มือสั่นไม่หาย! มีอะไรใหม่ใน iPhone 6s และ 6s plus วัดกันตั้งแต่สัมผัสแรกไปเลย

 

หิ้วมาเรียบร้อย! iPhone 6s และ 6s Plus เห็นตัวจริงครั้งแรกธรรมด๊าธรรมดา (เหมือน iPhone 6) แต่พอได้สัมผัสรู้เลยว่ามันไม่ได้มีดีแค่เติม “S” จะมีอะไรน่าสนใจบ้างไปดูกันเลยค่ะ

 

IMG_7892-edit

 

ดีไซน์เดิมแต่วัสดุแข็งแรงกว่าเก่า

 

IMG_7961-edit

 

เป็นที่รู้กันว่า Apple ไม่ค่อยเปลี่ยนดีไซน์รุ่นที่เติม ‘s’ สักเท่าไหร่ หลายคนจึงตั้งตารอดูสเปคเทพอย่างเดียว จนลืมไปว่าวัสดุที่ใช้รุ่นนี้ Apple การันตีไม่มีงอ! เพราะเปลี่ยนอะลูมิเนียมใหม่เป็น Aluminum Zinc ที่ใช้บนเครื่องบินและยานอวกาศ คงต้องรอดูคลิป Drop Test กันต่อไปว่าจะอึดแค่ไหน อันนี้แอดไม่กล้าเทสให้จริงๆ..อุ๊ปส์! นอกจากนี้ยังเพิ่มสีเครื่อง Rose Gold ชมพูฟรุ้งฟริ้ง เอาใจสาวๆเป็นพิเศษ แต่มองไกลๆสีจืดไปนิดนะ ต้องดูใกล้ๆถึงรู้ว่า 6s ชัวร์

 

ขนาดและน้ำหนัก

 

6spgold1
iPhone 6s ใช้ขนาดหน้าจอแสดงผล 4.7 นิ้ว และ 6s Plus ยังคงที่ 5.5 นิ้ว

 

ขนาดของตัวเครื่อง เพิ่มขึ้นเล็กน้อยแค่ 0.1 มม. บางลงกว่าเดิม 0.2  มม. เรียกว่าแทบไม่รู้สึกต่าง! ส่วนน้ำหนักเพิ่มขึ้นประมาณ 20 กรัม เพราะใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียมรุ่นใหม่นั่นแหล่ะค่ะ แต่ก็ไม่รู้สึกว่าหนักกว่ามากสักเท่าไหร่ ถือว่าข้อนี้ผ่านเพราะแลกกับความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้น  และด้วยขนาดที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ทำให้สามารถใช้เคส รวมทั้งฟิล์มกันรอยร่วมกับ 6 และ 6 Plus รุ่นก่อนได้อย่างไม่มีปัญหา

 

ปุ่ม Touch ID เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

IMG_7969-edit IMG_7978-edit

 

ปุ่ม Touch ID (หรือปุ่ม Home) ถูกปรับปรุงให้ทำงานเร็วขึ้นกว่าเดิม 2 เท่า หลังจากทดสอบสแกนลายนิ้วมือปลดล็อคเข้าสู่หน้า Home จะรู้สึกทันทีว่า “โอ้ว..มันเร็วมาก” แทบไม่เห็นหน้า Lock Screen บอกเลยว่าแตกต่างกับรุ่นก่อนชัดเจน

 

3D Touch สัมผัสอัจฉริยะบนหน้าจอ

 

IMG_7983-edit

IMG_7991-edit

 

หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า Force Touch ที่ใช้กับนาฬิกา Apple มากันบ้างแล้ว ซึ่งเทคโนโลยีนี้ได้ถูกนำมาใช้บน iPhone รุ่นใหม่นี้เช่นกัน ในชื่อ 3D Touch เป็นการใช้ “ความหนัก-เบาของการกดหน้าจอ” เพื่อเรียกเมนูลัดของแอพขึ้นมาโดยไม่ต้องเปิดแอพ แต่ฟีเจอร์นี้จะรองรับเฉพาะแอพที่มาพร้อมเครื่อง มีบางแอพเท่านั้นที่ยังใช้ไม่ได้ เช่น แอพ Photo, Weather, Stocks ส่วนผู้พัฒนาแอพอื่นๆก็เริ่มทยอยเพิ่มฟีเจอร์นี้ลงในแอพกันบ้างแล้ว

 

กล้อง 12 ล้านแล้ว..มาเล่นกันเถอะ!

