ทรูมูฟ เอช เปิดแคมเปญ “หลงรักประเทศไทยกับทรูมูฟ เอช” ผ่าน H TRAVEL ชวนเที่ยวส่งท้ายปี ลุ้นรางวัลที่พักโรงแรมสุดหรูทุกสัปดาห์

For Press 1

 

ทรูมูฟ เอช นำโดย นางรุ่งฟ้า เกียรติพจน์ (ที่ 5 จากซ้าย) ผู้ช่วยบริหารงานกรรมการผู้จัดการใหญ่และผู้อำนวยการด้านบริหารแบรนด์และบริหารสื่อโฆษณา กลุ่มทรู บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดแคมเปญ “หลงรักประเทศไทยกับทรูมูฟ เอช” ชวนคนไทยถ่ายรูป และแชร์ภาพการท่องเที่ยวสุดประทับใจผ่านแอพพลิเคชั่น H Travel บนเครือข่าย 3G จากทรูมูฟ เอช เร็วแรงเต็มสปีดทุกเส้นทางทั่วไทย ผู้ที่สนใจทุกเครือข่าย สามารถดาวน์โหลด H Travel พร้อมร่วมสนุกสะสมระยะทาง ลุ้นรับรางวัลที่พักโรงแรมสุดหรูทุกสัปดาห์ และรางวัลพิเศษอีกมากมายรวมมูลค่าทั้งสิ้น 700,000 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 28 กุมภาพันธ์ 2557

 

ทั้งนี้ พนักงานของทรูมูฟ เอช ได้ร่วมจัดทำ QR Code ฟางยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย บนพื้นที่ 1 ไร่ ณ ฟาร์มโชคชัย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อเชิญชวนให้โหลดแอพพลิเคชั่น H TRAVEL ที่เป็นมากกว่าไกด์ส่วนตัว พาท่องเที่ยว 77 จังหวัด ทั้งสถานที่กิน เที่ยว ที่พัก ช้อป พร้อมสายด่วน เบอร์โทรฉุกเฉิน ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น H TRAVEL ได้จาก App Store หรือ Google Play ลงทะเบียนร่วมสนุกในแคมเปญ “หลงรักเมืองไทยกับทรูมูฟ เอช” ได้ที่ http://www.truemove-h.com/htravel
 
For Press 3

ZALORA Group ทุบสถิติการลงทุน 112 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดของตลาดอีแฟชั่นในตะวันออกเฉียงใต้

Zalora

ซาโลร่า ออนไลน์เว็บไซต์ชื่อดังทุบสถิติการลงทุนแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครั้งใหม่ ด้วยวงเงิน 112 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือว่าเป็นสถิติใหม่สำหรับการลงทุนในธุรกิจ e-fashion ที่จะเน้นย้ำถึงการพัฒนาเพื่อการเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด

 

เมื่อวันที่4 ธันวาคม 2013,ประเทศสิงคโปร์ กลุ่มบริษัทซาโลร่า ผู้นำทางด้านการช้อปปิ้งออนไลน์แห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับการลงทุนครั้งใหม่ด้วยวงเงิน 112 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 139 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งเงินทุนครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยทำในธุรกิจแฟชั่นออนไลน์แห่ง SEA ซึ่งมาจากกลุ่มนักลงทุนเอกชนในนาม Access Industries บริหารและจัดการเงินทุนโดย บริษัท บริหารสินทรัพย์ SCOPIA Capital Management LLC และนักลงทุนสถาบันจากอื่น ๆ อีกทั้งยังเป็นการทำลายสถิติของกลุ่มบริษัทซาโลร่าเองจากครั้งที่เคยลงทุนไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เป็นจำนวน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับรวมไปถึงบริษัทในเครืออย่าง ICONIC ผู้นำทางด้านแฟชั่นช้อปปิ้งออนไลน์แห่งออสเตรเลียด้วย

 
การลงทุนครั้งใหม่นี้ จึงเกิดขึ้นจากความมั่นใจของนักลงทุน ที่เล็งเห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดยั้ง นับตั้งแต่ปี 2012 ที่ซาโลร่าได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำทางด้านสินค้าแฟชั่นและความสวยความงามที่มีให้เลือกช้อปกว่า 130,000 ชิ้น หรือกว่า 500 อินเตอร์เนชั่นแนลแบรนด์

 
Jörg Mohaupt สมาชิกของคณะกรรมการซาโลร่า จาก Access Industries ได้กล่าวว่า “ประสบการณ์ในการบริหารจัดการกับทีมงานของซาโลร่าเองนั้น จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันให้บริษัทก้าวขึ้นสู่จุดหมายแห่งการเป็นออนไลน์แฟชั่นชั้นนำ ซึ่งเราเองก็มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จนั้น”

 
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อไม่นานมานี้ ซาโลร่าได้เปิดตัวแบรนด์ใหม่ในนาม EZRA ซึ่งเป็นแบรนด์ในเครือบริษัทซาโลร่าเอง ที่จะมุ่งสร้างความหลากหลายของสินค้าให้มากขึ้น ทั้งในส่วนของแฟชั่นและความสวยความงามครบรูปแบบ ทั้งนี้ บริษัทยังมุ่งสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าทั้ง 8 ประเทศในเครือ ด้วยตัวเลือกอันมากมายของสินค้า ทั้งแบรนด์เสื้อผ้าและเครื่องประดับแฟชั่นชั้นนำที่พร้อมจะส่งถึงมือลูกค้าภายในประเทศนั้นๆ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม

 
“การลงทุนจะยิ่งทำให้เรารั้งตำแหน่งความเป็นอันดับหนึ่งของผู้นำด้านการค้าแบบ e-commerce ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” Michele Ferrario กรรมการผู้จัดการแห่งกลุ่มบริษัทซาโลร่ากล่าว “เรามุ่งเน้นที่จะนำเสนอประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าเท่าที่เราจะทำได้ ด้วยสินค้าทั้งจากแบรนด์ภายในประเทศเอง และจากนานาชาติ เราจะใช้การลงทุนครั้งใหม่นี้ ผลักดันให้เราก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำสินค้าแฟชั่นแบบ Hi Street แห่งภูมิภาค ด้วยสินค้าที่มีความหลากหลาย ตลอดไปจนถึงแบรนด์ของเราเองด้วย ซึ่งจุดมุ่งหมายอันสูงสุดของเรานั่นคือ การให้บริการระดับเวิร์ลคลาส ซึ่งลูกค้าของเราจากทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะได้พบกับตัวเลือกอันหลากหลายที่คัดสรรมาอย่างดีโดยซาโลร่า”

