4 สิ่งสุดยอดของปากกา S Pen ที่คุณควรรู้ใน Galaxy Note 4

 

Smart-select-note4-hero

 

หลังเราได้แกะกล่องรีวิว Samsung Galaxy Note 4  กันไปแล้ว มาดูในส่วนของรีวิวการใช้งานกันบ้าง ประเด็นแรกที่อยากจะนำเสนอเลยคือเรื่องของความสามารถในการใช้งานปากกา S Pen ซึ่งมีฟีเจอร์ใหม่ ที่ได้สรุปออกมาเป็น 4 สิ่งสุดยอดของปากกา S Pen ไว้เรียบร้อยแล้ว ลองไปดูกันว่ามันเจ๋งแค่ไหน

Screenshot_2014-10-08-16-21-54

 
1. ครอปภาพแล้วโยนลงใน Line ได้ทันที
ด้วยความสามารถของระบบมัลติวินโดวส์ใน Galaxy Note 4 ที่พัฒนาขึ้น บวกด้วยฟังก์ชั่น Smart Select บนปากกา S Pen ที่ให้เราสามารถครอปรูปจากในเว็บ, Facebook หรือแอพอะไรก็ตามที่เปิดอยู่บนหน้าจอ จากนั้นภาพก็จะถูกเก็บลงใน Clip Board ได้สูงสุด 10 ภาพ แล้วเราก็แค่ใช้ปากกาแตะค้างบนรูปที่ต้องการแล้วลากลงในแชต Line ที่กำลังสนทนาอยู่ ส่งไปให้เพื่อนได้เลย ง่ายมั้ยล่ะ วิธีการนี้ก็สามารถใช้กับแอพที่รองรับมัลติวินโดวส์ได้อีกหลายแอพเช่น Messages, Email, Evernote ฯลฯ
Smart-select-note4-01

 

2. รวบรวมไอเดียไว้ในสมุดภาพ (Scrapbook)
สำหรับนักสร้างสรรค์หรือครีเอทีฟทั้งหลายที่จะต้องค้นหาไอเดียใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพียงแค่ค้นหาข้อมูลหรือไอเดียจาก Google แล้วครอปภาพที่ต้องการเก็บไว้ในคลิปบอร์ดจนครบตามต้องการ จากนั้นแตะบนคลิปบอร์ดแล้วแตะไอคอนสมุดภาพ หรือ Scrapbook แล้วแตะปุ่ม Save ภาพและข้อมูลต่างๆ ที่เราครอปไว้ก็จะถูกรวบรวมไว้เป็นสมุดภาพ และยังสามารถบันทึกข้อมูลหรือวาดเขียนไอเดียเพิ่มเติมแนบลงไปในแต่ละภาพได้อีกด้วย แถมภาพดังกล่าวยังมีลิงค์อ้างอิงแนบมาให้ด้วยโดยอัตโนมัติ ไว้ใช้อ้างอิงที่มา หรือค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้อีก

 

ตัวอย่างเช่น ช่วงนี้เห็นกระแส Infused Water น้ำหมักผลไม้กำลังฮิต ผมก็เลยลองหาขวดน้ำ Infused Water เก๋ๆ มาดูว่ามีแบบไหนบ้าง ซึ่งเราสามารถครอปแบบที่ชอบแล้วเก็บรวมรวมไว้ในสมุดภาพได้ทันที

Smart-select-note4-02

 

นอกจากนี้ยังสามารถแสดงผลไฟล์คลิปวิดีโอใน Youtube, เพลง, เว็บ ได้อีกด้วย ซึ่งทำให้เราสามารถครอป มีเดียต่างๆ ที่มาพร้อมลิงค์ เก็บไว้ดูในสมุดภาพดิจิตอลอันนี้ได้ทันที

 

3. แปลงข้อความในรูปให้เป็น Text
เป็นข้อดีของฟีเจอร์ Smart Select อีกแล้ว เมื่อเราครอปภาพที่มีข้อความแบบ Text บนหน้าเว็บติดมาด้วย เมื่อแชร์รูปดังกล่าวมาลงในแอพ S Note ระบบจะก็อปปี้ข้อความเหล่านั้นเก็บไว้ด้วย แล้วนำมาวางเป็นตัวอักษรลงใน Note ให้อัตโนมัติ โดยที่เราไม่ต้องพิมพ์ใหม่หรือคัดลอกจากหน้าเว็บนั้นมาอีกทีให้เสียเวลา ที่สำคัญคือรองรับทุกภาษา

Smart-select-note4-03

 

4. Photo Note แปลงภาพกลายเป็นโน้ต
ในแอพ S Note มีฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาคือ Photo Note ที่ให้เราถ่ายรูปการจดบันทึกบนกระดานในห้องเรียน หรือบันทึกรายงานการประชุมต่างๆ เอาไว้แล้วแปลงให้กลายเป็นบันทึกโน้ตดิจิตอล ที่เราสามารถแก้ไขและเพิ่มเติมรายละเอียดได้ โดยผมได้ลองใช้ Photo Note ถ่ายเอกสารดู ระบบก็สามารถแยกวัตถุระหว่างภาพกับตัวอักษรได้ โดยให้เราสามารถแตะค้างเพื่อย้ายหรือปรับขนาดได้หรือจะเขียนโน้ตเพิ่มเติมก็ทำได้เลย

Smart-select-note4-04

 

ชมคลิปสาธิตการใช้งาน Smart Select ในรูปแบบต่างๆ
[youtube link=”http://youtu.be/0ywUStNPlH4?list=PLhpbZcOKxtO1fUZ8J8ZjEPS8xrFvgqPIp” width=”590″ height=”315″]
 
 

Unbox แกะกล่อง Galaxy Note 4 เครื่องศูนย์ไทย

 
เปิดตัวและวางจำหน่ายในไทยเรียบร้อยแล้วกับ Samsung Galaxy Note 4 ที่เริ่มวางขายแบบจำกัดเพียง 100 เครื่องต่อวันในงาน Thailand Mobile Expo ที่ผ่านมา ส่วนใครที่พลาดจาก 100 เครื่องแรก แล้วจองสิทธิ์ในราคาพิเศษ 24,900 บาท จากในงาน ก็คงต้องรอรับหลังงานตามวันที่กำหนดกันอีกที ฉะนั้นก่อนจะถึงวันที่ต้องรับเครื่อง เรามาเตรียมตรวจสอบกันก่อนดีกว่าในกล่อง Galaxy Note 4 เครื่องศูนย์ไทย มีอะไรมาให้บ้าง

 

กล่องแพ็กเกจสไตล์เดิม แต่จะมีพิมพ์เลข 4 บนหน้ากล่องตัวใหญ่ชัดเจน

Unbox-Galaxy-Note4-TH-01

 

อุปกรณ์ที่ให้มาภายในกล่อง ตัวเครื่อง Note 4, แบตเตอรี่ 3220 mAh, หัวชาร์จอะแดปเตอร์, สาย USB 2.0, ชุดเปลี่ยนหัวปากกา S Pen จะมีหัวปากกาสำรองมาให้ 5 อัน, คู่มือและใบรับประกัน, หูฟังแบบ in-ear พร้อม earbuds อีก 2 ขนาด (2 คู่)

Unbox-Galaxy-Note4-TH-02

 

Galaxy Note 4 ถือเป็นรุ่นแรกของซัมซุงที่ใช้หน้าจอแบบ Quad HD Super AMOLED ที่ให้ความละเอียดและสีสันคมชัดถึง 2560 x 1440 พิกเซล แต่ยังคงมีขนาด 5.7 นิ้ว เท่ากับ Note 3

Unbox-Galaxy-Note4-TH-03

 
กรอบบอดี้ใช้วัสดุเป็นโลหะ ทำให้ Note 4 ดูแข็งแรง และหรูหราพรีเมียมยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเคลือบสีตามตัวเครื่องไว้อีกด้วย และมีการเจียรลบเหลี่ยมตรงสันขอบให้เห็นเนื้อโลหะ ส่วนความบางอยู่ที่ 8.5 มม. ส่วนน้ำหนักอยู่ที่ 176 กรัม หนักกว่า Note 3 ขึ้นมานิดหนึ่ง จาก 168 กรัม

Unbox-Galaxy-Note4-TH-05

 

