เปิดตัวแล้ว Samsung Galaxy Alpha ลบคำว่าบอบบางไปได้เลย ด้วยบอดี้โลหะ หรูหรา มีสไตล์

 

GALAXY-ALPHA_KV_Woman_Gold_Horizontal_0804

 

แอบเป็นข่าวลือให้แซด… อยู่พอสมควรกับ Samsung Galaxy Alpha สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดที่มาพร้อมบอดี้โลหะ ดูหรูหรา แข็งแรง ลบภาพเดิมๆ ของมือถือซัมซุงที่มักใช้พลาสติกเป็นวัสดุ ที่ทำให้มีคนบางส่วนไม่ปราบปลื้ม

 

สเปกของ Samsung Galaxy Alpha
• หน้าจอ 4.7 นิ้ว Super AMOLED
• ซีพียู Samsung Exynos octacore (8 แกนสมอง)
• แรม 2 GB
• หน่วยความจำภายใน 32 GB
• มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
• กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล
• กล้องหน้า 2.1 ล้านพิกเซล
• รองรับ 4G LTE
• ระบบปฏิบัติการ Android 4.4.4
• บางเพียง 6.7 มม.
• น้ำหนักรวม 115 กรัม

 

Galaxy Aplha จะวางจำหน่าย 5 สี คือ ขาว, ดำ, ทอง, เงิน และฟ้า โดยจะเริ่มวางจำหน่ายพร้อมกัน 150 ประเทศทั่วโลกในเดือนกันยายนนี้ แหมๆ กะว่าจะออกมาตัดหน้า iPhone 6 อีกแล้วสินะ ว่าแต่สังเกตในรูปที่ฝาหลังก็ยังดูเหมือนเป็นพลาสติกขึ้นลายคล้าย Galaxy S5 อยู่นะ ไม่น่าจะเป็นโลหะทั้งหมดอยู่ดี เอาเถอะครับยังไงก็รอดูของจริงกันอีกทีว่าหมากเกมนี้จะคุ้มค่ากับการลงทุนรึเปล่า

 

galaxy-alpha-official-1-620x381

galaxy-alpha-official-4-620x413

galaxy-alpha-official-5-620x413

galaxy-alpha-official-3-620x413

galaxy-alpha-official-2-620x413

galaxy-alpha-official-6-620x413

galaxy-alpha-official-11-620x413

galaxy-alpha-official-10-620x413

galaxy-alpha-official-8-620x413

galaxy-alpha-official-7-620x413

 

 

Source : Sammobile

 

 

กสทช. อนุมัติการจำหน่าย iPhone 6 ในไทยแล้ว คาดว่า 9 ก.ย. นี้ มีลุ้นได้เครื่องล็อตแรก

 

iphone6-tweet

 

ข่าวล่ามาเร็ว จากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้ที่สุดแล้วกับข้อความทวีตจากนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ว่า “สำนักงาน กสทช ผ่านรับรองมาตรฐานไอโฟน6เพื่ออนุญาตให้จำหน่ายในไทยแล้วครับ” ซึ่งนายฐากร ได้ทวีตไว้เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2557 เวลา 20:07 น. ที่ผ่านมา

 

และถ้าเป็นจริงตามนี้ ก็เป็นข่าวที่เสริมรับกับข่าวกำหนดการเปิดตัว iPhone 6 ในวันที่ 9 ก.ย. ที่จะถึงนี้ด้วย และคาดว่าประเทศไทยมีลุ้นที่จะได้วางจำหน่าย iPhone รุ่นล่าสุด หรือ iPhone 6 ตามที่คาดการณ์ไว้ในกลุ่มประเทศแรกๆ เช่นเดียวกับ สิงคโปร์, ฮ่องกง และญี่ปุ่น
 

Source : @TakornNBTC
 

 

ฟู๊ดแพนด้า แอพสั่งอาหารระดับโลก อัพเดทเวอร์ชันใหม่ เพิ่ม-ลด ส่วนประกอบอาหารได้ด้วยตัวเอง

 

APPx-3-banner-for-press-release_060814_03 (1)

 

ฟู๊ดแพนด้า (foodpanda) ศูนย์รวมบริการสั่งอาหารออนไลน์ระดับโลก เปิดตัวแอพพลิเคชั่นบนมือถือใหม่ล่าสุด ตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมฟู๊ดเดลิเวอรี่และแอพพลิเคชั่นบนมือถือด้วยฟังก์ชั่นและดีไซน์ใหม่ถอดด้าม

 

แอพพลิเคชั่นล่าสุดนี้มาพร้อมระบบจ่ายเงินที่ได้รับการพัฒนาให้สะดวกต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น เพื่อมอบความสะดวกสบายและง่ายต่อการสั่งอาหารจากร้านอาหารกว่า 30,000 ร้าน ในกว่า 40 ประเทศ ครอบคลุมพื้นที่ 4 ทวีปทั่วโลก

 

“การเปิดตัวแอพพลิเคชั่นรุ่นใหม่บนมือถือในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของฟู๊ดแพนด้า เราเห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของมือถือในทุกตลาดที่เราดำเนินธุรกิจอยู่ เราจึงทุ่มเทและลงทุนในการพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่สามารถมอบความสะดวกสบายในการสั่งอาหารให้กับผู้ใช้งานมากที่สุด ในอนาคต การสั่งอาหารด้วยมือถือจะทวีความสำคัญมากขึ้น และแน่นอนว่า ฟู๊ดแพนด้า คือผู้นำตลาดอย่างแท้จริง” ราล์ฟ เว็นเซล กรรมการผู้จัดการตลาดโลก บริษัท ฟู๊ดแพนด้า กล่าว

 

แอพพลิเคชั่นบนมือถือนี้ จะช่วยแนะนำร้านอาหารในบริเวณใกล้เคียง เพื่อให้ลูกค้าสามารถค้นหาและเลือกสั่งเมนูจานโปรดกลับบ้าน ภายในแอพพลิเคชั่นนี้จะแสดงเมนู รวมถึงรีวิวและเรตติ้งของร้านจากลูกค้าที่เคยใช้บริการ นอกจากนี้ ฟู๊ดแพนด้า ยังอัดแน่นด้วยข้อเสนอสุดพิเศษจากร้านอาหารมากมาย ลูกค้าสามารถเข้าดูประวัติการสั่งอาหารส่วนตัวเพื่อความสะดวกในการสั่งซ้ำ ที่สำคัญ แอพพลิเคชั่นนี้ยังช่วยเสริมประสบการณ์การ “เลือก” สั่งอาหาร โดยลูกค้าสามารถเลือกสั่งและปรับเพิ่มลดส่วนประกอบของเมนูอาหารได้ตามความต้องการเสมือนนั่งอยู่ในร้านอาหารจริง ลูกค้าสามารถเลือกจ่ายเงินสดตอนได้รับอาหาร หรือจ่ายด้วยบัตรเครดิตเพื่อความสะดวก แอพพลิเคชั่นรุ่นใหม่ของฟู๊ดแพนด้าได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ในทุกขั้นตอนการสั่งอาหาร ด้วยความโดดเด่นด้านความชัดเจนและความสะดวกในการใช้งาน

