ซื้อเคส iPhone 6 รอกันเลย Amazon on Sale แล้วจ้า…

 

Case-iphone6
ก่อนที่ iPhone 6 จะเปิดตัวในคืนนี้ ระหว่างรอ ก็ช้อปปิ้ง เคสสำหรับใส่ iPhone 6 รอกันก่อนได้เลย เพราะตอนนี้เหล่า พ่อค้า แม่ค้า ออนไลน์ ต่างโพสต์ขายเคสสำหรับ iPhone 6 กันเต็มหน้าเว็บ Amazon.com เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีรองรับทั้งรุ่น 4.7 นิ้ว และ 5.5 นิ้ว ดังนั้นคงได้เห็น iPhone 6 ทั้ง 2 รุ่น ในงานเปิดตัวคืนนี้แน่ๆ ฟันเฟิร์ม…

 

Source : Amazon.com

 
รวมเคส iPhone 6 ที่มีขายบน Amazon (คลิกเพื่อดูภาพขนาดใหญ่)

 
 

คาด iPhone 6 ทั้ง 2 รุ่น พร้อมวางขาย 19 ก.ย. นี้ ประเทศไทยมีลุ้นขายพร้อมอเมริกา

iphone_6_sizes

จากเว็บไซต์ iGen.fr ของประเทศฝรั่งเศส ได้รายงานข่าวว่า Apple จะวางขาย iPhone 6 ในวันที่ 19 ก.ย. นี้ พร้อมกันทั้ง 2 รุ่น คือ รุ่นหน้าจอ 4.7 นิ้ว และ 5.5 นิ้ว แหม…เรียกว่าเล่นเลข 9 เป็นเคล็ดอะไรรึเปล่าเนี่ย (อันนี้คงเป็นความเชื่อเฉพาะคนไทยนะฮว๊าฟ 555)

 

ซึ่งหากเป็นจริงตามข่าวลือดังกล่าวนี้ ประเทศไทยก็อาจจะมีลุ้นอยู่ในกลุ่มประเทศแรกๆ ที่วางจำหน่าย iPhone รุ่นใหม่ เช่นเดียวกับสหรัฐอเมริกา กับเขาด้วย เพราะจากข่าวที่ กสทช. อนุมัติการนำเข้า iPhone 6 ซึ่งเป็นข่าวดังไปทั่วโลกก่อนหน้านี้นั้น ก็น่าจะมีลุ้นอยู่พอสมควร เอาเป็นว่าตอนนี้ ผมพร้อม คิวพร้อม แต่กระเป๋าตังค์ไม่พร้อมนี่สิ ทำไงดี Help Me Please…

 

Source : Macrumors

 

 

“AIS Privilege” Line Official แจกความสุข มอบขนม อานตี้ แอนส์ 1 แสนชิ้น!!! ลงทะเบียนรับสิทธิ์พร้อมกัน วันนี้ 9 ก.ย. 57

 

AIS-pro

 

AIS PrivilegeLine Official หนึ่งเดียวเท่านั้น ที่รวบรวมสุดยอดสิทธิพิเศษสุดว้าว ส่งตรงถึงมือคุณทุกวัน จัดบิ๊กเซอร์ไพรส์ แจกความสุขต่อเนื่อง ดีเดย์ วันที่ 9 กันยายน 2557 เปิดให้ลงทะเบียน รับขนมแสนอร่อย เพรทเซล จากอานตี้ แอนส์ ฟรี!! จำนวน 100,000 ชิ้น โดยสามารถนำโทรศัพท์มือถือที่ลงทะเบียนไว้แล้ว มากดรับขนมได้ฟรี ในวันที่ 13 กันยายน 2557 ที่ร้านอานตี้ แอนส์ สาขาที่ร่วมรายการทั่วประเทศ (1 หมายเลข /1 ชิ้น) 100,000 คนแรกเท่านั้น สิทธิพิเศษนี้เฉพาะลูกค้าเอไอเอส… คอสิทธิพิเศษทั้งหลายเชิญ Add Line “AIS Privilege” เพื่อรับความพิเศษมากมายได้เลย

 

 

ภาพหลุดแบบร่างชิ้นส่วน iWatch ก่อนเปิดตัวพรุ่งนี้

 

iwatch-leak-drawing-01
 
มาเป็นชุดเลยล่ะครับ กับภาพหลุดแบบร่าง 3D ของชิ้นส่วนอุปกรณ์ Wearable จาก Apple ซึ่งเรียกกันติดปากไปเสียแล้วว่า iWatch โดยภาพดังกล่าวมีลายน้ำของ Quanta ซึ่งเป็นหนึ่งในพาร์ทเนอร์โรงงานผู้ผลิตของ Apple ที่เผยให้เห็นว่า iWatch มาพร้อม ไมค์ในตัว และ ลำโพง

