[Udpate] สรุปรวบตึง มีอะไรใหม่ใน iOS 8 ใครใช้ iPhone, iPad, iPod Touch ไม่ควรพลาด

ios8Head

 

สำหรับใครที่ไม่ได้ติดตามงาน WWDC14 เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งงานนี้มีการเปิดตัวเฉพาะระบบปฏิบัติการใหม่ นั่นคือ OS X Yosemite สำหรับเครื่อง Mac และ iOS 8 สำหรับ iPhone, iPad, iPod Touch ซึ่งเราจะมาพูดถึง iOS 8 กันก่อนว่ามีอะไรใหม่บ้าง ส่วน OS X จะขอแยกเป็นอีกบทความไว้ดีกว่า

 

มีอะไรใหม่บ้างใน iOS 8

f1401731427

 

แถบ Notification โต้ตอบได้ทันทีเมื่อมีข้อความเข้ามา ไม่จำเป็นต้องออกจากหน้าแอพที่กำลังใช้งานอีกต่อไป รวมถึงหน้า Lock Screen ก็ใช้งานแถบแจ้งเตือนได้เลยเช่นกัน
f1401731513

 

ในหน้า Multitasking จะแสดงรายชื่อล่าสุดที่โทรออก, รายชื่อในรายการโปรด Favorite, ส่งข้อความ หรือ FaceTime หาคุณขึ้นมาด้วย
f1401731680

 

 

ช่อง Sportlight search ทำหน้าที่คล้ายกับ OS X คือหาข้อมูลได้แทบทุกแอพในเครื่อง รวมถึงค้นหาแอพที่ยังไม่ได้ติดตั้งในเครื่องได้ด้วย..บระเจ้า ไม่ต้องเข้า App Store แล้วพี่น้อง

f1401731843

 

Smartest Keyboard คีย์บอร์ดมีระบบช่วยเดาคำอัตโนมัติได้ฉลาดยิ่งขึ้น โดยวิเคราะห์จากรูปประโยคให้ใกล้เคียงยิ่งขึ้น แล้วแสดงคำขึ้นมาให้เลือกแม้ว่าเรายังไม่ได้พิมพ์ตัวอักษรแรกก็ตาม นอกจากนี้ยังสามารถรู้ได้ว่าควรเลือกใช้คำแบบไหนให้เหมาะสมตามสถานะการณ์เช่นคุณกับเพื่อนใน iMessage ก็จะใช้คำสบายๆ หน่อย หรือหากคุยอีเมล์เรื่องงานก็จะใช้คำที่เป็นทางการมากขึ้น  ที่สำคัญรองรับหลายภาษาไม่ใช่แค่อังกฤษ มีภาษาไทยด้วย ซึ่งก็ต้องลองดูว่าภาษาไทยจะทำงานได้ดีแค่ไหน หวังว่าคงไม่เจอคำว่า “สัตว์ปีก” มาให้โน้ต อุดม ได้แซวเล่นกันอีกนะครัสสส อิอิอิ

f1401731932

 

 

สามารถแชทกันแบบ Group Messaging สนทนากันเป็นกลุ่มได้แล้ว แต่ยังไม่เป็นบล็อค 4 กรอบตามสิทธิบัตรที่จดไว้ก่อนหน้านี้ แต่ก็ถือเป็นเรื่องดีๆที่ผ่านเข้ามา ฟังก์ชั่นหลักๆ สามารถตั้งชื่อกลุ่ม, เพิ่มลบเพื่อนและดีดตัวเองออกจากกลุ่มได้ทุกเมื่อ, เปิดระบบห้ามรบกวนได้ เป็นต้น

f1401732051

 

 

iMessage ส่งคลิปวิดีโอ และคลิปเสียงได้แล้ว โดยสามารถเปิดจากหน้า Lock Screen ก็ได้นะ #ถ้าโอเคให้ทำปากจู๋  นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดให้ คลิปวิดีโอ หรือคลิปเสียงสามารถเปิดฟังไปแล้วจะลบไปในกี่นาทีตามกำหนดได้อีกด้วย

f1401732266

 

 

เวลาจะฟังคลิปเสียงก็แค่ยกแนบหูก็ฟังได้เลย ส่วนเวลาจะส่งคลิปเสียงก็แค่กดปุ่มบันทึกเสียงค้างไว้ เมื่อเสร็จแล้วก็ปัดนิ้วขึ้นไปด้านบนเพื่อส่งได้ทันที

 

ios8-imessage

 

 

สามารถ Share Location หรือตำแหน่งปัจจบุันของเรา พร้อมกำหนดได้ว่าจะให้สิ้นสุดลงเมื่อไหร่ เช่น ภายใน 2 ชั่วโมง,  ภายในวันนี้เท่านั้น หรือ เปิดตลอด

ios8-imessage-location

 

Handoff เชื่อมต่อการใช้งานให้ต่อเนื่องระหว่าง iPhone, iPad, Mac (Yosemite) เข้าด้วยกัน เช่นกำลังเขียนอีเมล์บน iPhone แล้วกลับมาเขียนต่อบน Mac ได้โดยที่เมื่อเครื่องทั้ง 2 อยู่ใกล้กันระบบจะเปิดแอพนั้นขึ้นมาให้เขียนอีเมล์ต่อโดยอัตโนมัติ โดยรองรับการแอพต่างๆ อีกมากมายทั้ง Safari, Pages, Numbers, Keynote, Maps, Messages, Reminders, Calendar และ Contacts นอกจากนี้ฟีเจอร์ดังกล่าวยังช่วยให้การเชื่อมต่อ Wi-Fi Hotspot ระหว่าง iPhone กับ iPad ได้ง่ายขึ้นแค่วางไว้ใกล้กัน ส่วน Mac ก็จะถามทันทีว่าจะใช้ Hotspot ของ iPhone มั้ย และที่เป็นฟีเจอร์สุดล้ำอีกอย่างที่หลายคนรอคอยคือการให้เครื่อง Mac รับสาย และโทรออก โดยใช้สัญญาณโทรศัพท์จาก iPhone ได้ด้วย

Handoff

 

Enterprise Feature 

มีการเพิ่มคุณสมบัติสำหรับการใช้งานภายในองค์กร โดยให้ติดตั้งแอพและตั้งค่าการทำงานตามกติกาขององค์กรนั้นๆ โดยอัตโนมัติ รวมทั้ง Email, Calendar ฯลฯ นอกจากนี้ยังรวมถึงการจัดการหนังสือ และไฟล์ PDF ใน iBook ตามที่สถาบันนั้นๆ จัดเตรียมไว้ด้วย ซึ่งมีประโยชน์มากในการใช้งานด้านการศึกษา

DSC_1243

DSC_1252

 

 

iCloud Drive บน iOS 8 สามารถเปิดไฟล์เอกสารหรือซิงค์ขึ้นคลาวด์ รวมถึงติดตั้งคลาวด์จากแอพอื่นๆ เช่น OneDrive, Box ได้ด้วย

f1401732413

 

 

มีแอพ Health เพื่อคนรักสุขภาพจริงๆด้วย เป็นที่รวมข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพจากแอพอื่นๆ ทั้งหมดไว้ในที่เดียว ตั้งค่าร่วมใช้งานกับแอพอื่น หรือกำหนดให้แจ้งเตือนเมื่อถึงวันนัดหมอ หรือตั้งให้ส่งข้อความไปถึงหมอ หากต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉินโดยอัตโนมัติได้ถ้ามีค่าผิดปกติมาก เช่น ความดันสูง โดยมีการทำงานร่วมกับ Mayo Clinic  เครือข่ายสุขภาพชื่อดังของอเมริกา (เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลประโยชน์ ที่มีแพทย์ นักวิจัย และบุคคลากรกว่า 50,000 คน)

f1401732590

 

Family Sharing ศูนย์รวมของคนในครอบครัว โดยสามารถ แชร์รูปภาพ, แชร์แอพ (ซื้อคนเดียวใช้ได้ 6 คน), เพลง, หนัง, อีบุ๊ก, ปฏิทิน ให้คนในครอบครัวได้ถึง 6 คน ค้นหาตำแหน่งคนในครอบครัว ให้กันได้ ที่สำคัญสามารถซื้อแอพให้กันได้ เช่น เกิดลูกจะซื้อแอพก็สามารถใช้บัตรเครดิตของพ่อเพื่อจ่ายตังค์ให้ได้ โดยที่ลูกไม่ต้องมีแอคเคาท์ Apple ID (แต่จะมีหน้าจอแจ้งเตือนให้พ่อแม่อนุญาติก่อนนะ ไม่ต้องกลัว Shock Bill 555)

f1401732795

 

