Features – Page 3 – Thorakhong

จับกระแส Smartwatch เทรนด์ใหม่มาแรง ปี 2014

เทคโนโลยีใหม่ๆ ได้พัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันอุปกรณ์แบบสวมใส่นาฬิกาข้อมือ Smartwatch ก็เริ่มมีบทบาทมากขึ้น สำหรับนาฬิกาข้อมือไฮเทคนั้นเป็นการนำเอาเทคโนโลยีบนมือถือ มาพัฒนาและออกแบบให้เป็นผลิตภัณฑ์ขนาดเล็กเหมือนนาฬิกาข้อมือ Smartwatch ที่แสนชาญฉลาด

Smartwatch นาฬิกาข้อมือไฮเทคอาจจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายและใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น และยังคงเป็นกระแสร้อนแรงกันอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ล่าสุดก็ได้มีข่าวการเปิดตัวนาฬิกาข้อมือ Smartwatch อุปกรณ์แบบสวมใส่ ให้ได้ติดตามกันหลายรุ่น มีทั้งที่เปิดตัววางจำหน่ายไปแล้ว หรือบางรุ่นก็เป็นเพียงข่าวลือที่หลุดออกมาจากค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ ทั้ง Samsung, Apple, Google, Sony

สำหรับอุปกรณ์ Smartwatch นาฬิกาอัจฉริยะ ไม่ได้เป็นเพียงแค่นาฬิกาดูเวลาเท่านั้น แต่มาพร้อมคุณสมบัติการทำงานที่ใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนเลยทีเดียว โดยใช้งานได้ทั้งการสนทนาโทรศัพท์และวิดีโอสนทนา และใช้ในการกล้องถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอ มีระบบการแจ้งเตือน นอกจากนี้ยังใช้เป็นอุปกรณ์เพื่อสุขภาพและออกกำลังกาย และการใช้งานอื่นๆ ทางเราได้รวบรวมนาฬิกาข้อมือไฮเทค มีของค่ายไหนบ้างที่น่าสนใจบ้างมาดูกันเลย

Samsung Galaxy Gear

Samsung Galaxy Gear รุ่นแรกเปิดตัวเมื่อปลายปี 2013 คู่หูข้างกายของ Galaxy Note 3 ได้รับตอบรับจากผู้ใช้งานมากมาย จนเป็นกระแสฮิตชั่วข้ามคืน ล่าสุดมีรายงานข่าวว่าจะมีการเปิดตัว Galaxy Gear รุ่น 2 ในงาน MWC 2014 นี้ รายงานข่าวแจ้งมาว่า เครื่องรุ่นใหม่จะมีให้เลือก 2 แบบ คือ Galaxy Gear 2 และ Galaxy Gear 2 Neo รุ่นหลังนี้จะเป็นรุ่นราคาถูก โดยทั้งสองรุ่นจะติดตั้งระบบปฏิบัติการ Tizen มีฟังก์ชั่นการใช้งานกับมือถือ สามารถสั่งการด้วยเสียง S Voice เล่น LINE ได้ และยังมีคุณสมบัติอื่นๆ อีกมาก เปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายทั่วโลกในเดือนเมษายนนี้

Apple iWatch

iWatch อาจจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ปลุกกระแสอุปกรณ์ smartwatch เลยก็ว่าได้ โดยมีข่าวลือออกมาให้เห็นตั้งแต่ต้นปี 2013 ว่าแอปเปิลจะออกวางจำหน่ายอุปกรณ์ smartwatch จนถึงบัดนี้ ก็ยังไม่มีข่าวการเปิดตัวอุปกรณ์ชนิดนี้ แต่ก็ยังคงมีข่าวลือออกมายั่วน้ำลายสาวกแอปเปิลกันอยู่เลื่อนๆ ในข่าวรายงานว่าช่วงเดือนมิถุนายนปีนี้จะมีการเปิดตัว iWatch ที่งาน WWDC ประจำปีของแอปเปิล แต่ก็คงต้องรอลุ้นกันต่อไป

Google Smartwatch

กูเกิลขอเกาะกระแสความฮิตด้วยการส่ง Google Smartwatch นาฬิกาอัจฉริยะออกมาบ้าง ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือออกมาว่ากูเกิลวางแผนจะผลิตสินค้าแบบสวมใส่นาฬิกาข้อมือไฮเทค ในข่าวยังรายงานอีกว่าอุปกรณ์จะติดตั้งระบบปฏิบัติการ Android 4.4 KitKat คุณสมบัติเด่นที่กูเกิลจะนำมาใส่ไว้ในนาฬิกาไฮเทคนั้นคือจะสามารถสั่งควบคุมการทำงานด้วยเสียง ส่วนสเปคเครื่องยังไม่มีรายงานข่าวออกมาอย่างเป็นทางการ สำหรับบริษัทที่ได้เป็นผลิตอุปกรณ์ให้กับกูเกิลนั้นอาจจะไม่ใช่บริษัท Motorola โดยกูเกิลจะผลักดันให้ออกวางจำหน่ายในปี 2014 นี้ ซึ่งโมโตโรล่าอาจจะผลิตออกมาช้าเกินไป กูเกิลอาจจะโอนไปให้บริษัท HTC เป็นผู้ผลิตก็ได้ ทั้งหมดเป็นเพียงข่าวลือออกมาเท่านั้นข้อมูลบางอย่างอาจเปลี่ยนแปลงได้

Sony Smartwatch 2

Sony Smartwatch 2 เป็นความพยายามอีกครั้งสำหรับค่ายโซนี่ ในการพัฒนานาฬิกาข้อมือไฮเทค ซึ่งจะเป็นอุปกรณ์ที่นำมาเป็นอุปกรณ์เสริมการใช้งานของมือถือของโซนี่ แต่หากตัดขาดออกจากมือถืออาจจะทำให้ไม่สามารถใช้งานอื่นๆ ได้ (อาจเป็นเพียงนาฬิกาบอกเวลาเท่านั้น) โดยอุปกรณ์จะติดตั้งระบบปฏิบัติการ Android 4.0 (Ice Cream Sandwich) หน้าจอ 1.6 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอที่ 220 x 176 พิกเซล หน้าจอแสดงตัวเลขบอกเวลาอยู่เสมอ ตัวเครื่องสีดำ ส่วนสายรัดทำจากพลาสติกมีให้เลือก 5 สี ดำ, ชมพู, ม่วง, ฟ้าคราม และเหลือง

Pine Smartwatch

Pine Smartwatch ได้รับการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากกลุ่มที่ชื่อว่า Neptune ซึ่งที่ได้รับเงินสนับสนุนในการประดิษฐ์และพัฒนาสินค้าจากเว็บไซต์ Kickstarter ที่มีผู้สนใจร่วมบริจาคเงินสนับสนุนมากมาย โดยรูปร่างหน้าตาของนาฬิกานั้นจะมีหน้าจอขนาดใหญ่และหนา หน้าจอกว้างถึง 2.4 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ 320 x 240 พิกเซล ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Android 4.1 Jelly Bean เชื่อมต่อสัญญาณ Wi-Fi สำหรับท่องอินเตอร์เน็ต รองรับการสนทนาโทรศัพท์และวิดีโอสนทนา มีช่องใส่ Micro SIM การใช้งานแอพพลิเคชั่นสามารถดาวน์โหลดแอพได้จาก Play Store มาดูกันที่กล้องถ่ายภาพกันบ้าง กล้องด้านหลังความละเอียด 5 ล้านพิเซล และกล้องหน้าความละเอียด VGA ส่วนหน่วยความจำเครื่องมีให้เลือกตั้งแต่ 8 GB, 16 GB, 32 GB และ 64GB เรียกได้ว่าความสามารถใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนเลยทีเดียว

นอกจากนี้ยังมีบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ไฮเทคอีกหลายเจ้าที่เปิดตัวสินค้านาฬิกาข้อมือไฮเทคออกมา เช่น Pebble Watch นาฬิกาที่สามารถเชื่อมต่อกับมือถือได้ทั้ง iOS และ Android, Huawei smartwatch ค่ายมือถือยักษ์ใหญ่จากจีน, LG smartwatch ที่ส่งรุ่น G Arch นาฬิกาข้อมือและ G Health สายรัดข้อมืออุปกรณ์เพื่อสุขภาพ และยังมีบริษัทอื่นๆ อีกหลายเจ้า

เมื่อดูจากสเปคและฟังก์ชั่นการใช้งานของนาฬิกาข้อมือไฮเทค ก็จะมีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกับมือถือมากขึ้น ซึ่งในอนาคตจะกลายเป็นอุปกรณ์ที่มาใช้ในชีวิตประจำวันแทนมือถือหรือไม่นั้นก็คงต้องรอดูกันไป

นี่เป็นเพียงตัวอย่างนาฬิกาอัจฉริยะที่คัดสรรเอาเฉพาะบางรุ่นมาแนะนำเท่านั้น จริงๆ ก็จะมีอีกหลายรุ่น คุณสามารถติดต่ออัพเดทข่าวจากทางเว็บของเราในครั้งต่อไป

รวมรายชื่อสมาร์ทโฟนที่น่าลุ้นสุดๆในงาน MWC ที่จะถึงนี้

24 กุมภาพันธ์นี้แล้ว สำหรับงาน MWC 2014 ใครที่ติดตามข่าวทุกวัน หรือเป็นแฟนสมาร์ทโฟนค่ายไหนก็คงลุ้นกันตัวโก่ง ส่วนค่ายสมาร์ทโฟนทั้งหลายแหล่ก็ลุ้นเหมือนกันว่าจะ ของที่เขากำลังจะปล่อย จะพุ่งปรี๊ดดด หรือจะแป๊ก อ้อ พูดอย่างเป็นทางการนิดนึง MWC ย่อมาจาก Mobile World Congress จัดขึ้นที่ Barcelona ประเทศ Spain

มาดูสรุปคร่าวๆกันเถิดว่า มีอะไรให้ลุ้นในงานนี้บ้าง?

Samsung

สงสัยกดดันแน่เบย เพราะข่าวลือเกี่ยวกับ Galaxy S5 เยอะมว๊ากกก ข่าวลือยิ่งมาก ยิ่งกดดัน ไหนจะลุ้นสแกนนิ้วมือ สแกนม่านตา ยิ่งถ้า Galaxy S5 มีสแกนลายนิ้วมือจริง เท่ากับเป็นการท้าชน iPhone 5s แล้วถ้าจะชนให้สูสีสมน้ำสมเนื้อก็ต้องดันชิปประมวลผลให้ถึง 64-bit เพื่อจะเทียบเท่า ชิป A7 ของ iPhone 5s เค้า อีกอย่างไหนจะคำสบประมาทในเรื่องบอดี้พลาสติก งานนี้ Galaxy S5 จะแก้เกมยังไง? จะปรับปรุงมั้ย? คงต้องลุ้นกันไป

ส่วนสิ่งที่กดดันรองลงมา คือ Galaxy Gear ที่เพิ่งมีข่าวลือฮือฮากันว่า เขาไม่เอา Android แล้วจ้ะ แต่จะเปลี่ยนระบบปฏิบัติการเป็น Tizen ถ้าจะเปลี่ยนทั้งทีมันต้องเจ๋งกว่าเดิมสิเนาะ เพราะ Galaxy Gear รุ่นแรกของ Samsung ที่ปล่อยมาเมื่อปีที่แล้ว แป้กค่าา รุ่นนี้อย่าแป้กอีกน้าาา แต่เดาๆน่าจะมาแรงอยู่เพราะมีแหล่งข่าวจาก Samsung เอง ได้เปิดเผยออกมาว่า Samsung ถึงกับทำการวิจัยอย่างหนักหน่วงถึงความผิดพลาดของ Galaxy Gear รุ่นแรก เพื่อนำมาพัฒนาปรับปรุง Galaxy Gear 2 ให้ไม่ต้องผิดหวังกันอีก

เอาล่ะ ยังไงเราจะได้รู้กันแน่ เพราะงานนี้ Samsung ได้เปิดเผยปริศนาออกมาแล้วว่า Galaxy S5 มาแน่ในงาน Unpacked 5 ซึ่งจัดในงาน MWC นั่นแหละ เปิดตัวฮือฮาน่าตื่นเต้นแบบนี้ สงสัยไม่น่าจะผิดหวัง

Nokia

อันนี้ลุ้นระดับปานกลาง เพราะ Nokia ได้ปล่อยทีเซอร์ Nokia X ออกมาแล้ว และมีแววไม่ต้องลุ้นว่า Nokia X จะใช่ Android Phone มั้ย? แต่ไปลุ้นกันที่ความเจ๋งของมันดีกว่า Nokia ถือว่าฟื้นคืนชีพมาจาก Windows Phone เลยทีเดียว แต่จะทำ Andriod Phone ได้ดีระดับไหน? ไปลุ้นกันที่งาน

Sony

ข่าวลือของ Sony ปีนี้ค่อนข้างแผ่ว แต่ก็มีหลุดมาเรื่อยๆ แล้วสิ่งที่เราคาดว่าจะเห็นในงาน MWC ไม่น่าจะพ้น New Xperia Tablet ที่จะรัน Android 4.4.2 KitKat ลุ้นกันเงียบๆละกัน

ตามข่าวที่หลุดๆกันมาก็มี LG G Pro2 ,G2 Mini รวมทั้งตระกูล L Series อย่างที่เป็นข่าวคือ L90, L70, L40 งานนี้ LG ไม่ค่อยได้รับแรงกดดันเท่าไหร่เพราะที่ผ่านมาถือว่าทำได้ดี จะลุ้นก็แต่จะดีกว่าเดิมรึเปล่า ? ส่วนตระกูล L Series เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางไปถึงต่ำ ก็ไม่น่าจะมีอะไรโชว์ของมาก อย่างมากก็แค่สร้างความต่างให้กับสมาร์ทโฟน LG เท่านั้นเอง

HTC

จะมีอะไรล่ะ นอกจากเจ้าโมเดลปริศนา M8 จะเป็น HTC One2 ,One Plus หรือ All New One รายนี้รู้สึกจะลุ้นแค่ชื่อ ส่วนเรื่องการพัฒนาจะไปทิศทางใด จะเอาข่าวมารวบรวมดู ก็ดูไม่ต่างจาก HTC One ในด้านฟีเจอร์ แต่เรื่องความเร็วและแรงต้องลุ้น

ZTE

อันนี้ข่าวไม่ค่อยดัง แต่ที่น่าสนใจคือระบบปฏิบัติการที่จะมากับ สมาร์ทโฟนตัวใหม่ของ ZTE คือ Firefox OS

Facebook

ทิ้งท้ายด้วยพี่มาร์ก ซักกระบอก เห็นข่าวแว่วมาว่างานนี้นางมาด้วย เห็นว่าจะมาเปิดตัว Facebook Phone พี่มาร์กแกคงกะหากินกับ Facebook ไปอีกนานน่ะ

เดี๋ยววันงานจะรีบมารายงานช่องทางที่จะรับชมกันนะคะ จะได้ลุ้นไปพร้อมๆกัน

ยิ้มร่ารับวาเลนไทน์ มาบอกลาของขวัญทิ่มใจจากแฟนเก่ากันดีกว่า

เข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ เทศกาลแห่งความรัก “วันวาเลนไทน์” ที่ทุกคนต้องเตรียมของขวัญสุดโรแมนติกไว้มอบให้คนรักในทุกๆ ปี มาถึงอีกแล้ว เทศกาลแห่งการเตรียมรับของใหม่จากคนเดิมๆ หรือสำหรับบางคนที่มีรักใหม่สดใสซาบซ่า ก็เตรียมโละของเก่าเพื่อต้อนรับของใหม่ๆ กันในวันนี้ ซึ่งของขวัญวาเลนไทน์ยอดฮิตที่สาวๆ ชื่นชอบก็มีหลากหลายรูปแบบ แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่คนที่สมหวังเท่านั้น เพราะคนที่อกหักรักร้าวก็มี เรามาดูกันดีกว่าว่ามีของขวัญยอดฮิตอะไรบ้างที่คนรักนิยมซื้อให้กัน แล้วกลายมาเป็นของสุดทิ่มแทงใจในวันที่เลิกรา และเราจะสามารถหาวิธีเพิ่มมูลค่ากับของเก่าตกรุ่นเหล่านี้ได้อย่างไร

น้ำหอม

กลิ่นหอมถือเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดทุกคนได้เป็นอย่างดี นอกจากจะบ่งบอกถึงบุคลิก ความเป็นตัวตนของเราแล้ว อะไรที่หอมๆ มักจะสื่อความหมายในด้านดีเสมอ ดังนั้นน้ำหอมจึงกลายเป็นของขวัญสุดแสนจะโรแมนติกที่คู่รักนิยมมอบเป็นของขวัญในวันวาเลนไทน์ เวลาได้กลิ่นน้ำหอมที่เราให้ก็ยิ่งทำให้รู้สึกดีขึ้น ด้วยความหอมที่ติดทนนานอาจจะทำให้เมื่อเลิกรากันไป กลิ่นเหล่านี้ก็ยังคงอบอวลตามเสื้อผ้าและห้องนอน ได้กลิ่นทีไรก็ยิ่งทำให้เฮิร์ท สำหรับคนช้ำรักเชื่อว่าคงไม่มีใครหยิบมาใช้ให้นึกถึงอดีตแน่นอน

เครื่องประดับ

สร้อย แหวน ต่างหู นาฬิกาและเครื่องประดับที่สุดแสนจะมีราคาทั้งหลายล้วนเป็นของขวัญที่ต้องมอบเพื่อเซอร์ไพรส์คนที่เรารักทั้งสิ้น ซึ่งเครื่องประดับสวยงามเหล่านี้ย่อมเป็นที่โปรดปรานของหญิงสาวที่รักสวยรักงาม เพราะนอกจากจะทำให้เธอดูสวยมั่นใจแล้วยังรู้สึกภูมิใจที่ได้ใส่ของขวัญที่คนรักมอบให้ติดตัวไว้อีกด้วย ไม่ต้องแปลกใจที่เวลาใครถามแล้วเธอจะบอกถึงที่มาของของขวัญสุดฟินชิ้นนี้ทันที ในทางกลับกันเมื่อเลิกกันไปแล้วคงไม่มีใครอยากนำกลับมาใส่ให้ทิ่มแทงใจ ยิ่งเวลาคนรอบข้างถามแล้วต้องจำใจอธิบายเรื่องราวก็ยิ่งชวนให้เศร้าเข้าไปอีก เก็บใส่ลิ้นชักล็อคกุญแจไปเลยดีกว่า

กรอบรูป

เป็นแฟนกันก็ต้องมีการถ่ายรูปคู่กันเป็นเรื่องปกติ ซึ่งภาพที่ประทับใจก็ต้องคู่กับกรอบรูปสวยๆ ที่ชวนทำให้ภาพโดดเด่นมากขึ้น กรอบรูปเก๋ๆ เลยกลายมาเป็นของขวัญในวันวาเลนไทน์ที่แทนสัญญาว่าเราจะอยู่คู่กันตลอดไป แต่ถ้าสุดท้ายไม่เป็นอย่างที่ฝัน กรอบรูปคู่บนหัวเตียงจะเป็นตัวปัญหาและกลายมาเป็นของทิ่มใจชิ้นแรกที่คุณต้องรีบกำจัดในทันที

ตุ๊กตา

ตุ๊กตาเป็นของขวัญฮอตฮิตตลอดกาลที่หนุ่มสาวนิยมมอบให้กัน ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาหมี และสัตว์น่ารักๆ หรือตุ๊กตาคู่รักเอาไว้ดูยามคิดถึง ของขวัญที่เหมาะจะมาอยู่บนเตียงไว้นอนกอดเป็นเสมือนตัวแทนว่าได้อยู่ข้างๆ กันทุกวันเวลา ซึ่งพอเลิกกันไปตุ๊กตาเหล่านี้อาจจะโดนเปลี่ยนที่เก็บไปอยู่ในตู้หรือนอนกองที่พื้นแทน ปล่อยไว้นานๆ นอกจากฝุ่นจะเกาะแล้วยังทำให้ภูมิแพ้ถามหา เห็นทีไรก็เสียใจแล้วยังจะต้องมาเสียสุขภาพตามไปด้วย

บัตรกำนัล (Gift Voucher)

ปัจจุบันบัตรกำนัลกลายเป็นของขวัญมาแรงที่คู่รักนิยมมอบให้กัน เพราะนอกจากจะสร้างความประทับใจแล้วยังได้ร่วมแบ่งปันช่วงเวลาแห่งความสุขร่วมกันในราคาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นบัตรกำนัลที่พักสุดหรู, ร้านอาหารอร่อยๆ, การแสดงสุดประทับใจ ฯลฯ ล้วนช่วยเติมความหวานในเทศกาลแห่งความรักได้เป็นอย่างดี แต่หากเกิดเหตุไม่คาดคิดที่ทำให้ความสัมพันธ์ต้องจบลงก่อนวาเลนไทน์ แพลนที่วางไว้คงจะเป็นโมฆะแม้ว่าบัตรกำนัลจะมีมูลค่าเท่าเดิมแต่หลายคนคงไม่อยากไปใช้คนเดียวแน่นอน

เมื่อของสุดรักกลายเป็นของสุดร้ายแบบไม่ทันตั้งตัว จะทิ้งก็เสียดาย จะทำลายก็ดูไร้ประโยชน์ หากคุณยังคิดวิธีจัดการกับของขวัญทิ่มใจจากแฟนเก่าไม่ได้ มาแปลงของเหล่านี้ให้เป็นเงินด้วยการนำไปขายกันดีกว่า เพียงเข้ามาที่ dealfish.co.th พื้นที่พบปะซื้อ-ขายออนไลน์ ที่ให้คุณลงประกาศขายได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายทุกหมวดหมู่ ไม่ว่าจะผ่านการใช้งานบนคอมพิวเตอร์ หรือแอพพลิเคชั่น dealfish.co.th บนมือถือ ทั้ง iOS และแอนดรอยด์ ก็สามารถขายของได้ง่ายๆ แค่ถ่ายภาพแล้วโพสต์ภาพสินค้าที่ต้องการขาย ตั้งราคาให้น่าสนใจ แจ้งข้อมูลสินค้าและสถานที่นัดส่งสินค้าให้ชัดเจนหรือเลือกจัดส่งทางไปรษณีย์เพื่อความสะดวก แม้จะเป็นของขวัญมือสองที่หมดคุณค่าทางจิตใจ แต่ยังเต็มมูลค่าสำหรับเจ้าของใหม่เสมอ แถมเขาจะได้ไปในราคาประหยัดอีกด้วย อีกหนึ่งช่องทางบนโลกออนไลน์ที่จะช่วยกำจัดของขวัญจากแฟนเก่าของคุณให้ไกลตา และยังเพิ่มเงินในกระเป๋าอีกด้วย “ใครๆ ก็ขายได้ อะไรๆ ก็ขายฟรี ที่ dealfish.co.th”

Source : คุณทิวา ยอร์ค ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดีเอฟ มาร์เก็ตเพลส จำกัด

[Buyer Guide] ซื้อมือถือรุ่นไหนดี? ในงาน Mobile Expo 2014

สำหรับใครที่เฝ้ารองานมหกรรมมือถือแห่งปี “Thailand Mobile Expo 2014” ในวันที่ 13-16 กุมภาพันธ์นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติ สิริกิติ์ ใครกำลังเล็งๆมือถือรุ่นไหนอยู่บ้าง? หรือถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ เราจะช่วยแนะนำเป็นแนวทางให้ค่ะ โดยมีการแบ่งไว้ตามการใช้งานดังนี้
สมาร์ทโฟนสำหรับคนชอบแชท และแชร์โซเชียลเน็ตเวิร์ค
สมาร์ทโฟน 2 ซิม ทั้งโทรและเล่นเน็ตสะใจ
สมาร์ทโฟนกล้องเทพ
สมาร์ทโฟน,แฟบเล็ต ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม เป็นหลัก
สมาร์ทโฟน สเปคแรว๊งง
แท็บเล็ต สำหรับใช้งานทั่วไป

สมาร์ทโฟนสำหรับคนชอบแชท และแชร์โซเชียลเน็ตเวิร์ค
Samsung

– Galaxy Pocket Neo

ราคาอยู่ที่ประมาณ 2,600 บาท

เป็นสมาร์ทโฟนฝั่ง Andriod มีหลายสีให้เลือก ขนาดพกพาสะดวก รองรับแอพพลิเคชั่นมากมายจาก Play Store

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 3 นิ้ว

• กล้อง 2 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผลความเร็ว 1 GHz

• รองรับ 3G,WiFi,GPS

• วิทยุ FM

• มีช่องใส่เมมโมรี่การ์ด

ใครที่ไม่เน้นฟังก์ชั่นการใช้งานอะไรมากมาย แค่แชทหรือเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์ค ราคาไม่กดดัน ก็แนะนำรุ่นนี้เลย

– Galaxy Frame

ราคาประมาณ 4,900 บาท

รุ่นนี้จะลูกเล่นเยอะกว่า Pocket neo มานิดนึง มาดูสเปคกัน

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 3.5 นิ้ว

• กล้อง 5 ล้านพิกเซล

• ชิปประมาลผลความเร็ว 1 GHz

• รองรับ 3G,WiFi,GPS

• รองรับการเชื่อมต่อ NFC

รุ่นนี้สามารถใช้อุปกรณ์เสริม เช่น หูฟังไร้สาย,ลำโพง และ Rabbit Card แถมยังมีบริการเสริมจาก Samsung คือ Galaxy Gift ไว้ใช้เป็นส่วนลดสินค้าจากร้านค้าที่ร่วมรายการได้ด้วย

