มือสั่นไม่หาย! มีอะไรใหม่ใน iPhone 6s และ 6s plus วัดกันตั้งแต่สัมผัสแรกไปเลย

 

หิ้วมาเรียบร้อย! iPhone 6s และ 6s Plus เห็นตัวจริงครั้งแรกธรรมด๊าธรรมดา (เหมือน iPhone 6) แต่พอได้สัมผัสรู้เลยว่ามันไม่ได้มีดีแค่เติม “S” จะมีอะไรน่าสนใจบ้างไปดูกันเลยค่ะ

 

IMG_7892-edit

 

ดีไซน์เดิมแต่วัสดุแข็งแรงกว่าเก่า

 

IMG_7961-edit

 

เป็นที่รู้กันว่า Apple ไม่ค่อยเปลี่ยนดีไซน์รุ่นที่เติม ‘s’ สักเท่าไหร่ หลายคนจึงตั้งตารอดูสเปคเทพอย่างเดียว จนลืมไปว่าวัสดุที่ใช้รุ่นนี้ Apple การันตีไม่มีงอ! เพราะเปลี่ยนอะลูมิเนียมใหม่เป็น Aluminum Zinc ที่ใช้บนเครื่องบินและยานอวกาศ คงต้องรอดูคลิป Drop Test กันต่อไปว่าจะอึดแค่ไหน อันนี้แอดไม่กล้าเทสให้จริงๆ..อุ๊ปส์! นอกจากนี้ยังเพิ่มสีเครื่อง Rose Gold ชมพูฟรุ้งฟริ้ง เอาใจสาวๆเป็นพิเศษ แต่มองไกลๆสีจืดไปนิดนะ ต้องดูใกล้ๆถึงรู้ว่า 6s ชัวร์

 

ขนาดและน้ำหนัก

 

6spgold1
iPhone 6s ใช้ขนาดหน้าจอแสดงผล 4.7 นิ้ว และ 6s Plus ยังคงที่ 5.5 นิ้ว

 

ขนาดของตัวเครื่อง เพิ่มขึ้นเล็กน้อยแค่ 0.1 มม. บางลงกว่าเดิม 0.2  มม. เรียกว่าแทบไม่รู้สึกต่าง! ส่วนน้ำหนักเพิ่มขึ้นประมาณ 20 กรัม เพราะใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียมรุ่นใหม่นั่นแหล่ะค่ะ แต่ก็ไม่รู้สึกว่าหนักกว่ามากสักเท่าไหร่ ถือว่าข้อนี้ผ่านเพราะแลกกับความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้น  และด้วยขนาดที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ทำให้สามารถใช้เคส รวมทั้งฟิล์มกันรอยร่วมกับ 6 และ 6 Plus รุ่นก่อนได้อย่างไม่มีปัญหา

 

ปุ่ม Touch ID เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

IMG_7969-edit IMG_7978-edit

 

ปุ่ม Touch ID (หรือปุ่ม Home) ถูกปรับปรุงให้ทำงานเร็วขึ้นกว่าเดิม 2 เท่า หลังจากทดสอบสแกนลายนิ้วมือปลดล็อคเข้าสู่หน้า Home จะรู้สึกทันทีว่า “โอ้ว..มันเร็วมาก” แทบไม่เห็นหน้า Lock Screen บอกเลยว่าแตกต่างกับรุ่นก่อนชัดเจน

 

3D Touch สัมผัสอัจฉริยะบนหน้าจอ

 

IMG_7983-edit

IMG_7991-edit

 

หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า Force Touch ที่ใช้กับนาฬิกา Apple มากันบ้างแล้ว ซึ่งเทคโนโลยีนี้ได้ถูกนำมาใช้บน iPhone รุ่นใหม่นี้เช่นกัน ในชื่อ 3D Touch เป็นการใช้ “ความหนัก-เบาของการกดหน้าจอ” เพื่อเรียกเมนูลัดของแอพขึ้นมาโดยไม่ต้องเปิดแอพ แต่ฟีเจอร์นี้จะรองรับเฉพาะแอพที่มาพร้อมเครื่อง มีบางแอพเท่านั้นที่ยังใช้ไม่ได้ เช่น แอพ Photo, Weather, Stocks ส่วนผู้พัฒนาแอพอื่นๆก็เริ่มทยอยเพิ่มฟีเจอร์นี้ลงในแอพกันบ้างแล้ว

 

กล้อง 12 ล้านแล้ว..มาเล่นกันเถอะ!

 

IMG_7982-edit
แตะไอคอน Camera จะเห็นเมนูคำสั่งแสดงขึ้นมา เลือกคำสั่งที่ใช้บ่อยๆได้เลย

 

IMG_7967-edit

ทั้ง 6s และ 6s Plus เพิ่มความละเอียดของกล้องหลังจากเดิม 8 ล้านพิกเซล มาเป็น 12 ล้านพิกเซล ส่วนรุ่น 6s ยังคงไม่มีระบบกันสั่นสะเทือนแบบออฟติคอล หรือ OIS (Optical Image Stabilization) เหมือนกับ 6s Plus เช่นเดิม เสียใจอ่ะ!

IMG_8001-edit

 

ซึ่งระบบ OIS นี้จะมีประโยชน์ก็เมื่อเราถ่ายภาพในสภาพที่แสงน้อยๆแล้วมือไม่นิ่งนั่นเอง แต่หากถ่ายภาพที่แสงปกติ ทั้งสองรุ่นยังคงถ่ายภาพได้ยอดเยี่ยมไม่แตกต่างกัน  ส่วนกล้องหน้า เพิ่มความละเอียดเป็น 5 ล้านพิกเซล เอาใจหนุ่มๆสาวๆในการถ่ายภาพเซลฟีโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังเพิ่ม Retina Flash ที่ใช้แสงไฟบนหน้าจอมาเป็นแฟลช ช่วยให้หน้าสว่างขึ้นได้

 

IMG_8016-edit

 

มาถึงเรื่องการถ่ายวิดีโอกันบ้าง ทั้ง 2 รุ่นรองรับความละเอียดระดับ 4K (3840×2160 พิกเซล) ที่ความเร็ว 30 fps ช่วยให้วิดีโอคมชัดมากยิ่งขึ้น สำหรับ iPhone 6s ที่ไม่มีระบบกันสั่น OIS เหมือนกับรุ่น 6 Plus ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะแอปเปิลใช้ระบบกันสั่น Digital stabilization เพื่อลดความเบลอของภาพเนื่องจากมือไม่นิ่งมาช่วยแทน อย่างไรก็ตามการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 4K ถึงแม้จะได้วิดีโอที่คมชัด แต่ก็ต้องแลกกับพื้นที่จัดเก็บที่มากขึ้น ซึ่งหากเราคิดว่าไม่จำเป็นที่ต้องถ่ายความละเอียดขนาด 4K ก็สามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่ Settings > Photos & Camera > Record Video

 

สเป็คและประสิทธิภาพการทำงาน

 

A9

 

มาดูฝั่งฮาร์ดแวร์กันบ้าง ทั้ง iPhone 6s และ 6s Plus เปลี่ยนมาใช้ ชิบ A9 Dual-Core 1.8 GHz. ที่ประมวลผลได้เร็วแรงกว่าเดิม เพิ่ม RAM เป็น 2 GB จากเดิม 1 GB ที่ใช้มาตั้งแต่  iPhone 5 ความจุแบตเตอรี่ของ 6s อยู่ที่  1715 mAh  และ 6s Plus อยู่ที่ 2750 mAh (ส่วน 6 และ 6 Plus อยู่ที่  1,810 และ 2,915 mAh ตามลำดับ) จะเห็นว่าความจุแบตน้อยลง แต่เมื่อใช้งานร่วมกับ iOS 9 จะทำให้ใช้งานได้นานเท่าความจุเดิมของรุ่นก่อน

 

ดูตารางเปรียบเทียบสเป็ค  iPhone 6s และ 6s Plus

 

iOS 9 ที่ชาญฉลาดขึ้นกว่าเดิม

มาที่ iOS 9 ระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดที่เปิดตัวมาพร้อมกับ iPhone 6s และ 6s Plus ได้รับการปรับปรุง และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆเพื่อรองรับกับไอโฟนรุ่นใหม่ได้ดีขึ้น เช่น

 

Live Photos

 

IMG_8007-edit

 

เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาในแอพ Camera ซึ่งฟีเจอร์นี้จะถูกเปิดใช้งานอัตโนมัติในการถ่ายภาพนิ่ง การทำงานของมันคือ จะจับภาพก่อนและหลังในขณะที่เราแตะปุ่มชัตเตอร์ โดยจะบันทึกเป็นไฟล์ภาพ  .jpg และภาพเคลื่อนไหว .mov และเราเปิดดูภาพก็จะเห็นเป็นภาพนิ่งปกติ แต่เมื่อลองกดหน้าจอ (3D Touch) ลงบนภาพก็จะแสดงเป็นภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียงสั้นๆ สำหรับบอกเล่าเรื่องราว ณ เวลานั้น และภาพที่ได้นี้สามารถนำไปตั้งเป็นวอลล์เปเปอร์ได้ตามปกติ หรือจะเปิดดูภาพเหล่านี้บนอุปกรณ์ iDevice ตัวอื่น ๆ หรือเครื่อง Mac ก็ได้เช่นกัน

 

Battery

 

IMG_8026-edit

 

ใน iOS 9 เพิ่มการจัดการแบตเตอรี่ได้ดีกว่าเดิม ตัดการใช้งานแบตที่ไม่จำเป็นออก และเพิ่มโหมดประหยัดพลังงาน Low Power Mode ขึ้นมา เมื่อแบตลดเหลือ 20 % จะมีหน้าจอแจ้งเตือนว่าเราต้องการจะเปิดใช้โหมดนี้หรือไม่ เมื่อเปิดใช้ก็จะปิดฟังก์ชั่นที่ไม่จำเป็นลงไป เช่น การดึงอีเมล์ การเรียก Hey Siri แอพที่ทำงานเบื้องหลัง การดาวน์โหลดอัตโนมัติ ซึ่งหลังจากลองทดสอบเปิดใช้งานโหมดนี้ แล้วลองไม่ใช้งานเครื่องดู สามารถสแตนด์บายได้นาน 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว

 

นอกจากที่กล่าวมา ยังมีการปรับปรุงในรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆอีก เช่น เพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวดขึ้นโดยการเพิ่มเลข passcode สำหรับปลดล็อคจาก 4 ตัวเป็น  6 ตัว รวมทั้งการเพิ่มระบบปลดล็อคเพื่อยืนยันตัวตนแบบ 2 ชั้น นอกจากนี้ยังเพิ่มความสะดวกในการอัพเดท iOS ให้กับผู้ใช้ด้วย โดยใช้เนื้อที่สำหรับการอัพเดทน้อยลงกว่าเดิม ซึ่งมักพบปัญหานี้กับผู้ที่ใช้ไอโฟนโดยเฉพาะรุ่นความจุ 16 GB

 

IMG_8027-edit

 

สำหรับแอพที่มาพร้อมกับ iOS 9 ก็ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น

 

-Notes ที่ทำเป็นเช็คลิสต์ได้ เพิ่มรูปลงในโน้ตด้วยการถ่ายหรือเรียกจาก Library หรือจะเพิ่มแผนที่ ลิงค์ เอกสารจากแอพใดๆก็ได้ และที่ดูจะเป็นฟีเจอร์เด่นก็คือ สามารถวาด ขีดเขียนด้วยนิ้วบนโน้ตโดยเลือกประเภทของปากกาและเลือกสีที่จะใช้ได้

 

IMG_8031-edit

IMG_8034-edit

 

 

-Maps เพิ่มข้อมูลเส้นทางและการนำทางของระบบขนส่งมวลชนเพื่อให้เราเดินทางได้สะดวกที่สุด เช่น เดินออกที่ประตูไหน หรือต้องไปรอรถเมล์ตรงป้ายไหน นอกจากนี้เมื่อเราสั่งค้นหาใน Maps ก็จะแสดงรายชื่อร้าน อาคาร ปั๊มน้ำมัน หรือสิ่งก่อสร้างที่อยู่บริเวณรอบๆให้ด้วย จะแวะช็อปแวะทานหรือเข้าห้องน้ำก็สะดวกขึ้นกว่าเดิม ฟีเจอร์นี้ใช้ได้กับเมืองใหญ่ๆ ส่วนไทยคงต้องรอกันไปก่อน

 

Maps

 

-iCloud Drive เพิ่มแอพ iCloud Drive ที่ช่วยให้เราเข้าถึงไฟล์ที่จัดเก็บไว้กับ iCloud ได้อย่างรวดเร็ว จะค้นหาไฟล์หรือเรียกดูไฟล์ทั้งหมดตามวันที่ ชื่อไฟล์ ชื่อที่แท็กไว้บน Mac หรือจะดูตัวอย่างและจัดระเบียบไฟล์ผ่านแอพได้เลย สำหรับแอพนี้จะถูกซ่อนไว้ เราจะต้องสั่งให้แสดงก่อน โดยหลังจากที่ล็อกอินเข้าใช้งาน iCloud แล้ว ตรงหัวข้อ iCloud Drive ให้เปิดใช้คำสั่ง Show on Home Screen อีกที

 

iCloud Drive

 

สำหรับคนที่ใช้ iPhone 6 หรือ 6 Plus อยู่แล้วอาจไม่รู้สึกตื่นเต้นเท่าไหร่กับ iPhone รุ่นใหม่อย่าง iPhone 6s และ 6s Plus เนื่องจากภาพรวมจะเป็นแค่การอัพเกรดสเป็คเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่สำหรับคนที่ใช้ iPhone รุ่นต่ำกว่า 5s ลงไปอาจจะตัดสินใจที่จะเปลี่ยนมาใช้ไอโฟนรุ่นใหม่นี้ได้ไม่ยาก อันนี้ก็คงต้องแล้วแต่ความพอใจและเงินในกระเป๋าแล้วกันล่ะ ^ ^

 

Unbox แกะกล่อง Galaxy Note 4 เครื่องศูนย์ไทย

 
เปิดตัวและวางจำหน่ายในไทยเรียบร้อยแล้วกับ Samsung Galaxy Note 4 ที่เริ่มวางขายแบบจำกัดเพียง 100 เครื่องต่อวันในงาน Thailand Mobile Expo ที่ผ่านมา ส่วนใครที่พลาดจาก 100 เครื่องแรก แล้วจองสิทธิ์ในราคาพิเศษ 24,900 บาท จากในงาน ก็คงต้องรอรับหลังงานตามวันที่กำหนดกันอีกที ฉะนั้นก่อนจะถึงวันที่ต้องรับเครื่อง เรามาเตรียมตรวจสอบกันก่อนดีกว่าในกล่อง Galaxy Note 4 เครื่องศูนย์ไทย มีอะไรมาให้บ้าง

 

กล่องแพ็กเกจสไตล์เดิม แต่จะมีพิมพ์เลข 4 บนหน้ากล่องตัวใหญ่ชัดเจน

Unbox-Galaxy-Note4-TH-01

 

อุปกรณ์ที่ให้มาภายในกล่อง ตัวเครื่อง Note 4, แบตเตอรี่ 3220 mAh, หัวชาร์จอะแดปเตอร์, สาย USB 2.0, ชุดเปลี่ยนหัวปากกา S Pen จะมีหัวปากกาสำรองมาให้ 5 อัน, คู่มือและใบรับประกัน, หูฟังแบบ in-ear พร้อม earbuds อีก 2 ขนาด (2 คู่)

Unbox-Galaxy-Note4-TH-02

 

Galaxy Note 4 ถือเป็นรุ่นแรกของซัมซุงที่ใช้หน้าจอแบบ Quad HD Super AMOLED ที่ให้ความละเอียดและสีสันคมชัดถึง 2560 x 1440 พิกเซล แต่ยังคงมีขนาด 5.7 นิ้ว เท่ากับ Note 3

Unbox-Galaxy-Note4-TH-03

 
กรอบบอดี้ใช้วัสดุเป็นโลหะ ทำให้ Note 4 ดูแข็งแรง และหรูหราพรีเมียมยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเคลือบสีตามตัวเครื่องไว้อีกด้วย และมีการเจียรลบเหลี่ยมตรงสันขอบให้เห็นเนื้อโลหะ ส่วนความบางอยู่ที่ 8.5 มม. ส่วนน้ำหนักอยู่ที่ 176 กรัม หนักกว่า Note 3 ขึ้นมานิดหนึ่ง จาก 168 กรัม

Unbox-Galaxy-Note4-TH-05

 

ตรงขอบหน้าจอจะมีการดีไซน์ด้วยกระจกที่โค้งมน ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ที่นิยมใช้ในสมาร์ทโฟนระดับเรือธง