ตรงขอบหน้าจอจะมีการดีไซน์ด้วยกระจกที่โค้งมน ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ที่นิยมใช้ในสมาร์ทโฟนระดับเรือธง

Unbox-Galaxy-Note4-TH-07

 

ฝาด้านหลังยังคงถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ และใช้วัสดุพลาสติกที่มีลายหนังเทียมเป็นเอกลักษณ์อยู่เช่นเดิม

Unbox-Galaxy-Note4-TH-04

 

กล้องหน้าเอาใจสาวกเซลฟีด้วยความละเอียด 3.7 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.9 ถ่ายในที่แสงน้อยได้สว่างยิ่งขึ้น พร้อมโหมด Wide Selfie ที่สามารถถ่ายเซลฟีมุมกว้างได้ถึง 120 องศา

Unbox-Galaxy-Note4-TH-10

 

กล้องหลังมาพร้อมความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมเพิ่มระบบชดเชยภาพสั่นไหวในตัวเลนส์ Smart OIS ถัดลงมาจะมีแฟลช LED และ Heart Rate เซนเซอร์ กับ UV เซนเซอร์

Unbox-Galaxy-Note4-TH-06

 

วันรับเครื่องให้ลองทดสอบ Heart Rate เซนเซอร์ วัดอัตรากการเต้นของหัวใจดู ว่ามีแสงสีแดงขึ้นมาขณะตรวจวัดรึเปล่า นอกจากนี้เวลาถ่ายรูปด้วยกล้องหน้า จะสามารถแตะที่ Heart Rate เพื่อกดชัตเตอร์ได้อีกด้วย (ใช้งานคล้ายกับปุ่ม Rear Key ใน LG G3)

Unbox-Galaxy-Note4-TH-11

 

เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า Note 4 กลับมาใช้ USB 2.0 เหมือนเดิม จากรุ่นก่อนหน้าเคยใช้ USB 3.0 เป็นจุดขาย ส่วนช่องเสียบปากกา S Pen ก็ยังอยู่ในตำแหน่งขวาเหมือนเดิม

Unbox-Galaxy-Note4-TH-08

 

ช่องเสียบหูฟังจะอยู่ด้านบนของตัวเครื่อง และมีเซนเซอร์อินฟราเรดไว้ใช้งานเป็น Smart Remote ควบคุมทีวี เครื่องเล่น เครื่องเสียง และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ

Unbox-Galaxy-Note4-TH-09

 

สำหรับใครที่ยังจองไว้ ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม คงจะเริ่มทยอยรับเครื่องกันตามคิว ส่วนเครื่องสีทองอาจจะต้องรอนานหน่อยเพราะจะเริ่มรับเครื่องได้ในวันที่ 24 ตุลาคม หลังจากนี้ก็คงจะมีวางขายทั่วประเทศในช่วงปลายเดือนตุลาคม ในราคา 25,900 บาท ส่วนของฟีเจอร์เด่นๆ ที่น่าสนใจ จะมารีวิวให้ชมกันเร็วๆ นี้นะครับ

 

 

รำคาญโฆษณาก่อนเข้า Youtube กันใช่ไหม มาดูวิธีปิดโฆษณาก่อนชมคลิป ไม่ให้กวนใจอีกต่อไป

 

Block-Ad-Youtube-hero
 

คือช่วงนี้บอกเลยว่าติด Youtube มากๆ ไหนจะซีรีส์ Hormones 2 ไหนจะรายการ The Voice ที่อยากดูซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ต้องมาเสียอารมณ์ทุกครั้งกับโฆษณาก่อนบ่ายดูแล้วเครียด เฮ๊ย… หมายถึงโฆษณาที่บังคับให้เราต้องดูก่อนชมคลิป แถมบางอันกว่าจะกดข้ามได้ก็รอไปเป็น 10 วิ ทำให้เสียอารมณ์ทุกครั้งไป เห็นทีจะไม่ได้การซะแล้ว อย่างนี้มันต้องสั่งปิดสถานเดียว

 
Block-Ad-Youtube-01

 
เริ่มจากเข้าไปที่ลิงค์ https://www.google.com/settings/ads แล้วดูที่ การตั้งค่าเลือกไม่รับ คลิกที่ เลือกไม่รับ ทั้ง 2 อัน เสร็จแล้วจะมีข้อความแจ้งเตือนขึ้นมา ให้คลิก เลือกไม่รับ อีกครั้ง
Block-Ad-Youtube-02-1

 

ภาษาอังกฤษ ดูที่ Opt-out settings แล้วคลิก Opt out ทั้ง 2 อัน

Block-Ad-Youtube-04

 

หลังจากนี้ไป เราก็จะไม่ต้องเสียอารมณ์กับโฆษณาที่บังคับให้ดูก่อนชมคลิปอีกต่อไป ส่วนแบนเนอร์โฆษณา หรือโฆษณาที่แทรกระหว่างคลิป อันนี้ไม่สามารถปิดได้ ยังคงต้องทนรับชมกันต่อไป นะจะ

 

 

เลือก Wearable Device อย่างไรให้เหมาะกับคุณ

 

wearable-device-all
 

นับว่าช่วงนี้เป็นยุคของ Wearable Device หรืออุปกรณ์สวมใส่ดิจิตอลเพื่อสุขภาพ ที่มีออกมาให้เลือกหลายแบบ หลายสไตล์ แต่คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าอุปกรณ์ตัวไหนที่เหมาะกับความต้องการของคุณ ดังนั้นเรามาทำความเข้าใจกับเรื่องกันดีกว่า

 

Wearable Device คืออะไร?

หากจะให้ความหมายโดยรวมของ Wearable Device ที่สามารถเข้าใจง่ายๆ คงหมายถึง อุปกรณ์สวมใส่เข้ากับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของนาฬิกา, แว่นตา, กำไรข้อมือ, สายรัดข้อมือ ฯลฯ โดยมันจะทำหน้าที่ตรวจวัดค่าต่างๆ ด้านสุขภาพ หรือแสดงผลข้อมูล การแจ้งเตือน ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน หรือไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน โดยมันสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ต หรือซิงค์ข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ และสมาร์ทโฟนได้ ซึ่งภายในระบบคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋ว ที่ประกอบด้วยหน่วยประมวลผล เซนเซอร์ต่างๆ และหน่วยความจำ เพื่อใช้บันทึกข้อมูล และสามารถแสดงผลบนหน้าจอได้ หรือบางรุ่นก็ไม่มีหน้าจอต้องซิงค์ร่วมกับสมาร์ทโฟนเพื่อดูข้อมูล โดย Wearable Device จะมีทั้งแบบที่ต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน และแบบที่ไม่ต้องพึ่งการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย

 

Wearable Device มีกี่ประเภท?

และคำถามถัดมาที่หลายคนสงสัยคือ Wearable Device มันมีกี่ประเภท แล้วแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร เราควรเลือกใช้แบบไหนถึงจะเหมาะกับการใช้งาน ซึ่งจะขอแบ่งตามประเภทการใช้งานดังนี้เลยครับ

 

สายรัดข้อมือ Smart Band

Sony-smartwatch3-03

สำหรับ Wearable Device แบบ Smart Band หรือที่เป็นสายรัดข้อมือนั้น ส่วนใหญ่จะออกแบบมาเพื่อการใช้งานสำหรับคนรักสุขภาพ เพราะมันจะเน้นไปที่การตรวจจับสุขภาพของเรา ไม่ว่าจะเป็น การนับจำนวนก้าวเดินหรือวิ่งในแต่ละวัน เพื่อคำนวณการเผาผลาญแคลอรี่, วัดระยะทางได้ด้วย GPS, ตรวจจับการนอนว่าเราหลับสนิทไปกี่ชั่วโมง, ตั้งปลุกโดยให้สั่นเตือนได้ หรือกระทั่งคำนวนแคลอรี่จากอาหารที่รับประทานเข้าไป โดยซิงค์ข้อมูลร่วมกับสมาร์ทโฟน ทั้งนี้บางรุ่นก็สามารถใช้ควบคุมการเล่นเพลงได้อีกด้วย รวมถึงยังสามารถแชร์ข้อมูลไปยังโซเชียลเน็ตเวิร์คเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กันผู้ใช้ร่วมกัน ทำให้เกิดความท้าทายมากยิ่งขึ้น

