อัพเกรดคอมพิวเตอร์ของคุณให้ทันสมัย ปลอดภัย พร้อมต้อนรับตรุษจีน ปีมะเมีย

XP EOS_CNY2

 

 

 

นายรชฏ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้จัดการกลุ่มธุรกิจและการตลาดวินโดวส์ และ เซอร์เฟซ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) ออกมาแนะนำผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทั้งผู้บริโภคทั่วไปและภาคธุรกิจในประเทศไทย ให้หันมาดูแลอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ต้อนรับเทศกาลตรุษจีน เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณห่างไกลไวรัสและมัลแวร์ที่เป็นอันตราย ด้วยการอัพเกรดซอฟต์แวร์ให้ทันสมัย ก่อนที่ ไมโครซอฟท์ จะยุติการสนับสนุนระบบปฏิบัติการ Windows XP และ Office 2003 ในวันที่ 8 เมษายน 2557 ที่จะถึงนี้

 

วันตรุษจีนที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ นอกจากจะเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองของการเริ่มต้นปีใหม่อย่างเป็นทางการตามประเพณีของชาวจีน ชาวจีนยังถือเอาช่วงเวลาก่อนถึงวันตรุษจีนเป็นการทำความสะอาดเก็บกวาดบ้านเรือนให้สะอาดเรียบร้อย เพื่อเป็นสิริมงคลต้อนรับปีใหม่และสิ่งดีๆ ที่กำลังจะเข้ามา ดังนั้น บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด จึงถือโอกาสนี้ แนะนำผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทั้งผู้บริโภคทั่วไปและภาคธุรกิจในประเทศไทย ให้หันมาดูแลอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำงานและการทำธุรกิจของคุณ เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณห่างไกลไวรัสและมัลแวร์ที่เป็นอันตราย ด้วยการอัพเกรดซอฟต์แวร์ให้ทันสมัย ไม่ให้กลายเป็นเป้าโจมตีของอาชญากรรมทางไซเบอร์ ก่อนที่ ไมโครซอฟท์ จะยุติการสนับสนุนระบบปฏิบัติการ Windows XP และ Office 2003 ในวันที่ 8 เมษายน 2557 ที่จะถึงนี้ ซึ่งขณะนี้ เหลือระยะเวลาอีกเพียงไม่ถึง 2 เดือน และยังพบว่า 1 ใน 4 ของคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานในประเทศไทย ยังใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่มีอายุถึง 11 ปีแล้ว ซึ่งไม่มีความสามารถในการรับมือกับการโจมตีที่ซับซ้อนผ่านระบบไซเบอร์ได้ รวมทั้งยังไม่สามารถสนองตอบต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น ทั้งในแง่การปกป้องข้อมูลส่วนตัว และการเพิ่มประสิทธิผลอีกด้วย

 

โดยตั้งแต่ วันที่ 8 เมษายน 2557 เป็นต้นไป ไมโครซอฟท์จะยุติการอัพเดทระบบรักษาความปลอดภัย การซ่อมแซมระบบที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัย หยุดให้บริการด้านเทคนิคทางโทรศัพท์ และจะไม่มีการอัพเดทข้อมูลด้านเทคนิคผ่านระบบออนไลน์สำหรับระบบปฏิบัติการ Windows XP อีกต่อไป นั่นแปลว่าผู้ใช้จะไม่ได้รับการอัพเดทต่างๆ ที่จะสามารถช่วยปกป้องคอมพิวเตอร์จากไวรัสอันตราย สปายแวร์ และซอฟต์แวร์ประสงค์ร้ายอื่นๆ และผลที่ตามมาก็คือระบบอาจหยุดทำงานหรือปัญหาซอฟต์แวร์ที่ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้

 

ไมโครซอฟท์ ได้แนะนำให้ธุรกิจและผู้บริโภคที่ยังใช้คอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP อัพเกรดไปเป็นระบบปฏิบัติการ Windows 7 หรือ Windows 8 ในทันที รายงานจากMicrosoft’s Security Intelligence Report ฉบับที่ 14 ซึ่งเผยแพร่เมื่อเดือนเมษายน 2556 ระบุว่า Windows XP ที่ติดตั้ง Service Pack 3 มีความเสี่ยงมากกว่า Windows 8.1 ถึง 56.5 เท่า[i]

 

โดยลูกค้าสามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ Windows Upgrade Centre เพื่อศึกษาหาความรู้จากนักวิเคราะห์รวมถึงเรื่องราวการอัพเกรด Windows XP ของลูกค้า รวมทั้งข้อเสนอพิเศษล่าสุดจากเหล่าพันธมิตรของไมโครซอฟท์ได้อีกด้วย

 

[i] ข้อมูลจาก Microsoft’s Security Intelligence Report, Volume 14 ระบุว่า Windows XP SP3 มีความเปราะบางมากกว่า Windows 8 RT 32-bit ถึง 14 เท่า และมีความเปราะบางมากกว่า Windows 8 RT 64-bit ถึง 56.5 เท่า

 

 