Unbox-Galaxy-Note4-TH-07

 

ฝาด้านหลังยังคงถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ และใช้วัสดุพลาสติกที่มีลายหนังเทียมเป็นเอกลักษณ์อยู่เช่นเดิม

Unbox-Galaxy-Note4-TH-04

 

กล้องหน้าเอาใจสาวกเซลฟีด้วยความละเอียด 3.7 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.9 ถ่ายในที่แสงน้อยได้สว่างยิ่งขึ้น พร้อมโหมด Wide Selfie ที่สามารถถ่ายเซลฟีมุมกว้างได้ถึง 120 องศา

Unbox-Galaxy-Note4-TH-10

 

กล้องหลังมาพร้อมความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมเพิ่มระบบชดเชยภาพสั่นไหวในตัวเลนส์ Smart OIS ถัดลงมาจะมีแฟลช LED และ Heart Rate เซนเซอร์ กับ UV เซนเซอร์

Unbox-Galaxy-Note4-TH-06

 

วันรับเครื่องให้ลองทดสอบ Heart Rate เซนเซอร์ วัดอัตรากการเต้นของหัวใจดู ว่ามีแสงสีแดงขึ้นมาขณะตรวจวัดรึเปล่า นอกจากนี้เวลาถ่ายรูปด้วยกล้องหน้า จะสามารถแตะที่ Heart Rate เพื่อกดชัตเตอร์ได้อีกด้วย (ใช้งานคล้ายกับปุ่ม Rear Key ใน LG G3)

Unbox-Galaxy-Note4-TH-11

 

เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า Note 4 กลับมาใช้ USB 2.0 เหมือนเดิม จากรุ่นก่อนหน้าเคยใช้ USB 3.0 เป็นจุดขาย ส่วนช่องเสียบปากกา S Pen ก็ยังอยู่ในตำแหน่งขวาเหมือนเดิม

Unbox-Galaxy-Note4-TH-08

 

ช่องเสียบหูฟังจะอยู่ด้านบนของตัวเครื่อง และมีเซนเซอร์อินฟราเรดไว้ใช้งานเป็น Smart Remote ควบคุมทีวี เครื่องเล่น เครื่องเสียง และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ

Unbox-Galaxy-Note4-TH-09

 

สำหรับใครที่ยังจองไว้ ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม คงจะเริ่มทยอยรับเครื่องกันตามคิว ส่วนเครื่องสีทองอาจจะต้องรอนานหน่อยเพราะจะเริ่มรับเครื่องได้ในวันที่ 24 ตุลาคม หลังจากนี้ก็คงจะมีวางขายทั่วประเทศในช่วงปลายเดือนตุลาคม ในราคา 25,900 บาท ส่วนของฟีเจอร์เด่นๆ ที่น่าสนใจ จะมารีวิวให้ชมกันเร็วๆ นี้นะครับ

 

 

Alcatel กลับมาอีกครั้ง ออกตัวแรง ส่ง OneTouch Flash จอใหญ่ 5.5 นิ้ว พลังแรง 8 Core ในราคา 6 พันกว่าบาท

 

Alcatel-onetouch-flash-01

 

หากพูดถึงแบรนด์ Alcatel ถ้าอยู่ในวัยเจน X หลายคนคงทันใช้ สมัยที่ฟีเจอร์โฟนกำลังนิยม หนึ่งในตัวเลือกคงต้องมีแบรนด์ Alcatel ผ่านหู ผ่านตามาบ้าง โดยเฉพาะพิธีกรในงานเปิดตัวครั้งนี้ น้องซี ฉัตรปวีณ์ ที่เธอเอ่ยกลางเวทีว่า Alcatel เป็นมือถือเครื่องแรกในชีวิตของเธอเลย 555…

 

Alcatel-onetouch-flash-02

ภายในงานมีแฟชั่นโชว์ของเหล่าดาราเซเล็ปจากซีรี่ส์ Hormones

 

และเมื่อมาถึงยุคของสมาร์ทโฟน แม้ว่า Alcatel จะออกตัวช้ากว่าแบรนด์อื่นๆ แต่วันนี้ขอออกตัวแรง ด้วยการส่งสมาร์ทโฟนรุ่น OneTouch Flash ที่อัดแน่นด้วยซีพียูระดับ 8 Core (Mediatek Octa-Core CPU) ความเร็ว 1.4 GHz แรม 1 GB พร้อมด้วยหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD 720×1280 พิกเซล กล้องหน้าฟรุ้งฟริ้ง 5 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED 1 ดวง แบตอึดด้วยความจุมากถึง 3200 mAh และน้ำหนักเบาเพียง 150 กรัม ทั้งนี้ยังรองรับ 2 ซิม (ซิมขนาด Micro SIM) แต่ใช้ 3G ได้กับคลื่นความถี่ 900/2100 MHz เท่านั้น

 

Alcatel-onetouch-flash-03

 

ฟีเจอร์โดดเด่นของ Alcatel OneTouch Flash
• กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล ฟิกซ์โฟกัส มาพร้อมโหมด Beauty Selfie หน้าเนียน ดวงตา Big Eye ถ่ายแล้วเก็บทั้งรูปต้นฉบับและรูปที่แต่งอัตโนมัติไว้ให้เลือก
• กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล ออโต้โฟกัส เซนเซอร์ Sony BSI พร้อมระบบลดภาพสั่นไหว
• HotKnot โอนถ่ายไฟล์ภาพหรือวิดีโอระหว่าง OneTouch Flash ด้วยกัน ได้ง่ายๆ เพียงหันหน้าจอประกบกัน
• Dual Band Wi-Fi รองรับคลื่นความถี่ Wi-Fi ได้ทั้งมาตรฐาน 2.4 GHz และ 5.0 GHz เพื่อให้สปีดที่เร็วกว่า และลดสัญญาณรบกวน
• มี FM Tuner ในตัว
• มีระบบเคาะ 2 ครั้งบนหน้าจอเพื่อเปิดหน้าจอ โดยไม่ต้องกดปุ่ม หรือจะเคาะอีกครั้งเพื่อปิดก็ได้
• มาพร้อมระบบปฏิบัติการล่าสุด Android 4.4.2 Kitkat
• รองรับ 2 ซิม แสตนบายด์
• เพิ่มหน่วยความจำ Micro SD ได้สูงสุด 32 GB

 

วางจำหน่ายเร็วๆ นี้ ในราคาเพียง 6,590 บาทเท่านั้น

 

ขนาดตัวเครื่องที่หน้าจอ 5.5 นิ้ว ก็ยังถือได้ถนัดในมือเดียว

Alcatel-onetouch-flash-04

 

ในงานมี 2 สีมาโชว์ คือ ขาว, เทา

Alcatel-onetouch-flash-05

 

ปุ่มโฮม Home, Menu และ Back จะอยู่บนตัวเครื่องไม่ได้รวมมาในหน้าจอ แต่จะไม่มีไฟ Back Light ส่องสว่างเวลาสัมผัส ใช้งานในที่มืดอาจจะลำบาก

Alcatel-onetouch-flash-06

 

ช่องใส่ Micro SD กับ Micro SIM1 มาพร้อมฝาปิดแบบกันหลุดหาย คล้ายๆ กับ Sony Xperia Z2

Alcatel-onetouch-flash-07

 

ส่วนด้านขวา ก็จะมีช่องใส่ Micro SIM2 และปุ่มเพิ่มลดเสียง, ปุ่มพาเวอร์

Alcatel-onetouch-flash-08

 

ฟอนต์ในการตั้งค่าใหญ่โต มองเห็นได้ชัดเจน เหมาะสำหรับวัย สว. (สูงวัย) เป็นอย่างยิ่ง

Alcatel-onetouch-flash-09

 

 

 

 

[Sneak Preview] OPPO N1 Mini สุดยอดสมาร์ทโฟน กล้อง Selfie หมุนได้ 195 องศา

 

OPPO N1 Mini ถือเป็นมือถือกล้องฟรุ้งฟริ้งที่ออกแบบมาเพื่อการถ่ายภาพแบบ Selfie โดยเฉพาะ ด้วยกล้องที่สามารถหมุนได้ 195 องศา จะถ่ายด้านหน้าหรือด้านหลังก็เพียงแค่หมุนกล้องเท่านั้น ซึ่งถือเป็นการตอบโจทย์การใช้งานสำหรับสาวก Selfie ที่ต้องการกล้องหน้าความละเอียดสูง ซึ่ง OopsMobile ก้ได้รับเกียรติเชิญเข้าร่วมงาน OPPO N1 Mini Blogger Day เลยถึอโอกาสนี้เก็บภาพมาฝากครับ