Photo Edit สามารถตกแต่งภาพ โดยปรับส่วนที่มืดให้สว่างได้โดยดูการไล่ระดับแสงสว่างจากน้อยไปมากได้ นอกจากนี้ยังใช้ปรับค่าต่างๆ เพิ่มเติมได้อีกมากมาย เช่น สี, ความสว่าง, คอนทราสต์ ฯลฯ ได้อย่างมืออาชีพแล้ว ยังสามารถปรับแต่งแบบง่ายกว่านั้นคือ ปรับแค่สีและความสว่าง โดยที่แอพจะช่วยลดค่าอื่นๆ ที่เหมาะสมให้เอง เช่น ปรับให้สีสันสดขึ้น จะมีการไปลดหรือเพิ่มค่าคอนทราสต์ และความสว่างภาพให้อัตโนมัติ โดยไม่ทำไม่ทำให้แสงส่วนอื่นสูญเสียรายละเอียดไปด้วย อย่างการปรับภาพย้อนแสงบนใบหน้าให้สว่างขึ้น โดยที่ฉากหลังเป็นท้องฟ้า หรือแบ็กกราวด์วิวก็ยังคมชัดอยู่

 

นอกจากนี้ยังสามารถทำงานร่วมกับแอพจัดการภาพหรือ Photo ตัวใหม่ที่จะออกมาสำหรับ Mac OS X Yosemite ในต้นปีหน้าได้อีกด้วย

f1401733038

 

 

หากให้อัพโหลดรูปขึ้นคลาวด์จะไม่จำกัดแค่ 1,000 รูป อีกต่อไปแล้ว ซึ่งอาจะเป็นกลยุทธ์ล่อให้คนต้องซื้อพื้นที่  iCloud มากขึ้นก็ได้ เพราะพื้นที่ฟรี 5GB อาจจะไม่พอยาไส้ แต่ถ้าซื้อเพิ่มก็มีการปรับราคาลงมาเป็น 20 GB จ่าย $0.99 ต่อเดือน (เดิม $3.33/เดือน) หรือ 200 GB จ่าย $3.99 ต่อเดือน

DSC_1346

 

 

แอพ Photos แสดงภาพในเครื่องและ iCloud จากทุกอุปกรณ์ โดยที่ช่อง Spotlight สามารถค้นหาภาพตามตำแหน่ง, เวลา, และอัลบั้มได้ตามต้องการ

f1401732953

 

พูดเลย “Hey, Siri” จะสั่งให้ค้นหาเพลงจากการฟังเสียงด้วย Shazam หรือสั่งซื้อของใน iTunes ก็ทำได้ ไม่รู้ว่าจะมีภาษาไทยติด 1 ใน 22 ภาษารึเปล่าสินะ

f1401733336

 

 

ในส่วนของ App Store เพิ่มแท็บ explore ช่วยค้นหาแอพ และเพิ่ม App bundles ให้ผู้ขายแอพ จัดแอพขายแบบยกชุดได้ในราคาพิเศษ

f1401733534

 

 

Notification Center มี Widgets กับเค้าแล้วหรือนี่..คล้ายๆ Google Now บน Android วิธีเรียกเปิดใช้งานให้พูดว่า “one new widget available.” แล้วเพิ่มหรือแก้ไขรายการกีฬาโปรดของคุณ ขณะนี้รองรับบน iPad เช่นกัน

f1401733795

 

เย้ๆๆๆๆ ฉีกข้อจำกัดเรื่องคีย์บอร์ดเสียที โดย iOS 8 ยอมให้ติดตั้งคีย์บอร์ดเสริม หรือคีย์บอร์ดแบบอื่นๆ เพิ่มเติมได้ (เช่น swype คีย์บอร์ดจากผู้พัฒนาร่วมรายอื่นๆ) โดยไม่ต้องไป Jailbreak อีกต่อไป  แถมยังคุยว่ามีระบบป้องกันไม่ให้คีย์บอร์ดเหล่านั้นไปยุ่งกับส่วนอื่นๆ ของระบบได้ (แอบขโมยข้อมูลที่คุณคีย์แล้วส่งออกไปไม่ได้) นอกจากคุณจะยอมอนุญาตเป็นพิเศษ

f1401734021

 

iPhone 5S มีผู้ใช้งาน Touch ID ประมาณ 83% ใน iOS 8 จะเพิ่มความสามารถให้ป้องกันข้อมูลแอพอื่นๆได้มากขึ้น ไม่ใช่แค่ App Store หรือปลดล็อคหน้าจออีกต่อไป

f1401734087

 

HomeKit พร้อมรองรับระบบ Smart Home โดย iDevice จะทำงานร่วมกับอุปกรณ์เสริมที่ช่วยให้บ้านปลอดภัยยิ่งขึ้น เช่น สั่งล็อคประตู, ปิดเปิดไฟ, กล้องวงจรปิด ฯลฯ หรือไม่ต้องเปิดแอพก็สามารถใช้ Siri สั่งงานด้วยเสียงได้ โดย Apple ได้เจรจากับบริษัทต่างๆ ที่ทำระบบอัตโนมัติทั้งหลายในบ้าน ตั้งแต่กุญแจล็อค ไฟส่องสว่าง ฯลฯ ไว้แล้วหลายสิบบริษัท

f1401734203

DSC_1458

 

iOS 8 Beta หรือเวอร์ชั่นทดลอง เริ่มปล่อยให้นักพัฒนาดาวน์โหลดได้แล้ว ส่วนเวอร์ชั่นเต็มจะปล่อยให้คนทั่วให้ดาวน์โหลดได้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วม หรือประมาณเดือนกันยายน-ตุลาคม ปีนี้

f1401735310

 

สำหรับนักพัฒนา Developer

นอกจากคุณสมบัติใหม่สำหรับผู้ใช้แล้ว ยังมีคุณสมบัติใหม่หลายๆ อย่างสำหรับ developer หรือผู้พัฒนาโปรแกรม ซึ่งบางอย่างมีผลกับผู้ใช้ด้วย เช่น

 

• App Preview แสดงวิดีโอของการทำงานแอพในหน้า App Store เลย

DSC_1382


Test Flight นักพัฒนาสามารถเชิญผู้ใช้เข้าร่วมทดสอบรุ่น beta ของแอพได้ด้วยก่อนปล่อยตัวจริงออกไป

DSC_1384


Metal ระบบกราฟิกใหม่ที่ช่วยลด overhead และเพิ่มความเร็วในการทำงานแสดงผลได้เร็วขึ้นเป็นสิบเท่ ซึ่งหากเป็นอย่างที่แอปเปิลวางไว้ iOS ก็จะเริ่มสามารถเข้าไปสู้ในตลาดเกมคอนโซลที่เคยเป็นของ Sony PlayStation, microsoft Xbox, Nintendo Wii และอื่นๆ ได้มากขึ้น รวมทั้งยังรองรับการใช้งานแอพที่ใช้พลังกราฟิกหนักๆ อย่างพวก 3: visualization, Virtual หรือ Augmented Reality ได้มากขึ้นด้วย

DSC_1482

DSC_1518


Extensibility เปิดช่องทางให้แอพต่างๆ สามารถรับส่งข้อมูลและทำงานร่วมกัน เช่น จาก Photos สามารถไปเรียกใช้ความสามารถในการแต่งภาพของแอพอื่น หรือบราวเซอร์ Safari เรียกใช้ตัวแปลภาษาจาก Bing ได้เป็นต้น ถ้าแอพที่ถูกเรียกใช้นั้นเปิดให้บริการไว้ตามกติกา”

DSC_1397 DSC_1401

 

อุปกรณ์ที่สามารถรองรับ iOS 8 ได้มีดังนี้

iPhone 4s

iPhone 5

iPhone 5c

iPhone 5s

iPod Touch 5 gen

iPad 2

iPad with Retina Display

iPad Air

iPad mini

iPad mini with Retina display

ส่วน iPhone 4 เสียใจด้วยครับ คุณไม่ได้ไปต่อ

 

ios8 compatible

 

ดูฟีเจอร์ iOS 8 อย่างเป็นทางได้ที่เว็บ Apple

 

เครดิตภาพบางส่วนจาก The Verge

 

 

 

[อัพเดทราคา] เปรียบเทียบสมาร์ทโฟน 3 รุ่น สุดเทพ ในงาน TME2014 Hi-End [Galaxy S5, Xperia Z2, HTC One M8]

pro-s5-z2-m8

 

ถ้าจะให้พูดถึงสมาร์ทโฟนสุดเทพในขณะนี้ คงหนีไม่พ้น 3 รุ่นใหญ่อย่าง Samsung Galaxy S5, HTC One M8 และ Sony Xperia Z2 ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีจุดเด่นที่ไม่เหมือนกัน แต่ในแง่ของสเปก ขอบอกว่าแรงใกล้เคียงกันมากจนแถบจะไม่มีนัยยะสำคัญเท่าไรนัก แต่สิ่งที่แตกต่างคือฟีเจอร์การใช้งาน ซึ่ง OopsMobile จะมาสรุปรวบตึงง่ายๆ ให้ดูกัน พร้อมราคาโปรโมชั่นในงาน TME 2014 Hi-End

 

HIC One M8

pro-htc-m8
ขอเริ่มที่ HTC One M8 ก่อนเลย เพราะหลังจากที่ประกาศปรับราคาลง จาก 25,900 บ. ซึ่งแพงกว่าใคร กลายมาเป็นถูกที่สุดในกลุ่มคือ 23,500 บ. ไปเมื่อก่อนหน้างาน TME2014 เพียง 1 วัน แถมในงานยังลดค่าเครื่องลงอีก เมื่อซื้อพร้อมกับแพ็กเกจ dtac เหลือเพียง 21,900 บ. แถมฟรี Power Bank 5000 mAh มูลค่า 890 บ., ตั๋วหนัง SF 2 ใบ, Memory Card 16 GB, กระเป๋าถือล้อลากจาก HTC, ฟิล์มกันรอย (รับที่บูท HTC)

