[Video] Apple ปล่อย iOS 7.1 beta ออกมาแว้ว… มีไรใหม่บ้างอ่ะ

ios-7.1

แอปเปิลปล่อย iOS 7.1 beta ให้นักพัฒนาได้ดาวน์โหลดได้แล้ว ซึ่งรองรับการอุปกรณ์ iOS ทั้งหลายไม่่ว่าจะเป็น iPhone 5s, iPhone 5c, iPhone 5, iPhone 4S, iPhone 4, iPad Air, iPads 3, iPad 4, iPad 2, iPad mini with Retina display, iPad mini and iPod touch 5 gen โดยงานนี้มีการปรับปรุงและแก้ไขบั๊กส์ในส่วนของการตั้งค่าและฟีเจอร์ต่างๆ หลายอย่างดังนี้

• เปลี่ยนขนาดฟอนต์ให้หนาขึ้นโดยไม่ต้องรีสตาร์ท

• กล้องเพิ่มโหมด HDR Auto จากเป็นปุ่ม On/Off

• ถ่ายภาพด้วย Burst Mode แล้วตั้งให้อัพโหลดขึ้น Photo Stream ได้ (เฉพาะ iPhone 5s)

• โลโก้ใหม่ของ Yahoo ในแอพ Weather

• มีคีย์บอร์ดสีดำให้เลือกเพิ่มขึ้นมา

• ปรับปรุงเอฟเฟ็กเวลาขยุ่มหน้าจอบน iPad

• ปรับปรุง Touch ID บน iPhone 5S

 
สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป คาดว่าจะได้รับการอัพเดทในอีก 2 สัปดาห์

 

[youtube link=”http://www.youtube.com/watch?v=w8rHk8Ae41k” width=”590″ height=”315″]

 

Source : BGR, iupdateos

 

[Sneak Preview] Sony Hi-Resolution Audio จัดเต็มหูฟังระดับเทพ และ Walkman ระบบ Android

โซนี่ ไทย รุกตลาดหูฟังคุณภาพระดับ Hi-Resolution Audio ด้วยการเปิดตัวหูฟัง เครื่องเล่นเพลงพกพา Walkman และ แอมปลิฟายเออร์แบบพกพก เรียกว่าจัดเต็มสำหรับพวกหูเทพ หูทอง ที่หลงไหลในการฟังเพลงที่มีคุณภาพสูงระดับ Hi-Res Audio ที่มีความละเอียดเสียงสูงกว่าซีดีเพลงทั่วไป ตั้งแต่ 3-8 เท่า ซึ่งภายในงานนี้ได้มีการเปิดตัวสินค้าหลากหลายรุ่นตามไปดูกันเลยดีกว่าครับ

 

เริ่มต้นกันที่ภาพประวัติศาสตร์ของเครื่องเล่น Walkman ซึ่งทำให้ใครหลายคนย้อนนึกถึงอดีตที่รุ่งเรืองของ Sony Walkman ที่เป็น Sound About ไว้เล่นเพลงจากเทปคลาสเซ็ท พกพาไปไหนมาไหนได้ จนกลายเป็นอารยธรรมโซนี่ที่จดจำกัน เชื่อว่าหากใครที่ตอนนี้อายุ 30 กว่าๆ คงจะเคยได้สัมผัสอารยธรรมนี้ในช่วงวัยรุ่นมาแล้วอย่างแน่นอน…555 แต่แล้วด้วยวิวัฒนาการของเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปเรื่อยๆ จาก เทป > ซีดี > MD > MP3 > SmartPhone > จนมาถึง HRA (Hi-Res Audio) ในปัจจุบัน

Sony-hi-res-audio-01

 

ความละเอียดของเสียงระดับ Hi-Res อยู่ที่ 192 kHz 24 bit ส่วน MP 3 จะมีความละเอียดเพียง 44.1 kHz 16 bit เท่านั้น ซึ่งถึงแม้ในแง่วิทยาศาสตร์จะบอกว่าหูของเราไม่สามารถได้ยินย่านความถี่เสียงระดับ Hi-Res ได้ แต่ในแง่ของความรู้สึกมนุษย์สามารถสัมผัสได้ เช่นบรรยากาศของคอนเสิร์ต หรือเสียงลมหายใจของนักร้อง (จะว่าเว่อร์อะไรจะขนาดนั้นก็ได้นะ แต่มันรู้สึกได้จริงๆ)

Sony-hi-res-audio-02

 

ผู้ให้บริการเพลงความละเอียดสูงมีเพิ่มขึ้นอย่างมากมายในปัจจุบัน เนื่องจากอินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้น และฮาร์ดดิสก์มีราคาถูกลง จึงทำให้ธุรกิจนี้เติบโตขึ้นมาก

Sony-hi-res-audio-03

 

เอาล่ะครับเริ่มต้นกันที่หูฟังระดับไฮเอ็นในซีรีส์ MDR-1RMK2 Series ซึ่งมีมาด้วยกัน 3 รุ่น โดย 2 รุ่นแรกจะรองรับระดับเสียงแบบ Hi-Res มีทั้งแบบสาย และแบบบลูทูธ ส่วนรุ่นสุดท้าย (MDR-1RNCMK2) จะไม่รองรับ Hi-Res แต่เน้นที่ระบบลดเสียงรบกวน Noise Cancelling

Sony-hi-res-audio-04

 

ชม MDR-1RMK2 ตัวเป็นๆ มี 2 สี คือ ดำ กับสีใหม่ น้ำตาลเงิน รุ่นนี้มาพร้อม Driver ขนาด 40 มม. รองรับความถี่เสียงตั้งแต่ 4-80,000 Hz

Sony-hi-res-audio-08

Sony-hi-res-audio-09

Sony-hi-res-audio-10

 

โดดเด่นด้วยสายที่สามารถถอดออกได้ เืพื่อความต้องการที่มากกว่าสำหรับคนที่อยากใช้สายคุณภาพพิเศษมากกว่านี้ ส่วนสายในเซ็ตที่ให้มาจะยาว 3 ม.

Sony-hi-res-audio-11

 

สำหรับสาวกสมาร์ทโฟนที่ต้องการคุณภาพเสียงขั้นเทพ ก็มีรุ่นนี้ไว้รองรับ MDR-1RBT MK2 คุณสมบัติเดียวกับกันรุ่นมีสาย เพียงแต่เชื่อมต่อบลูทูธได้พร้อม Pairing ง่ายๆ ผ่าน NFC มีปุ่มรับสายโทรออก

Sony-hi-res-audio-12

 

ด้านหูฟังแบบ in ear ก็ไม่ได้ยอมแพ้ โดยโซนี่ได้ส่งเรือธง XBA-H3 ที่รองรับ Hi-Res Audio ออกมาเช่นเดียวกัน โดยเป็นหูฟังแบบไฮบริดที่มีไดรเวอร์ฺ 2 แบบในตัวเดียวกัน ทั้ง Dynamic Drivers และ Balanced Armature Drivers ที่ให้มิติรายละเอียดเสียงคมชัด และพลังขับย่านเสียงต่ำได้อย่างทรงพลังยิ่งขึ้น สนนราคา 9,900 บ. 

Sony-hi-res-audio-16

 

โดยในไลน์อัพของรุ่น XBA-H Series มีทั้งหมด 3 รุ่น โดย XBA-H3 จะเป็นตัว Top ส่วนอีก 2 รุ่น XBA-H2 (ราคา 7,490 บ.) และ XBA-H1 (4,490 บ.) จะไม่รองรับ Hi-Res Audio นอกจากนี้ยังออกแบบให้สามารถถอดสายเปลี่ยนได้เช่นกัน ยกเว้นรุ่น XBA-H1 ถอดเปลี่ยนไม่ได้

Sony-hi-res-audio-06

 

เอาใจคนหูเทพ หูทองแบบจัดเต็ัมกับแอมปลิฟายเออร์พกพารุ่น PHA-2 เพื่อใช้คู่กับหูฟังคุณภาพ ที่รองรับคุณภาพเสียง Hi-Res Audio รองรับการเชื่อมต่อกับ Walkman รุ่นล่าสุด NW-F880 และ NW-ZX1 รวมถึงอุปกรณ์ iOS อย่าง iPhone, iPad, iPod Touch โดยตัวเครื่องทำจากซิงค์อัลลอย พร้อมตัวซับสัญญาณรบกวนจากภายนอก แบตเตอรี่ในต้ว ใช้งานได้นาน 17 ชั่วโมงเมื่อเชื่อมต่อแบบอะนาลอก หรือ 6.5 ชั่วโมงเมื่อเชื่อมต่อแบบดิจิตอล สนนราคา 21,990 บ.

Sony-hi-res-audio-15

 

โฉมหน้าของ Walkman รุ่นใหม่ล่าสุด NW-F880 ที่รองรับ Hi-Res Audio โดยเฉพาะ ด้วยความละเอียดเหนือกว่าซีดีทั่วไป ที่ 192 kHz/24bit หน้าจอสัมผัสขนาด 4 นิ้ว แบบ Triluminos Display for Mobile นอกจากนี้ยังมี NFC เพื่อใช้งานเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ที่รองรับ NFC ได้ด้วย มาพร้ิอมระบบปฏิบัติการ Android 4.1 ฟังเพลง MP3 ได้ต่อเนื่อง 35 ชั่วโมง และฟังเพลงแบบ Hi-Res Audio (99kHz/24bit) ได้นาน 26 ชั่วโมง วางขายปลายเดือน พฤศจิกายนนี้ สนนราคา 10,590 บ.

Sony-hi-res-audio-17

 

Sony-hi-res-audio-18

 

Sony-hi-res-audio-19

 

สำหรับรุ่นนี้เป็นตัวเรือธงของ Walkman เลยล่ะครับกับ NW-ZX1 มาพร้อมความจุ 128 GB ดีไซน์ล้ำด้วยวัสดุอะลูมิเนียมแบบชิ้นเดียว หน้าจอสัมผัสแบบ Triluminos Display for Mobile ความละเอียด 854×480 ขนาด 4 นิ้ว รองรับ Hi-Res Audio (192 kHz 24 bit) และเชื่อมต่อใช้งานได้ทั้งแบบ Wi-Fi และ Bluetooth รวมถึงรองรับการ Pairing ด้วย NFC อีกด้วย ส่วนระบบปฏิบัติการเป็น Android 4.1 และมีพอร์ตเชื่อมต่อเฉพาะ (WM-Port) รองรับกับ USB Audio สามารถเชื่อมต่อกับเครื่อง DAC/แอปม์พกพาของโซนี่ PHA-2 ได้ โดยมีกำหนดวางจำหน่ายเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ราคายังไม่กำหนด

Sony-hi-res-audio-13

 

ดีไซน์ด้านหลังเป็นพลาสิกลายหนัง

Sony-hi-res-audio-14

 

ปุ่มควบคุมด้านข้างตัวเครื่องเป็นอลูมิเนียมทั้งหมด ดูหรูหราไฮโซ จนน่าจะมีัฟังก์ชั่นโทรศัพท์ให้มาด้วยเลยจริงๆ อิอิอิ

Sony-hi-res-audio-20
และนี้คือน้ำจิ้มที่มายั่วน้ำลายให้กับชาว Oops!Mobile ก็ก่อน ไว้ผมได้ตัวจริงมาทดสอบเมื่อไร จะจัดหนักให้เลยนะครับท่านผู้ชม…

ดีแทคเปิดตัวไตรเน็ตโฟนเจน 2 สเปคสูงเทียบชั้นสมาร์ทโฟน “คุ้มมาก เร็วมาก ชัดมาก”

dtac_04

 

หลังจากได้รับกระแสตอบรับอย่างล้มหลามจาก dtac TriNet Phone รุ่นแรก ดีแทคก็ไม่หยุดนิ่งตอบรับกระแสความต้องการของลูกค้าด้วย dtac TriNet Phone Gen 2 สานต่อแนวคิด “สมาร์ทกว่ากับดีแทค สมาร์ทโฟน” และวิสัยทัศน์ “Internet for All” ด้วยสเป็คที่สูงขึ้นกว่าเดิมในราคาเบา ๆ ที่ทุกคนเป็นเจ้าของได้ บน TriNet – 3 โครงข่ายอัจฉริยะ ชัดกว่า เร็วกว่า และคุ้มกว่าบนแบนด์วิธที่กว้างที่สุดจากดีแทค พร้อมรับโบนัสสุดคุ้มทั้งค่าโทรและเน็ต นานสูงสุดถึง 18 เดือน

 

นายปภาพรต ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานบริหารอุปกรณ์สื่อสาร กล่าวว่า “ตั้งแต่เราเปิดตัว dtac TriNet Phone เจนเนอเรชั่นแรก 3 สายพันธุ์คือ Cheetah , Joey และ Mousey ด้วยบุคลิกที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวของแต่ละเครื่อง ทำให้ลูกค้าดีแทคให้การตอบรับอย่างดีเยี่ยม เห็นได้จากยอดขายที่กินส่วนแบ่งถึง 20% จากทั้งพอร์ตโทรศัพท์ที่ดีแทคจำหน่ายอยู่ ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มสมาร์ทโฟนตามหลังเพียงไอโฟนและซัมซุง ส่วนยอดการใช้ดาต้าหรือการใช้อินเตอร์เน็ตผ่าน dtac TriNet Phoneเจนเนอเรชั่นแรก ก็เพิ่มขึ้นถึง 86% หลังเปิดตัว ความสำเร็จของ dtac TriNet Phone ยังเป็นผลมาจากฟังก์ชั่นการใช้งานที่เหนือกว่าและราคาที่คุ้มค่ากว่า ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตรงใจที่สุด จากข้อมูลตรงนี้ เราจึงพัฒนา dtac TriNet Phone Gen 2 ด้วยการอัพเกรดให้มีประสิทธิภาพรวดเร็วยิ่งขึ้นจากรุ่นแรก เปรียบเสมือนการ ติดเทอร์โบให้กับสายพันธุ์ Cheetah และ Joey นอกจากนี้เพื่อรองรับกระแสความต้องการของผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่ชื่นชอบโทรศัพท์ที่มีหน้าจอใหญ่และคมชัด ดีแทคจึงแนะนำ “Lion” รุ่นใหม่จอมพลังเพิ่มเข้ามาอีก 1 รุ่น เพื่อเพิ่มความคุ้มกว่า เร็วกว่า และชัดกว่า

 

การพัฒนาผลิตภัณฑ์ dtac TriNet Phone เกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ “Internet for All” ซึ่งดีแทคมุ่งหวังให้คนไทยทุกคนทั่วประเทศสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ เพื่อการรับรู้ข้อมูลข่าวสารและโอกาสต่าง ๆ ที่เท่าเทียมกัน ด้วยสมาร์ทโฟนคุณภาพ พรั่งพร้อมด้วยคุณสมบัติการใช้งานที่ตอบสนองทุกความต้องการด้านการสื่อสารเช่น ระบบเสียงคมชัดอย่าง HD Voice, ซิมไม่ล๊อก ฯลฯ ในราคาที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้

 

dtac TriNet Phone สมาร์ทโฟนสายพันธุ์ใหม่เจนเนอเรชั่นที่ 2 มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น ตามลักษณะการใช้งานที่แตกต่าง ประกอบด้วย

 

• Lion เร็วจัด ชัดเวอร์ – สมาร์ทโฟนจอมพลัง แรง คมชัด เต็มประสิทธิภาพ มาพร้อมหน้าจอสัมผัส 5 นิ้ว IPS ใหญ่เต็มตา ความละเอียด 720x 1280 คมชัดระดับ HD พร้อมระบบประมวลผล Quad-Core 1.2 GHz สุดทรงพลังที่มีในสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์เท่านั้น รองรับ 3G ความเร็วสูงสุด 42Mbps ส่วนระบบปฏิบัติการใช้ Android 4.2 Jelly Bean กล้อง 8 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องหน้า 1 ล้านพิกเซล และหน่วยความจำ 4 GB และ Ram 1GB พร้อมเพิ่ม MicroSD ได้สูงสุดถึง 32 GB ราคา 5,990 บาท (เมื่อซื้อพร้อมแพ็คเกจ)

 

• Cheetah จอกว้าง ถ่ายกริ๊ป ติดเทอร์โบ – ครบครันคุณสมบัติด้านเอนเตอร์เทนเมนต์ ถ่ายภาพและแชร์ภาพสุดทันใจ ด้วยหน้าจอสัมผัส 4.5 นิ้ว FWVGA ความละเอียด 480 x 854 ระบบประมวลผล Quad-Core 1.2 GHz แรงกว่าเดิม ระบบปฏิบัติการ Android 4.1 Jelly Bean กล้อง 5 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องหน้า 1.3 ล้านพิกเซล และหน่วยความจำ 4 GB และ Ram 1GB พร้อมเพิ่ม MicroSD ได้สูงสุดถึง 32 GB ราคา 4,790 บาท (เมื่อซื้อพร้อมแพ็คเกจ)

 

• Joey โซเชียลจัด ราคาจิ๋ว ติดเทอร์โบ – ครบเครื่องเรื่องโซเชียล โหลด แชท และแชร์ แบบทันใจยิ่งขึ้น กับหน้าจอสัมผัสขนาด 4 นิ้ว WVGA ความละเอียด 480 X 800 ระบบประมวลผล Dual-Core 1.2 GHz ระบบปฏิบัติการ Android 4.2 Jelly Bean กล้อง 3 ล้านพิกเซล และ หน่วยความจำ 4 GB พร้อมเพิ่ม Micro SD ได้สูงสุด 32 GB ราคา 2,890 บาท (เมื่อซื้อพร้อมแพ็คเกจ )
แพ็กเกจสุดคุ้มสำหรับ dtac TriNet Phone Gen 2

 

ดับเบิ้ลบุฟเฟ่ต์ โทรเบอร์ดีแทคฟรี และ เน็ตไม่อั้น! เริ่มต้นเพียง 299 บาท สำหรับลูกค้าแบบรายเดือน

 

• โทรหาเบอร์ดีแทคด้วยกันได้ไม่จำกัด ตั้งแต่ตี 5 ถึง 5 โมงเย็นและใช้เน็ตไม่จำกัด สำหรับ dtac TriNet Phone เจนเนอเรชั่นสองทุกรุ่น
รับโบนัสมากกว่าค่าเครื่อง สำหรับลูกค้าแบบเติมเงิน
• รุ่น Joey Turbo 4.0 รับเน็ตฟรีทันที 100 MB และรับเน็ตฟรี 50 MB เมื่อเติมเงินทุก 100 บาท พร้อมรับโบนัสค่าโทรฟรี 200 บาท/เดือน เมื่อเติมเงินสะสมครบ 200 บาท รับสิทธิ์ได้นาน 10 เดือน มูลค่าโบนัสรวม 3,900 บาท
• รุ่น Cheetah Turbo 4.5 รับเน็ตฟรีทันที 100 MB และรับเน็ตฟรี 50 MB เมื่อเติมเงินทุก 100 บาท พร้อมรับโบนัสค่าโทรฟรี 200 บาท/เดือน เมื่อเติมเงินสะสมครบ 200 บาท รับสิทธิ์ได้นาน 17 เดือน มูลค่าโบนัสรวม 6,000 บาท
• รุ่น Lion 5.0 HD เน็ตฟรีทันที 100 MB และรับเน็ตฟรี 50 MB เมื่อเติมเงินทุก 100 บาท พร้อมรับโบนัสค่าโทรฟรี 300 บาท/เดือน เมื่อเติมเงินสะสมครบ 200 บาท รับสิทธิ์ได้นาน 18 เดือน มูลค่าโบนัสรวม 8,100 บาท

 

• พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่เปิดใช้งานซิมของขวัญที่มาพร้อมเครื่องเติมเงินทุก 100 บาท รับเน็ตฟรี 50 MB สูงสุด 3 ครั้ง/เดือน นาน 6 เดือน
ทั้งนี้ dtac TriNet Phone เจนเนอเรชั่นที่ 2 จะวางจำหน่ายที่ศูนย์บริการดีแทคทั่วประเทศ, dtac online store, เซเว่น อีเลฟเว่น และร้านขายมือถือทั่วประเทศ สบายใจกว่ากับการเปลี่ยนเครื่องใหม่ใน 7 วันแรก และมีการรับประกันที่มากกว่านานถึง 15 เดือน และการดูแลหลังการขายกับศูนย์บริการหลังการขายทั่วประเทศ

dtac_01

iPad Air และ iPad mini with retina เปิดขายแล้วบน apple store ประเทศไทย

ไม่ต้องรีรอกันแล้ว สำหรับ iPad Air และ iPad mini with retina เมื่อแอปเปิลเปิดให้สั่งซื้อผ่านเว็บ Apple Store ประเทศไทย เรียบร้อยแล้ว โดยราคาของ iPad mini with retina จะแพงขึ้นกว่าเดิมประมาณ 2,500 บาท โดยราคาเริ่มต้นที่ 13,400 บ. ขนาด 16 GB Wi-Fi และหากสั่งซื้อออนไลน์จะใช้เวลา 5-10 วันในการส่งถึงมือคุณ

 

ส่วน iPad Air ราคาเริ่มต้นที่ 16,900 บ. ขนาด 16 GB Wi-Fi โดยใช้เวลาจัดส่งประมาณ 5-7 วัน

 

โดย iPad ทั้ง 2 รุ่นนี้ยังไม่มี รุ่น Wi-Fi + Cellular ให้สั่งซื้อผ่านออนไลน์ได้ คงต้องรอการเจรจากับโอเปอเรเตอร์รายต่างๆ ให้เรียบร้อยเสียก่อน ถึงจะทราบราคาอย่างเป็นทางการอีกที ซึ่งปกติก็จะมีราคาที่ต่างขึ้นไปอีกประมาณ 4,000 บ.

ipad-mini-retina

ipad-air-apple-store

 

Source : Apple Store TH

 

วิธีปิด การตกแต่งภาพหลัง Screen Capture บน Galaxy Note 3 และซัมซุงทุกรุ่น

off-edit-after-scr-cap-03
เคยรู้สึกรำคาญกันมั้ยครับ เวลาที่เราแคปเจอร์หน้าจอด้วยวิธีการกดปุ่ม Home+Power พร้อมกัน แล้วจะเข้าสู่หน้าจอ Edit เพื่อให้ขีดเขีัยนเพิ่มเติมบนรูปภาพนั้นได้ ซึ่งบางทีเราแค่อยากแคปหน้าจอเก็บไว้่ แล้วเล่นอย่างอื่นต่อในทันที ฉะนั้นหากใครไม่ต้องการ สามารถยกเลิกฟังก์ชั่นดังกล่าวได้ดังนี้