 

OPPO N1 mini มาพร้อมหน้าจอ 5 นิ้ว ทำให้มีขนาดที่เหมาะมือ กะทัดรัดยิ่งขึ้น ความละเอียดหน้าจอระดับ HD 1280 x 720 พิกเซล ความหนาแน่นพิกเซล 293 พิกเซลต่อนิ้ว

preview-oppo-n1mini-01

 

กล้องหมุนได้ 195 องศา ความละเอียด 13 พิกเซล เซนเซอร์ CMOS จากโซนี่ พร้อมเลนส์ที่มาพร้อมรูรับแสงกว้างถึง F2.0ให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้โดยไม่ต้องใช้แฟลช แต่เพื่อให้รองรับได้ทุกสภาพแสงจึงได้เตรียมแฟลช LED มาให้ 1 ดวง จากเดิมในรุ่นที่แล้วจะมี 2 ดวง

preview-oppo-n1mini-02

 

นอกจากกล้องที่หมุนได้แล้ว ยังมีโหมดถ่ายภาพ Selfie ที่ช่วยปรับให้ใบหน้าเนียนใส และยังมีโหมด Ultra HD ที่ถ่ายภาพต่อเนื่อง 6 ภาพแล้วนำภาพที่ดีที่สุดมารวมกัน จนได้ความละเอียดสูงถึง 24 ล้านพิกเซล ซึ่งทำให้เก็บรายละเอียดของภาพได้คมชัดยิ่งขึ้น นำไปอัดเป็นรูปโปสเตอร์ขนาดใหญ่ได้สบายๆ

preview-oppo-n1mini-07

 

ด้านข้างก็ดูไม่หนา ด้วยความบาง 9.2  มม. ดูตัวเลขแล้วเหมือนจะหนา แต่ดีไซน์ที่โค้งรับไปกับบอดี้ด้านหลังจึงทำให้ดูบาง

preview-oppo-n1mini-04

 

ขอบด้านล่างของตัวเครื่องมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม., ช่องเสียบสาย USB และลำโพง

preview-oppo-n1mini-03

 

ช่องใส่ซิมต้องใช้เข็มจิ้มถาดซิมเหมือน iPhone ถัดลงมาจะเป็นปุ่มโวลุ่มปรับระดับเสียง

preview-oppo-n1mini-05

 

ปุ่ม Power/Sleep อยู่ด้านซ้ายของตัวเครื่อง ตัวบอดดี้สีขาวจะเป็นผิวพลาสติกเนื้อด้าน ตัดขอบด้านข้างด้วยเส้นเมทาลิกคู่

preview-oppo-n1mini-06

 

เพื่อเพิ่มความสะดวกในการถ่าย Selfie ได้มากยิ่งขึ้น OPPO ได้เตรียม Oclick รีโมทชัตเตอร์บลูทูธ มาให้อีกด้วย โดยสามารถสั่งกดชัตเตอร์เพื่อถ่ายรูปได้เลย ขายแยกเป็นอุปกรณ์เสริมในราคา 990 บาท

preview-oppo-n1mini-08

 

อุปกรณ์ในกล่องที่มีมาให้ คือ สาย USB, หัวชาร์จอะแดปเตอร์ และ หูฟัง

preview-oppo-n1mini-09

 

หัวอะแดปเตอร์ดีไซน์คุ้นๆ เนอะ ว่ามั้ย

preview-oppo-n1mini-10

 

สุดท้าย ย้อนให้ดูกล่องแพกเกจของ OPPO N1 Mini กับกล่อง OClick ที่ดูเรียบหรู

preview-oppo-n1mini-11

 

OPPO N1 mini มี 2 สีให้เลือก โดยตอนนี้วางจำหน่ายตัว สีขาวไปแล้ว ส่วนสีฟ้าอ่อน จะวางจำหน่ายประมาณกลางเดือน สิงหาคม นี้ สนนราคา 12,990 บ.

n1-mini_16

 

สเปก OPPO N1 Mini
• หน้าจอ 5 นิ้ว ความละเอียด HD 1280×720 พิกเซล  (293 PPI) ใช้หน้าจอแบบ IPS
• ซีพียู Qualcomm MSM8928 Quad-core 1.6GHz
• แรม 2 GB
• หน่วยความจำในตัว 16 GB (เพิ่มการ์ดหน่วยความจำไม่ได้)
• กล้อง 13 ล้านพิกเซล หมุนได้ 195 องศา พร้อมโหมด Ultra HD 24 ล้านพิกเซล
• แฟลช LED 1 ดวง
• โหมดถ่ายภาพ Normal, HDR, Ultra-HD, Beautify, Panorama, Slow Shutter, Audio Photo, GIF mode
• ขนาดซิม Micro SIM
• เครือข่าย รองรับ 3G 850/900/1700/1900/2100MHZ

• ระบบปฏิบัติการ Android 4.3 พร้อม ColorOS  1.4
• การเชื่อมต่อ WiFi 802.11 b/g/n, Bluetooth 4.0, NFC, USB OTG, GPS
• แบตเตอรี่ 2140 mAh ถอดเปลี่ยนไม่ได้
• ขนาด 148.4 x 72.2 x 9.2 มม.
• น้ำหนัก 150 กรัม

 

ณ จุดนี้ ก็ชมรายละเอียดคร่าวๆ ไปก่อนนะครับ ไว้ได้เครื่องมารีวิวเมื่อไร จะรีวิวแบบจัดเต็มมาให้ชมกันนะครับ พร้อมทิ้งท้ายกับภาพบรรยากาศภายในงาน Blogger Day

 

 

[Sneak Preview] Nokia Lumia 930 ครั้งแรกของการเปิดตัวในนาม Microsoft Device

 

Nokia-Lumia-930-Apps
เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 57 ที่ผ่านมา สำหรับ Nokia Lumia 930 ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในนามของ Microsoft Device ประเทศไทย โดยสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งเรือธงตัวสำคัญของตระกูล Lumia ที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการล่าสุด Windows Phone 8.1 พร้อมบอดี้โลหะ แข็งแรง ทนทาน ดูมีระดับ มีให้เลือกถึง 4 สีด้วยกันคือ ส้มสด, เขียวสด, ดำ และ ขาว โดยจะวางจำหน่ายในวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ เป็นต้นไป เอาล่ะครับ ก่อนที่จะได้สัมผัสตัวจริงกัน เราได้เก็บภาพจากงานแถลงข่าวมาพรีวิวให้ชมกันก่อน

 

Lumia 930 มาพร้อมหน้าจอขนาด 5 นิ้ว Full HD

Nokia-Lumia-930-01

 

แม้หน้าจอจะใหญ่ขึ้น แต่ตัวบอดี้ยังคงกะทัดรัด ถือใช้งานด้วยมือเดียวได้สะดวก

Nokia-Lumia-930-02

 

บอดี้ใช้วัสดุเป็นโลหะ ไม่สามารถเปิดฝาหลังได้ ดีไซน์ตรงบริเวณขอบให้โค้งรับสัมผัสกับการถือใช้งาน

Nokia-Lumia-930-03

 

ขอบด้านข้างตัวเครื่องค่อนข้างหนาไปหน่อย และยิ่งดีไซน์เหลี่ยมๆ ทำให้ดูหนาไปอีก

Nokia-Lumia-930-04

 

ขอบด้านบนมาพร้อมช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และสล็อตถาดใส่นาโนซิม

Nokia-Lumia-930-05

 

กล้องหลัง PureView ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED คู่ ส่องแสงถ่ายได้ถึง 3 เมตร และยังมีไมโครโฟน 4 ทิศทางมาให้ในตัว เพื่อการบันทึกวิดีโอด้วยระบบเสียง Dolby Surround Sound

Nokia-Lumia-930-07

 

Lumia 930 มาพร้อมระบบปฏิบัติการล่าสุด Windows Phone 8.1 ขับเคลื่อนด้วยซีพียู Qualcomm Snapdragon 800 Quad-core 2.2 GHz, หน่วยความจำภายใน 32 GB (เพิ่ม SD Card ไม่ได้), แรม 2 GB

Nokia-Lumia-930-08

 

