และแล้วไมโครซอฟต์ก็ได้เปิดตัว Surface แท็บเล็ตตัวแรกของไมโครซอฟต์อย่างเป็นทางการในเมืองไทยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือว่าเราเป็น 1 ใน 29 ประเทศ แรกๆ ที่เปิดตัวและวางจำหน่าย Surface (เซอร์เฟซ) ถึงแม้ว่าใครหลายๆ คนอาจจะบ่นว่าช้ามาก กว่าจะมาถึงเมืองไทยก็ตาม แต่ถึงกระนั้นก็มีผู้สนใจมาต่อคิวจองก่อนถึงเ้วลาเริ่มจำหน่ายกันยาวเหยียด จนแถวล้นออกไปนอกทางเดินเชื่อมต่อ BTS ของห้าง Terminal21 กันเลยทีเดียว
สำหรับเจ้า Surface หลายคนคงได้เห็นข่าวผ่านตากันไปบ้างแล้วก่อนหน้านี้ (ดูข่าวเก่า) ซึ่งผมก็เคยได้นำเสนอข้อมูลไปบ้างแล้ว แต่หลายคนอาจจะสงสัยอยู่ว่าเจ้าเซอร์เฟสนั้นมีอะไรเป็นจุดเด่นบ้างผมจะสรุปย่อยออกมาให้ทุกท่านได้ดูกัน
Surface มีให้เลือก 2 ?รุ่นด้วยกันคือ Surface RT กับ Surface Pro
จุดเด่นของ Surface RT
- จะออกแบบให้เป็นแท็บเล็ตที่ใช้งานได้ในระดับแล็ปท็อป หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็นแท็บเล็ตที่ใช้แทนแล็ปท็อปก็ว่าได้
- ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows RT ที่รันบนซีพียู ARM 4 core NVIDIA Tegra 3 ซึ่งเป็นซีพียูที่ใช้บนแอนดรอยด์แท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟนทั่วไป
- ตัวบอดี้ทำด้วยวัสดุ VaporMg (วาพอร์ แมก) ซึ่งเป็นกระบวนการหล่อเหล็กและหลอมอนุภาคเข้าด้วยกัน จนเป็นวัสดุที่ทนทานคล้ายกับที่ใช้ทำำนาฬิกาเรือนหรู
- มาพร้อมขาตั้งในตัว (kickstand) ที่ฝาหลังสามารถเปิดออกเพื่อวางเป็นขาตั้งได้ทันที
- รองรับ Touch Cover ที่เป็นทั้งคีย์บอร์ดแบบสัมผัส และเป็นเหมือน Smart Cover ปิดหน้าจอแล้วเข้าสู่ Sleep โหมดอัตโนมัติ
- แถม Microsoft Office Home & Student 2013 RT ซึ่งจะมี Word, Excel, Power Point และ One Note มาให้ในตัว แต่ไม่สามารถลง Outlook ได้นะครับ
- มัลติทัชแบบ 5 จุด
- หน้าจอ 16:9 มุมมอง 22 องศา ขนาด 10.6 นิ้ว
- น้ำหนัก 680 กรัม หนา 9.3 มม.
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพกแท็บเล็ตไว้ใช้งานได้ทั้งวัน (ประมาณ 8 ชม.) ไม่ว่าจะแชต แชร์ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเน็ต
จุดเด่นของ Surface Pro
- ออปแบบให้เสมือนเป็นแล็ปท็อป Windows 8 ที่มีรูปร่างเป็นแท็บเล็ต ฟังดูแล้วเหมือนกลับไปกลับมา เอาเป็นว่ามันคือแท็บเล็ตที่ลง Windows 8 ได้ก็แล้วกัน
- จึงต้องใช้ซีพียู Intel Core i5 3rd Gen รันด้วยระบบปฏิบัติการ Windows 8 Pro
- มาพร้อมปากกา Stylus ไว้ขีดเขียนโน้ตหรือแตะเลือกแอพต่างๆ ได้ โดยสามารถเหน็บไว้กับข้างตัวเครื่องโดยใช้แม้เหล็กยึดติดไว้ได้
- วัสดุตัวบอดี้แบบเดียวกับรุ่น RT
- ขนาดหนากว่ารุ่น RT โดยอยู่ที่ 13.5 มม. หนัก 900 กรัม
- รองรับ Touch Cover ใช้ร่วมกับรุ่น RT ได้เหมือนกัน
- มัลติทัชแบบ 10 จุด
- รองรับการใช้งาน Office ได้เหมือนโน้ตบุ๊ก รวมถึง Outlook ด้วย (ต้องซื้อแยกสำหรับชุด Office)
- มีขาตั้งในตัวเช่นกัน
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานในระดับมืออาชีพ เน้นความปลอดภัยของการเข้าถึงข้อมูล อย่างการใช้งานในองค์กร
สำหรับความรู้สึกแรกของผมที่ได้สัมผัสกับเจ้า Surface ทั้ง 2 รุ่นนี้ แอบรู้สึกเล็กๆ ว่ายังหนาไปนิด ถ้าเทียบกับแอนดรอยด์แท็บเล็ตรุ่นใหม่ๆ แต่ในแง่ของความเข้ากันได้ในการใช้งานร่วมกับการทำงานทั่วไปต้องยอมให้ เพราะด้วยระบบปฏิบัติการวินโดวส์ที่อาจจะเรียกว่าทุกคนต้องใช้งานอยู่เป็นประจำทั้งที่บ้านและที่ทำงาน ดังนั้นมันจึงเป็นอุปกรณ์ที่สร้างความต่อเนื่องในการใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลานั่นเอง