– Galaxy Ace 3

ราคาประมาณ 6,000 บาท

รุ่นนี้ราคาแพงขึ้นมานิดนึง แต่สเปคก็แรงตามมาด้วย ขนาดหน้าจอปานกลาง ถือว่ากำลังพอดีมือ

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 4 นิ้ว

• กล้อง 5 ล้านพิกเซล

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.2.2

• ชิปประมวลผล Dual-Core

• วิดีโอ HD

• วิทยุ FM

Nokia

– Lumia 525

ราคาไม่เกิน 5,000 บาท

เป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฎิบัติการ Windows Phone มีให้เลือกหลายสี เปลี่ยนฝาหลังตามใจชอบ

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 4 นิ้ว

• กล้อง 5 ล้านพิเซล

• ชิปประมวลผล Dual-Core 1 GHz

• ระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8

• วิดีโอ HD

นอกจากถ่ายวิดีโอ HD ยังรองรับ พวกเกมที่เป็น HD ได้ด้วย ถือว่าราคานี้คุ้มสุดๆ

– Lumia 625

ราคา 6,990 บาท

รุ่นนี้เอาใจคนชอบจอใหญ่

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 4.7 นิ้ว

• กล้อง 5 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Dual-Core

• ระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8

• วิดีโอ HD

รุ่นนี้แบตเตอรี่อึดสุดๆใช้งานได้นานไม่ต้องกลัวแบตหมด

– Optimus L1 II

ราคา 1,990 บาท

LG เป็นสมาร์ทโฟนฝั่ง Andriod ส่วนรุ่นนี้ Optimus L1 II ถือเป็นรุ่นเล็กสุดจากตระกูล Optimus

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 3 นิ้ว

• กล้อง 2 ล้านพิกเซล (สามารถถ่ายภาพแชร์ลงโซเชียลเน็ตเวิร์กตามสะดวก)

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.1.2

• รองรับ 3G,WiFi,GPS

– Optimus L3 II

ราคา 3,490 บาท

รุ่นนี้อัพเกรดมาจาก Optimus L1 เพิ่มความหรูเข้ามานิดนึง และหน้าจอใหญ่ขึ้น

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 3.2 นิ้ว

• กล้อง 3 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผลความเร็ว 1 GHz

• รองรับ 3G,Wifi,GPS

– Optimus L7 II

ราคา 7,990 บาท

จุดขายของรุ่นนี้คือแบตเตอรี่อึดสุดๆ หน้าจอก็ใหญ่กำลังดีเลย

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 4.3 นิ้ว

• กล้อง 8 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Dual-Core

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.1.2

Lenovo

– A269i

ราคา 2,190 บาท

เป็นสมาร์ทโฟนฝั่ง Andriod รุ่นนี้จะว่าไปก็ถือว่าเก่าแล้ว อาจจะรองรับแอพพลิเคชั่นได้แค่บางตัว

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 3.5 นิ้ว

• กล้อง 2 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Dual-Core

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 2.3.6

OPPO

– R831 Neo

ราคา 5,990 บาท

ยังคงเป็นสมาร์ทโฟน Andriod ใครที่ชอบ Andriod นี่เลือกกันสะใจเลย เพราะมีหลายรุ่นมาก รุ่นนี้ R831 Neo เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดจาก OPPO ขนาดพอดีมือ รุ่นนี้นอกจากจะเป็น Andriod ยังมีจุดเด่นตรงเป็น Andriod ที่ครอบด้วย Color OS ในเรื่องของการใช้งาน Gesture

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 4.5 นิ้ว

• กล้อง 5 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Dual-Core

• ระบบปฏบัติการ Andriod 4.2.2,Color OS

Acer

– Liquid Z3s

ราคา 2,590 บาท

เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานสำหรับสมาร์ทโฟน จาก Acer (Andriod Phone) รุ่นนี้ซื้อแล้วไม่ต้องซื้อเคสใส่ มีเคสให้เลย

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 3.5 นิ้ว

• กล้อง 5 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Dual-Core 1 GHz

• รองรับ 3G,WiFi,GPS

– Liquid E2

ราคา 5,990 บาท

รุ่นนี้น่าสนใจทีเดียวเมื่อเทียบกับราคา

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ qHD 4.5 นิ้ว

• กล้อง 8 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Quad-Core

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.2

• รองรับ 3G,WiFi,GPS

Sony

– Xperia E

ราคา 2,990 บาท

รุ่นเล็กสุดจากตระกูล Xperia และราคาเบาที่สุดแล้ว

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 3.5 นิ้ว

• กล้อง 3 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผลความเร็ว 1 GHz

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.1.2

• รองรับ 3G,WiFi,GPS

i-Mobile

– IQ 6.3

ราคา 6,990 บาท

โอ้ว..รุ่นนี้น่าสนใจทีเดียว ทั้งเรื่องความเร็วและเรื่องความคมชัดของหน้าจอ เมื่อเทียบกับราคาแล้วถือว่าคุ้มสุดๆ

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 5 นิ้ว

• กล้อง 8 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Snapdragon 400

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.3

• Bluetooth 4.0

• รองรับคอนเทนท์ Full HD

• แบตเตอรี่ 3,000 mAh

– IQ 9.1

ราคา 8,590 บาท

เป็นอีกรุ่นนึงที่น่าสนใจ แต่ราคาอาจจะสูงขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ไม่ถือว่ามาก เมื่อเทียบกับสเปคก็ถือว่าสูงกำลังดีเลยทีเดียว แถมความละเอียดกล้องก็ไม่เบาเลย แถมบอดี้ด้านหลังเป็นโลหะด้วย ทำให้ดูแข็งแรงทนทาน

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 5.7 นิ้ว

• กล้องหลัง 18 ล้านพิกเซล, กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Quad-Core 1.5 GHz

• ความจุ 16 GB ( มีช่องใส่ MicroSD)

– IQ X2

ราคา 7,990 บาท

ถูกลงมานิด แต่ได้หน้าจอสวยระดับ Full HD แถมด้วยบอดี้ที่บางเพียง 9 มม.

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ Full HD 5 นิ้ว

• กล้อง 18 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Quad-Core 1.5 GHz

Huawei

– Ascend Y320

ราคา 2,790 บาท

เป็นสมาร์ทโฟน Andriod หน้าจอไม่เล็กมากด้วยราคาเพียงเท่านี้

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 4 นิ้ว

• กล้อง 2 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Dual-Core

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.2.2 ,Emotion UI

• รองรับ 3G,WiFi,GPS

– Ascend Y511

ราคา 3,490 บาท

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 4.5 นิ้ว

• กล้อง 3 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Dual-Core

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.2

• รองรับ 3G คลื่นความถี่ 900/2100 MHz

• แบตเตอรี่ 1,730 mAh

– Ascend G700

ราคา 7,450 บาท

รุ่นนี้ถือว่าหน้าจอคมชัดใช้ได้เลย หน้าจอก็ใหญ่ดี ลูกเล่นเยอะพอสมควร

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ HD 5 นิ้ว

• กล้อง 8 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Quad-Core

• RAM 2 GB

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.2.2 ,Emotion UI

• วิดีโอ Full HD

– Ascend Mate

ราคา 7,990 บาท

รุ่นนี้ไม่ใหม่ แต่ได้ไปคุ้มสุดๆ คุ้มไม่คุ้มมาดูสเปคเลย

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ HD 6.1 นิ้ว (ใหญ่สะใจ)

• ชิปประมวลผล Quad-Core 1.5 GHz (ว้าววว)

• รองรับ 3G ทุกเครือข่าย

• แบตเตอรี่ 4,050 mAh (อึดสุดๆ)

Cherry Mobile

– Sonic 2.0

ราคา 3,299 บาท

สมาร์ทโฟน Andriod รุ่นล่าสุดจาก Cherry Mobile หน้าจอกำลังดีเลย

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 4 นิ้ว

• กล้อง 5 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Dual-Core

• รองรับ 3G,WiFi,GPS

• แบตเตอรี่ 1,400 mAh

– Hero

ราคา 4,000 บาท

แดงมาเลย หน้าจอถือว่าใหญ่เลยล่ะ รวมถึงสเปคก็ใหญ่กว่าราคานะ

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ qHD 5 นิ้ว

• กล้อง 8 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Quad-Core

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.2.2

Dtac Lion 5.0 HD

ราคา 5,590 บาท

เป็นสมาร์ทโฟนจาก Dtac ยังเป็น Andriod Phone ราคาประหยัด

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ HD 5 นิ้ว

• กล้อง 8 ล้านพิกเซล

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.2

• แบตเตอรี่ 2,500 mAh

สมาร์ทโฟน 2 ซิม ทั้งโทรและเล่นเน็ตสะใจ
Samsung

– Galaxy Win Duos

ราคา 8,900 บาท

หน้าจอใหญ่ถนัดมือ เวลาดู Youtube หรือเล่นเกมก็จะเห็นได้ชัด สะใจกันไป

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 4.7 นิ้ว

• กล้อง 8 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Quad-Core

• ใช้งาน 2 ซิม

• แบตเตอรี่ 2,000 mAh

– Galaxy Grand 2

ราคาประมาณ 11,000 บาท

Grand 2 มาคราวนี้หรูเชียว ฝาหลังเดียวกับ Note 3 เลย สเปคแรงขึ้นด้วย

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ HD 5.2 นิ้ว

• กล้อง 8 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Snapdragon 400 Quad-core

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.3

• ใช้งาน 2 ซิม

Nokia

– Asha 503

ราคา 2,990 บาท

รุ่นนี้สวยเชียวมีกรอบคริสตัลล้อมรอบตัวเครื่องอีกที แทบไม่ต้องใส่เคสเลย ในตัวเครื่องมีแอพพลิเคชั่น โซเชี่ยลเน็ตเวิร์กพร้อม เช่น Facebook,Twitter,Line

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 3 นิ้ว

• กล้อง 3 ล้านพิกเซล

• รองรับ 3G,WiFi

• ระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8

• ใช้งาน 2 ซิม

Lenovo

– A369i

ราคา 2,990 บาท

รุ่นนี้ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟน 2 พันกว่าบาทแต่ฟังก์ชั่นครบ!

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 4 นิ้ว

• กล้อง 2 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Dual-Core

• รองรับ 3G,WiFi,GPS

• ใช้งาน 2 ซิม

– A516

ราคา 4,000 บาท

แพงขึ้นแต่สเปคก็ขึ้นตามสำหรับรุ่นนี้

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 4.5 นิ้ว

• กล้อง 5 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Dual-Core

• แบตเตอรี่ 2,000 mAh

• ใช้งาน 2 ซิม

– S650

ราคาประมาณ 6,000 บาท

รุ่นนี้นอกจากจะ 2 ซิม ยังได้จอใหญ่ติดมือไปด้วย แถมความคมชัดเข้าไปอีก

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ qHD 4.7 นิ้ว

• กล้อง 8 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Quad-Core

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.2.2

• วิดีโอ HD

• ความจุ 8GB (มีช่องใส่ MicroSD สูงสุด 32 GB)

• ใช้งาน 2 ซิม

– A850

ราคา 7,100 บาท

รุ่นนี้จอใหญ่ขึ้นมาอีก ไม่ได้ใหญ่ธรรมดา ใหญ่มว๊ากก แบตอึดใช้ได้

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 5.5 นิ้ว

• กล้อง 5 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Quad-Core

• ความจุ 4 GB (มีช่องใส่ Memmory Card)

• รองรับ 3G,WiFi,GPS

• ใช้งาน 2 ซิม

– P780

ราคา 9,990 บาท

รุ่นนี้ใครที่โทรถี่ โทรทั้งวัน รับสายไม่หยุด เจอแบตรุ่นนี้ก่อน อย่างอึด ส่วนบอดี้ก็หรูหรา ฝาหลังเป็นอลูมิเนียมด้วย ตัวเครื่องบางเพียง 10 มม.

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ HD 5 นิ้ว

• กล้อง 8 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Quad-Core 1.2 GHz

• แบตเตอรี่ 4,000 mAh

• ใช้งาน 2 ซิม

– S930

ราคา 9,900 บาท

หน้าจอใหญ่โคตร แถมเป็น HD ด้วย รุ่นนี้ลำโพงเป็นสเตอริโอคู่ ฟังเพลงก็สะใจกันไป หรือจะดูหนัง ดู Youtube เล่นเกม ก็เหมาะมาก และมีฟีเจอร์เล่นเพลง ,วิทยุ ครบ

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ HD 6 นิ้ว

• กล้อง 8 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Quad-Core

• แบตเตอรี่ 3,000 mAh

• ใช้งาน 2 ซิม

OPPO

– Find Muse

ราคา 3,990 บาท

รุ่นนี้กำลังดี!