เทียบขนาดกับ Lumia 1020 ตัวเครื่องยาวกว่าเล็กน้อย แต่ Lumia 930 มีพื้นที่หน้าจอมากกว่า

Nokia-Lumia-930-09

 

เทียบความกว้างแล้ว ขนาดพอๆ กัน

Nokia-Lumia-930-10

 

เทียบกล้องหลัง ยังไง Lumia 1020 ก็ยังสเปกสูงกว่าเป็นเท่าตัว

Nokia-Lumia-930-11

 

Nokia Lumia 930 สนนราคา 19,890 บาท พร้อมโปรโมชั่น 1,000 คนแรก รับ Treasure Tag WS-2 มูลค่า 990 บาท ฟรี ส่วนโปรโมชั่นสำหรับ dtac TriNet ได้ลดค่าบริการรายเดือน 50 % นาน 1 ปี

product2-jpg

 

[Sneak Preview] Samsung Galaxy Tab S 8.4 และ 10.5

 

ศุกร์นี้แล้วสินะ (4 ก.ค. 57) ที่ Samsung Galaxy Tab S 8.4 และ Tab S 10.5 จะเริ่มวางจำหน่าย แต่หากใครกำลังตัดสินใจว่าจะซื้อดีหรือไม่ซื้อดี เรามาดูของจริงกันก่อนดีกว่า ซึ่ง OopsMobile ได้เก็บภาพจากงาน Samsung Blogger Day มาให้ชมกัน

 

เริ่มกันที่รุ่น Galaxy Tab 10.5 กันก่อน จุดเด่นที่สุดของ Galaxy Tab S คือเรื่องของหน้าจอ ที่เป็น Super AMOLED ความละเอียด WQXGA เท่ากับ 4 ล้านพิกเซล (มากกว่า iPad Air 1 ล้านพิกเซล) หรือ 2560 x 1600 อัตราส่วน 16:10 และมีความหนาแน่นของพิกเซลถึง 360 พิกเซลต่อนิ้ว

preview-tab-s-01

 

 

ตรงขอบจอ ยังคงมีปุ่ม Home, Mutitasking และ Back มาให้

preview-tab-s-02

 

พลิกดูด้านหลังตัวบอดี้ออกแบบให้มีลายจุดเรียงเป็นแถว ดูเรียบง่าย สีบอรนด์ทองเข้มๆ ดูคลาสิกดี (มีสีขาวให้เลือกด้วยนะ) ส่วนกล้องมาพร้อมความละเอียด 8 ล้านพิกเซล แฟลช LED 1 ดวง ส่วนกล้องหน้า 2.1 ล้านพิกเซล ถ่ายวิดีโอได้แบบ Full HD เลยทีเดียว

preview-tab-s-03

 

ทั้ง 2 รุ่นจะมาพร้อม ระบบสแกนลายนิ้วมือตรงปุ่ม Home เหมือนกับ Galaxy S5

preview-tab-s-04

 

ลองถ่ายใกล้ๆ หน้าจอดู เรียกว่าความละเอียดสูง ให้ภาพสีสันสดใส ตามคุณสมบัติของหน้าจอแบบ AMOLED

preview-tab-s-05

 

ตัวเครื่องบางเพียง 6.6 มม. (เท่ากันทั้ง 2 รุ่น) และน้ำหนักรุ่น 10.5″ เพียง 467 กรัม ส่วนรุ่น 8.4″ หนักเพียง 298 กรัม

preview-tab-s-06

 

ตัวเคสแบบ Book Cover ยึดติดด้วยแม่แหล็กที่ด้านหลังตัวเครื่อง พร้อมรองรับการเปิด ปิด หน้าจอ อัตโนมัติ

preview-tab-s-07

 

วางเป็นสแตนด์ขาตั้งปรับระดับได้

preview-tab-s-08

 

เปรียบเทียบขนาดหน้าจอของทั้ง 2 รุ่น

preview-tab-s-09

 

Galaxy Tab S 8.4 เมื่ออยู่ในมือก็กะทัดรัดดีนะ

preview-tab-s-10

 

ขอบบางเท่ากับรุ่น 10.5″

preview-tab-s-11

 

ดูสเปกอย่างเป็นทางการของ Galaxy Tab S 8.4″ / 10.5″

preview-tab-s-12

 

Galaxy Tab S 8.4 ราคา 16,900 บ.
Galaxy Tab S 10.5 ราคา 19,900 บ.

 

[Sneak Preview] สัมผัสแรกกับ LG G3 ที่สุดของสมาร์ทโฟนเรือธงแห่งปี

 

LG-G3-01

 

เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับสมาร์ทโฟนเรือธง LG G3 ในประเทศไทย เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นตัวท็อปที่จะมาฟาดฟันกับคู่แข่งอย่าง Samsung Galaxy S5 และ HTC One M8 กันเลยทีเดียว แถมเปิดราคามาได้น่าสนใจพอสมควรที่ 20,990 บ. ซึ่งในงานนี้เราจะก็ได้สัมผัสตัวเป็นๆ กันแล้วส่วนจะเป็นอย่างไรบ้างนั้นติดตามกันได้เลย แต่ก่อนอื่นมาดูจุดเด่นของ LG G3 กันก่อนดีกว่า

 

คุณสมบัติเด่นของ LG G3
• หน้าจอ 5.5 Quad HD IPS ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล โดยมีความหนาแน่นของพิกเซลถึง 538 พิกเซลต่อนิ้ว

• บอดี้เป็นผิวแบบเมทาลิก ออกแบบให้ขอบโค้งมนรับกับการสัมผัส

• มี Laser Auto Focus ช่วยโฟกัสเวลาถ่ายภาพในที่มืด และสามารถโฟกัสได้เร็วถึง 0.276 วินาที

• กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซลมาพร้อมระบบกันสั่นที่ชิ้นเลนซ์ Advance OIS พร้อมแฟลช LED คู่

• ลำโพงสปีกเกอร์กำลังขับ 1 วัตต์ พร้อมเพิ่มเสียงเบสให้หนักแน่นขึ้น

• แบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh แบบถอดเปลี่ยนได้

• Smart Keyboard ปรับขนาดแป้นคีย์บอร์ดเล็กใหญ่ได้ตามต้องการ

• Dual Windows เปิดแอพพร้อมกับได้ 2 แอพ

• Knock On เคาะหน้าจอเพื่อเปิดเครื่อง, Knock Code เคาะปลดล็อคหน้าจอตามตำแหน่งที่ตั้งไว้

• รองรับ Wireless Charging แท่นชาร์จไร้สาย

• G Content Lock ที่สามารถป้องกันการเข้าถึงไฟล์จากผู้อื่น

• LG Kill Switch ที่สามารถปิดการเชื่อมต่อแบบรีโมทเข้ามาถึงตัวเครื่อง

• รองรับการใช้งานกับสมาร์ทเคส Quick Circle

 

สัมผัสแรกกับ LG G3

ได้เวลาสัมผัส LG G3 ตัวเป็นๆ แล้วล่ะครับ เรามาชมกันทีละส่วนกันเลยดีกว่า

 

เมื่อลองถือด้วยมือเดียว ความรู้สึกแรกคือ เครื่องเบามากๆ และตัวเครื่องไม่ได้ใหญ่เทอะทะมากนักแม้ว่าหน้าจอจะมีขนาดใหญ่ถึง 5.5 นิ้วก็ตาม

LG-G3-02

 

วัสดุด้านหลังดีไซน์ผิวแบบเมทาลิก แต่จริงๆ ตัวบอดี้เป็นพลาสติก ตรงขอบดีไซน์ให้โค้งหยิบจับได้ถนัดดี

LG-G3-03

 

ดีไซน์ไอคอนและ User Interface ทั้งบนแถบแจ้งเตือน และไอคอนต่างๆ ของแอพในแนว Flat Design (เทรนด์นี้มาแรงจริงๆ iOS8 ก็ยังออกแบบไอคอนแนวนี้เหมือนกัน)

LG-G3-04

 

Smart Keyboard ที่สามารถตั้งค่าขนาดแป้นคีย์บอร์ดให้ใหญ่หรือเล็กได้ตามขนาดที่ต้องการ

LG-G3-05 LG-G3-06

 

นอกจากนี้ยังสามารถเลือกคำที่ระบบคาดเดามาให้ได้ง่าย ด้วยการปัดขึ้น ฝังซ้ายหรือขวา ตามคำที่เลือก และยังสามารถบันทึกคำศัพท์ใหม่ๆ เช่นคำว่า ฟรุ้งฟริ้ง เก็บไว้ในระบบเดาคำเพิ่มเติมได้อีกด้วย