มาได้ไงฟีเจอร์ Do Not Disturb บน Windows Phone

 Wassuppp! ฟีเจอร์ Do Not Distube บน iOS 6 ถือเป็นตัวจุดประกายให้กับแอพ “ห้ามรบกวน” เวลาไม่ต้องการให้ใครโทรตาม หรือส่งข้อความหาทุกชนิด ทั้งบนระบบปฏิบัติการ Android เช่น Do Not DisturbDo Not Disturb Me, Nights Keeper และระบบปฏิบัติการ Windows Phone ที่อาจจะมาช้าสักหน่อยแต่เค้าก็มาแล้ว วิดวิ่ว!! โดย Los Angeles ได้พัฒนาแอพชื่อว่า Quiet Hours ที่เปิด-ปิดคำสั่ง Scheduler ได้ง่ายๆแค่ On กับ Off หรือจะเข้าไปตั้งเวลาห้ามรบกวนตามต้องการ (ส่วนใหญ่จะเป็นเวลาพักผ่อน, ประชุม, หนีแม่ไปหน้าไมค์ ฯลฯ)

 

 ดาวน์โหลด Quiet Hours คลิกที่นี่

 

Do-not-disturb-windows-phone-1

 

ข้อจำกัดของ Quiet Hours ในตอนนี้คือ Windows Phone ไม่อนุญาตให้ทุกแอพทำงานใน background task ตลอดเวลา (ทำงานอยู่เบื้องหลังแม้ปิดหน้าจอไปแล้ว) ทำให้การตั้งค่า Sound volume ไม่มีผลใดๆ หากตั้งระยะเวลาห้ามรบกวนเกิน 30 นาที (ซื้อการตั้งค่า Advance ใน in app-purchase) แต่ถือว่า Quiet Hours ได้วางรากฐานการใช้งานระบบห้ามรบกวนมาดีพอสมควร ซึ่งหาได้ยากใน Windows Store หวังว่าจะมีการปรับปรุงให้สามารถยกเว้นคนสำคัญที่จะติดต่อเราได้เสมอแม้เป็นเวลาห้ามรบกวนก็ตาม (ไม่งั้นต้องรบกวนคนสำคัญมาเคลียร์..Oops!!)

 

Touch ID มาแน่ใน Galaxy s5 ส่วนบอดี้ยังเป็นพลาสติก

4957877a54ec6a3f558bc3ac95b8a938

 

 

มีวิเคราะห์ออกมาว่า Samsung สนใจ Touch ID ของ iPhone 5s และ Fingerprint-reading ของ HTC One Max และน่าจะนำสิ่งนี้มาอยู่ใน Galaxy S5 อย่างที่เคยมีข่าวลือเรื่อง iris scanner เมื่อเดือนที่แล้ว

Septimius_04_620x443_610x436

 

 

ส่วนเรื่องซีพียูระดับ 64-bit Samsung ไม่สนใจจะพัฒนาไปถึงขั้นนั้น Galaxy S5 จะใช้ซีพียูความเร็วแค่ 32-bit เท่านั้น ส่วนเรื่องชิปประมวลผลก็น่าจะใช้ Qualcomm หรือไม่ก็ Exynos 

 

ในเรื่องของ Touch ID นั้น Samsung มองว่ามันยังน่าสนใจมากกว่าที่จะไปทำ Galaxy S5 ให้เป็นบอดี้เหล็ก ซึ่งก็หมายถึงว่า Galaxy S5 ก็ยังคงเป็นพลาสติกต่อไป (อย่าได้แคร์)  Samsung มองว่านอกจาก Galaxy S5 ควรจะทำ Touch ID  แล้วยังคิดว่าน่าจะไปเน้นทางพัฒนา Touchwiz ให้ล้ำออกไปยังจะดีซะกว่า

 

ก็ยังลือกันไม่จบ สำหรับข่าว Galaxy S5 ที่เยอะไปหมด สุดท้ายจะลงเอยแบบไหน ก็อยากจะรู้เหมือนกัน

 

Source: Cnet

 

Facebook อัพเดทใหม่เวอร์ชั่น 6.9 สำหรับ iPhone,iPad อยากบล็อคอะไรบล็อคเลย

S__1024066

 

Facebook ปล่อยอัพเดทใหม่คราวนี้ (เฉพาะ iOS )คงถูกใจใครหลายๆคนที่บางทีเราก็ไม่อยากอ่านสิ่งที่บางคนโพสต์ ถ้าจะให้ Unfriend  ก็ดูจะโหดร้ายไปไม่ถนอมน้ำใจ คราวนี้แหละ Facebook  เริ่มอ่านปัญหาหนักใจของผู้ใช้งานออก เลยออกฟีเจอร์ใหม่ อยากบล็อคอะไรบล็อคเลย หรือจะ บล็อคโฆษณาที่มารกไทม์ไลน์ของเรา จัดไป บล็อคอะไรยังไง? มาดูกัน

 
บล็อคเพื่อน

เข้าไปที่หน้า News Feed 

ลองไล่ดูว่าเพื่อนคนไหนที่โพสต์อะไรไม่เข้าตา แล้วอยากบล็อคๆไปซะ อะเจอแล้วคนนึง

แตะที่เครื่องหมายลูกศรตรงมุมบนขวาของข้อความที่เพื่อนเราโพสต์

fb6.9-1

จะขึ้นมาให้เราเลือก 3 อัน

• Hide คือซ่อนเฉพาะโพสต์อันนี้อันเดียว พอดีไม่ชอบดูคลิปฉาวเอามากๆ (ฮาๆ)