 

เอดิน เมมิเซวิค ผู้อำนวยการฝ่ายแอพพลิเคชั่นบนมือถือ บริษัท ฟู๊ดแพนด้า กล่าวเพิ่มเติมว่า “เราได้รับฟังความคิดเห็นของลูกค้าและพัฒนาแอพพลิเคชั่นให้ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขามากที่สุด ทีมงานของเราได้ทำการทดสอบตัวแอพพลิเคชั่นทุกขั้นตอน ทั้งการทดลองใช้ เปรียบเทียบ วิเคราะห์ สรุปผลและพัฒนาออกมาเป็นแอพพลิเคชั่นรุ่นใหม่นี้ ผมมั่นใจว่าลูกค้าจะต้องประทับใจกับความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ดีไซน์ใหม่ของเราจะมอบประสบการณ์รูปแบบใหม่ให้กับผู้ใช้ได้อย่างแน่นอน”

 

ค้นหาแอพพลิเคชั่น “ฟู๊ดแพนด้า” ใหม่ ได้บนแพลตฟอร์มชั้นนำต่างๆ ได้แก่ iOS, Android, Windows Phone, โนเกียเอ็กซ์และโนเกียอาช่า พิเศษสำหรับลูกค้าที่โหลดแอพพลิเคชั่น “ฟู๊ดแพนด้า” ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 สิงหาคม 2557 จะได้รับสิทธิ์ฟรีค่าส่งอาหารหนึ่งครั้งในร้านอาหารที่ร่วมรายการเพียงระบุโค้ด “appfree”

 

ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นฟู๊ดแพนด้าได้ที่ http://goo.gl/GDTSRx และค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟู๊ดแพนด้าได้ที่ http://www.foodpanda.co.th

 

 

 

 

ทรูมูฟ เอช จับมือ 7-Eleven ร่วมรายการแสตมป์ AEC แลกซิมยกก๊วน 3G, ทรูมูฟ เอช การ์ด หรือมือถือ 3G ทรู ซูเปอร์ อัลตร้า 1

 

stamp7-11

ทรูมูฟเอช ร่วมรายการแสตมป์ AEC ชวนขาประจำ 7-Eleven สะสมแสตมป์ AEC แลกรับสินค้าและบริการต่างๆ จากทรูมูฟ เอช สุดคุ้ม 3 แบบ

 

แบบที่ 1 แสตมป์มูลค่า 1 บาท แลกซิมยกก๊วน 3G แบบเติมเงิน พิเศษ!! เมื่อแลกซิมพร้อมเติมเงินทันที 50 บาทขึ้นไปที่ 7-Eleven รับโบนัสโทรฟรี 20 บาท พร้อมอินเทอร์เน็ต 3G ฟรี 1 GB ใช้ได้นาน 7 วัน เพื่อชมการ์ตูน กีฬา รายการบันเทิงระดับโลก จากทรูวิชั่นส์บนมือถือผ่านแอพพลิเคชั่นทรูวิชั่นส์ เอนิแวร์ พร้อมโทรคุ้มกับโปรโมชั่นโทรฟรียกก๊วน 24 ชั่วโมง
 
แบบที่ 2 สำหรับลูกค้าทรูมูฟ เอช เพียงสะสมแสตมป์ครบ 44 บาท + เงินสด 1 บาท แลกรับทรูมูฟ เอช การ์ด ซึ่งมอบสิทธิ์โทรฟรีในเครือข่ายไม่อั้น พร้อมใช้งานอินเทอร์เน็ตฟรี 100 MB นาน 3 วัน มูลค่า 80 บาท
 
แบบที่ 3 สุดคุ้มยิ่งขึ้น..สะสมแสตมป์ครบ 200 บาท + เงินสด 699 บาท แลกรับโทรศัพท์มือถือ 3G ทรู ซูเปอร์ อัลตร้า 1 มูลค่า 1,299 บาท

 

ผู้ที่สนใจรีบสะสมแสตมป์เพื่อแลกรับสิทธิ์ดังกล่าว ได้แล้ววันนี้ – 15 ธันวาคม 2557 ที่ร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ

 

 

พบสถิติ 38% ของผู้ใช้เน็ตชาวไทยเข้าชมวีดีโอออนไลน์ไม่ต่ำกว่าสัปดาห์ละครั้ง

 

TH_Thailand Net Users Online Video
ผลสำรวจพฤติกรรมของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก Connected Life 2014 ในกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 55,000 คนใน 50 ประเทศทั่วโลก โดยบริษัทวิจัยตลาด ทีเอ็นเอส โกลบอล ระบุว่า วิดีโอออนไลน์ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วโลก โดยกว่า 60% เข้าชมทุกสัปดาห์ 25% เข้าชมเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ใช้เน็ตที่มีอายุระหว่าง 25-34 ปี ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นแอคทีฟยูสเซอร์ (Active User) ที่โปรดปรานหรือเสพติดการเข้าชมวีดีโอออนไลน์ โดยผลสำรวจครั้งล่าสุดระบุว่าราว 30% ของกลุ่มผู้ใช้เน็ตทั่วโลกมีอายุระหว่าง 25-34 ปี มีพฤติกรรมเปิดชมวีดีโอออนไลน์เป็นประจำทุกวัน และ 66% รับชมไม่ต่ำกว่าสัปดาห์ละครั้ง

 

นอกจากนี้สถิติรองลงมาของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วโลกที่มักชมวิดีโอออนไลน์ แบ่งตามกลุ่มอายุ มีดังนี้

อายุ 16-24 ปี 29% มีพฤติกรรมเปิดชมวีดีโอออนไลน์เป็นประจำทุกวัน และ 65% เข้าชมไม่ต่ำกว่าสัปดาห์ละครั้ง
อายุ 35-44 ปี 25% มีพฤติกรรมเปิดชมวีดีโอออนไลน์เป็นประจำทุกวัน และ 60% เข้าชมไม่ต่ำกว่าสัปดาห์ละครั้ง
อายุ 45-54 ปี 18% เปิดวีดีโอออนไลน์เป็นประจำทุกวัน และ 51% เข้าชมไม่ต่ำกว่าสัปดาห์ละครั้ง

อายุ 55-65 ปี 15% มีพฤติกรรมเปิดชมวีดีโอออนไลน์เป็นประจำทุกวัน และ 43% เข้าชมไม่ต่ำกว่าสัปดาห์ละครั้ง

TH_Global Net Users by age

 