 

pro-dtac-htc-m8

 

สำหรับจุดเด่นของ HTC One M8 ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ยืนหยัดและโดดเด่นมาโดยตลอดของ HTC คือการใช้วัสดุคุณภาพ โดย M8 มาพร้อมบอดี้โลหะ ดูทนทาน แข็งแรง และหรูหรา นอกจากนี้ยังเน้นกล้องหน้าความละเอียดสูงกว่ากล้องหลังเสียอีกที่ 5 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี UltraPixels ที่เพิ่มขนาดพิกเซลขึ้นเป็น 2 เท่า เก็บแสงได้มากกว่าถึง 300% ส่วนซีพียู และแรม ก็แรงเท่ากับ S5 หน้าจออาจจะเล็กกว่าเพื่อนคืออยู่ที่ 5 นิ้ว แต่เพิ่มความเก๋ให้กับหน้าจอด้วยเคส Dot View ที่สามารถแสดงผลเป็น Dot Matrix โดยไม่ต้องเปิดฝาได้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชอบถ่ายภาพ Selfie เป็นงานอดิเรก

 

อัพเดทโปรโมชั่นล่าสุด  ราคาเครื่องเปล่า 23,500 บาท

ของแถมเพิ่มเติมจากร้าน (Jaymart)

• Power Bank 5200 mAh

• Car Charger

ปล. หากซื้อพร้อมโปร สามารถเลือกโปรค่าบริการรายเดือนถูกสุด 350 บ. แล้วใช้งานแค่ 3  เดือน แล้วปิดเบอร์ได้ เพื่อแลกกับส่วนลดค่าเรื่อง 1,600 บ.

 

Galaxy S5

pro-s5
มาถึงพี่ใหญ่แห่งแดนโสมกันบ้างกับ Samsung Galaxy S5 ที่เน้นรับมือกับหน้าฝนแบบจัดเต็มด้วยมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น IP67 แถมเอาใจคนรักสุขภาพด้วยเซ็นเซอร์ตรวจจับชีพจร นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคหน้าจอได้แบบ iPhone 5s และยังคงหนักแน่นที่จะใช้บอดี้พลาสติก ที่เน้นถึงความบางเบาโดยไม่แคร์ว่าใครจะว่ายังไง ส่วนซีพียู ก็เท่ากับ HTC One M8 คือ Snapdragon 801 Quad Core 2.5 GHz กล้องหลังพัฒนาให้ออโต้โฟกัสเร็วขึ้นเพียง 0.3 วินาที เท่านั้น ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ทั้งนี้ยังโดดเด่นในเรื่องของการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Wearable อย่าง Gear Fit และ Gear 2 เพื่อตรวจจับนับก้าว วัดแคลอรี่ และแจ้งเตือนต่างๆ ได้อย่างสุดล้ำ ดังนั้นคนที่เหมาะที่สุดกับ Galaxy S5 ก็คือ ผู้ที่รักสุขภาพ และต้องการพกพาสมาร์ทโฟนที่บางเบา และไม่กลัวน้ำ กลัวฝุ่น

gear2_1_prod_0

gear1_1_prod_1

 

 

อัพเดทโปรโมชั่นล่าสุด เปิดตัวสีใหม่ Copper Gold ราคายังเท่ากับตอนเปิดตัว 23,800 บาท

ของแถมมาตรฐานจากซัมซุง

• USB Drive 16 GB + หมอน

• ติดฟิล์มฟรีที่บูต Focus

 

ของแถมเพิ่มเติมแต่ละร้าน (บูต Apple Plus)

• เคส Flip

• Power Bank ยี่ห้อ Tel & Tel 5200 mAh

• ซื้อสดลดได้ พันกว่าบาท ซื้อผ่อน 0%  ก็ได้รับส่วนลด พันนิดๆ

pro-s5-01
รับเงินคืน เมื่อจ่ายด้วยบัตรเครดิตกรุงศรีฯ

 

 

ของแถมเพิ่มเติมแต่ละร้าน (บูต TG Fone)

• เคสฝาหลัง

• Power Bank 5200 mAh

• Micro SD Card 16 GB

• จ่ายสด ลดเหลือ 22,500 บ.

 

ของแถมเพิ่มเติมแต่ละร้าน (บูต  Jaymart)

• Car Charger

• Power Bank 5100 mAh

• Micro SD Card 16 GB

• จ่ายสด ลดเหลือ 22,490 บ.

 

Xperia Z2

pro-z2
สำหรับ Sony Xperia Z2 ก็น่าจับตาดูไม่เบา เพราะมาพร้อมหน้าจอใหญ่กว่าเพื่อนคือ 5.2 นิ้ว ที่สำคัญเป็นจอแบบ Triluminos ที่ให้สีสันสวยสดคมชัด แต่ถึงแม้ซีพียูจะน้อยกว่า 2 ตัวแรก นิดหน่อย คือ Snapdragon 801 Quad Core 2.3 GHz แต่ให้แรมมามากกว่าใครที่ 3 GB (S5 กับ M8 ให้แค่ 2 GB) แต่ที่ชนะเลิศกว่าใครคือกล้องหลัง Sony Len G 20.7 ล้านพิกเซล ความละเอียดสูงที่สุดของแอนดรอยด์สมาร์ทโฟนแล้วล่ะ แถมให้รูรับแสงกว้าง F2.0 ถ่ายภาพในที่มืดได้สบายๆ นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบกันน้ำกันฝุ่น ที่สามารถลงน้ำได้ลึก 1.5 ม. ได้นาน 30 นาที ซึ่งถือเป็นฟีเจอร์หลักมานานในหลายๆ รุ่นของ Xperia ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว และที่สำคัญยังให้แบตความจุมากที่สุดอีกด้วยคือ 3200 mAh

 

นอกจากนี้ Sony ยังได้ออก SmartBand สำหรับใส่ข้อมือเพื่อตรวจนับก้าว ตรวจจับการนอน และควบคุมการเล่นเพลง รับสาย หรือสั่นเตือนได้ มีสายให้เลือกหลายสี เล็กกะทัดรัดดี กันน้ำ กันฝุ่นได้เช่นกัน แต่จะไม่มีหน้าจอแสดงผลใดๆ ต้องดูรายงานต่างๆ บนแอพจาก Z2 แทน แต่หากต้องการรุ่นที่มีหน้าจอก็ต้องเป็น Sony Smartwatch 2 แทนละกัน

swr10-smartband-your-style-

ดังนั้นคนที่เหมาะกับ Xperia Z2 คงหนีไม่พ้นสาวกที่ชอบถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจ โดยที่ไม่ต้องพกกล้องคอมแพ็กอีกตัวให้ยุ่งยาก แถมพร้อมแชร์อวดภาพได้ทันที บนบอดี้ทนทาน กันน้ำกันฝุ่น ดูเหลี่ยมๆ แข็งแรงสไตล์โซนี่ ใครรักใครเลิฟ ก็จัดไป

 

อัพเดทโปรโมชั่นล่าสุด ราคา 23,990 บาท ตอนนี้ตัวสีดำบางบูตหมดแล้วนะครับ จะเหลือสีม่วง กับสีขาวที่ยังพอมีอยู่ 

ของแถมมาตรฐานจากโซนี่

• ร่ม

• Wrist Band Sony

• แท่นชาร์จ Magnetic Charging Dock (ของหมดตั้งแต่วันแรก)

 

ของแถมเพิ่มเติมจากร้าน (Sunshine)

• Powerbank 5000 mAh

• เคสฝาหลัง

• MicroSD Card 16 GB

 

ส่วน SMARTBAND ราคา 3,490 บาท ตอนนี้มีเฉพาะสีดำ (ในเซ็ตจะมีสายมาให้ทั้ง ไซส์ S และ L)

smartband

 

 

ส่วนสาย smartband เลือกได้ 3 สี ในราคา 790 บาท (ตอนนี้ของยังไม่เข้า จะมาปลายเดือนพ.ค.)

 

 

ไปเที่ยวพม่า ซื้อซิม 3G ไว้เล่นเน็ตได้ที่ไหน?