• Hide All From User คือซ่อนทุกโพสต์ที่คนคนนี้โพสต์

• Report/Mark As Spam  อันนี้คือแจ้งตำรวจ Facebook  ไปเลยว่านางคือสแปม

เลือกเอาตามสะดวกเลย

fb6.9-2

 
บล็อคโฆษณา

ก็ถ้ารำคาญจะเห็นก็จับ Hide ซะ วิธีการเดียวกับบล็อคเพื่อน

fb6.9-4

 
นอกจากนี้ Facebook 6.9 ยังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่อีกอันคือ  อัลบั้มวิดีโอ เผื่อใครอยากจะสร้างอัลบั้มวิดีโอส่วนตัวก็สามารถทำได้แล้ว

fb-video

 
หวังว่าคงจะชอบกันนะ อ้อ เราซ่อนโพสต์เพื่อนหรือแปลตรงๆคือบล็อค เจ้าตัวเค้าไม่รู้หรอก ไม่ต้องห่วง

 

Go Mic Direct ไมโครโฟนจิ๋วแต่เจ๋ง สำหรับ Mac และ iOS

Samson-Go-Mic-Direct-Mac-001

 

Samson ปล่อยไมโครโฟนตัวใหม่ล่าสุด ” Go Mic Direct “  ไมโครโฟนขนาดจิ๋ว ไว้ใช้งานควบคู่กับ Mac, iPhone, iPod Touch และ  iPad หรือจะใช้กับคอมพิวเตอร์ PC ก็ได้โดยใช้หัว  USB เป็นตัวเชื่อมต่อ ส่วน iPhone 5 รวมไปถึง iDevic ที่รุ่นใหม่กว่านั้นจะต้องใช้หัวอแดปเตอร์เป็นตัวแปลง คือ Lightning USB Camera Adapter

MD821

ส่วน iPhone 4s รวมไปจนถึง iDevice รุ่นที่เก่าลงไปกว่านี้ ต้องใช้  30-pin Camera Connection Kit เป็นหัวแปลง

MC531_GEO_US

ทางด้านการใช้งาน Go Mic Direct สามารถรองรับพวกไฟล์เสียงที่มาจากวีดีโอ (podcasting ) , ใช้บันทึกเสียงการสัมภาษณ์ต่างๆ ,การบันทึกเสียงจาก Audio Note ,การบรรทึกเสียงใ่ส่ลงแอพพลิเคชั่นประเภท Voice recognition , Video Calling เช่น Facetime,Skype  หรือจะบันทึกเสียงลงวิดีโอ Youtube

Samson-Go-Mic-Direct-image-001

 

Go Mic Direct เป็นไมค์ที่สามารถบันทึกเสียงได้  2 ประเภท คือ

• omnidirectional คือบันทึกเสียงโดยรอบ

 •bidirectional คือ บันทึกเสียงจากไมโครโฟนโดยตรง (ตัดเสียงภายนอกออก เช่นเสียงกดคีย์บอร์ดขณะพิมพ์)

 

Samson ได้ออกแบบ Go Mic Direct มาให้ใช้ควบคู่กับแอพพลิเคชั่น Deck noise reduction ซึ่งสามารถดาว์นโหลดได้จาก App Store (ฟรี)

แอพพลิเคชั่นตัวนี้จะเป็นตัวสลับโหมดการใช้งานของไมค์ไปมาระหว่างโหมด omnidirectional ไปโหมด bidirectional 

 
ด้านสเปคของ Go Mic Direct

• หน่วยประมวลผล ความเร็ว  16-bit/44.1kHz

• flat frequency response การตอบสนองของเสียง 20Hz–18kHz

Go Mic Direct ไม่สามารถตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้เอง แต่สามารถรองรับการใช้งานของอุปกรณ์เสริมมาเป็นตัวช่วยได้

 
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของ Go Mic Direct
 
Source: iDownloadingBlog

 

iPhone 5c เริ่ดสุด! เหลือพื้นที่ใช้งานเพียบเมื่อเทียบกับ Galaxy S4 ขนาด 16 GB

Wassuppp!! เว็บไซต์ U.K. tech site Which ในประเทศอังกฤษ แสดงผลการทดสอบพื้นที่ใช้สอยคงเหลือที่แท้จริงของสมาร์ทโฟนรุ่นต่างๆบนความจุ 16 GB หลังเพิ่งถอยออกมาจากร้านกันหมาดๆ ปรากฎว่า iPhone 5c จาก Apple นำมาสบายๆ เหลือพื้นที่หน่วยความจำถึง 12.60 GB คิดเป็น 79% ของพื้นที่ทั้งหมด ส่วนคู่แข่งอย่าง Samsung Galaxy S4 ต้องบอกว่าไม่แคร์ ณ จุดนี้เหลือไว้ให้ใช้ฟรี 8.56GB คิดเป็น 54% ของพื้นที่ทั้งหมด ถ้าอยากได้เพิ่มก็ซื้อ SD-Card สัก 64 GB มาสำรองไว้ก็ไม่เสียหาย ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้ออย่าลืมเช็คว่ารุ่นไหนมีช่องเสียบ SD-Card ไม่งั้นเกมอาจพลิก เพราะ Apple ที่ว่าเหลือๆ ไม่มีนโยบายสำรอง SD-Card นะจ๊ะ ควรเลือกพื้นที่ความจุให้เหมาะกับการใช้งานไปเลย (16, 32 หรือ 64 GB และที่ลือกันว่า 128 GB จะมาเร็วๆนี้ก็เป็นอีกทางเลือกได้สินะ..Oops!)

