พบเนื้องอกต่อมน้ำลายในกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น สาเหตุเพราะ “โทรศัพท์เป็นเวลานาน” แล้วติดแชทหล่ะเสี่ยงเป็นโรคอะไร?

 

ก่อนหน้านี้สำนักข่าวบีบีซีออนไลน์เคยรายงานผลการวิจัย พบว่าการใช้โทรศัพท์มือถืออย่างหนักระหว่างวัน มีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งที่ต่อมน้ำลายเพิ่มสูงขึ้น และในปัจจุบันพบว่าเป็นเช่นนั้นจริง ยกตัวอย่างวัยรุ่น 25 ปีคนหนึ่งเล่าว่า

 

gland tumors1

 

“เธอใช้โทรศัพท์มือถือคุยกับแฟนทุกคืนวันละ 2 ชั่วโมง (เพราะค่าโทรเวลานั้นถูก) คุยกันจนมือถือร้อนถึงวางหู กลางวันทำงานเป็นพนักงานขายก็ต้องใช้มือถือตลอดเวลาอีก ในระยะเวลา 5 ปี เธอเปลี่ยนโทรศัพท์มาแล้วถึง 7 เครื่อง” //ไม่ได้อยากออกรุ่นใหม่นะ แต่ใช้จนมันพังจริงๆ Oops!

 

ไม่นานเธอพบก้อนแข็งๆ ใกล้ๆบริเวณใบหูแต่ไม่ได้สนใจอะไร หลังจากนั้นสองเดือนมันก็เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไปตรวจที่โรงพยาบาลพบว่าเป็นเนื้องอกต่อมน้ำลาย หลายคนอาจสงสัยว่านอกจากคุยโทรศัพท์นานๆยังมีกรณีอื่นที่อาจทำให้เป็นโรคมะเร็งได้หรือไม่ บอกเลยว่ามีค่ะ เช่น

 

gland tumors2

 

1.การวางโทรศัพท์มือถือไว้ข้างหมอนอาจจะทำให้เกิดความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง

คลื่นจากโทรศัพท์มือถือส่งผลเสียต่อสมองมากกว่าที่คุณคิด โดยเฉพาะการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดอาการปวดหัว มึนหัว นอนไม่พอ หลับไม่สนิทหรือผมร่วง

2.ใช้สายคล้องโทรศัพท์ไว้แบบคล้องคอมีผลทำให้การทำงานของหัวใจและต่อมไร้ท่อผิดปกติ

คลื่นแม่เหล็กมีผลต่อการเมตาบอลิซึมของเซลล์ ทำให้การเผาผลาญของเซลล์ การควบคุมปริมาณโพแทสเซียม แคลเซียม โซเดียมและไอออผิดปกติ  และยังมีผลต่ออาการผิดปกติของประจำเดือนของสาวๆอีกด้วย

3.การพกโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกง มีผลต่อการทำงานของระบบสืบพันธุ์  และเป็นไปได้ว่าทำให้เกิดการดัดแปลงระดับชั้นพันธุกรรม ( DNA)

หากคุณพกโทรศัพท์มือถือไว้บริเวณเอวหรือหน้าท้องบ่อยๆ ควรระวังเพราะว่าคลื่นของโทรศัพท์มือถืออาจจะแผ่รังสีไปโดนเซลล์สืบพันธุ์ทั้งของผู้ชายและผู้หญิง และเป็นไปได้หากเซลล์สืบพันธุ์ได้รับคลื่นในขณะที่กำลังเจริญเติบโตนั้นอาจะทำให้เกิดการดัดแปลงระดับชั้นพันธุกรรม ( DNA)

4.การใช้สายตาเล่นเนตหรืออ่านหนังสือบนมือถือมากๆ อาจทำให้เกิดมะเร็งในดวงตาได้

จากผลการวิจัยในประเทศเยอรมนีพบว่า คนที่เล่นโทรศัพท์มือถือบ่อยๆมีโอกาสเป็นโรคมะเร็งในดวงตามากกว่าคนปกติถึง 3 เท่า