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 4 นิ้ว

• กล้อง 3 ล้านพิกเซล (มีโหมด Lomo ด้วย)

• ชิปประมวลผล Dual-Core 1.2 GHz

• รองรับ 3G ทุกเครือข่าย

• ใช้งาน 2 ซิม

– Find Clover

ราคา 6,990 บาท

รุ่นนี้ออกมาหลายเดือนแล้ว แต่ก็มีความน่าสนใจอยู่นะ

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ IPS LCD 4.3 นิ้ว

• กล้อง 5 ล้านพิกเซล

• วิดีโอ HD

• ชิปประมวลผล Quad-Core 1.3 GHz

• รองรับ 3G ทุกเครือข่าย

• ใช้งาน 2 ซิม

– Find 5 Mini

ราคา 8,990 บาท

รู้สึก OPPO จะทำรุ่น 2 ซิม ออกมาเยอะเหมือนกันแฮะ มาดูรุ่นนี้ย่อส่วนมาจาก Find 5 เป็น Find 5 Mini ความน่าสนใจของรุ่นนี้คือ สามารถใส่ถุงมือทัชสกรีนได้

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ qHD 4.7 นิ้ว

• กล้อง 8 ล้านพิกเซล (มีโหมด Beauty ด้วย)

• ชิปประมวลผล Quad-Core

• ใช้งาน 2 ซิม

– Find Way S

ราคา 12,990 บาท

ตัวนี้เด่นมากเรื่องกล้อง ประมาณว่าถ่ายรูปไม่ต้องพึ่งแอพช่วยเลย

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ HD 5.5 นิ้ว

• กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล (มีโหมด Beauty 3.0)

• ชิปประมวลผล Quad-Core

• แบตเตอรี่ 3,000 mAh

• ใช้งาน 2 ซิม

HTC

– Desire 601 Dual SIM

ราคา 10,900 บาท

รุ่นนี้เพิ่งวางไปเมื่อมกราคมที่ผ่านมานี่เอง อัพเกรดมาจาก Desire 600 ดูด้านดีไซด์ออกจะคล้ายๆ HTC One

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ qHD 4.5 นิ้ว

• กล้อง 5 ล้านพิกเซล

• วิดีโอ Full HD 1080p

• ชิปประมวลผล Quad-Core 1.2 GHz

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.2.2 ,Sense UI

• ใช้งาน 2 ซิม

i-Mobile

– i-STYLE 2.4

ราคา 2,990 บาท

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 4 นิ้ว

• กล้อง 5 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Dual-Core

• รองรับ 3G,WiFi,GPS

• ใช้งาน 2 ซิม

– i-STYLE 7.5

ราคา 3,990 บาท

สเปคใช้ได้เลยรุ่นนี้ เมื่อเห็นราคา แต่ลูกเล่นอาจจะไม่มากเท่าไหร่

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 4.5 นิ้ว

• ชิปประมวลผล Quad-Core

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.2.2

• รองรับ 3G มีให้เลือกคลื่นความถี่ 850 และ 900 MHz (แล้วแต่เครือข่ายที่ให้บริการ)

• แบตเตอรี่ 1,800 mAh

• ใช้งาน 2 ซิม

– IQ 9.2

ราคา 8,890 บาท

ใครชอบจอใหญ่ จัดรุ่นนี้ไปได้เลย

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ HD 6 นิ้ว

• กล้อง 18 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Quad-Core 1.5 GHz

• มีช่อง MicroSD ใส่ได้ความจุสูงสุด 32 GB

• แบตเตอรี่ 2,600 mAh

• ใช้งาน 2 ซิม

– IQ X Octo

ราคา 12,500 บาท

รุ่นนี้เด่นที่ชิปประมวลผล 8 แกนจาก Mediatex

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ Full HD 5 นิ้ว

• กล้อง 18 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล 8 แกนจาก Mediatex

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.2.2

• RAM 2 GB

• ความจุ 32 GB

• ใช้งาน 2 ซิม

Alcatel

– OneTouch Magic

ราคา 2,990 บาท

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 4 นิ้ว

• กล้อง 3.2 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Dual-Core 1.3 GHz

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.2.2

• รองรับ 3G เฉพาะคลื่นความถี่ 850/2100 MHz

• ใช้งาน 2 ซิม

– Idol Mini

ราคา 5,000 บาท

ใครชอบบางรุ่นนี้ บางแค่ 7.9 มม.

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 4.3 นิ้ว

• กล้อง 5 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Dual-Core 1.3 GHz

• แบตเตอรี่ 1,700 mAh

• ใช้งาน 2 ซิม

– Idol X

ราคา 12,990 บาท

รุ่นท็อปจาก Alcatel เลย ตัวเครื่องบางเฉียบ 6.9 มม.

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ Full HD 5 นิ้ว

• กล้อง 13 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Quad-Core 1.5 GHz

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.2.2

• RAM 2 GB

• ความจุ 16 GB

• ใช้งาน 2 ซิม

– Flare S

ราคา 3,999 บาท

รุ่นนี้ดีไซด์น่าสนใจตรงด้านหลังจะโค้งเว้าให้จับถนัดมือ

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 4 นิ้ว

• กล้อง 5 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Quad-Core 1.3 GHz

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.2

• ใช้งาน 2 ซิม

– Cosmos X

ราคา 11,500 บาท

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ Super AMOLED 4.7 นิ้ว

• กล้องหลัง 18 ล้านพิกเซล,กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Quad-Core

• รองรับคอนเทนท์ HD

• รองรับ 3G

• ใช้งาน 2 ซิม

สมาร์ทโฟนกล้องเทพ

Nokia

– Lumia 925

ราคา 16,500 บาท

จะถ่ายรูปให้สวยก็ตัวนี้เลย ตัวกล้องมาพร้อมเทคโนโลยี PureView ให้ภาพคมชัดแม้อยู่ในที่แสงน้อย ตัวเครื่องบางไม่ถึง 10 มม.

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 4.7 นิ้ว

• กล้อง 8.7 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Snapdragon 400

• ระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8

– Lumia 1020

ราคา 24,990 บาท

รุ่นนี้ถูกเรียกเลยว่า “ตำนานแห่งกล้องเทพสมาร์ทโฟน” โดดเด่นในเรื่องเทคโนโลยี PureView เซ็นเซอร์ 41 ล้านพิกเซล นอกจากนี้ยังมีแอพพลิเคชั่นเสริมเพื่อถ่ายภาพอีกหลายตัวครับ เช่น Glam Me ใช้ถ่ายภาพ Selfie, Camera360 ฯลฯ

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 4.5 นิ้ว

• กล้อง PureView เซ็นเซอร์ 41 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Snapdragon 400

• ระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8

OPPO

– Find 5

ราคา 14,990 บาท

ตัวนี้จัดว่าเป็นสมาร์ทโฟนกล้องเทพเหมือนกัน ถึงจะออกมาเป็นปีแล้ว แต่สเปคยังน่าสนใจอยู่

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ Full HD 5 นิ้ว

• กล้อง 13 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Snapdragon S 4 Pro

• ระบบเสียง Direct HD

• ความจุ 16 GB ,32GB (ราคาแตกต่างกัน)

• รองรับ 3G ทุกเครือข่าย

– N 1

ราคา 19,900 บาท

นับเป็นสมาร์ทโฟน Android รุ่นแรกของโลกที่ติดตั้งเลนส์กล้องแบบหมุนได้ 206 องศา สามารถได้ภาพในมุมแปลกๆได้

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ Full HD 5.9 นิ้ว

• กล้อง 13 ล้านพิกเซล

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.2.2 ,Color OS

สมาร์ทโฟน,แฟบเล็ต ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม เป็นหลัก
Nokia

– Lumia 1520

ราคา 22,900 บาท

ถือว่าเป็น Windows Phone รุ่นแรงสุดในตอนนี้ กับหน้าจอบิ๊กเบิ้ม ใช้งานด้านโซเชียลมีเดียได้แบบจัดเต็ม ดูหนัง ฟังเพลง กันเพลินไปเลย กับสเปคแรงๆ รวมทั้งราคาก็แรงไปด้วย

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 6 นิ้ว

• กล้อง PureView 20 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Snapdragon 800

• ระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8

• รองรับ 4G LTE

– Lumia 1320

ราคา 11,500 บาท

สมาร์ทโฟนจอเบิ้ม ความสามารถในการถ่ายภาพ สามารถถ่ายภาพเคลื่อนไหวเฉพาะส่วน,Refocus เลือกจุดโฟกัสบนภาพหลังถ่ายเสร็จได้

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ HD 6 นิ้ว

• กล้อง 5 ล้านพิกเซล

• รองรับคอนเทนท์ Full HD

• ชิปประมวลผล Snapdragon 400

• ระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8

Lenovo

– S 930

ราคา 9,900 บาท

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ HD 6 นิ้ว

• กล้อง 8 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Quad-Core

• แบตเตอรี่ 3,000 mAh

• ใช้งาน 2 ซิม
HTC

– Desire 500

ราคา 7,990 บาท

มากับดีไซน์โค้งเว้า ใครชอบฟังเพลงแนะนำรุ่นนี้เลย เพราะมีระบบเสียง Beat Audio เพื่อใช้ฟังเพลงโดยเฉพาะ

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 4.3 นิ้ว

• กล้อง 8 ล้านพิกเซล

• บันทึกวิดีโอความละเอียด HD 720p

• ชิปประมวลผล Quad-Core 1.2 GHz

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.2.2,Sense UI

– HTC One

ราคา 19,580 บาท

อาจจะเก่าไปหน่อย แต่ก็ยังได้อยู่ ในด้านความละเอียดหน้าจอ Full HD ที่เอื้อให้การดูหนัง ดูวิดีโอ ได้สะใจ แถมยังมีลำโพงสเตอริโอ Boomsound สำหรับฟังเพลงอีกด้วย

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ Full HD 4.7 นิ้ว

• กล้อง UltraPixel

• ชิปประมวลผล Snapdragon 600

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.3

Sony

– Xperia Z

ราคา 16,990 บาท

ขึ้นชื่อว่า Sony ต้องมาคู่กับกล้องและการฟังเพลง ซึ่งรุ่นนี้มี Walkman ระบบเสียง Clear Audio ด้วย

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ Full HD 5 นิ้ว

• กล้อง 13 ล้านพิกเซล

• ระบบปฏิบัติการ เร็วๆนี้จะมีการอัพเดทเป็น Andriod 4.4 KitKat

I-Mobile

– IQ X Bliz

ราคา 11,500 บาท

เหมาะกับใช้ดูหนัง HD เล่นเกม ดูรูปภาพ ด้วยหน้าจอ HD

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ Full HD 5.5 นิ้ว

• กล้อง 8 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Quad-Core 1.5 GHz

• RAM 2 GB

• ความจุ 32 GB

สมาร์ทโฟน สเปคแรว๊งง
Samsung

– Galaxy Note 3

ราคา 23,500 บาท

รุ่นนี้ถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปสุดของ Samsung ในตอนนี้ ขึ้นชื่อว่าสเปคแรงก็มาดู สเปคกันเลย

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ Full HD 5.7 นิ้ว

• กล้อง 13 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Exynos 5420

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.4 KitKat

– Nexus 5

ราคา 16,250 บาท

จริงๆรุ่นนี้ถือว่าราคาไม่แรงเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับสเปคนะ

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ Full HD 5 นิ้ว

• กล้อง 8 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Snapdragon 800

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.4.2 KitKat

• รองรับการชาร์จแบตเตอรี่ไร้สาย (Wireless Charging)

– LG G2

ราคา 17,900 บาท

รุ่นนี้กับสเปคแรงๆแบบนี้ ถือว่าราคายังเบา

• หน้าจอ Full HD 5.2 นิ้ว

• กล้อง 13 ล้านพิกเซล ,โฟกัส 9 จุด

• ชิปประมวลผล Snapdragon 800

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.2.2

• รองรับ 4G LTE

• แบตเตอรี่ 3,000 mAh

– LG G Flex

ราคา 29,600 บาท

รุ่นแรกจาก LG ที่ใช้หน้าจอโค้ง บอดี้ทนทานต่อรอยขีดข่วน

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 6 นิ้ว

• กล้อง 13 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Snapdragon 800

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.2.2

• แบตเตอรี่ 3,500 mAh

Lenovo

– K900

ราคา 13,490 บาท (รุ่น 16GB)

รุ่นที่เจ๋งที่สุดจาก Lenovo บอดี้บางเฉียบ 6.9 มม. วัสดุทำจากอลูมิเนียม อย่างหรู มาดูว่าจะเจ๋งแค่ไหน