 

IMG_7982-edit
แตะไอคอน Camera จะเห็นเมนูคำสั่งแสดงขึ้นมา เลือกคำสั่งที่ใช้บ่อยๆได้เลย

 

IMG_7967-edit

ทั้ง 6s และ 6s Plus เพิ่มความละเอียดของกล้องหลังจากเดิม 8 ล้านพิกเซล มาเป็น 12 ล้านพิกเซล ส่วนรุ่น 6s ยังคงไม่มีระบบกันสั่นสะเทือนแบบออฟติคอล หรือ OIS (Optical Image Stabilization) เหมือนกับ 6s Plus เช่นเดิม เสียใจอ่ะ!

IMG_8001-edit

 

ซึ่งระบบ OIS นี้จะมีประโยชน์ก็เมื่อเราถ่ายภาพในสภาพที่แสงน้อยๆแล้วมือไม่นิ่งนั่นเอง แต่หากถ่ายภาพที่แสงปกติ ทั้งสองรุ่นยังคงถ่ายภาพได้ยอดเยี่ยมไม่แตกต่างกัน  ส่วนกล้องหน้า เพิ่มความละเอียดเป็น 5 ล้านพิกเซล เอาใจหนุ่มๆสาวๆในการถ่ายภาพเซลฟีโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังเพิ่ม Retina Flash ที่ใช้แสงไฟบนหน้าจอมาเป็นแฟลช ช่วยให้หน้าสว่างขึ้นได้

 

IMG_8016-edit

 

มาถึงเรื่องการถ่ายวิดีโอกันบ้าง ทั้ง 2 รุ่นรองรับความละเอียดระดับ 4K (3840×2160 พิกเซล) ที่ความเร็ว 30 fps ช่วยให้วิดีโอคมชัดมากยิ่งขึ้น สำหรับ iPhone 6s ที่ไม่มีระบบกันสั่น OIS เหมือนกับรุ่น 6 Plus ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะแอปเปิลใช้ระบบกันสั่น Digital stabilization เพื่อลดความเบลอของภาพเนื่องจากมือไม่นิ่งมาช่วยแทน อย่างไรก็ตามการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 4K ถึงแม้จะได้วิดีโอที่คมชัด แต่ก็ต้องแลกกับพื้นที่จัดเก็บที่มากขึ้น ซึ่งหากเราคิดว่าไม่จำเป็นที่ต้องถ่ายความละเอียดขนาด 4K ก็สามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่ Settings > Photos & Camera > Record Video

 

สเป็คและประสิทธิภาพการทำงาน

 

A9

 

มาดูฝั่งฮาร์ดแวร์กันบ้าง ทั้ง iPhone 6s และ 6s Plus เปลี่ยนมาใช้ ชิบ A9 Dual-Core 1.8 GHz. ที่ประมวลผลได้เร็วแรงกว่าเดิม เพิ่ม RAM เป็น 2 GB จากเดิม 1 GB ที่ใช้มาตั้งแต่  iPhone 5 ความจุแบตเตอรี่ของ 6s อยู่ที่  1715 mAh  และ 6s Plus อยู่ที่ 2750 mAh (ส่วน 6 และ 6 Plus อยู่ที่  1,810 และ 2,915 mAh ตามลำดับ) จะเห็นว่าความจุแบตน้อยลง แต่เมื่อใช้งานร่วมกับ iOS 9 จะทำให้ใช้งานได้นานเท่าความจุเดิมของรุ่นก่อน

 

ดูตารางเปรียบเทียบสเป็ค  iPhone 6s และ 6s Plus

 

iOS 9 ที่ชาญฉลาดขึ้นกว่าเดิม

มาที่ iOS 9 ระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดที่เปิดตัวมาพร้อมกับ iPhone 6s และ 6s Plus ได้รับการปรับปรุง และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆเพื่อรองรับกับไอโฟนรุ่นใหม่ได้ดีขึ้น เช่น