 
Patrick Schmidt, CEO จากบริษัท ICONIC ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “กลุ่มบริษัทซาโลร่าและไอคอนิคได้เดินทางมาไกลมาก ซึ่งในออสเตรเลียเองนั้น เรามียอดสั่งสินค้าใกล้จะครบ 1,000,000 ชิ้น ทั้งแบรนด์จากภายในประเทศเองและจากนานาชาติ ซึ่งเราดำเนินการจัดส่งอย่างดีเยี่ยม เพียง 3 ชั่วโมงสินค้าจะถึงมือผู้รับทั่วซิดนีย์ และเราเชื่อว่า การลงทุนครั้งใหม่นี้ จะทำให้เราได้กลายเป็นศูนย์กลางแห่งการช้อปสินค้าแฟชั่นออนไลน์ อีกทั้งเรายังมุ่งเน้นในการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าให้มากที่สุด”

 
เชื่อได้ว่าการลงทุนครั้งใหม่นี้จะช่วยทำให้กลุ่มบริษัทซาโลร่าสามารถดำเนินการยกระดับการเจริญเติบโตได้อย่างมั่นคงยิ่งขึ้น เพื่อการเป็นอันดับหนึ่ง อันมีศักยภาพในการจัดส่งสินค้ากว่า 600 ล้านชิ้นทั่วภูมิภาค ทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.zalora.co.th/

 

Buzzebees แอพโซเซียล พรีวิเลจ เพลตฟอร์ม ต้นแบบความสำเร็จของบริษัท Start up ที่หันมาเลือกใช้ คลาวด์ เซอร์วิสจาก Windows Azure

Microsoft Thailand and Buzzebees

วันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งวันที่ได้รับข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับเรื่องของ Cloud Service ซึ่งทางไมโครซอฟต์ประเทศไทย ได้จัดแถลงข่าวกลุ่มย่อยให้กับสื่อมวลชนได้รู้จักกับ Windows Azure มากยิ่งขึ้น ซึ่งในงานนี้ก็ได้นางเอกจาก Buzzebees (บัซซี่บีส์) แอพพลิเคชั่นสะสมแต้มแลกของรางวัลจากการคลิกไลค์บน Facebook ที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วที่มีผู้ใช้งานกว่า 2 ล้านคน ภายในเวลา 1 ปี ที่นำทีมโดยคุณณัฐธิดา สงวนศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด มาแชร์ประสบการณ์ถึงเส้นทางความสำเร็จในครั้งนี้อีกด้วย

 

Buzzebees คืออะไร?
จากที่เกริ่นไว้แล้ว ว่าแอพ Buzzebees คืออะไร เรามาทำความรู้จักกับแอพตัวนี้ให้มากขึ้นอีกนิด โดยเจ้าแอพตัวนี้เป็นการผสมผสานระหว่างโซเชียลมีเดีย รอยัลตี้โปรแกรม และอีคอมเมิร์ช เข้าด้วยกัน ด้วยแนวคิดที่กระตุ้นให้ผู้ใช้ Facebook ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ได้เข้ามาทำกิจกรรมต่างๆ ผ่านแอพ Buzzebees ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์ แชร์ข้อความ รูปภาพ กด Like หรือแสดงความคิดเห็น รวมถึงการชวนเพื่อนเข้าร่วมกิจกรรมด้วย โดยผู้ใช้จะได้รับคะแนนเป็นการตอบแทน หลังจากนั้นจะสามารถนำคะแนนเหล่านี้ไปใช้เป็นส่วนลดในการซื้อสินค้า หรือใช้บริการ รวมถึงลุ้นรับของรางวัลได้ฟรีจากธุรกิจที่เข้าร่วม โดยรองรับทั้ง Android และ iOS หรือจะเข้าผ่านหน้าเว็บไซต์ www.buzzebees.com ก็ได้ ส่วนแอพบน Windows Phone จะเปิดให้บริการประมาณ ต้นปีหน้า

buzzebees

นอกจากที่จะทำแอพของตัวเองด้วยแล้ว Buzzebees ยังได้รับทำแอพให้กับองค์กรต่างๆ อีกด้วย โดยใช้แพลตฟอร์มของแอพตัวเองเป็นต้นแบบ ไม่ว่าจะเป็น AIS Privilege, Samsung Galaxy Gift, Galaxy Social Plus, Kimheng Gold และล่าสุดอย่าง SingTel จากสิงคโปร์ก็หันมาใช้แพลตฟอร์มนี้ในการเพิ่มมูลค่าให้บริการของธุรกิจตัวเองอีกด้วย

 

เส้นทางสู่ความสำเร็จ

Nattida Sanguansin - Buzzebees. Co. Ltd.
คุณณัฐธิดา เล่าให้ฟังว่า จากที่เริ่มทำแอพ Buzzebees ที่เป็นแพลตฟอร์มต้นแบบของโซเีชียล พริวิเลจ เราได้ตั้งเป้าหมายแต่แรกว่าจะต้องก้าวไปยังต่างประเทศให้ได้ ดังนั้นจึงต้องหาพาร์ทเนอร์ที่เป็นบริษัทใหญ่ระดับโลกให้ได้ โดยเราได้ลองเข้าไปนำเสนอโซลูชั่นนี้ให้กับทาง Samsung ซึ่งถือเป็นจังหวะที่พอดีมากที่ทางซัมซุงกำลังอยากทำแคมเปญมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าพอดี เราจึงได้มีโอกาสร่วมงานกับทางซัมซุงโดยรับทำแอพ Samsung Galaxy Gift ที่มีแคมเปญให้ลูกค้าซัมซุงจองตัวคู่กรรมผ่านแอพได้ฟรี ทำให้ขณะนั้นมีคนจองตั๋วเข้ามากว่า 20,000 คน ภายใน 1 วินาที ซึ่งถือว่ามี Hit Rate ที่สูงมาก ทำให้แคมเปญนี้ประสบความสำเร็จมากๆ เลยทีเดียว

 

ซึ่งการจะทำให้ระบบรองรับการใช้งานสูงๆ ในเวลาเดียวกันได้นั้นจะต้องมีระบบที่มีเสถียรภาพมาก โดยเราเลือกใช้ระบบ Cloud Service ของ Microsoft Windows Azure ซึ่งช่วยในการประหยัดต้นทุนโดยที่จะไม่ต้องลงทุนระบบ Server หรือโครงสร้างพื้นฐา่นด้านไอทีเองทั้งหมด ซึ่งถือเป็นทางออกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจ Start Up ต่างๆ ที่กำลังเติบโตอยู่ในขณะนี้

 

หากถามว่าทำไมถึงเลือกใช้บริการคลาวด์เซอร์วิสจาก Windows Azure ต้องบอกว่าเรามองถึงการขยายตลาดในต่างประเทศเป็นสำคัญ ดังนั้นจึงเหลือผู้ให้บริการเพียง 2 เจ้า คือ Microsoft Windows Azure และ Amazon Web Service ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบความต้องการทางเทคนิคที่เหมือนกัน ปริมาณโหลดเท่ากัน และความง่ายในการใช้งาน Windows Azure นั้นใช้งานได้ง่ายกว่า ช่วยให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญ การเลือกเป็นไลเซ่นส์ Enterprise Agreement (EA) นั้นมีความคุ้มค่ามาก ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง จึงทำให้ตัดสินใจได้ทันที

 