 

gland tumors3

 

วิธีป้องกัน

วิธีที่ 1. การติดแผ่นกันสัญญาณแม่เหล็กบนมือถือ

รังสีอันตรายจากมือถือนั้นมาจากสัญญาณโทรศัพท์ที่ส่งมาจากเสาอากาศ แล้วอย่างนี้การติดที่กันคลื่นแม่เหล็กบนยนมือถือจะช่วยได้ขนาดไหนเชียว

 

gland tumors4

 

วิธีที่ 2. เลือกใช้เคสโทรศัพท์ที่ทำมาจากพลาสติก

ไม่ว่าเคสโทรศัพท์ที่ใช้จะเป็นพลาสติกหรือไม่รังสีที่ส่งออกมาจากมือถือนั้นก็ยังเท่าเดิม

วิธีที่ 3. ในขณะที่รับสายโทรศัพท์ไม่ควรนำโทรศัพท์เข้ามาใกล้หูทันที

โทรศัพท์ในขณะที่เพิ่งรับสายนั้นเป็นช่วงที่สัญญาณแรงที่สุด หลังจากกดรับสายแล้วนั้นความแรงของสัญญาณโทรศัพท์จะลดลงและคงที่ เพราะฉะนั้นเวลากดรับสายโทรศัพท์ไม่ควรนำโทรศัพท์เข้ามาใกล้ศีรษะทันที

 

gland tumors5

 

วิธีที่ 4. อย่าคุยนาน

ลดเวลาการคุยผ่านโทรศัพท์มือถือ และพยายามอย่าพูดสายนานเกิน 1-2 ชม.ต่อวัน

วิธีที่ 5. อย่าโทรบ่อย

ความแรงของสัญญาณโทรศัพท์ในการโทรออกและการรับสายนั้นต่างกัน สัญญาณโทรศัพท์ขณะที่โทรออกนั้นแรงกว่าขณะรับสาย

วิธีที่ 6. สลับข้างการคุยซ้ายขวา

วิธีที่ 7. หลีกเลี่ยงการพูดสายในที่ๆมีสัญญาณโทรศัพท์ต่ำ

เมื่อคุยโทรศัพท์มือถือในที่ที่มีสัญญาณต่ำนั้น แปลว่าอยู่ไกลจากตู้สัญญาณซึ่งทำให้ต้องใช้สัญญาณแรงขึ้นในการต่อสาย

วิธีที่ 8. ต่อหูฟังเวลาพูดสาย

ควรใช้หูฟังเวลาต้องคุยโทรศัพท์นานๆ และควรวางโทรศัพท์ให้ห่างจากศีรษะมากกว่า 30 เซนติเมตร เพื่อไม่ให้สัญญาณมือถือเข้าใกล้ศีรษะโดยตรง

วิธีที่ 9. หลีกเลี่ยงการพูดสายเวลาแบตใกล้หมด

วิธีที่ 10. ไม่พูดสายขณะกำลังชาร์มือถือ

วิธีที่ 11. เวลานอนไม่ควรวางโทรศัพท์มือถือไว้ข้างหมอน

 

Source

 

Published by

Dr.JBroken

Dr.JBroken เซียนซ่อม แงะ แคะมือถือที่ภายนอกดูเรียบร้อย ขำลึก สะดุ้งทุกความฮา เกรียนตามประสาคนกรุ๊ปบี แต่จริงๆแล้ว..ตามนั้นแหล่ะค่ะ อิอิ!! พร้อมแล้วที่จะแหกกฎทุกพื้นฐาน ไม่สร้างภาพแต่จะสร้างคลิป..พรีวิวจริงจากประสบการณ์ จิตวิญญาณคือของฟรี (บางอย่างก็ซื้อนะแหม่)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *