Ara ก็สามารถสั่งฮาร์ดแวร์ในส่วนต่างๆ มาประกอบตามที่เราต้องการ โดยจะมีการแบ่งเป็นโมดูลๆ ให้เลือกเช่นโมดูลกล้องก็มีให้เลือกหลายยี่ห้อ หรือโมดูลซีพียูก็เลือกตามความแรงได้ตามใจชอบ แม้กระทั้งเมโมรี และแบตเตอรี่ ด้วยก็ตาม

 

ล่าสุด Google ได้เผยโฉมต้นแบบสมาร์ทโฟน Project Ara ให้กับนักพัฒนาที่ตื่นเต้นและเฝ้ารอร่วมพัฒนาโปรเจ็คนี้ ได้สัมผัสตัวต้นแบบเป็นๆ กัน ซึ่งตัวต้นแบบนี้มีชื่อว่า Phonebloks โดยผู้ที่ผลิตชิ้นส่วนต้นแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ นั่นคือ Motorola (ที่ Google เคยเข้าซื้อกิจการไว้ แต่ถึงแม้เมื่อต้นปีได้ขายต่อให้ Lenovo ไปแล้ว Google ก็ยังคงเป็นเจ้าของสิทธิบัตรส่วนใหญ่ของ Motorola อยู่ด้วยเช่นกัน)

 

project_ara_02ตัวเครื่องจะมีบอร์ดหลักไว้สำหรับประกอบชิ้นส่วนต่างๆ ลงไป เช่น หน้าจอ

 

project_ara_01ประกอบร่างแล้วหน้าตาเป็นแบบนี้นะครับ

 

project_ara_10เลือกประกอบลำโพงได้ตามต้องการ

 

project_ara_04ด้านหลังจะมีสล็อตไว้สำหรับใส่โมดูลต่างๆ

 

project_ara_07

ตัวอย่างโมดูลที่ใช้ประกอบเข้าไป

 

project_ara_06อันนี้น่าจะเป็นโมดูลชุดโทรศัพท์ สังเกตว่าจะมีช่องใส่ซิม

 

project_ara_09ประกอบลงง่ายๆ ได้เลย ซึ่งเราสามารถเลือกซื้อโมดูลจากแบรนด์ต่างๆ ได้ตามต้องการ โดยเฉพาะกล้องที่อนาคตจะมีผู้ผลิตออกมาหลายๆ รุ่น หรือเลนส์หลายรูปแบบให้เลือกใช้งาน ไม่แน่ว่าต่อไปเราอาจจะต้องพกเลนส์กล้องมือถือติดตัวไปเหมือนกล้อง DSLR ก็เป็นได้

 

project_ara_03ล่าสุดได้มีการพัฒนาโมดูลสำหรับอ่านบัตรเครดิต ที่เหมือนเป็นดองเกิ้ลขนาดสี่เหลี่ยมเสียบติดไว้ ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งแรงขับจากนักพัฒนาและพาร์ทเนอร์ที่ร่วมมือกันทำให้ Project Ara จะประสบความสำเร็จในอนาคตอันใกล้นี้

 

Project Ara ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของวงการสมาร์ทโฟน ที่เปิดกว้างให้นักพัฒนา ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ และเจ้าของแพลทฟอร์ม (ระบบปฏิบัติการ) ต่างๆ สามารถเข้ามาร่วมกันพัฒนาให้ Project Ara นี้เกิดขึ้นจริงในเร็ววัน ซึ่งนี่ถือว่าได้เดินมาครึ่งทางแล้วจากเวลาที่ตั้งไว้เพียง 2 ปี และภายในปีนี้จะมีการนำเครื่องต้นแบบอีกรุ่นออกให้นักพัฒนาได้ลองเล่นกัน

 

สำหรับนักพัฒนาหรือผู้ที่อยากจะร่วมสนับสนุน Project Ara นี้ ลองเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ Phonebloks กันดู

 

วิดีโอคอนเซ็ปของ Phonebloks

 

Source : Engadget