อนาคตจะเป็นอย่างไร?
Buzzebees ยังมีแผนที่จะขยายไปยังกลุ่มผู้ใช้ในโซเชียลมีเดียแำพลตฟอร์มอื่นๆ และการเติบโตของตลาดภายในประเทศ ทั้งจำนวนสมาชิก จำนวนธุรกิจที่จะใช้บริการ Privilege CRM Application และจำนวนธุรกิจที่จะเข้ามาร่วมในส่วน E-Commerce ที่มีโอกาสเพิ่มขึ้นอีกมากจากตลาดต่างประเทศ

 

นอกจากนี้ยังมีการต่อยอดเป็นแอพ adBuzz เืพื่อนำยอดสมาชิกกว่า 2 ล้านคน มาต่อยอดทางธุรกิจ โดยเฉพาะในวงการสื่อและโฆษณา ซึ่งประยุกต์หลักการคล้ายๆ กัน คือสมาชิกที่ชมโฆษณา จะได้คะแนนสะสมเพื่อแลกของรางงวัล หรือรับสินค้าตัวอย่าง ซึ่งเปิดให้ดาวน์โหลดได้แล้ว

 

สรุปข้อมูลที่น่าสนใจของ Windows Azure ตั้งแต่เปิดตัวในปี 2553

 

• ในแต่ละวัน มีลูกค้ากว่า 1,000 ราย ลงทะเบียนใช้งาน Windows Azure
• ปัจจุบัน มีลูกค้ากว่า 200,000 ราย ใช้ Windows Azure
• สำหรับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก Windows Azure (ซึ่งรวม IaaS บริการด้านโครงสร้างพื้นฐาน Infrastructure as a Service) และ PaaS (บริการด้านแพลตฟอร์ม Platform as a Service) เติบโตถึง 3 เท่า ซึ่งเร็วกว่าอัตราการเติบโตของตลาดโดยรวม
• ไอดีซี ได้คาดการณ์ตัวเลขการใช้บริการคลาวด์สาธารณะ (Public Cloud) สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น) ในปี 2556 ไว้ที่ 5,300 ล้านเหรียญสหรัฐ และจะเพิ่มขึ้นเป็น 14,900 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2560
• คาดว่าธุรกิจ IaaS (Infrastructure as a service) และ PaaS (Platform as a service) จะเติบโต 25 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2560 สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น)
• สำหรับในประเทศไทย ปัจจุบันมีลูกค้าที่หันมาใช้บริการ Windows Azure แล้ว 800 ราย โดยมีรายได้เติบโตสูงถึง 400 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ธุรกิจในประเทศไทยที่ใช้ Windows Azure อาทิ
บริษัท อุ๊คบี จำกัด ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มธุรกิจสิ่งพิมพ์ดิจิตอลบนโปรแกรมที่ชื่อ อุ๊คบี (Ookbee) บนระบบคลาวด์ วินโดว์ อาชัวร์ จนเติบโตเป็นร้าน E-bookstore ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
บริษัท Semantic Touch ผู้ให้บริการด้านเครื่องมือการทำตลาดด้าน อี-คอมเมิร์ซ บนโซเชียล เน๊ตเวิร์ค อย่าง เฟซบุ๊ค ที่ชื่อ BentoWeb
บริษัท Computerlogy สตาร์ทอัพที่ดำเนินธุรกิจด้านการให้บริการ Social Media Management Tool ซึ่งเป็นบริษัทรายแรกและรายเดียวในเมืองไทยที่เป็น Facebook Preferred Marketing Developer ปัจจุบัน Computerlogy ได้ประกาศเข้าร่วมทุนและได้รับการสนับสนุน จากโครงการ InVent ของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ INTOUCH อย่างเป็นทางการในวงเงิน 29 ล้านบาท
บริษัท บิลค์ ดอทคอม (Builk.com) ดำเนินธุรกิจให้บริการระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) บนเว็บเบสที่ใช้งานง่าย สำหรับผู้รับเหมาก่อสร้างรายย่อยถึงขนาดกลาง เพื่อให้ลูกค้าใช้งานแอ็พพลิเคชั่นของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพรวดเร็วและเข้าใจง่าย
บริษัท Ecartstudio จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาและให้คำปรึกษาทางด้านระบบ Web-Based Application และระบบ Enterprise Location-Based Application แบบครบวงจร
เว็บไซต์ Thaicreate.com ชุมชนออนไลน์ของนักพัฒนาแอพลิเคชั่นที่ใหญ่ที่สุดในไทย

สัมผัมแรก Nokia Lumia 1520 แฟบเล็ตตัวแรกของโนเกีย

และแล้ว Nokia Lumia 1520 แฟบเล็ตเครื่องแรกของโนเกีย ก็เปิดตัวในเมืองไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวันเสาร์ที่ 30 พ.ย. 56 ที่ผ่านมา OopsMobile ได้รับเชิญให้เข้าร่วมกิจกรรม Workshop กับ Nokia Lumia 1520 ณ ตลาดน้ำขวัญเรียม และร้านอาหาร Chocolate Ville โดยงานนี้มีภารกิจให้ได้ลองเล่นแอพใหม่ๆ หลายตัวเลยทีเดียว ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาดูกันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง แต่ก่อนอื่นขอเล่าในส่วนไฮไลต์สำคัญของเข้า Lumia 1520 กันก่อนนะครับ

 

สเปกหลักของ Lumia 1520 มาพร้อมหน้าจอ 6 นิ้ว แบบ IPS LCD, รองรับระบบ 4G LTE, กล้อง 20 ล้านพิกเซล เทคโนโลยี Pureview แบบ Lumia 1020, ซีพียู Quad core Snapdragon 800 2.2 GHz พร้อมแรม 2 GB, หน่วยความจำในตัวเครื่อง 32 GB และสามารถเพิ่ม Micro SD ได้ถึง 64 GB

Lumia1520-Workshop-01

 

ระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 Nokia Black ซอฟต์แวร์ล่าสุดจากโนเกีย พร้อมไทล์วางได้ 3 คอลัมน์

Lumia1520-Workshop-02

 

หน้าจอแบบ Full HD ขนาด 6 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยี Clear Black สู้ท้าแดดได้สบาย สว่างคมชัดเวลาใช้งานกลางแจ้ง จากในพรีเซนต์มีการเปรียบเทียบกับ iPhone (น่าจะเป็น iPhone 5s) และ Samsung (น่าจะเป็น Note3) ให้เห็นถึงรายละเอียดของภาพ สังเกตได้ว่า Lumia 1520 จะแสดงรายละเอียดในส่วนของภาพในที่มืดได้ดีกว่า

Lumia1520-Workshop-03

 

ส่วนของการบันทึกวิดีโอ ได้ใส่ไมค์มาให้ถึง 4 ตัวเพื่อบันทึกเสียงได้แบบรอบทิศทาง

Lumia1520-Workshop-04

 

ถือเป็นข่าวดีสำหรับสาวกโนเกีย ที่วันนี้มีแอพพลิเคชั่นบน Windows Phone กว่า 190,000 แอพ แล้วนะครับ

Lumia1520-Workshop-05

 

เอาล่ะครับ เริ่มสัมผัสตัวเป็นๆ กับ Lumia 1520 กันเลยดีกว่า โดยตัวบอดี้จะมีทั้งหมด 4 สีให้เลือก คือ ขาว, ดำ, เหลือง และแดง โดยสีแดงจะใช้ผิวแบบกลอสซี่มันวาวอยู่เพียงตัวเดียว นอกนั้นเป็นผิวแบบเนื้อด้านทั้งหมด

Lumia1520-Workshop-08

 

ขนาดตัวเครื่องถือว่าออกแบบให้ขอบบางไม่กว้างจนเกินไป ขนาดผมมือเล็กยังถือได้สะดวกดีครับ ส่วนเวลาพิมพ์ ก็ง่ายขึ้นเพราะหน้าจอใหญ่ทำให้แป้นคีย์บอร์ดใหญ่ตาม ส่วนตัวไอคอนที่หน้าโฮมหรือที่เรียกว่าไทล์นั้น สามารถวางได้ถึง 3 คอลัมน์ ทำให้มีพื้นที่ในการวางไทล์ได้เยอะขึ้น บวกกับหน้าจอที่ยาวเข้าไปอีก จึงทำใ้ห้ขยายไทล์ของแอพต่างได้กว้างขึ้นเพื่อดูข้อมูลที่ฟีดเข้ามาได้ครบทุกโซเชียลแอพที่ใช้ประจำวัน โดยเฉพาะ Facebook, Twitter และล่าสุด Instagram ที่เพิ่งรองรับได้ไม่นาน

Lumia1520-Workshop-09

 

พอร์ต micro USB สำหรับชาร์จ และเชื่อมต่อข้อมูล ถูกวางไว้ท้ายตัวเครื่อง

Lumia1520-Workshop-10

 

ปุ่มควบคุมมาตรฐาน จัดวางอยู่ด้านขวาของตัวเครื่องเช่นเดิม มีปุ่มโวลุ่ม, เปิด-ปิด/พักหน้าจอ, ปุ่มชัตเตอร์

Lumia1520-Workshop-11

 

ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. อยู่ด้านบนตรงกลางของตัวเครื่องเลย ส่วนเลนส์ของตัวกล้องจะไม่หนาเท่ากับ Lumia 1020 แล้ว เนื่องจากความละเอียดที่รองลงมาเป็น 20 ล้านพิกเซล แต่ยังมาพร้อมเทคโนโลยี Oversampling และระบบซูมแบบ Lossless 2 เท่า รวมถึงระบบลดภาพสั่นไหว OIS ที่ชุดเลนส์ แฟลช LED 2 ดวงคู่

Lumia1520-Workshop-13

 

ถาดใส่ซิมและ MicroSD แบบใช้เข็มจิ้ม เพราะตัวบอดี้ถอดฝาหลังไม่ได้นะครับ หรือที่เรียกว่าแบบยูนิบอดี้นั่นเอง โดยวัสดุเป็นโพลีคาบอเนต ทำให้แข็งแรงทนทานแต่น้ำหนักเบา โดยน้ำหนักอยู่ที่ 209 กรัม

Lumia1520-Workshop-12

 

ฟีเจอร์กล้องได้ปรับปรุงใหม่ให้กลายเป็นแอพ Nokia Camera โดยรวมแอพ Nokia Pro Camera และ Nokia Smart Camera เข้าไว้ด้วยกัน เพียงสไลด์สลับโหมดตรงปุ่มชัตเตอร์

Lumia1520-Workshop-14

 

โหมดบันทึกภาพจะใีห้เลือก 3 รูปแบบ คือ JPEG ขนาด 5MP อย่างเดียว, JPEG ขนาด 5 MP และ 16 MP, JPEG ขนาด 5  MP และไฟล์ RAW ขนาด 16 MP (DNG)

Lumia1520-Workshop-15

 

แอพ Refocus ให้เราถ่ายภาพก่อนแล้วเลือกจุดโฟกัสทีหลังได้ ที่สำคัญเมื่อแชร์ลิงค์ภาพจากแอพดังกล่าว ไปยัง Facebook หรือโซเชียลต่างๆ เพื่อนของเราก็สามารถแตะบนภาพเพื่อเลือกจุดโฟกัสได้อีกด้วย

Lumia1520-Workshop-16

ลองเข้าไปเล่นกันได้ครับที่ลิงค์นี้ https://refocus.nokia.com/refocus/YsV3nqadNd6Q0FWF/image

 

แอพ So Zoom ของเล่นใหม่ที่สามารถโหลดมาใช้กับ Lumia 1020 และ Lumia 1520 ได้ โดยจะเป็นการดึงความสามารถของเซนเซอร์ที่มีความละเอียดสูง เพื่อซูมภาพในจุดที่ต้องการโดยสามารถมองเห็นรายละเอียดที่ชัดเจนแม้วัตถุจะอยู่ไกลมากก็ตาม โดยสามารถทำบอลลูนซูมเข้าไปหลายๆ จุดก็ได้ แต่เสียดายที่ผมลืมทำตัวอย่างมาให้ดูกัน ซึ่งถือเป็นลูกเล่นที่สนุกอีกตัวหนึ่งเลยครับ แต่แอพตัวนี้ไม่ฟรีนะครับ

Lumia1520-Workshop-17

 

Lumia1520-Workshop-18

 

 

ชมไฟล์ภาพถ่ายจาก Lumia 1520 (JPEG 5 MP) คลิกเพื่อซูม

WP_20131130_17_08_37_Raw WP_20131130_14_54_22_Pro

WP_20131130_16_31_47_Refocus  WP_20131130_13_41_18_Pro

WP_20131130_13_03_21_Refocus WP_20131130_16_28_14_Refocus

WP_20131130_17_28_17_Refocus WP_20131130_17_33_16_Pro WP_20131130_17_30_55_Pro

 

Lumia 1520 จำหน่ายในราคา 22,900 บาท โดยเปิดจองแล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 5 ธ.ค. 56 ที่โนเกียช็อป ทุกสาขา โดยใครที่จองในช่วงนี้จะได้รับของแถม Flip Case และ Power Bank โนเกีย มูลค่ารวม 2,080 บาท ซึ่งผู้ที่สั่งจองจะได้รับเครื่องประมาณวันที่ 10 ธ.ค. 56 และวางจำหน่ายทั่วประเทศประมาณปลายเดีอน ธันวาคม ปีนี้

NokiaLumia1520-Bandit-Preorder-1500x1500-2-jpg

ดีแทคส่งแคมเปญวันพ่อสุดน่ารัก “Love dad” เป็นปีที่ 2 ชวนลูกบอกรักพ่อ โทรฟรี 30 นาทีทั้งดีแทคและแฮปปี้

Resize of IMG_0500

 

บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค จัดแคมเปญสุดน่ารัก “love dad” ฉลองวันพ่อปีนี้ ชวนลูกค้าทั้งดีแทคและแฮปปี้โทรบอกรักพ่อดังๆ ฟรี 30 นาที ในวันที่ 5 ธันวาคม 2556 (เฉพาะเบอร์ดีแทค) ซึ่งจะทำให้ลูกได้บอกรักพ่อกับวันที่สุดแสนพิเศษ ง่ายๆเพียงกดรับสิทธิ์โทร *5000# จำกัด 1 เบอร์ต่อ 1 สิทธิ์ สามารถกดรับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 5 ธันวาคมนี้และสามารถใช้สิทธิ์โทรฟรีได้จนถึงเที่ยงคืนของวันที่ 5 ธันวาคม 2556 ทั้งลูกค้าดีแทคและแฮปปี้สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.dtac.co.th

ติดตั้งแอพจาก Play Store ลงใน Galaxy Gear ด้วย Wondershare Mobile Go ลงหนัง ลงเพลงก็ทำได้

ตามปกติ การติดตั้งแอพพลิเคชั่นลงใน Galaxy Gear จะต้องอาศัยแอพ Gear Manager ที่ตั้ดตั้งอยู่บน Galaxy Note 3 เป็นตัวกลางในการจัดการ ซึ่งแอพพลิเคชั่นที่ซัมซุงเตรียมมาให้สำหรับ Galaxy Gear อาจจะไม่เยอะมานึก ดังนั้นในเมื่อเจ้านาฬิกาอัจฉริยะตัวนี้ ก็รันบนระบบปฏิบัติการ Android เช่นเดียวกัน จึงทำให้ผมสงสัยว่ามันจะสามารถติดตั้งแอพอื่นๆ จาก Play Store ได้หรือไม่

 

และแล้วผมก็ค้นพบกับคำตอบแล้วล่ะครับ ซึ่งแน่นอนว่าติดตั้งได้ แต่จะต้องใช้ซอฟต์แวร์บนคอมฯ มาช่วยในการจัดการ เนื่องจากข้อจำกัดของ Galaxy Gear ที่ไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ในตัว ดังนั้นจึงต้องใช้ซอฟตแวร์ที่ชื่อว่า Wondershare Mobile Go เพื่อติดตั้งผ่านสาย USB ลงใน Galaxy Gear แทน แต่ปัญหาคือ Galaxy Gear ไม่ได้มีสาย USB มาใ้ห้ ส่วนสาย USB ของ Galaxy Note 3 ก็ดันเป็นแบบ USB 3.0 อีก ดังนั้นอาจจะต้องยืมสาย USB จากรุ่นอื่นที่เป็นพอร์ต Micro USB มาใช้งานก่อน เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้ิอมแล้ว ก็มาเริ่มติดตั้งแอพจาก Play Store ลงใน Galaxy Gear กันเลยดีกว่า

 

ติดตั้งแอพลงใน Galaxy Gear

ก่อนนำ Galaxy Gear มาเชื่อมต่อ ให้ตั้งค่าเพื่อรองรับ Debugging Mode เสียก่อน โดยไปที่ Settings > Gear info > USB debug

Install-app-gear-11

 

เริ่มต้นด้วยการเชื่อมต่อ Galaxy Gear เข้ากับคอมพิวเตอร์เสียก่อน โดยถ้าเครื่องหา Driver ของ Galaxy Gear เจอ ก็โชคดีไป แต่ถ้าไม่เจอให้ไปโหลดไดรเวอร์มาติดตั้งก่อนนะครับ คลิกดาวน์โหลด Driver เมื่อเครื่องคอมฯ มองเห็น Gear แล้ว โปรแกรม Wondershare Mobile Go ก็จะเชื่อมต่อกับ Gear โดยอัตโนมัติ ที่ Galaxy Gear จะมีป็อปอัพขึ้นมาให้แตะ OK เพื่อเชื่อมต่อสู่ Debugging Mode

Install-app-gear-12

 

Install-app-gear-01

 

เมื่อเชื่อมต่อแล้วจะมีกรอบป็อปอัพขึ้นมาให้คลิกปุ่ม Manage

Install-app-gear-02

 

รอซิงค์แป็บนึง
Install-app-gear-03

 

จะเข้าสู่หน้าจอการจัดการส่วนต่างๆ บน Galaxy Gear

Install-app-gear-04

 

คลิกที่ Apps แล้วคลิกที่ปุ่ม Install

Install-app-gear-05

 

เลือกไฟล์ .apk ซึ่งเป็นไฟล์ติดตั้งแอพพลิเคชั่นของ Android โดยก่อนหน้านี้ผมได้ทำการ Export ดึงไฟล์ .apk จากแอพฯ ต่างใน Note 3 เอาไว้ก่อนแล้ว (ดูวิธี Export ไฟล์ .apk ในหัวข้อถัดไป) สามารถเลือกทีละหลายๆ ไฟล์เพื่อติดตั้งทีเดียวเลยก็ได้

Install-app-gear-07

 

[วิธี Export ไฟล์ .apk] ให้คลิกปุ่ม Export บนแอพที่ต้องการ เพื่อแบ็กอัพเป็นไฟล์ .apk เก็บไว้ติดตั้งกับเครื่องอื่นๆ ได้ สำหรับใครที่มีไฟล์ .apk อยู่แล้วก็ข้ามขึ้นตอนนี้ไปได้เลย

Install-app-gear-06

 

ระบบจะแสดงการติดตั้งขึ้นมาทันที ในที่นี้ลองติดตั้งแอพ ES File Explorer เพียงเท่านี้ก็สามารถติดตั้งแอพลงบน Galaxy Gear ได้แล้ว

Install-app-gear-08

 

นอกจากนี้ยังสามารถโอนไฟล์หนัง หรือเพลง ลงใน Galaxy Gear ได้อีกด้วย โดยคลิกไปที่ Files แล้วเลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการจากนั้นก็ลากไฟล์หนังหรือเพลง ก็อปปี้ลงในโฟลเดอร์นั้นได้เลย

Install-app-gear-09

 

ทดลองเล่นไฟล์วิดีโอที่ก็อปปี้ลงไป ด้วยแอพ ES File Explorer ก็สามารถเปิดดูไฟล์ใน Galaxy Gear และเล่นไฟล์วิดีโอคลิปได้ทันที

Install-app-gear-13

 

สำหรับแอพอย่างพวก Instagram, Facebook, Tumblr ได้ลองติดตั้งดูแล้ว ก็สามารถลงผ่านนะครับ แต่ตอนเปิดรันขึ้นมาจะติดตรงหน้าล็อกอิน ซึ่งไม่สามารถล็อกอินได้เนื่องจากไม่มีคีย์บอร์ดให้พิมพ์ แต่ถ้าเป็นแอพที่ไม่ต้องล็อกอินอะไร ก็สามารถใช้งานได้ แต่อาจจะมีบางฟังก์ชั่นที่ไม่สมบูรณ์ อย่างเกม Candy Crush Saga เมื่อลองเล่นปรากฏว่าข้อความไม่ขึ้น กราฟฟิกเละ ก็ลองมั่วจนเข้าไปถึงหน้าเกม ปรากฎว่าไม่สามารถแสดงผลให้เราเล่นได้