 

Live Photos

 

IMG_8007-edit

 

เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาในแอพ Camera ซึ่งฟีเจอร์นี้จะถูกเปิดใช้งานอัตโนมัติในการถ่ายภาพนิ่ง การทำงานของมันคือ จะจับภาพก่อนและหลังในขณะที่เราแตะปุ่มชัตเตอร์ โดยจะบันทึกเป็นไฟล์ภาพ  .jpg และภาพเคลื่อนไหว .mov และเราเปิดดูภาพก็จะเห็นเป็นภาพนิ่งปกติ แต่เมื่อลองกดหน้าจอ (3D Touch) ลงบนภาพก็จะแสดงเป็นภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียงสั้นๆ สำหรับบอกเล่าเรื่องราว ณ เวลานั้น และภาพที่ได้นี้สามารถนำไปตั้งเป็นวอลล์เปเปอร์ได้ตามปกติ หรือจะเปิดดูภาพเหล่านี้บนอุปกรณ์ iDevice ตัวอื่น ๆ หรือเครื่อง Mac ก็ได้เช่นกัน

 

Battery

 

IMG_8026-edit

 

ใน iOS 9 เพิ่มการจัดการแบตเตอรี่ได้ดีกว่าเดิม ตัดการใช้งานแบตที่ไม่จำเป็นออก และเพิ่มโหมดประหยัดพลังงาน Low Power Mode ขึ้นมา เมื่อแบตลดเหลือ 20 % จะมีหน้าจอแจ้งเตือนว่าเราต้องการจะเปิดใช้โหมดนี้หรือไม่ เมื่อเปิดใช้ก็จะปิดฟังก์ชั่นที่ไม่จำเป็นลงไป เช่น การดึงอีเมล์ การเรียก Hey Siri แอพที่ทำงานเบื้องหลัง การดาวน์โหลดอัตโนมัติ ซึ่งหลังจากลองทดสอบเปิดใช้งานโหมดนี้ แล้วลองไม่ใช้งานเครื่องดู สามารถสแตนด์บายได้นาน 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว

 

นอกจากที่กล่าวมา ยังมีการปรับปรุงในรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆอีก เช่น เพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวดขึ้นโดยการเพิ่มเลข passcode สำหรับปลดล็อคจาก 4 ตัวเป็น  6 ตัว รวมทั้งการเพิ่มระบบปลดล็อคเพื่อยืนยันตัวตนแบบ 2 ชั้น นอกจากนี้ยังเพิ่มความสะดวกในการอัพเดท iOS ให้กับผู้ใช้ด้วย โดยใช้เนื้อที่สำหรับการอัพเดทน้อยลงกว่าเดิม ซึ่งมักพบปัญหานี้กับผู้ที่ใช้ไอโฟนโดยเฉพาะรุ่นความจุ 16 GB

 

IMG_8027-edit

 

สำหรับแอพที่มาพร้อมกับ iOS 9 ก็ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น

 

-Notes ที่ทำเป็นเช็คลิสต์ได้ เพิ่มรูปลงในโน้ตด้วยการถ่ายหรือเรียกจาก Library หรือจะเพิ่มแผนที่ ลิงค์ เอกสารจากแอพใดๆก็ได้ และที่ดูจะเป็นฟีเจอร์เด่นก็คือ สามารถวาด ขีดเขียนด้วยนิ้วบนโน้ตโดยเลือกประเภทของปากกาและเลือกสีที่จะใช้ได้

 

IMG_8031-edit

IMG_8034-edit

 

 

-Maps เพิ่มข้อมูลเส้นทางและการนำทางของระบบขนส่งมวลชนเพื่อให้เราเดินทางได้สะดวกที่สุด เช่น เดินออกที่ประตูไหน หรือต้องไปรอรถเมล์ตรงป้ายไหน นอกจากนี้เมื่อเราสั่งค้นหาใน Maps ก็จะแสดงรายชื่อร้าน อาคาร ปั๊มน้ำมัน หรือสิ่งก่อสร้างที่อยู่บริเวณรอบๆให้ด้วย จะแวะช็อปแวะทานหรือเข้าห้องน้ำก็สะดวกขึ้นกว่าเดิม ฟีเจอร์นี้ใช้ได้กับเมืองใหญ่ๆ ส่วนไทยคงต้องรอกันไปก่อน