 

ภายในภาพยังมีการระบุอีกว่าสามารถกันน้ำได้ลึก 20 เมตร แบตเตอรี่ใช้งานได้ภายใน 1 วัน แต่จะไม่มีพอร์ต Lightning หรือพอร์ตเชื่อมต่อใดๆ นั่นอาจเป็นการบอกว่า iWatch อาจจะใช้ระบบชาร์จไร้สายก็เป็นได้

 

iwatch-leak-drawing-02

 

นอกจากนี้ยังข่าวลืออีกว่า iWatch จะมาพร้อมกันถึง 8 รุ่น ที่ประกอบไปด้วย 4 สี สีละ 2 ขนาด ตามรายงานก่อนหน้านี้ที่บอกว่าจะมีรุ่นหน้าจอขนาด 1.3 นิ้ว และ 1.5 นิ้ว

 

ยังไงวันที่ 9 ก.ย. เที่ยงคืนเป็นต้นไป ก็รอติดตามดูว่า Wearable Device ตัวแรกจาก Apple ว่าจะออกหัวหรือก้อย เอ๊ะ หรือไม่ออกเลยซะงั้น ใครจะไปรู้ อิอิ…

 

iwatch-leak-drawing-03

iwatch-leak-drawing-04

iwatch-leak-drawing-05

iwatch-leak-drawing-06

 

Source : 9to5mac

 

 

Alcatel กลับมาอีกครั้ง ออกตัวแรง ส่ง OneTouch Flash จอใหญ่ 5.5 นิ้ว พลังแรง 8 Core ในราคา 6 พันกว่าบาท

 

Alcatel-onetouch-flash-01

 

หากพูดถึงแบรนด์ Alcatel ถ้าอยู่ในวัยเจน X หลายคนคงทันใช้ สมัยที่ฟีเจอร์โฟนกำลังนิยม หนึ่งในตัวเลือกคงต้องมีแบรนด์ Alcatel ผ่านหู ผ่านตามาบ้าง โดยเฉพาะพิธีกรในงานเปิดตัวครั้งนี้ น้องซี ฉัตรปวีณ์ ที่เธอเอ่ยกลางเวทีว่า Alcatel เป็นมือถือเครื่องแรกในชีวิตของเธอเลย 555…

 

Alcatel-onetouch-flash-02

ภายในงานมีแฟชั่นโชว์ของเหล่าดาราเซเล็ปจากซีรี่ส์ Hormones

 

และเมื่อมาถึงยุคของสมาร์ทโฟน แม้ว่า Alcatel จะออกตัวช้ากว่าแบรนด์อื่นๆ แต่วันนี้ขอออกตัวแรง ด้วยการส่งสมาร์ทโฟนรุ่น OneTouch Flash ที่อัดแน่นด้วยซีพียูระดับ 8 Core (Mediatek Octa-Core CPU) ความเร็ว 1.4 GHz แรม 1 GB พร้อมด้วยหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD 720×1280 พิกเซล กล้องหน้าฟรุ้งฟริ้ง 5 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED 1 ดวง แบตอึดด้วยความจุมากถึง 3200 mAh และน้ำหนักเบาเพียง 150 กรัม ทั้งนี้ยังรองรับ 2 ซิม (ซิมขนาด Micro SIM) แต่ใช้ 3G ได้กับคลื่นความถี่ 900/2100 MHz เท่านั้น

 

Alcatel-onetouch-flash-03

 

ฟีเจอร์โดดเด่นของ Alcatel OneTouch Flash
• กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล ฟิกซ์โฟกัส มาพร้อมโหมด Beauty Selfie หน้าเนียน ดวงตา Big Eye ถ่ายแล้วเก็บทั้งรูปต้นฉบับและรูปที่แต่งอัตโนมัติไว้ให้เลือก
• กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล ออโต้โฟกัส เซนเซอร์ Sony BSI พร้อมระบบลดภาพสั่นไหว
• HotKnot โอนถ่ายไฟล์ภาพหรือวิดีโอระหว่าง OneTouch Flash ด้วยกัน ได้ง่ายๆ เพียงหันหน้าจอประกบกัน
• Dual Band Wi-Fi รองรับคลื่นความถี่ Wi-Fi ได้ทั้งมาตรฐาน 2.4 GHz และ 5.0 GHz เพื่อให้สปีดที่เร็วกว่า และลดสัญญาณรบกวน
• มี FM Tuner ในตัว
• มีระบบเคาะ 2 ครั้งบนหน้าจอเพื่อเปิดหน้าจอ โดยไม่ต้องกดปุ่ม หรือจะเคาะอีกครั้งเพื่อปิดก็ได้
• มาพร้อมระบบปฏิบัติการล่าสุด Android 4.4.2 Kitkat
• รองรับ 2 ซิม แสตนบายด์
• เพิ่มหน่วยความจำ Micro SD ได้สูงสุด 32 GB