Install-app-gear-14

 

ฉะนั้นต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า Galaxy Gear ไม่ได้ออกแบบมาให้เล่นแอพพลิเคชั่นได้แบบเต็มฟังก์ชั่นเหมือนบนมือถือ หน้าที่หลักของมันคือการแจ้งเตือนและดูข้อมูลสั้นๆ เท่านั้น แต่หากใครลงแอพตัวไหนแล้วใช้ได้ดี ก็แนะนำกันมาบ้างนะครับ…

 

ดีแทคจับมือ Founder Institute ผู้สร้างเครือข่ายสตาร์ทอัพระดับโลก ร่วมปั้นฝันผู้ประกอบการมืออาชีพหน้าใหม่ ครั้งแรกในเมืองไทย สู่ธุรกิจยุคดิจิตอล

IMG_1415
 
ดีแทค ร่วมกับ Founder Institute ผู้รังสรรค์เครือข่ายของสตาร์ทอัพหรือผู้ประกอบการหน้าใหม่ระดับโลกที่ประสบความสำเร็จในการก่อตั้งบริษัท มาแล้วใน 42 เมืองทั่วโลก
จัดคอร์สการเรียนรู้สู่การเป็นสตาร์ทอัพอย่างมืออาชีพ เพื่อเดินหน้าสานต่อเส้นทางของการก้าวสู่บริษัทผู้นำทางด้าน โมบายล์ อินเทอร์เน็ต ตอกย้ำวิสัยทัศน์ เอ็มพาวเวอร์ โซไซตี้ (Empower Society) ที่ดีแทคช่วยผลักดันให้เกิดสังคมของการสื่อสารด้วยระบบดิจิตอล ช่วยให้สังคมโดยรวมมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในอนาคต โดยดีแทคมุ่งมั่นที่จะสร้าง โครงข่ายพื้นฐานที่สำคัญ บริการและสินค้าใหม่ๆ ที่จะช่วยเปลี่ยนแปลง และพัฒนาการสื่อสารให้ดียิ่งขึ้น ไปพร้อมๆกับกลยุทธ์ Internet For All สร้างโอกาสการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของคนไทยอย่างเท่าเทียมกัน ทุกพื้นที่ทั่วไทย
 
ข้อมูลจาก Nielsen ระบุว่า ศักยภาพของไทยตอนนี้มีสูงกว่าอินโดนิเซียทั้ง 2 ด้านอย่างชัดเจน โดยเฉพาะด้านธุรกิจบนโมบายล์ 80% ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในไทยเป็นคนซื้อของบนโลกออนไลน์ด้วย และคาดว่าจะมีรายได้ที่เกิดขึ้นบนโลก e-commerce ในสิ้นปี 2555 นี้กว่า 73,000 ล้านบาท หรือเทียบได้เป็น 5% ของรายได้ทั้งหมดในประเทศ มีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในไทยกว่า 24 ล้านคน และ 19 ล้านคนเป็นผู้ใช้งานบนโมบายล์

 

สตาร์ทอัพที่เป็นคนไทยเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น Builk ที่ชนะงาน Echelon 2012 ประเทศไทยคือตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยปริมาณประชากรประมาณ 70 ล้านคน อัตราการครอบครองแท็บเล็ตจากปี 2011 จนถึงปัจจุบันสูงขึ้น 300%
นอกจากนี้ ADMA ยังระบุอีกว่า 75% ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในไทย อายุอยู่ระหว่าง 15-19 ปี นั่นหมายถึงมีอัตราการเติบโตที่เพิ่มสูงขึ้นได้อีกมาก นักพัฒนาของไทยเริ่มเป็นที่รู้จัก และสร้างชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ ในเวทีระดับโลก

 

นายซิกวาร์ท โวส เอริคเซน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า ดีแทคมีความมุ่งมั่น ที่จะส่งเสริมธุรกิจมือถือเข้าสู่โมบายอินเทอร์เน็ตและแอพพลิเคชั่น ที่ช่วยสร้าง mobile internet ecosystem ให้เติบโตอย่างสมบูรณ์แบบในไทย โดยที่ผ่านมาได้คว้าเอาพันธมิตรผู้นำสำคัญๆทางด้าน อินเทอร์เนต โซเชียลเน็ตเวิร์ค บริษัทและสถาบันที่เกี่ยวกับสตาร์ทอัพระดับโลกจากซิลิคอนวัลเล่ย์ เข้ามาร่วมจัดกิจกรรมสำคัญๆ หลายโครงการ เช่น dtac Accelerate การจัดกิจกรรมเวิร์คช้อปกับสตาร์ทอัพระดับโลก เพื่อเป็นเวทีให้กับนักพัฒนาคนไทยรุ่นใหม่ ได้แจ้งเกิดในเส้นทาง การเป็นนักพัฒนา และผู้ประกอบการทางด้านเทคโนโลยี ที่สามารถแข่งขันได้ในระดับนานาชาติ และประสบความสำเร็จสร้างอาชีพใหม่ได้อย่างอย่างยั่งยืน
และวันนี้ก็นับเป็นก้าวที่สำคัญอีกครั้งหนึ่งของดีแทคที่ได้ประกาศความร่วมมือเป็น strategic partner กับ Founder Institute หรือ FI ผู้รังสรรค์เครือข่ายของสตาร์ทอัพหรือผู้ประกอบการหน้าใหม่ระดับโลก ที่มีผลการดำเนินงานที่การันตีความโดดเด่นซึ่งสร้างผู้ประกอบการหน้าใหม่เข้ามาสู่วงการแล้วมากกว่า 550 คน มีถึง 41% ที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนในเวลาเพียง 6 เดือน ความร่วมมือกับ FI ในครั้งนี้ดีแทคตั้งเป้าหมายว่า จะเป็นโอกาสสำคัญในการส่งเสริมให้คนไทยได้เรียนรู้เพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่ประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

 

เบญจามิน แรงค์ ผู้อำนวยการ Founder Institute กล่าวว่า “ Founder Institute หรือ FI เป็นผู้ก่อตั้งเครือข่ายของสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมด้วยทีมที่ปรึกษามืออาชีพ ที่ร่วมสร้างผู้ประกอบการหน้าใหม่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะขยายซิลิคอน วัลเล่ย์ ศูนย์กลางของนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุด ไปสู่เมืองต่างๆทั่วโลก จากการก่อตั้ง มาเป็นเวลา 4 ปี FI ประสบความสำเร็จในการผลักดัน 1,000 บริษัทใน 42 เมืองทั่วโลก ให้เป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่ยั่งยืนและมั่นคง ปัจจุบันมีผู้ผ่านการอบรมจาก FI มากกว่า 550 คน จาก 22 เมืองทั่วโลก มีทีมที่ปรึกษามากกว่า 800 คน มีพันธมิตรมากกว่า 75 ราย

 