 

Maps

 

-iCloud Drive เพิ่มแอพ iCloud Drive ที่ช่วยให้เราเข้าถึงไฟล์ที่จัดเก็บไว้กับ iCloud ได้อย่างรวดเร็ว จะค้นหาไฟล์หรือเรียกดูไฟล์ทั้งหมดตามวันที่ ชื่อไฟล์ ชื่อที่แท็กไว้บน Mac หรือจะดูตัวอย่างและจัดระเบียบไฟล์ผ่านแอพได้เลย สำหรับแอพนี้จะถูกซ่อนไว้ เราจะต้องสั่งให้แสดงก่อน โดยหลังจากที่ล็อกอินเข้าใช้งาน iCloud แล้ว ตรงหัวข้อ iCloud Drive ให้เปิดใช้คำสั่ง Show on Home Screen อีกที

 

iCloud Drive

 

สำหรับคนที่ใช้ iPhone 6 หรือ 6 Plus อยู่แล้วอาจไม่รู้สึกตื่นเต้นเท่าไหร่กับ iPhone รุ่นใหม่อย่าง iPhone 6s และ 6s Plus เนื่องจากภาพรวมจะเป็นแค่การอัพเกรดสเป็คเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่สำหรับคนที่ใช้ iPhone รุ่นต่ำกว่า 5s ลงไปอาจจะตัดสินใจที่จะเปลี่ยนมาใช้ไอโฟนรุ่นใหม่นี้ได้ไม่ยาก อันนี้ก็คงต้องแล้วแต่ความพอใจและเงินในกระเป๋าแล้วกันล่ะ ^ ^

 

กำจัด Baidu ออกจากสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต Android

 

baidu000

 

หลายคนคงเคยได้ยินกิตติศัพท์ของ Baidu กันมาบ้างแล้ว แต่ก็อาจมีบางคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย คงมีคำถามว่าอะไรคือ Baidu? แล้วทำไมต้องกำจัด ลองมาทำความรู้จักกันก่อนนะคะ (สำหรับคนที่รู้จักแล้วข้ามไปอ่านหัวข้อถัดไปได้เลย ^ ^)

 

————————————————————————————————————————————–

กระแสตอบรับ Baidu จากผู้ใช้ชาวไทย

Baidu หรือ ไป่ตู้ (แค่ชื่อก็อ่านผิดเป็นไบดู!มาตลอด) เป็นบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ของจีนที่ให้บริการหลากหลายประเภท ทั้งการค้นหาข้อมูลแบบ Search Engine รวมถึงซอฟต์แวร์ต่างๆ ซึ่งภาพลักษณ์ของ Baidu ในสายตาผู้ใช้ชาวไทยค่อนข้างจะเป็นไปในทางลบ เนื่องจากพฤติกรรมของ Baidu ที่มักแอบแฝงโปรแกรมของตัวเอง (เช่น PC Faster, Hao123, Baidu Antivirus และอื่นๆ) มากับโปรแกรมฟรีที่ผู้ใช้ดาวน์โหลดแล้วติดตั้งพ่วงลงไปด้วยแบบไม่รู้ตัว (เช่น ดาวน์โหลด FileZilla มาติดตั้งก็ได้ Baidu แถมมาด้วย)

 

baidu002

 

แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่เท่ากับกรณีที่มีผู้ใช้หลายรายพบปัญหาหลังจากติดตั้งบางโปรแกรมของ Baidu (อ่านเพิ่ม ทดสอบติดตั้ง Baidu) เช่น มาปรับเปลี่ยนการตั้งค่าต่างๆในเครื่อง รวมถึงการเก็บข้อมูลของผู้ใช้ นอกจากนี้ยังมีข้อตกลงในการใช้งานที่แจ้งว่าจะไม่รับประกันความเสี่ยงใดๆที่อาจจะเกิดขึ้นเลย 0.0 (อ่านเงื่อนไขการใช้งานโปรแกรมของ Baidu)

 

baidu003

 