 

วางจำหน่ายเร็วๆ นี้ ในราคาเพียง 6,590 บาทเท่านั้น

 

ขนาดตัวเครื่องที่หน้าจอ 5.5 นิ้ว ก็ยังถือได้ถนัดในมือเดียว

Alcatel-onetouch-flash-04

 

ในงานมี 2 สีมาโชว์ คือ ขาว, เทา

Alcatel-onetouch-flash-05

 

ปุ่มโฮม Home, Menu และ Back จะอยู่บนตัวเครื่องไม่ได้รวมมาในหน้าจอ แต่จะไม่มีไฟ Back Light ส่องสว่างเวลาสัมผัส ใช้งานในที่มืดอาจจะลำบาก

Alcatel-onetouch-flash-06

 

ช่องใส่ Micro SD กับ Micro SIM1 มาพร้อมฝาปิดแบบกันหลุดหาย คล้ายๆ กับ Sony Xperia Z2

Alcatel-onetouch-flash-07

 

ส่วนด้านขวา ก็จะมีช่องใส่ Micro SIM2 และปุ่มเพิ่มลดเสียง, ปุ่มพาเวอร์

Alcatel-onetouch-flash-08

 

ฟอนต์ในการตั้งค่าใหญ่โต มองเห็นได้ชัดเจน เหมาะสำหรับวัย สว. (สูงวัย) เป็นอย่างยิ่ง

Alcatel-onetouch-flash-09

 

 

 

 

Apple และ Disney Store กำลังอัพเกรดระบบ iBeacons และตัวอ่าน NFC เตรียมรองรับฟีเจอร์ใหม่ใน iPhone 6

 

disney

 

สำหรับ Apple กับ Disney Store ถือเป็นพาร์ทเนอร์ที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันมายาวนาน โดยล่าสุดทาง Disney Store ได้เตรียมอัพเกรดระบบการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตผ่าน NFC รวมถึงวางระบบ iBeacons ภายในร้านไว้อีกด้วย

 

หลายคนคงสงสัยว่าระบบ iBeacons มันคืออะไร? ขออธิบายเป็นตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ อย่างเช่น เวลาที่ลูกค้าเข้าไปช้อปปิ้งในร้าน ระบบนี้ก็จะส่งข้อมูลแจ้งเตือนโปรโมชั่น หรือรายละเอียดของสินค้าในร้านดังกล่าว ให้ตรงกับความสนใจของลูกค้า โดยมีตัวกระจายสัญญาณบลูทูธ ไว้คอยตรวจจับเมื่อเราอยู่ในรัศมีใกล้จุดนั้นนั่นเอง และระบบ iBeacons อาจจะทำงานร่วมกับการจ่ายเงินผ่าน NFC ได้ในทันที หากลูกค้าถูกใจโปรโมชั่นดังกล่าว

 

[youtube link=”http://youtu.be/sUIqfjpInxY” width=”590″ height=”315″]

 

ดังนั้นนี่ไม่ใช่เป็นแค่ระบบ NFC ธรรมดาๆ ที่ใช้ไว้จ่ายเงินได้อย่างเดียว แต่รวมถึงนวัตกรรมทางการค้าปลีกที่จะทำให้ผู้บริโภคได้รับสิทธิประโยชน์มากยิ่งขึ้น ส่วนผู้ค้าก็จะสร้างยอดขายได้มากขึ้นตามมา

 

นอกจาก Apple จะเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับ Disney Store ในการวางระบบดังกล่าวแล้ว ยังมีข่าวว่าอาจจะได้เห็นโลโก้ร้าน McDonalds ขึ้นเป็นพาร์ทเนอร์ในฟีเจอร์ NFC ของ iPhone 6 นี้อีกด้วย

 

และอีกจุดที่ยืนยันได้ว่าจะมี NFC อยู่ใน iPhone 6 นั้น ก็คือการอัพเดทแอพ Passbook ที่ไอคอนมีการเพิ่มสัญลักษณ์คล้ายบัตรเครดิตเข้ามาด้วย จึงคาดว่า iPhone รุ่นใหม่ จะต้องมาพร้อมระบบ NFC อย่างแน่นอน

passbook-ios-8-icon-credit-card

 

Source : 9to5mac

 
 

ก็ไม่มีไรมาก แค่อยากให้ดู คลิปรีวิว iPhone 6 อย่างละเอียด ก่อนเปิดตัว

 

review-iphone6-leak

 