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ Full HD 5.5 นิ้ว

• กล้อง 13 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Intel

• RAM 2GB

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.2

• ความจุมีให้เลือก ทั้ง 16 GB ,32 GB

– K910L Vibe Z

ราคา 14,990 บาท

รุ่นเมื่อกี้เจ๋งสุด ส่วนรุ่นนี้เรียกรุ่นท็อปของ Lenovo เลย

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ Full HD 5.5 นิ้ว

• กล้อง 13 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Snapdragon 800

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.3

• รองรับ 4G LTE

• แบตเตอรี่ 3,000 mAh

Sony

– Xperia Z1

ราคา 19,900 บาท

Z1 จะอัพเกรดสเปค จาก Z และปรับปรุงวัสดุขึ้นมาเปป็นบอดี้ขอบโลหะ สามารถกันน้ำได้ กันฝุ่นได้

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ Triluminos 5 นิ้ว

• กล้อง 20.7 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Snapdragon 800

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.3

– Xperia Z Ultra

ราคา 21,990 บาท

ทุกอย่างเหมือนกับ Z1 ต่างกันแค่หน้าจอสุดอลังการ 6.44 นิ้ว

Apple

– iPhone 5s

ราคา 23,900 บาท

ไม่มีคำว่าราคาเบาสำหรับ iPhone แต่สเปคก็แรงเกินหน้าเกินตาใครๆ

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ HD 4 นิ้ว

• กล้อง 8 ล้านพิกเซล,แฟลชคู่

• ชิปประมวลผล A7

• ระบบปฏิบัติการ iOS 7.0.5

• รองรับ 4G LTE

– iPhone 5c

ราคา 20,700 บาท

iPhone 5c มี 5 สี สำหรับสเปคจะเท่ากับ iPhone 5 เด๊ะๆ

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ HD 4 นิ้ว

• กล้อง 8 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล A6

• ระบบปฏิบัติการ iOS 7.0.5

• รองรับ 4G LTE

แท็บเล็ต สำหรับใช้งานทั่วไป
Samsung

– Galaxy Tab 3 7.0

ราคา 9,900 บาท

เป็นแท็บเล็ต ตระกูล Galaxy Tab ที่เป็นได้สารพัดอย่าง ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม เข้าเว็บไซต์ เรียกได้ว่าครบ

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 7 นิ้ว

• กล้อง 3 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Dual-Core 1.2 GHz

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.1.2

• สามารถใส่ซิมการ์ด 3G โทรเข้า-โทรออก ได้

– Galaxy Tab 3 8.0

ราคา 12,500 บาท

คุณสมบัติเหมือน Tab 3 7.0 แต่หน้าจอใหญ่ขึ้นมานิด ราคาเขยิบขึ้นมาหน่อย อ้อ รุ่นนี้เน้นบาง 7.1 มม.

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 8 นิ้ว

• กล้อง 5 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Dual-Core 1.5 GHz

• ระบบบปฏิบัติการ Andriod 4.2.2

– Galaxy Tab 3 10..1

ราคา 13,900 บาท

จอใหญ่ขึ้น สเปคก็แรงขึ้นด้วย สำหรับรุ่นนี้ หน้าจอใหญ่มีไว้สำหรับดูหนัง ฟังเพลง เปิดเว็บไซต์ หรือจะอ่านหนังสือก็เหมาะ

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 10.1 นิ้ว

• กล้อง 3 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Intel

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.2.2

– Galaxy Note 10.1 2014 Edition

ราคา 20,900 บาท

พูดถึงตระกูล Note แน่นอนต้องมี S Pen ซึ่ง Note 10.1 นี้ถือว่าไม่ธรรมดาในเรื่องสเปค ส่วนฟีเจอร์เป็นแบบเดียวกับ Note 3 เลย รองรับการใช้งานทุกรูปแบบ

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ Full HD 10.1 นิ้ว,ความละเอียด 2560×1600พิกเซล

• กล้อง 8 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Exynos 5420

Lenovo

– A3000

ราคา 9,900 บาท

เพิ่งเปิดตัวไปไม่กี่เดือน กับ Lenovo Yoga Tablet 8 รุ่นนี้โดดเด่นเรื่องดีไซน์ ขาตั้งสามารถพับได้ เหมาะกับการใช้งานทั่วไป จะพิมพ์เอกสาร อ่านหนังสือได้ทั้งนั้น

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 8 นิ้ว

• กล้อง 5 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Quad-Core

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.2

• ใส่ซิมการ์ด 3G รองรับ WiFi,GPS

– Yoga Tablet 10

ราคา 12,900

ด้านการใช้งาน เหมือนตัว 8 นิ้ว รุ่นนี้อัพหน้าจอมา 10 นิ้ว อัพสเปคขึ้นนิดหน่อย แถมมีคีย์บอร์ดไร้สายให้ด้วย เหมาะสำหรับพิมพ์เอกสารต่างๆ

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 10 นิ้ว

• กล้อง 5 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Quad-Core

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.2

• ใส่ซิมการ์ดได้

Asus

– FonePad 7

ราคา 6,900 บาท (รุ่น 8 GB)

รุ่นนี้เมื่อเทียบกับราคาแล้วคุ้มมาก เพราะว่าสเปคไม่ได้เบาๆเลย

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 7 นิ้ว

• กล้อง 5 พิกเซล

• ชิปประมวลผล Intel Z2560 1.6 GHz

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.3

• มีทั้งรุ่น 8GB และ 16GB

– MemoPad 8

ราคา 6,900 บาท

รุ่นนี้รองรับเฉพาะ WiFi อาจจะมีไว้ใช้ดูหนัง ฟังเพลง และใช้งานทั่วไป

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 8 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 800 พิกเซล

• กล้อง 5 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Quad-Core 1.6 GHz

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.2.2

– Transformer Book T100

ราคา 12,900 บาท

ถือเป็นแท็บเล็ต Windows ที่น่าโดนรุ่นนึง กับบอดี้บางเฉียบ แถม Keyboard Dock ให้ด้วย สามารถใช้งานแทน Notebook ได้เลย ส่วนสเปคก็ไม่ธรรมดาเลย

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 10.1 นิ้ว

• ชิปประมวลผล Intel Z3740 (Bay Trail)

• ระบบปฏิบัติการ Windows 8.1

– Nexus 7 ( Gen 2 )

ราคา 13,500 บาท

รุ่นนี้ก็ไม่ธรรมดา ดีไซน์สวย ส่วนตัวชอบรุ่นนี้นะ เพราะสเปคไม่ได้เบาๆเลย แถมยังชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายอีก (Wireless Charging)

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 7 นิ้ว

• กล้อง 5 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Snapdragon 600

• ระบบปฏิบัติการ Andriod 4.2.2

• ใส่ซิมการ์ดรองรับ 4G LTE

Acer

– Iconia B1-721

ราคา 5,900 (รุ่น Wifi)

เป็นแท็บเล็ต Andriod รุ่นนี้ที่แนะนำเพราะสามารถโหลดYoutube,วิดีโอ มาดูได้

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 7 นิ้ว

• ชิปประมวลผล Dual-Core 1.3 GHz

– Iconia W3

ราคา 9,900 บาท

เป็น Acer แท็บเล็ตที่เป็น Windows 8 รุ่นนี้เหมาะกับการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ ใช้งาน office แถมยังมี keyboard Dock ให้ด้วย

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 8 นิ้ว

• กล้อง 2 ล้านพิกเซล

• ระบบปฏิบัติการ Window 8

• รองรับ WiFi, Bluetooth

– Iconia W4

ราคา 16,900 บาท

เพิ่งจะเปิดตัวเลย รุ่นนี้ ดีไซน์พรีเมี่ยม โดยเฉพาะด้านหลังเป็นแบบเมทัลลิค รุ่นที่วางจำหน่ายในไทยมีรุ่นเดียวคือ 3G+WiFi, 64 GB

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ IPS LCD ขนาด 8 นิ้ว

• กล้อง 5 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Intel Quad-Core (Bay Trail)

• ระบบปฏิบัติการ Windows 8.1

Sony

– Xperia Tablet Z

ราคา 22,990 บาท

แท็บเล็ตดีไซน์หรู บางเฉียบเพียง 6.9 มิลลิเมตร บอดี้ผิวหลังเงางามสไตล์กระจกทั้งหมด สเปคแรง หน้าจอคมชัด ไว้ดูหนัง ดูวิดีโอเหมาะมาก

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ 10.1 นิ้ว

• กล้อง 8 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล Snapdragon S4 Pro

• รองรับคอนเทนท์ Full HD

• ใส่ซิมการ์ดรองรับ 4G LTE

Apple

– iPad Air

ราคา 16,900 บาท (รุ่น 16GB WiFi)

มาถึงแท็บเล็ตฝั่ง iOS กันบ้าง อันนี้เรื่องหน้าจอไม่ต้องพูดถึง ระดับ Retina แล้ว จะดูหนังฟังเพลง ก็ได้จอคมชัด จอใหญ่ แถมบาง สวย หรู อีกต่างหาก ราคานี้ถือว่าคุ้มมาก

สเปคคร่าวๆ

• หน้าจอ Retina 9.7 นิ้ว

• กล้อง 5 ล้านพิกเซล

• ชิปประมวลผล A7

– iPad mini with Retina

ราคา 13,400 บาท (รุ่น 16GB WiFi)

เหมือน iPad Air ทุกอย่างเพียงแต่ย่อส่วนหน้าจอมาอยู่ที่ 7.9 นิ้ว

* หมายเหตุ ราคาที่กำกับไว้เป็นราคาที่ยังไม่ได้ลดราคาจากงาน Mobile Expo

หวังว่าอ่านบทความนี้แล้วจะพอเป็นแนวทาง ให้ตัดสินใจง่ายขึ้นนะคะ

(ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ Thailand Mobile Expo)

แชร์ประสบการณ์ เปิดโรมมิ่ง 3G ไปจีน เล่น Facebook ได้ไม่โดนบล็อค

เมื่อไม่นานมานี้ผมได้มีโอกาสเดินทางไปประเทศจีน โดยจุดหมายปลายทางคือเมืองเซินเจิ้น ซึ่งถือเป็นเมืองท่าเศรษฐกิจที่สำคัญของจีนอีกเมืองหนึ่ง โดยเฉพาะที่คนไทยรู้จักกันดีคือสินค้าก๊อปปี้แบรนด์เนมต่างๆ ทั้งนาฬิกา กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยมีพ่อค้า แม่ค้า ชาวไทยมากมายที่มารับของจากที่นี่มาขายในเมืองไทย แต่ประเด็นที่อยากจะแชร์คือการใช้อินเทอร์เน็ตซิมที่เมืองจีนนี่แหละครับว่ามันมีเงื่อนไขและข้อจำกัดอะไรยังไง

ก่อนไปผมหาข้อมูลจากในเน็ต เพื่อเตรียมเช็คดูว่ามีเครือข่ายไหนให้บริการที่รองรับ 3G บ้าง ซึ่งได้ข้อมูลว่าที่เมืองจีน มี 2 เครือข่ายที่ใช้งานได้ (จริงๆ มีมากกว่านั้น) คือ China Mobile กับ China Unicom ซึ่ง 2 เครือข่ายนี้ให้บริการด้วยระบบ GSM ที่เป็นระบบเดียวกับเมืองไทยนั่นเอง แต่เมื่อไปถึงก็เจออีกค่ายเพิ่มขึ้นมาคือ China Telecom แต่จะให้บริการด้วยระบบ CDMA (เหมือนกับ Hutch ในบ้านเราสมัยก่อน ที่ปิดตัวไปแล้ว) ซึ่งค่ายนี้เราไม่สามารถใช้ง่ายร่วมกันได้ เนื่องจากมือถือส่วนใหญ่ในบ้านเราเป็นระบบ GSM

ฉะนั้น จึงมี 2 เครือข่ายเท่านั้นที่ใช้ได้สำหรับมือถือจากเมืองไทย แต่ประเด็นหนึ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจเปิดโรมมิ่งไปแทนที่จะไปซื้อซิมเน็ตที่นั่น คือ ทุกเครือข่ายจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในจีนจะไม่สามารถเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์ค อย่าง Facebook, Twitter ได้นั่นเองครับ ซึ่งสำหรับคนที่ติดโซเซียลอย่างผม คงขาดไม่ได้ที่จะต้อง แชะ&แชร์ หรือบางคนที่พักในโรงแรงที่มี Wi-Fi บริการให้ฟรี ก็ไม่สามารถเข้าเว็บสังคมออนไลน์ต่างๆ ได้เช่นกัน เนื่องจากรัฐบาลจีนไม่อนุญาต