นายราล์ฟ แมตเทียส กรรมการผู้จัดการ บริษัทวิจัยทีเอ็นเอส ประเทศไทย สะท้อนเทรนด์ของพฤติกรรมดังกล่าวในเมืองไทยว่า ผลสำรวจพบว่า 11% ของใช้เน็ตชาวไทยเข้าชมวีดีโอออนไลน์ทุกวัน ขณะที่ 38% เข้าชมวีดีโอออนไลน์ไม่ต่ำกว่าสัปดาห์ละครั้ง และมีแนวโน้มจะขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยในอนาคต ตามแนวโน้มที่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตจะมีจำนวนมากขึ้น และต่างโหยหาคอนเทนต์ออนไลน์ในรูปแบบวีดีโอที่ไม่เพียงบริโภคง่าย แต่ยังมีความคล่องตัวในการรับชมข้อมูลข่าวสารโปรดย้อนหลังได้อย่างสะดวกสบายตามต้องการ

 

ซึ่งวีดีโอออนไลน์สามารถตอบสนองความต้องการข้อมูลข่าวสารทางเลือกของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างตรงใจ เห็นได้จากความนิยมในการรับชมช่องรายการยอดนิยมต่างๆบน Youtube ของผู้บริโภคในเมืองไทย, Viki เว็บสตรีมมิ่งชื่อดังของสิงคโปร์ ตลอดจน บริการรายการทีวีและภาพยนตร์ผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต BBC iPlayer ในอังกฤษ รวมถึง Hulu และ HBO GO ในสหรัฐอเมริกาที่เปิดให้ผู้คนสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้อย่างสะดวกง่ายดายผ่านโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ต

 

 

CTH, PSI, InfoSat, AB TV ขอความเป็นธรรม คสช. พร้อมแจงข้อเท็จจริงกรณีถูกคัดค้านแจกคูปองทีวีดีจิตอล

CTH-digital-tv1

ซีทีเอช – พีเอสไอ – อินโฟแซท – เอบีทีวี 4 ธุรกิจแพลตฟอร์มของประเทศไทยวอนขอความเป็นธรรม พร้อมแจง 4 ข้อเท็จจริงที่ซีทีเอชต้องแบกรับต่อ คสช. และ กสทช. เพื่อให้ทบทวนกรณีการแจกคูปองกล่องทีวีดิจิทัลอย่างเป็นธรรม เกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง และทบทวนการแจกกล่องรับสัญญาณระบบความคมชัดมาตรฐาน (SD) เป็นระบบความคมชัดสูง (HD) เพื่อรองรับการรับชมทีวีดิจิทัล

 
สืบเนื่องจากการที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เข้าไปตรวจสอบ 4 โครงการใหญ่ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และได้มีคำสั่งให้ชะลอโครงการทั้งสี่ดังกล่าว โดยหนึ่งในนั้นคือโครงการจัดสรรคูปองให้กับประชาชนเพื่อรับชมทีวีดิจิทัลมูลค่า 1,000 บาท/ ครัวเรือน คิดเป็นเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท และก่อนที่ คสช. จะมีคำสั่งตรวจสอบดังกล่าว ได้มี 14 ผู้ประกอบการฟรีทีวีได้ยื่นข้อคัดค้านการแจกคูปองผ่านทางเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม ต่อ กสทช. เมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยอ้างว่า เงินกองทุนที่นำมาตั้งเพื่อจัดสรรคูปองดังกล่าวเป็นเงินที่ได้มาจากการประมูลใบอนุญาตฟรีทีวี 24 ช่อง

 
ทั้งนี้ นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นายวรสิทธิ์ ลีลาบูรณพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีเอสไอ โฮลดิ้ง จำกัด, นาย นิรันดร์ ตั้งพิรุฬห์ธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินโฟแซท จำกัด และ นายณัฐ รองสวัสดิ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย บรอดคาสติ้ง เทเลวิชั่น จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก (เปย์ทีวี) ทั้งระบบเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม รวมทั้งถือใบอนุญาตโครงข่ายจาก กสทช. ได้ร่วมกันชี้แจงถึง ข้อเท็จจริง ซึ่งโต้แย้งกับข้อคัดค้านของกลุ่ม 14 ฟรีทีวีดังกล่าวถึง คสช. ผ่าน พล.ท. อนันตพร กาญจนรัตน์ ประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) และ กสทช.

dtac & CTH 1
นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บ. ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) (ซ้ายสุด) : Credit ภาพ จาก PR dtac

 

นายเชิดศักดิ์ กล่าวถึงข้อเท็จจิรงเพื่อโต้แย้งข้อคัดค้านกลุ่ม 14 ฟรีทีวีว่า “การดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมนั้นล้วนถือกำเนิดก่อนการก่อตั้ง กสทช.ซึ่งผู้ประกอบการทั้งหมดล้วนต้องฝ่าฟันบนเส้นทางธุรกิจด้วยตนเอง โดยปราศจากการสนับสนุนใดๆ จากภาครัฐ แต่เมื่อเกิดโครงการแห่งชาติที่ต้องการเปลี่ยนผ่านจากระบบการออกอากาศจากระบบอนาล็อกมาเป็นระบบดิจิทัลเช่นเดียวกับนานาชาติในภูมิภาค ทำให้ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมต้องปรับตัวอย่างหนัก พร้อมทั้งต้องลงทุนพัฒนาโครงการด้วยเม็ดเงินลงทุนมูลค่ามหาศาล เพื่อสนองนโยบายแห่งรัฐ ดังนั้น การจำกัดตัดสิทธิ์จึงถือเป็นกรณีที่ไม่เท่าเทียมและไม่เป็นธรรม

 

ในการพัฒนาตนเองเพื่อรองรับระบบการออกอากาศบนระบบดิจิทัลให้ลุล่วงตามเจตนารมณ์ของ กสทช.นั้นมีองค์ประกอบสำคัญทางด้านยุทธศาสตร์ คือ ทำอย่างไรจึงจะสามารถดำเนินการได้อย่างมีศักยภาพและรวดเร็ว โดยเกิดปัญหาน้อยที่สุด ขณะเดียวกัน ก็ต้องการให้ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว แต่กลับไม่เคยให้ความช่วยเหลือใดๆ เลย อีกทั้งไม่ให้เครื่องมือสำคัญเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ลุล่วงไปด้วยดี สาเหตุดังกล่าวจึงกลายเป็นการทำร้ายผู้ประกอบการทั้งสองกลุ่มโดยตรง เนื่องจากต้นทุนที่สำคัญของเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม คือ ระบบโครงข่ายและกล่องรับสัญญาณ (กล่อง Set-Top-Box) หากต้องการเร่งวางกล่องรับสัญญาณแบบดิจิทัล ผู้ประกอบการจำเป็นต้องพัฒนาโครงข่ายก่อนจึงจะสามารถวางกล่องดิจิทัลได้ แม้ในวันนี้ผู้ประกอบการหลายรายได้พัฒนาตนเองเพื่อรองรับระบบดิจิทัลแล้ว แต่ต้องลงทุนเรื่องกล่อง Set-Top-Box ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญอีก ในขณะที่ฟรีทีวีที่เข้ามาดำเนินธุรกิจภายหลังกลับได้สิทธิพิเศษตามที่ตนเองต้องการย่อมไม่ถูกต้องตามเจตนารมณ์ของ กสทช.

