[CES 2014] Polaroid Socialmatic กล้องดิจิตอลโพลาลอยด์ แชะ/พริ้น/แชร์ จากคอนเซ็ป สู่ของจริง

official_1
Polaroid Socialmatic หรือกล้องดิจิตอลโพลาลอยด์ ที่เคยเป็นเพียงคอนเซ็ปจาก ADR Studio เมื่อปี 2012 บัดนี้มันได้เกิดขึ้นจริงเรียบร้อยแล้ว

socialmatic_1_610x366 socialmatic_2_610x368

ภาพคอนเซ็ปเมื่อปี 2012

 

โดยเจ้ากล้อง Polaroid Socialmatic ตัวเป็นๆ นี้ได้ดีไซน์ออกมาไม่ต่างจากภาพคอนเซ็ปที่มีข่าวออกมาเมื่อ 2 ปีก่อนมากนัก โดยมาพร้อมความละเอียด 14 ล้านพิกเซล พร้อมด้วยกล้องหลัง 2 ล้านพิกเซล และเมื่อถ่ายภาพเสร็จแล้วสามารถโพสต์ไปยังโซเชียลต่างๆ ทั้ง Facebook, Twitter, Instagram, Pintetest ฯลฯ ได้ทันที เพราะตัวเครื่องรองรับ Wi-Fi ในตัว และหากไม่มีสัญญาณ Wi-Fi ก็สามารถเชื่อมต่อ Bluetooth ร่วมกับสมาร์ทโฟน เพื่อแชร์เน็ตมาให้ตัวกล้องได้อีกด้วย โดยมีระบบปฏิบัติการ Android เป็นตัวขับเคลื่อนนั่นเอง

socialmatic_4

และเพื่อให้ตรงคอนเซ็ปของการ ถ่ายปุ๊บ ได้รูปปั๊บ มันจึงสามารถพริ้นภาพถ่ายออกมาได้ทันที ด้วยระบบ Zero Ink® Digital Printing หรือการพิมพ์ภาพแบบไร้น้ำหมึก ซึ่งจะใช้กระดาษพิเศษที่เรียกว่า Zink Paper ที่สามารถพิมพ์ภาพสีลงบนกระดาษ โดยไม่ใช้น้ำหมึกสักหยด (เทคโนโลยีเดียวกับเครื่องพริ้นพกพา LG Pocket Photo) นอกจากนี้ยังสามารถตกแต่งภาพถ่าย ใส่ลูกเล่น Clip Art เพิ่มข้อความ ใส่ฟิลเตอร์ ก่อนที่จะกดปุ่มสั่งพริ้นได้ทันที บนภาพถ่ายขนาด 2×3 นิ้ว ที่เป็นสติกเกอร์ในตัวไว้แปะบน item ต่างๆ ที่คุณต้องการได้อย่างแสนเก๋อีกด้วย

official_2

Polaroid Socialmatic มาพร้อมหน้าจอ 4.5 นิ้ว ทัชกรีน มีแฟลชในตัว รันบนระบบปฏิบัติการ Android และบันทึกภาพด้วยการ์ดหน่วยความจำ micro SD หรือจะบันทึกลงในตัวเครื่องที่มีสำรองมาให้ 4 GB ก็ได้ ตัวเครื่องมี 2 สีให้เลือก ขาว, ดำ

official_3

สำหรับกำหนดวางจำหน่ายจะอยู่ราวช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปีนี้ ส่วนราคายังไม่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ

 

ชมวิดีโอ

[youtube link=”http://www.youtube.com/watch?v=3kB02RAM6po” width=”590″ height=”315″]

 

Source : polaroid

 

[CES 2014] Core และ Smartband เทรนด์สายรัดข้อมือใหม่จาก Sony จะตื่นนอน, ถ่ายรูป หรือออกกำลังกายรายงานด้วยแอพ Lifelog

Wassuppp!! ต่อไปนี้ไม่ว่าเราจะทำอะไร เทรนเนอร์ส่วนตัวพร้อมตามเราไปทุกที่ด้วยอุปกรณ์  Core และสายรัดข้อมือ Smartband จากค่าย Sony ซึ่งเปิดตัวไปแล้วในงาน CES 2014 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาและกำลังได้รับความสนใจในวงการคนรักสุขภาพ Fitness & Health เพราะไม่ใช่แค่ช่วยนับก้าว นับเวลา เช็คการเต้นของหัวใจ แต่ต้องตรวจสอบสภาพอากาศ, วางแผน และกำหนดเป้าหมายล่วงหน้าได้ด้วย รวมถึงกิจกรรมยามว่างอื่นๆ!! เช่น ดูวินัยการตื่น การนอน, เช็คตำแหน่งของคุณขณะถ่ายภาพและวิดีโอ เรียกสั้นๆว่า “bookmarking” โดยทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นชื่อว่า Lifelog ผ่านบลูทูธ วิธีการทำงานเพียงกดที่ปุ่มบน Smartband แอพก็จะเริ่มบันทึกทันที หรือกรณีมีสายเรียกเข้าและข้อความเข้ามาสายรัดข้อมือจะสั่นเช่นกัน

 

sony-core (1)
สายรัดข้อมือ smartband และ Core ขอบคุณรูปภาพจาก Sony

 

sony-smartbandd
แอพพลิเคชั่น Lifelog ทำงานร่วมกับ Smartband

 

ภายในงาน Sony ยังได้เผยคอนเสปต์การออกแบบของ Smartband ให้เป็น “24/7 wearable” เพื่อสวมใส่ได้ทุกวัน ประสิทธิภาพกันน้ำสูง และแบตเตอรี่ใช้งานได้ถึง 5 วัน ในส่วนของราคายังไม่ถูกเปิดเผยแต่มีหลุดออกมาให้ทราบกันเบาๆ $135 ซึ่งต้องลุ้นอย่างเป็นทางการต่อไปในไตรมาสนี้

 

photo-520x390
ขอบคุณรูปภาพในงานจาก thenextweb.com

 

มาดูคลิปคอนเสปต์และการใช้งานร่วมกับแอพ Lifelog กันค่ะ

http://www.youtube.com/watch?v=3CMiSK7ENlA

http://www.youtube.com/watch?v=rBtG9OoqBag

ประตูบ้านยุคล้ำต้องล็อคกุญแจ DEAD BOLT ด้วย Okidokeys บนมือถือ

Wassuppp! บ้านที่ใช้ประตูระบบกุญแจล็อค 2 ชั้น ต้องมีลูกกุญแจล็อคจากด้านนอกหรือเรียกว่าระบบ DEAD BOLT (เดทโบล์ท) แบบมาตรฐาน ANSI อาจทำให้มั่นใจว่าจะไม่ลืมลูกกุญแจไว้ในบ้านอย่างแน่นอน แต่ปัญหาคือลืมหรือทำหายนอกบ้านนี่สิ! หุหุ ทางบริษัท OpenWays (ผู้เชี่ยวชาญการใช้สมาร์ทโฟนล็อคประตูในโรงแรมชั้นนำ) จึงได้พัฒนาและแก้ไขปัญหาการใช้งานจนออกมาเป็น OKIDOKEYS อุปกรณ์ล็อคประตูรุ่นใหม่มาตรฐาน AES 256 บิตสำหรับทุกครัวเรือน โดยการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนจะต้องมีอุปกรณ์หลักๆ 2 ชิ้นคือ Smart-Lock สำหรับติดตั้งด้านในประตูและต้องเชื่อมเข้ากับกุญแจ DEAD BOLT พอดี (ราคาพรีออเดอร์ $179) และอุปกรณ์ Smart Phone ที่ติดตั้งแอพพลิเคชั่นเรียบร้อยแล้ว โดยเชื่อมต่อผ่านบลูทูธ 4.0 (LE)
 

1-7-2014 7-27-25 PM
ถึงจะบอกติดตั้งง่ายแค่ลองใช้ไขควงและสกรูไม่กี่นาที แต่ถ้าไม่ชำนาญให้ช่างติดตั้งดีกว่าค่ะ

 

1-7-2014 7-28-35 PM
สั่งปลดล็อคประตูจากด้านนอกผ่านแอพพลิเคชั่นจนขึ้นสัญลักษณ์สีเขียว ส่วน Smart Lock ด้านในจะขึ้นไฟสีเขียวเช่นกัน

 

ตระกูล OKIDOKEYS ยังมีอุปกรณ์อื่นๆอีกมาก ทั้งเคสหน้ากาก Smart-Lock ราคา $19.99 (ทั้งหมด 5 สี หรือจะแต่งเองก็ได้) รวมถึงอุปกรณ์ไม่ง้อสมาร์ทโฟนอย่าง SMART-READER เมื่อเชื่อมต่อบลูทูธจับคู่กับ Smart-Lock แล้วจะสามารถใช้อุปกรณ์อื่นๆปลดล็อคเข้าบ้านได้หลายวิธีมากขึ้น เช่น Smart-Key Card, Smart-Key Wristband, Smart-Key Keychain มีให้เลือกทั้งเด็กและผู้ใหญ่
 

1-7-2014 7-54-58 PM
SMART-READER ดูแล้วติดตั้งง่ายกว่า Smart-Lock มากทีเดียว ราคาเสนอที่ $79 ส่วนอุปกรณ์ปลดล็อคทั้ง 3 แบบราคาอยู่ที่ $25 ถ้าใครอยากเหมาๆเป็นแพ็คเกจก็มีให้เลือกถึง 3 แบบด้วยกัน

 

แอพพลิเคชั่น OKIDOKEYS  ที่จะปล่อยอย่างเป็นทางการสิ้นเดือนนี้สามารถสร้าง, แชร์ หรือยกเลิกคีย์ของสมาชิกภายในบ้าน รวมถึงเพื่อนที่เราเคยเพิ่มเข้ากรุ๊ปได้ด้วย และที่สำคัญเมื่อประตูถูกเปิดออกจะมีการแจ้งเตือนให้ทราบทันที ถือได้ว่าเป็นระบบการรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยมากทีเดียว
 

1-7-2014 8-21-59 PM
OKIDOKEYS รองรับการใช้งานบน iOS, Android และบน PC ทุกที่ทุกเวลา

ขอบคุณข้อมูลจาก redmondpie.com
 

ช่วงนี้ยังเป็นช่วงพรีออเดอร์หากใครสนใจจองก่อนเปิดตัวสิ้นเดือนนี้คลิกที่นี่ได้เลยค่ะ

 

นาฬิกา Pebble SmartWatch เปิดตัวแรงแซงค่ายยักษ์ใหญ่รองรับทั้ง iOS และ Android

Wassuppp! Pebble (เพบเบิล) นาฬิกาล่าฝัน!! ของกลุ่มคนสร้างสรรไอเดียและโปรเจ็คต่างๆเพื่อขอระดมทุนออนไลน์ผ่านเว็บ Kickstarter จนทุบสถิติในรอบปีด้วยทุน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และบลู้มมม..กลายเป็น Pebble Smart Watch 5 สี ดีไซน์เรียบง่าย มีขนาดหน้าจอ 1.26 นิ้ว (LCD) การแสดงผลจะใช้แค่สีขาว-ดำ ทำให้ไม่มีผลกระทบกับการมองเห็นในที่แดดจ้า ถึงแม้จะไม่ใช่หน้าจอระบบสัมผัสแต่ก็มีการพัฒนาต่อเนื่องและเพียงพอต่อความต้องการทำให้ขณะนี้  Pebble ได้รับความนิยมสูงกว่า SmartWatch จากค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Galaxy Gear และ iWatch (ข่าวลือเปิดตัวตุลาคม 2557) โดยสามารถเชื่อมต่อเข้ากับ iPhone หรืออุปกรณ์ที่ใช้ Android ด้วยสัญญาณ Bluetooth สำหรับแจ้งเตือนรายการโทร, ข้อความ, อีเมล์ ฯลฯ ซึ่งมีทีเด็ดอยู่ที่ความอึดของแบตเตอรี่ให้ใช้ได้นานสูงสุด 7 วัน กันน้ำได้ลึกถึง  5 ATM (50 เมตร หรือ 165 ฟุต)