เหลือเวลาแค่อีกวันเดียวเท่านั้น ก็จะได้รู้แล้วว่าเรื่องจริงทั้งหมดของ iPhone 6 หรือ iPhone รุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวนั้น เป็นตามภาพหลุด ข่าวลง ข่าวลือ กันหรือเปล่า แม้กระทั้งในขณะนี้ ก็ยังมีคลิปหลุดล่าสุด ออกมาแบบไม่แคร์ใจ Apple กันเลยทีเดียว กับหนุ่มตี๋ จากแดนมังกร ที่ออกมารีวิว iPhone 6 กันอย่างละเอียด จนแถบจะครบทุกฟีเจอร์ กว่า 7 นาที

 

[youtube link=”http://youtu.be/eQopSbASO40″ width=”590″ height=”315″]

 

อย่างไรก็ตามรีวิวดังกล่าว มีคนมาคอมเน้นท์ใน YouTube มากมาย ซึ่งต่างล้วนตั้งคำถามว่า iPhone 6 ของจริงหรือของปลอม ณ จุดนี้ ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ แต่ก็เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าการก๊อปปี้ คืองานถนัดของจีน จนบางทีแยกไม่ออกว่าไหนของจริงไหนของปลอมกันเลยทีเดียว

 

เอาเป็นว่าชมคลิปนี้กันขำๆ ไปก่อนนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้แล้วว่าอะไรจริง อะไรไม่จริง

 

Source : 9to5mac

 

 

หลุดราคา iPhone 6 ครบทุกรุ่น ทุกขนาด เริ่มต้นที่ 27,500 บาท ราคาขนาดนี้ ยังต่อแถวยาวกันอยู่อีกมั้ย

 

นับถอยหลังอีกไม่กี่วัน ก็จะถึงวันเปิดตัว iPhone 6 แล้ว และสิ่งที่หลายคนอย่างรู้มากที่สุด คือราคาเปิดตัวนั่นเอง โดยล่าสุดมีราคาของประเทศฮ่องกงหลุดออกมา ครบทุกขนาดความจุ และขนาดหน้าจอทั้ง 4.7 และ 5.5 นิ้ว

 

iphone6-prize

 

โดยภาพดังกล่าวถูกปล่อยออกมาจากบล็อก TKtechnew ซึ่งเป็นราคาดอลล่าห์ฮ่องกง เมื่อลองแปลงเป็นเงินไทยแล้ว ก็มีราคาโหดอยู่เหมือนกัน

 

16 GB หน้าจอ 4.7 นิ้ว ราคา 6,663 HK$ ~ ประมาณ 27,500 บาท

16 GB หน้าจอ 5.5 นิ้ว ราคา 7,923 HK$ ~ ประมาณ 32,700 บาท

32 GB หน้าจอ 4.7 นิ้ว ราคา 7,671 HK$ ~ ประมาณ 31,700 บาท

32 GB หน้าจอ 5.5 นิ้ว ราคา 8,931 HK$ ~ ประมาณ 36,900 บาท

64 GB หน้าจอ 4.7 นิ้ว ราคา 8,679 HK$ ~ ประมาณ 35,900 บาท

64 GB หน้าจอ 5.5 นิ้ว ราคา 9,687 HK$ ~ ประมาณ 40,000 บาท

 

ซึ่งก็สอดคล้องกับการคาดการณ์ว่า iPhone 6 จะมีราคาสูงขึ้นจากเดิม ประมาณ $100 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3,100 บาท (ปัจจุบัน iPhone 5s ราคาเริ่มต้นที่ 23,900 บาท) และมีข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งคือ หน่วยความจำยังมีให้เลือกเท่าเดิม ยังไม่เห็นขนาด 128 GB เกิดขึ้นสินะ เพราะหากราคาเปิดตัวประมาณนี้จริงๆ อาจจะทำให้เครื่องมีราคาสูงถึง 50,000 บาทเลยก็เป็นได้

 

Source : Phonearena

 

 

รวบตึง IFA 2014 ปีแห่ง Wearable Device อย่างแท้จริง

 
Smartwatch01
 
ถึงแม้ว่าทีมงาน Oopsmobile จะยังไม่มีโอกาสได้ไปตะลุยงาน IFA 2014 งานแสดงสินค้าและนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีระดับโลก ที่ทุกปีก็จะมีการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่จากแบรนด์ต่างๆ ทั่วโลก จนทำให้กระเป๋าสตางค์ของใครหลายคนแฟ่บกันอีกแล้ว แต่อย่างไรก็ตามทีมงานก็จะมารวบตึง เพื่อให้เพื่อนๆ ได้อัพเดทความคืบหน้ากัน