 

ขณะที่ นายวรสิทธิ์ กล่าวถึงข้อเท็จจิรงที่หลายคนอาจมองข้ามว่า “ที่ผ่านมาธุรกิจดาวเทียมได้สร้างฐานมาด้วยตนเอง เห็นจากการเข้าถึงในทุกพื้นที่อย่างครอบคลุมอย่าง มีประสิทธิภาพ ตลอดจนพื้นที่ที่ยากแก่เข้าถึง อาทิ พื้นที่ในที่ห่างไกล และภูมิประเทศอย่างภูเขา เกาะต่างๆ ขณะที่การให้บริการในยุคดิจิทัลระยะเริ่มแรกนั้น การแพร่ภาพเสียงและภาพได้ใช้จานรับสัญญาณดาวเทียมในการส่งต่อสัญญาณให้ได้รับชมในแพลตฟอร์มดาวเทียมอย่างมีศักยภาพเช่นเดียวกัน แต่กลับเผชิญ อุปสรรคที่ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมปฏิเสธไม่ได้จาก หลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป หรือ กฎ Must Carry ของภาครัฐเอง ซึ่งมีเจตนารมณ์เพื่อสร้างหลักประกันว่า ผู้ชมจะต้องเข้าถึงและได้รับชมฟรีทีวีได้อย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นการรับชมผ่านช่องทาง (Platform) ของผู้ให้บริการโครงข่าย (ทั้งภาคพื้นดินและดาวเทียม) ผู้ให้บริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก (เคเบิลทีวีหรือทีวีดาวเทียม) โดยกฎ Must Carry ดังกล่าวมีนัยยะที่แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า นับจากนี้ ผู้ประกอบการทั้งสองกลุ่มจะต้องถูกบังคับให้แพร่ภาพฟรีทีวี (24 ช่อง) และทีวีสาธารณะ (12 ช่อง) รวมทั้งหมด 36 ช่องบนระบบดิจิทัล ขณะที่ทีวีที่แพร่ภาพบนระบบอนาล็อกนั้นมีช่องรายการไม่เกิน 5 – 60 ช่อง ซึ่งการแพร่ภาพบนระบบดิจิทัล 36 ช่องนี้ทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระต้นทุนเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจากการเสียค่าเช่าช่องทรานสปอนเดอร์เพิ่มขึ้นอีกด้วย ดังนั้น เมื่อมาถึงวันนี้ภาครัฐมีโครงการจัดสรรคูปองทีวีดิจิทัล แต่กลุ่มธุรกิจเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมกลับไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ ในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมจึงต้องการให้ทั้ง คตร.และ กสทช. พิจารณาทบทวนใหม่อีกครั้ง เพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม”

 

นอกจากนี้ นายนิรันดร์ ได้กล่าวเสริมถึงประเด็น Must Carry เพิ่มเติมว่า “นับแต่การใช้กฎ Must Carry กับทีวีดิจิทัล 36 ช่องผ่านทีวีดาวเทียมนับแต่เดือนเมษายน 2557 ตามเจตนารมณ์ของ กสทช.ทุกประการ และปัญหาจากการดำเนินการนี้ก็ส่งผลต่อการให้บริการของบริษัท อาทิ ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ที่จะต้องตอบคำถามลูกค้าในกรณีที่ไม่สามารถรับชมทีวีดิจิทัลได้ เนื่องจากทีวีดิจิตอลนั้นข้ารหัสที่เรียกว่า “บิสคีย์” (Biss Key) ทั้งหมด ทำให้กล่อง Set-Top-Box เดิมก่อนปี 2554 ไม่สามารถรองรับได้และต้องมีการอัพเกรดและปรับปรุงซอฟต์แวร์ ขณะเดียวกัน ก็มีข้อสังเกตอีก 2 ประการ คือ 1) กสทช.ได้ทำประชาพิจารณ์ก่อนหน้านี้ แต่มิได้ดำเนินการตามผลของประชาพิจารณ์ เนื่องจากมีเป้าหมายของหน่วยงานอยู่แล้ว 2) การเสียค่าธรรมเนียมของกล่อง Set-Top-Box ของกลุ่มธุรกิจเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม นั้นก็มีการส่งให้ กสทช. ตรวจสอบเช่นเดียวกันกับของทีวีดิจิทัล แต่ Set-Top-Box ของกลุ่มธุรกิจเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม ซึ่งเป็นรุ่น S1, S2 กลับต้องเสียค่าธรรมเนียม 10 บาท/กล่อง ในขณะที่กล่อง Set-Top-Box ของทีวีดิจิทัลรุ่น T2 กลับเสียค่าธรรมเนียมเพียง 5 บาท/กล่องกลับได้รับการติดสติ๊กเกอร์ “น้องดูดี” รับรองว่าดูทีวีดิจิทัลได้ อีกทั้งได้รับการสนับสนุนทางด้านการตลาดอื่นๆ ในขณะที่กลุ่มธุรกิจเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม ซึ่งเสียค่าธรรมเนียมต่อกล่องแพงกว่ากลับไม่ได้สติ๊กเกอร์และการสนับสนุนใดๆ เลย

 
ที่สำคัญ จากการประชุมของ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) หลายครั้งและได้มีมติให้มีการจัดสรรคูปองให้กับทุกกลุ่มธุรกิจอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม ซึ่งคณะกรรมการกองทุนฯ ก็เห็นชอบกับมติดังกล่าว อีกทั้งได้มีการเผยแพร่ข่าวสารประชาสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันนี้ จนเป็นที่รับทราบกันเป็นที่สาธารณะในทุกภาคส่วนตรงกัน หากจะมีการเปลี่ยนแปลงขอบเขตการจัดสรร ตลอดจนเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของการจัดสรรเพื่อตอบสนองประโยชน์ของกลุ่มธุรกิจเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจึงย่อมไม่ใช่เรื่องชอบธรรมด้วยประการทั้งปวง ที่สำคัญ เงินกองทุนที่นำมาจัดตั้งเพื่อเป็นงบประมาณสำหรับการจัดสรรคูปองฯ ดังกล่าวมิใช่เงินของกลุ่มธุรกิจฟรีทีวีเท่านั้น หากแต่เป็นรายได้ของประเทศที่สมควรกระจายสู่กลุ่มธุรกิจทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม เป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ”

 
สำหรับประเด็นของ “บิสคีย์” นายณัฐ ได้กล่าวเสริมว่า “ทีวีดิจิทัลไม่จำเป็นต้องใส่ “บิสคีย์” ซึ่งทำให้เป็นการเข้ารหัสซ้ำซ้อน เพราะลำพังแค่การเข้ารหัสด้วยการทำ “โอทีเอ” (OTA : Over-The-Air) ซึ่งเป็นการถ่ายข้อมูลจากดาวเทียมลงสู่เครื่องรับสัญญาณดาวเทียมโดยตรงก็เพียงพอแล้ว และการเข้ารหัสบัสคีย์จนทำให้ประชาชนที่มีกล่องรุ่นเดิมไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้จึงถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง”