พอรู้ตัวว่าได้ของแถมมา เมื่อจะถอนโปรแกรมทิ้งกลับพบปัญหาอีกว่าไม่สามารถถอนการติดตั้งแบบปกติได้!! (ลงง่ายถอนยาก ตัวอย่างปัญหาการถอนโปรแกรม Baidu) ต้องไปทำสารพัดวิธีเพื่อถอนรากถอนโคน ถึงกับมีผู้เชี่ยวชาญเขียนโปรแกรม Baidu Remover และ Baidu Block ขึ้นมาเพื่อถอนการติดตั้งและบล็อค Baidu โดยเฉพาะ (อ่านเพิ่มที่ “คลิ๊กเดียว Baidu กลับบ้านเก่า”) บางรายถึงกับยอมล้างเครื่องหนีกันเลยทีเดียว

 

baidu004

 

และถึงแม้ว่าจะมีเสียงจากอีกฝ่ายหนึ่งที่แย้งว่าได้ใช้งานโปรแกรมของ Baidu อยู่ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ซึ่งก็เป็นเพียงเสียงส่วนน้อย เมื่อเสียงบอกเล่าถึงปัญหาที่พบเจอนั้นค่อนข้างน่ากลัวเสียจนไม่มีเหตุผลดีๆที่จะเก็บ Baidu ไว้ในเครื่อง จึงทำให้ผู้ใช้ชาวไทยจำนวนไม่น้อยพร้อมใจกันแบนโปรแกรมในตระกูล Baidu

 

หลังจากที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ Baidu ที่สร้างปัญหาในเครื่องคอมพิวเตอร์ไปได้ไม่นานเท่าไหร่ ก็เริ่มมีผู้ใช้บางคนได้พบว่า Baidu ได้ตามมาหลอกหลอนบนอุปกรณ์ Android ด้วย ซึ่งก็มีทั้งที่แถมมากับระบบปฏิบัติการเลย (ถอนออกไม่ได้) และกลุ่มผู้ใช้ที่ได้แถมมาแบบไม่รู้ตัว เช่น ติดมากับแอพสัญชาติจีนบางตัว เช่น Mi Launcher หรือผู้ใช้ไปติดตั้งแอพของ Baidu เอง เช่น Baidu Browser, PhotoWonder เป็นต้น เมื่อติดตั้งแอพที่พ่วงแถม Baidu ลงในเครื่อง ก็จะแอบมาสร้างโฟลเดอร์ baidu สำหรับเก็บไฟล์ต่างๆเอาไว้ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่า Baidu มีจุดประสงค์อะไรจากพฤติกรรมนี้

 

baidu005

 

แต่ด้วยชื่อเสียงของ Baidu ที่เป็นไปในทางลบ ทำให้เหล่าผู้ใช้ Android เริ่มกลัวว่าการแอบแทรกซึมเข้ามาของ Baidu จะทำให้เครื่องที่ใช้งานนั้นมีปัญหาหรือถูกล้วงความลับไปโดยไม่รู้ตัว ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีข้อพิสูจน์ว่าสิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้นจริงๆ แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็จะเลือกที่จะใช้งานอย่างปลอดภัยและสบายใจไว้ก่อน โดยการหาวิธีที่จะกำจัด Baidu ออกไปจากเครื่องที่ใช้งาน

————————————————————————————————————————————–

 

จะรู้ได้อย่างไรว่า Baidu มาแอบอยู่

ในเครื่องหรือเปล่า?

จะรู้ได้อย่างไรนะว่ามี Baidu เข้ามาแฝงตัวอยู่ในสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต Android ของคุณแล้วหรือยัง? ถ้าเจอแจ็คพอตเข้าแล้วจะทำยังไงดี?

 

เริ่มจากเปิดแอพ ไฟล์ส่วนตัว ที่มากับเครื่อง (หรือดาวน์โหลดแอพจัดการไฟล์จาก Play Store มาติดตั้ง เช่น ES File Explorer File Manager) แล้วเข้าไปที่ ที่จัดเก็บในเครื่อง ถ้าพบโฟลเดอร์ baidu ก็แสดงว่าเจอแจ็คพอตเข้าแล้ว!!