 

คำถามต่อมาคือ “แล้วพื้นที่หายไปไหน” ส่วนใหญ่ก็หายไปกับ System ของระบบปฏิบัติการ, แอพพลิเคชั่นพื้นฐาน และอินเตอร์เฟสสุดอลังการณ์ที่กินแบตและกินพื้นที่กันฝุดๆ แต่บังเอิญว่า S4 จัดเต็มกับอินเตอร์เฟส TouchWiz มากไปหน่อยก็เลยเหลือพื้นที่ใช้สอยแค่ครึ่งเดียว

 

Storage-2

 

เรียงลำดับกันชัดๆอีกครั้ง ตามระดับพื้นที่คงเหลือของสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่น เริ่มเรียงจาก “เหลือมาก” ไปหา “เหลือน้อย”

1. iPhone 5c ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS เหลือพื้นที่ 12.6GB ( 79% ) แต่ก็ไม่สามารถเพิ่มพื้นที่ได้นะจ๊ะ ต้องใช้ iCloud หรือขยันแบ็คอัพบ่อยๆ ยิ่งพื้นที่ในเครื่องเหลือมากการทำงานก็จะลื่นไปด้วยนะ

 

2. Google Nexus 5 ระบบปฏิบัติการ Android ไม่ค่อยมีแอพอะไรให้มาก เหลือพื้นที่ 12.28GB ( 77% )

 

3. iPhone 5s  ระบบปฏิบัติการ iOS เหลือพื้นที่ 12.2 GB ( 76% ) มี Touch ID ก็ยังไหวนะ

 

4. Sony Xperia Z1 และ Blackberry Z30 เหลือพื้นที่ 11.43 GB และ 11.20 GB ถึงจะระบบปฏบัติการต่างกันแต่มักจะถูกนำมาเปรียบเทียบกันบ่อยๆ และครั้งนี้ Sony ก็ยังนำเรื่องพื้นที่ได้นิดๆ

 

5. HTC One Mini และ LG G2 เหลือพื้นที่ 10.44 GB และ 10.37 GB เป็นระบบปฏิบัติการ Android เหมือนกัน แต่ถ้าพูดถึงฟีเจอร์แล้ว LG G2 จัดเต็มกว่าเยอะ ก็คงไม่แปลกที่จะเหลือน้อยกว่า ถ้ากลัวเครื่องช้าสามารถซื้อ SD-Card เพิ่มได้ทั้งคู่ค่ะ

 

6. Samsung Galaxy S4 สมาร์ทโฟนคู่แข่งสำคัญของ Apple เหลือพื้นที่ให้เบาๆ 8.56GB หลายคนบ่นว่าเครื่องรีสตาร์ทบ่อย เม็มใกล้เต็มอีกแล้ว ยัง..ยังไม่รีบไปซื้อ SD-Card มาเพิ่ม แต่ส่วนใหญ่ Samsung ก็แถมมาให้แล้ว 16 GB. หายห่วงเบาๆ

 

163036

 

รวมฮิตทุกข่าวลือของ iWatch

Watches_4_1_610x458_610x458

 

ทาง Cnet ได้ทำการสรุปรวมทุกข่าวลือของ iWatch เท่าที่เคยมีมาแถมทำคลิปแบบเอาฮาให้ดูกันด้วย แหม่ ดูแล้วเป็นกระบอกเสียงแทนคนเขียนข่าวเลย ข่าวลือเยอะจริง แต่ไม่ปล่อยออกมาซักที  สำหรับเจ้า iWatch ตัวนี้ มาดูรวมฮิตข่าวลือกันเลยดีกว่า

 
 
20 มกราคม 2014

ย้อนไปเมื่อ ตุลาคม 2013 ที่มีข่าวลือว่า Apple จับมือกับ LG ผลิตหน้าจอให้ iWatch 1.52 นิ้ว เป็นหน้าจอ OLED แล้วคาดว่ายังไงก็ต้องปล่อยภายในปี 2014

 
 
7 มกราคม  2014

มีข่าวแว่วมาว่า เกิดปัญหาขัดข้องในขั้นตอนการผลิต เกี่ยวกับแบตเตอรี่ ซึ่งปัญหานี้ยังไม่ได้บอกว่าจะแก้ได้เมื่อไหร่ ซึ่งทำให้ iWatch ต้องเลื่อนเปิดตัวไปก่อน
 
 

29 ตุลาคม 2013

หลังจากที่ Apple ตกลงให้ LG ผลิตหน้าจอ iWatch ให้แล้ว แต่ติดปัญหาตรง Apple กลัวว่าจะกลายเป็นแบรนด์ของ LG ไป จึงขอเปลี่ยนชื่อหน้าจอเป็น  RiTDisplay 