 
ซึ่งพระเอกของปีนี้คงหนีไม่พ้นอุปกรณ์สวมใส่อย่าง Wearable Device ที่ตอนนี้เกือบทุกแบรนด์ต่างออกมาเปิดตัว Smart Watch และ Sport Band กันอย่างคึกคัก เอาเป็นว่าเรามาไล่เรียงดูกันทีละแบรนด์ ตามตัวอักษรเลยละกัน

 

ASUS ZenWatch : Android Wear

ASUS-ZenWatch-02

ถือเป็น Smart Watch ตัวแรกของ ASUS โดยเลือกใช้แพลตฟอร์ม Android Wear โดดเด่นด้วยหน้าปัดที่โค้ง 2.5D (เหมือน Gear S) ขนาด 1.63 นิ้ว (320×320 พิกเซล) AMOLED แต่หน้าจอยังคงเป็นสีเหลี่ยมปกติ เหมือนกับ Smart Watch ทั่วไป มาพร้อมสายหนังซึ่งทำให้ดูกลมกลืนเหมือนใส่นาฬิกาข้อมือจริงๆ พร้อมตัวล็อคที่สามารถปลดออกได้ทันที ในส่วนของอินเตอร์เฟส ASUS ZenWatch มาพร้อม ZenUI ที่ช่วยให้การใช้งานร่วมกับ ZenFone หรือสมาร์ทโฟนของ ASUS ได้อย่างขั้นกว่ามากยิ่งขึ้น

ZenWatch01

 เครดิตภาพ : gsmarena 

 
ฟีเจอร์หลักๆ ของ ZenWatch นั้น จะมาพร้อมการใช้งานเป็นรีโมทกล้อง, ใช้ตามหาโทรศัพท์, ควบคุม Presentation, มีเซนเซอร์ตรวจจับทิศทาง สามารถนับก้าวเดิน และวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ โดยมีแอพ ZenUI Wellness ไว้รองรับการใช้งาน ส่วนฟีเจอร์พื้นฐานที่ Android Wear มีอยู่ก็สามารถใช้งานได้ เช่น การค้นหาสถานที่ ดูพยากรณ์อากาศด้วย Google Now, ใช้รับสายเข้าเมื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เป็นต้น และด้วยการใช้ Android Wear เป็นแพลตฟอร์ม จึงสามารถใช้ร่วมกับสมาร์ทโฟน Android 4.3 ขึ้นไปได้ทุกยี่ห้อ สนนราคาประมาณ 199 ยูโร หรือประมาณ 8,300 บาท โดยจะวางจำหน่ายในปลายปีนี้

 

 

สเปกคราวๆของ ASUS Zen Watch

• หน้าจอ : 1.63 นิ้ว AMOLED ความละเอียด 320 x 320 (278ppi), Curved 2.5D Gorilla Glass 3
• ขนาดตัวเครื่อง : 50.6 x 39.8 x 7.9-9.4 มม.
• น้ำหนัก : 50 กรัม เฉพาะบอดี้, น้ำหนักสายอีก 25 กรัม
• ชิปเซ็ต : Snapdragon 400 1.2GHz, แรม 512MB
• ระบบปฏิบัติการ : Android Wear
• การเชื่อมต่อ : Bluetooth 4.0, เชื่อมต่อพอร์ต Micro USB ผ่าน Cradle หรือแท่นครอบ
• หน่วยความจำ : 4GB built-in
• แบตเตอรี่ : 1.4Wh
• อื่น : มาตรฐานการกันน้ำ IP55, ไมโครโฟนในตัว

 

LG G Watch R : Smart Watch หน้าปัดกลม

LG_G_WATCH_R1

LG ก็มิได้น้อยหน้า กับการเปิดตัว Smart Watch ที่มาพร้อมหน้าปัดวงกลม ซึ่งเป็นการใช้หน้าจอแสดงผลแบบใหม่ที่เรียกว่า P-OLED (Plastic OLED) ขนาด 1.3 นิ้ว (320×320 พิกเซล) ที่สามารถแสดงผลได้เต็มพื้นที่วงกลมตามหน้าปัด ซึ่งถือเป็นการปลัฟคู่แข่งอย่าง Moto 360 ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งจอแสดงผลดันไม่เป็นวงกลมตามหน้าปัดทำให้หน้าจอแหว่งไปนิดนึง

LG_G_WATCH_R_031

 

จริงๆ แล้ว LG G Watch R ได้แถลงข่าวเปิดตัวไปก่อนหน้างาน IFA 2014 ราว 1 อาทิตย์ ซึ่งในงานก็จะมีตัวต้นแบบของหน้าจอ P-OLED บนแผงวงจรมาให้ดูอีกด้วย จากภาพในงานแถลงข่าว สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือหน้าจอที่เป็นวงกลม และแสดงผลได้เหมือนนาฬิกาจริงๆ พร้อมดีไซน์เส้นสายที่ดูหรูหรา พรีเมี่ยมมากๆ LG G Watch R จะวางจำหน่ายภายในเดือนตุลาคมนี้ ส่วนราคาจะอยู่ที่ 299 ยูโร หรือประมาณ 12,500 บาท ลองชมคลิป Hand On จาก Android Central กันดูนะครับ
[youtube link=”http://youtu.be/4x62o342efY” width=”590″ height=”315″]
LG_G_WATCH_1

สเปกคราวๆ ของ LG G Watch R
• ชิปเซ็ต : 1.2 GHz Qualcomm Snapdragon 400
• หน้าจอ : 1.3 นิ้ว P-OLED Display (320 x 320)
• หน่วยความจำ : 4GB eMMC
• แรม : 512 MB
• แบตเตอรี่ : 410 mAh
• ระบบปฏิบัติการ : Android Wear (รองรับกับสมาร์ทโฟน ที่รัน Android 4.3 ขึ้นไป)
• เซนเซอร์ : 9-Axis (Gyro/ Accelerometer/ Compass), Barometer, PPG (Heart Rate Monitor)
• สี : ดำ
• อื่นๆ : กันน้ำ กันฝุ่น ตามมาตรฐาน IP67

 

Intel : MICA Smart bracelet กำไรแฟชั่น อัจฉริยะ

 

Collier_Schorr_Opening_Ceremony_Shot2

 

อินเทล ผู้ผลิตชิปหน่วยประมวลผล ก็ขอมาชิมลาง Wearable Device กับเขาบ้าง ด้วยการเปิดตัว Smart bracelet ที่เป็นกำไรอัจฉริยะ แต่มาพร้อมดีไซน์สุดชิค เพราะได้ร่วมมือกับ MICA (My Intelligent Communication Accessory) ซึ่งได้ Opening Ceremony แบรนด์เสื่อผ้าและเครื่องประดับแฟชั่นระดับโลก มาเป็นผู้ออกแบบให้

 

โดยไอเทมดังกล่าวได้ถูกออกแบบมา 2 สี แต่หลายสไตล์ด้วยกัน เช่น สีขาว white watersnake skin ที่ประดับในสไตล์ตาเสือจากแอฟริกาใต้ หรือหินดำ obsidian จากรัสเซีย ส่วนสีดำ black watersnake skin ก็จะประดับด้วย ไข่มุกจากจีน หรือหินสลักจากมาดากัสกา โดยนอกจากจะเป็น Accessory สุดชิคแล้ว มันยังมาพร้อมฟีเจอร์การแจ้งเตือนต่างๆ ทั้งจาก SMS, นัดหมายการประชุม และการแจ้งเตือนอื่นๆ ทั่วไป รวมถึงรองรับการชาร์จไร้สายได้อีกด้วย หน้าจอทัสกรีนใช้กระจกแซฟไฟร์ที่โค้งรับกับข้อมือ ทนทานต่อรายขีดข่วนเป็นอย่างดี

Collier_Schorr_Opening_Ceremony_Shot3

 

ส่วนสเปก และรายละเอียดอื่นๆ ยังไม่ได้เปิดเผยแต่อย่างใด โดย MICA Smart bracelet จะเปิดตัวสู่สาธารณะในงาน Opening Ceremony Spring/Summer 2015 fashion show ประมาณช่วงซัมเมอร์ของปี 2014 นี้

 

Samsung : Gear S Smart Watch ที่โทรออกได้

 
Gear S_2P_LR

 

เรียกว่าออกตัวแรง ล้ำหน้าก่อนใคร กับ Gear S ที่เป็น Smart Watch ใส่ซิม 3G ไว้เล่นเน็ตและโทรออกได้ ซึ่งเราได้เคยนำเสนอข่าวตอนเปิดตัวไปแล้ว เรียกว่าไม่ง้อการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ก็สามารถใช้งานในตัวเองได้ ทั้งการโหลดแอพต่างๆ เล่นโซเชียล โทรออก รับสาย และมีคีย์บอร์ดในการพิมพ์ข้อความได้เลย ด้วยหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นกับขนาด 2 นิ้ว Super AMOLED แถมยังโค้งรับกับข้อมืออีกด้วย ลองไปชมความสามารถใหม่ๆ ของ Gear S ในคลิปล่าสุดจากซัมซุงกันได้เลย
[youtube link=”http://youtu.be/Ji6eoTrjtng” width=”590″ height=”315″]
นอกจากนี้ยังได้เพิ่มแอพเพื่อสุขภาพอย่าง Nike+ Running ให้คนรักการวิ่ง ได้สนุกและท้าทายมากยิ่งขึ้น พร้อมด้วยแผนที่ Here Map ที่สามารถนำทางสำหรับถนนคนเดินได้อีกด้วย ในส่วนของการออกแบบก็ยังคงเน้นความหรูหราทันสมัยในลุคพรีเมี่ยม และมีให้เลือก 2 สี คือ ขาว, ดำ