 
Smart Band ยังถูกแบ่งย่อยออกไปหลายรูปแบบ ทั้งแบบที่เป็นกำไร หรือสายรัดข้อมือที่ไม่มีหน้าจอ และแบบที่มีจอแสดงผลในตัว ซึ่งก็ต่างดีไซน์ออกมาให้เป็นเครื่องประดับไฮเทคไปในตัว

 
คุณสมบัติหลักๆ ที่ Smart Band ต้องมี
• ตรวจวัดจำนวนก้าวเดิน/วิ่งได้
• มี GPS วัดระยะทาง
• ตรวจจับการนอน
• คำนวณการเผาผลาญแคลอรี่
• ซิงค์ร่วมกับสมาร์ทโฟนได้
• แบตเตอรี่อยู่ได้นานอย่างน้อย 7 วัน ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (รุ่นที่มีหน้าจออาจจะน้อยกว่า)

*หมายเหตุบางรุ่นอาจจะไม่มีคุณสมบัติบางอย่าง

 
Smart Band เหมาะกับใคร : เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนรักสุขภาพ เน้นใส่ติดตัวไว้ตลอดเวลา เพราะตรวจวัดการเผาผลาญแคลอรี่ จากกิจกรรมต่างๆ รวมถึงตรวจจับการนอนว่าเรานอนหลับไปกี่ชั่วโมง เพียงพอกับการพักผ่อนแล้วหรือยัง และที่สำคัญใครที่ไม่อยากวุ่นว่ายกับการโหลดแอพ ตั้งค่าให้มากมาย รวมถึงไม่ต้องเสียเวลาชาร์จแบตทุกวัน Smart Band ก็ตอบโจทย์คุณได้แล้วครับ

 

นาฬิกาอัจฉริยะ Smart Watch

AplWatch42_34R_HomeScreen_HERO

สำหรับ Smart Watch หรือนาฬิกาอัจฉริยะ ซึ่งแน่นอนว่ามันใช้สวมใส่แทนนาฬิกาข้อมือได้เลย แต่สิ่งที่เหนือกว่านาฬิกาคือมันจะมาพร้อมหน้าจอที่สามารถสัมผัสที่ควบคุมแอพพลิเคชั่นต่างๆ ภายในตัวได้ หรือบางรุ่นก็อาจจะใช้ปุ่มแทนหน้าจอสัมผัส โดยความสามารถหลักๆ ก็จะคล้ายกับ Smart band ในการตรวจวัดสุขภาพต่างๆ แต่จะเพิ่มเซนเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจขึ้นมา เซนเซอร์วัดระดับความสูง  เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ เซนเซอร์วัดรังสียูวี และในบางรุ่นสามารถใส่ซิมเพื่อโทรออกและเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในตัวได้อีกด้วย สิ่งสำคัญอีกอย่างของ Smart Watch คือระบบปฏิบัติการในตัว ที่จะใช้ขับเคลื่อน ซึ่งในปัจจุบันมีระบบปฏิบัติการที่ออกแบบมาโดยเฉพาะอย่าง Android Wear และ Tizen (Samsung) และในต้นปี 2015 ก็จะมี Apple Watch ออกมาอีก 1 แพลตฟอร์ม ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งแอพพลิเคชั่นเพิ่มเติมได้เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟน

 
คุณสมบัติหลักๆ ที่ Smart Watch ต้องมี

• ใช้สวมใส่แทนนาฬิกาข้อมือ
• ตรวจวัดจำนวนก้าวเดิน/วิ่งได้
• มี GPS วัดระยะทาง
• มีหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่
• ควบคุมผ่านหน้าจอระบบสัมผัส หรือปุ่มควบคุม
• คำนวณการเผาผลาญแคลอรี่
• มาพร้อมเซนเซอร์ วัดอัตราการเต้นของหัวใจ, วัดระดับความสูง, วัดอุณหภูมิ, วัดรังสียูวี
• บางรุ่นใส่ซิมโทรศัพท์ได้
• ซิงค์ร่วมกับสมาร์ทโฟนได้
• มีแอพพลิเคชั่น และติดตั้งเพิ่มเติมได้
• แบตเตอรี่อยู่ได้นานอย่างน้อย 1-2 วัน ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (บางรุ่นอยู่ได้ถึง 7 วัน เพราะใช้หน้าจอแบบ E-Paper)

*หมายเหตุบางรุ่นอาจจะไม่มีคุณสมบัติบางอย่าง

 
Smart Watch เหมาะกับใคร : ผู้ที่จะใช้ Smart Watch คือผู้ที่ต้องการฟังก์ชั่นที่หลากหลาย ครบครัน และต้องการติดตั้งแอพพลิเคชั่นเพิ่มเติมลงในตัวเครื่องได้ โดยใช้แทนนาฬิกาข้อมือ และต้องการความสะดวกในการเข้าถึงการแจ้งเตือนต่างๆได้ทันที โดยไม่ต้องยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู หรือบางคนที่อยากใช้แบบโทรศัพท์ได้ในตัวก็มีให้เลือกครับ

 

เสื้ออัจฉริยะ Smart Shirt

ralph-lauren-wearable-2014-08-25-01

นอกเหนือจากนาฬิกา หรือสายรัดข้อมือที่ Wearable Device สามารถพัฒนาเข้าถึงมนุษย์ได้แล้ว ยังก้าวล้ำไปถึงเสื้อผ้าที่เราสวมใส่ ล่าสุด Ralph Lauren Polo เตรียมที่จะผลิตเสื้อ Polo Tech shirt ที่สามารถตรวจจับ อัตราการเต้นของหัวใจ, อัตราการหายใจ รวมถึงสเต็ปการเคลื่อนไหวของร่างกาย โดยจะมีเซนเซอร์ติดอยู่กับเสื้อ และเส้นใย Biosensing Silver Fiber เพื่อตรวจจับ แล้วเชื่อมต่อบลูทูธเพื่อส่งข้อมูลไปยังแอพบน iPhone/iPad ซึ่งสามารถถอดออกได้เมื่อถึงเวลาต้องซักเสื้อ

 

Smart Shirt เหมาะกับใคร : เหมาะกับนักกีฬา หรือผู้ที่รักสุขภาพ ที่ต้องการทราบข้อมูลประสิทธิภาพการออกกำลังกายอย่างละเอียด เพื่อใช้ในการกำหนดเป้าหมายในการออกกำลังกายให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเรื่อยๆ

 

แว่นตาอัจฉริยะ Glasses


google-glass-sport
Wearable Device อีกประเภทที่เกิดขึ้นจริงแล้วคือ แว่นตาอัจฉริยะ อย่าง Google Glass ที่ผู้ส่วมใส่ สามารถดูข้อมูลผ่านหน้าจอเล็กๆ ใกล้ดวงตา โดยที่เราสามารถมองทะลุไปยังภาพจริงข้างหน้าได้อยู่ เหมือนสวมแว่นตาปกติ แต่มันสามารถแสดงผลข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นทั้งเส้นทางที่จะเดิน สภาพการจราจร ข่าว และข้อมูลอื่นๆ ที่หาได้จากเน็ต การควบคุมจะใช้การรับคำสั่งด้วยเสียงเป็นหลัก และต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ยังมีกล้องที่สามารถบันทึกภาพกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นมุมมองเดียวกับสายตาของเรา โดยสามารถถ่ายแล้วแชร์ไปยังโซเชียลเน็ตเวิร์คได้ทันที แม้ว่าตอนนี้ Google Glass จะวางจำหน่ายไปบ้างแล้วในบางประเทศ แต่ด้วยราคาที่ค่อยข้างสูงมาก จึงอาจจะยังไม่เป็นอุปกรณ์ที่นิยมใช้มากเท่ากับ Wearable Device ประเภทอื่น

google_glass_golf_01
ภาพในมุมมองจาก Google Glass

 
Google Glasses เหมาะกับใคร : อันนี้ตอบได้ไม่ยาก เหมาะสมกับคนมีตังค์เหลือใช้ที่สุดครับ 555 เอาจริงๆ ก็คงเหมาะกับคนที่ต้องการข้อมูลแนะนำในแบบทันทีทันใด หรือจะเป็นนักกอล์ฟซึ่งกูเกิ้ลก็มีฟีเจอร์รองรับสำหรับนักกอล์ฟโดยเฉพาะอีกด้วย หรือใครที่ชอบผจญภัยก็สามารถใช้มันเก็บบันทึกภาพในเวลาที่กำลังปีนเขา หรือล่องแก่ง ซึ่งเป็นกิจกรรมโลดโผนที่ไม่สามารถใช้กล้องถ่ายภาพได้ และอนาคตก็จะมีฟีเจอร์ที่รองรับการทำกิจกรรมต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น