แต่สำหรับการเปิดโรมมิ่งไปนั้น เนื่องจากผมใช้ซิม AIS แบบรายเดือน ผมเลยเลือกแพ็กเกจที่สามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง 2 เครือข่าย เพื่อจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะโรมมิ่งผิดเครือข่ายแล้วเกิดค่าบริการที่แพงมหาศาลหรือ Shock Bill อย่างที่เคยเป็นปัญหากัน แต่ปัญหาหนึ่งที่เจอคือตอนแรกเมื่อเครือข่ายโรงมิ่งกันแล้ว ระบบเลือกเชื่อมต่อกับเครือข่ายของ China Mobile โดยอัตโนมัติ ปรากฎว่าความเร็วอินเทอร์เน็ตที่ได้มาแค่ระดับ EDGE ซึ่งช้ามาก ทำให้ต้องเปลี่ยนไปเลือกอีกเครือข่ายหนึ่งคือ China Unicom ผลปรากฏว่ามีสัญลักษณ์ 3G ขึ้นมาทันที ดังนั้นขอแนะนำเลยว่าถ้าจะเปิดโรงมิ่งไปยังประเทศจีนให้เลือกโรมมิ่งกับเครือข่าย China Unicom โดยตรงเลยก็ได้ครับ (แต่ AIS ยังไม่มีแพ็กเกจนี้ให้เลือก)

สำหรับแพ็กเกจที่ผมเลือกใช้นั้นเป็นแพ็กเกจ China Unlimited Data Roaming Package โดยเหมาจ่ายเฉพาะค่าเน็ตไม่จำกัด 5 วัน 1400 บ. (ปัจจุบันไม่มีโปรนี้แล้ว) ซึ่งถือว่าคุ้มมากครับ เพราะเนื่องจากผมเดินทางกันไป 4 คน แล้วเปิดแชร์เน็ตให้เพื่อนได้ใช้ร่วมกันด้วย ซึ่งหากจะโทรกลับเมืองไทย ก็ใช้โทรผ่านแอพ Line หรือจะแชต แชร์ Facebook ก็ใช้ร่วมกันได้หมด ไม่ต้องซื้อแพ็คเกจค่าโทรให้สิ้นเปลือง

หวังว่าบทความนี้คงมีประโยชน์สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องเดินทางไปประเทศจีนกันนะครับ หรือหากใครมีวิธีการใช้งานแบบอื่นก็มาร่วมแบ่งปันกันได้นะครับ

[บทความวิเคราะห์] ทำไม Galaxy Note 3 เพิ่งมาปล่อย รุ่นรองรับ 4G เอาป่านนี้?แล้วทำไมต้องมี 2 โมเดล?

เมื่อช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม 2014 Samsung ได้ออกวางจำหน่าย Note 3 รุ่นรองรับ 4G LTE ให้สาวกชาว Note ได้ตื่นเต้นกับการที่จะได้ใช้ 4G กับเค้าซะที ซึ่งการที่ Samsung ออกวางจำหน่าย Note 3 รุ่น LTE นั้นเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง เพราะไม่มีแหล่งข่าวไหนจะออกมาเปิดเผยว่า Note 3 LTE ที่ใช้ชื่อโมเดลว่า N9005 จะมาวางขายในไทย

ซึ่งรุ่นที่วางขายในไทยเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2013 คือรุ่น N9000 ซึ่งรองรับแค่ 3G เท่านั้น

ส่วน N9005 นั้นได้มีการวางจำหน่ายไปก่อนหน้านั้นแล้วในหลายๆประเทศ ซึ่งในไทยถ้าอยากได้ก็ต้องไป MBK

นอกจาก N9005 จะรองรับ 4G LTE แล้ว ยังมีซีพียูตัวใหม่ ซึ่งแรงกว่า N9000 ที่ใช้ Exynos 5 ส่วน N9005 ใช้ Snapdragon 800 ก็เจ้าตัวนี้แหละที่สาวกคนไทยตื่นเต้นอยากจะใช้ เพราะมันเร็วกว่า และเจ้า Snapdragon 800 นี่แหละ ที่ทำให้เกิดปมปัญหาให้กับสาวก Samsung ตระกูล Note ขึ้นมา แถมยังมีประเด็นสงครามสมาร์ทโฟนกับคู่แข่งรายใหญ่อย่าง Apple ขึ้นมาอีก

ประเด็นที่เป็นปมสงครามสมาร์ทโฟน คือ ในคืนวันที่ 10 กันยายน 2013 บริษัทคู่แข่งรายใหญ่อย่าง Apple ได้มีการเปิดตัวสินค้าใหม่และซอฟแวร์ตัวใหม่ แต่ประเด็นที่เราจะพูดถึงคือ การมาของ iPhone 5s ซึ่งมาพร้อมชิปประมวลผลระดับความเร็ว 64-bit ซึ่งก็คือ ชิป A7 ถ้าดูจากช่วงเวลาที่ Note 3 เปิดตัวคือวันที่ 4 กันยายน 2013 ถือว่า iPhone 5s เปิดทีหลัง แต่จริงๆก็ไล่เลี่ยกันถ้าดูในแง่ช่วงเวลาที่อยู่ในขั้นตอนการผลิต

หลังจากนั้นก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากแหล่งข่าวทั้งต่างประเทศและในประเทศที่โจมตี Samsung กรณี Snapdragon800

ประเด็นที่เกิดการวิจารณ์คือ บรรดาเวบไซต์ของเหล่าสาวกแอปเปิ้ลได้กล่าวในเชิงเย้ย Samsung ว่า อุตส่าห์ปล่อยหมัดเด็ด ซึ่งก็คือ Snapdragon800 ความเร็ว 32-bit แต่สุดท้ายก็หงายเมื่อเจอ ชิป A7 64-bit ของ iPhone 5s เข้า

แต่ทาง Samsung ก็ไม่ได้ยอม ถึงกับออกมาโต้ว่าความเร็วระดับ 64-bit นั้น เป็นแค่แผนทางการตลาดของ Apple เท่านั้น ไม่มีทางที่ใครจะพัฒนามาได้ขนาดนี้แน่นอน

(อันนี้ดูไม่น่าจะอยู่ในประเด็นที่จะพูดถึง แต่ดูจะเป็นประเด็นโจมตี Snapdragon 800 มากกว่า)

นอกจากนี้ยังมีประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในทวิตเตอร์ โดยเหล่าบรรดาบล็อกเกอร์ที่เป็นสาวกของแอปเปิ้ล ( รวมทั้งผู้เขียนเองด้วย ) ได้ตั้งแง่สงสัยเชิงถากถางขึ้นมาว่า ” ทำไม Note 3 ไม่ขายรุ่น LTE ตั้งแต่แรก ” และก็น่าจะใช้ CPU ตัวเดียวไปเลย คือ Snapdragon 800 แล้วทำไมต้องแยกโมเดลให้ยุ่งยาก?

ประเด็นนี้น่าสนใจและน่าเอามาคิด ว่า Samsung จะแยกโมเดล แยกสเปคทำไม?

ซึ่งก็จริงอยู่ว่า ตอนแรก N9005 ไม่ได้มีวี่แววว่าจะมาขายในไทยเลย แล้วอยู่ๆ ก็ออกมาประกาศว่าจะมาขาย ซึ่งก็สร้างความลำบากใจให้คนที่ซื้อ Note 3 N9000 ไปแล้ว

(อ่านประเด็นนี้เพิ่มเติมในเวบไซต์ ผู้จัดการ )

จากประเด็นทั้งหมดที่เกิดขึ้น ขอวิเคราะห์ถึงสาเหตุ 2 สาเหตุ

•ทำไมNote 3 เพิ่งจะมาวางขาย รุ่น LTE เอาป่านนี้ ?

•และทำไม ต้องแยกเป็น 2 โมเดล ?

ทำไมNote 3 เพิ่งจะมาวางขาย รุ่น LTE เอาป่านนี้ ?

จริงอยู่ที่ Samsung อาจจะพลาดมองข้ามความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยที่ต้องการจะใช้ 4G และสเปคที่แรง และเร็ว แต่ถ้ามองในแง่เรื่องความครอบคลุมของ 4G ในเมืองไทยซึ่งมีแค่เจ้าเดียว คือ Truemove-H แต่ก็ยังกระจายสัญญานได้ไม่ทั่วถึง และใช้ได้เพียงบางจุดเท่านั้น เช่น สยาม สีลม สาทร ในต่างจังหวัดก็ครอบคลุม เฉพาะตัวเมืองพัทยา หัวหิน และเชียงใหม่ เท่านั้น

ซึ่งทาง Samsung อาจจะมองว่า ส่วนที่ครอบคลุม 4G ในไทยยังน้อยไป และส่วนใหญ่จะใช้ได้แค่ 3G แต่สาเหตุที่อยู่ๆ เพิ่งมาวางจำหน่าย รุ่น N9005 เอาตอนนี้อาจจะเป็นเพราะว่า Samsung อาจจะเพิ่งจะเล็งเห็นว่า ในจำนวนสมาร์ทโฟนที่รองรับ 4G ของTruemove–H ยังไม่มีสมาร์ทโฟนของ Samsung ที่รองรับซักตัว

ภาพจากเว็บไซต์ Truemove-H ในวันที่เปิดตัว 4G LTE เป็นครั้งแรกเมื่อกลางปี 2013

จะเห็นได้ว่า ไม่มีสมาร์ทโฟนของ Samsung เลยที่รองรับ 4G ของ Trumove-H ทั้งๆที่ Samsung ได้มีสมาร์ทโฟนที่รองรับ 4G มาตั้งแต่ Galaxy S3 (I9300) แล้ว แต่เนื่องจากตอนนั้น ในไทยยังไม่มีเครือข่ายไหนที่รองรับ 4G ( เอา 3G ให้รอดก่อนเถอะ) จึงไม่คิดจะเอาออกมาวางจำหน่ายในไทย

และทำไม ต้องแยกเป็น 2 โมเดล ?

ถ้าเราจะมองแบบเปรียบเทียบกับคู่แข่งซึ่งก็คือ Apple สังเกตว่า Apple จะไม่มี iPhone 5s รุ่นรองรับแค่ 3G กับรุ่นรองรับ LTE แต่จะออกมาแค่รุ่นเดียว ซึ่งรองรับ LTE ตั้งแต่แรก และใช้ CPU (หน่วยประมวลผล) ตัวเดียวซึ่งก็คือ ชิป A7 และก็วางขายให้มันจบภายในรุ่นเดียว แต่ถ้ามองในแง่โมเดล จริงๆ iPhone ก็มีหลายโมเดล ซึ่งที่ต้องมีหลายโมเดลเพราะแต่ละโมเดลรองรับคลื่นความถี่ที่ต่างกัน เนื่องจากคลื่นความถี่ของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ไหนๆก็พูดเรื่องนี้แล้วเรามาดูตัวอย่างโมเดลของ iPhone กันสักสองสามรุ่นดีกว่า

iPhone 4

iPhone 4s

iPhone 5

iPhone 5c

iPhone 5s

จะเห็นว่า iPhone แต่ละรุ่นมีหลายโมเดล (ในภาพเขียนว่าหมายเลยรุ่น) ซึ่งเป็นเรื่องของการรองรับคลื่นความถี่ของแต่ละโมเดลมากกว่า

แต่เรื่องโมเดลของ iPhone ไม่ได้เป็นปัญหายุ่งยากหรือสร้างความลำบากใจอะไรให้กับผู้ใช้งาน เพราะถึง iPhone จะมีหลายโมเดล แต่ทางด้านสเปค iPhone มีสเปคเดียว แตกต่างแค่ความจุของตัวเครื่อง (Storage) ซึ่งแยกเป็น 8GB, 16GB, 32GB, 64Gb

ไม่เหมือน Note 3 ที่แต่ละโมเดลมีสเปคที่ต่างกัน ลองมาดูความต่างของสเปคของ N9000 กับ N9005 กัน

(ภาพจาก ThaiMobile Center )

แต่ถ้ามองในอีกแง่มุมที่ Note 3ต้องมี 2 โมเดลที่ดูจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้บริโภค นั่นก็คือเรื่องราคา เพราะ Note 3 ทั้ง 2 รุ่นมีราคาที่แตกต่างกัน ซึ่ง Samsung อาจจะมีนโยบายทางการตลาดให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกในกรณีที่แต่ละบุคคลมีอำนาจในการซื้อต่างกัน

มาดูราคาของ Note 3 ทั้ง 2 รุ่นกัน

• Note 3 N9000 ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 23,500 บาท

•Note 3 N9005 ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 24,900 บาท

เราจะเห็นได้ว่า ถึง Note 3 จะมี 2 โมเดล แต่ก็ดูแฟร์ๆ ในด้านความต่างของสเปคและราคา ใครที่ไม่มีโอกาสได้ใช้ 4G และไม่ได้ต้องการสเปคที่แรงอะไรมากมาย ก็จ่ายในราคาที่ถูกกว่า ส่วนใครที่ต้องการ 4G และสเปคแรงๆ ก็จ่ายมากกว่า ซึ่งถ้ามองแง่นี้สบายใจกว่ามั้ย?

ไม่ว่ากรณีของ Note3 LTE ที่วางขายในไทยนี้จะเกิดเป็นประเด็นขึ้นมายังไงก็ตาม แต่สุดท้ายอย่างน้อย Samsung ก็ได้รับบทเรียนนี้ไป และค่อนข้างมั่นใจว่า งานหน้า ถ้า Samsung จะปล่อยอะไรออกมาแบบนี้อีก ก็คงจะมีการบอกล่วงหน้ากันก่อน และคงจะไม่ซ้ำรอยเดิมอย่างกรณี Note 3 นี้

7 เหตุผลที่ควรใช้ 6Tag มากกว่า Instagram Beta บน Windows Phone

ถึงแม้ว่า Instagram จะมีให้ใช้งานอย่างเป็นทางการบน Windows Phone เรียบร้อยแล้วก็ตาม แต่ยังเป็นเพียงแต่เวอร์ชั่นทดลองหรือ Beta ซึ่งยังมีบางฟีเจอร์ที่ไม่สามารถใช้งานได้ ดังนั้นสำหรับผู้ที่เคยใช้แอพ 6Tag ซึ่งเป็นแอพที่ใช้แทนมาก่อนหน้าที่ Instagram Beta จะมาเสียอีก คงรู้ดีว่ามันสามารถใช้งานแทน Instagram ได้ดีกว่าหลายช่วงตัวเลยทีเดียว และบางอย่างอาจจะดีกว่าแอพ Instagram บน iOS หรือ Android ด้วยซ้ำ ซึ่งมีอะไรบ้างมาดูกันเลยครับ

1. regram ฟีเจอร์นี้ขอยกให้เป็นอันดับแรกเลยเพราะเราสามารถรีแกรม หรือรีโพสต์รูปของเพื่อนๆ หรือของเราเองซ้ำได้ คล้ายๆ กับการรีทวีตบนทวีตเตอร์ แถมยังโพสต์ข้อความเพิ่มเติมบนภาพที่จะรีแกรมได้อีกด้วย เรียกว่าเหนือกว่า ความสามารถที่แอพ Instagram ทุกแพลตฟอร์มเลยทีเดียว

2. Save Picture ฟีเจอร์นี้ดูเหมือนจะออกแนวละเมิดกฎของ Instagram ไปสักนิดกับความสามารถในการเซฟภาพเก็บไว้ในเครื่องได้ด้วย ซึ่งก็เพิ่มความสะดวกมากขึ้นกว่าการแคปเจอร์หน้าจอตามปกติวิสัยที่จะทำกัน

3. Post Video สำหรับ Instagram Beta บน Windows Phone นั้นยังไม่สามารถโพสต์วิดีโอได้ แต่แอพ 6Tag กลับสามารถยอมให้เราถ่้ายคลิปวิดีโอโพลส์ลงบน IG ของเราได้โดยตรง แต่ก็มีข้อจำกัดที่ไม่สามารถโพสต์วิดีโอคลิปที่ถ่ายไว้แล้วจาก Gallery ได้ จะต้องถ่ายสดแล้วโพสต์เลยทันที แต่ก็ดีกว่าไม่มีเลยจริงไหม

4. Share via NFC หากใช้มือถือรุ่นที่มีฟังก์ชั่น NFC สิ่งที่ 6Tag เพิ่มขึ้นมาให้อีกหนึ่งอย่างคือการแชร์รูปผ่าน NFC เพียงนำเครื่องมาแตะกันก็สามารถส่งลิงค์รูปบน IG ไปให้เพื่อนดูได้

5. Reply to comment แตะค้างบนชื่อเพื่อตอบกลับ ถือเป็นความสามารถที่เทียบเท่าเวอร์ชัน iOS เลยทีเดียว สำหรับการแตะค้างบนชื่อเพื่อนๆ เพื่อตอบกลับอ้างถึงบุคคลนั้น ซึ่งฟีเจอร์นี่แม้แต่บน Android ก็ยังทำไม่ได้ ซึ่งหากจะเมนชั่นอ้างถึงใครก็จะต้องพิมพ์ @ชื่อแอคเคาท์ ของคนนั้นด้วยตนเอง

6. #Hashtag Suggestion พูดเลยว่าชอบมากกับฟีเจอร์นี้ ที่สามารถจดจำ Hashtag ที่เราเคยใช้เอาไว้ในระบบ เพียงแต่พิมพ์ # เข้าไป ก็จะมี Hashtag ที่เราเคยใช้บ่อยๆ แสดงขึ้นมาให้เลือก ไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์ใหม่ทุกครั้ง ซึ่งบน iOS และ Android ก็ยังไม่สามารถทำได้ถึงขนาดนี้

7. Frame แบ่งเฟรมได้อิสระ ให้เราสามารถแบ่งเฟรมภาพได้อย่างอิสระ ไม่ต้องไปใช้แอพแบ่งเฟรมภาพตัวอื่นๆ ให้เสียเวลา่ เพราะ 6Tag เขามีฟีเจอร์นี้มาให้ในตัว และเลิศกว่า ด้วยการปรับแต่งขนาดเฟรมได้อย่างอิสระ จะเอาช่องเล็กช่องใหญ่ แบ่งย่อยหลายๆ ช่อง ได้ตามต้องการ

และนี่คือ 7 เหตุผลที่ทำไมหลายคนถึงติดใจแอพ 6Tag มากกว่าแอพ Instagram Beta ตัวแท้ๆ เสียอีก

Thank : Nokia Lumia 1520 for Image Capture

Google Trend เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ให้ผู้ใช้เปรียบเทียบข้อมูล และวิเคราะห์กระแสคำฮิตได้แบบวันต่อวัน

เป็นประจำทุกปีที่ Google จะจัดงาน Google Zeigeist (ไซต์ไกสต์) เพื่อประกาศสุดยอดคำค้นหาประจำปี ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 13 แล้ว และประเืทศไทยเองก็มีการประกาศสุดยอดคำค้นหาประจำปี 2556 ไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน ดูข่าวเก่าได้ที่ GOOGLE TREND สรุปสุดยอดคำค้นหาปี 2013 IPHONE 5S ขึ้นอันดับ 1 ในโหมด GADGET โดยเป็นการสรุปผลจากเครื่องมือที่เรียกว่า Google Trend ที่ได้นำข้อมูลที่เก็บรวบรวมไว้จากการค้นหาของผู้ใช้งานทั่วโลก มาวิเคราะห์แยกตามความนิยมในแต่ละหมวดหมู่ เพื่อให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถนำข้อมูลนี้ไปใช้ประโยชน์ในแง่ต่างๆ ได้

แต่ปีนี้มีสิ่งใหม่ที่ Google Trend เพิ่งได้เปิดตัวพร้อมกันทั่วโลก ไปเมื่อคืนวันที่ 18 ธ.ค. 56 ที่ผ่านมา คือฟีเจอร์การค้นหายอดนิยม หรือ Trending ในแบบรายวัน ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานสามารถทราบได้ว่าในแต่ละวันมีกระแสนิยมอะไรเกิดขึ้นรอบตัวบ้าง และนอกจากนี้ยังสามารถเปรียบเทียบคำค้นหาระหว่างกันได้อีกด้วยว่าคำไหนได้รับความนิยมในการค้นหามากกว่ากัน โดยสามารถเทียบได้สูงสุด 5 คำ ซึ่งคุณสมบัตินี้จะทำให้ผู้ใช้สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์ธุรกิจได้เป็นอย่างดี เช่น การเปรียบเทียบแคมเปญทางการตลาดดูว่าที่เราทำไปนั้นได้รับความสนใจมากน้อยแค่ไหนเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เป็นต้น (ดูวิธีการเปรียบเทียบ ท้ายบทความ)

คำค้นยอดนิยมประจำวัน สังเกตว่า Trending ของวันจันทร์ที่ 16 ในประเทศไทย มีการค้นหาคำว่า หวย เป็นอันดับ 1 ซึ่งสามารถสะท้อนพฤติกรรม หรือความสนใจของคนในแต่ละวันได้อย่างชัดเจน อิอิ…

และนอกจากนี้ยังสามารถค้นหาคำยอดนิยมตามช่วงเวลา สถานที่ จากประเทศต่างๆ ได้ทั่วโลก กว่า 70 ประเทศ และรองรับภาษาทั้งหมด 52 ภาษา

สำรวจเทรนด์โลกกับ Google Zeigeist

ในหน้าแรกของเว็บไซต์ Google Zeigeist จะมีฟังก์ชั่นอีกตัวที่เรียกว่า สำรวจเทรนด์โลก ที่จะแสดงคำค้นยอดนิยมในรูปแบบบนแผนที่โลก โดยลำดับตามช่วงวัน เดือน ปี โดยจะแสดงให้เห็นว่าในวันเวลาดังกล่าวนั้นมีคำค้นหายอดนิยมอะไรบ้างจากทั่วโลก ซึ่งเราสามารถคลิกไปยังประเทศต่างๆ ได้ทั่วโลก และคลิกเลื่อนไปตามวันและเดือนที่ต้องการได้อีกด้วย

หมวดหมู่ที่มีเพิ่มขึ้นมาใน ไซต์ไกสต์ 2013

สำหรับหมวดหมู่ที่เพิ่มขึ้นมาในปีนี้คือ คำค้นดาวรุ่งพุ่งแรง ซึ่งหมายถึง คำค้นหาที่มียอดการค้นหาสูงสุดในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งระหว่างปี 2013 เทียบกับปี 2012 ซึ่งแตกต่างจาก คำค้นหายอดนิยม ที่หมายถึง คำค้นหาที่คนนิยมมากที่สุดในปี 2013 โดยลำดับตามปริมาณการค้นหา

TOP 10 คำค้นหายอดนิยมและ คำค้นดาวรุ่งพุ่งแรง

ในงานนี้ผมได้ข้อมูลเพิ่มเติมของสถิติคำค้นในบางหมวดที่ไม่ได้แสดงอยู่บนหน้าเว็บ Google Trend มาฝากกันด้วยครับ ไปดูกันตามหมวดหมู่เลยครับผม

แอพล้ำนำเทคโนโลยี (คำค้นดาวรุ่งพุ่งแรง)

1. Facebook Messenger

2. Subway surfers

3. Line pc

4. ติ๊ก เก้อ

5. Imadeface

6. Emojination ไทย

7. Camera360

8. Socialcam

9. Maaii

10. WeChat

เกมส์ออนไลน์ (คำค้นดาวรุ่งพุ่งแรง)

1. เกม เศรษฐี ออนไลน์

2. Prince Of Pirate

3. Minecraft 1.5.2

4. Garena

5. Ragnarok Online 2

6. FIFA Online 3

7. DK online

8. C9

9. Yepi

10. Dragon City

เพลงและมิวสิควิดีโอ (คำค้นดาวรุ่งพุ่งแรง)

1. ภูมิแพ้ กรุงเทพ

2. คุกเข่า

3. แน่นอก

4. ไม่บอกเธอ

5. อาย

6. ลมเปลี่ยนทิศ

7. แค่คุณ

8. พูดไม่ค่อยถูก

9. บ่องตง

10. โอมจงเงย

วิธีการเปรียบเทียบคำค้นหายอดนิยม

1. เข้าสู่เว็บไซต์ google.com/zeitgeist แล้วคลิกที่ ทบทวนเรื่องราวของทั้งปีด้วย Google เทรนด์

2. คลิก สำรวจ

3. คลิกที่ปุ่ม +เพิ่มข้อความ แล้วพิมพ์คำที่ต้องการเปรียบเทียบเข้าไป สูงสุดได้ไม่เกิน 5 คำ

3. คลิกเลือกประเทศ

4. คลิกเลือกระยะเวลาหรือปีที่ต้องการดูข้อมูลสถิติการค้นหา

จากนั้นระบบก็จะแสดงกราฟเปรียบเทียบให้เห็นถึงระดับความสนใจที่ผ่านมาทั้งหมดตามเงื่อนไขภูมิภาคและช่วงเวลาที่กำหนด รวมถึงความสนใจในระดับภูมิภาคว่ามีเมืองใด จังหวัดใดที่ค้นหาคำเหล่านี้บ้าง

นอกจากนี้ยังมีในส่วนของ การค้นหาที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะแสดงผลของคำค้นหาที่ต่อเนื่องจากคำหลัก ว่ามีการค้นหาคำใดต่อหลังจากนั้น

ทั้งนี้ยังมีตัวเลขที่น่าสนใจจาก Google Zeitgeist ดังนี้

• 13 ล้านล้านครั้ง ที่มีการค้นหาจากทั่วโลก

• 72 ประเทศทั่วโลกที่ประกาศผลไซต์ไกสต์ประจำปี

• 17 ประเทศ ใน 72 ประเทศ ที่เพิ่งประกาศผลไซต์ไกสต์ เป็นครั้งแรก อาทิ บังกลาเทศ, โครเอเชีย, เวเนซูเอล่า