LG-G3-16

 

กล้องโฟกัสได้มากถึง 9 จุด และมีฟังก์ชั่น Touch and Shoot หรือแตะบนหน้าจอแล้วถ่ายได้เลย เท่าที่ลองเล่นก็สามารถโฟกัสในที่แสงน้อยได้ดี แต่ยังหน่วงๆ อยู่บ้างอาจจะเป็นเพราะเฟิร์มแวร์ยังไม่สมบูรณ์เพราะเป็นเครื่อง Demo

LG-G3-07

 

สำหรับกล้องหน้ามีฟังก์ชั่นเพิ่มหน้าให้ขาวอมชมพูมาด้วย โดยแม้อยู่ในที่มืดก็สามารถถ่ายหน้าให้สว่างได้ โดยจะย่อภาพในหน้าจอลงเพื่อใช้แบล็กกราวด์สีขาวสะท้อนแสงไปยังใบหน้าให้สว่างขึ้นนั่นเอง แต่ความละเอียดภาพก็ยังเท่าเดิมนะครับ

LG-G3-15

 

การใช้งาน Dual Windows หรือการเปิดแอพพร้อมกัน 2  หน้า รองรับแอพหลักๆ ได้พอสมควร รวมถึงแอพ Line ที่หากเปิดคู่กับแอพ Gallery จะสามารถลากรูปที่ต้องการลงในแอพ Line เพื่อส่งได้ทันที ส่วน Facebook, Twitter, Instagram ยังไม่รองรับในตอนนี้

LG-G3-08 LG-G3-09

 

มีแอพ LG Health ไว้นับก้าว เพื่อคำนวณอัตราการเผาผลาญแคลอรี่ได้

LG-G3-10

 

ยังคงมาพร้อมฟังก์ชั่น Smart Remote ไว้ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ได้ ผ่านเซ็นเซอร์อินฟราเรดในตัวเครื่อง

LG-G3-14

 

แตะบนหน้าจอ 2 ครั้ง เพื่อเรียกฟังก์ชั่นที่รองรับกับเคส Quick Circle ขึ้นมา อินเตอร์เฟสสวยงามมากๆ

LG-G3-12

 

วิดเจ็ตนาฬิกาสวยๆ บน Quick Circle

LG-G3-11

 

ถ่ายรูปจากกล้องหลังโดยไม่ต้องเปิดฝาเคสก็ได้

LG-G3-13

 

สนนราคา 20,990 บ. 

โปรโมชั่น แถม Wireless Charger และ Quick Circle Case ฟรี มูลค่า 3,000 บ. จำนวนจำกัดเพียง 1,000 เครื่องแรกเท่านั้น ตั้งแต่วันนี้ – 27 มิถุนายน 57

สั่งจองได้ที่ AIS Online Store, dtac Online Store, Truemove H Online Store

หรือที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่าย J Mart, TG Fone, LG Brand Shop

 

[Sneak Preview] Nokia เปิดตัว Lumia 630 มาพร้อม Windows Phone 8.1 ตัวแรก ในราคาแค่ 5 พันกว่าบาท

 
preview-lumia630-15

 

หลังจากที่โนเกียได้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของไมโครซอฟต์เรียบร้อยแล้ว รวมถึง Nokia ประเทศไทยเช่นเดียวกัน โดยระหว่างนี้คงอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน แต่ทุกอย่างก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป เพราะเมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่ผ่านมา Nokia ได้เชิญ OopsMobile ให้เข้าร่วมกิจกรรม Workshop ในภารกิจพิสูจน์ความ “แรง เร็ว ใส แซ่บ” กับ Nokia Lumia 630 โดยในงานนี้ก็ยังคงได้รับการดูแลจากทีมงาน Nokia ประเทศไทย เช่นเดิมเป็นอย่างดี เอาละครับไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรเด็ดบ้างใน Lumia 630

 

Lumia 630 มาพร้อมหน้าจอ 4.5 นิ้ว แบบ IPS LCD ขนาดเรียกว่าพอเหมาะ พอดีกับการพกพา และใช้งานสะดวกด้วยมือเดียว
preview-lumia630-01

 

เครื่องที่เราได้มาทำ Workshop เป็นสีดำด้าน วัสดุบอดี้เป็นโพลีคาบอเนต แข็งแรงทนทาน น้ำหนักเบา แอบยืมของเพื่อนข้างๆ สีส้มสะท้อนแสงมาเทียบกัน โดยมีฝาหลังให้เลือกทั้งหมด 5 สี ดำ, ขาว, เหลือง, ส้ม, เขียว

preview-lumia630-03

preview-lumia630-04

 

Lumia 630 ถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8.1 ส่วน Lumia รุ่นก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ 520 ขึ้นมาทั้งหมด จะได้รับการอัพเดทประมาณปลายไตรมาส 2 นี้

preview-lumia630-02

 

คุณสมบัติแรกที่เพิ่มขึ้นมาของ Windows 8.1 คือ การย้ายแอพจากในตัวเครื่องไปยัง SD Card ได้ ซึ่งใน Lumia 630 จะมีหน่วยความจำในตัวมาให้แค่ 8 GB ดังนั้นหากกลัวว่าเมมจะเต็มก็ย้ายไปลงใน SD Card ได้เลย โดยสามารถใส่ SD Card ได้สูงสุด 64 GB ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลสำหรับคนที่ชอบโหลดเกมมาเล่นซึ่งมักจะกินพื้นที่หน่วยความจำมาก และไม่ต้องกังวลว่าเครื่องจะช้าเมื่อรันเกมผ่าน SD Card เพราะ Lumia 630 เค้าให้ RAM มา 512 MB พร้อมซีพียู Snapdragon 400 Quad-core 1.2GHz

preview-lumia630-05

 

preview-lumia630-06

 

มี Action Center หรือปุ่มควบคุมลัดบนแถบแจ้งเตือนเพิ่มขึ้นมา เช่น ปุ่มปรับแสง, ปุ่มเปิดปิด Wi-Fi หรือปุ่ม Airplane Mode โดยสามารถเลือกฟังก์ชั่นที่ต้องการใช้บ่อยมาวางได้ 4 ปุ่ม (ตรงนี้แอบน้อยไปนิดนะผมว่า น่าจะทำได้แบบ Android ที่สามารถสไลด์ต่อไปได้ ไหนๆ ก็ทำมาจะเหมือนกันขนาดนี้แล้วนะ อิอิ)

preview-lumia630-07

 

preview-lumia630-08

 

 

ใส่ภาพ Wallpaper ลงในไอคอน Tile ได้ โดยไอคอนไทล์ที่เป็นของ Windows Phone จะสามารถใส่ Wallpaper ลงไปได้ แล้วเวลาจัดเรียงไทล์ต่อๆ กันก็จะกลายเป็นภาพ Wallpaper สวยงามตามที่เราเลือกภาพนั้นๆ

preview-lumia630-09

 

คุณสมบัติอื่นๆ ที่เพิ่มเติมขึ้นมาใน Windows Phone 8.1
• Project my screen ที่สามารถส่งภาพและเสียงไปยังหน้าจอทีวี ที่รองรับ Wi-Fi Direct โดยไม่ต้องเชื่อมต่อสายแต่อย่างใด
• Here Map 3D เพิ่มภาพ 3 มิติลงในแผนที่ เช่นตึก อาคาร และสถานที่สำคัญ โดยสามารถหมุมดูได้รอบทิศ

 

Lumia 630 สามารถถอดฝาหลังและเปลี่ยนแบตได้ โดยให้แบตความจุถึง 1830 mAh

preview-lumia630-12

 

รุ่นที่เป็น 2 ซิมจะรองรับ 3G เฉพาะความถี่ 900/2100 MHz ของ AIS ส่วนรุ่น 1 ซิมก็จะรองรับ 3G 850/2100 MHz ของ TruemoveH และ dtac

preview-lumia630-10

 

สำหรับกล้องหลังมาพร้อมความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้าไม่มีนะจะ ใครอยาก Selfie ก็อดนะสำหรับรุ่นนี้

preview-lumia630-11

 
Lumia 630 ยังมีฝาหลังสไตล์ Glossy เงางาม มาให้เลือกซื้อเพิ่มเติมได้ ราคาแค่ 470 บาท มี 3 สี เขียว, เหลือง, ส้ม
preview-lumia630-13

 
นอกจากนี้ยังมีของเล่นใหม่อย่าง Nokia Treasure Tag ที่เป็นอุปกรณ์ติดตามของหายได้ โดยจะเชื่อมต่อกับบลูทูธ แล้วแจ้งเตือนหากเราลืมอุปกรณ์ที่ติดแท็คตัวนี้เอาไว้ และสามารถใส่ไว้ที่รถจากนั้นเวลาจอดไว้ก็สามารถใช้แอพเปิดกล้องส่องเพื่อหาตำแหน่งที่จอดได้อีกด้วย ที่สำคัญใช้ได้กับ iOS และ Android ได้อีกด้วย น่าสนเลยทีเดียว สนนราคา 990 บ.
preview-lumia630-14

 
Lumia 630 จะวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยราคาไม่เกิน 5,300 บ.