 
IMG_1781

 

ช่วงนี้ใครๆ ก็พูดถึง AEC ที่กำลังจะมาถึงในปีหน้านี้แล้ว เชื่อว่าคนไทยหลายๆ คนคงอยากเดินทางไปท่องเที่ยวยังประเทศสมาชิก AEC กันอยู่ไม่น้อย โดยหนึ่งในนั้นคงมีประเทศพม่าที่จะต้องไปปักหมุน Check In ลง IG หรือ Facebook กันให้ได้

 

เนื่องจากประเทศพม่า เพิ่งเริ่มเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางเข้าไป จึงยังเป็นประเทศที่ไม่ค่อยมีสาธารณูปโภคสะดวกมากนัก โดยเฉพาะการสื่อสาร ที่ทางรัฐบาลกำลังพัฒนาอยู่ ผมเคยได้อ่านบล็อกหนึ่งเค้าได้เขียนถึงระบบการแจกซิม 3G ให้ประชาชนใช้ด้วยการจับฉลากกันเลยทีเดียว เนื่องจากมีซิมจำนวนจำกัด ทำให้การไปเยือนพม่าในครั้งแรกของผมนี้ เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจะมีซิม 3G ของพม่าจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวรึเปล่า ก็ลองไปเสี่ยงดวงกันดู
 

และแล้วเมื่อมาถึงสนามบิน ผมก็รีบส่องหาเคาท์เตอร์ที่ให้บริการ ปรากฎว่าไปเจอที่เคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ข้อมูลท่องเที่ยวของพม่าซึ่งตั้งอยู่ใกล้ทางออก บอกเลยว่าไม่มีป้ายชัดเจนใดๆ บอกไว้ ต้องเข้าไปสอบถามเองถึงจะรู้ว่ามีซิม 3G ขาย

Tourist Information

 

ราคาซิมและแพ็กเกจ

sim-mpt-3g-01 sim-mpt-3g-02

 
ซิมที่ขายจะเป็นขนาด Micro SIM เท่านั้น นะครับ ไม่มีซิมขนาด Nano ที่ใช้สำหรับ iPhone 5 ขึ้นไป โดยเครือข่ายผู้ให้บริการคือ MPT (Myanmar Post and Telecommunications) ซึ่งเป็นเครือข่ายเดียวในพม่าที่ดำเนินการโดยรัฐบาลเอง สำหรับราคาแพ็กเกจมีดังนี้
 
• เล่นเน็ต ชั่วโมงละ 120 จัต โดยมีมูลค่าในซิมมาให้ 18,500 จัต (หารแล้วใช้ได้ประมาณ 6 วันกว่าๆ)
• โทรต่างประเทศได้ 19 นาที
• โทรในประเทศได้ 50 นาที
จำหน่ายในราคา 25,000 จัต ตกประมาณ 840 บาท

 

แล้วถ้าหากใช้ iPhone รุ่นที่เป็น Nano SIM จะทำอย่างไร งานนี้ขอบอกว่าคงต้องพกที่ตัดซิมไปเองแล้วล่ะครับ ซึ่งคิดว่าคงลำบากพอสมควร ครั้นจะให้พกมีดคัทเตอร์ไปด้วยก็คงไม่สามารถเอาขึ้นเครื่องได้ ดังนั้นทางแก้สำหรับคนใช้ iPhone คงต้องหาซื้อ Pocket Wi-Fi ไปเป็นตัวช่วยแทน เอาไว้แชร์เน็ตเล่นได้กันหลายคนอีกด้วย

 
พื้นที่ทดสอบใช้งาน และสปีดความเร็ว
ในส่วนของการใช้งาน 3G ผมเดินทางไป 2 เมืองด้วยกันคือเมืองย่างกุ้ง และเมืองบาโก (Bago) หรือ พะโค (หรือเมืองหงสาวดี)  ซึ่งในเมืองใหญ่อย่างย่างกุ้งสามารถเชื่อมต่อสัญญาณ 3G ได้ตลอด แต่พอไปถึงบาโก จะมีบางพื้นที่ที่เชื่อมต่อได้แค่ EDGE ซึ่งทำให้เล่นเน็ตช้ามาก แต่ความเร็ว 3G ก็ไม่ได้เร็วมากอยู่แล้ว ผมลองสุ่มเทสหลายๆ จุดในเมืองย่างกุ้ง ก็ได้ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 0.20 Mbps และอัพโหลดได้สูงสุด 0.25 Mbps เท่านั้น โดยความรู้สึกที่ได้ใช้งานเวลาโพสต์ หรือแชร์รูปขึ้น Social ต่างๆ ก็เร็วปกติดี อาจจะเป็นเพราะไม่ค่อยมีใครใช้งานดาต้าร่วมกันมากนัก เลยทำให้ไม่ค่อยรู้สึกติดขัดอะไรเวลาโพสต์รูป

sim-3g-myanmar-01

 

การตั้งค่าอินเทอร์เน็ตซิม MPT
เนื่องจากในซิม MPT ไม่ได้โปรแกรมการตั้งค่าอินเทอร์เน็ตมาให้เหมือนกับซิมเน็ตในบ้านเรา ดังนั้นเมื่อใส่ซิมลงในสมาร์ทโฟนเรียบร้อยแล้ว จะต้องตั้งค่า APN ให้ต่ออินเทอร์เน็ตได้ด้วย โดยเจ้าหน้าที่จะให้รายละเอียดตั้งค่ามาดังนี้
 
APN : mptnet
Username : mptnet
Password : 0000

 

วิธีการตั้งค่า APN
สำหรับการตั้งค่า APN ผมได้ลองใช้กับ Galaxy Note 3 ที่เป็น Android 4.4.2 เรียบร้อยแล้ว ให้ไปที่ Settings แล้วแตะแท็บ Connections จากนั้นเลือก More networks>Mobile networks>Access Point Names แล้วแตะปุ่ม + เพื่อเพิ่ม APN แล้วตั้งค่าตามที่ระบุ

sim-3g-myanmar-02

 

สำหรับใครที่ไม่อยากไปซื้อซิมที่พม่าให้เสียเวลา ก็อาจจะใช่วิธีโรมมิ่งเปิดเน็ตข้ามแดนได้ โดยขณะนี้มีแค่เครือข่าย AIS เท่านั้นที่เปิดให้บริการโรมมิ่งทั้งเน็ตและโทร มีแพ็กเกจเดียวดังรูป

sim-3g-myanmar-03

http://www.ais.co.th/roaming/th/3g-postpaid/package/180/Myanmar

 

งานนี้ต้องขอบคุณทีมงาน Dplus Guides ที่ได้ให้โอกาสผมได้ไปเป็นผู้ดำเนินรายการ Have a nice trip จึงได้เก็บข้อมูลเรื่อง 3G แถบประเทศสมาชิก AEC มาฝากชาว OopsMobile กัน ยังไงก็ลองไปติดตามชมรายการกันได้นะครับ
[youtube link=”http://youtu.be/QAt0pozIu18″ width=”590″ height=”315″]

 

วิธียกเลิกบริการ Voice Mail กด ##002# โทรออก ใช้ได้กับทุกค่ายจริงหรือไม่ ใช่หรือมั่ว

Cancel_Voicemail_05

 

ช่วงนี้มีข้อความที่ถูกส่งต่อๆ กันมาทาง Line และ Facebook เกีี่ยวกับบริการฝากข้อความหรือ Voice Mail ที่เหมือนจะกลายเป็นช่องทางหากินให้กับโอเปอเรเตอร์ในการคิดค่าบริการจากระบบตอบรับอัตโนมัติต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อเจ้าของเบอร์ไม่ได้เปิดเครื่องหรืออยู่ในที่ไม่มีีสัญญาณ จนเคยกลายเป็นดราม่าใน Pantip มาแล้ว แต่วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจให้กระจ่างกันเลยครับ ว่ามันสามารถยกเลิกได้จริงแท้แค่ไหน และใช้ได้กับทุกค่ายหรือเปล่า

 

cancel_voicemail_01

 

ค่าบริการเกิดขึ้นได้อย่างไร?

ขอทำความเข้าใจกรณีนี้ก่อนนะครับว่า การถูกเก็บค่าบริการฝากข้อความต่างๆ นั้น ผู้ที่เสียเงินคือคนโทรเข้านะครับ ไม่ใช้เจ้าของเบอร์ ซึ่งค่าบริการดังกล่าว จะเกิดขึ้นจากการที่เจ้าของเบอร์นั้น เปิดใช้บริการฝากข้อความเอาไว้ (Voice Mail Service) หากไม่สามารถติดต่อได้ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม เช่น แบตหมด, ปิดเครื่อง, สัญญาณไม่มี หรือเปิดบริการโอนสาย (Forward) ไปยังเบอร์อื่น ซึ่งเมื่อคนโทรเข้ามา แล้วเจอกับบริการที่ถูกตั้งค่าเอาไว้ ก็จะถูกเสียเงินเนื่องจากมีการรับสายโดยระบบอัตโนมัติ หรือมีคนรับสายตามเบอร์ที่โอนไปนั่นเอง ซึ่งแต่ละโอเปอเรเตอร์ (AIS, dtac, Truemove H) ก็จะคิดค่าบริการแตกต่างกันไป

 

อย่างกรณีของ AIS จะมีการคิดค่าบริการจากผู้โทรเข้าดังนี้

AIS Call Center สำหรับทั้ง 2 บริการ จะมีการคิดค่าบริการตามนี้นะคะ

• บริการรับฝากข้อความ ( Voice mail *99 ) : คิดค่าบริการหลังสัญญาณให้ฝากข้อความเสียง ( ปี๊บ Beep )

• Call Back Service : คิดค่าบริการหลังจากสิ้นสุด Greeting Message : บริการฝากหมายเลขโทรกลับ Welcome to Call Back Service

*หมายเหตุอ้างอิงจากข้อมูลการตอบใน Facebook AIS Call Center

Cancel_Voicemail_01

 

กด ##002# แล้วโทรออก เพื่อยกเลิก Voice Mail ได้ทุกเครือข่ายหรือไม่?