 
ส่วนตัวเลขของคูปองการจัดสรรกล่อง Set-Top-Box นั้น นายณัฐ ให้ทัศนะที่น่าสนใจเพิ่มเติมด้วยว่า “ไม่ว่าตัวเลขของคูปองจะเป็น 690 หรือ 1,000 บาทก็ตาม ตนเองอยากให้มองอย่างไม่หลงประเด็นว่า เม็ดเงินดังกล่าวคือ “ส่วนลด” ที่ กสทช. มอบให้กับประชาชนเพื่อใช้ซื้อกล่อง Set-Top-Box เพื่อเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่มีทางให้เลือกเสพมากขึ้นนอกเหนือจากฟรีทีวีที่มีเพียงไม่กี่ช่องมาเป็นจำนวนหลายสิบช่องจากการเปิดตัวของทีวีดิจิทัล ดังนั้น จึงต้องการให้ กสทช. ทบทวนถึงการให้เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งจะทำให้ประชาชนสามารถที่จะเลือกซื้อกล่อง Set-Top-Box ที่รองรับระบบ HD ได้ด้วย เนื่องจากปฏิเสธไม่ได้ว่า ในอนาคตระบบการออกอากาศของโทรทัศน์ไทยก็จะเป็นดิจิทัลทั้งหมด และด้วยเม็ดเงินดังกล่าวนั้นก็ไม่สามารถซื้อกล่อง Set-Top-Box ได้ทั้งหมด หากแต่เป็นส่วนลดที่จะทำให้ประชาชนใช้วิจารณญาณของตนเองตัดสินใจได้ตามกำลังซื้อว่า จะสามารถซื้อกล่อง Set-Top-Box ประเภทใดระหว่าง SD หรือ HD ด้วยตนเอง และหากในอนาคตจะซื้อเครื่องรับโทรทัศน์ดิจิตอลและอยู่ในเขตภูมิภาคก็จะสามารถใช้กล่อง Set-Top-Box ที่รองรับระบบ HD ได้

 
“อย่างไรก็ตาม เราเคารพความคิดเห็นของ 14 กลุ่มฟรีทีวี เพียงแต่อยากเสนอให้ทั้ง คตร. และ กสทช. ได้มีการทบทวนโดยมุ่งคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งและปรับความเข้าใจที่ถูกต้องที่มีต่อ “ที่มา” ที่แท้จริงเงินกองทุนเพื่อการจัดสรรคูปองดังกล่าวว่า เงินกองทุนฯ นี้ไม่ได้เป็นของกลุ่มฟรีทีวีแต่เพียงกลุ่มเดียว เนื่องจากการประมูลขายทีวีดิจิตอลนั้นเป็นการประมูลคลื่นความถี่ ซึ่งเป็นทรัพยากรของชาติ ดังนั้น รายได้ที่ได้จากการประมูลจึงถือเป็นรายได้ของประเทศ หรือ “เงินแผ่นดิน” การใช้เงินแผ่นดินเพื่อการใดก็ตามจึงควรที่จะคำนึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก”

 
ขณะที่ นายเชิดศักดิ์ ยังให้ทัศนะก่อนปิดท้ายอีกด้วยว่า “มีข้อเท็จจริงอีกประการที่ผมคิดว่า ฟรีทีวีอาจมองข้ามประเด็นนี้ไป นั่นคือยุทธศาสตร์การเพิ่มสายตาผู้ชม หรือที่เรียกว่า Eyeball จะเกิดขึ้นได้อย่างมากมายมหาศาลทันที หากสามารถวางกล่อง Set-Top-Box ได้อย่างรวดเร็ว ครอบคลุมและทั่วถึง ซึ่งเมื่อเกิด Eyeball เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลภายในระยะเวลาอันสั้นแล้ว ผลลัพธ์ที่ตามมาย่อมหมายถึงเม็ดเงินของรายได้ที่จะมาจากโฆษณาทีวีประมาณ 70,000 – 80, 000 ล้านบาทต่อปี เนื่องจากฟรีทีวีสามารถโฆษณาได้ 12 นาที / ชั่วโมง ในขณะที่เคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมสามารถโฆษณาได้เพียง 6 นาที / ชั่วโมงเท่านั้น

 

 

 

 

Mentions แอพใหม่สำหรับบุคคลสาธารณะ ให้สนทนาผ่าน Facebook ได้ง่ายขึ้น

 

IntroducingMentions_1

 

Mentions แอพพลิเคชั่นใหม่ที่ช่วยให้บุคคลสาธารณะสามารถค้นหาและร่วมบทสนทนาบน Facebook ได้อย่างง่ายดาย เปิดให้บริการในประเทศไทย รวมถึงอีกกว่า 40 ประเทศทั่วโลกแล้ว

 
Mentions คือแอพพลิเคชั่นใหม่ล่าสุดจาก Creative Lab ของ Facebook ที่ช่วยให้บุคคลสาธารณะเห็นหัวข้อที่แฟนๆ กำลังพูดคุยถึงผ่านกระดานข่าวแบบใหม่ โพสต์เรื่องราวอัพเดทต่างๆ จัดรายการตอบคำถามผ่านโทรศัพท์มือถือ ค้นหาสิ่งที่กำลังอยู่ในความนิยม รับการแจ้งเตือนโพสต์และอื่นๆ อีกมากมาย

IntroducingMentions_5

 

ผู้คนจำนวนเกือบ 800 ล้านคนเชื่อมต่อกับบุคคลสาธารณะบน Facebook และการปฏิสัมพันธ์กับนักกีฬา นักดนตรี นักแสดง รวมถึงบุคคลสำคัญในด้านอื่นๆ เป็นส่วนสำคัญของประสบการณ์ออนไลน์ของพวกเขา ตั้งแต่ การให้กำลังใจผู้เล่นฟุตบอลโลกไปจนถึงการเช็คการอัพเดทจากดาราคนโปรด แต่ละสัปดาห์มีการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลสาธารณะกับแฟนๆ ของพวกเขากว่าพันล้านครั้งบน Facebook

 

แอพ Mentions บน Facebook แอพตัวใหม่จาก Creative Labs ของ Facebook ที่ช่วยให้บุคคลสาธารณะพูดคุยกับแฟนๆ และบุคคลสาธารณะอื่นๆ ได้อย่างง่ายดายในคราวเดียว ในฐานะบุคคลสาธารณะ แอพ Mentions บน Facebook ช่วยให้คุณสามารถ
• ดูว่าแฟนๆ กล่าวถึงคุณอย่างไรบ้างและเข้าร่วมในวงสนทนา
• แบ่งปันเรื่องราวของคุณโดยการโพสต์อัพเดท แชร์รูปภาพหรือวิดีโอ หรือจัดรายการถามตอบสด
• เข้าร่วมการสนทนาที่ได้รับความนิยมบน Facebook และดูโพสต์ล่าสุดของบุคคลที่คุณติดตาม
• รับการแจ้งเตือนโพสต์ได้ง่ายๆ รวมทั้งการกล่าวถึงจากบุคคลสำคัญอื่นๆ หรือสื่อมวลชน