 
 
11 ตุลาคม 2013

มีข่าวออกมาว่า iWatch จะมีความสามารถระดับที่สามารถควบคุมอุปกรณ์ทุกอย่างในบ้านได้ เช่นปรับระดับอุณภูมิ เปิด/ปิด ทีวี เปิด/ปิด ไฟ

 
 
7 ตุลาคม 2013

มีข่าวออกมาเกี่ยวกับราคาของ iWatch  อยู่ที่ประมาณ $350 หรือประมาณ  12,000 บาท และคาดว่าความอัจฉริยะของ iWatch ที่สามารถเชื่อมต่อกับ iPhone  ได้ จะขายได้ประมาณ  5-10 ล้านเครื่อง และคาดว่า 12% ของผู้ใช้ iPhone จะต้องซื้อ

iWatch_Concept_Ciccarese

 
 

1 ตุลาคม 2013

มีแหล่งข่าวจากเกาหลีรายงานว่า iWatch จะมีสามขนาด คือ หน้าจอ 1.5 นิ้ว,1.4 นิ้ว และ 1.3 นิ้ว ซึ่งข่าวลือเรื่องขนาดของ iWatch ได้ถูกปล่อยออกมาก่อนหน้านั้นไปครั้งนึงแล้ว เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2013

 
 
14  กรกฎาคม 2013

มีแหล่งข่าวทางด้านการเงิน ปล่อยข่าวออกมาว่า Apple กำลังเพิ่มทีมงานผลิต iWatch เพราะถือว่าเป็นงานใหญ่ ที่ต้องใช้จำนวนคนมาก ดังนั้นอาจจะทำให้ iWatch เปิดตัวล่าช้าไปถึงปีหน้า (2014)

 
 
2 กรกฎาคม 2013

ภายใต้แบรนด์ iWatch  Apple ได้เดินทางไปจดทะเบียนการค้าอยู่หลายประเทศ เช่น แมกซิโก ไต้หวัน โคลัมเบีย และตุรกี และเริ่มจดเมื่อวันที่  3 มิถุนายน

 
 
30 มิถุนายน 2013

Apple ได้เดินทางไปจดสิทธิบัตร iWatch ที่ญี่ปุ่น และอาจจะประกาศเปิดตัวสิ้นเดือนมิถุนายน 2013

 
 
7 มิถุนายน 2013

ได้มีข่าวปล่อยออกมาว่า Apple จะเปิดตัว iWatch ในช่วงครึ่งหลังของปี 2013 แน่นอน (ฮา)

 
 
5 มิถุนายน 2013

มีข่าวซึ่งชัวร์แล้วว่า Apple ได้ไปจดสิทธิบัตรชื่อ iWatch ที่รัสเซีย แต่ไม่มีข่าวออกมาว่า iWatch จะเปิดตัวเมื่อไหร่ Apple เพียงแต่ทำการจดสิทธิบัตรชื่อนี้ไว้ก่อนที่คนอื่นจะชิงเอาชื่อนี้ไป

 
 
20 พฤษภาคม 2013

ได้มีข่าวเรื่องขนาดหน้าจอของ iWatch ว่าตอนแรกจะมีขนาด 1.8 นิ้ว แต่ทาง Apple ก็เปลี่ยนใจ ให้เหลือแค่ 1.5 นิ้วแทน นอกจากนั้น ข่าวจากโรงงาน Foxconn ยังออกมาบอกว่าได้มีการทดลองสั่งผลิต iWatch  1,000 เครื่องเรียบร้อยแล้ว

 
 
13 เมษายน 2013

มีข่าวออกมาว่า Apple กำลังบุกตลาดประเภทอุปกรณ์สวมใส่ ซึ่งก็คือนาฬิกา และจะเป็น SmartWatch ที่ทำหน้าที่เหมือน SmartPhone ทุกอย่าง (ว้าววว)

iwatch7

 
 

4 มีนาคม 2013

มีข่าวค่อนข้างคอนเฟิร์มว่า iWatch จะเปิดตัวแน่นอนภายในปี 2013 เพราะทีมผลิตมีเป็นร้อยคนยังไงก็ทัน (ฮา)

 
 
21  กุมภาพันธ์ 2013

มีข้อมูลทางสิทธิบัตรที่ Apple  ไปจดไว้เมื่อเดือน สิงหาคม 2011 รายละเอียดสิทธิบัตรคือ หน้าจอโค้งของหน้าจอสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบ Touch Screen และสามารถทำให้หน้าจอแห้งเองได้ ถ้าหากหน้าจอไปโดนน้ำมา

iWatch

 
 
12 กุมภาพันธ์ 2013

 ได้มีรายงานว่า มีทีมผลิต SmartWatch จำนวน 100 คน และหนึ่งในนั้นก็มีชื่อ James Foste ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ในทีมวิศวะกรของ Apple ซึ่งแน่นอนว่า Apple กำลังทำ SmartWatch อยู่แน่ๆ

 
 

10 กุมภาพันธ์ 2013

มีข่าวหลุดออกมาเรื่อง iWatch ว่าจะมีหน้าจอโค้ง พร้อมกับ iPhone จอโค้งด้วย

 
 