1-2-2014 1-28-23 PM
5 สีโดนๆ (Orange, Cherry Red, Jet Black, Gray และ Arctic White) แต่ที่นิยมสุดคงจะเป็น Jet Black เพราะมีทริกเล็กๆเมื่อพื้นหลังเป็นสีดำและพลาสติกเป็นสีดำทำให้หน้าจอดูกว้างกว่า 1.26 นิ้วขึ้นไปอีก (ควรระวังรอยขีดข่วนที่อาจเกิดขึ้นได้ง่าย มีฟิล์มกันรอยขายเลยทีเดียว)

 

ปุ่มควบคุมจะมีทั้งหมด 4 ปุ่ม เริ่มจากทางด้านซ้าย 1 ปุ่ม เป็นปุ่ม Back ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ และพอร์ตชาร์จไฟ ส่วนทางด้านขวามี 3 ปุ่ม สำหรับเปิดดู menus, apps และ watch faces ในขณะเดียวกันก็เป็นปุ่มเลื่อนขึ้น (up), ปุ่มตกลง (select) และ ปุ่มเลื่อนลง (down)

buttons500
เนื่องจากไม่ใช่ระบบสัมผัสการทำงานจึงควบคุมผ่านปุ่ม 4 ปุ่ม (ซ้าย 1 ขวา 3)

 

การทำงานของ Pebble OS (ชื่อเรียกระบบปฏิบัติการของ Pebble Smart Watch) บน iOS และ Android จะต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ผ่านบลูทูธ และตั้งค่าการทำงานผ่านแอพพลิเคชั่น Pebble โดยมีให้เลือกทั้งหมด 6 หมวดดังนี้

1. Daily
2. Remotes
3. Sports & Fitness
4. Notifications
5. Tools & Utilities
6. Games

Pebble สำหรับ iOS

Pebble สำหรับ Android

pebble_appstore_categories

 

ดูวิธีตั้งค่าบน iOS ได้ที่นี่ค่ะ

 

ดูตัวอย่างการแจ้งเตือน

 

ล่าสุด Pebble OS อัพเดทถึงเวอร์ชั่น 1.14.1 แก้ปัญหาบัคบน iOS และ Android รวมถึงเพิ่มฟีเจอร์อื่นๆ เช่น

-เพิ่มออปชั่นนาฬิกาปลุก ให้ตั้งค่าได้หลายเวลาพร้อมปุ่มเปิดปิดการทำงาน

-เปลี่ยนออปชั่นการแจ้งเตือน เพิ่มโหมด Do Not Disturb (ปิดการรบกวน) เลือกตั้งค่าแจ้งเตือนเฉพาะเบอร์โทร หรือจะปิดการแจ้งเตือนไปเลยก็ได้

-แก้ปัญหาการเชื่อมต่อล่าช้าบน iPhone เช่น ปิดการเชื่อมต่อขณะเปิด Airplane Mode ก็จะเชื่อมต่อให้ทันทีหลังเปิดใช้งานตามปกติอีกครั้ง

-แก้ปัญหาการแสดงเบอร์โทรผิดพลาด รวมถึงการเชื่อมต่อบลูทูธ และอื่นๆ

 

Pebble1-14-1-2
วิธีการอัพเดทให้เปิดแอพพลิเคชั่น Pebble ขึ้นมา แตะปุ่ม Status ตรงกลาง (รูปสายฟ้า) แตะปุ่ม Software updates available แล้วแตะ Update Now สำหรับเครื่องเจลเบรคให้ติดตั้งทวีค Smartwatch Pro ใน Cydia เพิ่มเติม

 

Screen-Shot-2013-11-16-at-12.13.51-1
ตัวอย่างหน้าจอ Pebble Card

 

ดูวิธีตั้งค่าการแจ้งเตือนบน iOS 7

 

แอพพลิเคชั่นล่าสุดบน iOS สำหรับ Pebble ก็คือ PBDirection ราคา $0.99 เพิ่มความสะดวกในการนำทางและแจ้งเตือนจุดเลี้ยวก่อนถึงเป้าหมายอย่างแม่นยำ

pbdirection_pebble_hero
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก iMore (หน้าจอจะต้องเปิดไว้ตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นต้องดูบนหน้าจอมือถือแทน)

 

นอกจากการนำทางแล้วยังมีข่าวดังที่รถหรูอย่าง Mercedes-Benz ประกาศร่วมมือกับทีม Pebble เพื่อใช้ Pebble Smart Watch แจ้งเตือนสภาพรถก่อนและหลังขับขี่ เช่น เช็คระดับน้ำมัน, สถานะการล็อคประตู รวมถึงการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ด้วยเทคโนโลยี V2V เช่น รายงานการเกิดอุบัติเหตุ, มีการก่อสร้างถนน, รายงานสภาพการจราจร เป็นต้น (ถ้าซื้อเบนซ์ได้แค่นาฬิกาสี่พันกว่าบาทจิ๊บๆสินะ!)

159723-1280

 

 

สนใจสั่งซื้อ Pebble Smart Watch แบบออนไลน์ด้วยบัตรเครดิตได้ที่นี่ ราคาเบาๆ $150 ฟรีค่าจัดส่ง (แต่ยังไม่รวมภาษีนะจ๊ะ รวมทั้งหมดแล้วเกือบ 6,000 บาท..อุ๊ปส์!!)