 

IntroducingMentions_3

 

ขณะนี้ Mentions พร้อมใช้งานบน iPhone สำหรับผู้ที่มีเพจที่ได้รับการรับรองในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น เราวางแผนจะเพิ่มขอบเขตการใช้งานแอพนี้ไปยังประเทศอื่นๆ และข้อมูลส่วนตัวที่ได้รับการรับรองอื่นๆ ในอนาคตอันใกล้ หากคุณเป็นผู้ดูแลเพจที่ได้รับการรับรองคุณสามารถ ขอการเข้าถึงแอพ Mentions โดยตรง หากคุณเป็นบุคคลสาธารณะ คุณสามารถ ดาวน์โหลดแอพบน iPhone เพื่อขอการเข้าถึง

 

IntroducingMentions_4

 

 

ASUS ZenFone 4 ใหม่ จอ 4.5 นิ้ว เสริมฟีเจอร์กล้อง PixelMaster ต้อนรับวันแม่ราคา 3,990 บ.

 

zenfone5-4.5
 

เอซุส ประกาศเปิดตัว ZenFone 4 รุ่นใหม่ (A450CG) หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า ZenFone 4.5 หน้าจอขนาด 4.5 นิ้ว พร้อมเสริมเทคโนโลยีกล้อง PixelMaster ช่วยให้การถ่ายภาพและบันทึกภาพเคลื่อนไหวทำได้อย่างสวยงามไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแสงแบบใดก็ตาม ด้วยระบบอินเตอร์เฟซแบบใหม่ ASUS ZenUI ที่มีการพัฒนามากกว่า 1,000 ครั้ง จึงทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้นและหลื่นไหลเป็นธรรมชาติ

 

มร. โจอี้ เฉิน ผู้จัดการผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟน บริษัท เอซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ต้องขอบคุณแฟนๆเอซุสที่ให้การตอบรับ ZenFone ในตลาดสมาร์ทโฟนบ้านเราเป็นอย่างดีโดยเฉพาะในโลกอินเทอร์เน็ต เราเชื่อว่าเทคโนโลยีที่ดีที่สุดคือเทคโนโลยีที่เข้าถึงผู้ใช้จำนวนมากได้ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีกล้อง PixelMaster ที่รวบรวมลูกเล่นต่างๆมากมายโดยเฉพาะโหมด Low-Light ที่จะช่วยให้ภาพสว่างขึ้นกว่า 400% ดังนั้น ZenFone 4 รุ่นใหม่นี้จะสามารถเติมเต็มความสุขของผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างแน่นอน”

 

ZenFone 4 (A450CG / ZenFone 4.5) ประกอบไปด้วยการออกแบบที่สวยงามพร้อมวัสดุที่มีคุณภาพสูง การันตีโดย Reddot Award 2014 ด้วยหน้าจอขนาด 4.5 นิ้ว จับถือถนัดมือ พร้อมเทคโนโลยี Corning Gorilla Glass 3 สำหรับป้องกันการขีดข่วนและลดรอยนิ้วมือ ทำให้มือถือของคุณทนทานยิ่งขึ้น สามารถตอบสนองการสัมผัสได้อย่างรวดเร็ว รองรับการใช้งาน 3G แบบ 2 ซิม ประมวลผลด้วย Intel Atom Z2520 Processor with Intel Hyper-Threading Technology กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED รันบนระบบปฏิบัติการ Android 4.4 KitKat แรม 1 GB พร้อมหน่วยความจำภายในเครื่อง 8 GB เพิ่มเมม Micro SD ได้สูงสุด 64 GB ฟรีพื้นที่เก็บข้อมูลบน ASUS Webstorage ขนาด 5 GB ตลอดอายุการใช้งาน สำหรับการเก็บภาพ วีดีโอ แอพพลิเคชั่น และอื่นๆ อีกมากมาย

 

ถือเป็นโอกาสอันดีที่คุณลูกจะเลือกสรรสมาร์ทโฟนคุณภาพคับแก้วไว้เป็นของขวัญแทนใจสำหรับคุณแม่อันเป็นที่รัก ด้วยฟีเจอร์กล้องโดนๆอย่าง PixelMaster สำหรับแบ่งปันความรู้สึกดีๆแก่กันและกัน แถมยังมี ASUS ZenUI ที่มาพร้อมลูกเล่นเด็ดๆมากมาย อาทิ Easy Mode ที่จะทำให้คุณแม่สามารถมองเห็นไอคอนในขนาดที่ใหญ่ขึ้นได้อย่างชัดเจน ทั้งหมดนี้ในราคาเพียง 3,990 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) มีด้วยกัน 5 สี ได้แก่ สีดำ สีขาว สีแดง สีเหลือง และสีฟ้า พร้อมวางจำหน่ายเดือนสิงหาคมนี้

 

PixelMaster – การถ่ายภาพให้เหมือนมืออาชีพ ในทุกๆโอกาส

pixelmaster

 

PixelMaster เป็นเทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพสุดพิเศษจาก เอซุส ที่จะรวมคุณสมบัติต่างๆมากมาย อาทิ Low-Light Mode, Time Rewind, Selfie Mode และ Depth of Field Mode ที่จะทำให้การถ่ายภาพมีประสิทธิภาพมากขึ้นและทำให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพและบันทึกวีดีโอที่สวยงามได้อย่างง่ายดาย

 
http://youtu.be/7qW-kkMBnX4
 

Low-light Mode จะเพิ่มประสิทธิภาพของกล้องถ่ายรูปในขณะที่ถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย โดยจะปรับเปลี่ยนขนาดของพิกเซลได้อย่างชาญฉลาด สามารถปรับเพิ่มความสว่างได้ถึง 400% และความคมชัดถึง 200% จึงทำให้ผู้ใช้ได้รูปภาพที่ชัดและสว่างโดยไม่จำเป็นต้องใช้แสงแฟลช นอกจากนี้ Electronic Image Stabilizer (EIS) จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อยโดยจะส่งผลให้ได้ภาพที่คมชัด นอกจากนี้ Low-light Mode ยังสามารถใช้ได้กับการบันทึกภาพเคลื่อนไหวได้อีกด้วย

 

การถ่ายภาพเคลื่อนไหวเป็นสิ่งที่ท้าทายเนื่องจากการสั่นสะเทือนของวัตถุ แต่ Time Rewind จะสามารถจับภาพในช่วงเวลาที่สมบูรณ์ได้อย่างง่ายดาย โดยการถ่ายภาพหลายๆ ภาพอย่างอัตโนมัติทำให้โอกาสของการได้รับภาพที่สมบูรณ์มีมากขึ้น ภายหลังจากที่ผู้ใช้ถ่ายภาพเหล่านั้นแล้ว ผู้ใช้สามารถย้อนกลับไปดูภาพเหล่านั้นและเลือกภาพที่ดีสุดได้หรือบันทึกภาพทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย

 

Selfie Mode คือนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่จะทำให้สามารถถ่ายภาพตนเอง (Selfies) ได้อย่างมีคุณภาพ ด้วยการใช้กล้องด้านหลังที่มีความละเอียดสูงแทนที่กล้องหน้าในการถ่ายภาพตนเองหรือกับกลุ่มเพื่อนได้ กล้องถ่ายภาพจะตรวจจับจำนวนของคนที่อยู่ในกรอบอย่างอัตโนมัติ และจะเริ่มนับถอยหลังก่อนที่จะถ่ายภาพสามภาพ หลังจากนั้นผู้ใช้สามารถเลือกภาพที่ดีที่สุดเพื่อที่จะบันทึกหรือแบ่งปันทางออนไลน์

 

Depth of Field Mode จะทำให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพที่โฟกัสได้อย่างคมชัด พร้อมพื้นหลังที่เบลอ ซึ่งการถ่ายภาพเช่นนี้ช่างภาพจะรู้กันเป็นอย่างดีว่า สามารถทำได้กับกล้องถ่ายภาพแบบไฮเอนด์เท่านั้น

 

ASUS ZenUI — ลื่นไหล เป็นธรรมชาติ และสวยงาม

http://youtu.be/gcWFTWQhg18
 
ASUS ZenUl ระบบอินเตอร์เฟซของโทรศัพท์มือถือที่ได้รับการพัฒนาจากแนวคิดของความมีอิสรภาพ พร้อมกับการออกแบบที่มีประสิทธิภาพด้วยไอคอนที่ทันสมัย ธีมสีสดใส ประกอบไปด้วย 2 คุณสมบัติเด่น คือ What’s Next และ Do It Later ที่ได้รับการออกแบบเพื่อให้ผู้ใช้งานจัดการกับข้อมูลที่หลากหลายได้อย่างอิสระ และทำให้ใช้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

What’s Next จะถ่ายทอดข้อมูลปัจจุบันที่สำคัญและเป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้ เช่น การนัดหมายที่ใกล้จะมาถึง ข้อความใหม่ รวมถึงสายที่ไม่ได้รับจากผู้ติดต่อคนสำคัญ สภาพอากาศสำหรับจุดหมายปลายทางต่อไป และอื่นๆ อีกมากมาย สังเกตได้ง่าย เช่น หน้าจอข้างหน้าและตรงกลางในขณะที่ล็อค Home Screen และ Notification Drawer

 

Do It Later จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถมุ่งเน้นไปที่งานสำคัญที่จะต้องทำ ถ้าผู้ใช้อยู่ระหว่างการเขียนอีเมลและรับสายโทรเข้า ก็จะมีปุ่มด้านล่างทำการเตือนให้ผู้ใช้โทรกลับสายที่โทรเข้าในภายหลัง ผู้ใช้สามารถบันทึกสิ่งที่น่าสนใจต่างๆ เช่น บทความ วีดีโอบน YouTube หรือเว็บไซต์อื่นๆ การเตือนหรือการบันทึกแต่ละอันจะได้รับการจัดเก็บไปที่แอพพลิเคชั่น Do It Later ที่ได้รวบรวมทางลัดของสิ่งที่จะต้องทำเข้าไปด้วย เช่น โทรหาผู้ติดต่อหรือเข้าชมเว็บไซต์ต่าง ๆ

 

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.asus.co.thและ www.facebook.com/ASUSTHAILAND,www.twitter.com/ASUSTHAILAND หรือโทรสอบถามที่ เอซุส คอลเซ็นเตอร์ 02-401-1717

 

Source : notebookspec

 

 

Easy Taxi ตั้งเป้า 1 ล้านดาวน์โหลดในประเทศไทย

 

K.Nattapak Atichartakarn - Chief Operating Officer

 

อีซี่ แท็กซี่” แอพพลิเคชั่นเรียกแท็กซี่ซึ่งมียอดดาวน์โหลดแล้วกว่า 500,000 ครั้ง ได้เปิดตัวในฐานะแอพลิเคชั่นเรียกแท็กซี่อันดับหนึ่งในประเทศไทย

 

แอพพลิเคชั่นเรียกแท็กซี่ชั้นนำของโลก “อีซี่ แท็กซี่” ได้ดำเนินการในประเทศไทยอย่างสมบูรณ์แบบมาเป็นระยะเวลาหนึ่งปีเต็มและเตรียมพร้อมเปิดตัวในหัวเมืองหลักๆทั่วประเทศไทย

 

Mr. Felipe Kasinsky - CEO

มร. เฟลิปเป้ คาซินสกี้ ซีอีโอ อีซี่ แท๊กซี่ ไทยแลนด์ กล่าวว่า อีซี่ แท็กซี่ เป็นแอพพลิเคชั่นที่ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายมากและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้น หลังจากการเปิดตัวในช่วงพรีลอนช์เพียงระยะเวลาไม่นานนัก เราได้กระแสตอบรับที่ดีมากและยังสามารถสร้างฐานลูกค้าที่กลายเป็นลูกค้าประจำของเราได้อย่างมากมายทางอีซี่แท็กซี่จึงเล็งเห็นว่าคนกรุงเทพฯ ที่ใช้บริการรถสาธารณะเริ่มจะให้ความสำคัญกับเรื่องของความรวดเร็วและความสะดวกสบายในการจองรถแท็กซี่ผ่านทางแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือ สำหรับการลงทะเบียนเข้าใช้งานของผู้ขับรถแท็กซี่เองก็มีประสิทธิภาพมากกว่า เพราะ อีซี่ แท็กซี่ แอพพลิเคชั่นนั้นจะแนะนำผู้โดยสารที่อยู่ใกล้ที่สุดให้กับผู้ขับรถแท็กซี่และยังช่วยระบุตำแหน่งในการไปรับผู้โดยสารที่ชัดเจนผ่านระบบจีพีเอสอีกด้วย”

 

ขณะนี้มีจำนวนสมาชิกผู้ขับรถแท็กซี่ที่เข้าร่วมโครงการและลงทะเบียนกับ อีซี่ แท็กซี่ แล้วกว่า 8,000 คัน ซึ่งหนึ่งในวัตถุประสงค์หลักของ อีซี่ แท็กซี่ ก็คือการเพิ่มพูนคุณประโยชน์ให้กับกลุ่มผู้ขับรถแท็กซี่ทุกคนในประเทศไทย

 
“เราได้วางแผนในการพัฒนาและสนับสนุนกลุ่มผู้ขับรถแท็กซี่ในประเทศไทย และเป้าหมายของเราคือการเปลี่ยนให้ผู้ขับรถแท็กซี่ให้เป็นกลุ่มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและความสดใส ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ขับรถแท็กซี่ทุกคนมีความสุขในการทำงานโดยผลลัพธ์ที่ตามมาคือผู้โดยสารที่มีความสุขจากการได้รับบริการนั่นเอง” มร. เฟลิปเป้ คาซินสกี้ กล่าวเสริม