 

• จากหน้าแอพแตะที่ไอคอน Settings

• แตะที่แท็บ Device แล้วเลือก Display

off-edit-after-scr-cap-01

 

• จากนั้นให้ยกเลิกการใช้งานฟังก์ชั่น Edit after screen capture โดยแตะเครื่องหมายถูกออกไป

off-edit-after-scr-cap-02

 

เพียงเท่านี้เวลาแคปเจอร์หน้าจอ ก็จะไม่มีหน้า Edit ขึ้นมาให้รำคาญใจแล้วล่ะครับ

 

แต่หากต้องการใช้งานฟังก์ชั่นนี้ในบางครั้ง ก็ไม่ต้องกลับไปตั้งค่าเปิดใช้งานใหม่ให้เสียเวลา่ เพียงแค่แคปเจอร์ด้วยปากกา S Pen โดยการกดปุ่มบนปากกาค้างไว้ แล้วแตะค้างบนหน้าจอ เมื่อระบบแคปเจอร์ภาพได้แล้ว ก็จะเข้าสู่โหมด Edit ภาพดังกล่าวให้ทันที จากนั้นก็ใช้ปากกา S Pen ขีดเขียนตกแต่งเพิ่มเติมได้ทันที แบบนี้ง่ายกว่าเยอะ ว่ามั้ยครับ

 

วิธีการตั้งค่านี้สามารถใช้บนมือถือ Samsung Galaxy รุ่นอื่นๆ ที่เป็น Android 4.2 ขึ้นไปได้เช่นเดียวกัน

 

iPad Air เปิดรับจองแล้ว ที่ iStudio !!!

pre-booking-ipad-air

เว็บไซต์ http://www.mustlovemac.co/ เปิดให้พี่น้องชาวไทยจอง iPad Air ล่วงหน้าได้แล้ว แต่ยังไม่ได้ระบุราคาแต่อย่างใด โดยร้าน iStudio by Copperwired ซึ่งเป็นหนึ่งตัวแทนจำหน่ายภายใต้ร้าน iStudio ได้ทำการเปิดจองผ่านหน้าเว็บไซต์แล้วในขณะนี้ โดยผมได้ทดลองทำการจองไปแล้วปรากฏว่าเป็นเพียงการจองสิทธิ์เอาไว้เท่านั้น ยังไม่ต้องเสียเงินจองแต่อย่างใด โดยทางร้านจะติดต่อกลับมายืนยันอีกทีว่าจะได้ของเมื่อไร ทั้งนี้คาดว่าอีกไม่นานเราคงได้สัมผัส iPad Air อย่างเป็นทางการแล้วสินะ

isutdio-iPad-air

isutdio-iPad-air-2

Source : mustlovemac

“ยิ่งเติม ยิ่งจ่าย ยิ่งอร่อย” กับทรูมูฟ เอช รับสิทธิ์แลกซื้อกาแฟเย็น ขนาด 12 ออนซ์ เพียง 9 บาท เมื่อเติมเงินหรือชำระค่าบริการทรูมูฟ เอช ที่ร้าน 7-Eleven

Top up Coffeeka

 

 

ทรูมูฟ เอช จัดแคมเปญสุดคุ้ม “ยิ่งเติม ยิ่งจ่าย ยิ่งอร่อย” เอาใจลูกค้า มอบสิทธิพิเศษแลกซื้อกาแฟเย็น คอฟฟีก้า หรือ กาแฟเย็น ลาเต้ ขนาด 12 ออนซ์ ในราคาพิเศษ เพียงแก้วละ 9 บาท (จากปกติ 14 บาท) รับสิทธิ์ได้ง่ายๆ เพียง

 

• เติมเงินมือถือทรูมูฟ เอช แบบสลิปบัตรเงินสด หรือเติมเงินออนไลน์ มูลค่า 90 บาทขึ้นไป
• ชำระค่าบริการรายเดือนทรูมูฟ เอช ทุกมูลค่า ผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส

 

ณ ร้าน 7-Eleven เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการ แล้วนำใบเสร็จมาใช้เป็นส่วนลด (ซื้อ 1 แก้ว ต่อ 1 สิทธิ์) ยิ่งเติม ยิ่งจ่าย ยิ่งอร่อย ตั้งแต่วันนี้ ถึง 25 พฤศจิกายน 2556 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.truemove-h.com

 

แคมเปญ “ยิ่งเติม ยิ่งจ่าย ยิ่งอร่อย” เป็นแคมเปญที่ทรูมูฟ เอช สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเพิ่มคุณค่าและความคุ้มค่าให้กับทุกอิสระของการใช้ชีวิต ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าทั้งเรื่องกิน ดื่ม และความสะดวกในชีวิตปัจจุบัน พบกับสิทธิประโยชน์และความคุ้มค่าหลากหลายที่เต็มใจสรรหามาเพื่อลูกค้าตลอดปีนี้

นิคอน เผยโฉมกล้องดิจิตอล DSLR แบบฟูลเฟรม รุ่น Df

Df_ambience_5b_600

ที่สุดแห่งนวัตกรรมที่ผสานการการทำงานระบบกลไกแบบปรับหมุน กับความสามารถในการสร้างสรรค์ “ภาพถ่ายคุณภาพสุดยอดในระดับเดียวกับกล้อง D4” มาในตัวกล้องแบบฟูลเฟรม ที่มีขนาดเล็กและเบาที่สุด

 

นิคอน ประกาศเปิดตัว นิคอน Df กล้องดิจิตอลเอสแอลอาร์แบบฟูลเฟรมรุ่นล่าสุด ซึ่งผสานการทำงานระบบกลไกในการควบคุมแบบแป้นหมุนที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทันใจเข้ากับความสามารถในการสร้างสรรค์ภาพถ่ายคุณภาพสูงภายใต้ระดับความไวแสงที่หลากหลายในกล้องนิคอนแบบฟูลเฟรมที่เล็กและเบาที่สุด เพื่อความสะดวกสบายในการพกพา แป้นกลไกควบคุมทำด้วยโลหะขนาดใหญ่ด้านบนของตัวกล้องช่วยให้การปรับตั้งค่าต่างๆ สะดวกรวดเร็ว ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์ภาพได้อย่างใจนึก ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการปรับตั้งค่าด้วยกลไกแบบปรับหมุนของนิคอน Df ช่วยให้ผู้ใช้มองเห็นการปรับตั้งค่าต่างๆ อย่างชัดเจน ได้แก่ ค่าความไวแสง ความไวชัตเตอร์ และค่าการชดเชยแสง จึงถ่ายภาพได้อย่างมั่นใจ รวมไปถึงความสามารถในการปรับเปลี่ยนค่าการทำงานต่างๆ ได้ตลอดเวลา แม้กล้องจะปิดอยู่ก็ตาม

 