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ FI ได้มาจัดอบรมให้กับเหล่าสตาร์ทอัพที่กรุงเทพ เนื่องจากเล็งเห็นศักยภาพและความพร้อมของคนไทย ที่มีความตื่นตัวและตอบรับเรียนรู้ที่จะใช้เทคโนโลยีใหม่ๆอย่างกว้างขวาง จากการเปิดให้บริการ 3G การเติบโตของการใช้งานดาต้า และสมาร์ทโฟน ล้วนเป็นปัจจัยที่ผลักดัน ให้เกิดการใช้งานเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันตลอดเวลา ประกอบกับบรรยากาศการส่งเสริมและการสร้างโอกาสใหม่ๆของ ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ที่ร่วมสร้าง อินเทอร์เน็ต อีโคซิสเต็ม ให้แพร่หลายยิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่สนใจอยากเริ่มต้นทำธุรกิจสตาร์ทอัพอย่างมืออาชีพ สามารถลงทะเบียนและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://fi.co/courses/3723

 

IMG_1474

 

[Sneak Preview] HP Slate 7 Extreme มาพร้อมปากกาด้วยนะ…

HP-Slate-7-EX-01

 

เอชพีเผยโฉมกลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ล่าสุด ทั้ง พีซี โน้ตบุ๊ค แท็บเล็ต และเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่ โดยในงานนี้ถ้าจะให้หยิบมาพูดทั้งหมดคงไม่ไหว ผมเลยของเลือกตัวที่โดนเด่นและน่าจะตรงใจชาว OopsMobile ที่สุดมาก็แล้วกัน นั่นคือ HP Slate 7 Extreme ซึ่งถือเป็นแอนดรอยด์แท็บเล็ตรุ่นที่ 2 แล้วที่ HP ผลิตออกสู่ตลาด โดยจะวางจำหน่ายเร็วๆ นี้ ซึ่งจุดเด่นของมันคือนอกจากจะเป็นแท็บเล็ตหน้าจอ 7 นิ้วแล้ว ยังมาพร้อมปากกาไว้สำหรับวาดขีดเขียน จดบันทึก ได้ทุกที่ทุกเวลา โดยจะมีแอพพลิเคชั่นสำหรับจดบันทึก วาดภาด รวมถึงเขียนสูตรเพื่อคำนวนผลลัพธ์ได้เช่นเดียวกับ Galaxy Note 3 ได้อีกด้วย และเพิ่มความสะดวกในการเขียนด้วยการสามารถวางมือบนหน้าจอได้โดยที่ยังใช้ปากกาขีดเขียนบนหน้าจอได้ปกติ

 

HP-Slate-7-EX-04
ดึงปากกาออก จะมีแอพที่รองรับขึ้นมาให้เลือกทันที

 

HP-Slate-7-EX-05
ฟังก์ชั่นยางลบในตัวปากกา เพียงแค่ใช้ปลายปากกาอีกด้านแตะเพื่อลบเหมือนใช้งานยางลบบนดินสอ

 

สำหรับซีพียูก็มาพร้อม NVIDIA Tegra 4 Processor 1.8 GHz ที่รองรับการประมวลผลกราฟฟิกเฉพาะทางขั้นสูง ให้การเล่นเกมที่ต้องใช้กราฟฟิกแรงๆ ได้ลื่นไหลไม่สะดุด อีกทั้งยังมี NVIDIA PureAudio ที่ช่วยขับพลังเสียงให้ได้ความถี่กว้างกว่าแท็บเล็ตอื่นๆ ทั่วไป พร้อมลำโพงหน้าที่มีพอร์ตสำหรับเบส-รีเฟลค

 

รองรับการเชื่อมต่อกับทีวีแบบไร้สายด้วยมาตรฐาน Miracast ทำให้สามารถนำภาพจากแท็บเล็ตไปออกยังหน้าจอทีวีขนาดใหญ่เพื่อชมภาพยนตร์หรือเล่นเกมส์ได้อย่างเต็มตาสะใจยิ่งขึ้น หรือใช้ในการนำเสนองานต่างๆ ก็ได้

HP-Slate-7-EX-02

 

และด้วยความที่เอชพี มีสินค้าครบทุกอย่าง จึงได้ออกแบบให้สามารถรองรับการสั่งพิมพ์เอกสารหรือภาพต่างๆ จากแท็บเล็ตไปยังเครื่องพริ้นได้โดยตรงผ่านฟีเจอร์ HP Wireless Direct ได้โดยตรง โดยที่ไม่ต้องพึ่ง เครือข่าย Wi-Fi อื่นๆ เพราะตัวพริ้นเตอร์จะเป็น เร้าเตอร์ Wi-Fi ในตัวอยู่แล้ว เรียกว่าเป็นจุดได้เปรียบของ HP เลยทีเดียว

 

HP-Slate-7-EX-07

 

HP-Slate-7-EX-08
มีสีเดียวคือเทาเงิน

 

HP-Slate-7-Extreme-(2)
มาพร้อม Android 4.2.2 Jelly Bean

 

Specifications HP Slate 7 Extreme

• NVIDIA® Tegra® 4 A15 (1.8 GHz, 2 MB cache, 4 +1 cores)

• ระบบปฏิบัติการ Android™ 4.2.2 (Jelly Bean)

• แรม 1 GB DDR3 SDRAM

• หน่วยความจำ 16 GB

• Wi-Fi 802.11 b/g/n, Bluetooth 3.0 HS (รองรับ Miracast)

• หน้าจอ 7 นิ้ว ความละเอียด WVA IPS HD 1280 x 800 พิกเซล

• กล้องหลัง 5 ล้านพิกเซล ออโต้โฟกัส พร้อม HDR

• กล้องหน้า 0.3 ล้านพิกเซล VGA ฟิกซ์โฟกัส

• เพิ่มหน่วยความจำ Micro SD Card ไดู้สูงสุด 32 GB

• พอร์ตเชื่อมต่อ USB, HDMI, Headphone 3.5 มม.

• เซ็นเซอร์ Accelerometer; Gyroscope; Ambient light sensor; eCompass; GPS

• แบตเตอรี่ 4100 mAh

• มีสีเทาเงิน สีเดียว

 

GROUPON เปิดตัว Mobile Touch Site และ แอพพลิเคชั่น เผยคนไทยกว่า 57% วางแผนช็อปสิ้นปีผ่านอุปกรณ์มือถือ

Groupon-03
มร.บราม คลิงค์เค co-CEO กรุ๊ปปอน ประเทศไทย

 