1-2-2014 3-29-29 PM
ให้ส่งมาที่เมืองไทยแตะ REST OF WORLD กรอกอีเมล์ เลือกสีและเพิ่มจำนวนที่ต้องการซื้อ กรอกที่อยู่และข้อมูลบัตรเครดิต เสร็จแล้วแตะ Place Order

 

ขอบคุณข้อมูลจาก appadvice.com

[Sale] Micro Drone 2.0 คอปเตอร์จิ๋ว ติดกล้องวิดีโอ บินพลิกได้รอบด้าน 360 องศา

redesign_drone_mainframe_630x473
ของเล่นชิ้นหนึ่งที่ชาวสาวก Gadget จะต้องเล็งไว้เป็น 1 ใน 10 คือเจ้าคอปเตอร์จิ๋วหรือหลายคนเรียกมันว่า Drone ซึ่งเป็นอากาศยานขนาดจิ๋วไร้คนขับ 4 ใบพัด โดยในรุ่น Micro Drone 2.0 ที่กำลังลดราคาถึง 49 % อยู่ในขณะนี้ จะมาพร้อมชุดกล้องที่สามารถประกอบเข้าได้ในตัว สามารถบันทึกวิดีโอลงใน Micro SD Card และสามารถใส่ Wi-Fi SD Card เพื่อสตรีมมิ่งวิดีโอมายัง iPhone ได้อีกด้วย แต่ความเจ๋งของมันไม่หยุดเพียงแค่นี้ เพราะ Micro Drone 2.0 สามารถบินพลิกกลับด้านได้ 360 องศา นอกจากนี้ยังสามารถแปะติดกับผนังกระจกแล้วเริ่มออกบินในแนวตะแคงได้อีกด้วย (ดูคลิปวินาทีที่ 0.41 ) สุดยอดเลยจริงๆ

 

 

คุณสมบัติ
• ชาร์จแบตผ่านสาย USB
• รัศมีครอบคลุม 400 ฟุต (120 ม.)
• ความถี่ 2.4 GHz
• โปรแกรมรองรับการควบคุมการบินได้ 360 องศา
• ควบคุมด้วยรีโมทคอนโทรล
• มี 4 ใบพัด
• พร้อมชุดโมดูลกล้อง

redesign_main2

redesign_main1

 

หากเพื่อนๆ คนไหนสนใจตอนนี้เว็บไซต์ Culf of mac ได้ดีลมาในราคาพิเศษเพียง 64.99 $ ลองซื้อมาเล่นกันได้ครับ เพียง 5 วันนับจากนี้เท่านั้นนะ ว่าแล้วก็อยากจะลองจัดมาสักลำเหมือนกันนะ

เข้าไปสั่งกันได้ที่ deals.cultofmac.com

 

[Sneak Preview] Sony Hi-Resolution Audio จัดเต็มหูฟังระดับเทพ และ Walkman ระบบ Android

โซนี่ ไทย รุกตลาดหูฟังคุณภาพระดับ Hi-Resolution Audio ด้วยการเปิดตัวหูฟัง เครื่องเล่นเพลงพกพา Walkman และ แอมปลิฟายเออร์แบบพกพก เรียกว่าจัดเต็มสำหรับพวกหูเทพ หูทอง ที่หลงไหลในการฟังเพลงที่มีคุณภาพสูงระดับ Hi-Res Audio ที่มีความละเอียดเสียงสูงกว่าซีดีเพลงทั่วไป ตั้งแต่ 3-8 เท่า ซึ่งภายในงานนี้ได้มีการเปิดตัวสินค้าหลากหลายรุ่นตามไปดูกันเลยดีกว่าครับ

 

เริ่มต้นกันที่ภาพประวัติศาสตร์ของเครื่องเล่น Walkman ซึ่งทำให้ใครหลายคนย้อนนึกถึงอดีตที่รุ่งเรืองของ Sony Walkman ที่เป็น Sound About ไว้เล่นเพลงจากเทปคลาสเซ็ท พกพาไปไหนมาไหนได้ จนกลายเป็นอารยธรรมโซนี่ที่จดจำกัน เชื่อว่าหากใครที่ตอนนี้อายุ 30 กว่าๆ คงจะเคยได้สัมผัสอารยธรรมนี้ในช่วงวัยรุ่นมาแล้วอย่างแน่นอน…555 แต่แล้วด้วยวิวัฒนาการของเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปเรื่อยๆ จาก เทป > ซีดี > MD > MP3 > SmartPhone > จนมาถึง HRA (Hi-Res Audio) ในปัจจุบัน

Sony-hi-res-audio-01

 

ความละเอียดของเสียงระดับ Hi-Res อยู่ที่ 192 kHz 24 bit ส่วน MP 3 จะมีความละเอียดเพียง 44.1 kHz 16 bit เท่านั้น ซึ่งถึงแม้ในแง่วิทยาศาสตร์จะบอกว่าหูของเราไม่สามารถได้ยินย่านความถี่เสียงระดับ Hi-Res ได้ แต่ในแง่ของความรู้สึกมนุษย์สามารถสัมผัสได้ เช่นบรรยากาศของคอนเสิร์ต หรือเสียงลมหายใจของนักร้อง (จะว่าเว่อร์อะไรจะขนาดนั้นก็ได้นะ แต่มันรู้สึกได้จริงๆ)

Sony-hi-res-audio-02

 

ผู้ให้บริการเพลงความละเอียดสูงมีเพิ่มขึ้นอย่างมากมายในปัจจุบัน เนื่องจากอินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้น และฮาร์ดดิสก์มีราคาถูกลง จึงทำให้ธุรกิจนี้เติบโตขึ้นมาก

Sony-hi-res-audio-03

 

เอาล่ะครับเริ่มต้นกันที่หูฟังระดับไฮเอ็นในซีรีส์ MDR-1RMK2 Series ซึ่งมีมาด้วยกัน 3 รุ่น โดย 2 รุ่นแรกจะรองรับระดับเสียงแบบ Hi-Res มีทั้งแบบสาย และแบบบลูทูธ ส่วนรุ่นสุดท้าย (MDR-1RNCMK2) จะไม่รองรับ Hi-Res แต่เน้นที่ระบบลดเสียงรบกวน Noise Cancelling