นิคอน Df มาพร้อมกับเซ็นเซอร์รับภาพ FX-format CMOS (ความละเอียด 16.2 ล้านพิกเซล) และระบบประมวลผลภาพ EXPEED 3 เช่นเดียวกับที่ใช้ในกล้องนิคอน D4 ทำให้กล้องนิคอน Df สามารถสร้างสรรค์ภาพที่มีคุณภาพสูงภายใต้สภาวะแสงที่หลากหลาย รองรับระดับความไวแสงตั้งแต่ได้ ISO100 ไปจนถึง ISO12800 และยังสามารถรองรับช่วงขยายเพิ่มเติมตั้งแต่ ISO 50 ไปจนถึง ISO 204800 หากผู้ใช้ต้องการ กล้องนิคอน Df ช่วยให้ผู้ใช้หลุดพ้นจากข้อจำกัดเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นเวลา สถานที่ หรือสภาวะแสงแบบใด ก็ตอบสนองจินตนาการและเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สร้างสรรค์ภาพถ่ายได้อย่างอิสระ

 

ยิ่งไปกว่านั้น นิคอน Df ยังมาพร้อมกับเลนส์คิท AF-S NIKKOR 50 มม. f/1.8G (รุ่นพิเศษ) ที่ได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับการใช้งานกับกล้องนิคอน Df ซึ่งเป็นเลนส์ที่มีโครงสร้างพื้นฐานเช่นเดียวกับเลนส์ AF-S NIKKOR 50 มม. f/1.8G ซึ่งเป็นเลนส์ที่ยอมรับกันว่า มีประสิทธิภาพด้านชิ้นเลนส์สูงในขนาดกระทัดรัดน้ำหนักเบา โดยออกแบบภายนอกให้เข้ากันกับกล้องนิคอน Df โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นพื้นผิวลายหนังคุณภาพสูง วงแหวนโลหะอลูมิเนียมสีเงิน และวงแหวนปรับโฟกัสที่หมุนได้เช่นเดียวกับเลนส์แมนนวล นอกจากนี้โครงสร้างชิ้นเลนส์ยังประกอบด้วยชิ้นเลนส์แอสเพอริคัล ที่ช่วยให้ภาพคมชัดและฉากหลังเบลออย่างสวยงาม เลนส์ความไวแสงสูงที่มาในขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบาตัวนี้ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพหลากสไตล์ ทั้งยังสามารถทำงานร่วมกับกล้องนิคอน Df ได้อย่างชาญฉลาด

Df_SL_50_1.8_SE_top_600

ไม่เพียงเท่านี้ กล้องนิคอน Df ยังสามารถพับก้านวัดแสง (metering coupling lever) เพื่อรองรับการใช้งานร่วมกับเลนส์ non-AI ได้อีกด้วย ในขณะที่กล้องนิคอน Df ใช้เม้าท์นิคอน F ซึ่งเป็นเมาท์มาตรฐานเดียวกันตั้งแต่เริ่มผลิตกล้องนิคอน SLR ตัวแรก จึงสามารถใช้เลนส์ NIKKOR รุ่นก่อนๆ ร่วมกับกล้องรุ่นนี้ ช่วยตอบสนองจินตนาการในการสร้างสรรค์ภาพถ่ายได้อย่างหลากหลาย

 

กว่าจะมาเป็นนิคอน Df

Df_ambience_1

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตลาดกล้องดิจิตอลเอสแอลอาร์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นค่าความละเอียดพิกเซลที่สูงขึ้น ระบบการทำงานที่รวดเร็วยิ่งขึ้น และฟังก์ชั่นต่างๆ และเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างสรรค์ภาพถ่ายสวยงามได้อย่างใจนึกและตอบสนองความต้องการทางเทคนิค สถานการณ์และสภาวะต่าง ๆ การเติบโตของกล้องเอสแอลอาร์ที่มีลักษณะดังกล่าวช่วยให้ช่างภาพถ่ายภาพได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม กล้องนิคอน Df ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการและคุณค่าที่มากกว่า ไม่เพียงแต่กล้องนิคอน Df จะสามารถรังสรรค์ภาพถ่ายได้อย่างสวยงาม มีศิลปะ ทั้งยังตอบสนองการถ่ายภาพในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย พร้อมรูปลักษณ์ที่นอกจากจะทำให้ผู้ใช้พึงพอใจในความสวยงามของภาพถ่าย ยังจะสามารถเพลิดเพลินใจไปกับการถ่ายภาพอีกด้วย

 

กล้องนิคอน Df ได้รับการพัฒณาขึ้นมาบนพื้นฐานแนวความคิดในการผสานรูปลักษณ์ของกล้องที่มีการทำงานด้วยระบบกลไกแบบปรับหมุนเข้ากับความสามารถในการสร้างสรรค์ภาพถ่ายคุณภาพเยี่ยมระดับ D4 ในขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบา พกพาสะดวก คุณสมบัติอันยอดเยี่ยมเหล่านี้ที่จะปลุกเร้าจินตนาการของผู้ใช้ได้ถูกรวมไว้ในนิคอน Df ที่ได้รับการสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของนักถ่ายภาพในการเก็บภาพประทับใจในรูปแบบที่สร้างสรรค์ยิ่งขึ้น

 

คุณสมบัติพื้นฐานของกล้องนิคอน Df

Df_SL_50_1.8_SE_frttop_600
1. ระบบควบคุมแบบปรับหมุน ให้สุนทรียะในการสัมผัส พร้อมกับกลไกที่เที่ยงตรง การออก แบบที่ตอบสนองความพึงพอใจของผู้ใช้ และช่องมองภาพแบบออพติคอลของกล้องดิจิตอล เอส แอลอาร์
• กลไกการควบคุมการทำงานแบบแป้นหมุน การเลือกใช้และปรับเปลี่ยนการตั้งค่าต่างๆ บนกล้องนิคอน Df เป็นไปโดยง่ายดายและรวดเร็ว เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์ภาพถ่ายได้ตามใจปรารถนา ค่าความไวแสง ความไวชัตเตอร์ และค่าการชดเชยแสง จะปรับตั้งค่าด้วยการปรับหมุนแบบกลไก*ที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน จึงทำให้ผู้ใช้กล้องนิคอน Df หมดกังวลกับการปรับตั้งค่า และยังสามารถปรับค่าการทำงานต่างๆ ได้ตลอดเวลา แม้กล้องจะปิดอยู่ก็ตาม นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถปรับความไวชัตเตอร์แบบขั้นละเอียดได้โดยหมุนแป้นปรับความไวชัตเตอร์มาที่ “1/3 STEP” และควบคุมได้โดยใช้แป้นหมุนเลือกคำสั่งหลัก

*การปรับค่ารูรับแสงทำได้ผ่านวงล้อคำสั่งรอง (sub-command dial) ส่วนวงแหวนปรับรูรับแสงสามารถใช้งานได้ ยกเว้นเลนส์ G, E-Type และ PC-E

 