 

Specifications Gear S
• หน้าจอ 2.0 นิ้ว Super AMOLED (360 x 480)
• หน่วยประมาณผล Dual core 1.0 GHz
• แรม 512 MB
• หน่วยความจำภายใน 4GB
• ระบบปฏิบัติการ Tizen based wearable platform
• รองรับซิมในตัว 900/2100, 850/1900 (3G), 900/1800, 850/1900 (2G)
• ใช้โทรออก รับสายได้
• ไม่มีกล้อง
• เล่นเพลง ดูภาพในแกลอรี่ได้
• กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67
• การเชื่อมต่อ WiFi: 802.11 b/g/n, A-GPS/Glonass, Bluetooth®: 4.1, USB 2.0
• เซนเซอร์ Accelerometer, Gyroscope, Compass, Heart Rate, Ambient Light, UV, Barometer
• แบตเตอรี่ 300 mAh ใช้ได้ตามปกติประมาณ 2 วัน
• มี 2 สี ขาว, ดำ

 

SONY : SmartWatch 3 , SmartBand Talk

Sony-smartwatch3-01

โซนี่ ก็ถือเป็นเจ้าแรกๆ เลยที่มี SmartWatch ก่อนซัมซุงเสียอีก แต่อาจจะไม่ค่อยได้รับกระแสตอบรับที่ดีเท่าไร โซนี่ก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เพราะนี่ถือเป็นรุ่นที่ 3 แล้ว กับ SmartWatch 3 และเป็นครั้งแรกที่นำระบบปฏิบัติการ Android Wear เข้ามาใช้งาน และยังต่อยอดในส่วนของ SmartBand มาเป็น SmartBand Talk ที่สามารถสั่งงานด้วยเสียง และมีหน้าจอเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย

 

Smart Watch 3 มาพร้อมหน้าจอ 1.6 นิ้ว TFT LCD ความละเอียด 320×320 พิกเซล ซีพียู Quad Core 1.2 GHz มีพื้นที่หน่วยความจำมาให้ 4 GB แรม 512 MB แบตเตอรี่ 420 mAh สามารถรันแอพพร้อมกันได้หลายตัว เช่น ฟังเพลง ไปพร้อมกับตรวจจับการเล่นฟิตเนส โดยที่ไม่ต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ยังปรับเปลี่ยนสายให้ออกไปในแนวสปอร์ตมากขึ้น ที่เป็นยางซิลิโคน สามารถถอดเปลี่ยนสีต่างๆ ได้ง่าย ในส่วนของการใช้งานสามารถโหลดเพลงในเครื่องได้ 4GB ใช้ฟังเพลงพร้อมกับออกกำลังกายไปด้วยกันได้ โดยมีระบบ GPS เพื่อเก็บบันทึกการเดินทางได้อีกด้วย และยังสามารถใช้เป็นรีโมททีวี ที่สามารถดูรายละเอียดของรายการที่กำลังจะมาได้อีกด้วย สนนราคา 229 ยูโร หรือประมาณ 9,500 บาท ส่วนชุดสายหากต้องการเปลี่ยนสีอื่นๆ เพิ่มเติม อยู่ที่ 25 ยูโร ประมาณ 1,000 บาท

 

 

SmartBand Talk ถือเป็นสปอร์ตแบนด์ ที่ต่อยอดขึ้นมา โดยการเพิ่มหน้าจอ e-ink ขนาด 1.4 นิ้ว เพื่อแสดงผลข้อมูลการออกกำลังกายโดยเฉพาะ และยังเพิ่มเซนเซอร์ Altimeter เพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหวในแนวดิ่ง เช่นการเดินขึ้นลงบรรได หรือขึ้นลงลิฟ นอกจากนี้ยังสามารถสั่งงานด้วยเสียงเพื่อควบคุมฟังก์ชั่นการทำงานได้อีกด้วย เจ้าสปอร์ตแบนด์นี้หน้าที่หลักๆ ของมันก็คือจะคอยตรวจจับกิจกรรมต่างๆ ของเราทั้งแต่การเดิน วิ่งออกกำลังกาย การนอนว่าหลับสนิทแค่ไหน โดยมีแอพ Lifelog ในการแสดงผลข้อมูล SmartBand Talk สามารถใช้งานต่อเนื่องสูงสุด 3 วัน ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 70 mAh สามารถกันน้ำกันฝุ่นได้ทั้ง 2 รุ่น ตามมาตรฐาน IP68 สนนราคา 159 ยูโร หรือประมาณ 6,600 บาท โดยทั้ง 2 รุ่นจะวางจำหน่ายในฤดูใบไม้ร่วมของปีนี้