Sony-hi-res-audio-04

 

ชม MDR-1RMK2 ตัวเป็นๆ มี 2 สี คือ ดำ กับสีใหม่ น้ำตาลเงิน รุ่นนี้มาพร้อม Driver ขนาด 40 มม. รองรับความถี่เสียงตั้งแต่ 4-80,000 Hz

Sony-hi-res-audio-08

Sony-hi-res-audio-09

Sony-hi-res-audio-10

 

โดดเด่นด้วยสายที่สามารถถอดออกได้ เืพื่อความต้องการที่มากกว่าสำหรับคนที่อยากใช้สายคุณภาพพิเศษมากกว่านี้ ส่วนสายในเซ็ตที่ให้มาจะยาว 3 ม.

Sony-hi-res-audio-11

 

สำหรับสาวกสมาร์ทโฟนที่ต้องการคุณภาพเสียงขั้นเทพ ก็มีรุ่นนี้ไว้รองรับ MDR-1RBT MK2 คุณสมบัติเดียวกับกันรุ่นมีสาย เพียงแต่เชื่อมต่อบลูทูธได้พร้อม Pairing ง่ายๆ ผ่าน NFC มีปุ่มรับสายโทรออก

Sony-hi-res-audio-12

 

ด้านหูฟังแบบ in ear ก็ไม่ได้ยอมแพ้ โดยโซนี่ได้ส่งเรือธง XBA-H3 ที่รองรับ Hi-Res Audio ออกมาเช่นเดียวกัน โดยเป็นหูฟังแบบไฮบริดที่มีไดรเวอร์ฺ 2 แบบในตัวเดียวกัน ทั้ง Dynamic Drivers และ Balanced Armature Drivers ที่ให้มิติรายละเอียดเสียงคมชัด และพลังขับย่านเสียงต่ำได้อย่างทรงพลังยิ่งขึ้น สนนราคา 9,900 บ. 

Sony-hi-res-audio-16

 

โดยในไลน์อัพของรุ่น XBA-H Series มีทั้งหมด 3 รุ่น โดย XBA-H3 จะเป็นตัว Top ส่วนอีก 2 รุ่น XBA-H2 (ราคา 7,490 บ.) และ XBA-H1 (4,490 บ.) จะไม่รองรับ Hi-Res Audio นอกจากนี้ยังออกแบบให้สามารถถอดสายเปลี่ยนได้เช่นกัน ยกเว้นรุ่น XBA-H1 ถอดเปลี่ยนไม่ได้

Sony-hi-res-audio-06

 

เอาใจคนหูเทพ หูทองแบบจัดเต็ัมกับแอมปลิฟายเออร์พกพารุ่น PHA-2 เพื่อใช้คู่กับหูฟังคุณภาพ ที่รองรับคุณภาพเสียง Hi-Res Audio รองรับการเชื่อมต่อกับ Walkman รุ่นล่าสุด NW-F880 และ NW-ZX1 รวมถึงอุปกรณ์ iOS อย่าง iPhone, iPad, iPod Touch โดยตัวเครื่องทำจากซิงค์อัลลอย พร้อมตัวซับสัญญาณรบกวนจากภายนอก แบตเตอรี่ในต้ว ใช้งานได้นาน 17 ชั่วโมงเมื่อเชื่อมต่อแบบอะนาลอก หรือ 6.5 ชั่วโมงเมื่อเชื่อมต่อแบบดิจิตอล สนนราคา 21,990 บ.

Sony-hi-res-audio-15

 

โฉมหน้าของ Walkman รุ่นใหม่ล่าสุด NW-F880 ที่รองรับ Hi-Res Audio โดยเฉพาะ ด้วยความละเอียดเหนือกว่าซีดีทั่วไป ที่ 192 kHz/24bit หน้าจอสัมผัสขนาด 4 นิ้ว แบบ Triluminos Display for Mobile นอกจากนี้ยังมี NFC เพื่อใช้งานเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ที่รองรับ NFC ได้ด้วย มาพร้ิอมระบบปฏิบัติการ Android 4.1 ฟังเพลง MP3 ได้ต่อเนื่อง 35 ชั่วโมง และฟังเพลงแบบ Hi-Res Audio (99kHz/24bit) ได้นาน 26 ชั่วโมง วางขายปลายเดือน พฤศจิกายนนี้ สนนราคา 10,590 บ.

Sony-hi-res-audio-17

 

Sony-hi-res-audio-18

 

Sony-hi-res-audio-19

 

สำหรับรุ่นนี้เป็นตัวเรือธงของ Walkman เลยล่ะครับกับ NW-ZX1 มาพร้อมความจุ 128 GB ดีไซน์ล้ำด้วยวัสดุอะลูมิเนียมแบบชิ้นเดียว หน้าจอสัมผัสแบบ Triluminos Display for Mobile ความละเอียด 854×480 ขนาด 4 นิ้ว รองรับ Hi-Res Audio (192 kHz 24 bit) และเชื่อมต่อใช้งานได้ทั้งแบบ Wi-Fi และ Bluetooth รวมถึงรองรับการ Pairing ด้วย NFC อีกด้วย ส่วนระบบปฏิบัติการเป็น Android 4.1 และมีพอร์ตเชื่อมต่อเฉพาะ (WM-Port) รองรับกับ USB Audio สามารถเชื่อมต่อกับเครื่อง DAC/แอปม์พกพาของโซนี่ PHA-2 ได้ โดยมีกำหนดวางจำหน่ายเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ราคายังไม่กำหนด

Sony-hi-res-audio-13

 

ดีไซน์ด้านหลังเป็นพลาสิกลายหนัง

Sony-hi-res-audio-14

 