27 ธันวาคม 2012

เป็นครั้งแรกที่มีข่าวลือมาว่า Apple จะทำ iOS SmartWatch เนื่องจากการสังเกตเห็นว่าในปี 2011 Apple  ได้เปิดตัว iPod Nano ซึ่งใส่เป็นนาฬิกาได้ ก็สันนิษฐานกันไป

HhiIpodNanoSporArmbndWht

 

จะเห็นได้ว่าข่าว iWatch เยอะจริงๆ ลือมาประมาณ 3 ปี แต่ก็ยังไม่ปล่อยออกมาซักที ปีนี้จะลืออีกมั้ย? และสุดท้ายจะเปิดตัวเมื่อไหร่? ก็คงดูไปเรื่อยๆเนอะ

 

Source: Cnet

 

ติดตั้ง Emoji Android to iphone ส่งไอคอนหน้ายิ้มให้เพื่อนที่ใช้ Android และ iOS

 Wassuppp! ก่อนหน้านี้เราเคยแนะนำวิธีสร้าง Shortcut เป็นไอคอน Emoji สำหรับคนที่ใช้ iOS ไปเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ถึงคิวของ Android กันบ้าง ถึงแม้จะไม่มีคีย์บอร์ด Emoji มาให้ แต่เราสามารถติดตั้งแอพชื่อว่า Emoji Android to iphone สำหรับติดตั้งไอคอนหน้ายิ้ม Emoji บนคีย์บอร์ด Android ได้เลย จะพิมพ์ส่งข้อความถึงเพื่อนที่ใช้ iOS ก็ได้ไม่มีปัญหา

 

ดาวน์โหลด Emoji Android to iphone

 

2014-01-27-15-23-35
เปิดแอพ Play Store ค้นหาแอพ Emoji Android to iphone แล้วแตะ INSTALL > ACCEPT ติดตั้งให้เรียบร้อย

 

 

2014-01-27-15-24-45
เปิดแอพ Emoji ขึ้นมา แตะ Decline ปิดหน้าต่างนี้ หรือแตะ Accept ยอมรับเงื่อนไขการติดตั้งเลยก็ได้ จากนั้นแตะ Continue > Keyboard Input

 

 

2014-01-27-15-25-52
จะเปิดหน้าการตั้งค่าคีย์บอร์ดขึ้นมาอัตโนมัติ ให้แตะเครื่องหมายถูกหน้า Emoji Android to iphone แล้วแตะ OK ยืนยันอีกครั้ง

 

 

2014-01-27-15-50-42
เมื่อต้องการใช้คีย์บอร์ด Emoji ให้แตะที่คีย์ Sym แล้วแตะไอคอน Emoji ดังรูป

 

 

2014-01-27-15-31-20
แสดงไอคอนหน้ายิ้ม และไอคอน emoticon ต่างๆ สามารถแตะเลือกแล้วส่งหาเพื่อนได้เลย โดยเฉพาะเพื่อนที่ใช้ iOS จากภาพทางด้านซ้ายคือเครื่อง Note 3 (Android) และด้านขวาคือ iPhone (iOS) จะเห็นว่าไอคอนตรงตามที่ iOS รองรับเปะ!! แต่บางครั้งบน Android อาจเห็นไม่ตรงกับคีย์บอร์ดตัวเองก็ไม่ต้องตกใจนะคะ พอส่งข้อความเมื่อไหร่ เห็นเหมือนกันแน่นอน

 

หวังว่าเพื่อนๆที่ใช้ Android จะส่งไอคอนได้อย่างมีความสุขไม่ต้องเสียเวลานั่งนึกสัญลักษณ์ :O 😛 ;-D กันแล้วนะคะ…Oops!!

 

โนเกียส่ง Nokia Lumia 1320 ลุยตลาดสมาร์ทแฟบเล็ต

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

โนเกียคึกคักรับปีม้าลุยตลาดสมาร์ทแฟบเล็ต ส่ง Nokia Lumia 1320 สมาร์ทโฟนหน้าจอ HD 6 นิ้วราคาย่อมเยาแต่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีระดับไฮเอนด์ ทั้งนวัตกรรมถ่ายภาพล่าสุด เช่น Nokia Camera และ Nokia Storyteller บริการแผนที่นำทาง HERE และฟังเพลงโดยไม่มีโฆษณากับ Nokia MixRadio เต็มที่กับการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพกับ Microsoft Office และสนุก สะใจ เต็มอารมณ์กับทุกความบันเทิง

 

นายญาณธน สิมะวานิชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ด้วยความสำเร็จในการรุกตลาดสมาร์ทโฟนราคาย่อมเยาของ Lumia 520 ผนวกกับการเติบโตของตลาดแฟบเล็ตทั่วโลก เราจึงนำนวัตกรรม Lumia มาไว้บนสมาร์ทโฟนที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ขึ้นในระดับราคาที่ถูกลง เพื่อขยายประสบการณ์สมาร์ทโฟนไฮเอนด์ไปยังฐานผู้บริโภคที่กว้างขึ้น” พร้อมเสริมว่า “ด้วยหน้าจอที่ใหญ่ ดีไซน์สีสันสดใส เต็มเปี่ยมด้วยนวัตกรรมของโนเกีย Nokia Lumia 1320 จึงเป็นสมาร์ทแฟบเล็ตที่ให้ผู้ใช้สามารถเต็มที่กับการทำงาน และเต็มอารมณ์กับทุกความบันเทิง”