 
 

[TME2014] โปรโมชั่น บูตดีแทค iPhone 5s เริ่ม 13,900 บ. พร้อมสมาร์ทโฟนราคาสุดฮอตอีกเพียบ

 

dtac-Mobile Expo 2014

 

ดีแทคขนทัพสมาร์ทโฟนหลากหลายรุ่นร่วมงานมหกรรมโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ “ไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซโป 2014” ระหว่างวันที่ 2-5 ตุลาคมนี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พบกับสมาร์ทโฟน ราคาพิเศษสุดในงานอาทิ iPhone 5s 16GB ราคาเริ่มต้น 13,900 บาท จากปกติ 20,700 บาท , iPad Mini Retina 16GB ราคาเริ่มต้น 13,400 บาท จากปกติ 17,900 บาท , iPad Air 16GB ราคาเริ่มต้น 16,900 บาท ราคา จากปกติ 21,650 บาท , Samsung Galaxy S5 ราคาเริ่มต้น 17,900 บาท จากปกติ 23,800 บาท , Nokia Lumia 930 ราคาเริ่มต้น 16,500 บาท จากปกติ 19,890 บาท , HTC One M8 ราคาเริ่มต้น 15,900 บาท จากปกติ 19,900 บาท และ HTC Desires 816 ราคาเริ่มต้น 8,900 บาท จากปกติ 12,900 บาท พร้อมรับของสมนาคุณสุดพิเศษอื่น ๆ อีกมากมาย

 

พิเศษ! Samsung Galaxy Alpha ราคา 20,900 บาท รับฟรี Power bank 5000 mAh มูลค่า 890 บาท และ นำใบตรวจรับสินค้าแลกรับ Film กันรอย + กระเป๋าล้อลาก 16” จากบูธ Samsung พิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้า Samsung ที่มีมูลค่า 10,000 บาทขึ้นไป ลุ้นรับ Samsung Galaxy S5 มูลค่า 23,800 บาทจำนวน 4 รางวัล ( วันละ 1 รางวัล) , Nokia Lumia 730 ราคา 8,790 บาท รับฟรี ลำโพง Paul Frank มูลค่า 590 บาท และ นำใบตรวจรับสินค้าแลกรับ Micro SD 16GB + Bluetooth Handset BH-217 + Power bank มูลค่ารวม 1,990 บาท จากบูธ Nokia ภายในงาน

 

สมาร์ทโฟนราคาสุดฮอต
Samsung Galaxy Ace4 ราคา 3,590 บาท
Samsung Galaxy Mega 2 LTE ราคา 13,900 บาท
Samsung Galaxy Tab S 8.4 ราคา 16,900 บาท
Samsung Galaxy Core2 ราคา 6,590 บาท
Samsung Galaxy Note 8 ราคา 12,900 บาท
Samsung Galaxy Tab 4 7.0 ราคา 8,990 บาท
Samsung Galaxy Young 2 ราคา 2,690 บาท
Nokia Lumia 530 ราคา 3,690 บาท รับเพิ่มกระเป๋าโนเกีย Mix color มูลค่า 590 บาท
Nokia Lumia 830 ราคา 13,990 บาท
Nokia Lumia 730 ราคา 8,790 บาท
HTC One E8 ราคา 17,900 บาท
HTC Desires 310 ราคา 4,990 บาท
LG G3 ราคาพิเศษ 18,990 บาท รับเพิ่ม Case LG + Quick Circle + Micro SD มูลค่า 1,550 บาท
OPPO N1 Mini ราคา 12,990 บาท
OPPO Neo 5 ราคา 5,990 บาท
dtac TriNet Phone Joey Jump2 3.5 ราคา 1,990 บาท รับเพิ่ม Case มูลค่า 199 บาท
dtac TriNet Phone Joey Jump2 4.0 ราคา 2,790 บาท รับเพิ่ม Case มูลค่า 199 บาท
Happy Phone ราคา 659 บาท

 

พิเศษ! สำหรับลูกค้าดีแทค
• ฟรีบัตรกำนัลมูลค่าสูงสุด 1,000 บาท และติดฟิล์มกันรอยจาก COMMY
• รับ Cash back สูงสุด 20,000 บาทจากบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ
• เมื่อซื้อมือถือมูลค่า 659 – 4,999 บาท รับฟรีเสื้อยืด 1 ตัว
• เมื่อซื้อมือถือมูลค่า 5,000 – 9,999 บาท รับฟรี ลำโพง Paul Frank จำนวน1 ชิ้น
• เมื่อซื้อมือถือมูลค่า 10,000 ขึ้นไป รับฟรี Power bank 5000 mAh จำนวน 1 ชิ้น

 

นอกจากนี้เมื่อซื้อสมาร์ทโฟนจากดีแทคทุกรุ่นรับส่วนลดแพ็กเกจ 50% นาน 12 เดือน Package SmartPhone Device 4G 999 จ่ายเพียง 499 บาทต่อเดือน โทรฟรีทุกเครือข่ายถึง 550 นาที พร้อมใช้อินเทอร์เน็ตและ WiFi ไม่จำกัด (ใช้ความเร็วสูดสุด 3GB) นานถึง 12 เดือน สิทธิพิเศษนี้มีเฉพาะงานนี้เท่านั้น (เมื่อสมัครแพ็กเกจมูลค่า 399 บ.ขึ้นไปรับฟรี กระเป๋า Accessories 1 ใบ และ เมื่อสมัครแพ็กเกจมูลค่า 599 บ.ขึ้นไปรับฟรี กระเป๋าผ้า Sticker Line 1 ใบ) พบกับสมาร์ทโฟนอีกมากมายจากดีแทคพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษได้ที่บูธดีแทคในงานไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซโป 2014 ระหว่างวันที่ 2-5 ตุลาคมนี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

 

 

[TME2014] รวมโปรโมชั่น Wearable Device รุ่นล่าสุด พร้อมพาไปสัมผัส Android Wear ก่อนใคร

 

เริ่มงาน Thailand Mobile Expo 2014 Showcase กันแล้วนะครับ โดยงานนี้จะจัดไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม นี้ ใครที่กำลังเล็ง Wearable Device สุดไฮเทคอยู่ละก็ เราเดินสำรวจโปรโมชั่นมาให้แล้ว เลิกงานวันนี้ ก็จะได้พุ่งตรงไปที่บูตไม่ต้องเดินหาให้เสียเวลากันนะครับ

 

Samsung Gear S

เริ่มกันที่ Samsugn Gear S ที่ถือว่าเป็นไฮโลต์ที่สุดของ Wearable Device ในครั้งนี้เลย เพราะมันเป็น Smart Watch ที่ใส่ซิมได้ตัวแรกของซัมซุง โดยงานนี้เปิดให้ผู้ที่ซื้อหรือจอง Galaxy Note 4 ได้บัตรกำนันมูลค่า 3,000 บาท ไว้เป็นส่วนลดซื้อ Samsung Gear S ซึ่งจะวางขายปลายเดือนตุลาคมนี้ ในราคา 11,900 บาท มี 2 สี คือดำ และ น้ำเงินเข้ม

Gear-S-08

 

แอพพื้นฐานใน Gear S บนหน้าจอโค้งรับกับข้อมือ (ดูสเปก Samsung Gear S)

Gear-S-01

 

รองรับแป้นคีย์บอร์ดภาษาไทยแล้ว แต่ปุ่มอาจจะเล็กหน่อย แต่ก็เอาไว้ใช้โพสต์สเตตัสเบาๆ หรือตอบข้อความสั้นๆ ได้ โดยไม่ต้องพึ่งสมาร์ทโฟน

Gear-S-02

 

ปุ่มกดเบอร์โทรศัพท์ก็ใหญ่ โทรออกได้สะดวก แต่เวลาคุยจะต้องผ่านลำโพงในตัว หรือจะเชื่อมต่อกับหูฟังบลูทูธ หากต้องการความเป็นส่วนตัวก็ได้