 

Screenshot_2015-01-07-10-36-32-1

 

กำจัด Baidu ออกจากเครื่อง

หลังจากเข้าไปดูไฟล์ในเครื่อง ถ้าพบเจอโฟลเดอร์ baidu ก็ให้จัดการลบทิ้งไปได้เลย ซึ่งการกำจัดยังไม่ยุ่งยากเท่าบนพีซี โดยแตะค้างบนโฟลเดอร์เพื่อเลือก จากนั้นแตะปุ่ม ถังขยะ แล้วแตะปุ่ม ลบ 

 

baidu001

จากนั้นให้ไปถอนการติดตั้งแอพต้นเหตุออกไปจากเครื่องแบบไร้เยื่อใย ถ้าไม่รู้ว่าเป็นแอพไหน หลังจากลบโฟลเดอร์ baidu แล้ว ให้ลองเปิดใช้งานแอพต้องสงสัยดู จากนั้นไปที่ ไฟล์ส่วนตัว อีกครั้ง ถ้าพบโฟลเดอร์ baidu ที่เพิ่งลบไปแสดงว่าแอพนั้นแถม Baidu มาด้วยอย่างแน่นอน ให้ถอนการติดตั้งแอพนั้นทิ้งไปได้เลย

 

————————————————————————————————————————————–

แอพจอมแถมแบบนี้อาจมีอยู่ในเครื่องมากกว่า 1 แอพ คุณอาจจะต้องไล่ลบแอพตัวการออกให้หมดจึงจะสิ้นซาก ไม่เช่นนั้น Baidu ก็จะยังตามหลอกหลอนคุณไปเรื่อยๆ เมื่อลบโฟลเดอร์ไป Baidu ก็สร้างใหม่ ซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่มีที่สิ้นสุด 

————————————————————————————————————————————–

 

 

จะเปลี่ยนสักกี่เครื่อง S Note ก็ยังอยู่! พร้อมวิธีนำมาใช้งานใหม่อีกครั้ง

 

SNote-1

 

ซื้อเครื่องใหม่ มีบันทึกใน S Note ที่อยากเก็บไว้หรือย้ายไปที่เครื่องใหม่ด้วย อ่านเลย!!

หลายคนอาจจะเคยใช้ Galaxy Note รุ่นต่างๆมาก่อน เมื่อเปลี่ยนมาใช้ Note 4 (หรือ Galaxy Note รุ่นอื่นๆ) อาจต้องการนำโน้ตที่จดบันทึกใน S Note มาใช้งานต่อใน Note 4 ด้วยก็ทำได้ ซึ่งก่อนที่จะล้างเครื่องเก่าก็ต้องซิงค์หรือเอ็กซ์พอร์ตไฟล์ S Note ไปเก็บไว้เสียก่อน แล้วค่อยดึงไปที่เครื่องใหม่ดังนี้

 

ซิงค์โน้ตกับแอคเคาท์ Samsung

ปกติตอนเปิดใช้ S Note ครั้งแรกก็จะถามว่าต้องการซิงค์กับแอคเคาท์ Samsung หรือไม่ ก็สามารถ Sign in เพื่อซิงค์ได้เลย (ถ้ายังไม่มีแอคเคาท์ต้องสมัครก่อน)

แต่ถ้าในตอนนั้นยังไม่ได้ซิงค์ก็สามารถมาตั้งค่าทีหลังได้ โดยไปที่หน้าโน้ตทั้งหมดแล้วทำดังนี้

 

1. แตะปุ่ม เมนู > การตั้งค่า (Settings)

2. แตะ แอคเคาท์ (Account)

SNote001

 

3. แตะเลือก Samsung account

4. ใส่แอคเคาท์และรหัสผ่านของแอคเคาท์ Samsung แล้วแตะ เข้าสู่ระบบ (Sign in)

5. เมื่อ Sign in ได้แล้ว ให้แตะปุ่ม Back กลับไป แล้วแตะปุ่มตั้งค่า

SNote001-1

 

6. แตะเลือก ซิงค์ S Note (Sync S Note) ซึ่งปกติจะเลือกให้อัตโนมัติและเริ่มซิงค์ให้ทันที ถ้ามี S Note ที่เคยซิงค์ไว้กับแอคเคาท์ Samsung ก็จะดึงไฟล์ S Note ที่รองรับกับเครื่องนั้นมาแสดงในรายการโน้ตทั้งหมดทันที