 

สำหรับแอพพลิเคชั่น อีซี่ แท็กซี่ มีจำนวนยอดดาวน์โหลดแล้วกว่า 500,000 ครั้ง ในประเทศไทยและทางบริษัทคาดหวังว่าจะมีจำนวนยอดดาวน์โหลดเพิ่มมากขึ้นอีกจำนวนมาก

 

“ยอดการดาวน์โหลดจำนวนมากนั้นแสดงให้เห็นว่าผู้โดยสารมีความสนใจต่อบริการของเราเป็นอย่างสูง และยังแสดงถึงความต้องการของผู้โดยสารมองหาช่องทางที่ดีกว่าในการเรียกรถแท็กซี่ เราจึงคาดหวังที่จะให้ยอดการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น อีซี่ แท็กซี่ พุ่งทะยานสู่ยอด 1 ล้านครั้งในเวลาอันใกล้นี้” มร. เฟลิปเป้ คาซินสกี้ กล่าว

 

อีซี่ แท๊กซี่ แอพพลิเคชั่นจะช่วยให้ผู้โดยสารสามารถจองรถแท็กซี่ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการจองรถแท็กซี่ ด้านการให้บริการ อีซี่ แท๊กซี่นั้น ผู้โดยสารจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับชื่อ รูปถ่าย และหมายเลขทะเบียนของรถแท็กซี่ที่จะเป็นผู้ให้บริการทันทีที่ผู้โดยสารได้ทำการจอง รวมไปถึงระยะเวลาคร่าวๆ ที่รถแท็กซี่จะใช้ในการเดินทางมารับผู้โดยสารอีกด้วย

screenshot_step 1 screenshot_step5

 

อีซี่ แท็กซี่ ได้รับการยืนยันว่าเป็นบริการที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้โดยสาร ทั้งยังช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่คนขับแท็กซี่อีกด้วย สำหรับการให้บริการของ อีซี่ แท็กซี่ นั้นได้ถือว่าปัจจัยด้านความปลอดภัยของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรก จึงสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้โดยสารผ่านระบบการลงทะเบียนของผู้ขับรถแท็กซี่ที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกกับเรา โดยอีซี่แท็กซี่ ได้เข้ามาดำเนินงานในประเทศไทยเป็นลำดับที่ 3 ของภูมิภาคเอเชีย หลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างมากจากการเปิดตัวในประเทศต่างๆ ได้แก่ เกาหลีใต้ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ตามลำดับ ทั้งยังมีแผนที่จะเปิดตัวในประเทศอื่นๆ เพิ่มขึ้น ในเร็วๆนี้ ปัจจุบันอีซี่ แท็กซี่ มีให้บริการใน 9 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชีย ซึ่งประกอบด้วย เกาหลีใต้ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ประเทศไทย เวียดนาม ฮ่องกง อินโดนีเซีย อินเดีย และ ปากีสถาน

screenshot_step2

ผู้โดยสารสามารถดาวน์โหลด อีซี่ แท็กซี่ แอพพลิเคชั่น ได้แล้วในระบบปฏิบัติการ iOS, Android, Windows Phone และ BlackBerry devices เพียงผู้ใช้บริการกดยืนยันการเรียกให้รถแท็กซี่มารับ หลังจากนั้นผู้ใช้บริการจะได้รับการแจ้งยืนยันการให้บริการพร้อมชื่อและภาพของผู้ขับขี่ รวมทั้งภาพของรถ ทั้งยังสามารถทราบตำแหน่งจริงที่รถแท็กซี่อยู่ได้อีกด้วยทั้งนี้ในแอพพลิเคชั่นยังมีวิธีการชำระเงินผ่านแอพพลิเคชั่น, การให้บริการสำหรับลูกค้าในรูปแบบของลูกค้าองค์กร ,สถานที่ๆ ชื่นชอบเดินทางไปบ่อยๆ, คุณสมบัติด้านการบริการอื่นๆ เพิ่มเติม, ส่วนลดพิเศษ, การรับ-ส่งข้อความระหว่างผู้โดยสารกับผู้ขับขี่, การบันทึกประวัติการเดินทาง, ข้อมูลของแท็กซี่ที่พร้อมให้บริการในพื้นที่ๆ ผู้โดยสารอยู่และในเร็วๆ นี้จะมีการเปิดแอพพลิเคชั่น อีซี่ แท็กซี่ ในเจเนอเรชั่นใหม่ซึ่งได้มีการปรับปรุงคุณสมบัติต่างๆ ให้เหมาะแก่การใช้งานของผู้โดยสารมากยิ่งขึ้น

 

อีซี่ แท็กซี่ เป็นแอพพลิเคชั่นที่ได้รับความนิยมหลังจากได้เปิดตัวในกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ซึ่งการเปิดตัวเข้าสู่ประเทศไทยนับเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการเจาะกลุ่มตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยที่กำลังมีการเติบโตเป็นอย่างมาก โดยถือได้ว่ามีอัตราการเติบโตเป็นลำดับที่ 20 ของโลก

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าชมได้ที่ www.easytaxi.com/th และสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นได้ฟรีที่ Google Play, iTunes, Windows Store และ Blackberry World.

 

 

ฟูจิ ซีร็อกซ์ พรินเตอร์ ชวนคุณร่วมสนุกในกิจกรรม “Mum my Love” ส่งภาพและบรรยายความประทับใจของแม่และลูก

 

FXPC__Mum Day 2014
ฟูจิ ซีร็อกซ์ พรินเตอร์ ผู้นำเทคโนโลยีด้านการพิมพ์ระดับโลก จัดกิจกรรมพิเศษ “Mum my Love” ต้อนรับเทศกาลวันแม่ปี 2557 เชิญชวนคุณลูกและคุณแม่ร่วมสนุก โดยส่งภาพถ่ายคู่กันพร้อมใส่คำบรรยายถึงกิจกรรมที่ทำร่วมกันแล้วประทับใจที่สุดมาที่ www.facebook.com/fxprintersthailand พร้อมติดแฮชแท็ก #FujiXeroxLoveMum หากภาพพร้อมคำบรรยายของท่านถูกใจคณะกรรมการที่สุด รับฟรี “เครื่องพิมพ์คุณภาพ รุ่น DocuPrint P215b” พร้อมหมึกพิมพ์อีก 1 ตลับ (มูลค่ารวมกว่า 2,590 บาท) และลุ้นรับของรางวัลมากมาย อาทิ แก้วน้ำกิ๋บเก๋, ร่ม และกล่องเอนกประสงค์ ร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 สิงหาคมศกนี้

 

ประกาศรายชื่อผู้โชคดี ผ่าน www.facebook.com/fxprintersthailand ในวันที่ 8 กันยายน 2557 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ 02-660-8000 ต่อ 0223 หรือ 0227