 

Specifications Lumia 630
ซีพียู : Snapdragon 400 Quad-core 1.2GHz
หน่วยความจำในตัว : 8 GB
แรม : 512 MB
หน้าจอ : 4.5 นิ้ว ความละเอียด FWVGA 854 x 480 แบบ IPS LCD พร้อมกระจกกันรอย Corning® Gorilla® Glass 3
SD Card : เพิ่มได้สูงสุด 64 GB
กล้องหลัง : 5 ล้านพิกเซล
กล้องหน้า : ไม่มี
ระบบซิม : มีรุ่น 1 ซิม และ รองรับ 2 ซิม, ใช้ซิมขนาด ไมโครซิม
3G : รองรับ
Bluetooth : รองรับ Bluetooth 4.0
NFC : ไม่มี
ขนาด : 129.5 x 66.7 x 9.2 มม.
น้ำหนัก : 134 กรัม

 

[Sneak Preview] Nokia X สมาร์ทโฟนสายพันธุ์ X รันแอพ Android ได้ 100%

 

ได้ฤกษ์วางจำหน่ายแล้วสำหรับ Nokia X สมาร์ทโฟนแพลตฟอร์มใหม่ล่าสุดที่เป็นข่าวฮือฮาไปทั่วโลกจากงาน MWC2014 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา วันนี้โนเกียประเทศไทยได้นำ Nokia X มาให้ชาวไทยได้สัมผัสกันแล้ว โดยเริ่มนำเฉพาะรุ่นเล็กอย่าง Nokia X เข้ามาก่อน โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 14 มีนาคม 57 ที่โนเกียช็อปทั่วประเทศ ในราคาเพียง 3,990 บ.

 

จุดเด่นของ Nokia X อยู่ตรงที่ระบบปฏิบัติการล่าสุดที่เรียกว่า Nokia X แพลตฟอร์ม ที่สามารถรันแอพพลิเคชั่นจากระบบปฏิบัติการ Android ได้อย่าง 100% โดยสามารถดาวน์โหลดได้ 2 ทางด้วยกัน คือ

1. Nokia Store โดยทางโนเกียจะทยอยนำแอพพลิเคชั่นจาก Android มาลงในสโตร์เพื่อให้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด
2. APK Install สามารถติดตั้งแอพจากไฟล์ .apk ซึ่งเป็นไฟล์แอพของ Android นั่นเอง

 

และที่สำคัญการดาวน์โหลดแอพจากโนเกียสโตร์บน Nokia X นั้น ไม่ต้องใส่แอคเคาท์ให้ยุ่งยาก ใครที่เป็นมือใหม่หัดเล่นสมาร์ทโฟนก็ไม่ต้องสมัครแอคเคาท์ให้ปวดหัวอีกต่อไปแล้ว อยากลงแอพไหนก็แตะดาวน์โหลดลูกเดียว อย่างได้แคร์

 

ส่วนแอพตัวไหนที่ต้องเสียเงิน ก็สามารถตัดเงินจากซิมการ์ดของเครือข่ายโทรศัพท์ที่รองรับได้เลย คาดว่าเบื้องต้นน่าจะร่วมมือกับดีแทคก่อน เหมือนบน Lumia ที่สามารถทำได้มาแล้ว

 

เอาล่ะครับได้ทราบจุดเด่นของ Nokia X ไปบ้างแล้ว เราไปชมภาพตัวเป็นๆ กันเลยดีกว่า

 

Nokia-X-02

บอดี้เหมือนกันโนเกีย Asha ที่ใช้วัสดุโพลีคาร์บอเนต จะวางขายทั้งหมด 5 สี คือ สีเขียวสด แดงสด ฟ้า เหลือง ดำและขาว

 

Nokia-X-03

กล้องหลัง ความละเอียด 3 ล้านพิกเซล แบบ Fix Focus

 

Nokia-X-04

พอร์ต Micro USB ไว้เชื่อมต่อข้อมูล และชาร์จแบตให้ตัวเครื่อง

 

Nokia-X-05

ปุ่มโวลุ่ม และปุ่มล็อคหน้าจอ/เปิดปิดเครื่อง อยู่ด้านขวาของตัวเครื่อง

 

Nokia-X-06

ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. อยู่มุมซ้ายบน

 

Nokia-X-12

ถอดกรอบฝาหลังออก โดยดันตรงกล้องแล้วแงะด้านบนของตัวเครื่องออกมา

 

Nokia-X-13

Nokia X สามารถใช้ได้ 2 ซิม แถมรองรับ 3G (ได้ซิมเดียว) และเพิ่มเมมด้วย Micro SD ได้สูงสุด 32 GB ส่วนแบตเตอรี่ความจุ 1500 mAh

 

Nokia-X-11

หน้าแรกถูกออกแบบให้เป็นการผสมผสานข้อดีของ ไทล์จาก Lumia Windows Phone และ Fastlane จาก Asha เข้าไว้ด้วยกัน

 

Nokia-X-15

แค่ปัดหน้าจอไปทางซ้ายหรือขวาก็จะเข้าสู่หน้า Fastlane ซึ่งเป็นช็อตคัทที่ใช้งานล่าสุด

 

Nokia-X-10

แอพพลิเคชั่นหลักจาก Android ที่ติดตั้งได้ 100% บน Nokia X

 

Nokia-X-07

หน้าตา โนเกียสโตร์ที่เริ่มทยอยนำแอพพลิเคชั่นจากแอนดรอยด์มาลงให้ดาวน์โหลด

 

Nokia-X-09

ยังมีแอพบางส่วนอย่าง Instagram ที่ไม่มีให้โหลดในโนเกียสโตร์ แต่สามารถใช้สโตร์เพื่อนบ้านอย่าง 1Mobile Market ที่มีแอพหลักๆ จากแอนดรอยด์ให้ดาวน์โหลด โดยไม่ต้องมีแอคเคาท์ได้อีกเช่นเดียวกัน

 

Nokia-X-14

ใช้งาน Instagram ได้ครบทุกฟังก์ชั่นเหมือนแอนดรอยด์เลย แต่อาจจะโหลดช้าบ้างเรื่องจากสเปกเครื่องรุ่นนี้ไม่ได้แรงมาก

 

Nokia-X-17

แตะลากจากด้านบนของหน้าจอลงมาเพื่อเปิดดูแถบแจ้งเตือนได้เหมือนแอนดรอยด์เลยนะครัสส… แถมมีปุ่มไอคอน Settings ให้เข้าสู่การตั้งค่าได้ทันที

 

Nokia-X-16

ลองติดตั้งเกม Flappy Bird ได้โดยไม่ต้องกรอกแอคเคาท์ใดๆ เลย

 

และนี้คือ Sneak Preview พรีวิว Nokia X แบบลับๆ ล่อๆ ให้ชมกันเบื้องต้นก่อนนะครับ ไว้ได้เครื่องมารีวิวแบบเต็มๆ เมื่อไร จะจัดเต็มในคอลัมน์ Review ให้สาสม

 

สัมผัมแรก Nokia Lumia 1520 แฟบเล็ตตัวแรกของโนเกีย

และแล้ว Nokia Lumia 1520 แฟบเล็ตเครื่องแรกของโนเกีย ก็เปิดตัวในเมืองไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวันเสาร์ที่ 30 พ.ย. 56 ที่ผ่านมา OopsMobile ได้รับเชิญให้เข้าร่วมกิจกรรม Workshop กับ Nokia Lumia 1520 ณ ตลาดน้ำขวัญเรียม และร้านอาหาร Chocolate Ville โดยงานนี้มีภารกิจให้ได้ลองเล่นแอพใหม่ๆ หลายตัวเลยทีเดียว ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาดูกันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง แต่ก่อนอื่นขอเล่าในส่วนไฮไลต์สำคัญของเข้า Lumia 1520 กันก่อนนะครับ