Gear-S-03

 

เซนเซอร์ที่เพิ่มขึ้นอีกตัวนอกเหนือจาก Gear รุ่นอื่นๆ คือการวัดค่ารังสี UV โดยเมื่อวัดเสร็จก็จะมีคำแนะนำให้ใช้ครีมกันแดด SPF ที่เท่าไร เพื่อป้องกันผิว เป็นต้น

Gear-S-04

 

ลองเล่นแผนที่ ซึ่งมาพร้อม Hear Map ที่เป็นของไมโครซอฟต์ ตัวเดียวกับที่ใช้ใน Lumia

Gear-S-05

 

รองรับซิมแบบ Nano Sim

Gear-S-06
ตัวเครื่องสามารถถอดสายเปลี่ยนได้ง่าย โดยสายจะเป็นเหมือนยางที่ยืดหยุ่นได้แต่เหนียว กระชับและคงทน

Gear-S-07

 

Samsung Gear VR

ต่อเนื่องไปที่ Gear VR กันเลย ซึ่งเป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่จะสร้างภาพเสมือนจริงขึ้นมา ได้อย่างตื่นตา ตื่นใจ โดยจะรองรับกับ Galaxy Note 4 ในการใช้เป็นตัวรันเกมที่รองรับกับ Gear VR โดยผู้เล่นที่สวมใส่มันเข้าไปแล้ว ก็จะเหมื่อนเข้าไปอยู่ในเกมนั้นเลยจริงๆ ซึ่ง Gear VR ยังไม่มีแผนที่จะวางจำหน่ายในประเทศไทย ฉะนั้นใครที่อยากลองต้องมาสัมผัสกันได้ที่งาน TME 2014 นะครับ มีให้ลองเล่น 2 เครื่อง ด้วยกัน

Gear-VR-02

Gear-VR-01

Gear-VR-03

 

Wellograph

เดินมาเจอบูตนี้ ต้องเอ๊ะขึ้นมาทันทีเพราะด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์ ที่ดูเรียบหรู ทันสมัย ไม่เหมือน Smart Watch อื่นๆ ทั่วไป แถมยังเป็นแบรนด์ของคนไทยอีกด้วย กับ เวลโลกราฟ โดดเด่นด้วยหน้าจอ Sapphire Crystal กันรอยขีดข่วน จอแสดงผลแบบ E-Paper แบตเตอรี่อยู่ได้ถึง 7 วันต่อการชาร์จ 1 ครั้ง สามารถตรวจนับจำนวนก้าวเดิน ระยะทางในการวิ่ง คำนวณการเผาผลาญแคลอรี่ และวัดอัตราการเต้นของหัวใจ รองรับทั้ง iOS , Android 4.0 ขึ้นไป และ Windows Phone

Wellograph-02

 

ราคาพิเศษ เฉพาะในงาน 9,900 บาท จากราคาเต็ม 11,900 บาท สายหนังมีให้เลือก 2 สี ดำ กับ น้ำตาล

Wellograph-01

Wellograph-03

Wellograph-04

 

ได้รับรางวัล Innovations Design and Engineering Awards จากงาน CES 2014 มาอีกด้วย ยังไงก็ช่วยกันสนับสนุนผลงานคนไทยกันด้วยนะครับ

Wellograph-05

 

iWatch จาก iMI

แค่ชื่อก็ชนะแล้ว iWatch จากแบรนด์ (iMI) ไอมี่ Smart Watch สัญชาติ จีน ที่เปิดจองครั้งแรกในงานนี้ ในราคา 5,990 บาท สามารถใส่ซิมโทรออกได้ รองรับระบบ 3G มาพร้อมหน้าจอ 1.54 นิ้ว 720×1280 พิกเซล ซีพียู Quad Core 1.9 GHz แรม 512 MB หน่วยความจำในตัว 4 GB เพิ่ม Micro SD ได้ 32 GB รันบนระบบปฏิบัติการ Android 4.2.2  จริงๆ แล้วมันออกแนวเป็นสมาร์ทโฟนในรูปแบบนาฬิกามากกว่านะครับ เพราะใช้ระบบปฏิบัติการเดียวกับสมาร์ทโฟนเลย สามารถติดตั้งแอพจาก Play Store ได้ แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดว่ามีแอพรองรับมากน้อยแค่ไหน โดยจะวางจำหน่ายปลายเดือน ตุลาคม นี้

iME-iWatch-01

iME-iWatch-02

 

มาพร้อมกล้อง 8 ล้านพิกเซล

iME-iWatch-03

iME-iWatch-04

 

Jawbone UP 24

เรียกว่า Jawbone เป็นแบรนด์แรกๆ เลยก็ว่าได้ที่เริ่มทำ Wearable Device ออกมาวางขาย โดยในงานนี้มีรุ่นใหม่คือ UP 24 ที่เป็นกำไรรัดข้อมือ เพื่อสุขภาพ สามารถตรวจวัดจำนวนก้าวเดิน ตรวจจับการนอน โดยรุ่นนี้สามารถเชื่อมต่อบลูธูท เพื่อซิงค์ข้อมูลไปยังแอพบนสมาร์ทโฟนได้ จากเดิมที่ต้องเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB รองรับทั้ง iOS 4.0 และ Android 4.3 ขึ้นไป พร้อมสีชมพูมาใหม่ ราคาพิเศษในงาน 5,690 บาท จำกัด 20 ชิ้นเท่านั้น ราคาปกติ 6,290 บาท ที่บูต Jaymart เท่านั้น นอกจากนี้เมื่อซื้อ UP24 สีชมพู จะบริจาคหมวกไหมพรม สำหรับผู้ช่วยมะเร็งเต้านมในโครงการ Samitivej October Go Pink อีกด้วย

Jawbone-up24

 

Garmin Vivofit

การ์มินก็หันมาลุยตลาดนี้มากขึ้นเช่นกัน ซึ่ง Vivofit ก็เปิดตัวมาได้สักพักแล้ว โดยเป็น Finess Band ที่ตรวจจับจำนวนก้าว คำนวณแคลอรี่ วัดระยะทาง และติดตามการนอนได้ โดยมีหน้าจอแสดงผลในตัว จุดเด่นของรุ่นนี้อีกอย่างหนึ่งคือจะมีฟังก์ชั่นเตือนหากมีการอยู่นิ่งๆเป็นเวลา 1 ชั่วโมง และจะเพิ่มขึ้นเมื่อนั่งนานเกินไป เพื่อเป็นการเตือนให้เราลุกขึ้นเดินหรือเคลื่อนไหวบ้าง ส่วนแบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนาน 1 ปี โดยใช้ถ่ายกระดุมเหมือนในนาฬิกาข้อมือ ราคาเท่าปกติ 4,800 บาท แต่แถมสายเพิ่มให้อีก 1 เส้น

Garmin-Vivofit-01-e

 

fitbit

Wearabel Device สำหรับคนรักสุขภาพโดยเฉพาะ โดยมี 3 รุ่น 3 รูปแบบการใช้งานให้เลือก

fitbit Flex จะเป็นสายรัดข้อมือ ที่สามารถตรวจจับจำนวนก้าวเดิน หรือวิ่ง, วัดระยะทาง, ตรวจจับการนอน ตั้งสั่นเพื่อปลุกได้ มีไฟแสดงสถานะ แสดงความคืบหน้าระดับเป้าหมาย มี 5 สี ดำ, เขียว, แดง, น้ำเงิน, ชมพู, สเลท แบตใช้งานได้ 5-7 วัน ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ราคา  3,990 บาท

Fitbit-02

Fitbit-01

 

ด้านขวามือคือตัวเครื่อง คล้ายๆ กับตัว Core ของ Sony SmartBand ส่วนซ้ายมือคือตัวสายรัดข้อมือที่ด้านในจะสามารถใส่ตัวเครื่องลงไปได้

Fitbit-03

 

fitbit One รุ่นนี้จะมีคุณสมบัติเหมือนกับ fitbit Flex ในการตรวจจับ และวัดค่าต่างๆ แต่เพิ่มความสามารถขึ้นมาอีกอย่างหนึ่งคือการตรวจจับความสูงได้ เหมาะสำหรับคนที่ชอบปีนเขา โดยการใช้งานจะมีตัวหนีบมาให้ ใช้เหน็บที่กระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋ากางเกง ขายในราคา 3,990 บาท เช่นกัน