ผมได้ลองทำตามข้อความที่ถูกส่งต่อมาทาง Line ซึ่งอ้างอิงว่า กสทช. ได้แนะนำให้กดรหัส ##002# แล้วโทรออก เพื่อยกเลิกระบบ Voice Mail ทั้งหมด

 

ลองกับ Truemove H ซึ่งปกติผมเองจะไม่ได้เปิดใช้บริการฝากข้อความอะไรอยู่แล้ว ก็สามารถกดรหัสดังกล่าวได้ โดยเครื่องจะแสดงผลออกมาว่าได้ยกเลิกระบบทั้งหมดแล้ว

Cancel_Voicemail_02

 

ลองกับ AIS ก็แสดงข้อความว่ายกเลิกระบบ โอนสาย และฝากข้อความต่างๆ ทั้งหมดเช่นเดียวกัน

Cancel_Voicemail_03

 

ส่วน dtac ยังไม่ได้ทดลองนะครับ เนื่องจากไม่มีซิมระหว่างการทดสอบ

 

ทดสอบโทรเข้า

 

Truemove H เมื่อทำการกดรหัสยกเลิกบริการโอนสายแล้ว คราวนี้ผมจะมาทดสอบดูว่าบริการดังกล่าวจะยกเลิกได้จริงอย่างที่ว่ารึเปล่า โดยเริ่มจากเบอร์ของ Truemove H ก่อน เมื่อปิดเครื่องเป็น Airplane Mode ก็จะถูกตัดสัญญาณไม่สามารถติดต่อได้ พอลองโทรเข้า ก็จะได้รับเสียงสัญญาณตอบรับว่า “ขอโทษคะไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางได้ในขณะนี้ Sorry it is not possible ….” 2 รอบแล้วตัดสายไป ซึ่งถือว่าไม่ได้เข้าสู่บริการใดๆ และไม่มีค่าบริการเกิดขึ้น

 

AIS เมื่อลองปิดเครื่องเป็น Airplane Mode เช่นเดียวกัน พอโทรเข้าไป ปรากฎว่ามีเสียงตอบรับจากระบบ Call back service ว่า “บริการฝากหมายเลขโทรกลับ Welcome to Call Back Service” ซึ่งเมื่อสิ้นสุดคำนี้เมื่อไร จะเป็นการให้เลือกภาษา เท่ากับว่า AIS จะคิดเงินจากคนที่โทรเข้าสู่บริการดังกล่าวทันที หากวางสายไม่ทันก่อนหน้านี้ ซึ่งผมได้โทรไปสอบถามกับ Call Center ว่ามีการคิดค่าบริการตามเงื่อนไขดังกล่าวจริงหรือไม่ ทาง Call Center AIS ก็บอกว่าเป็นไปตามเงื่อนไขนี้จริงๆ

 

ดังนั้นเท่ากับว่าการกดหมายเลขเพื่อยกเลิกบริการดังกล่าวไม่ได้ผล เพราะทาง AIS ยังมีบริการ Call back service ที่เปิดให้กับผู้ใช้บริการโดยอัตโนมัติเอาไว้ ทำให้ใครก็ตามที่โทรเข้ามาแล้วเจอกับบริการดังกล่าว และวางสายไม่ทันอาจจะโดนชาร์จค่าบริการไปเรียบร้อยแล้ว

 

แล้วอย่างนี้จะยกเลิกบริการ Call back service ได้อย่างไร หลายคนคงตั้งคำถามแบบผม… ผมได้โทรไปสอบถามกับ Call Center AIS แล้วเล่าความต้องการให้พนักงานฟัง พนักงานจึงได้ทำการตรวจสอบระบบให้ ซึ่งหลังจากที่ผมกดรหัส ##002# โทรออก ไปแล้ว ระบบไม่ได้ทำการยกเลิกบริการ Call back service ให้ ต้องให้พนักงานเป็นคนยกเลิกบริการนี้ให้เท่านั้น ซึ่งเมื่อทำการปลดระบบนี้ออกไปแล้ว เมื่อโทรเข้าอีกครั้งในขณะที่ปิดเครื่อง เสียงจากระบบตอบรับอัตโนมัติจะกลาย เป็น “ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียกค่ะ…” อย่างนี้ก็สบายใจได้แล้วนะครับว่าเพื่อนที่โทรเข้ามาในระหว่างที่ไม่มีสัญญาณหรือปิดเครื่องไว้ จะไม่เสียเงินอย่างแน่นอน

 

ดังนั้นคงสรุปได้ว่าการกดรหัส ##002# โทรออก ยังไม่ใช่การยกเลิกบริการฝากข้อความหรือ บริการโอนสายต่างๆ ที่ใช้ได้กับทุกเครือข่าย เพราะแต่ละโอเปอเรเตอร์ก็มีบริการที่แตกต่างกัน ทางที่ดีควรจะตรวจสอบกับโอเปอเรเตอร์ที่เราใช้บริการให้ดีเสียก่อน แล้วสามารถยกเลิกบริการต่างๆ ได้หากเราต้องการ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ใช้มือถือทุกท่าน ที่จะไม่กลายเป็นผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์ จากบริการต่างๆ ที่อำนวยความสะดวกให้กับเรานะครับ

 

[AEC Review] ซื้อซิมเน็ต เที่ยวเวียดนาม เล่น 3G ได้ไม่จำกัด แค่ 290 บ.

 

เนื่องจากช่วงนี้ได้มีโอกาสเดินทางไปสำรวจประเทศเพื่อนบ้านของเราในกลุ่มอาเซียนอยู่บ่อยๆ ซึ่งปีหน้าเราก็จะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC กันแล้ว นั่นยิ่งทำให้เราสามารถเดินทางท่องเที่ยวไปมาหาสู่กันได้ง่ายยิ่งขึ้น ดังนั้นสำหรับผมที่จำเป็นต้องติดต่อสื่อสารอยู่ตลอดเวลา จึงไม่พลาดที่จะลองใช้บริการเครือข่าย 3G ของแต่ละประเทศ ซึ่งที่เวียดนามก็มีผู้ให้บริการมากถึง 5 เจ้าด้วยกันคือ mobifone, vinaphone, viettel, Beeline และ VNMobile

 

ทริปนี้ผมบินมาลงที่โฮจิมิน ซึ่งอยู่ในส่วนของเวียดนามใต้ พอถึงสนามบินนานาชาติ Tan Son Nhat (เติน เซิน เณิ้ต) แล้ว ตรงทางออกจากมีเคาน์เตอร์ขายซิม อยู่ 2 เครือข่ายคือ vinaphone กับ mobifone แต่ตอนที่ผมไปถึงประมาณ 3 ทุ่มกว่าแล้ว (เวียดนามเวลาเดียวกับไทย) เลยเหลือแค่ช็อปของ mobifone เปิดอยู่เจ้าเดียว ไฟล์ทบังคับแล้วสินะ

sim-net-vietnam-01
ช็อป mobifone ที่เราลองใช้บริการ

 

sim-net-vietnam-02
ช็อปของ vinaphone เป็นแบบนี้นะครับ

 

เมื่อขอดูแพ็กเกจ ปรากฎว่าเป็นแพ็กเกจของเครือข่าย viettel ซะงั้น อันนี้ไม่แน่ใจว่า 2 เครือข่ายนี้เค้าเป็นบริษัทในเครือกันรึเปล่านะครับ เป็นอันว่าเราเลือกใช้เครือข่ายของ viettel โดยแพ็กเกจที่เลือกคืออันที่ถูกสุด 190,000 เวียดนามดอง หรือประมาณ 290 บ. เล่นเน็ตไม่จำกัด 600 MB โดยพนักงานบอกว่าซิมนี้มีอายุ 1 เดือน ซึ่งเหลือเฟือมากสำหรับผมที่พักแค่ 3 คืน หากจะใช้โทร ก็สามารถโทรออกต่างประเทศได้ 8 นาที และโทรภายในเวียดนามได้ 63 นาที ซึ่งผมไม่ได้ใช้เลย แอบเสียดายอยู่เหมือนกันว่าทำไมไม่มีเฉพาะแพ็กเกจค่าเน็ตอย่างเดียว ไม่งั้นคงจะได้ราคาถูกกว่านี้

sim-net-vietnam-06

 

เมื่อตกลงเรียบร้อยแล้วก็เอามือถือให้เจ้าหน้าที่เปลี่ยนซิมให้ ซึ่งมือถือของผมใช้ Micro SIM พนักงานก็บริการตัดซิมให้ฟรีนะครับ ไม่มีชาร์จค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่น่ากลัวนิดนึงคือใช้กรรไกรตัด ฟลัว ฟลัว ฟลัว… เลยจร้า แต่ก็เป๊ะอยู่ สงสัยคงจะตัดจนเชี่ยวชาญ

sim-net-vietnam-03
หน้าตาซิมของ Viettel จะมีเบอร์โทรติดอยู่กับการ์ดมาให้ด้วย

 