SNote001-3

 

เอ็กซ์พอร์ตโน้ตเก็บไว้เป็นไฟล์

หากต้องการเก็บโน้ตไว้เป็นไฟล์ เพื่อนำไปใช้งานกับเครื่องอื่นๆ ก็ทำได้อีกวิธีหนึ่ง คือเอ็กซ์พอร์ตเป็นไฟล์ไปยังแอพต่างๆที่รองรับ ดังนี้

 

1. แตะค้างบนโน้ตในหน้าแสดงโน้ตทั้งหมด แล้วแตะเลือกโน้ตที่ต้องการเอ็กซ์พอร์ตจนครบ

2. แตะปุ่มแชร์

3. แตะเลือกเอ็กซ์พอร์ตเป็นไฟล์ S Note

4. แตะเลือกแอพหรือวิธีการแชร์ที่ต้องการ ซึ่งขั้นตอนจะแตกต่างกันแล้วแต่แอพหรือวิธีที่เลือก

SNote006

SNote007

 

ก็อปปี้ไฟล์ S Note ในเครื่องไปสำรองไว้ในคอมพิวเตอร์

ให้เสียบสาย USB เข้ากับคอมพิวเตอร์ จะมองเห็นอุปกรณ์เป็นไดรว์หนึ่ง ให้ดับเบิลคลิกโฟลเดอร์ Phone > SnoteData จะพบไฟล์ S Note ในอุปกรณ์ ซึ่งสามารถก็อปปี้ไฟล์ไปเก็บในเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อสำรองไว้ได้ แต่วิธีนี้ถ้ามีการแก้ไขไฟล์ก็จะไม่ซิงค์อัตโนมัติ ต้องคอยก็อปปี้ไปเก็บเอง

 

SNote009

 

ดึงโน้ตที่เก็บไว้มาใช้งาน

เมื่อเข้าใช้ S Note และ Sign in แอคเคาท์ Samsung ก็จะดึงโน้ตที่เคยซิงค์มาให้อัตโนมัติ แต่จะไม่ดึงไฟล์ S Note ที่สร้างในเวอร์ชั่นที่ไม่รองรับ รวมถึงกรณีเอ็กพอร์ตหรือก็อปปี้ไฟล์ S Note ออกมาเก็บแยกไว้ก็ต้องนำเข้าเครื่องเอง ดังนี้

 

1. ไปที่หน้าแสดงรายการโน้ตทั้งหมด แตะปุ่ม เมนู > นำเข้า (Import)

2. เลือก Samsung account เพื่อนำเข้าโน้ตที่ซิงค์ไว้ในแอคเคาท์ Samsung
หรือเลือกนำเข้าโน้ตที่เคยเอ็กซ์พอร์ตหรือก็อปปี้แล้วนำไฟล์มาเก็บไว้ในเครื่อง (ไฟล์ส่วนตัว/My Files) หรือเลือก Google Drive

SNote002

 

3. จะแจ้งเตือนเกี่ยวกับเวอร์ชั่นที่แตกต่างกันของ S Note

4. แตะเลือกโน้ตที่ต้องการนำเข้า

5. แตะ เรียบร้อย (Done)

SNote003

 

6. จะเริ่มนำเข้าไฟล์ .snb ซึ่งเป็นไฟล์โน้ตของ S Note ให้รอสักครู่ (อาจใช้เวลานานถ้าไฟล์นั้นมีขนาดใหญ่ หรือเลือกหลายๆไฟล์)

7. เมื่อนำเข้าไฟล์เรียบร้อยแล้วจะแสดงโน้ตที่นำเข้ามาในหน้าแสดงโน้ตทั้งหมด

8. เมื่อเปิดใช้โน้ตที่สร้างด้วยอุปกรณ์อื่นหรือสร้างใน S Note คนละเวอร์ชั่น ก็จะแจ้งว่าต้องปรับเวอร์ชั่นไฟล์ให้เป็นเวอร์ชั่นที่เครื่องนั้นรองรับด้วย ให้แตะ ตกลง (OK)

SNote004

SNote005