• 52 ภาษา ที่เว็บไซต์ไกสต์ นำเสนอเป็นภาษาต่างๆ

• 146 ภาษา ที่ถูกค้นหาจาก 13 ล้านล้านครั้ง

• 1000 รายการที่ถูกจัดให้เป็น 10 อันดับคำค้นหาในหมวดต่างๆ

Google Trend สรุปสุดยอดคำค้นหาปี 2013 iPhone 5s ขึ้นอันดับ 1 ในโหมด Gadget

เป็นธรรมเนียมของทุกปีที่ Google Trend จะออกมาเผยถึงสถิติ คำค้นหายอดนิยมในหมวดหมู่ต่างๆ จากทั่วโลก และแบ่งตามประเทศต่างๆ ด้วย ซึ่งปีนี้ในประเทศไทย ตามหมวดหมู่ของ Gadget และ Technology คำค้นอันดับ 1 ตกเป็นของ iPhone 5s ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจมากนัก เพราะทุกๆ ปี iPhone ก็มักจะได้ตำแหน่งนี้ไปครอง เท่านั้นยังไม่พอ อันดับ ที่ 2-4 ก็เป็นคำค้นจากอุปกรณ์ของแอปเปิ้ลทั้งนั้น ส่วนอันดับที่ 5 ตกเป็นของ Samsung Galaxy S4

10 อันดับคำค้นยอดนิยมในหมวดแก็ดเ็จ็ตและเทคโนโลยี

1. iphone 5s

2. ios7

3. iPhone 5c

4. ipad mini

5. Samsung Galaxy S4

6. Samsung Galaxy Grand

7. Note 3

8. Nokia Lumia

9. Nokia Asha 501

10. Baidu PC Faster

และอีกหนึ่งอันดับที่น่าสนใจคืออันดับที่ 8-9 เป็นของ Nokia ซึ่งติดโผเข้ามาเป็น 1 ใน 10 แล้วล่ะครับ เรียกว่าโนเกียประสบความสำเร็จในการสร้างความน่าสนใจได้พอสมควรแล้วสินะ

ส่วนแบรนด์มือถืออย่าง LG, HTC, Sony, ACER ก็ถูกเบียดตกกระดานไปเป็นที่เรียบร้อย

และในวันพรุ่งนี้จะมีงานแถลงข่าว สุดยอดคำค้นหาแห่งปี 2556 “Google Zeitgeist” หรือ “จิตวิญญาณแห่งกาลเวลา” โดย Google ประเทศไทย อย่างเป็นทางการ ซึ่งผมจะทำหน้าที่รายงานสดผ่าน Twitter : @Oops_Mobile ให้กับเพื่อนๆ ได้ติดตามกันนะครับ รอดูว่าจะมีข้อมูลอะไรเด็ดๆ มาฝากเพิ่มเติมกันในวันพรุ่งนี้ ตั้งแต่ 10 โมงเช้าเป็นต้นไป

[youtube link=”https://www.youtube.com/watch?v=Lv-sY_z8MNs” width=”590″ height=”315″]

Google Trend : http://www.google.co.th/trends/topcharts?date=2013

Buzzebees แอพโซเซียล พรีวิเลจ เพลตฟอร์ม ต้นแบบความสำเร็จของบริษัท Start up ที่หันมาเลือกใช้ คลาวด์ เซอร์วิสจาก Windows Azure

วันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งวันที่ได้รับข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับเรื่องของ Cloud Service ซึ่งทางไมโครซอฟต์ประเทศไทย ได้จัดแถลงข่าวกลุ่มย่อยให้กับสื่อมวลชนได้รู้จักกับ Windows Azure มากยิ่งขึ้น ซึ่งในงานนี้ก็ได้นางเอกจาก Buzzebees (บัซซี่บีส์) แอพพลิเคชั่นสะสมแต้มแลกของรางวัลจากการคลิกไลค์บน Facebook ที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วที่มีผู้ใช้งานกว่า 2 ล้านคน ภายในเวลา 1 ปี ที่นำทีมโดยคุณณัฐธิดา สงวนศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด มาแชร์ประสบการณ์ถึงเส้นทางความสำเร็จในครั้งนี้อีกด้วย

Buzzebees คืออะไร?
จากที่เกริ่นไว้แล้ว ว่าแอพ Buzzebees คืออะไร เรามาทำความรู้จักกับแอพตัวนี้ให้มากขึ้นอีกนิด โดยเจ้าแอพตัวนี้เป็นการผสมผสานระหว่างโซเชียลมีเดีย รอยัลตี้โปรแกรม และอีคอมเมิร์ช เข้าด้วยกัน ด้วยแนวคิดที่กระตุ้นให้ผู้ใช้ Facebook ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ได้เข้ามาทำกิจกรรมต่างๆ ผ่านแอพ Buzzebees ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์ แชร์ข้อความ รูปภาพ กด Like หรือแสดงความคิดเห็น รวมถึงการชวนเพื่อนเข้าร่วมกิจกรรมด้วย โดยผู้ใช้จะได้รับคะแนนเป็นการตอบแทน หลังจากนั้นจะสามารถนำคะแนนเหล่านี้ไปใช้เป็นส่วนลดในการซื้อสินค้า หรือใช้บริการ รวมถึงลุ้นรับของรางวัลได้ฟรีจากธุรกิจที่เข้าร่วม โดยรองรับทั้ง Android และ iOS หรือจะเข้าผ่านหน้าเว็บไซต์ www.buzzebees.com ก็ได้ ส่วนแอพบน Windows Phone จะเปิดให้บริการประมาณ ต้นปีหน้า

นอกจากที่จะทำแอพของตัวเองด้วยแล้ว Buzzebees ยังได้รับทำแอพให้กับองค์กรต่างๆ อีกด้วย โดยใช้แพลตฟอร์มของแอพตัวเองเป็นต้นแบบ ไม่ว่าจะเป็น AIS Privilege, Samsung Galaxy Gift, Galaxy Social Plus, Kimheng Gold และล่าสุดอย่าง SingTel จากสิงคโปร์ก็หันมาใช้แพลตฟอร์มนี้ในการเพิ่มมูลค่าให้บริการของธุรกิจตัวเองอีกด้วย

เส้นทางสู่ความสำเร็จ

คุณณัฐธิดา เล่าให้ฟังว่า จากที่เริ่มทำแอพ Buzzebees ที่เป็นแพลตฟอร์มต้นแบบของโซเีชียล พริวิเลจ เราได้ตั้งเป้าหมายแต่แรกว่าจะต้องก้าวไปยังต่างประเทศให้ได้ ดังนั้นจึงต้องหาพาร์ทเนอร์ที่เป็นบริษัทใหญ่ระดับโลกให้ได้ โดยเราได้ลองเข้าไปนำเสนอโซลูชั่นนี้ให้กับทาง Samsung ซึ่งถือเป็นจังหวะที่พอดีมากที่ทางซัมซุงกำลังอยากทำแคมเปญมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าพอดี เราจึงได้มีโอกาสร่วมงานกับทางซัมซุงโดยรับทำแอพ Samsung Galaxy Gift ที่มีแคมเปญให้ลูกค้าซัมซุงจองตัวคู่กรรมผ่านแอพได้ฟรี ทำให้ขณะนั้นมีคนจองตั๋วเข้ามากว่า 20,000 คน ภายใน 1 วินาที ซึ่งถือว่ามี Hit Rate ที่สูงมาก ทำให้แคมเปญนี้ประสบความสำเร็จมากๆ เลยทีเดียว

ซึ่งการจะทำให้ระบบรองรับการใช้งานสูงๆ ในเวลาเดียวกันได้นั้นจะต้องมีระบบที่มีเสถียรภาพมาก โดยเราเลือกใช้ระบบ Cloud Service ของ Microsoft Windows Azure ซึ่งช่วยในการประหยัดต้นทุนโดยที่จะไม่ต้องลงทุนระบบ Server หรือโครงสร้างพื้นฐา่นด้านไอทีเองทั้งหมด ซึ่งถือเป็นทางออกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจ Start Up ต่างๆ ที่กำลังเติบโตอยู่ในขณะนี้

หากถามว่าทำไมถึงเลือกใช้บริการคลาวด์เซอร์วิสจาก Windows Azure ต้องบอกว่าเรามองถึงการขยายตลาดในต่างประเทศเป็นสำคัญ ดังนั้นจึงเหลือผู้ให้บริการเพียง 2 เจ้า คือ Microsoft Windows Azure และ Amazon Web Service ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบความต้องการทางเทคนิคที่เหมือนกัน ปริมาณโหลดเท่ากัน และความง่ายในการใช้งาน Windows Azure นั้นใช้งานได้ง่ายกว่า ช่วยให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญ การเลือกเป็นไลเซ่นส์ Enterprise Agreement (EA) นั้นมีความคุ้มค่ามาก ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง จึงทำให้ตัดสินใจได้ทันที

อนาคตจะเป็นอย่างไร?
Buzzebees ยังมีแผนที่จะขยายไปยังกลุ่มผู้ใช้ในโซเชียลมีเดียแำพลตฟอร์มอื่นๆ และการเติบโตของตลาดภายในประเทศ ทั้งจำนวนสมาชิก จำนวนธุรกิจที่จะใช้บริการ Privilege CRM Application และจำนวนธุรกิจที่จะเข้ามาร่วมในส่วน E-Commerce ที่มีโอกาสเพิ่มขึ้นอีกมากจากตลาดต่างประเทศ

นอกจากนี้ยังมีการต่อยอดเป็นแอพ adBuzz เืพื่อนำยอดสมาชิกกว่า 2 ล้านคน มาต่อยอดทางธุรกิจ โดยเฉพาะในวงการสื่อและโฆษณา ซึ่งประยุกต์หลักการคล้ายๆ กัน คือสมาชิกที่ชมโฆษณา จะได้คะแนนสะสมเพื่อแลกของรางงวัล หรือรับสินค้าตัวอย่าง ซึ่งเปิดให้ดาวน์โหลดได้แล้ว

สรุปข้อมูลที่น่าสนใจของ Windows Azure ตั้งแต่เปิดตัวในปี 2553

• ในแต่ละวัน มีลูกค้ากว่า 1,000 ราย ลงทะเบียนใช้งาน Windows Azure
• ปัจจุบัน มีลูกค้ากว่า 200,000 ราย ใช้ Windows Azure
• สำหรับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก Windows Azure (ซึ่งรวม IaaS บริการด้านโครงสร้างพื้นฐาน Infrastructure as a Service) และ PaaS (บริการด้านแพลตฟอร์ม Platform as a Service) เติบโตถึง 3 เท่า ซึ่งเร็วกว่าอัตราการเติบโตของตลาดโดยรวม
• ไอดีซี ได้คาดการณ์ตัวเลขการใช้บริการคลาวด์สาธารณะ (Public Cloud) สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น) ในปี 2556 ไว้ที่ 5,300 ล้านเหรียญสหรัฐ และจะเพิ่มขึ้นเป็น 14,900 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2560
• คาดว่าธุรกิจ IaaS (Infrastructure as a service) และ PaaS (Platform as a service) จะเติบโต 25 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2560 สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น)
• สำหรับในประเทศไทย ปัจจุบันมีลูกค้าที่หันมาใช้บริการ Windows Azure แล้ว 800 ราย โดยมีรายได้เติบโตสูงถึง 400 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
• ธุรกิจในประเทศไทยที่ใช้ Windows Azure อาทิ
–บริษัท อุ๊คบี จำกัด ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มธุรกิจสิ่งพิมพ์ดิจิตอลบนโปรแกรมที่ชื่อ อุ๊คบี (Ookbee) บนระบบคลาวด์ วินโดว์ อาชัวร์ จนเติบโตเป็นร้าน E-bookstore ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
–บริษัท Semantic Touch ผู้ให้บริการด้านเครื่องมือการทำตลาดด้าน อี-คอมเมิร์ซ บนโซเชียล เน๊ตเวิร์ค อย่าง เฟซบุ๊ค ที่ชื่อ BentoWeb
–บริษัท Computerlogy สตาร์ทอัพที่ดำเนินธุรกิจด้านการให้บริการ Social Media Management Tool ซึ่งเป็นบริษัทรายแรกและรายเดียวในเมืองไทยที่เป็น Facebook Preferred Marketing Developer ปัจจุบัน Computerlogy ได้ประกาศเข้าร่วมทุนและได้รับการสนับสนุน จากโครงการ InVent ของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ INTOUCH อย่างเป็นทางการในวงเงิน 29 ล้านบาท
–บริษัท บิลค์ ดอทคอม (Builk.com) ดำเนินธุรกิจให้บริการระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) บนเว็บเบสที่ใช้งานง่าย สำหรับผู้รับเหมาก่อสร้างรายย่อยถึงขนาดกลาง เพื่อให้ลูกค้าใช้งานแอ็พพลิเคชั่นของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพรวดเร็วและเข้าใจง่าย
–บริษัท Ecartstudio จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาและให้คำปรึกษาทางด้านระบบ Web-Based Application และระบบ Enterprise Location-Based Application แบบครบวงจร
–เว็บไซต์ Thaicreate.com ชุมชนออนไลน์ของนักพัฒนาแอพลิเคชั่นที่ใหญ่ที่สุดในไทย