เอาล่ะครับเมื่อใส่ซิมเรียบร้อยแล้วก็มาลองเทสสปีดกันดู โดยใช้แอพ Speedtest ผลออกมาคือ ดาวน์โหลดได้ถึง 5.74 Mbps และอัพโหลดได้ 1.74 Mbps ซึ่งถือว่าเครือข่าย 3G ของเค้าก็แรงใช้ได้เลยทีเดียวครับ

sim-net-vietnam-07

 

สำหรับการใช้งานตลอด 3 วัน ที่ผ่านมานั้น จะมีบ้างในบางจุดที่ความเร็วเหลือแค่ EDGE ซึ่งตอนแรกผมคิดว่าเราใช้เน็ตเกินลิมิต 600 MB ไปรึเปล่า มันเลยตัดสปีดลง แต่พอใช้ไปเรื่อยๆ ก็มีสัญลักษณ์ 3G ขึ้นมาตามปกติ เลยคิดว่าน่าจะเป็นในเรื่องของสัญญาณในพื้นที่นั้นมากกว่า แต่โดยรวมก็ถือว่าดาวน์โหลดได้เร็วทันใจ เวลาไปเที่ยวในเมืองเปิด Google Map หรือหาข้อมูลใน Trip Advisor ก็สะดวกไม่มีสะดุดให้หงุดหงิดใจเลยครับ ใครที่จะไปเที่ยวเวียดนามใต้ หรือ โฮจิมินห์ ก็ลองไปซื้อซิมใช้ระหว่างท่องเที่ยวได้นะครับสะดวกดี แถมราคาไม่แพงด้วย ดีกว่าต้องเปิดโรมมิ่งไปจากเมืองไทย อ่อ แม้เวียดนามจะปกครองแบบคอมมิวนิสต์ แต่ก็ไม่ได้บล็อค Facebook, Twitter, Instagram หรือ Youtube เหมือนประเทศจีนนะครับ เล่นโซเชียลได้ตามปกติเลยนะครับ

 
ท้ายนี้ขอนำภาพสวยๆ จากเมืองโฮจิมินห์ มาให้ชมกันเล่นๆ ด้วยนะครับ

vietnam-04
โบสถ์ Notre Dame Cathedral

 

vietnam-05
ด้านข้าง โบสถ์ Notre Dame Cathedral

 

vietnam-03
ตึก Bitexco Financial Tower

 

vietnam-02
ตึก Bitexco ติดอันดับ 6 ของตึกที่เป็น icon building ของโลก

 

vietnam-01
สวนสาธารณะใจกลางเมือง

 

vietnam-06
ร้านขายของชำ ในสไตล์ท้องถิ่น

 

ถ่ายภาพ Selfie เทรนด์ฮิตติดแท็กเหล่าเซเล็ป

 

หลายคนคงสงสัยอยู่ไม่น้อยว่ากระแสการถ่ายภาพแบบ Selfie มันคืออะไรยังไง โดยเฉพาะในงานออสการ์ที่ผ่านมา สื่อออนไลน์ต่างก็พาดหัวข่าวการถ่ายภาพ Selfie ของพิธีกรงานออสการ์ โดยใช้สมาร์ทโฟนยี่ห้อดังอย่างซัมซุงที่เป็นสปอนเซอร์ในงาน ขึ้นมาถ่ายภาพร่วมกับเหล่าเซเล็บนักแสดงชื่อดัง จนภาพดังกล่าวกลายเป็นภาพที่ถูกรีทวีตมากที่สุดในวันเดียวถึง 1 ล้านกว่าครั้ง แซงหน้าสถิติเก่าของบารัคโอบาม่า ไปเรียบร้อย

Ellen-most RT

จริงๆ แล้วการถ่ายภาพ Selfie (อ่านว่า เซลฟี่) ก็คือการถ่ายภาพตัวเอง แล้วโพสต์ไปยังโซเชียลเน็ตเวิร์คต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter หรือ Instagram โดยอาจจะถ่ายด้วยสมาร์ทโฟน หรือกล้องดิจิตอลด้วยก็ได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือจะต้องถือกล้องแล้วกดชัตเตอร์ถ่ายด้วยตัวเอง

 

นอกจากนี้ CNN ยังรายงานข่าวว่า Oxford ได้ประกาศให้ Selfie เป็น Word of the year 2013 หรือคำมาแรงแห่งปี 2013 อีกด้วย และได้มีการบัญญัติศัพท์คำว่า Selfie ลงใน Oxford Dictionary โดยมีความหมายว่า “A photograph that one has taken of oneself, typically one taken with a smartphone or webcam and uploaded to a social media website

 

วัฒนธรรมการถ่ายภาพ Selfie

วัฒนธรรมการถ่ายภาพตัวเอง ถือว่ามีมานานแล้ว ดูได้จากภาพด้านล่างที่อาจจะถือว่าเป็นภาพถ่าย Selfie ภาพแรกของโลกเลยก็ว่าได้ ถูกถ่ายตั้งแต่ปี 1920 ด้วยกล้องขนาดใหญ่มาก ต้องถือ 2 คนถึงจะถ่ายได้กันเลยนะครับ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการถ่ายภาพ Selfie นี้ไม่ใช้เรื่องแปลกอะไร แถมมีมานานมาแล้วอีกด้วย
first_selfie
แต่สิ่งที่กระตุ้นให้เกิดวัฒนธรรมใหม่จนกลายเป็นคำว่า Selfy นั้น ก็เพราะโซเชียลเน็ตเวิร์คที่ทุกคนสามารถแสดงตัวตนออกมาในแบบที่อยากให้คนอื่นเห็นและเข้าใจ แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้เป็นตัวตนที่แท้จริงก็ตาม จึงทำให้เกิดแอพพลิเคชั่นสำหรับการแต่งรูป ใส่ฟิลเตอร์ต่างๆ อย่าง Camera360, More Beaute , Line Camera ออกมามากมาย หรือถึงขั้นอยู่ในฟังก์ชั่นกล้องถ่ายรูปบนสมาร์ทโฟนเลยก็มี

 

ไปไกลถึงกับมี Selfie Olympic
สำหรับการโพสรูปใน Instagram คำว่า #Selfie ถือว่าเป็น Tag ยอดฮิตติดอันอับต้นของโลกเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นเหล่าเซเล็ปฮอลลีวูด หรือดาราดังระดับโลกต่างก็ติด Tag นี้เวลาโพสต์รูปตัวเองขึ้น Instagram หรือ Twitter และเมื่อไม่นานมานี้กับมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวหรือ Sochi Olympic 2014 ก็ได้มีการสร้างกระแสให้คนถ่ายภาพในสไตล์ Selfie ที่แปลกแหวนแนวกว่าชาวบ้าน พร้อมติดแท็ก #SelfieOlympics หรือ #SelfieGame ซึ่งก็มีคนส่งภาพแนวเกรียนๆ อย่างถ่ายตัวเองในห้องน้ำ แล้วข้างหลังมีคนกำลังจะ…อยู่ หรือจะเป็นการถ่ายตัวเองจากการปีนไปอยู่บนยอดหอคอย ซึ่งก็ดูหน้าหวาดเสียวมากทีเดียว ตามไปดูความเกรียนเพิ่มเติมกันได้ในทวีตเตอร์ @SelfiesOlympicz กันได้นะครับ

 

selfie-05

Selfie-01

 

selfie-02

 

selfie-04

 

selfie-06

 

 

อย่างไรก็ตามแม้ว่าคุณจะถ่ายรูปในสไตล์ไหน จะ Selfie ยังไง ก็สุดแล้วแต่ ขอเพียงว่าให้เรามีความสุข สนุกกับสิ่งที่ทำ โดยที่ไม่สร้างความเดือนร้อนให้คนอื่น และไม่เสี่ยงกับตัวเองจนเกินไปนะครับ ว่าแล้วก็อย่าลืมติด Tag #Selfie ก่อนโพสต์เพื่อแชร์ให้ผู้คนทั่วโลกได้รับรู้กันด้วยนะครับ

 

Galaxy S5 เล่นสงกรานต์ได้ แค่ไหนปลอดภัยสุด

Galaxy-S5-Waterproof-001
 
จากงานประกาศเปิดมือถือ Galaxy S5 ของซัมซุงเมื่อวันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในเวที Unpacked 5 Galaxy S5 นำความตื่นเต้นมาสู่ผู้ชมกันถ้วนหน้าจุดที่น่าสนใจก็คงจะเป็นมือถือกันฝุ่นกันน้ำได้ (water-proof) รองรับมาตรฐาน IP67 นี่เอง ทุกวันนี้สมาร์ทโฟนหลายรุ่นสามารถกันน้ำตามมาตรฐาน IP แตกต่างกันไป เช่น IP67 บน Galaxy S5 หรือ IP58 บน Sony Xperia Z2 เป็นต้น หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วมือถือที่ได้รับมาตรฐาน IP ที่ว่ามันกันน้ำได้สักแค่ไหน
 