 

สเปกหลักของ Lumia 1520 มาพร้อมหน้าจอ 6 นิ้ว แบบ IPS LCD, รองรับระบบ 4G LTE, กล้อง 20 ล้านพิกเซล เทคโนโลยี Pureview แบบ Lumia 1020, ซีพียู Quad core Snapdragon 800 2.2 GHz พร้อมแรม 2 GB, หน่วยความจำในตัวเครื่อง 32 GB และสามารถเพิ่ม Micro SD ได้ถึง 64 GB

Lumia1520-Workshop-01

 

ระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 Nokia Black ซอฟต์แวร์ล่าสุดจากโนเกีย พร้อมไทล์วางได้ 3 คอลัมน์

Lumia1520-Workshop-02

 

หน้าจอแบบ Full HD ขนาด 6 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยี Clear Black สู้ท้าแดดได้สบาย สว่างคมชัดเวลาใช้งานกลางแจ้ง จากในพรีเซนต์มีการเปรียบเทียบกับ iPhone (น่าจะเป็น iPhone 5s) และ Samsung (น่าจะเป็น Note3) ให้เห็นถึงรายละเอียดของภาพ สังเกตได้ว่า Lumia 1520 จะแสดงรายละเอียดในส่วนของภาพในที่มืดได้ดีกว่า

Lumia1520-Workshop-03

 

ส่วนของการบันทึกวิดีโอ ได้ใส่ไมค์มาให้ถึง 4 ตัวเพื่อบันทึกเสียงได้แบบรอบทิศทาง

Lumia1520-Workshop-04

 

ถือเป็นข่าวดีสำหรับสาวกโนเกีย ที่วันนี้มีแอพพลิเคชั่นบน Windows Phone กว่า 190,000 แอพ แล้วนะครับ

Lumia1520-Workshop-05

 

เอาล่ะครับ เริ่มสัมผัสตัวเป็นๆ กับ Lumia 1520 กันเลยดีกว่า โดยตัวบอดี้จะมีทั้งหมด 4 สีให้เลือก คือ ขาว, ดำ, เหลือง และแดง โดยสีแดงจะใช้ผิวแบบกลอสซี่มันวาวอยู่เพียงตัวเดียว นอกนั้นเป็นผิวแบบเนื้อด้านทั้งหมด

Lumia1520-Workshop-08

 

ขนาดตัวเครื่องถือว่าออกแบบให้ขอบบางไม่กว้างจนเกินไป ขนาดผมมือเล็กยังถือได้สะดวกดีครับ ส่วนเวลาพิมพ์ ก็ง่ายขึ้นเพราะหน้าจอใหญ่ทำให้แป้นคีย์บอร์ดใหญ่ตาม ส่วนตัวไอคอนที่หน้าโฮมหรือที่เรียกว่าไทล์นั้น สามารถวางได้ถึง 3 คอลัมน์ ทำให้มีพื้นที่ในการวางไทล์ได้เยอะขึ้น บวกกับหน้าจอที่ยาวเข้าไปอีก จึงทำใ้ห้ขยายไทล์ของแอพต่างได้กว้างขึ้นเพื่อดูข้อมูลที่ฟีดเข้ามาได้ครบทุกโซเชียลแอพที่ใช้ประจำวัน โดยเฉพาะ Facebook, Twitter และล่าสุด Instagram ที่เพิ่งรองรับได้ไม่นาน

Lumia1520-Workshop-09

 

พอร์ต micro USB สำหรับชาร์จ และเชื่อมต่อข้อมูล ถูกวางไว้ท้ายตัวเครื่อง

Lumia1520-Workshop-10

 

ปุ่มควบคุมมาตรฐาน จัดวางอยู่ด้านขวาของตัวเครื่องเช่นเดิม มีปุ่มโวลุ่ม, เปิด-ปิด/พักหน้าจอ, ปุ่มชัตเตอร์

Lumia1520-Workshop-11

 

ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. อยู่ด้านบนตรงกลางของตัวเครื่องเลย ส่วนเลนส์ของตัวกล้องจะไม่หนาเท่ากับ Lumia 1020 แล้ว เนื่องจากความละเอียดที่รองลงมาเป็น 20 ล้านพิกเซล แต่ยังมาพร้อมเทคโนโลยี Oversampling และระบบซูมแบบ Lossless 2 เท่า รวมถึงระบบลดภาพสั่นไหว OIS ที่ชุดเลนส์ แฟลช LED 2 ดวงคู่

Lumia1520-Workshop-13

 

ถาดใส่ซิมและ MicroSD แบบใช้เข็มจิ้ม เพราะตัวบอดี้ถอดฝาหลังไม่ได้นะครับ หรือที่เรียกว่าแบบยูนิบอดี้นั่นเอง โดยวัสดุเป็นโพลีคาบอเนต ทำให้แข็งแรงทนทานแต่น้ำหนักเบา โดยน้ำหนักอยู่ที่ 209 กรัม

Lumia1520-Workshop-12

 

ฟีเจอร์กล้องได้ปรับปรุงใหม่ให้กลายเป็นแอพ Nokia Camera โดยรวมแอพ Nokia Pro Camera และ Nokia Smart Camera เข้าไว้ด้วยกัน เพียงสไลด์สลับโหมดตรงปุ่มชัตเตอร์

Lumia1520-Workshop-14

 

โหมดบันทึกภาพจะใีห้เลือก 3 รูปแบบ คือ JPEG ขนาด 5MP อย่างเดียว, JPEG ขนาด 5 MP และ 16 MP, JPEG ขนาด 5  MP และไฟล์ RAW ขนาด 16 MP (DNG)

Lumia1520-Workshop-15

 

แอพ Refocus ให้เราถ่ายภาพก่อนแล้วเลือกจุดโฟกัสทีหลังได้ ที่สำคัญเมื่อแชร์ลิงค์ภาพจากแอพดังกล่าว ไปยัง Facebook หรือโซเชียลต่างๆ เพื่อนของเราก็สามารถแตะบนภาพเพื่อเลือกจุดโฟกัสได้อีกด้วย

Lumia1520-Workshop-16

ลองเข้าไปเล่นกันได้ครับที่ลิงค์นี้ https://refocus.nokia.com/refocus/YsV3nqadNd6Q0FWF/image

 

แอพ So Zoom ของเล่นใหม่ที่สามารถโหลดมาใช้กับ Lumia 1020 และ Lumia 1520 ได้ โดยจะเป็นการดึงความสามารถของเซนเซอร์ที่มีความละเอียดสูง เพื่อซูมภาพในจุดที่ต้องการโดยสามารถมองเห็นรายละเอียดที่ชัดเจนแม้วัตถุจะอยู่ไกลมากก็ตาม โดยสามารถทำบอลลูนซูมเข้าไปหลายๆ จุดก็ได้ แต่เสียดายที่ผมลืมทำตัวอย่างมาให้ดูกัน ซึ่งถือเป็นลูกเล่นที่สนุกอีกตัวหนึ่งเลยครับ แต่แอพตัวนี้ไม่ฟรีนะครับ

Lumia1520-Workshop-17

 

Lumia1520-Workshop-18

 

 

ชมไฟล์ภาพถ่ายจาก Lumia 1520 (JPEG 5 MP) คลิกเพื่อซูม

WP_20131130_17_08_37_Raw WP_20131130_14_54_22_Pro

WP_20131130_16_31_47_Refocus  WP_20131130_13_41_18_Pro

WP_20131130_13_03_21_Refocus WP_20131130_16_28_14_Refocus

WP_20131130_17_28_17_Refocus WP_20131130_17_33_16_Pro WP_20131130_17_30_55_Pro

 

Lumia 1520 จำหน่ายในราคา 22,900 บาท โดยเปิดจองแล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 5 ธ.ค. 56 ที่โนเกียช็อป ทุกสาขา โดยใครที่จองในช่วงนี้จะได้รับของแถม Flip Case และ Power Bank โนเกีย มูลค่ารวม 2,080 บาท ซึ่งผู้ที่สั่งจองจะได้รับเครื่องประมาณวันที่ 10 ธ.ค. 56 และวางจำหน่ายทั่วประเทศประมาณปลายเดีอน ธันวาคม ปีนี้

NokiaLumia1520-Bandit-Preorder-1500x1500-2-jpg