GROUPON (กรุ๊ปปอน) เว็บไซต์ Daily Deal ยอดนิยมระดับโลก ซึ่งได้เปิดตัวในเมืองไทยเป็นประเทศล่าสุด ในอันดับที่ 48 มาปีหนึ่งแล้ว โดยล่าสุดได้แถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในส่วนของ Mobile Touch Site ซึ่งเป็นหน้าเว็บไซต์ที่ออกแบบให้สามารถใช้งานเว็บกรุ๊ปปอนผ่านเบราเซอร์บนมือถือให้มีหน้าตาการใช้งานเหมือนบนแอพพลิเคชั่น ซึ่งจะเป็นการเปิดกว้างให้ผู้ใช้งานซื้อดีลต่างๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ในส่วนของแอพพลิเคชั่นก็ได้เพิ่มให้รองรับบน iPad ส่วนบน iPhone และ Android ก็ได้อัพเดทให้เพิ่มความสะดวกในการช้อปมากยิ่งขึ้น อย่างการซื้อดีลของแมคโดนัล เพียงแค่ Buy, Show, Eat ซึ่งทำได้บนมือถือในขณะที่อยู่ในร้าน ก็สามารถนำ QR Code ที่ได้จากการซื้อดีลบนมือถือไปแสดงให้พนักงานดู ก็สามารถซื้อชุดอาหารที่ต้องการได้ทันที

 

Groupon-01
มร.มาร์ค คลีเวอร์ co-CEO กรุ๊ปปอน ประเทศไทย

 

โดยความร่วมมือกับแมคโดนัลในครั้งนี้ถือเป็นความพร้อมของผู้ประกอบการที่สามารถรองรับการใช้ดีลบนมือถือได้แบบ 100 % โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลาพริ้นคูปองออกมา และในอนาคตคาดว่าจะมีผู้ประกอบการที่สามารถรองรับการใช้ดีลผ่าน QR Code บนหน้าจอมือถือมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ที่สำคัญตอนนี้ผู้ใช้งานคนไทย สามารถชำระเงินผ่านเคาท์เตอร์เซอร์วิช ที่ 7-11 หรือเคาท์เตอร์รับชำระเงินต่างๆ ทั้ง TOT, เทสโก้โลตัส, ทรูมันนี่, ที่ทำการไปรษณีย์ ได้แล้ว ใครที่ไม่มีบัตรเครดิตก็สามารถซื้อดีลได้อย่างสะดวกขึ้น หรือจะโอนเงินผ่าน ATM หรือจ่ายที่เคาท์เตอร์ธนาคารที่รองรับก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น กรุงไทย, กสิกรไทย, กรุงศรีอยุธยา, กรุงเทพ, ทหารไทย, ไทยพาณิชย์ และ ยูโอบี โดยทางผู้บริหารบอกว่าหลังจากที่เพิ่มช่องทางการชำระเงินที่นอกเหนือจากบัตรเครดิตแล้ว ทำให้มียอดการสั่งซื้อดีล ที่สูงขึ้นหลายเท่าตัวเลยทีเดียว

 

สำหรับปัญหาของผู้บริโภคที่ซื้อดีลไป แล้วได้รับบริการไม่ดีจากผู้ประกอบการ เพราะเห็นว่าเป็นการใช้สิทธิ์ส่วนลด ทางกรุ๊ปปอนจะมีการแก้ไขปัญหานี้อย่างไรนั้น กรุ๊ปปอนเล่าให้ฟังว่า เรามีทีมงานที่คอยดูแลผู้ประกอบการ และให้ความรู้และทำควา่มเข้าใจให้ถูกต้องเกี่ยวกับธรุกิจดีล ซึ่งเสมือนเป็นช่องทางในการโปรโมทกิจการของคุณ โดยการให้ลูกค้าได้มาทดลองใช้บริการ และจะต้องทำอย่างไรให้ลูกค้าเกิดความประทับใจและกลับมาเป็นลูกค้าประจำ ดังนั้นจึงมองว่าเป็นโอกาสในการที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการรายเล็กๆ สามารถโปรโมทสินค้าและบริการโดยที่ไม่ต้องใช้งบประมาณสูง

 

นอกจากนี้ GROUPON ได้เผยตัวเลขผลสำรวจที่น่าสนใจต่างๆ ดังนี้

• GROUPON มีสมาชิกกว่า 200 ล้านคน ทั่วโลก

• 43 ล้านคนที่แอกทีฟใช้งานอยู่

• มีการซื้อดีลไปแล้วกว่า 400 ล้านดีลทั่วโลก

• Groupon เข้าสู่ตลาดหุ้น NASDAQ เมื่อเดือน พฤศจิกายน 2012

• มีพนักงานทั้งหมดทั่วโลก 11,000 คน โดยในไทยมีพนักงาน 90 คน

• ไืทยเป็นประเทศที่ 48 และเป็นสาขาล่าสุดอยู่ในขณะนี้

• คนไทยใช้จ่ายในช่วงเทศกาลสิ้นปี 2556 ที่ 2,635 บาท ต่อคน

• และคนไทยตั้งใจซื้อสินค้าโดยเฉลี่ยให้กับคนรอบข้างราว 8 ชิ้น

• 6 ใน 10 ของนักช็อปคนไทยหรือราว 57% ตั้งใจซื้อสินค้าผ่านทางโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต

 

Groupon-02

 

 

ศุกร์นี้เตรียมช้อปกับเทศกาล Apple Black Friday

Black-Friday-01
เทศกาลแห่งการช้อปปิ้งปลายปีเริ่มทยอยมากันเรื่อยๆ แล้ว รวมถึง Apple ที่จะมีการจัดเทศกาล Black Friday เป็นประจำทุกปีเช่นกัน โดยนำทัพขบวนสินค้าราคาพิเศษให้ได้ช้อปกันผ่านหน้าเว็บไซต์ หรือที่ร้าน Apple Store ที่ร่วมรายการ โดยเทศกาล Black Friday จะเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลาเที่ยงคืน (12:01 AM.) จนถึงเทียงวัน (11:59 PM.) ของวันศุกร์ที่ 27 พ.ย. นี้ ซึ่งถามว่าคนไทยสามารถช้อปได้ไหม ขอบอกว่าอดนะครับ เพราะเค้าจัดโปรโมชั่นนี้สำหรับโซนอเมริกาเท่านั้น แต่ถ้าใครมีเพื่อนอยู่ในประเทศที่ร่วมรายการ ก็สามารถสั่งซื้อผ่าน Apple Store Online ของประเทศนั้นๆ แล้วฝากเพื่อนรับของหิ้วกลับมาก็ได้ โดยสินค้าที่ลดราคาในปีที่แล้วก็ถือว่าแรงถูกใจนักช้อปกันเลยทีเดียว ดังตัวอย่างนี้

 

– iPad with Retina Display – $41 Off
– iPad 2 – $31 Off
– iPod touch – $ 31 Off
– iPod touch 4th Generation – $21 Off
– iPod nano – $11 Off
– MacBook Pro with Retina – $101 Off
– MacBook Pro – $101 Off
– MacBook Air – $101 Off

 

สำหรับเมืองไทยอาจจะไม่มีเทศกาล Black Friday แต่เรามีเทศกาลตรุษจีน ไว้ให้รอช้อปกันแทน แต่เมื่อปีที่ผ่านมาดูสินค้าจะไม่ค่อยหลากหลายเท่าไร ยังไงตรุษจีนต้นปีหน้าก็ขอให้ Apple จัดโปรแรงๆ เยอะๆ ให้เหมือนกับเค้าบ้างนะครับ สาธุ….

 

Source : MacRumor