 

Fitbit-04

 

fitbit Zip รุ่นนี้จะมาพร้อมหน้าจอแสดงผล โดยจะเน้นการใช้งานสำหรับตรวจจับการเดิน วิ่ง, วัดระยะทาง และคำนวณแคลอรี แบตเตอรี่อยู่ได้นาน 6 เดือน ราคา 2,490 บาท

Fitbit-05

 

จุดเด่นของ fitbit คือสามารถรองรับกับแอพด้านสุขภาพหลายๆ ตัว อย่าง endomondo ได้อีกด้วย และใช้ได้ทั้ง Android 4.0 ขึ้นไป และ iOS 5.0 ขึ้นไป โดยเมื่อซื้อในงานจะแถม Power Bank 5,000 mAh

 

Wearable Device ที่ยังไม่เข้าไทยให้ลองเล่น

นอกจากนี้ทางเจ้าของงานยังมีบูต Wearable Device รุ่นใหม่ๆ ที่ยังไม่วางขายในประเทศไทย ไว้ให้ลองเล่นกันได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Samsung Gear Live, Moto 360, LG G Watch, LG LifeBand Touch, Pebble ฯลฯ โดยจะอยู่ตรงหลังบูต Line โซนทางเข้าด้านหน้า

 

Samsung Gear Live นาฬิกา Smart Watch ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android Wear

Wearable-showcase-SS-Gear-live-01

Wearable-showcase-SS-Gear-live-02

 

LG G Watch ก็เป็น Android Wear อีกตัวที่มาให้ลองเล่นกัน

Wearable-showcase-LG-Gwatch-01

 

LG LifeBand Touch

Wearable-showcase-LG-LifeBand-01

 

Pebble นาฬิกา Smart Watch ที่ใช้ได้ทั้ง Android และ iOS ดีไซน์เหมือนนาฬิกาแฟชั่น สุดเก๋

Wearable-showcase-Pebble-01

 

Wearable-showcase-Pebble-02

 

Huawei Honor รุ่นนี้เป็น SmartBand ที่มาในแบบ 2 in 1 โดยสามารถถอดออกมาใช้เป็นหูฟังบลูทูธได้ด้วย

Wearable-showcase-Huawei-02

 

Wearable-showcase-Huawei-03

 

W/ME เป็น Smart Band ดีไซน์เก๋เข้ากับไลฟ์สไตล์อีกตัวหนึ่ง สามารถตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ, มีหน้าจอแบบ Dot Matrix ใช้แจ้งเตือนอีเมล์ใหม่, เตือนสายเข้า, นาฬิกา, ใช้เป็นชัตเตอร์ไร้สายบน iOS, เช็กอินสถานที่บน Facebook, ใช้เรียกค้นหาโทรศัพท์ และเปิดเป็นไฟฉายได้ด้วย โดยตัวนี้มีขายที่บูตนี้เลย ราคา 5,000 บาท

Wearable-showcase-01

 

เอาล่ะครับ หวังว่าคงจะทำให้ผู้ที่กำลังอยากได้ Wearable Device ไว้ในงานสักตัว ได้ลองพิจารณาก่อนเดินเข้างานได้บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ

 

 

[TME2014] โปรโมชั่น LG G3 , G3 Stylus, L Bello Dual

  Promotion LG tme2014

LG-G3-stylus

 

บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมขนทัพสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่และโปรโมชั่นสุดพิเศษมาให้ผู้บริโภคช้อปส่งท้ายปีอย่างคับคั่ง เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จากแอลจี 2 รุ่น ได้แก่ LG G3 Stylus สมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมที่มาพร้อมปากกาสไตลัส และ LG L Bello Dual สมาร์ทโฟน 2 ซิม ในงานไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป 2014 ระหว่างวันที่ 2–5 ตุลาคม 2557 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

 
เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จากแอลจี 2 รุ่น ได้แก่ LG G3 Stylus สมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมที่มาพร้อมปากกาสไตลัส หน้าจอ qHD IPS ขนาด 5.5 นิ้ว และแบตเตอรี่ความจุ 3,000 มิลลิแอมป์ ในราคา 8,990 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) รับทันที Quick Window Case, SD Card และฟิล์มกันรอย รวมมูลค่า 1,789 บาท ลูกค้าที่มองหาความลงตัวระหว่างแฟชั่นและฟังก์ชั่น ยังจะได้พบกับ LG L Bello Dual สมาร์ทโฟน 2 ซิม พร้อมหน้าจอ True IPS Display ขนาด 5 นิ้ว และแบตเตอรี่ 2,450 mAh ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่ายๆ ในราคา 6,880 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) รับฟรีทันที Quick Window Case และฟิล์มกันรอย รวมมูลค่า 1,390 บาท

 
และสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์แห่งความเรียบง่ายอย่างชาญฉลาด สามารถเป็นเจ้าของ LG G3 สมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงของแอลจีที่มาพร้อมหน้าจอ Quad HD ขนาด 5.5 นิ้ว กล้องหลัง 13MP OIS+ (Optical Image Stabilizer Plus) พร้อมเทคโนโลยีเลเซอร์ ออโต้ โฟกัส (Laser Auto Focus) และแบตเตอรี่ถอดได้ความจุ 3,000 mAh ในราคาพิเศษเพียง 18,990 บาท พร้อมรับฟรีทันที Wireless Charger, Selfie Stick, Quick Circle Case, SD Card และฟิล์มกันรอย รวมมูลค่า 3,789 บาท

 
พิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อโทรศัพท์มือถือแอลจีในงานไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป ครั้งนี้ ครบทุก 5,000 บาท รับ 1 สิทธิ์ลุ้นจับฉลากรับของรางวัลพิเศษรวมมูลค่ากว่า 1 แสนบาท ได้แก่ LG Smart TV 42LB670T ขนาด 42 นิ้ว 4 รางวัล รางวัลละ 34,990 บาท และไมโครเวฟ MH6883BAK 4 รางวัล รางวัลละ 4,990 บาท

 
นอกจากนี้ แอลจียังได้มอบโปรโมชั่นและข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย อาทิ เลือกผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 24 เดือน กับธนาคารและรุ่นที่ร่วมรายการ* พร้อมโทรศัพท์มือถือราคาพิเศษอีกมากมาย ที่บูธแอลจี บาย สตูดิโอโฟน, เจมาร์ท, พาวเวอร์บาย, ทีจี โฟน, ดัน ไรท์, เอ ไอ เอส, ดี แทค, ทรู มูฟ และไอที ซิตี้

 
พิเศษสำหรับแฟนคลับของหนึ่ง อภิวัฒน์ (หนึ่ง ETC) ในวันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม 2557 พบมินิคอนเสิร์ตสุดพิเศษ พร้อมร่วมเฉลยความลับที่ซ่อนไว้ใน LG G3 ที่บูธเจมาร์ท ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป และในวันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม พบกับความสดใส น่ารัก ของโฟกัส จีระกุล ที่จะมาแบ่งปันวิธีถ่ายเซลฟี่ในแบบของโฟกัสที่บูธทีจี โฟน และร่วมพูดคุยกับวุ้นเส้น วิริฒิภา ภักดีประสงค์ แย้มนาม ได้ที่บูธเจ มาร์ท เวลา 13.00 น.และบูธทีจี โฟน เวลา 15.00 น.

*แอลจีขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงโปรโมชั่นโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า

 
 

[TME2014] โปรโมชั่น Samsung พร้อมขาย Galaxy Note 4 สีขาวรับเครื่องได้เลย จำกัด 100 เครื่องต่อวัน

 

TW260914_Leaflet_Note4_M-Expo2014

 

ซัมซุง ระเบิดความแรงด้วยข้อเสนอสุดพิเศษในงาน Thailand Mobile Expo 2014 Showcase ระหว่างวันที่ 2 – 5 ตุลาคมนี้ ประกาศวางจำหน่ายสุดยอดสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด “ซัมซุง กาแลคซี่ โน้ต 4 (Samsung Galaxy Note 4)” ครั้งแรกในเมืองไทย ให้เป็นเจ้าของก่อนใคร ในราคาพิเศษเพียง 24,900 บาท จากราคาเต็ม 25,900 บาท พร้อมรับของสมนาคุณสุดพิเศษ ได้แก่ ฟิล์มถนอมสายตา หน่วยความจำ SD Card ขนาด 16GB ผ้าห่ม ทรีอินวัน บัตรกำนัลมูลค่า 3,000 บาท เพื่อใช้เป็นส่วนลดสำหรับซื้อซัมซุง เกียร์ เอส (Samsung Gear S)

 

พิเศษสุด สำหรับ 100 ท่านแรกในแต่ละวัน รับเพิ่มบัตรกำนัลจากเซ็นทรัลมูลค่า 1,000 บาท พร้อมกระเป๋าล้อลาก ส่วนลูกค้าลำดับที่ 101 – 200 รับเพิ่มกระเป๋าล้อลาก โดยสิทธิประโยชน์เหล่านี้พิเศษเฉพาะลูกค้าที่ซื้อซัมซุง กาแลคซี่ โน้ต 4 ณ บริเวณพื้นที่พิเศษภายในห้องบอลรูม โดยลูกค้าที่ซื้อซัมซุง กาแลคซี่ โน้ต 4 สีขาว สามารถรับเครื่องได้ทันที ซึ่งมีจำนวนจำกัดเพียง 100 เครื่องในแต่ละวันเท่านั้น และสำหรับท่านที่ซื้อซัมซุง กาแลคซี่ โน้ต 4 สีอื่น หรือสีขาวที่เกิน 100 เครื่องต่อวันในงาน สามารถรับเครื่องภายหลังได้ที่ซัมซุง เอ็กซ์พีเรียนซ์ สโตร์ สาขาสยาม สแควร์ วัน ตามวันและเวลาที่กำหนด

 
ซัมซุง กาแลคซี่ โน้ต 4 สมาร์ทโฟนจากตระกูลกาแลคซี่ โน้ตรุ่นล่าสุด ที่มากับดีไซน์ที่สวยงามพรีเมี่ยมพร้อมอัดแน่นด้วยสุดยอดนวัตกรรมสุดล้ำ โดยเฉพาะปากกาอัจฉริยะ S Pen ที่ช่วยให้การใช้งานสะดวกสบายยิ่งขึ้น พร้อมกล้องหน้าความละเอียดสูงถึง 3.7 ล้านพิกเซล พร้อมโหมดถ่ายภาพแบบ Wide Selfie มุมกว้าง 120องศา หน้าจอ Quad HD Super AMOLED ขนาด 5.7 นิ้ว เพิ่มความคล่องแคล่วในการใช้งาน Multi-window พร้อมให้คุณจับจองเป็นเจ้าของก่อนใครประเทศไทย ในราคา 24,900 บาท (จากราคาเต็ม 25,900 บาท ณ พื้นที่พิเศษห้องบอลรูม ภายในงาน Thailand Mobile Expo 2014 Showcase ระหว่างวันที่ 2 – 5 ตุลาคมนี้ 4 วันเท่านั้น กับข้อเสนอสุดฮ็อตที่สาวกกาแลคซี่ โน้ต ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง

 

อ่าน พรีวิว Samsung Galaxy Note 4

 

 

อย่างไว Android Wear ก็อปปี้หน้าจอ Home Screen ของ Apple Watch เรียบร้อยแล้ว

pear
ผ่านพ้นไปแค่ 1 อาทิตย์ สำหรับการเปิดตัว Apple Watch ที่เป็นอุปกรณ์ Wearable Device ตัวแรกของ Apple ก็มีนักพัฒนาฝั่ง Android จัดเต็ม ด้วยการก็อปปี้หน้า Home Screen ของ Apple Watch ใส่ลงใน Android Wear ทันที

 

AplWatch42_34R_HomeScreen_HERO

หน้าตา Home Screen ของ Apple Watch

 
โดยผู้ใช้ Smartwatch ที่รันระบบปฏิบัติการ Android Wear ทุกยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น LG G Watch, Samsung Gear Live หรือ Moto360 ก็สามารถดาวน์โหลดแอพ WearFaces มาติดตั้งได้เลย ซึ่งแอพนี้จะมีหน้าปัดนาฬิกาให้เลือกหลากหลายแบบ รวมไปถึงหน้า Home Screen ของ Apple Watch อีกด้วย ที่สำคัญมันรองรับกับ Smartwatch ทั้งหน้าจอสี่เหลี่ยม และวงกลมได้ทั้งหมด

 

สาวกแอนดรอยด์ที่อยากกลายร่างเป็น Apple Watch ก็โหลดมาเล่นกันได้เลยที่ลิงค์นี้ WearFaces ครับ ส่วนแอพภายในก็ยังใช้งานได้ตามปกติ ตามสไตล์ของ Android Wear

 

Source : Wearfaces

 

 

8 สิ่งสุดล้ำ เมื่อ iPhone 5/5s/5c อัพเดท iOS8 แล้วใช้ได้เหมือน iPhone 6/6plus

 
ios8-ip5-ip6-hero
 

สำหรับใครที่มี iPhone 5, iPhone 5s และ iPhone 5c อยู่ในมือ แต่ด้วยความอยากได้ หรือกิเลสบังตา พร้อมหาเหตุผลที่จะซื้อ iPhone 6 หรือ iPhone 6 Plus ใหม่ โปรดฟังทางนี้ก่อน

 

เพราะอีกไม่ช้าในวันที่ 17 ก.ย. นี้ เราๆ ท่านๆ ทั้งหลายก็จะได้รับการอัพเดท iOS8 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการล่าสุด เช่นเดียวกับที่มาพร้อมใน iPhone รุ่นล่าสุด ลองไปดูกันก่อนว่าเมื่อเราอัพเดท iOS8 ไปแล้วจะมีฟีเจอร์ไหนที่ใช้งานได้ไม่ต่างกัน

 

1. ถ่ายภาพแบบ Time Lapse พร้อมฟิลเตอร์และฟังก์ชั่นแต่งภาพขั้นเทพ
ฟังก์ชั่นกล้องยังคงจัดเต็มได้อยู่ โดยเมื่อผู้ใช้ iPhone 5/5s/5c อัพเดทเป็น iOS8 จะทำให้กล้องสามารถถ่ายวิดีโอแบบ Time Lapse หรือภาพวิดีโอแบบเร่งสปีดที่มักเอาไว้บันทึกภาพการเคลื่อนไหวของก้อนเมฆ หรือวิวทิวทัศน์ แบบสารคดีต่างๆ นอกจากนี้ยังสามารถตั้งเวลาถ่ายอัตโนมัติ แบบ 3 วินาที หรือ 10 วินาทีได้แล้ว เพิ่มความสะดวกในการถ่ายเซลฟีโดยเฉพาะ
ios8-ip5-ip6-01

 

ส่วนในแอพ Photo ก็ยังเพิ่มลูกเล่นการแต่งภาพได้แบบขั้นเทพ โดยเฉพาะการปรับแต่งแสงสีอัตโนมัติให้อย่างอัจฉริยะหรือจะปรับเองก็ทำได้ พร้อมด้วยฟิลเตอร์ให้เลือกมากยิ่งขึ้น

ios8-ip5-ip6-02

 

2. ระบบเดาคำตามประโยค และเพิ่มคีย์บอร์ดเสริมได้
ios8-ip5-ip6-10

 