• การออกแบบที่เที่ยงตรงเพื่อความพึงพอใจของผู้ใช้ นิคอน Df ได้รับการออกแบบให้มีแป้นปรับหมุนแบบกลไกขนาดใหญ่ เพื่อรังสรรค์ความเพลิดเพลินในการถ่ายภาพด้วยกลไกอันเที่ยงตรง การออกแบบที่เต็มไปด้วยความละเอียดประณีตในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการวางโครงสร้างหรือการเลือกใช้วัสดุ ที่ทำให้นึกถึงกล้องนิคอนรุ่นดั้งเดิมที่มีความเที่ยงตรงสูง โครงสร้างตัวกล้องโลหะแมกนีเซียมอัลลอยส่วนด้านบน ด้านหลังและด้านล่าง ให้ผิวสัมผัสที่แข็งแกร่ง ในขณะที่พื้นผิวบริเวณมือจับมีการนำเอาวัสดุพื้นผิวลายหนังมาประกอบเพื่อสร้างสัมผัสเรียบหรู แต่ยังคงจับได้ถนัดพอเหมาะพอดี แป้นปรับหมุนโลหะแบบกลไก ได้ถูกแกะสลักค่าตัวเลขต่างๆ และลงสีเพื่อการยึดเกาะและใช้นิ้วปรับหมุนได้อย่างสะดวก ราบรื่น และเที่ยงตรงอีกด้วย
• ช่องมองภาพออพติคอลแบบปริซึ่มกระจกห้าเหลี่ยม ครอบคลุมการมองเห็นประมาณ 100 % เพื่อการแสดงภาพที่ชัดใส เห็นภาพแบบเรียลไทม์ ช่องมองภาพแบบออพติคอลของนิคอน Df ผลิตด้วยปริซึ่มกระจกห้าเหลี่ยม ครอบคลุมการมองเห็นประมาณ 100 % ด้วยช่องมองภาพขนาดใหญ่ และสว่างซึ่งเป็นคุณสมบัติของกล้องฟูลเฟรมและปริซึมแบบกระจก ช่วยให้ผู้ใช้สามารถวางเฟรมภาพได้อย่างแม่นยำ อัตราการขยายช่องมองภาพประมาณ 0.7 เท่า* ช่วยให้ผู้ใช้มองผ่านช่องมองภาพอย่างชัดเจน จอโฟกัส ใสสว่าง เพื่อความแม่นยำในการโฟกัสทั้งในโหมดแมนนวลโฟกัส และโหมดโฟกัสอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกแสดงเส้นตารางในช่องมองภาพเพื่อความสะดวกในการจัดองค์ประกอบภาพแนวนอน หรือแนวตั้งอีกด้วย

 

*เมื่อใช้กับเลนส์ 50 มม. f/1.4 ที่ระยะอนันต์, −1.0 m−1.

 

2. สร้างสรรค์ภาพถ่ายคุณภาพสูงระดับ D4 ด้วยเซ็นเซอร์รับภาพ FX-format CMOS ความละเอียด 16.2 ล้านพิกเซล และระบบประมวลผลภาพ EXPEED 3
นิคอน Df มาพร้อมกับเซ็นเซอร์รับภาพและระบบประมวลผลประสิทธิภาพสูงแบบเดียวกับกล้องนิคอน D4 ซึ่งทำให้กล้องนิคอน Df สามารถสร้างสรรค์ภาพที่มีคุณภาพสูงภายใต้ระดับความไวแสงที่หลากหลาย โดยรองรับระดับความไวแสงตั้งแต่ ISO100 ไปจนถึง ISO12800 และยังสามารถรองรับช่วงขยายเพิ่มเติมตั้งแต่ ISO 50 ไปจนถึง ISO 204800 เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อยและไม่มีขาตั้งกล้อง กล้องนิคอน Df จะใช้ความสามารถในการรองรับค่าความไวแสงสูงสำหรับการถ่ายโดยไม่ใช้ขาตั้งกล้อง โดยยังคงความคมชัด รายละเอียดภาพและสัญญาณรบกวนต่ำ และสีสันสดใส ยิ่งไปกว่านั้น กล้องนิคอน Df ยังสามารถสร้างภาพให้พื้นผิววัตถุมีมิติ ที่ความไวแสงต่ำ เช่น ISO 100 เพื่อช่วงไดนามิคที่กว้าง เมื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีแสงมาก กล้องนิคอน Df จะสามารถถ่ายทอดภาพถ่ายที่มีรายละเอียดคมชัด สีสันจัดจ้าน รวมไปถึงภาพถ่ายที่มีคอนทราสต์สวยงาม แสงเงานุ่มลึก ด้วยรูปลักษณ์ขนาดกระทัดรัดและความสามารถในการรองรับระดับความไวแสงที่หลากหลาย กล้องนิคอน Df ขยายขีดความสามารถในการถ่ายภาพของผู้ใช้ให้กว้างยิ่งขึ้นไปอีก

 

3. กล้องดิจิตอลเอสแอลอาร์แบบฟูลเฟรม ที่มีความแข็งแกร่งในรูปลักษณ์ ขนาดกระทัดรัด และน้ำหนักเบาที่สุดของนิคอน
กล้อง Df มีขนาดประมาณ 143.5 x 110.0 x 66.5 มม. (กว้างxสูงxหนา) และน้ำหนักเพียง 710 กรัม* จึงเป็นกล้องนิคอนแบบฟูลเฟรม ที่มีขนาดกระทัดรัดและเบาที่สุด บริเวณด้านบน ด้านหลังและด้านล่างของกล้องผลิตด้วยโลหะแมกนีเซียมอัลลอยทำให้กล้องมีน้ำหนักเบาและทนทาน พร้อมทั้งซีลยางเพื่อช่วยป้องกันฝุ่นและละอองน้ำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเช่นเดียวกับกล้อง D800 กล้องนิคอน Df เป็นกล้องที่เหมาะสำหรับการพกพาเป็นอย่างยิ่ง ด้วยขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบาที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพการทำงานเป็นเยี่ยม

 

*เฉพาะตัวกล้องเท่านั้น

 

4. ประสิทธิภาพการทำงานขั้นพื้นฐานที่ยอดเยี่ยมและเทคโนโลยีระดับสูงเพื่อการสร้างสรรค์ภาพถ่ายสมบูรณ์แบบ


กล้องนิคอน Df มาพร้อมกับการควบคุมการทำงานที่เรียบง่ายและอัดแน่นไปด้วยสามารถในการสร้างสรรค์ภาพถ่ายด้วยประสิทธิภาพการทำงานขั้นพื้นฐานที่ยอดเยี่ยมและฟังก์ชั่นระดับสูง ที่ตอบสนองความต้องการของช่างภาพทั่วไปที่ต้องการสร้างสรรค์ภาพถ่ายอย่างมีศิลปะ

 

• ระบบออโตโฟกัส 39 จุด
กล้องนิคอน Df ใช้เซ็นเซอร์ออโต้โฟกัส Multi-CAM4800 ซึ่งมีระบบออโตโฟกัส (AF) 39 จุดเพื่อการตรวจหาและติดตามวัตถุที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ เซ็นเซอร์แบบ cross-type จำนวน 9 จุดตรงกลางของกรอบภาพยังถูกนำมาใช้เพื่อให้สามารถตรวจหาวัตถุได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ จุดโฟกัสกึ่งกลาง (cross-type) จำนวน 7 จุดยังสามารถรองรับโฟกัสอัตโนมัติด้วยเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างสุด f/8 เมื่อใช้เลนส์ NIKKOR เทเลโฟโต้ที่มีรูรับแสงกว้างสุด f/4 พร้อมกับเทเลคอนเวอเตอร์ (2×) เทียบเท่ารูรับแสงกว้างสุด f/8

 

• ระบบ Scene Recognition System ทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์วัดแสง 2,016-pixel RGB
กล้องรุ่นนี้ยังมีการติดตั้งระบบ Scene Recognition System ซึ่งจะประมวลรายละเอียดด้านความสว่างและสีของซีนนั้นๆ ด้วยเซ็นเซอร์วัดแสง 2,016-pixel RGB และจะใช้ข้อมูลเหล่านั้นในการควบคุมระบบออโต้โฟกัสและการเปิดรับแสงอัตโนมัติ การควบคุมแฟลชอัตโนมัติ i-TTL ตลอดจนการปรับสมดุลแสงสีขาวอัตโนมัติได้อย่างแม่นยำอีกด้วย

 