จากที่เคยรายงานข่าวการสาธิตมือถือกันน้ำของ Archos ไปแล้วก่อนหน้านี้ ทำให้เราต้องหันมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับความสามารถในการกันน้ำของมือถือกันสักที บริษัทเจ้าของผู้ผลิตมือถืออาจจะให้ข้อมูลกับผู้บริโภคไม่ชัดเจนเท่าที่ควรดูอย่าง CEO ของ Archos เอง ยังพลาด อย่างแรงเกี่ยวกับการกันน้ำ water-proof บนมือถือของตัวเอง ฝ่ายการตลาดบางบริษัทก็ยังโฆษณาเกินจริงด้วย หากผู้ใช้หลงเชื่อคำกล่าวอ้างในโฆษณาโดยไม่ทำความเข้าใจอย่างแท้จริง อาจนำมือถือไปใช้งานแบบผิด ๆ และเกิดความเสียหายขึ้นได้
 
วันนี้เพื่อให้คุณเข้าใจมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่นของมือถือ เราจึงขอแนะนำวิธีการอ่านค่ารหัส IP กันสักหน่อย
 

  • IP ย่อมาจาก Ingress Protectionการป้องกันฝุ่นและน้ำไม่ให้เข้าถึงด้านในตัวเครื่อง (ingress แปลว่า เล็ดลอดเข้า)
  • เลขหลักที่ 1 คือระดับการป้องกันฝุ่น ถ้าหลักแรกเป็น X เช่น IPX5 หมายถึงไม่กันฝุ่นเลย
  • เลขหลักที่ 2 คือระดับการป้องกันน้ำ ถ้าหลักที่ 2 เป็น X เช่น IP5X หมายถึงไม่กันน้ำเลย

 
ทีนี้ลองมาดูว่าระดับการกันน้ำกันฝุ่นตามค่าตัวเลขนั้น มันกันมากน้อยแค่ไหน
 

เลขหลักแรก ระดับการป้องกันฝุ่น
 
0 ไม่ป้องกันฝุ่นเลย
1 ป้องกันของแข็งที่มีขนาดใหญ่กว่า 50 มม. ขึ้นไป
2 ป้องกันของแข็งที่มีขนาดใหญ่กว่า 12 มม. ขึ้นไป
3 ป้องกันของแข็งที่มีขนาดใหญ่กว่า 2.5 มม. ขึ้นไป
4 ป้องกันจากของแข็งที่มีขนาดใหญ่กว่า 1 มม.
5 ป้องกันฝุ่นผง แต่ก็ยังมีฝุ่นเข้าในตัวเครื่องได้นิดหน่อย
6 ป้องกันจากฝุ่นผงได้ดี ฝุ่นไม่สามารถเข้าในตัวเครื่องได้
 
เลขหลักที่สอง ระดับการป้องกันน้ำ
 
0 ไม่ป้องกันน้ำหรือของเหลวได้เลย
1 ป้องกันน้ำกระเซ็น หรือฝนที่ตกลงมาในแนวดิ่ง
2 ป้องกันน้ำกระทบทำมุม 15 องศาจากแนวดิ่ง
3 ป้องกันน้ำกระเซ็น หรือฝนที่ตกกระทบทำมุม 60 องศาจากแนวดิ่ง
4 ป้องกันน้ำกระเซ็นได้รอบ
5 ป้องกันน้ำที่ฉีดมาใส่ตัวเครื่อง
6 ป้องกันน้ำที่ฉีดมาแรง ๆ ใส่ตัวเครื่อง
6K ป้องกันน้ำที่ฉีดมาแรงมากใส่ตัวเครื่อง
7 ป้องกันน้ำจากการจุ่มลงในน้ำลึก 1 เมตร
8 ป้องกันน้ำจากการจุ่มลงในน้ำลึก3 เมตร
9K ป้องกันน้ำที่มีแรงดันและอุณหภูมิสูง

 
อย่างเช่น
 

  • มือถือ Galaxy S5 รองรับมาตรฐาน IP67 สามารถป้องกันฝุ่น กันน้ำในระดับความลึก 1 เมตร
  • มือถือ Sony Xperia Z2 รองรับมาตรฐาน IP58 อาจมีฝุ่นเข้าได้เล็กน้อย สามารถจุ่มน้ำระดับความลึก 3 เมตร

 

Galaxy S5 รองรับมาตรฐาน IP67 สามารถป้องกันฝุ่น กันน้ำในระดับความลึก 1 เมตร
Galaxy S5 รองรับมาตรฐาน IP67 สามารถป้องกันฝุ่น กันน้ำในระดับความลึก 1 เมตร

 
Sony Xperia Z2 รองรับมาตรฐาน IP58 อาจมีฝุ่นเข้าได้เล็กน้อย สามารถจุ่มน้ำระดับความลึก 3 เมตร
Sony Xperia Z2 รองรับมาตรฐาน IP58 อาจมีฝุ่นเข้าได้เล็กน้อย สามารถจุ่มน้ำระดับความลึก 3 เมตร

 

เมื่อคุณเข้าใจวิธีอ่านค่ามาตรฐาน IP แล้ว สงกรานต์ปีนี้จะได้รู้ว่าต้องป้องกันมือถือของตัวเองมากน้อยแค่ไหนถึงจะ “เอาอยู่
 

source : phonearena
 

เทียบกันหน่อยมั้ย?ระหว่าง Galaxy S5 กับ iPhone 5s

ในงาน MWC ที่ผ่านมา รุ่นที่แรงและเป็นที่จับตาที่สุดคงหนีไม่พ้น  Galaxy S5 และทาง Samsung หมายมั่นปั้นมือจะปล่อย galaxy S5 ออกมาก็เพื่อจะชนะ iPhone 5s ของฝั่ง Apple ให้ได้ ไหนจะเป็นเรื่องสแกนนิ้วมือ หรือการปล่อยสีทองออกมา

BhUSnqoCYAAL1Vn

 
 

เรื่องใครลอกใครเราเห็นกันอยู่ ไม่ต้องพูดละกันเรื่องนี้

แต่ก็ขอชมเชย Galaxy S5 ที่พัฒนาสิ่งใหม่ๆ(ที่ไม่ได้ลอก) ออกมามากมาเลย เช่น Auto Focus ที่มีความไวถึง 0.3 วินาที ,วัดอัตราการเต้นของหัวใจ,กันน้ำกันฝุ่น

 
 

แต่ถ้าใครตัดสินใจระหว่าง 2 รุ่นนี้อยู่แนะนำดูสเปคจากตารางนี้เทียบและตัดสินใจดู

iphone-5s-vs-galaxy-s5

Snapdragon 801 ที่มากับ Galaxy S5 เร็วและแรงแค่ไหน สู้ 64-bit ได้ปะ?

ในขณะที่สมาร์ทโฟนหลายรุ่นที่ออกมาใหม่ ที่ว่าสเปคแรงๆต่างก็หันมาใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 800 ซึ่งจุดเด่นๆคือรองรับ LTE ส่วนความแรงยอมรับว่าแรง อย่างเช่น Note 3 รุ่น  LTE หรือ Lumia 1520 แต่ยังไงก็แรงไม่เท่าชิป A7 ของฝั่ง Apple ที่แรงในระดับ 64-bit ก่อนที่จะมีการเปิดตัว  Galaxy S5 ก็มีข่าวออกมามากมายว่า Samsung น่าจะท้าชน Apple ดูซักตั้งกับชิปประมวลผลที่จะแรงไปถึงขั้น 64-bit

Apple-A7-64-bit

 

 

ยอมรับว่าเซอร์ไพรส์พอสมควร เมื่อ  Galaxy S5 เปิดตัวมาพร้อมกับ ชิปประมวลผล Snapdragon 801 มันยังไง? แรงระดับไหน? มาดูความสามารถของ Snapdragon 801 กัน

 

 

Snapdragon 801 กลายเป็นชิปประมวลผลรุ่นเรือธงของ Samsung  ไปแล้ว มีความเร็วอยู่ที่ 2.5 GHz ถามว่าแรงไหม? แรงสิ แต่ไม่ถึง 64-bit เพราะ Samsung กล่าวหา Apple ว่า 64-bit ไม่มีอยู่จริงและเป็นไปไม่ได้เป็นแค่กลยุทธทางการตลาด ทั้งๆที่รู้ว่า Qualcomm  ได้เปิดตัว Snapdragon 610 และ 615 ที่พัฒนาไปถึง 64-bit แล้ว แต่ทำไมเลือกใช้ Snapdragon 801 ที่เป็นชิปประมวลผลที่เปิดตัวพร้อมๆกับ Snapdragon 610 และ 615  

snapdragon_801

 

 

สิ่งที่กำลังจะบอกคือ Snapdragon 801 เป็นแค่ minor changed ของ Snapdragon 800  เท่านั้นเอง สิ่งที่ Snapdragon 801 พัฒนามาจาก Snapdragon 800 คือ

• เพิ่มความเร็วของ Auto Focus ของกล้อง ในระดับความเร็ว 0.3 วินาที

• ความสามารถในการชาร์ตแบตเตอรี่ที่เร็วขึ้น

• รองรับ WiFi 802.11ac

• รองรับการส่งข้อมูลระดับ 400Mbps 

 

 

บอกแล้วว่ามันแค่ minor changed มันขยับมานิดเดียวเอง แต่เอาน่า ก็นับว่าของเค้าก็แรงอยู่นะ

images_13932737231

[MWC2014] Samsung Galaxy S5 คุ้มมั้ยกับสิ่งที่รอคอย

 

Galaxy S5_copper GOLD-s

 