 
เรียกได้ว่าหลังจากที่ Android ได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Android Wear ไปเมื่อกลางปี จึงเป็นโอกาสให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ ได้สร้างสรรค์ Smart Watch เป็นของตัวเองได้ ซึ่งแต่ละเจ้าก็พยายามดีไซน์ทั้งหน้าตาและฟีเจอร์การใช้งานให้แตกต่าง แต่สิ่งหลักที่ยังคงเหมือนกันคือการรันบนระบบปฏิบัติการ Android Wear จะมีแต่ของซัมซุงที่ Gear S ใช้ระบบปฏิบัติการของตัวเอง จึงทำให้ไม่สามารถใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่นได้นอกจากซัมซุงเองเท่านั้น และคงจะสนุกมากขึ้นหากว่าในวันที่ 9 ก.ย. นี้ แอปเปิ้ลจะเปิดตัว Smart Watch มาลงแข่งกับเขาด้วย ตามกระแสข่าวลือกันหนาหู แล้วมารอลุ้นที่นี่ด้วยกันนะครับ

 
 

[IFA2014] ซัมซุงเปิดตัว Galaxy Note Edge นวัตกรรมขอบจอโค้ง เพิ่มลูกเล่นการแจ้งเตือน แสดงผลแยกส่วนได้

samsung-galaxy-note-edge-06

และแล้วก็มาตามคำสัญญา กับแฟบเล็ตจอโค้ง ที่เคยออกโชว์เครื่องต้นแบบมาแล้วเมื่อปลายปีก่อน โดยในงาน IFA 2014 ปีนี้ ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อรุ่น Galaxy Note Edge น้องใหม่ในตระกูล Note ที่มาพร้อมหน้าจอ Curved OLED พร้อมด้วยปากกา S Pen แต่มีขนาดหน้าจอเล็กกว่านิดหนึ่งคือ 5.6 นิ้ว จาก Note 4 ที่มีขนาด 5.7 นิ้ว โดยสเปกเครื่องส่วนใหญ่ก็จะเหมือน Galaxy Note 4 เลยทีเดียว มีบางส่วนที่แตกต่างเล็กน้อย โดยเฉพาะตรง หน่วยประมวลผลที่มีให้เลือกเพียงตัวเดียวคือ 2.7 GHz Quad-Core Processor

 

• หน้าจอความละเอียดสูงระดับ Quad HD ความละเอียด 2560×1440 เท่ากับ Galaxy Note 4
• กล้องหลังก็ความละเอียดเท่ากันคือ 16 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันภาพสั่นไหว OIS
• กล้องหน้า ความละเอียดสูงถึง 3.7 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างถึง F1.9
• หน่วยความจำ 32/64 GB แรม 3 GB
• แบตเตอรี่ 3,000 mAh พร้อมระบบ Fast Charge ชาร์จเร็วได้ 50% ภายในเวลา 30 นาที เช่นเดียวกัน
• แต่ไม่รองรับ การใช้งานร่วมกับ Gear VR

 

ฟังก์ชั่นเด่นที่ขอบจอโค้ง

• แสดงการแจ้งเตือนต่างๆ ในขณะปิดหน้าจอ โดยจะแสดงผลเฉพาะตรงขอบจอโค้งเท่านั้น
• สไลด์เพื่อเปิดดูการแจ้งเตือนได้
• สไลด์เพื่อเลื่อนดูวิดีโอได้
• แสดงช็อตคัทไอคอนที่ขอบจอ ให้แตะเข้าใช้งานได้ทันที
• ควบคุมการเล่นเพลงได้
• แตะสไลด์เพื่อเปิดดูเวลาได้
• สามารถปรับแต่งแถบเครื่องมือ หรือเลือกธีมต่างๆ ได้

 

samsung-galaxy-note-edge-01

 

samsung-galaxy-note-edge-02

 

นอกจากนี้ซัมซุงยังเปิดให้นักพัฒนาแอพพลิเคชั่นทั่วไป ได้นำฟีเจอร์นี้ไปใช้ในการพัฒนาแอพของตัวเองหรือเข้าถึงฟีเจอร์นี้ได้อีกด้วย ส่วนราคายังไม่เปิดเผยอีกเช่นเดียวกัน โดยกำหนดวางจำหน่ายในช่วงฤดูใบไม้ร่วง มี 2 สี ขาว, ดำ

samsung-galaxy-note-edge-05

samsung-galaxy-note-edge-07

samsung-galaxy-note-edge-08

samsung-galaxy-note-edge-09

samsung-galaxy-note-edge-10

Source  : Samsung Mobile Press, Slash Gear