 

ถ่ายภาพสนุกสุดล้ำ

Lumia1320


Nokia Lumia 1320 ให้ผู้ใช้งานได้สนุกกับการถ่ายภาพด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำจากโนเกีย ได้แก่ Nokia Camera ซึ่งผนวกแอพเอ็กซ์คลูซีฟของโนเกียเข้าไว้ด้วยกันโดยแบ่งเป็น 3 โหมดคือ โปร (Pro) สมาร์ท (Smart) และวิดีโอ (Video) ช่วยให้ถ่ายภาพและตกแต่งภาพได้อย่างสนุกและสะดวกยิ่งขึ้น Nokia Storyteller ให้คุณเล่าเรื่องราวจากภาพถ่ายอย่างมีชีวิตชีวาโดยการผนวกแผนที่ Here เพื่อเล่าเรื่องราวตามลำดับเวลาพร้อมระบุสถานที่ นอกจากนี้ ยังสนุกกับการตกแต่งภาพอย่างง่ายดายด้วย Creative Studio ไม่ว่าจะเป็นการทำภาพ collage (ภาพแนวตัดปะ) ฟิลเตอร์ต่างๆ หรือเลือกสีใดสีหนึ่งให้โดดเด่น (color popping)

 

สนุกสะใจในทุกเกมและความบันเทิง

NOKIA_Lumia 1320 Front600

เต็มอารมณ์กับทุกเกม ความบันเทิง และแอพพลิเคชั่น บนหน้าจอ HD IPS ขนาดใหญ่ถึง 6 นิ้วของ Nokia Lumia 1320 ทั้งยังมองเห็นและเข้าถึงแอพโปรดได้ง่ายดายกับ tile แถวที่สามบนหน้าจอหลัก สนุกกับแอพล่าสุดทั้งจากโนเกียและไมโครซอฟต์ สะใจกับหลากหลายเกมใหม่-เกมมันส์ เช่น Minion Rush, Asphalt 8: Airbourne, Frozen Free Fall, Subway Surfer, Angry Birds Go!, Dungeon Hunter เพลิดเพลินกับสังคมออนไลน์ เช่น Instagram, Line รวมถึงบริการเพลงฟรีจาก Nokia MixRadio โดยไม่มีโฆษณาหรือต้องลงทะเบียนใดๆ ทั้งยังสามารถดาวน์โหลดเพลงโปรดมาฟังแบบออฟไลน์ได้อีกด้วย

 

นอกจากนี้ โนเกียได้ร่วมกับ ZabMovie จัดโปรโมชั่นดูหนังได้อย่างสะใจเพียงเรื่องละ 5 บาท โดยจ่ายแค่ 35 บาทเพื่อรับ 280 เครดิต แล้วนำเครดิตที่ได้ไปใช้โหลดหนังที่คุณชื่นชอบ หนัง 1 เรื่องใช้ 40 เครดิต คุณจึงเพลิดเพลินกับหนังเรื่องโปรดได้มากถึง 7 เรื่อง ( 1 คน ซื้อเครดิตตามโปรโมชั่นได้ 1 ครั้ง)

 

โนเกียยังมอบความสุขกับการอ่านหนังสือจาก MEB: Mobile E-Books ซึ่งเป็นระบบร้านขาย e-book ชั้นนำของเมืองไทย โดยผู้ใช้งาน Nokia Lumia ทุกรุ่น สามารถอ่าน E-Book ระดับ best sellers ในเครือเนชั่น บุ๊คส์ ฟรี 3 เล่ม ได้แก่ คิดแบบอัจฉริยะ มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก (Think Like Zuck), ลงทุนให้รวยสไตล์วอร์เรน บัฟเฟตต์, และอิ่มหลักร้อย อร่อยริมทาง เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม – 22 กรกฎาคม 2557

 

เต็มที่กับการทำงาน


ทำงานได้ทุกที่กับ Microsoft Office ทั้ง Word, Excel และแก้ไข PowerPoint Presentation ได้อย่างง่ายดาย เดินทางสู่ที่หมายอย่างแม่นยำด้วยบริการแผนที่นำทางพร้อมมุมมองเสมือนจริง Here Maps และ Here Drive เสริมประสิทธิภาพด้วยหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ทำให้ค้นหาและมองเห็นแผนที่ได้อย่างชัดเจน หน้าจอสัมผัสซูเปอร์เซนซิทีฟของ Nokia Lumia 1320 ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วแม้ใส่ถุงมือ ทั้งยังมองเห็นได้ชัดแม้อยู่กลางแจ้ง นอกจากนี้ หน้าจอ Glance screen ของโนเกียยังแจ้งเตือนทั้งสายที่ไม่ได้รับและอีเมล์ใหม่ ผู้ใช้ Nokia Lumia 1320 สามารถเก็บข้อมูลต่างๆ ลงบน SkyDrive ได้ฟรี 7GB หรือเพิ่มหน่วยความจำด้วย Micro SD การ์ดได้อย่างจุใจถึง 64GB สบายใจในการใช้งานได้ตลอดวันกับแบตเตอรี่ 3400 mAh พร้อมรองรับการเชื่อมต่อ 3G