เปิดใช้ระบบเดาคำได้แบบหายห่วงเสียที เพราะมาคราวนี้ Apple พัฒนาขึ้นมาก กับระบบเดาคำ ที่ไม่ใช่แค่เดาทีละคำ แต่เดาให้เป็นประโยคเลยล่ะ แค่พิมพ์คำแรก คำถัดมาที่ใกล้เคียงกับประโยคนั้นก็จะขึ้นมาให้เราเลือกทันที สะดวกขึ้นมาก และจากที่ลองเล่นเวอร์ชั่น Beta ขอบอกว่าเดาคำเป็นประโยคได้ดีเลยทีเดียว พูดเลย ประหยัดเวลาพิมพ์ไปเยอะ
นอกจากนี้ใครไม่พอใจกับคีย์บอร์ดมาตรฐานของ Apple ก็สามารถโหลดคีย์บอร์ดจากผู้พัฒนารายอื่นๆ มาติดตั้งเพิ่มเติมได้ คล้ายๆ กับของแอนดรอยด์ที่มีแอพคีย์บอร์ดให้ติดตั้งมากมาย
3. อินเตอร์เฟสใหม่ใช้ได้เหมือนกัน

ios8-ip5-ip6-03
อีกสิ่งที่เราจะใช้งานได้ไม่ต่างจาก iPhone 6/6 Plus ก็คือเรื่องของอินเตอร์เฟส ณ จุดนี้พูดเลยว่า iOS8 ชนะเลิศ ไม่ว่าจะเป็นการตอบกลับได้ทันทีจากทุกๆ การแจ้งเตือนบนแถบ Notification หรือจะเป็นการแสดงรายชื่อบุคคลที่โทรติดต่อกันล่าสุด รวมถึงรายชื่อจากรายการโปรด ในหน้ามัลติทาสกิ้ง และยังเชื่อมโยงประวัติการใช้งานกับทุกอุปกรณ์ iDevice ที่เรามีอยู่ ไม่ว่าจะใช้งานบน iPhone แล้วไปใช้ต่อบน iPad ก็อัพเดทล่าสุดถึงกัน

ios8-ip5-ip6-04

 

4. ส่งคลิปเสียงหรือคลิปวิดีโอผ่าน SMS

ios8-ip5-ip6-10

สำหรับการส่งข้อความ SMS มันจะไม่ธรรมดาอีกต่อไป เพราะ Apple พัฒนาให้มันสามารถส่งแนบคลิปเสียงไปยังผู้รับได้อีกด้วย เมื่อจะฟังข้อความก็แค่ยกเครื่องแนบหูก็จะได้ยินคลิปเสียงทันที หรือแม้แต่วิดีโอก็สามารถถ่ายแล้วส่งคลิปวิดีโอแนบไปได้ทันที และเอาใจขาแชทด้วยการส่งข้อความเป็นกลุ่มได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถแนบพิกัดเพื่อแชร์ตำแหน่งไปให้เพื่อนๆ และยังเพิ่มความสามารถในการแนบรูปหรือวิดีโอได้ทีละหลายรูปในการส่งครั้งเดียว

 

5. ใช้ได้กับ Apple Watch พร้อมแอพ Health

ios8-ip5-ip6-09
สำหรับคนรักสุขภาพ แอพ Health จะเป็นศูนย์รวมมอนิเตอร์สุขภาพของเรา โดยจะเก็บสถิติการออกกำลังกายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น อัตราการเต้นของหัวใจ, จำนวนก้าวเดิน, การเผาผลาญแคลอรี, ระดับน้ำตาลในเลือด หรือแคลอรี จากแอพฟิตเนส และอุปกรณ์ต่างๆ ยิ่งมี Apple Watch ที่กำลังจะเปิดตัวด้วย ก็รองรับการใช้งานร่วมกับ iPhone 5/5s/5c ด้วยเช่นกัน ส่วนบารอมิเตอร์ที่ใช้วัดความกดอากาศเวลาไปปีนเขา เดินป่า ที่มีเพิ่มขึ้นมาอีกแค่ 1 เซนเซอร์ บน iPhone 6/6 Plus นั้น ก็ไม่น่าจะจำเป็นอะไรมาก ลองถามตัวเองดูว่าปีๆ นึงเคยปีนเขาสักกี่ครั้ง

ios8-ip5-ip6-11

 

6. Handoff เชื่อมโยงกับทุกอุปกรณ์ของ Apple

ios8-ip5-ip6-06
สำหรับสาวก Apple ที่มีทั้ง iPhone, iPad, Mac (Yosemite) ครบสูตร จะสามารถเชื่อมโยงอุปกรณ์เข้าด้วยกัน ซึ่งจะทำให้การใช้งานที่ต่อเนื่องเป็นหนึ่งเดียว เช่นกำลังพิมพ์อีเมล์บน iPhone อยู่ เมื่อเปิดแอพอีเมล์บนเครื่อง Mac ก็จะมีอีเมล์ฉบับนั้นให้เขียนต่อได้ โดยทุกเครื่องจะผูกด้วยแอคเคาท์ iCloud เดียวกันนั่นเอง โดยฟีเจอร์นี้จะรองรับกับแอพ Safari, Pages, Numbers, Keynote, Maps, Messages, Reminders, Calendar และ Contacts

ios8-ip5-ip6-07

เท่านั้นยังไม่พอฟีเจอร์นี้ยังทำให้ iPad และเครื่อง Mac โทรออก และรับสายได้ โดยจะต้องเชื่อมต่อในเครือข่าย Wi-Fi เดียวกัน เมื่อสายเข้า แล้วเราเก็บ iPhone ไว้ในกระเป๋า แต่กำลังทำงานอยู่บนเครื่อง Mac ก็สามารถรับสายจากการแจ้งบนเครื่อง Mac ได้ทันที หรือจะใช้โทรออกก็ได้ เห็นมั้ยว่าชีวิตง่ายขึ้นเยอะ

 

7. ซื้อแอพ หนัง เพลง แล้วแบ่งปันได้ทั้งครอบครัว

ios8-ip5-ip6-08
กลยุทธนี้พี่ยอม เมื่อ Apple ใจป้ำ ยอมให้แบ่งปันแอพ หนัง เพลง อีบุ๊ก ให้คนสนิทในครอบครัวได้ฟรี คือซื้อคนเดียว สามารถแชร์ให้คนอื่นได้อีก 6 คน เท่านั้นยังไม่พอใครมีลูกมีหลานที่ยังไม่พร้อมมีบัตรเครดิต ก็สามารถอนุญาติให้ลูกหลานซื้อแอพผ่านแอคเคาท์ตัวเองได้ โดยที่เขาไม่ต้องมี Apple ID ที่สำคัญคือสามารถควบคุมการซื้อแอพได้ชัวร์ เพราะทุกครั้งที่ใครจะโหลด จะต้องผ่านการอนุมัติจากเราก่อนทุกครั้ง นอกจากนี้ก็ยังสามารถแชร์รูป แชร์พิกัด และปฏิทินนัดหมายร่วมกันได้

 

8. iCloud Drive เลิกพกทรัมไดร์ฟไปได้เลย

ios8-ip5-ip6-09
ใครใช้ Dropbox คงเข้าใจดีอยู่แล้ว เพราะ iCloud Drive ก็มีคุณสมบัติคล้ายๆ กันที่ให้เราเก็บไฟล์ต่างๆ เอาไว้บนคลาวด์ได้ นอกจากนี้ยังรองรับกับไฟล์ต่างๆ ได้มาขึ้น เช่น ไฟล์ PDF, Page, Numbers, Keynote, รูปภาพ, เพลง, วิดีโอ โดยทั้งหมดสามารถเข้าถึงได้จากทุกอุปกรณ์ ทั้ง iPhone, iPad, iPod Touch, Mac รวมถึง Windows 7 ขึ้นไป ดังนั้นไม่ว่าจะแก้ไขไฟล์ที่เครื่องไหน เราก็จะได้ไฟล์อัพเดทล่าสุดเหมือนกันหมด หรือหากมีใครแก้ไขเอกสารอยู่พร้อมกัน เราก็จะเห็นไปด้วย

 

อุปกรณ์ที่รองรับ iOS8
ios8-ip5-ip6-14

 

เห็นมั้ยล่ะครับว่าฟีเจอร์ไฮไลต์หลักๆ ของ iOS8 ก็สามารถใช้งานได้สมบูรณ์เท่ากับ iPhone 6/6plus ได้ไม่แพ้กันเลย ฉะนั้นลองคิดกันดูดีๆ ก่อนนะครับว่าคุณจำเป็นแค่ไหนในการใช้ฟีเจอร์ใหม่ที่มากกว่าเพียงเล็กน้อย กับเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มอีก 2 หมื่นกว่าบาท และที่สำคัญบางคนอาจจะยังผ่อน iPhone 5S ไม่หมดด้วยช้ำ ฉะนั้นจึงอยากจะย้ำให้ผู้ใช้ โดยเฉพาะน้องๆ หนูๆ นักเรียน นักศึกษา หรือแม้แต่คนทำงาน ให้ใช้สติก่อนใช้สตางค์กันนะครับ ด้วยความปรารถนาดี จาก Oopsmobile ที่อยากให้ทุกคนใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด โดยไม่ตกเป็นทาสของเทคโนโลยี…