หลังจากที่ทุกคนรอคอยการมาของสมาร์ทโฟนเรือธงอย่าง Samsung Galaxy S5 ที่เพิ่งเปิดตัวไปในงาน Mobile World Congress 2014 ไปเรียบร้อยแล้ว หลายคนคงอยากทราบว่าฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มขึ้นมานั้น น่าสนใจและสมกับการรอคอยที่จะถอยเป็นสมาร์ทโฟนคู่ใจเครื่องใหม่หรือไม่ เรามาลองไล่เรียงกันดูทีละฟีเจอร์เลยดีกว่า

 

กล้อง 16 ล้านพิกเซล โฟกัสเร็วสุด 0.3 วินาที

FastAF
เรื่องความละเอียดของกล้องยังคงเป็นจุดที่ทุกแบรนด์พยายามเอาตัวเลขมาแข่งกันอยู่ โดยคราวนี้ซัมซุมได้เพิ่มความละเอียดเป็น 16 ล้านพิกเซลจากเดิมคือ 13 ล้านพิกเซล และยังได้อัดความสามารถในการโฟกัสเร็วสุด 0.3 วินาที ซึ่งจุดนี้ถ้าทำได้อย่างที่บอกไว้ตามสเปกจะดีมากเลยครับ เพราะทุกวันนี้เวลาจะถ่ายภาพทีไรจะเสียเวลาในการโฟกัสอยู่มาก ซึ่งไม่รู้ว่าติดปัญหาจากแอพพลิเคชั่นหรือฮาร์ดแวร์กันแน่ ดังนั้นถ้าผมมีโอกาสได้ลองทดสอบเมื่อไรจะมาเล่าให้ฟังกันนะครับ นอกจากนี้ยังมีโหมด HDR ไว้รองรับการถ่ายภาพย้อนแสงหรือภาพที่มีความแตกต่างของแสงระหว่างฉากหลังกับวัตถุมากๆ ซึ่งระบบจะเฉลี่ยแสงให้พอดีดูเป็นธรรมชาติ แต่ไม่ได้ถือเป็นฟีเจอร์ใหม่ (iPhone มีโหมดนี้มานานแล้ว) และอีกฟีเจอร์คือ Selective Focus ที่เราสามารถเลือกจุดโฟกัสบนวัตถุแล้วระบบจะเบลอพื้นหลังให้อัตโนมัติ เพื่อให้ดูเป็นภาพชัดตื้นขึ้นโดยไม่ต้องใช้เลนส์ที่มีรู้รับแสงกว้าง ซึ่งถือเป็นความสามารถทางซอฟต์แวร์ที่ช่วยทำให้ฉากหลังเบลอนั่นเอง คล้ายกับแอพ ReFocus ของ Nokia

 

ดังนั้นในเรื่องของกล้อง ถือว่าให้ฟีเจอร์มาล้นเหลือตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว แต่ในแง่ของการโฟกัสที่รวดเร็วแม่นยำนั้น หากเป็นไปตามที่สเปกบอกไว้จริงๆ ก็ถือว่าให้ผ่านครับ

 

รองรับ 4G LTE และ Wi-Fi 802.11ac

ประเด็นขายเครื่อง 4G แยกรุ่น เหมือน Note 3 คงหมดไปแบบไร้ดราม่า เพราะ Galaxy S5 พร้อมรองรับ 4G LTE มาเลยในโมเดลเดียว ไม่ขายแรกรุ่นให้ยุ่งยาก แถมยังเพิ่มสปีดมาตรฐานของ Wi-Fi แบบ 802.11ac ที่มีเสารับสัญญาณแบบ 2×2 MINO ให้การรับส่งข้อมูลเร็วทันใจยิ่งขึ้น รวมถึงมาตรฐานการรับส่งข้อมูลผ่าน 4G LTE CAT4 ที่สามารถรองรับคลื่นความถี่ได้หลากหลายและสามารถดาวน์โหลดข้อมูลได้เร็วถึง 150 Mbps และอัพโหลดได้ถึง 50 Mbps เลยทีเดียว

 

แต่สำหรับประเทศไทยอาจจะยังไม่เป็นตัวเลือกที่เห็นผลเท่าที่ควรเนื่องจากผู้ให้บริการ 4G ยังมีแค่ Truemove H เท่านั้นที่มีพื้นที่ให้บริการมากที่สุดแต่ก็ยังมีแค่ในกรุงเทพและหัวเมืิองใหญ่ต่างๆ ส่วน dtac และ AIS ก็ยังเริ่มให้บริการแค่บางพื้นที่เท่านั้น

 

ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่น

water
และแล้วฟีเจอร์นี้ก็ถูกน้ำมาใส่ลงใน Galaxy S5 ในการที่ตัวเครื่องสามารถป้อนกันละอองน้ำ หรือฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP67 ซึ่งก็คล้ายกับโซนี่ Xperia Z1 ที่ออกมาก่อนเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งฟีเจอร์นี้ผมคิดว่าเป็นการไม่ค่อย Wow สักเท่าไร เพราะเหมือนจะแค่ใส่ตามๆ กันมาเท่านั้น

 

Finger Scanner สแกนลายนิ้วมือ

finger-scanner
คงไม่ต้องเอ่ยว่าฟีเจอร์นี้ ซัมซุงเลียนแบบใครมานะครับ…อิอิ แต่ก็อย่าได้แคร์ โดยซัมซุงได้พัฒนาต่อยอด นอกจากแค่ใช้ในการปลดล็อคหน้าจอแล้ว ยังสามารถใช้ยืนยันการจ่ายเงินผ่าน Paypal เวลาซื้อของออนไลน์ได้อีกด้วย โดยเวลาใช้งานจะต้องสแกนนิ้วผ่านบนปุ่มโฮมนั่นเอง

 

ฟีเจอร์นี้ถือว่าโอเคในการเพิ่มความสะดวกในการปลดล็อคเข้าใช้งานได้ง่ายขึ้น หากเซนเซอร์ที่ซัมซุงเลือกใช้ทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพ และเชื่อมั้ยว่าคงมีคนลองเกรียนโดยใช้อวัยวะอย่างอื่นในการสแกนอย่างแน่นอน

 

Heart Rate Sensor เช็คจังหวะหัวใจ

Heart-rate
ถือเป็นครั้งแรกของสมาร์ทโฟนที่มีการติดเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจเอาไว้ เพียงเราใช้นิ้วแตะลงบนเซนเซอร์ที่อยู่หลังเครื่องใกล้กับแฟลช แล้วเข้าสู่แอพ S Health ก็สามารถตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจได้ทันที นอกจากนี้ก็ยังคงมาพร้อมเซนเซอร์นับก้าวหรือ Pedometer เช่นเดิม เพื่อให้ Galaxy S5 เป็นเหมือนเทรนเนอร์ส่วนตัวในการเก็บข้อมูลการออกกำลังกายของเรา

 

ถือว่าเป็นสิ่งที่ผมร้อง Wow ให้กับ Galaxy S5 ได้อย่างเต็มเสียงมากที่สุด เพราะไม่ได้เป็นฟีเจอร์ที่ลอกเลียนแบบใคร นอกจากนี้ยังถือว่าซัมซุงมาถูกทางที่นำเทคโนโลยีมาผสานกับการใช้ชีวิตประจำวันที่เร่งรีบ ทำให้ผู้ใช้ในยุคนี้ที่ไม่ค่อยมีเวลา แต่อยากหันมาดูแลสุขภาพ ได้ใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์เหล่านี้เป็นตัวช่วยสร้างสุขภาพที่ดีได้

 

 

ฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจ

Untra-power

Ultra Power Saving ที่จะแสดงผลบนหน้าจอจากสีเป็นขาวดำแทน พร้อมปิดคุณสมบัติที่จำเป็นต่างๆ อัตโนมัติเมื่อแบตเตอรี่เหลือแค่ 10% เพื่อให้ใช้งานต่อได้อีก 24 ชั่วโมง

• แอพ S Health 3.0 ใช้งานร่วมกับ Galaxy Gear รุ่นต่างๆ ได้

Kid mode จำกัดการใช้งานแอพให้เหมาะสำหรับเด็ก

Private Mode โหมดส่วนตัว ป้องกันข้อมูลที่ไม่อยากให้ผู้อื่นเห็นเช่นรูปภาพส่วนตัว แอพต่างๆ โดยใช้ร่วมกับระบบสแกนลายนิ้วมือเพื่อใช้ปลดล็อกได้

Download Booster ดาวน์โหลดไลฟ์ไม่เกิน 30 MB ให้เร็วยิ่งขึ้นด้วยการใช้ Wi-Fi และ LTE ร่วมกัน

• รองรับ Wireless Charger (อุปกรณ์เสริม)

 

สำหรับกำหนดวางจำหน่ายจะพร้อมกัน 11 เมษายน นี้ ใน 150 ประเทศแรก  ซึ่งคาดว่าประเทศไทยน่าจะติดหนึ่งในนั้น เนื่องจาก Truemove H ได้ประกาศเตรียมรับจองในเร็วๆ นี้แล้ว

 

สเปก Galaxy S5

Spec-New-AW-01-680

 

 

Image : TheVerge, Engadget