 

Nokia Lumia 1320 มีสีส้ม เหลือง ขาวและดำ วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ในราคา 11,500 บาท ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.nokia.co.th/lumia1320

NOKIA_Lumia 1320 Group600

 

 

ชมบรรยากาศงานเปิดตัว

[youtube link=”http://www.youtube.com/watch?v=ct-8tsMqDUY” width=”590″ height=”315″]

[Tips] เข้า Recovery Mode ง่ายๆ ไม่ต้องนับวินาที

mode

 

ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนว่า Recovery Mode มีไว้ใช้ทำอะไรบ้าง?

• จำรหัส PassCode ไม่ได้

• จำรหัสผ่านใน Restriction Mode  ไม่ได้ (ในกรณีที่เราอยากจะรีเซทเครื่อง แต่เครื่องถามรหัสผ่านที่เราตั้งไว้ใน Restriction Mode )

• ไอโฟนไม่สามารถเชื่อมต่อกับ iTunes  ได้

• หรือในกรณี iPhone 5s เกิดมีใครไปแอบตั้งสแกนนิ้วมือไว้ แล้วเราปลดล็อคไม่ได้ เราสามารถล้างสแกนนิ้วมืออันนี้ทิ้งได้

 

คร่าวๆก็มีประมาณนี้ ถ้าไอโฟนเราอยู่ในกรณีใดกรณีหนึ่ง แนะนำว่าเราต้องเข้า Recovery Mode ซึ่งต้องบอกไว้ก่อนว่าการใช้ Recovery Mode จะเป็นการล้างข้อมูลใหม่หมดเหมือนออกจากโรงงาน ซึ่งวิธีนี้จะไม่อนุญาตให้เรา Back Up ข้อมูลใดๆ และข้อมูลอาจหาย ยกเว้นกรณีที่เคย Back Up เก็บไว้ใน iTunes มาบ้างแล้ว หรือ Back Up ลง iCloud เราก็สามารถกู้ข้อมูลคืนมาได้

ฉะนั้นปลอดภัยไว้ก่อนค่ะ เราควร Back Up ข้อมูลไว้สม่ำเสมอถ้าจะให้ดีก็ควร Back Up ลงใน iTunes จะดีที่สุด

 

หมายเหตุ: Recovery Mode ไอโฟนทุกรุ่นและทุกๆ  iOS สามารถเข้าได้หมด

 

วิธีเข้า Recovery Mode

หลายๆคนอาจเคยอ่านเจอส่วนใหญ่จะให้เรานับเป็นวินาทีในการแตะปุ่มแต่ละปุ่ม ทีนี้เราจะมาบอกวิธีซึ่งก็เป็นวิธีเดียวกันแบบทั่วๆไปแหละ แต่เราไม่ต้องนับวินาทีให้งง สับสน วิธีนี้จะใช้วิธีสังเกตสิ่งที่เราเห็นบนหน้าจอ แล้วเราควรแตะปุ่มไหน ปล่อยปุ่มไหน เริ่มเลย..

 

1.เสียบสาย USB ที่ไอโฟนเพื่อเชื่อมต่อกับ iTunes 

 

images

 

 

2.เมื่อเชื่อมต่อเสร็จแล้วให้เรา ปิดเครื่องไอโฟน

iphone-slide-to-power-off

 

 

 

3. หลังจากปิดเครื่องให้เรากดปุ่ม เปิด/ปิดเครื่อง ค้างไว้

dfu1

 

4.รอจนกว่าจะมีรูป Apple ขึ้นมาแล้วเราก็กดที่ปุ่ม Home แต่ปุ่ม เปิด/ปิด ก็ยังกดอยู่นะ

dfu2

 

 

5. รอจนหน้าจอดับไปอีกครั้ง แต่ก็ยังกดปุ่ม เปิด/ปิด+ ปุ่ม Home ค้างไว้

dfu3

 

6.จนรูป Apple ขึ้นมาอีกครั้ง ให้ปล่อยมือจากปุ่ม เปิด/ปิด แต่ยังกดปุ่ม  Home ค้างไว้

dfu4

 

7.กดปุ่ม Home  ค้างไว้จนหน้าจอ ขึ้นรูป Recovery Mode  แล้วค่อยปล่อยมือจากปุ่ม Home

dfu5

 

8.ดูที่หน้าจอ iTunes บนคอมพิวเตอร์จะขึ้นข้อความแบบนี้ ให้กด OK

dfu6

 

9.หลังจากนั้น บนหน้าจอ iTunes จะเห็นปุ่ม Restore ให้เรากดปุ่ม Restore เพื่อเป็นการล้างเครื่องใหม่หมด

dfu7

เสร็จแล้วจ้า

ถ้าอยากดูให้ชัด เราจัดให้ด้วยคลิปนี้ค่ะ

[youtube link=”http://youtu.be/gthcmejzXtE” width=”590″ height=”315″]