• การตอบสนองที่ฉับไว
กล้องนิคอน Df มีการตอบสนองรวดเร็วฉับไว พร้อมใช้งานทันทีภายใน 0.14 วินาที1 หลังเปิดสวิทซ์ทำงาน และระยะเวลาหน่วงชัตเตอร์สั้นเพียง 0.052 วินาที1 ถ่ายภาพต่อเนื่องที่ความเร็วสูงสุด 5.5 ภาพต่อวินาที และรองรับการใช้งานร่วมกับเมมโมรี่การ์ดความเร็วสูงแบบ SDXC และ UHS-I2 รวมไปถึงเมมโมรี่การ์ดแบบ Eye-Fi ซึ่งช่วยให้การถ่ายโอนภาพถ่ายแบบไร้สายสะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น
1มาตรฐาน CIPA
2มาตรฐาน Interface

 

• ปุ่ม ช่วยให้เข้าถึงฟังก์ชันที่ใช้งานบ่อยได้รวดเร็ว
ปุ่ม ซึ่งอยู่ด้านล่างซ้ายของหน้าจอแสดงผล ช่วยให้เข้าถึงฟังก์ชั่นที่ใช้งานบ่อยได้ง่ายด้วยช่องมองภาพ และการถ่ายภาพแบบ Live View และการแสดงภาพ (playback) เพียงกดปุ่ม จะปรากฏหน้าจอตั้งค่าที่มีตัวเลือกสำหรับการตั้งค่าที่ต้องการ ช่วยให้เข้าถึงตัวเลือกสำหรับการตั้งค่าได้ทันที ขณะใช้งานโหมดถ่ายภาพปกติ การถ่ายภาพแบบ Live View รวมถึงเมนูรีทัชในโหมดแสดงภาพ

 

• หลากหลายฟังก์ชั่นในโหมด Live View
นอกจากจะมาพร้อมกับเส้นตารางแบบ 16 ช่องเหมือนที่มีในกล้องรุ่นก่อนๆแล้ว นิคอน Df ยังมาพร้อมกับตัวเลือกตารางแบบ 9 ช่อง และการแสดงผลแบบ 16:9 หรือ 1:1 บนจอแสดงผลในโหมด Live View นอกจากนี้ ยังมีระบบ Virtual horizon แสดงระดับการเอียงกล้องทั้งแนวตั้ง(ก้มหรือเงย) และแนวนอน (ซ้ายหรือขวา) และสเกลแสดงระดับการเอียงในช่องมองภาพ ฟังก์ชั่น Spot White Balance สำหรับการวัดค่าสมดุลแสงสีขาวได้อย่างแม่นยำขณะใช้งานถ่ายภาพแบบ Live View ช่วยลดความยุ่งยากในการเตรียมวัตถุอ้างอิง เช่น กระดาษเทากลาง รวมถึงการใช้เวลาในการวัด preset white balance ซึ่งอาจทำให้พลาดโอกาสในการถ่ายภาพ

 

• ประหยัดพลังงานทำให้ถ่ายภาพโดยไร้กังวล
การเลือกใช้ระบบประมวลผลคุณภาพสูง EXPEED 3 ซึ่งใช้พลังงานน้อย ช่วยลดการใช้พลังงานของตัวกล้อง เมื่องานร่วมกับแบตเตอรี่ขนาดเล็กกระทัดรัด น้ำหนักเบา Li-ion Battery EN-EL14a ที่ชาร์ตจนเต็ม สามารถถ่ายภาพนิ่งได้ประมาณ 1,400 ภาพ

 

*คำนวนจากมาตรฐาน CIPA

 

5. รองรับการใช้งานร่วมกับเลนส์ NIKKOR แบบ non-AI
นอกจากจะสามารถสร้างสรรค์ภาพถ่ายคุณภาพสูงจากการใช้งานร่วมกับเลนส์ NIKKOR รุ่นล่าสุดแล้ว กล้องนิคอน Df ยังเป็นกล้องดิจิตอลเอสแอลอาร์รุ่นแรกของนิคอนที่มาพร้อมกับความสามารถพับก้านวัดแสง (metering coupling lever) เพื่อรองรับการใช้งานร่วมกับเลนส์ non-AI ได้อีกด้วย

 

เมื่อค่าทางยาวโฟกัสและค่ารูรับแสงกว้างสุดของเลนส์ non-AI ถูกกำหนดในเมนู จะรองรับการวัดแสงโดยเมื่อปรับรูรับแสงที่กระบอกเลนส์ และหมุนวงล้องปรับตั้งค่ารูรับแสงกล้องให้ตรงกับค่าที่กระบอกเลนส์ กล้องจะคำนวณค่าการเปิดรับแสงที่ถูกต้อง (รองรับเฉพาะโหมดถ่ายภาพ [A] และ [M]) กล้องนิคอน Df มาพร้อมกับเมาท์ F ของนิคอนซึ่งเป็นเมาท์ที่ใช้ในกล้อง SLR ของนิคอนมาตั้งแต่รุ่นแรก การนำเอาเลนส์ NIKKOR รุ่นก่อนๆมาใช้ร่วมกับกล้องดิจิตอลที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ทำให้ผู้ใช้กล้องสามารถเพลิดเพลินกับการรังสรรค์จินตนาการในภาพถ่ายได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น

 

 

[Sneak Preview] Nikon DF กล้อง DSLR Full Frame ในดีไซน์ Retro ได้ใจฝุดๆ

เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 56 ที่ผ่านมา นิคอน ได้เผยโฉมกล้องดิจิตอลรุ่นใหม่ล่าสุด ที่เป็นกล้อง DSLR แบบ FullFrame  รุ่น Df ที่เน้นดีไซน์ย้อนยุคเหมือนกล้องฟิล์มรุ่น F3 ในสมัยก่อน (ยุคเจน Y จะรู้จักมั้ยนะ) ทำให้หลายคนหวนย้อนนึกถึงอดีตของความคลาสิกในการถ่ายภาพกล้องฟิล์มขึ้นมาทันที แต่วันนี้มันมาอยู่ในรูปแบบของกล้องดิจิตอลซึ่งจัดเต็มคุณภาพระดับเทพอีกด้วย ส่วนจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น วันนี้เรามีัแขกรับเชิญพิเศษ… น้า Thaksa ผู้ที่ฝากผลงานการทดสอบ รีวิว และสอนเทคนิคขั้นเทพ ในการถ่ายภาพ ให้กับสาวกนิคอนไว้มากมายบนบอร์ด Pantip มาทำหน้าที่เป็นผู้สื่อข่าวให้กับ OopsMobile ในงานนี้อีกด้วย แถมท้ายน้ายังตัดต่อวิดีโอฟีเจอร์เด็ดๆ ของ Nikon DF มาให้ดูแบบเข้าใจกันง่ายๆ อีกด้วย ลองติดตามกันได้เลยครับ

เริ่มต้นกันที่ความหมายของชื่อรุ่นนี้กันก่อนเลย โดย D ย่อมาจาก D Series ซึ่งหมายถึง Design ส่วน f คือ fusion คือการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว หรืออีกนัยหนึ่งคือ เป็นการนำดีไซน์ของกล้องฟิล์มรุ่น F3 มาทำเป็นกล้องดิจิตอลนั่นเอง

Nikon_Df_10

 

Nikon DF ถือเป็นกล้องนิคอนแบบฟูลเฟรมที่เล็กและเบาที่สุด ด้วยขนาดตัวกล้อง 143.5 x 110 x 66.5 มม. น้ำหนักเพียง 710 กรัม นอกจากนี้ยังมาพร้อมแป้นกลไกควบคุม ทำด้วยโลหะขนาดใหญ่ด้านบนของตัวกล้องช่วยให้การปรับตั้งค่าต่างๆ สะดวกรวดเร็ว