ปุ่มควบคุมด้านข้างตัวเครื่องเป็นอลูมิเนียมทั้งหมด ดูหรูหราไฮโซ จนน่าจะมีัฟังก์ชั่นโทรศัพท์ให้มาด้วยเลยจริงๆ อิอิอิ

Sony-hi-res-audio-20
และนี้คือน้ำจิ้มที่มายั่วน้ำลายให้กับชาว Oops!Mobile ก็ก่อน ไว้ผมได้ตัวจริงมาทดสอบเมื่อไร จะจัดหนักให้เลยนะครับท่านผู้ชม…

[Sneak Preview] Nikon DF กล้อง DSLR Full Frame ในดีไซน์ Retro ได้ใจฝุดๆ

เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 56 ที่ผ่านมา นิคอน ได้เผยโฉมกล้องดิจิตอลรุ่นใหม่ล่าสุด ที่เป็นกล้อง DSLR แบบ FullFrame  รุ่น Df ที่เน้นดีไซน์ย้อนยุคเหมือนกล้องฟิล์มรุ่น F3 ในสมัยก่อน (ยุคเจน Y จะรู้จักมั้ยนะ) ทำให้หลายคนหวนย้อนนึกถึงอดีตของความคลาสิกในการถ่ายภาพกล้องฟิล์มขึ้นมาทันที แต่วันนี้มันมาอยู่ในรูปแบบของกล้องดิจิตอลซึ่งจัดเต็มคุณภาพระดับเทพอีกด้วย ส่วนจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น วันนี้เรามีัแขกรับเชิญพิเศษ… น้า Thaksa ผู้ที่ฝากผลงานการทดสอบ รีวิว และสอนเทคนิคขั้นเทพ ในการถ่ายภาพ ให้กับสาวกนิคอนไว้มากมายบนบอร์ด Pantip มาทำหน้าที่เป็นผู้สื่อข่าวให้กับ OopsMobile ในงานนี้อีกด้วย แถมท้ายน้ายังตัดต่อวิดีโอฟีเจอร์เด็ดๆ ของ Nikon DF มาให้ดูแบบเข้าใจกันง่ายๆ อีกด้วย ลองติดตามกันได้เลยครับ

เริ่มต้นกันที่ความหมายของชื่อรุ่นนี้กันก่อนเลย โดย D ย่อมาจาก D Series ซึ่งหมายถึง Design ส่วน f คือ fusion คือการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว หรืออีกนัยหนึ่งคือ เป็นการนำดีไซน์ของกล้องฟิล์มรุ่น F3 มาทำเป็นกล้องดิจิตอลนั่นเอง

Nikon_Df_10

 

Nikon DF ถือเป็นกล้องนิคอนแบบฟูลเฟรมที่เล็กและเบาที่สุด ด้วยขนาดตัวกล้อง 143.5 x 110 x 66.5 มม. น้ำหนักเพียง 710 กรัม นอกจากนี้ยังมาพร้อมแป้นกลไกควบคุม ทำด้วยโลหะขนาดใหญ่ด้านบนของตัวกล้องช่วยให้การปรับตั้งค่าต่างๆ สะดวกรวดเร็ว

Nikon_Df_11

 

การปรับปุ่มฟังก์ชั่นต่างๆ ให้อารมณ์แบบกล้องฟิล์มในสมัยก่อน คลาสิคได้ใจจริงๆ ทั้งวงแหวนปรับความไวชัตเตอร์, วงล้อปรับรูรับแสง, ปุ่มปรับ ISO และชดเชยแสง นอกจากนี้กริปจับก็เป็นหนังจับแบบที่ช่างภาพสมัยก่อนคุ้นเคยกันดี

Nikon_Df_12

 

ส่วนของช่องมองภาพ เป็นแบบ Optic มองผ่านเลนส์ได้โดยตรง ให้มุมมอง 100%  โดยช่องมองจะมีแป้นเป็นวงกลม รองรับอัตราการขยายได้ 0.7x (เมื่อใส่เลนส์ 50mm)  ส่วนหน้าจอ LCD ขนาด 3.2 นิ้ว ความละเีอียด 921,000 จุด

Nikon_Df_13

 

มาพร้อมเซ็นเซอร์วัดแสง 2,016 pixel RGB และ Scene Recognition System และระบบโฟกัสอัตโนมัติ 39 จุด และ 7 จุด เมื่อใช้เลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างสุด f/8

Nikon_Df_14
ส่วนของอุปกรณ์เิสริมมีมาให้แบบจัดเต็ม

Nikon_Df_15

Nikon_Df_16

 

Nikon Df มาพร้อม เซนเซอร์ FX-format CMOS ความละเอียด 16.2 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์แบบ Full Frame (เซ็นเซอร์ขนาดเท่าฟิล์ม 35 มม.) และระบบประมวลผลภาพ EXPEED 3 เช่นเดียวกับกล้องรุ่นโปรอย่าง D4 เลยทีเดียว รองรับ ISO100 ไปจนถึง ISO12800 และยังสามารถรองรับช่วงขยายเพิ่มเติมตั้งแต่ ISO 50 ไปจนถึง ISO 204800 จะวางจำหน่ายปลายเดือน พฤศจิกายนนี้ ส่วนราคาเบื้องต้นอยู่ที่ $2,749.95 หรือประมาณ 86,000 บาท (เฉพาะบอดี้) *ราคาในเมืองไทยยังไม่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ

Nikon_Df_18

 

เอาล่ะครับมาดูภาพตัวเป็นๆ ของเจ้า Nikon Df กันเลย อยู่ในมือแล้วหล่อเลยทีเดียว

Nikon_Df_03

Nikon_Df_07

Nikon_Df_06

Nikon_Df_05

 

เปรียบเทียบ ขนาด D4 กับ Df

Nikon_Df_01

 

เทียบ เลนส์ 50 1.8G ยุคเก่า (ซ้าย) กับ ปัจจุบัน (ขวา)

Nikon_Df_02

 

บอดี้สีเงินสุดคลาสิค สังเกตปุ่มต่างๆ และกระโหลกที่ด้านบน เรโทรได้ใจจุงเบย

Nikon_Df_31

 

กริปจับหนัง สุดคลาสิค ปุ่มต่างๆ ด้านข้างเลนส์เมาท์ เป็นโลหะทั้งหมด

Nikon_Df_30

Nikon_Df_28
ปุ่มปรับโหมดต้องดึงขั้นเพื่อก่อนถึงจะปรับได้ ส่วนปุ่มปรับค่าอื่นๆ ต้องกดลงเพื่อปลดล็อคก่อนทุกครั้ง

Nikon_Df_33

 

จอ LCD แสดงสถานะ จะมีขนาดเล็กลงจากกล้องรุ่นอื่นๆ พร้อมไฟ Back Light เป็น สีขาว ไม่ใช่สีเขียวเหมือนรุ่นก่อนๆ

Nikon_Df_32
ปุ่มด้านหลังยังคงเตรียมมาให้ครบครันเหมือนอย่างเคย ใครที่เป็นสาวกอยู่แล้วก็ไม่ต้องเรียนรู้ใหม่มากนัก

Nikon_Df_20

 

ช่องเชื่อมต่ิอมีทั้ง USB, HDMI และ ช่องต่อรีโมทคอนโทรล มาให้ด้วย

Nikon_Df_23

 

ปุ่มวงแหวนทางด้านซ้ายไว้สำหรับปรับค่าชดเชยแสง และ ISO

Nikon_Df_22

 

ด้านขวาจะมีปุ่มปรับสปีดชัตเตอร์ ปุ่มชัตเตอร์ และปุ่มปรับโหมด P, S, A, M

Nikon_Df_21

 

ช่องใส่แบตฯ ใส่ SD Card อยู่ในช่องเดียวกัน

Nikon_Df_25

 

Specification Nikon Df

Spec_Nikon_DF_01

Spec_Nikon_DF_02

Spec_Nikon_DF_03

 

ชมคลิปวิดีโอจุดเด่นต่างๆ ของ Nikon Df

[youtube link=” http://youtu.be/Ow1AkRNN5dU” width=”590″ height=”315″]

 

จุดเด่น

• เป็นกล้องระดับ Full Frame ที่น้ำหนักเบาที่สุดของนิคอน

• ดีไซส์โดดเด่นในสไตล์คลาสิค

• ความละเอียด 16.2 ล้านพิกเซล เท่ากับ D4

• สามารถใช้เลนส์ตัวเก่าได้หมด

• ชุดประมวลผลภาพ Expeed 3 เท่ากับ D4

 

จุดด้อย

• ไม่รองรับการถ่ายวิดีโอ

• ไม่มีแฟลชในตัว

• ปุ่มวงแหวนควบคุมใช้ยาก ต้องปลดล็อคก่อนหมุนทุกครั้ง ส่วนปุ่มเปลี่ยนโหมด ก็ต้องดึงขึ้นมาถึงจะหมุนเปลี่ยนโหมดได้

• ให้สปีดชัตเตอร์มาน้อยไปนิดแค่ 1/4000
 
Many Thank : Thaksa
 

Preview เคส Uniq iPhone 5s / 5c พร้อมวางจำน่ายเร็วๆ นี้

Uniq ถือเป็นแบรนด์ที่ผลิตเคสมือถือชื่อดัีงจากประเทศสิงคโปร์ โดยจุดเด่นของเคสแบรนด์นี้คือการนำดีไซน์เนอร์จากทั่วโลกมาออกแบบ โดยมีเหล่าเซเล็ปต่างๆ นิยมเลือกใช้ โดยในเมืองไทยมียอดขายไปแล้วกว่า 200,000 ชิ้น โดยเร็วๆ นี้จะมีเคสสำหรับ iPhone 5s และ iPhone 5c วางจำหน่ายอย่างแน่นอน ลองไปดูกันว่าแต่ละซีรี่ส์จะสวยงามขนาดไหนกัน
 

Uniq_case_5s_5c_03
ซีรี่ส์ march

 

Uniq_case_5s_5c_02
ซีรี่ส์ muse

 

Uniq_case_5s_5c_01
ซีรี่ส์ Porte

 

Uniq_case_5s_5c_04
ซีรี่ส์ Homme

 

นอกจากนี้ Uniq ยังมีเคสสำหรับแท็บเล็ต และสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ อีกด้วยไม่้ว่าจะเป็น Samsung Galaxy Smartphone หรือแท็บเล็ตรุ่นต่างๆ โดยมีวางจำหน่ายตามร้าน iStudio ทุกสาขา

 

เตรียมพบ Line บน Galaxy Gear พร้อมวางจำหน่ายในไทย ตุลาคมนี้

Line-galaxy-gear

หลังจากที่มีการเปิดตัว Galaxy Gear ไปเมื่อวันที่ 4 ก.ย. ในงาน IFA 2013 ที่ผ่านมา ล่าสุด Line ได้ประกาศเตรียมพร้ัอมส่งแอพติดตั้งลงบน Galaxy Gear เพื่อให้สามารถอ่านข้อความ หรือโทรออกจาก Galaxy Gear ได้โดยตรงอีกด้วย แต่ที่น่าตื่นเต้นไปกว่านั้นคือ Line ยืนยันว่า Galaxy Gear จะพร้อมวางขายในประเทศไทยในตุลาคมนี้ แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นช่วงไหน ฉะนั้นเป็นไปได้ว่า Galaxy Note 3 ก็อาจจะมาพร้อมในเวลาเดียวกันนี้อีกด้วย

ในส่วนของฟีเจอร์ Line ที่รองรับบน Galaxy Gear มีดังนี้
??สามารถใช้ฟีเจอร์โทรฟรี เพื่อโทรผ่านไลน์จาก Galaxy Gear ได้
??ดูแชทที่สนทนาค้างไว้
? ส่งสติกเกอร์
? แสดงข้อความแจ้งเตือนเมื่อมีข้อความที่ส่งมาใหม่

01?06_02

02_02?02_03

แต่ในส่วนของการพิมพ์ข้อความตอบกลับในแชทนั้น จะไม่สามารถทำได้บนตัว Galaxy Gear เนื่องจากหน้าจอคงเล็กไปไม่เหมาะสำหรับการพิมพ์ แ่ต่ยอมให้ส่งสติ๊กเกอร์โต้ตอบกลับไปได้ เชื่อว่าต่อไป Line คงออกแบบสติ๊กเกอร์เพิ่มเติมให้เหมาะกับการใช้งานบน Galaxy Gear มาดูดเงินจากพวกเราอีกเป็นแน่

สำหรับ Line เวอร์ชั่นบน Galaxy Gear อาจจะใช้ชื่อแอพว่า LINE WATCH MANAGER ซึ่งผู้ใช้จะต้องดาวน์โหลดมาติดตั้งใน Galaxy Gear ด้วย แล้วจึงเชื่อมต่อ Line ร่วมกับ Galaxy Smartphone ซึ่งก็จะผูกกับแอคเคาท์เดิมของเรา โดยที่ LINE WATCH MANAGER จะไม่สามารถใช้สมัครแอคเคาท์ใหม่ได้

ว่าแล้วก็เตรียมเงินในกระเป๋าไว้ให้พร้อม ได้วันที่แน่ชัดเมื่อไร ทางเราจะแจ้งอัพเดทให้ทราบกันอีกทีนะครับ

แอลจี ด็อกกิ้ง สปีคเกอร์ ND8530 คุณภาพเสียงเหนือระดับ ดีไซน์สวยสะกดสายตา

LG ND8530
บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำด็อกกิ้ง สปีคเกอร์ รุ่น ND8530 โดดเด่นด้วยคุณภาพเสียงเหนือระดับ และดีไซน์เรียบหรู ทันสมัย มาพร้อมฟังก์ชั่นอัจฉริยะ มอบสุนทรีย์แห่งเสียงเพลงทุกรูปแบบได้อย่างเต็มอรรถรส

แอลจี ด็อกกิ้ง สปีคเกอร์ รุ่น ND8530 อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ได้เชื่อมต่อคอนเทนต์กับอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย อาทิ iPad และ iPod รวมถึงสมาร์ทโฟนที่รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android พร้อมสามารถเชื่อมต่อบลูทูธ สำหรับการสตรีมเพลงไร้สายจากสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตและแล็ปทอป นอกจากนี้ยังมีช่องต่อ USB ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถทำกิจกรรมอื่นบนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้อย่างสะดวกสบาย อาทิ สามารถรับฟังเพลงพร้อมกับชาร์จแบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟน หรือเพลิดเพลินกับการเล่นเกมบนสมาร์ทโฟนได้ในเวลาเดียวกัน

medium04

แอลจี ด็อกกิ้ง สปีคเกอร์ รุ่น ND8530 นี้ มอบพลังเสียง 80 วัตต์ ให้คุณภาพเสียงทรงพลังเมื่อเทียบกับขนาดที่กำลังพอเหมาะ หากผู้ใช้ต้องการฟังเพลงสบายๆ ระบบ Dynamic Loudness จะช่วยควบคุมระดับเสียงเบสและเสียงแหลมให้สมดุลแม้ขณะเปิดเสียงเบาที่สุด นอกจากนี้ ฟีเจอร์เข้ารหัสเสียง apt-X ยังสามารถปรับโทนเสียงให้ชัดใส มีชีวิตชีวา เมื่อเล่นเพลงที่สตรีมผ่านบลูทูธ โดยยังคงรักษาคุณภาพของต้นฉบับไว้

แอลจี ด็อกกิ้ง สปีคเกอร์ รุ่น ND8530 มีดีไซน์ที่โดดเด่น ล้ำสมัย เรียบหรูด้วยสีขาว พื้นผิวสัมผัสแบบเมทัลลิค พร้อม Mood Lamp แสงแบบซอฟท์โทนที่ผู้ใช้สามารถปรับระดับแสงได้ตามความต้องการ ช่วยสร้างบรรยากาศและเพิ่มอรรถรสในการฟังเพลงมากยิ่งขึ้น

medium02

แอลจี ด็อกกิ้ง สปีคเกอร์ รุ่น ND8530 มีวางจำหน่ายแล้วในราคา 9,990 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลแอลจี 0-2878-5757 หรือ www.lg.com/th

คุณสมบัติผลิตภัณฑ์รุ่น ND8530
? พลังเสียง 80 วัตต์ ระบบ 2 แชนแนล
? ดีไซน์ทรงกระบอกสีขาวเมทัลลิค (450 x 228 x 227 มม.)
? ด็อกกิ้งสองพอร์ตรองรับอุปกรณ์ระบบ iOS (พอร์ต Lightning) และ Android (Micro USB)
? Direct Dock และฟังก์ชั่น Playback รองรับอุปกรณ์ระบบ iOS และ Android (Jelly Bean)
? บลูทูธ (เวอร์ชั่น 3.0) และ ฟังก์ชั่น NFC (Tag On) สำหรับการเชื่อมต่อบลูทูธ
? ชาร์จแบตเตอรี่พร้อมกับฟังเพลงด้วยพอร์ต USB สำหรับอุปกรณ์ระบบ iOS และ Android
– ฟังเพลง: ตัวเชื่อม 30 พินและ 8 พินสำหรับอุปกรณ์ระบบ iOS (iPod / iPhone / iPad)
– ชาร์จแบตเตอรี่: อุปกรณ์ระบบ iOS และ Android (iPhone / iPod)
? ตัวเข้ารหัสเสียง apt-X และระบบ Dynamic Loudness
? Mood Lamp ปรับแสงได้ตามชอบ
? รองรับสัญญาณเสียงผ่านช่องต่อ Portable-in