Nikon_Df_11

 

การปรับปุ่มฟังก์ชั่นต่างๆ ให้อารมณ์แบบกล้องฟิล์มในสมัยก่อน คลาสิคได้ใจจริงๆ ทั้งวงแหวนปรับความไวชัตเตอร์, วงล้อปรับรูรับแสง, ปุ่มปรับ ISO และชดเชยแสง นอกจากนี้กริปจับก็เป็นหนังจับแบบที่ช่างภาพสมัยก่อนคุ้นเคยกันดี

Nikon_Df_12

 

ส่วนของช่องมองภาพ เป็นแบบ Optic มองผ่านเลนส์ได้โดยตรง ให้มุมมอง 100%  โดยช่องมองจะมีแป้นเป็นวงกลม รองรับอัตราการขยายได้ 0.7x (เมื่อใส่เลนส์ 50mm)  ส่วนหน้าจอ LCD ขนาด 3.2 นิ้ว ความละเีอียด 921,000 จุด

Nikon_Df_13

 

มาพร้อมเซ็นเซอร์วัดแสง 2,016 pixel RGB และ Scene Recognition System และระบบโฟกัสอัตโนมัติ 39 จุด และ 7 จุด เมื่อใช้เลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างสุด f/8

Nikon_Df_14
ส่วนของอุปกรณ์เิสริมมีมาให้แบบจัดเต็ม

Nikon_Df_15

Nikon_Df_16

 

Nikon Df มาพร้อม เซนเซอร์ FX-format CMOS ความละเอียด 16.2 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์แบบ Full Frame (เซ็นเซอร์ขนาดเท่าฟิล์ม 35 มม.) และระบบประมวลผลภาพ EXPEED 3 เช่นเดียวกับกล้องรุ่นโปรอย่าง D4 เลยทีเดียว รองรับ ISO100 ไปจนถึง ISO12800 และยังสามารถรองรับช่วงขยายเพิ่มเติมตั้งแต่ ISO 50 ไปจนถึง ISO 204800 จะวางจำหน่ายปลายเดือน พฤศจิกายนนี้ ส่วนราคาเบื้องต้นอยู่ที่ $2,749.95 หรือประมาณ 86,000 บาท (เฉพาะบอดี้) *ราคาในเมืองไทยยังไม่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ

Nikon_Df_18

 

เอาล่ะครับมาดูภาพตัวเป็นๆ ของเจ้า Nikon Df กันเลย อยู่ในมือแล้วหล่อเลยทีเดียว

Nikon_Df_03

Nikon_Df_07

Nikon_Df_06

Nikon_Df_05

 

เปรียบเทียบ ขนาด D4 กับ Df

Nikon_Df_01

 

เทียบ เลนส์ 50 1.8G ยุคเก่า (ซ้าย) กับ ปัจจุบัน (ขวา)

Nikon_Df_02

 

บอดี้สีเงินสุดคลาสิค สังเกตปุ่มต่างๆ และกระโหลกที่ด้านบน เรโทรได้ใจจุงเบย

Nikon_Df_31

 

กริปจับหนัง สุดคลาสิค ปุ่มต่างๆ ด้านข้างเลนส์เมาท์ เป็นโลหะทั้งหมด

Nikon_Df_30

Nikon_Df_28
ปุ่มปรับโหมดต้องดึงขั้นเพื่อก่อนถึงจะปรับได้ ส่วนปุ่มปรับค่าอื่นๆ ต้องกดลงเพื่อปลดล็อคก่อนทุกครั้ง

Nikon_Df_33

 

จอ LCD แสดงสถานะ จะมีขนาดเล็กลงจากกล้องรุ่นอื่นๆ พร้อมไฟ Back Light เป็น สีขาว ไม่ใช่สีเขียวเหมือนรุ่นก่อนๆ

Nikon_Df_32
ปุ่มด้านหลังยังคงเตรียมมาให้ครบครันเหมือนอย่างเคย ใครที่เป็นสาวกอยู่แล้วก็ไม่ต้องเรียนรู้ใหม่มากนัก

Nikon_Df_20

 

ช่องเชื่อมต่ิอมีทั้ง USB, HDMI และ ช่องต่อรีโมทคอนโทรล มาให้ด้วย

Nikon_Df_23

 

ปุ่มวงแหวนทางด้านซ้ายไว้สำหรับปรับค่าชดเชยแสง และ ISO

Nikon_Df_22

 

ด้านขวาจะมีปุ่มปรับสปีดชัตเตอร์ ปุ่มชัตเตอร์ และปุ่มปรับโหมด P, S, A, M

Nikon_Df_21

 

ช่องใส่แบตฯ ใส่ SD Card อยู่ในช่องเดียวกัน

Nikon_Df_25

 

Specification Nikon Df

Spec_Nikon_DF_01

Spec_Nikon_DF_02

Spec_Nikon_DF_03

 

ชมคลิปวิดีโอจุดเด่นต่างๆ ของ Nikon Df

[youtube link=” http://youtu.be/Ow1AkRNN5dU” width=”590″ height=”315″]

 

จุดเด่น

• เป็นกล้องระดับ Full Frame ที่น้ำหนักเบาที่สุดของนิคอน

• ดีไซส์โดดเด่นในสไตล์คลาสิค

• ความละเอียด 16.2 ล้านพิกเซล เท่ากับ D4

• สามารถใช้เลนส์ตัวเก่าได้หมด

• ชุดประมวลผลภาพ Expeed 3 เท่ากับ D4

 

จุดด้อย

• ไม่รองรับการถ่ายวิดีโอ

• ไม่มีแฟลชในตัว

• ปุ่มวงแหวนควบคุมใช้ยาก ต้องปลดล็อคก่อนหมุนทุกครั้ง ส่วนปุ่มเปลี่ยนโหมด ก็ต้องดึงขึ้นมาถึงจะหมุนเปลี่ยนโหมดได้

• ให้สปีดชัตเตอร์มาน้อยไปนิดแค่ 1/4000
 
Many Thank : Thaksa
 

ลุ้น LG G2 กันฟรีๆ กับปฏิบัติเกรียน G2 Kids Mission

lg-g2-kids
มีข่าวดีมาบอกกันอีักแล้ว กับแคมเปญออนไลน์ล่าสุดจาก LG โดยงานนี้ลุ้นรับกันฟรีๆ ไปเลย กับสมาร์ทโฟนเรือธง LG G2 โดยกิจกรรมนี้มีชื่อว่า G2 Kids Mission ปฏิบัติเกรียนลอกเรียนแบบ เพียงเราชมคลิกจาก G2 Kid ทั้ง 3 คลิปจนจบ แล้วระบบ Vote จะเปิดให้เราทำการโหวต G2 Kid ที่เราประทับใจ จากนั้นใส่คอนเม้นต์โดนๆ ลงไป โดยคอมเม้นต์ไหนที่ได้รับการถูกใจจากผู้ร่วมกิจกรรมทั้งหมด จะได้รับรางวัลมือถือ LG G2 มูลค่า 19,900 บ. รวมทั้งหมด 3 รางวัล

 

ว่าแล้วก็รีบไปโหวตก่อนนะครับ ฟิ้วววววววว

 

ร่วมสนุกกันที่ http://www.lgg2thailand.com/g2kid/

 

[youtube link=”http://youtu.be/j13N4Y8gJMs” width=”590″ height=”315″]